ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หิมพานต์แลนด์

    ลำดับตอนที่ #2 : อิฐกับกานต์

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 56





    ตอนที่1:  อิฐกับกานต์

    ในที่สุดเหล่าทหารหาญของแม่ทัพนาคอัคคีเมฆา ก็สามารถสยบกองทัพชั่วร้ายของอสุระปักษาลงได้ ความร่มเย็นจึงกลับคืนสู่อาณาจักรพฤกษานครอีกครั้งสิ้นสุดคำพูด เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้น เด็กน้อยสามคนกำลังตั้งใจฟังนิทานเกี่ยวกับตำนานของป่าหิมพานต์อย่างตั้งอกตั้งใจ

    ผมอยากไปเที่ยวป่าหิมพานต์บ้างจังเลยฮับพี่อิฐเสียงเด็กน้อยอายุประมาณ 3-4 ขวบเอ่ยขึ้น

    ใช่ๆ ผมก็อยากไปฮะพี่เด็กคนที่สองพูดแทรกขึ้นมา

    หนูด้วยๆเด็กผู้หญิงในกลุ่มก็มีท่าทีเห็นด้วยกับความเห็นทั้งสองก่อนหน้านี้

    เอาล่ะๆเด็กๆ เอาไว้โตกว่านี้ก่อน พี่จะพาทุกคนไปเที่ยวละกันเนอะอิฐรับปากกับพวกเด็กๆ

    เย้ๆ ขอบคุณฮับเด็กๆส่งเสียงดีใจ  

    เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนต้องรีบกลับบ้านไปกินข้าวกันได้แล้ว โตขึ้นจะได้เป็นทหารของแม่ทัพอัคคีเมฆา

    ฮับ/ค่าเด็กน้อยพยักหน้ารับคำและแยกย้ายกันกลับบ้านของตน

    ปัญญาอ่อน วันๆเอาแต่กรอกหูเรื่องไร้สาระให้กับเด็ก โตขึ้นมันคงจะกลายเป็นไอ้งั่งเหมือนแกแน่ๆเสียงกระแนะกระแหนดังขึ้น

    อิฐหันไปมองตามเสียงนั้น พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเป็นเสียงของพี่ชายเขานั่นเอง

    นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะ หิมพานต์มีจริงเขาพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว

    แกนี่มันโง่เหมือนใครกันนะ ถ้ามันมีจริงป่านนี้เค้าก็พากันไปเที่ยวหมดทั้งโลกแล้วโว๊ยเด็กหนุ่มผู้พี่ที่มีอายุมากกว่าอิฐสองปีส่งเสียงกร้าวออกมา

    อิฐหน้าเสีย เขาหมดปัญญาที่จะโต้ตอบในเรื่องนี้

    เด็กๆเก็บของกันเสร็จรึยัง พรุ่งนี้เช้าต้องไปเข้าค่ายนะ เดี๋ยวนอนดึกแม่บ่นไม่รู้ด้วยนาเสียงของชายวันกลางคนโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนาของพี่น้อง

    พ่อทั้งสองตะโกนขึ้นพร้อมกัน

    หิมพานต์มีจริงใช่รึเปล่าครับอิฐถาม

    พ่อน่ะ ชอบเล่าเรื่องไร้สาระให้มันฟัง โตเป็นควายละ ยังแยกเรื่องจริงเรื่องแต่งไม่ออกอีกผู้พี่บ่นออกมาอีกครั้ง

    เอาน่าๆ ป่าหิมพานต์ต้องตั้งอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกนี้แน่นอนพ่อสำทับพลางยิ้มออกมา

    เห็นมั๊ย ข้าบอกแล้วอิฐหันไปมองพี่ชายพลันตะโกนออกมาด้วยความดีใจ

    พี่ชายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที พ่อ พ่อเคยเห็นป่าหิมพานต์งั้นเหรอ พ่อถึงกล้าพูดออกมาแบบนี้น่ะ


    พ่อยิ้ม แล้วตอบกลับไปว่ากานต์  อะไรก็ตามที่ลูกไม่เชื่อหรือไม่เคยเห็นมัน  ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีจริงนะลูก

    แต่ข้าเชื่อ สักวันข้าต้องไปหิมพานต์ให้ได้อิฐแสดงท่าทีมั่นใจ

    เอาล่ะๆ พอแล้วๆ ไปเก็บของเตรียมตัวอาบน้ำนอนกันได้แล้วเสียงตวาดดังออกมาจากในบ้าน แม่คงจะไม่อยากได้ยินลูกชายทั้งสองคนทะเลาะกันอีก จึงบอกให้ต่างคนต่างไปทำธุระของตนให้เสร็จ

    พ่อครับ  อีกเดี๋ยวฝนคงจะตก ผมได้กลิ่นไอดินปนกับกลิ่นหญ้าลอยตามลมมาอิฐทำจมูกฟุดฟิดยามสูดดมสายลมที่พัดผ่านมา

    อ้าวเหรอ  งั้นเดี๋ยวพ่อรีบออกไปซื้อปลาที่ตลาดก่อนดีกว่า  ก่อนที่ฝนจะตกพูดจบพ่อก็ขับรถออกไปตลาดทันที

    นี่พี่ อย่าลืมนะ พรุ่งนี้เรามีนัดอะไรกันอิฐเอ่ยขึ้นมา

    หึ  ไม่ลืมหรอกน่า น้ำหน้าอย่างแกจะมีปัญญาเอาชนะข้างั้นเหรอกานต์ยิ้มเยาะพลางเอามือผลักไหล่น้องชายเบาๆ

           ท้องฟ้าเริ่มหมดแสง เสียงครืนๆของเมฆฝนดังมาแต่ไกล เด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตน พวกเขาต้องรีบพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าค่ายต่างจังหวัดกับทางโรงเรียน ไม่นานนักพ่อก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับฝนห่าใหญ่ที่ไล่ตามหลังมา

         กบ เขียด ต่างส่งเสียงร้องกันระงมไปทั่วบริเวณบ้าน กลายเป็นเสียงดนตรีขับกล่อมชวนให้น่านอนหลับเสียเหลือเกิน...........

     

      

          ตะวันทอแสง รุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือน หยดน้ำยังเกาะอยู่ตามยอดใบไม้ แสงระยิบระยับราวกับอัญมณียามต้องแสงสุริยา พื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่กระหน่ำลงมาเมื่อคืน กบ อึ่งอ่างยังคงส่งเสียงร้องเบาๆ  นกกระจอกฝูงใหญ่บินออกมาหาอาหาร  กิ้งกือรถไฟเดินออกมาเพ่นพ่านตามประสาสัตว์ยามออกหากิน

          สวัสดีครับ ผมชื่ออิฐ ปีนี้อายุ 16 ปีกว่าๆแล้ว เดือนพฤษภาคมผมก็จะ 17 ปีเต็ม ผมเป็นลูกคนที่สอง  พี่ชายผมชื่อกานต์  เกิดก่อนผมประมาณ 2 ปีได้ กานต์เป็นพี่ชายที่ผมเคารพ เขาฉลาดกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน สาวๆงี้ติดตรึม ผมล่ะอิจฉานักเชียว


            ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อทำกิจกรรมเข้าค่ายพักแรมกับทางโรงเรียนก่อนจบการศึกษา นักเรียนทั่วชั้นมัธยมปลายทุกคนต้องเดินทางมาเข้าค่าย แต่จะสลับวันกันมา ผมโชคดีได้มาวันเดียวกับกานต์  เราตกลงกันว่า เราจะแข่งกันถ่ายรูปแมลง  ใครถ่ายแล้วมีคนชมมากกว่าก็ชนะไป โดยการเอาไปโพสต์ลงเว็บบอร์ดของชมรมถ่ายรูปจังหวัดระยอง

          ผมไม่ชอบเดินทางไกลซักเท่าไร เพราะรู้สึกเมื่อยทุกครั้งแถมยังเมารถอีกต่างหาก  การนอนตลอดการเดินทาง คงจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผม

     

        รถทัวร์ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดินทางจากจังหวัดระยองมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี นักเรียนเริ่มทยอยลงจากรถทัวร์ทั้งสองคันเพื่อทำกิจกรรม บรรดาครูทั้งหลายต่างก็ช่วยกันดูแลลูกศิษย์  มองโดยรวมแล้วก็ร่วมหนึ่งร้อยคนเลยทีเดียว

          เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมของทางโรงเรียนเสร็จแล้ว ครูก็ปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนได้อย่างอิสระ ข้างๆที่พักของพวกนักเรียนเป็นป่าใหญ่ ต้นไม้นานาพันธุ์รายล้อมไปทั่วอาณาบริเวณ ขนาดของต้นไม้เริ่มตั้งแต่สูงเท่าไม้บรรทัดไปจนถึงขนาดของลำต้นที่ผู้ใหญ่ 3-4 คนโอบยังไม่มิด ความสูงนั้นเหรอ ไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว

            เฮ้  พร้อมรึยังเสียงกานต์ตะโกน

    พร้อมละพี่ ใจเย็นๆอิฐตอบพลันรีบเปิดประตูออกมาจากห้องพักเพื่อออกไปหาพี่ชายที่ยืนรออยู่

    มันจะดีเหรอกานต์ พวกครูเค้าห้ามเข้าไปในป่านะ มันอันตรายอิฐเปรยขึ้นมา

    ทำไม แกกลัวเหรอฟะ ตกลงแกกลัวครูหรือว่าแกกลัวแพ้ข้ากันแน่หา ทำอิดออดไปได้พี่ชายเย้ย

    จะบ้าเหรอ ข้าไม่กลัวหรอกน่า พี่นั่นแหละที่จะต้องแพ้ข้า

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ไอ้เด็กน้อยเอ๊ยพลันหัวเราะจบ กานต์ก็กระชากแขนน้องชายให้รีบเดินตามเขาไป

     

          ท่ามกลางป่าใหญ่ สองพี่น้องสนุกสนานกับการถ่ายรูปแมลง โดยเฉพาะกับกานต์ เขาเป็นพวกบ้าแมลงเข้าสายเลือดเลยทีเดียว เขามีหนังสือเกี่ยวกับแมลงเกือบทุกเล่ม  ที่นี่ราวกับสวรรค์ของเขาเลยทีเดียว แมลงบางชนิดที่เขาเคยเห็นแต่ในหนังสือ วันนี้เขาได้เจอกับมันจริงๆแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง หน้าตามีความสุขที่สุด

    ว้าวววววววววววว! อิฐ  แกมาดูนี่สิ  ไม่น่าเชื่อเลยเว๊ยไอ้น้อง ผีเสื้อสี่ตาปีกลายตรง!!” กานต์ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ


    ผีเสื้อสี่ตาปีกลายตรง หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือผีเสื้อจันทรา เพศผู้ ขนาดลำตัวจากขอบปีกด้านหนึ่งถึงขอบปีกอีกด้านหนึ่งกว้าง 12.0-14.0 เซนติเมตร ลำตัวมีขนสีเหลืองอ่อนปกคลุม หนวดแบบขนนก ปีกสีเขียวอ่อน มีจุดรูปพระจันทร์เสี้ยวสีน้ำตาลดำทั้งปีกหน้าและปีกหลังรวม 4 จุด ปีกคู่หน้ามีเส้นสีน้ำตาลเทาจางๆขวางปีก ปีกคู่หลังมีหางยาวโค้งลักษณะคล้ายรูปดาบสีชมพู เพศเมีย ขนาด 14.0-16.0 เซนติเมตร ลักษณะทั่วไปเหมือนเพศผู้ แต่มีหางค่อนข้างใหญ่ บิดเป็นเกลียวและมีสีเดียวกับสีของปีก

         ทำไมผมถึงรู้จักดีงั้นเหรอ เพราะนี่เป็นหนึ่งในแมลงสามชนิดที่กานต์ชอบที่สุดน่ะสิ เขาชอบพูดให้ผมฟังเป็นประจำ วันละหลายๆรอบซะด้วย ถ้าเป็นเรื่องของแมลงแล้ว ผมยกให้เค้าเป็นที่หนึ่งในโลกเลยเชียวล่ะ  กานต์เป็นพี่ชายที่ผมนับถือ  เขาเป็นคนที่เกลียดการพ่ายแพ้เป็นที่สุด เกรดเฉลี่ยของเขาก็ 4.00 ทุกเทอม  พี่ชายผมไม่ชอบเล่นกีฬา เขามักจะเก็บตัวอยู่ในห้อง  ส่วนใหญ่จะเป็นการอ่านหนังสือหาความรู้ เขามักจะเปิดอินเตอร์เน็ทเพื่อพูดคุยกับเพื่อนๆ กานต์มีโลกส่วนตัวสูง เขาไม่ค่อยจะมาสุงสิงกะผมหรอกนอกจากเวลาที่ผมคุยกับเค้าเรื่องแมลง

         เกมเหรอ? ไม่  กานต์ไม่ชอบเล่นเกม เขาชอบบ่นว่าคนที่เล่นเกมมีแต่พวกโง่ ไร้สาระ ผมน่ะโดนพี่ชายดุประจำแหละเวลาผมเล่นเกมออนไลน์กับเพื่อนๆ  กานต์ชอบให้ผมเอาเวลาไปอ่านหนังสือเรียนดีกว่า พ่อกับแม่ก็ชอบใจกันใหญ่ เห็นด้วยกับพี่ชายซะงั้น

         เขาเป็นคนชอบเอาชนะคนอื่น โดยเฉพาะกับผม เขามักจะชอบทำอะไรข่มผมตลอด อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นพี่ ขณะที่เรากำลังถ่ายรูปแมลงกันอยู่นี่ กานต์มักจะขอยืมกล้องของผมไปดู  เขาบอกว่าอยากรู้ว่าผมถ่ายรูปอะไรได้บ้าง  จริงๆผมรู้ว่าเค้าแอบลบรูปที่ผมถ่ายบางรูป อาจจะเป็นเพราะเค้าคิดว่าผมถ่ายได้ดี แต่ผมไม่ว่าอะไรหรอก ก็เค้าเป็นพี่ชายของผมนี่นา

     

         เวลาล่วงผ่านไป ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงทุกทีๆ  การกระเจิงของแสงทำให้ช่วงนี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มอมแดงไปซะแล้ว กานต์มีความสุขเสียจนลืมเวลา

    อิฐมองนาฬิกา ตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้ว รอบข้างเริ่มมืดลงๆทีละนิด เพียงแค่ห่างจากช่วงตัวไป 2-3 วา ความมืดก็กลืนกินทุกสิ่งจนไม่เห็นอะไรแล้ว

    กานต์ ข้าว่าเรากลับกันดีกว่า มืดแล้ว เดี๋ยวครูจะเป็นห่วง อิฐเปรยขึ้นมา

    อะไรฟะ แค่นี้แกก็กลัวซะแล้ว อยากกลับก็กลับไปก่อนเลยไป กานต์ตะคอกใส่น้องชาย

    ด้วยความเป็นห่วงพี่ชาย อิฐจำใจต้องทนอยู่ในป่าต่อ ขณะที่กานต์กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการดูแมลงอยู่นั้น อิฐได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นมา เสียงนั้นเป็นเสียงผู้หญิง เสียงนั้นแหลมสูง แต่ว่าฟังแล้วดูเยือกเย็น

    พี่ พี่  ข้าได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก เป็นครูออยรึเปล่า พี่ได้ยินเหมือนข้ามั๊ย

    นี่ ถ้าจะหาข้ออ้างกลับห้องละก็ ขอเหอะว่ะ เอาที่มันฟังดูดีกว่านี้ได้มั๊ยฟะกานต์เริ่มไม่พอใจ

    กานต์  ข้าได้กลิ่นน้ำหอมด้วยนะ  ไม่สิ กลิ่นเหมือนน้ำอบมากกว่า กลิ่นแรงมากเลยพี่ ข้าว่าไม่ค่อยดีละเนี่ย

    กลิ่นน้ำอบเหรอ  แถวนี้มันจะมีได้ไงฟะถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่กานต์ก็เชื่อน้องชายของเขา

    งั้นเรารีบกลับกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยออกมาถ่ายรูปใหม่ก็ได้พี่ชายตบไหล่น้องชายเบาๆ

          ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินออกจากป่า อิฐก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกเขาอีกครั้ง ครานี้หมอกเริ่มลง บรรยากาศเริ่มจะวังเวงมากกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว สองพี่น้องรีบจ้ำออกจากป่าอย่างฉับพลัน

         ทันใดนั้นเอง หางตาของอิฐเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างเข้า ลักษณะของมันคล้ายกับช้าง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ มันมีครีบกับหางคล้ายกับปลา อิฐกับกานต์ยืนนิ่งเสมือนถูกอะไรสะกดเอาไว้ นี่มันตัวอะไรกัน หรือว่าตัวเองกำลังฝันไปกันแน่นะ

      วารีกุญชรอิฐตะโกนเสียงดัง นั่นมันวารีกุญชรนี่นา พี่ดูสิ

    วารีอะไรฟะ

    ทุกคนต้องไม่เชื่อแน่ นั่นมันสัตว์ในป่าหิมพานต์นะพี่อิฐท่าทางดีใจออกนอกหน้า

    ไม่นาน เจ้าช้างประหลาดก็เดินหายลับเข้าไปในป่า อิฐไม่รอช้า กระโจนตามเข้าไป

    นั่นแกจะไปไหน!!?”  กานต์ตะคอกใส่น้องชายพร้อมกับรั้งตัวเอาไว้

    หิมพานต์ ข้าบอกแล้วว่าป่าหิมพานต์มีจริงพี่

    นี่  ข้าจะบอกอะไรให้นะ  ข้าไม่เคยเชื่ออะไรแกเลยซักอย่างไอ้น้อง มีเรื่องเดียวที่ข้ายอมแก นั่นก็คือความสามารถในการได้กลิ่น แกเข้าใจใช่มั๊ย เพราะฉะนั้น ฟังข้าให้ดี กลับที่พักกันดีกว่า ข้าว่ามันไม่ค่อยดีแล้วกานต์พูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที

        กานต์แม้จะดูเป็นเด็กสมัยใหม่ที่ท่าทางไม่ค่อยยี่หระกับอะไร แต่เขาเชื่อในเรื่องลี้ลับอย่างโลกหลังความตาย เขากำลังคิดว่า ตนกับน้องชายอาจจะกำลังโดนผีหลอกอยู่ก็เป็นได้ เขาตัวสั่นด้วยความกลัวแต่ไม่วายจะดึงน้องชายของตนกลับไปด้วยกัน


        ปกติอิฐจะไม่ค่อยขัดต่อคำพูดของพี่ชาย แต่ว่าสิ่งที่เขาได้พบเมื่อครู่นี้ มันเย้ายวนชวนให้เขาอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน

    พี่ พี่กลับห้องไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปอิฐมองหน้าพี่ชาย

    พี่ก็เห็นเหมือนกับข้านี่นา เมื่อกี๊เราสองคนไม่ได้ตาฝาดไป พี่ก็รู้

    ไอ้น้อง ตาข้ากับเอ็งอาจจะไม่ได้ฝาดไปก็จริง แต่มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่แกคิดก็ได้ นี่มันป่าใหญ่ ผีสางนางไม้อาจจะมาบังตาแกล้งหรอกพวกเราก็ได้ เอ็งได้กลิ่นน้ำอบไม่ใช่เหรอกานต์จ้องน้องชายตาเขม็ง

    ข้าจะตามไปถ่ายรูป เสร็จแล้วข้าก็จะกลับ ข้าขอนะพี่น้องชายอ้อนวอน

    กานต์นิ่งไปชั่ววินาที ได้  โอเค ข้าจะไปเป็นเพื่อนแก  เสร็จแล้วเราก็จะกลับกันเลยนะไอ้น้อง

    ขอบคุณมากพี่อิฐยิ้มแล้วเดินตามสัตว์ปริศนาไป

    ถึงแม้กานต์จะกลัวขนาดไหน แต่เขาก็กลั้นใจตามไปเป็นเพื่อนน้องชาย ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าทึบเพื่อค้นหาความจริง

    บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป หมอกลงหนากว่าเดิม อิฐหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องมองทาง เขาวาดไฟฉายไปมา แต่กลับมองไม่เห็นเจ้าช้างประหลาดนั่นอีก

    อิฐ  ข้าว่าเรากลับกันดีกว่ากานต์เสียงสั่น

    พลันพูดจบ เด็กหนุ่มคนพี่ก็เริ่มสังเกต  รอบๆตัวของเขามีแต่หมอกเต็มไปหมด ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจเด็กหนุ่มขึ้นมาทันที

    เฮ้ย  นี่เรามาจากทางไหนกันฟะ แกจำได้รึเปล่า?”

    ได้สิพี่ ข้าจำได้  ขอเวลาข้าอีกสักนิดนะอิฐส่องไฟไปมาหมายจะเจอกับช้างประหลาดอีกครั้ง

    ชั่วครู่ อิฐก็ได้กลิ่นประหลาดอีกครั้ง  คราวนี้มันไม่ใช่กลิ่นหอมของน้ำอบอีกต่อไปแล้ว มันกลายเป็นกลิ่นสาปสัตว์เหม็นคละคลุ้งไปทั่ว กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนนั้นราวกับหัวกุ้งหรือปลาเน่าผสมปนเปไปกับอุจจาระของคนนับสิบคนรวมกันเลยทีเดียว

    อะไร กลิ่นเหม็นเน่านี่มันคืออะไรอิฐคิดในใจ

    อากาศเริ่มเย็นลงอีก ละอองน้ำที่กลั่นตัวจากความเย็นเริ่มโปรยปรายลงมาสู่เบื้องล่าง เสื้อของสองพี่น้องเริ่มเปียกเพราะหยดน้ำ

    พี่!!!  เรากลับกันดีกว่าอิฐหันไปบอกพี่ชาย เพราะเขารู้สึกไม่ดีแล้ว

    เขาประหลาดใจ พี่ชายของเขานิ่งเงียบไป สายตาจับจ้องไปทางข้างหลังของเขา ตัวของกานต์สั่นเทิ้ม เหมือนกำลังตกใจกับอะไรอยู่ซักอย่าง ปากนั้นสั่นราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ อิฐค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังของตนอย่างช้าๆ ฉับพลันเขาก็ต้องผงะทันที เบื้องหน้าของเขาเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ มองไม่ชัดเจนว่าตัวอะไร ได้ยินเพียงแค่เสียงขู่เหมือนสุนัขเท่านั้น

    อิฐค่อยๆแตะตัวพี่ชาย กานต์ วิ่งเลยนะพี่

    สิ้นเสียง ทั้งสองก็วิ่งกันแบบไม่คิดชีวิต สิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิดเลยทีเดียว

    เสือ มันต้องเป็นเสือแน่ๆกานต์ตะโกน

    อิฐก็คิดอย่างนั้น เพียงแต่เขาไม่พูดอะไรออกมาเท่านั้นเอง

    ที่น่าตกใจก็คือ ขนาดที่ใหญ่โตของมัน ดูคร่าวๆแล้วน่าจะใหญ่กว่ารถกระบะเป็นแน่

    ทั้งสองอาศัยร่างกายที่เล็กกว่า วิ่งหลบเข้าไปตามพุ่มไม้ ทำให้ยากต่อสัตว์ร้ายที่จะตามเข้าไปราวี

    ทั้งสองวิ่งหลุดป่าออกไปโผล่ทุ่งญ้าที่สูงท่วมหัว 

    ที่นี่ที่ไหนกันฟะเนี่ยกานต์หัวเสีย

    คงเป็นอีกฟากนึงของป่าน่ะ

    อิฐล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร แต่ก็หาไม่เจอ คาดว่ามันน่าจะตกไประหว่างทางซะแล้ว

    ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันมากนัก ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น เจ้าสัตว์ร้ายนั่นตามพวกเขามาแล้ว

    ข้าได้กลิ่น  ข้างหน้านี่ต้องเป็นแม่น้ำแน่เลยอิฐชี้นิ้วพลันดึงแขนพี่ชายให้รีบวิ่งตามตนเองไป ทั้งสองวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตจนไปหยุดอยู่ที่ริมลำธาร

    อะไร นั่นมันตัวอะไรกานต์ยังไม่แน่ใจ

    ทั้งสองใช้เวลาหยุดพักเพียงไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มีคนโทรเข้ามือถือของกานต์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร ไม่นานก็ตัดสายทิ้งไป

    ชั่วนาที ก็มีสายเข้าอีกครั้ง เป็นพ่อของเขานั่นเองที่โทรเข้ามา อนิจจา แบตเจ้ากรรมก็ดันมาหมดพอดี

    ทั้งสองเกิดมีปากเสียงกันขึ้นมา กานต์ไม่พอใจที่อิฐพาเขามาเจอเรื่องแบบนี้ เขาผลักอิฐล้มลง แล้วก็พยายามเดินต่อไปเพื่อหาทางกลับบ้าน

    สัตว์ยักษ์ยังอยู่แถวนี้ อิฐมั่นใจ เพราะกลิ่นสาบของมันยังลอยวนเวียนอยู่ในอากาศ ไม่นาน มันก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสอง 


          เมื่อแสงจันทร์ส่องแสงลงมา เด็กหนุ่มก็หายสงสัย ร่างกายของสัตว์ตัวนั้นใหญ่โตกว่าเสือโคร่งเกือบ 3 เท่าตัว ดวงตามีขนาดเท่ากับศีรษะของมนุษย์ เขี้ยวของมันมีขนาดเท่ากับท่อนแขน ร่างกายมีสีเหลืองคล้ายคลึงกับใบไม้แห้ง ขนที่แผงคอยาวฟูฟ่อง โดยรวมดูแล้วละม้ายคล้ายไปทางสิงโตมากกว่าเสือ

         ราชสีห์ปีศาจพุ่งเข้าหากานต์หมายจะทำร้าย แต่อิฐเข้าไปขวางไว้ เขาขว้างก้อนหินไปโดนดวงตาของมัน มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีผู้น้องแทน แม้จะโดนมันตะปบแค่เฉี่ยวๆเท่านั้น อิฐก็กระเด็นไปไกลเกือบสองวาเลยทีเดียว

    หนทางรอดของทั้งสองมืดมนขึ้นมาทันที.............

           ก่อนที่ราชสีห์จะฝังเขี้ยวลงบนตัวเด็กหนุ่มผู้น้อง ก็มีเสียงตวาดดังขึ้นมา เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชายแก่ๆ แหบแห้ง แต่ทรงพลังมากพอจะหยุดยั้งไม่ให้สัตว์ร้ายทำอันตรายต่ออิฐได้ มันสั่นกลัว หมอบลงกับพื้น ร้องครางราวกับกบเห็นงู ราชสีห์อสูรไม่สามารถขยับตัวได้ สุดท้าย มันก็วิ่งหนีเข้าป่าไป

           เสียงนั้นยังคงก้องอยู่ในหูของอิฐ มันเป็นเสียงที่เขาเคยได้ยิน แต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนและเมื่อไรเท่านั้นเอง เขาพยายามมองหาเจ้าของเสียง แต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าเสียงดังมาจากที่ไหน

    บัณฑุราชสีห์เขาได้ยินเสียงปริศนานั่นเรียกเจ้าสัตว์ร้ายแบบนั้น แต่ก็ไม่ทันคิดอะไรได้มากกว่านี้ เขาก็รู้สึกเป็นห่วงพี่ชาย เพราะไม่รู้ว่ากานต์ได้วิ่งหนีไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว เขาเดินตามหาได้สักพักก็ต้องถอดใจ อากาศที่หนาวเย็นกอปรกับความเหนื่อยล้า เขาต้องหาที่พักก่อน

              อิฐปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ลักษณะคล้ายกับต้นมะม่วง  ไม่นานก็เผลอหลับไป.........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×