My last Happiness...[ Yuri ] - My last Happiness...[ Yuri ] นิยาย My last Happiness...[ Yuri ] : Dek-D.com - Writer

    My last Happiness...[ Yuri ]

    นิยามของความสุข...อำนาจ...แก้วแหวนเงินทอง...หรือการเอาชนะ...แต่สำหรับเขา ความสุขหนึ่งเดียวก็คือการได้รักเธอคนนี้...และมันก็คงเป็นความสุขสุดท้ายของเขาอย่างแน่นอน...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,466

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.46K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    6
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 เม.ย. 52 / 16:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ***นรมนคือผู้หญิงนะคะ ที่กานดาเรียกนรมนว่า นาย เพราะอยากให้มันดูพิเศษ ๆ หน่อยอ่ะค่ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                     
       
      ความรัก...
      ...ก็เปรียบดั่งความสุขที่ถูกลมพัดมาและไม่รู้จะถูกพัดจากไปเมื่อไหร่...
      ...แต่ถึงแม้ว่าเธอจะจมอยู่กับความทุกข์แสนสาหัส...
      ...เธอก็จะไม่มีวันลืม...
       
      ...ความสุขสุดท้าย...ของเธอ...
       
       
      เสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่คับห้องเรียนห้องเล็กห้องหนึ่งที่อยู่ริมสุดทางเดินระเบียง นักเรียนในนั้นต่างก็พากันจับกลุ่มกันคุยเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระต่าง ๆ บ้างก็นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่เงียบ ๆ คนเดียว บ้างก็เดินไปเล่นอยู่หลังห้องกับเพื่อนคนอื่น บ้างก็นอนหลับฟุบกับโต๊ะราวกับเสียงน่าหนวกหูในห้องไม่ได้ทำลายระบบประสาทของเขาเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเสียง...
       
      เฮ้ยยย! หยุดนะเฟร่ย!”
      เสียงทุ้มตวาดลั่นคับห้องเรียนพลางวิ่งไล่คนอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าคมมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่นิดหน่อย ดวงตาสีดำสนิทภายใต้กรอบแว่นฉายแววขุ่นมัวเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายร่างสูงจะยืนหอบจนตัวโยนอยู่หน้าห้องเรียนแทน โดยที่คนถูกไล่เมื่อกี้วิ่งเข้ามาทางประตูหลังห้องแล้วยืนกอดอกมองหน้าเธอราวกับกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
       
      อะไรกันคะ แค่นี้เหนื่อยแล้วหรอ
      เสียงหวานเอ่ยเยาะเย้ยอีกฝ่ายพลางยักคิ้วข้างหนึ่งอย่างยียวน ทำเอาอารมณ์ของร่างสูงพุ่งสูงขึ้นอีกครา
       
      หืม!! ก็นายโกงเรานี่! นายชั่งเลวร้ายมาก! นัท!”
      กานดายืดตัวขึ้นตรงพลางจ้องมองร่างเล็กเขม็งอย่างคาดโทษ ตัวเล็กนิดเดียว ทำไมวิ่งเร็วนักนะ!?!
       
      แพ้แล้วพาลหรอ ยอมรับความจริงซะเถอะกาน เธอ แก่ แล้ว
      นรมนพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่กานดาที่ตอนนี้ควันแทบจะออกหู ร่างสูงยืนกำหมัดแน่นอยู่หน้าห้องพลางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างนึกแค้น...ให้ตายสิ นี่เธอจะแพ้ทางยัยนี่ทุกอย่างเลยรึไงนะ!!!
      ใช่...แพ้ทุกทาง ไม่รู้นรมนใช้เวทมนต์อะไรกันแน่ ถึงชนะเธอไปหมดซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องทะเลาะหรือถกเถียงกัน ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เธอมั่นใจเต็มร้อยแท้ ๆ แล้วก็เรื่องการเรียน...อันนี้คงแน่นอนอยู่แล้วเพราะตัวเธอเองคะแนนแทบจะลากดิน...แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง...
       
       
      แก่ไม่แก่เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดู! จับได้เมื่อไหร่ ไฝนายโดนจิ้มแน่!”
      ว่าจบร่างสูงก็ออกวิ่งอย่างทุลักทุเลอีกครั้ง โดยที่นรมนที่วิ่งหนีนั้นหัวเราะร่าอย่างถูกใจที่ยั่วอีกฝ่ายขึ้น
      ...นรมน...ก็ชนะหัวใจเธอด้วย...
       
       
       
      เหมือนเธอจะเป็นฝ่ายไล่เราอยู่คนเดียวแหละ กาน เสียงหวานเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องที่ตอนนี้เหลือคนอยู่อีกเพียงไม่ถึง 5 คน กานดาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวยหวานก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ร่างสูงทำแก้มป่องออกมาสองข้างด้วยความไม่พอใจ นรมนที่เห็นอย่างนั้นจึงเอื้อมนิ้วไปยิ้มแก้มนิ่ม ๆ ของอีกฝ่ายเล่น อะไรกัน ๆ แค่นี้งอนแล้วหรอคะ
       
      ใครบอก ไม่เห็นมีอะไรให้เราต้องงอนนายเลยสักนิด
      กานดาตอบกลับไปพลางเบนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะทำหน้างองุ้มขัดกับคำพูด ท่าทางเหมือนเด็ก ๆ เมื่อกี้นั้นทำเอาร่างเล็กที่ยืนค้ำหัวอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
       
      อ่ะค่ะ ๆ ไม่งอนก็ไม่งอน งั้นเรากลับก่อนนะ
      นรมนพูดจบก็เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะของตนมาถือเอาไว้ก่อนจะหันไปมองคนที่ยังไม่เลิกงอนง่าย ๆ ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างปลง ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องเรียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
      กานดาได้แต่เพียงมองตามแผ่นหลังเล็กไปด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัดภายในใจที่มีมากมายเวลาอยู่กับนรมน
       
      เธอต้องเก็บท่าทีทุกอย่างเวลาอยู่กับนรมน ไม่ว่าเธอจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน...เธอกลับต้องกักเก็บเอาไว้แล้วทำได้เพียงยืนมองนิ่ง ๆ ไม่พูดปลอบใจใด ๆ...เวลาที่เธอต้องการอยากจะรั้งนรมนให้อยู่กับเธอต่ออีกหน่อย...เธอก็ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังเล็กเดินจากไปเงียบ ๆ เท่านั้น...เวลาที่พูดคุย เล่นกัน ทุกการกระทำที่ทำร่วมกัน...เธอต้องปกปิดคำว่า รัก ที่มีจนล้นหัวใจเอาไว้ไม่ให้มันหลั่งไหลออกมาแม้สักหยด...
      และเธอก็ชักจะเหนื่อยกับการที่จะต้องคอยปกปิดความรู้สึกตัวเองอย่างนี้...มันจะเป็นอะไรไหมถ้าเธอจะบอกออกไปสักที...มันถึงเวลานั้นหรือยังนะ...แล้วถ้านรมนรู้สึกกับเธอแค่เพื่อนล่ะ...เธอจะทำหน้ายังไงนะ...ตอนนั้นเธอจะรู้สึก...เจ็บมากไหมนะ...
       
      ...เธอต้องเหนื่อย...กับการเก็บรักษาคำ ๆ นี้ไว้อีกนานสักเท่าไหร่นะ...
       
       
       
      เฮ้ย ๆ! แกจะเครียดอะไรนักหนาวะไอ้กาน กะอีแค่ข้อไม่กี่ข้อ...
      เสียงเล็กพูดขึ้นพลางเอื้อมมือไปตบบ่าร่างสูงที่ตอนนี้ดูเหมือนไหล่จะเล็กลงไปถนัด ใบหน้าคมฉายแววกังวลจนเห็นได้ชัดจนเพื่อนสนิทอย่างเธออดไม่ได้ที่จะสงสาร
       
      5 ข้อ บ้านแกเรียกไม่กี่ข้อหรอ ไอ้วิ
      กานดาหันหน้ามาหาเพื่อนสนิทของตน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความกังวลภายใน...ข้อสอบวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจะลอกเพื่อนข้าง ๆ...ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นถ้าไม่ใช่อาจารย์คุมสอบดันมาเห็นเข้าแล้วเดินมากั้นทางสื่อสารของพวกเธอเอาไว้ และเพราะอย่างนั้น เธอถึงต้องทำการเดาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตกับข้อสอบข้อเขียนอย่างนี้!!!
       
      โหยแก คิดอะไรมากวะ คะแนนมันก็เป็นแค่ตัวเลข...
      รวิสราพูดขึ้นอีกครั้งหากแต่อีกฝ่ายกลับขัดขึ้นก่อน
       
      ตัวเลขที่กำลังจะฆ่าเราตอนนี้
       
      น่าแก คิดไรมากวะ ไปเที่ยวกันเหอะ เครียดมาก ๆ แล้วหน้าแก่นะเว่ย
      ร่างเล็กใช้ศอกของตนดันแขนอีกฝ่าย 2-3 ที ก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้ร่างสูงยืนจมกับความเครียดอยู่คนเดียว
       
      5 ข้อ...10 คะแนนของเธอกำลังจะหายไป จะไม่ให้เธอกังวลได้ยังไงล่ะ...แล้วนรมนจะเป็นยังไงบ้างนะ...ทำข้อสอบได้รึเปล่า หรือว่าจะทำไม่ได้เหมือนเธอ...
      คิดได้ดังนั้นกานดาจึงหันหน้าไปมองร่างเล็กแสนคุ้นที่กำลังหัวเราะร่าอย่างสนุกกับเพื่อน ๆ อีกหลายคน รอยยิ้มสดใสที่เธอแทบไม่เคยได้รับนอกจากรอยยิ้มยียวนที่อีกฝ่ายมักจะดึงออกมาใช้ยั่วโมโหเธอ
      ...นั่นสินะ...เธอจะไปเป็นห่วงนรมนทำไม...ในเมื่อไม่ว่าข้อสอบจะยากแค่ไหน...นรมนก็ได้คะแนนท็อบมาเสมอ...นรมนต่างกับเธอมาก...ราวกับนางฟ้ากับคนเดินดินธรรมดา...แค่คนเดินดินธรรมดาที่ทำได้แค่มองปีกนางฟ้าที่มีให้เห็นลาง ๆ เท่านั้น...
       
      ร่างเล็กที่เหมือนจะรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่ก็หันมาสบตากับร่างสูง ทำเอากานดาสะดุ้งเฮือกแล้วรีบกลบเกลื่อนด้วยการหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน
      ...ให้ตายสิ...ดันเผลอไปสบตาเข้าจนได้...
       
      ว่าไงคะคุณกาน อยากจะไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ นี่อุตส่าห์ชวนดี ๆ นะเนี่ย
      เสียงหวานแสนคุ้นดังขึ้นจากข้างหลังทำให้ร่างสูงต้องหันหน้าไปคุยด้วยอย่างช้า ๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มแห้ง ๆ ออกมาเป็นการตอบรับอีกฝ่าย
       
      ไปค่ะไป
       
      ตอนนั้นเอง ตาขวาของเธอก็กระตุกรัวแทบจะเป็นปืนกล หากแต่เธอก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมันสักเท่าไหร่
      ...จะมีอะไรซวยไปมากกว่า 10 คะแนนที่ลาจากไปนี้อีกล่ะ...
       
       
       
      เอ้าเร็วเว่ย! ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น! เพียงชิ้นสุดท้ายคุณก็จะกลายเป็นผู้ชนะแล้ว! เฮ้ย ๆ! นัทกินไปอีกชิ้นแล้วหรอ! ไอ้กาน! แกรีบเบิ้ลสองชิ้นเข้าไปด่วน! แกอย่าแพ้เชียวนะเว่ย ฉันยังไม่อยากจ่ายเงิน!”
      เสียงเล็กดังขึ้นตามมาด้วยเสียงรับจากเพื่อน ๆ ทั้งหลายที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ต่างคนต่างก็เชียร์คนของฝั่งตัวเอง โดยที่ตอนแรกก็แข่งกันกินทุกคน หลัง ๆ มาเริ่มมีคนขอยอมแพ้ จนมาเหลือคู่นี้ที่ดูจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายได้มากที่สุด หากแต่ตอนนี้...
       
      อะ...ไอ้วิ...กลับไปบอกพ่อแม่เราด้วย...เราคงไม่รอด...
      เสียงทุ้มโอดครวญออกมาก่อนจะทำหน้าพะอืดพะอมยามมองไปยังเนื้อสุก ๆ ตรงหน้าที่มันคงจะดูน่ากินมากกว่านี้ถ้าหากตอนนี้เธอไม่อิ่มแทบจะอ้วก!!
       
      นรมนหนอนรมน ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวที่ทุกคนต่างคิดว่าเป็นคนกินน้อย กลับโชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างสวยงามกับการกินแสนจะรวดเร็วของเจ้าหล่อน ทำเอาใครหลายคนตาค้างแล้วหันไปหนุนหลังฝ่ายนรมนกันหมด เหลือเพียงเธอที่เป็นคู่แข่งกับเพื่อนอีกไม่กี่คนที่ยังคอยเชียร์เธออย่างมีความหวังว่าจะไม่ต้องจ่ายตังค์ค่าอาหาร แต่รู้สึกความหวังนั้นจะริบหรี่เต็มทีเมื่อนรมนดันยังไม่ยอมอิ่มง่าย ๆ
       
      เฮ้ย! อย่าเพิ่งตายนะเว่ยเพื่อน! กินสองชิ้นก่อนแล้วค่อยตายได้ไหมเพื่อน!”
      รวิสราพูดกลับมาอีกครั้งพลางคะยั้นคะยอเนื้อสุก ๆ นั่นให้เข้าไปในปากของกานดา หากแต่ร่างสูงกับยื้อเอาไว้พลางมองเนื้อชิ้นนั้นด้วยสายตาขยะแขยง...ถ้าเธอยังจะฝืนกินมันเข้าไปอีก...เรื่องราวคงไปจบที่ห้องน้ำเป็นแน่...
       
      ...ศึกนี้ใหญ่...หลวงนัก...อ่อก...
      เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากก่อนที่ร่างสูงจะฟุบลงกับพร้อมกับปล่อยเนื้อชิ้นเบ่อเร่อชิ้นเดิมลงไปในจานสีดำดังเดิม เรียกเสียงเฮจากฝั่งของนรมนได้เป็นอย่างมาก...และในทางกลับกัน มันก็แทบจะทำเอารวิสราร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด...เมื่อเงินทั้งหมด 4300 กว่าบาทสำหรับค่าอาหารมื้อนี้ของคนเกือบ 16 คนต้องตกไปอยู่ในความรับผิดชอบของรวิสราทั้งหมด!!!
       
      อ๊ากกกกกกกก! ไอ้กาน! แกช่วยตื่นขึ้นมาจ่ายแทนฉันก่อนได้ไหมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!”
       
       
       
      หลังจากไปถล่มทลายร้านอาหารและกระเป๋าตังค์ของรวิสราเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เคลื่อนย้ายไปสิงสถิตอยู่ที่คาราโอเกะต่อโดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ไปกลุ่มละแปดคนซึ่งดูเหมือนว่ากลุ่มหนึ่งจะมีแค่ 7 เมื่อ...อีกคนหนึ่งในกลุ่มแทบจะทำตัวเหมือนสิ่งไม่มีชีวิต...
       
      ร่างสูงยิ้มแห้ง ๆ ให้คนอื่นที่หันมามองร่างเล็กที่เดินตัวลอยเท้าแทบจะไม่แตะพื้นอยู่แล้ว ดวงหน้าหวานขาวซีดเสียจนน่ากลัวจนเธออดหวั่นใจไม่ได้ว่าเพื่อนตัวดีคนนี้จะสลบคาทางเดินไปเสียก่อน ไอ้สงสารก็สงสารอยู่เหมือนกัน ค่าอาหารทั้งหมดก็ไม่ใช่เล่น ๆ แต่เจออย่างนี้ก็สมควรแล้ว ชอบเล่นอะไรพิสดารนัก...
       
      นี่ ไม่ปลอบใจเขาหน่อยหรอ
      เสียงหวานแสนคุ้นดังแว่วเข้ามาราวกับเสียงกระซิบทำเอากานดาสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบหันไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว...
       
      โป๊ก!
       
      โอ๊ยยยยยยยยย!” ร่างเล็กเจ้าของเสียงเซไปด้านหลังเล็กน้อย มือบางยกขึ้นถูหน้าผากตัวเองที่โขกกับหน้าผากของร่างสูงเมื่อกี้อย่างแรง ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างจากกานดาสักเท่าไหร่ ใครใช้ให้หันมาเนี่ย!”
       
      เมื่อได้ยินดังนั้นร่างสูงจึงถลึงตาใส่อย่างหมั่นไส้ โหยยยยยย แล้วใครให้นายมายืนกระซิบข้างหูเราล่ะ รู้ไหมสยองเพียงใดไม่ว่าเปล่า กานดายังกลอกตาไปมาแล้วทำท่าหวาดกลัวร่างเล็กตรงหน้าทำเอานรมนต้องทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินกระแทกไปหาเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้า
       
      ยายบ้า...
      กานดาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเห็นว่านรมนเด็กจากไปไกลแล้ว พลางยกมือขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม...ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้ฝันไป...รสหวานเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น...ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบที่แสนอ่อนนุ่มนั่น...เธอได้สัมผัสมันแล้ว...
      คิดได้ดังนั้นหัวใจที่อยู่ภายในก็เริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นเร็วขึ้น รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าชอบกล...นี่นรมนจะรู้รึเปล่านะว่าเมื่อกี้เธอกับเขา...
       
      กาน...แกจะยืนตรงนี้อีกนานไหม...
      เสียงเล็กที่แหบพร่าดังออกมาราวเสียงกระซิบทำเอาร่างสูงสะดุ้งตื่นออกมาจากภวังค์อีกครั้ง พลางยิ้มแห้ง ๆ ไปให้กับรวิสราที่ตอนนี้ยืนคอตกอยู่ข้าง ๆ พลางส่งสายตามาเป็นนัยน์ว่า อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่ไปกว่านี้เหอะ
       
      ค่ะ ๆ ไปแล้วค่ะ
      เสียงทุ้มกล่าวพลางออกเดินเร็ว ๆ ตามเพื่อนของตนไป
       
       
       
      เฮ้ย ๆ! แกร้องบ้างสิวะไอ้กาน ถ้าแกไม่ร้องแล้วแกจะมาที่นี่ทำไมวะ
      เสียงเล็กที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วยังแหบพร่าอยู่บัดนี้กลับกลายเป็นร่าเริงสดใสมากกว่าแต่ก่อน ใบหน้าหวานที่ควรจะดูซีดน่ากลัวกลับมีรอยยิ้มแต่งแต้มเสียจนน่าหมั่นไส้...ก็นะ...แม่เจ้าประคุณเล่นร้องว้ากติดต่อกัน 3 เพลง คงจะเอาความเครียดไหลออกไปกับเนื้อเพลงด้วยล่ะมั้งนั่น
       
      อ่า...แต่ฉัน
       
      หรือเธอร้องไม่เป็นกันแน่ กาน เธอกลัวว่าเสียงอันแสนจะอุบาทว์ของเธอจะสั่นคลอนโลกให้แตกออกเป็นสองซีกหรอ
      ร่างสูงหันหน้าไปมองต้นเสียงทันทีที่จบประโยคพลางกัดริมฝีปากแน่นเมื่อดวงหน้าสวยหวานนั้นมีรอยยิ้มเยาะเย้ยประดับอยู่...ให้ตายสิ ปากนายจะหุบได้สักกี่นาทีเชียว!?!
       
      เราไม่เหมือนนายหรอกนะ ที่เอาแต่ฝึกร้องเพลงอยู่ทุกค่ำทุกคืน แถมยังชวนคนอื่น ๆ ในเผ่าพันธุ์เดียวกันเห่า...เอ้ย! ร้องประสานเสียงกันอีก เล่นเอาคนเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอน
      กานดาเหน็บแหนมกลับไปอย่างไม่ลดละ แล้วก็ได้ผลเมื่อสาวเจ้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
       
      นี่กาน! เธอหาว่าเราเป็นหมาหรอ!!!”
       
      รู้สึกว่านายร้อนตัวไปเองนะ
      ร่างสูงตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ท่าทีกวนโทสะเช่นนั้นยิ่งกระตุ้นอารมณ์คนตัวเล็กให้พุ่งสูงเข้าไปใหญ่
       
      ชิ! เราไม่พูดกับเธอแล่ว!”
      ว่าจบร่างเล็กก็เชิดหน้าทำแก้มป่องแล้วเดินกระแทกเท้าปึงปังจากไปปล่อยให้ร่างสูงนั่งอมยิ้มอยู่ที่โซฟาอยู่คนเดียว
       โชคดีที่ในห้องนั้นมีเพียงแสงไฟสลัว ๆ จากโคมไฟเท่านั้น ทำให้ทุกคนในห้องนั้นไม่เห็นแววตาที่เธอมองไปยังนรมน...ยิ่งได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่ หัวใจเธอยิ่งปฏิเสธเขาไม่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเธอ...จะทำยังไงต่อไปดีนะ...
      ...เธอชักจะเก็บความลับไว้ไม่อยู่แล้วสิ...
       
       
       
      เมื่อร้องคาราโอเกะจบโดยใช้เวลากับการแหกปากกันไปเกือบ 3 ชั่วโมง ตอนนั้นก็ค่ำพอดี ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือเพียงนรมนกับกานดาเพียงสองคนเท่านั้น ทั้งสองมองหน้ากันสักพักก่อนที่ร่างเล็กจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น
       
      ไปส่งหน่อย
      เสียงหวานพูดแผ่ว ๆ พลางก้มหน้าก้มตาเดินนำหน้าไปทำให้คนที่อยู่ด้านหลังอย่างเธอต้องรีบเดินตามอย่างไม่มีทางเลือก ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ๆ เท่าไหร่ หัวใจเจ้ากรรมมันก็พาลจะเต้นออกมานอกอกอยู่รอมร่อ รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า ถ้าเกิดนรมนหันหน้ามาล่ะก็ คงจะได้เห็นหน้าแดง ๆ ราวกับลูกตำลึงสุกของเธอแน่นอน
       
      เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าแล้ว นรมนก็หยุดยืนอยู่ตรงทางม้าลายก่อนจะหันหน้ามาอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่เดินตามมาข้างหลังแทบจะเบรกเท้าตัวเองไม่ทัน
       
      ส่งแค่นี้แหละ เดี๋ยวฉันข้ามไปขึ้นแท็กซี่ฝั่งนู้น
       
      คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น ให้เราไปส่งถึงบ้านเลยไหม ไปแท็กซี่คนเดียวมันอันตรายนะ
       
      แหมแหม เป็นห่วงเราด้วยหรอคะ ไม่ว่าเปล่า นิ้วเรียวก็ยกขึ้นจิ้มแก้มนุ่ม ๆ ของร่างสูงทำให้กานดาต้องหลบเป็นพัลวันพลางใช้มือปัดป้องมือบางที่พยายามจะยื่นนิ้วเข้ามาแกล้งเธอ ไม่เป็นไรหรอกน่า เรากลับอย่างนี้บ่อย ไม่ต้องห่วงหรอกนรมนพูดอีกครั้งก่อนจะกลับไปยืนสงบเรียบร้อยท่าเดิมทำเอากานดาอดหมั่นไส้ในใจไม่ได้
       
      แน่ใจนะ
      เสียงทุ้มถามย้ำอย่างไม่ค่อยมั่นใจ หากแต่เมื่อร่างเล็กเผยยิ้มกว้างออกมาจึงยอมพยักหน้าเข้าใจอย่างว่าง่าย
       
      ถ้างั้นก็ บายนะ
      ว่าจบนรมนก็โบกมือลาแล้วก้าวเท้าวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ดูถนน
       
      ตอนนั้นเองที่ร่างสูงแทบลืมหายใจ ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ...
      รถตู้สีเงินคันใหญ่พุ่งออกมาจากมุมถนนด้วยความเร็วสูง และมันก็ตรงมายังร่างเล็กที่ดูเหมือนแทบจะเป็นเป้านิ่งเมื่อเหลือบไปเห็นรถคันนั้น ทุกคนในบริเวณนั้นหยุดชะงัก ต่างคนต่างมองมาที่ร่างเล็กเป็นจุดเดียวโดยคิดไว้ในใจว่า...เด็กสาวคนนี้ไม่รอดแน่...
      ชั่ววินาทีที่ทุกคนต่างก็หยุดชะงัก...มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่โดนหยุดเวลาไปด้วย
      มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแขนเล็กสุดมือก่อนจะกระชากร่างที่ยืนเป็นเป้านิ่งเข้ามาอย่างแรง ไม่สนว่าหลังจากนั้นนรมนจะไปกระแทกกับอะไรบ้าง...เพราะไม่ว่าจะกระแทกอะไร เขาคงไม่ถึงตายเท่ากับกระแทกกับรถตู้คันนั้น...และก็ไม่สนใจว่า...ตัวเองจะเข้าไปอยู่ในวิถีของรถตู้คันนั้นแทนนรมนเลยก็ตาม!!!
       
      เอี๊ยด! ปัง!
       
      ร่างสูงลอยคว้างอยู่ในอากาศ เลือดสีสดไหลสาดกระเด็นไปทั่วถนน ก่อนที่เสียงทึบ ๆ จะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างที่เกือบจะไร้สตินั้นกระแทกลงพื้นอย่างแรงพร้อม ๆ กับหัวใจของคนที่ถูกช่วยชีวิตที่ถูกกระชากลงมาจากอกข้างซ้ายอย่างรวดเร็ว
       
      นรมนรีบปรี่เข้าไปประคองหัวของกานดาขึ้นมา น้ำใส ๆ พรั่งพรูออกมาจากดวงตาที่เคยสดใสมากมายจนคนที่มองดูอยู่แถวนั้นอดที่จะสลดไปด้วยไม่ได้ ร่างเล็กร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ยิ่งยกมือที่เปื้อนเลือดสีแดงสดขึ้นมา มันก็ยิ่งสะเทือนใจจนอยากให้เรื่องราวเลวร้ายนี่กลายเป็นความฝัน...ความฝัน...ความฝันที่ไม่ว่ายังไงก็คงตื่นออกไปไม่ได้...
       
      กาน! เธออย่าตายนะกาน! เธอจะช่วยฉันทำไม...อย่าตายเด็ดขาดนะกาน!”
      เสียงเล็กร้องตะโกนดังลั่นไปทั่วปริเวณนั้น เสียงร้องวิงวอนต่าง ๆ นานาดังขึ้นมาประสานกับเสียงไซเรนจากรถพยาบาลที่ขับมาถึงที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
       
      กาน! เธอลืมตาขึ้นมาสิกาน! เธอต้องตื่นขึ้นมาเถียงกับฉันต่ออีกนะกาน! เธอ...กาน!!!!”
      นรมนแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพลางกอดร่างไร้สติในอ้อมแขนอย่างแน่น น้ำตาไหลลงมาเป็นสายหากแต่ดูเหมือนยิ่งปาดออกไปมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะพรั่งพรูออกมามากขึ้น
       
      ร่างสูงนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดที่แฉะไปด้วยเลือด หากแต่มันก็ไม่ได้เอาความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ไปไหน กานดายิ้มรับให้กับโชคชะตาของตนช้า ๆ ...ไม่เคยคิดว่าชีวิตเธอจะสั้นถึงขนาดนี้...
      นี่สินะคือโชคร้ายที่ท่านได้เตือนตอนนั้น...แต่มันก็ดีแล้วล่ะ...ดีแล้ว...เพราะถ้าไม่ใช่เธอที่เป็นคนมาส่งนรมน...คนที่กำลังจะนอนจมกองเลือดอย่างนี้คงไม่ใช่เธอ...แต่อาจจะเป็นนรมนที่ถูกช่วยไม่ทัน...และเธอไม่ต้องการอย่างนั้นเลยสักนิด
       
      กาน! เธอต้องไม่ตายนะกาน! ฮึก...เธอต้อง...เธอต้องตื่นขึ้นมาฟังฉันพูดก่อนนะกาน...ตื่นขึ้นมา...ฮึก...ฮือ...ฟังก่อนว่า....ฮึก...ว่า...ฮือ...ฉันรักเธอมากนะกาน...อย่าจากไปไหนนะกาน!!!”
      เสียงเล็กสั่นพร่าอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน มันทำเอาคนฟังที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาดูหน้าคนที่ตัวเองรัก...เป็นครั้งสุดท้าย...
       
      พระเจ้า...เธอขอเชื่อในพระเจ้าอีกหน่อยได้ไหมนะ...ช่วยดลให้เธอมีแรงอีกสักหน่อย...แค่เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้คนที่เธอรักแค่นั้น...ขอแค่ได้สัมผัสคนที่เธอเฝ้าฝันมาตลอดสักครั้ง...ขอแค่นั้น...
       
      มือใหญ่ที่สั่นระริกค่อย ๆ เอื้อมขึ้นช้า ๆ สัมผัสน้ำตาที่ไหลรินลงมาก่อนที่มันจะพล่อยตกลงมาพร้อมกับหัวของเจ้าของมือที่ตกลงไปอยู่กับพื้น...บ่งบอกว่าเขา...
       
      กาน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
      นรมนแผดเสียงออกมาราวกับคนจะชาดใจตายพลางกอดร่างไร้วิญญาณแน่นราวกับมันจะช่วยดึงเขากลับมาอีกครั้ง...แต่คงเป็นไปไม่ได้
       
      ...เราก็รักนาย...
       
      ...แม้เราอาจจะไม่ได้รักกันอย่างที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้...
      ...แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดความรู้สึกภายในใจออกไป...
      ...แม้ว่าทุกอย่างจะออกมาเลวร้ายจนอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกมากเพียงใด...
      ...แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อในโลกนี้...
       
      ...แต่เธอก็มีความสุข...
      ...ความสุขที่ได้เกิดมารักใครสักคนหนึ่ง...
      .....
      ....
      ...
      ..
      .
      ...และความสุขสุดท้ายของเธอ...คือการได้รักคนคนนี้จนถึงวินาทีสุดท้าย...และจะจากนี้ตลอดไป...
       
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×