นิยามของความรัก...
...มีหลายคำนิยามจนไม่อาจจะจำมันได้หมด...
...แต่นิยามความรักของฉัน...
...มันมีแค่คำเดียวเท่านั้นที่จะแทนได้...
...นิยามของฉัน...
...คือ ‘เขา’ ยังไงล่ะ...
สายลมเย็น ๆ ในยามเช้าพัดเข้ามายังระเบียงห้องนอนสีขาว เสียงนกร้องขับขานราวกับนักร้องวงโอเปร่าดังคลอไปกับบรรยากาศดี ๆ ใบไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลมแลดูสบายตา ถนนในซอยโล่ง ไม่มีรถวิ่งไปมาส่งเสียงหนวกหูให้รู้สึกหงุดหงิด เสียงวิทยุที่เปิดอยู่ภายในห้องดังแว่วออกมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว ร่างเล็กยืดแขนขึ้นตรงพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าไปเต็มปอด แล้วผ่อนมันออกมาช้า ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น
...ตอนเช้าของอีกวันหนึ่งที่เขาเฝ้าภาวนาให้มาถึงเร็ว ๆ ...
รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนมุมปากของทงเฮ ร่างเล็กบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยหลังจากที่นอนท่าเดียวมาเป็นเวลาเกือบ 9 ชั่วโมง เขายังคงอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นใส่สบาย
“ที่โน้นสบายดีไหมนะ คิบอม...”
เสียงหวานดังแว่วออกมาจากริมฝีปาเรียวบางราวกับเสียงกระซิบ หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงใย ร่างเล็กอมยิ้มนิด ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนพลางเอนตัวลงนอนแผ่บนเตียงใหญ่นุ่ม ๆ อีกครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตะแคงข้างไปมองยังที่ว่างข้างตัวเขาที่ยังคงหลงเหลือไออุ่นจากร่างสูงเอาไว้อยู่ แม้ว่าร่างสูงนั้นจะหายไปจากที่ตรงนี้ไปเป็นปี ๆ แล้วก็ตาม
2 ปีแล้วที่คิมคิบอมจากเขาเพื่อสานไปต่อธุรกิจของพ่อแม่ที่ต่างประเทศ ถึงแม้ตอนแรกเขาจะเหงาไปบ้างก็ตาม แต่ทุก ๆ เดือนคิบอมก็ยังส่งจดหมายมาหาเขา ถามสารทุกข์ดิบแล้ก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับที่โน้นให้เขาอ่านด้วย และคิบอมก็มักจะตบท้ายจดหมายด้วยคำว่า ‘รักนะ’ เสมอ แค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้เขาหายระแวงได้แล้วว่าคิบอมจะไปมีใครใหม่รึเปล่า...
และวันนี้ก็สิ้นเดือนพอดี ไปรษณีย์คงมาส่งจดหมายให้เขาในตอนสาย ๆ ระหว่างนั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า...
คิดได้ดังนั้นทงเฮก็ยันตัวขึ้นแล้วเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง หยิบชุดไปรเวทย์ออกมาแล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี
...วันนี้เขาจะได้อ่านอะไรสนุก ๆ อีกแล้วล่ะสิ...
หลังจากที่ทงเฮอาบน้ำเสร็จ ร่างเล็กก็เดินออกมายังหน้าบ้านของตน มือบางเอื้อมไปเปิดฝากล่องจดหมายออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อพบว่าข้างในนั้นมีจดหมายอยู่ 2-3 ซองข้างใน เขาหยิบมันออกมาแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านอีกครั้ง
ทงเฮนั่งลงบนเตียงนอนของตนแล้วเริ่มเปิดจดหมายซองแรกที่คิบอมเขียนมาถึงเขา
‘ถึงทงเฮ
ว่าไง ยังสบายดีอยู่รึเปล่าครับ นายน่าจะลองมาอยู่กับฉันที่นี่นะ แบบว่า อากาศชั่งหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจเลยอ่ะ หิมะตกเป็นว่าเล่นแหน่ะ แต่คุณแม่ก็ยังให้ฉันออกไปทำงานอีก นี่ถ้าเกิดฉันไม่สบายขึ้นมาเนี่ยใครจะรับผิดชอบกันน้า~ แล้วที่เกาหลีเป็นไงบ้าง หนาวไหม?? รักษาสุขภาพด้วยนะ แล้วถ้าเกิดตอนกลางคืนหนาวขึ้นมา เดี๋ยวฉันจะบินกลับไปกอดนายเอง’
อ่านถึงตรงนี้ร่างเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างขำ ๆ กับความคิดเด็ก ๆ ของอีกฝ่าย...แต่ก็นะ...เขาว่าก็น่ารักดี...
‘แต่ว่าไปนั่น ฉันจะบินกลับไปหานายได้ยังไงกัน งานยังมีอีกเต็มกระบุงเลย ง่า แต่อย่าหาว่าฉันไม่ใส่ใจนายนะ รู้ไหม เวลาฉันทำงานนะ อยู่ดี ๆ ฉันก็นึกถึงหน้านายขึ้นมาล่ะ หรือว่าก่อนที่ฉันจะมาทำงานที่นี่ นายใส่ยาพิษลงไปในอาหารให้ฉันกินรึเปล่า เลยทำให้ฉันคิดถึงนายขนาดนี้เนี่ย แหม ๆ แต่ไม่ต้องถึงขั้นใส่ยาเลยครับที่รัก แค่นี้กระผมก็คิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว ว้า~ อยากจะกลับไปนอนกอดหมอนข้างทงเฮเร็ว ๆ ซะแล้วสิ นอนคนเดียวบนเตียงใหญ่ ๆ มันน่ากลัวนะเนี่ย ถ้าเกิดกลางดึกฉันตื่นขึ้นมาเจอผีนอนอยู่ข้าง ๆ นี่ มันก็ออกจะ...บรึ๋ย! ยิ่งคิดยิ่งขนลุก’
“ก็ขอให้เป็นแค่ผีเถอะคิบอม ถ้าเกิดเป็นคนนายตายแน่”
ทงเฮพูดออกมาเบา ๆ ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาในที่สุด...ดูสิ...เขียนเอาอกเอาใจกันจริง ๆ นะ...
‘แต่ก็นะ เมื่อไม่กี่วันก่อนเงินเดือนออกแหละ แล้วแบบว่า กร๊ากกก!~ ยังกับฉันกำลังนั่งอยู่บนกองเงินกองทองแหละ ชักชอบที่นี่ตงิด ๆ แล้วสิ เงินเดือนดี แหม ๆ รู้สึกเหมือนสันดานออกแล้ว - -‘
“ฮะ ฮะ นายนี่มัน หน้าเงินจริง ๆ แหะ”
ทงเฮส่ายหัวไปมาอย่างขำ ๆ กับข้อความในกระดาษ ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าเป็นนอนอ่านแทนเพราะเริ่มเมื่อยขึ้นมา โดยไม่ลืมที่จะหยิบจดหมายอีก 2 ฉบับวางไว้ข้าง ๆ ตัว
‘เออใช่! เมื่อต้นเดือนอ่ะ มีพนักงานคนใหม่เข้ามาด้วยล่ะ เป็นผู้หญิงสวย ตัวสูงแต่เตี้ยกว่านายนิดหน่อยนะ หุ่นนี่แบบว่า ไปเป็นนางแบบได้เลย หน้าตานี่สุดยอด ต้องยกนิ้วให้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนหน้าตาดีอย่างนี้ในโลกด้วย แถมยังสุภาพอีกต่างหาก นี่เล่นเอาลูกน้องผู้ชายของฉันเคลิ้มน้ำลายไหลไปตาม ๆ กันเลยนะเนี่ย โอ๊ะโอ๋!~ แต่สำหรับกระผม ผู้หญิงคนนั้นก็สวยไม่เทียบเท่านายท่านหรอกขอรับ กระผมไม่เค๊ย~ไม่เคยคิดนอกใจนายท่านเลยนะขอรับ และไม่ว่าจะเมื่อไหร่กระผมก็ยังเป็นทาสที่ภักดีต่อนายทานเสมอนะขอรับ’
“ยังจะเขียนมาให้หึงเล่นอีกเนอะ”
เสียงหวานพึมพำเบา ๆ พลางเบ้ปากอย่างขัดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยังเขียนเกี่ยวกับพนักงานสาวของตนมาให้เขาอ่านแล้วเกิดอาการ ‘หึง’ อีกแล้ว
‘พูดถึงเรื่อง ผู้หญิง คราวก่อนมีลูกค้าคนหนึ่งมาคุยกับฉันด้วยแหละ รายนั้นก็จัดได้ว่าสวยสุด ๆ เลยนะ แต่งตัวนี่เหมือนกับจะมายั่วฉันโดยเฉพาะเลยอ่ะ แถมยังพูดนอกเรื่องอีก ฉันนี่แบบว่า เบื่อมาก นั่นแน่!~ หึงอ่ะดิ รู้หรอกนะตัวเอง โอ๋ๆๆๆ~ ไม่ต้องหึงหรอกนะครับที่รักยังไงกระผมก็มิอาจไปรักคนอื่นอยู่แล้วล่ะครับ กลัวนายท่านจะตัดคอผม’
ติ๊งต่อง!
ติ๊งต่อง!
หากแต่ก่อนที่เขาจะได้อ่านต่อ เสียงกดออดหน้าบ้านของทงเฮดังขึ้นทำให้ร่างเล็กต้องละสายตาจากจดหมายในมือ ทงเฮวางจดหมายในมือลงบนเตียงอย่างเสียดาย ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบว่าซีวอนนี่เองที่เป็นคนกดออด
“ว่าไง มีอะไรรึเปล่า?”
ร่างเล็กเปิดปากถามทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และก็อยากจะขึ้นไปอ่านจดหมายต่อด้วย หากแต่ดูเหมือนร่างสูงตรงหน้ายังคงอึกอัก ใบหน้าคมมีแววลำบากใจเล็กน้อยจนเขาต้องเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“มีอะไรรึเปล่าซีวอน ทำไมทำหน้าลำบากใจอย่างนั้นน่ะ”
“เอ่อ...ได้รับจดหมายจากคิบอมรึยัง...”
ในที่สุดซีวอนก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีแววลังเลเล็กน้อย ร่างสูงไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับร่างเล็ก ไม่รู้เพราะอะไร หากแต่ทงเฮก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจมันสักเท่าไหร่นัก
“อืม ได้แล้วล่ะ กำลังอ่านอยู่เลย”
“นาย...ทำใจได้ใช่ไหม...?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง สายตาที่จ้องตรงมายังร่างเล็กนั้นมีเพียงเค้าแห่งความห่วงใยเท่านั้นจนทำเอาทงเฮถึงกับงงในคำพูดและสายตาของซีวอน...ทำใจ...ทำใจทำไม???
“นายหมายความว่ายังไงหรอซีวอน ทำใจอะไร? ฉันงงนะ”
“ถ้าเกิดนายไม่ไหวยังไงก็โทรหาฉันได้นะ ฉะ...ฉันไปล่ะ...”
ว่าจบซีวอนก็เดินจากไปปล่อยให้ทงเฮต้องเอียงคออย่างสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย
...ทำไจ..??
...ไม่ไหว...??
...หมายถึงอะไรล่ะนั่น...??
หากแต่ทงเฮก็ไม่คิดจะหาคำอธิบายเพิ่มเติมจากคำพูดเหล่านั้น เพราะตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงจดหมายที่คิบอมส่งมาให้เท่านั้น ร่างเล็กจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตนทันที ทงเฮเดินเข้ามาในห้องนอนของตนอีกครั้ง เขาหยิบจดหมายของคิบอมขึ้นมาอ่านอีกรอบก่อนจะพบว่าเขาอ่านจวนจะจบอยู่แล้ว
‘ว้า~ แย่จัง หมดเวลาแล้วล่ะ ขอโทษนะ รู้สึกคราวนี้จะเขียนสั้นไปหน่อย พอดีช่วงนี้งานเยอะมากกกกกกกก จนฉันแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยอ่ะ ยังไงก็ คิดถึงนะครับ รักที่สุดเลยล่ะ แล้วจะเขียนไปหาใหม่นะ
จาก คิบอมสุดหล่อ’
มือบางลดจดหมายในมือลงพลางอมยิ้มขำ ๆ กับการลงชื่อที่แสนจะหลงตัวเองของอีกฝ่าย หากแต่แล้วสมองก็อดนึกไปถึงบทสนทนาของซีวอนเมื่อกี้ไม่ได้...ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่น่า...สงสัยซีวอนจะละเมอแล้วล่ะมั้งงานี้...
แต่ก่อนที่ทงเฮจะได้ลุกเดินไปไหน สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจดหมายอีกสองฉบับที่วางอยู่ตรงปลายเตียง ฉบับหนึ่งเป็นซองกระดาษสีน้ำตาล ส่วนอีกฉบับเป็นซองสีขาวสะอาด คิ้วเรียวจึงเลิกขึ้นอย่างสงสัย...จดหมายอะไรกันนะ...ก็ในเมื่อคิบอมมักจะส่งจดหมายให้เขาเดือนละฉบับเดียวนี่น่า...หรือเดือนนี้มีวันพิเศษกันนะ...??
ในที่สุด ร่างเล็กก็เลือกที่จะหยิบซองจดหมายกระดาษสีน้ำตาลก่อน เขาเปิดมันออกก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบกระดาษข้างในออกมา
คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเมื่อพบว่าสิงที่ติดมาในซองกระดาษซองนี้มันคือผลการเอ็กซเรย์อะไรสักอย่างที่เขาก็ดูไม่รู้เรื่อง เขาพลิกมันดูทั้ง 2 ด้าน ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดี เลยลองเปิดซองจดหมายอีกซองดู
ทงเฮหยิบกระดาษแข็ง ๆ ในซองจดหมายออกมา เขากวาดตาดูรายละเอียดที่เขียนในกระดาษแข็งนั่น ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจะเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่ออ่านจบ...
...บัตรเชิญไปงานศพ...ของคิม คิบอม...
...คิบอมแกล้งเขาอีกแล้วใช่ไหมนี่ ทำไมคราวนี้แกล้งแรงจัง...
แต่ถึงแม้สมองจะคิดอย่างนั้น หากแต่หัวใจที่อยู่ข้างในกลับสั่นไหวแปลก ๆ อย่างหวาดกลัวอะไรสักอย่าง พลันสมองก็นึกไปถึงคำพูดของซีวอนอีกครั้ง หัวใจยิ่งกระตุกวูบเข้าไปใหญ่เมื่อพอจะเรียบเรียงอะไรได้...แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อ...
ร่างเล็กเปิดซองจดหมายสีขาวซองเดิมนั่นอีกครั้ง เขาพบว่ายังมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งอยู่ข้างในนั้น มือบางรีบหยิบมันออกมาอย่างรีบร้อนก่อนจะเปิดมันออกอ่านด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำอยู่ในอก
‘ว่าไงทงเฮ นายยังสบายดีอยู่ไหม คงสบายดีสินะ แต่ฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลยล่ะ รอบ ๆ ตัวฉันมีแต่สีขาวไปหมด ฉันลุกไปไหนไม่ได้เลย เจ็บที่หัวใจยังไงก็ไม่รู้สิ
ทงเฮ ขอโทษนะที่ฉันไม่เคยบอกนายมาก่อน ที่ฉันต้องมาต่างประเทศน่ะ ไม่ใช่เพราะมาสานต่อธุรกิจหรอกนะ...แต่เพราะฉันเป็นโรคหัวใจยังไงล่ะ...
ตอนที่นายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว นี่อาจจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายแล้วนะที่ฉันจะเขียนถึงนาย ขอโทษสำหรับทุก ๆ อย่างที่ฉันโกหกนายนะ...แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่เคยโกหกนาย คือฉันรักนาย
ช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่กับนายฉันมีความสุขมากเลยล่ะ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าการมาพบกับนายนั้นจะทำให้ฉันรู้สึกดีมากขนาดนี้ ขอบใจนะ
และฉันรักนาย
จนถึงนาทีสุดท้ายด้วยนะ
ลาก่อน’
ราวกับหัวใจของเขาโดนใครบดขยี้ให้แหลกสลายคาพื้น เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันหายไปไหนก็ไม่รู้ น้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกในตอนนั้นมันปนเปกันไปหมด ทั้งตามเรื่องไม่ทัน ทั้งไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ได้อ่าน ทั้งเสียใจ เจ็บปวด และอยากจะหายไปจากโลกนี้
“ไม่...ไม่นะคิบอม...นายล้อเล่นแรงเกินไปแล้วนะ...”
แต่ถึงแม้ปากจะบอกอย่างนั้น น้ำตามันกลับพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัว หัวใจมันบีบคั้นเข้าหากันจนเขาระบม
กระดาษแผ่นเล็กในมือค่อย ๆ ปลิวหายออกไปทางหน้าต่างที่ร่างเล็กเปิดค้างไว้ เหมือน ๆ กับสิ่งสำคัญบางอย่างที่พรากไปจากเขา...
“ไม่นะ...ไม่จริง มันต้องไม่ใช่สิ...”
...แม้ปากจะพร่ำบอกอย่างนั้น...แต่ควารู้สึกที่เหมือนกับสูญเสียอะไรบางอย่างไปมันกลับยิ่งทวีตัวมากขึ้นในจิตใจของเขา...
“ไม่...ไม่!!!!!!!!!!!!!!”
...Last Minute Love...
...ไม่ว่ายังไง...เขาก็ยังรักฉันจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น