...Last Minute Love...[ SuJu KiHae Yaoi Fiction ] - ...Last Minute Love...[ SuJu KiHae Yaoi Fiction ] นิยาย ...Last Minute Love...[ SuJu KiHae Yaoi Fiction ] : Dek-D.com - Writer

    ...Last Minute Love...[ SuJu KiHae Yaoi Fiction ]

    ไม่ว่าเราจะห่างไกลกันสักเพียงไหน...ไม่ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไปสักเท่าไหร่...แต่หัวใจของเขา...จะรักฉันจนถึงนาทีสุดท้าย...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,269

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.26K

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 51 / 10:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       
       
      …นิยามของความรัก...
       
      ...มีหลายคำนิยามจนไม่อาจจะจำมันได้หมด...
       
      ...แต่นิยามความรักของฉัน...
       
      ...มันมีแค่คำเดียวเท่านั้นที่จะแทนได้...
       
      ...นิยามของฉัน...
       
      ...คือ ‘เขา’ ยังไงล่ะ...
       
       
       
       
       
       
      สายลมเย็น ๆ ในยามเช้าพัดเข้ามายังระเบียงห้องนอนสีขาว เสียงนกร้องขับขานราวกับนักร้องวงโอเปร่าดังคลอไปกับบรรยากาศดี ๆ ใบไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลมแลดูสบายตา ถนนในซอยโล่ง ไม่มีรถวิ่งไปมาส่งเสียงหนวกหูให้รู้สึกหงุดหงิด เสียงวิทยุที่เปิดอยู่ภายในห้องดังแว่วออกมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราว ร่างเล็กยืดแขนขึ้นตรงพลางสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าไปเต็มปอด แล้วผ่อนมันออกมาช้า ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น
       
      ...ตอนเช้าของอีกวันหนึ่งที่เขาเฝ้าภาวนาให้มาถึงเร็ว ๆ ...
       
      รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนมุมปากของทงเฮ ร่างเล็กบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยหลังจากที่นอนท่าเดียวมาเป็นเวลาเกือบ 9 ชั่วโมง เขายังคงอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นใส่สบาย
       
      “ที่โน้นสบายดีไหมนะ คิบอม...”
       
      เสียงหวานดังแว่วออกมาจากริมฝีปาเรียวบางราวกับเสียงกระซิบ หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงและห่วงใย ร่างเล็กอมยิ้มนิด ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนพลางเอนตัวลงนอนแผ่บนเตียงใหญ่นุ่ม ๆ อีกครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตะแคงข้างไปมองยังที่ว่างข้างตัวเขาที่ยังคงหลงเหลือไออุ่นจากร่างสูงเอาไว้อยู่ แม้ว่าร่างสูงนั้นจะหายไปจากที่ตรงนี้ไปเป็นปี ๆ แล้วก็ตาม
       
      … 2 ปีแล้วที่คิมคิบอมจากเขาเพื่อสานไปต่อธุรกิจของพ่อแม่ที่ต่างประเทศ ถึงแม้ตอนแรกเขาจะเหงาไปบ้างก็ตาม แต่ทุก ๆ เดือนคิบอมก็ยังส่งจดหมายมาหาเขา ถามสารทุกข์ดิบแล้ก็เล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับที่โน้นให้เขาอ่านด้วย และคิบอมก็มักจะตบท้ายจดหมายด้วยคำว่า ‘รักนะ’ เสมอ แค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้เขาหายระแวงได้แล้วว่าคิบอมจะไปมีใครใหม่รึเปล่า...
       
      และวันนี้ก็สิ้นเดือนพอดี ไปรษณีย์คงมาส่งจดหมายให้เขาในตอนสาย ๆ ระหว่างนั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า...
       
      คิดได้ดังนั้นทงเฮก็ยันตัวขึ้นแล้วเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง หยิบชุดไปรเวทย์ออกมาแล้วเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี
       
      ...วันนี้เขาจะได้อ่านอะไรสนุก ๆ อีกแล้วล่ะสิ...
       
       
       
       
       
       
       
      หลังจากที่ทงเฮอาบน้ำเสร็จ ร่างเล็กก็เดินออกมายังหน้าบ้านของตน มือบางเอื้อมไปเปิดฝากล่องจดหมายออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อพบว่าข้างในนั้นมีจดหมายอยู่ 2-3 ซองข้างใน เขาหยิบมันออกมาแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านอีกครั้ง
       
      ทงเฮนั่งลงบนเตียงนอนของตนแล้วเริ่มเปิดจดหมายซองแรกที่คิบอมเขียนมาถึงเขา
       
      ‘ถึงทงเฮ
       
       
                      ว่าไง ยังสบายดีอยู่รึเปล่าครับ นายน่าจะลองมาอยู่กับฉันที่นี่นะ แบบว่า อากาศชั่งหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจเลยอ่ะ หิมะตกเป็นว่าเล่นแหน่ะ แต่คุณแม่ก็ยังให้ฉันออกไปทำงานอีก นี่ถ้าเกิดฉันไม่สบายขึ้นมาเนี่ยใครจะรับผิดชอบกันน้า~ แล้วที่เกาหลีเป็นไงบ้าง หนาวไหม?? รักษาสุขภาพด้วยนะ แล้วถ้าเกิดตอนกลางคืนหนาวขึ้นมา เดี๋ยวฉันจะบินกลับไปกอดนายเอง’
       
      อ่านถึงตรงนี้ร่างเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างขำ ๆ กับความคิดเด็ก ๆ ของอีกฝ่าย...แต่ก็นะ...เขาว่าก็น่ารักดี...
       
      ‘แต่ว่าไปนั่น ฉันจะบินกลับไปหานายได้ยังไงกัน งานยังมีอีกเต็มกระบุงเลย ง่า แต่อย่าหาว่าฉันไม่ใส่ใจนายนะ รู้ไหม เวลาฉันทำงานนะ อยู่ดี ๆ ฉันก็นึกถึงหน้านายขึ้นมาล่ะ หรือว่าก่อนที่ฉันจะมาทำงานที่นี่ นายใส่ยาพิษลงไปในอาหารให้ฉันกินรึเปล่า เลยทำให้ฉันคิดถึงนายขนาดนี้เนี่ย แหม ๆ แต่ไม่ต้องถึงขั้นใส่ยาเลยครับที่รัก แค่นี้กระผมก็คิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว ว้า~ อยากจะกลับไปนอนกอดหมอนข้างทงเฮเร็ว ๆ ซะแล้วสิ นอนคนเดียวบนเตียงใหญ่ ๆ มันน่ากลัวนะเนี่ย ถ้าเกิดกลางดึกฉันตื่นขึ้นมาเจอผีนอนอยู่ข้าง ๆ นี่ มันก็ออกจะ...บรึ๋ย! ยิ่งคิดยิ่งขนลุก’
       
      “ก็ขอให้เป็นแค่ผีเถอะคิบอม ถ้าเกิดเป็นคนนายตายแน่”
       
      ทงเฮพูดออกมาเบา ๆ ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาในที่สุด...ดูสิ...เขียนเอาอกเอาใจกันจริง ๆ นะ...
       
      ‘แต่ก็นะ เมื่อไม่กี่วันก่อนเงินเดือนออกแหละ แล้วแบบว่า กร๊ากกก!~ ยังกับฉันกำลังนั่งอยู่บนกองเงินกองทองแหละ ชักชอบที่นี่ตงิด ๆ แล้วสิ เงินเดือนดี แหม ๆ รู้สึกเหมือนสันดานออกแล้ว - -‘
       
      “ฮะ ฮะ นายนี่มัน หน้าเงินจริง ๆ แหะ”
       
      ทงเฮส่ายหัวไปมาอย่างขำ ๆ กับข้อความในกระดาษ ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าเป็นนอนอ่านแทนเพราะเริ่มเมื่อยขึ้นมา โดยไม่ลืมที่จะหยิบจดหมายอีก 2 ฉบับวางไว้ข้าง ๆ ตัว
       
      ‘เออใช่! เมื่อต้นเดือนอ่ะ มีพนักงานคนใหม่เข้ามาด้วยล่ะ เป็นผู้หญิงสวย ตัวสูงแต่เตี้ยกว่านายนิดหน่อยนะ หุ่นนี่แบบว่า ไปเป็นนางแบบได้เลย หน้าตานี่สุดยอด ต้องยกนิ้วให้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนหน้าตาดีอย่างนี้ในโลกด้วย แถมยังสุภาพอีกต่างหาก นี่เล่นเอาลูกน้องผู้ชายของฉันเคลิ้มน้ำลายไหลไปตาม ๆ กันเลยนะเนี่ย โอ๊ะโอ๋!~ แต่สำหรับกระผม ผู้หญิงคนนั้นก็สวยไม่เทียบเท่านายท่านหรอกขอรับ กระผมไม่เค๊ย~ไม่เคยคิดนอกใจนายท่านเลยนะขอรับ และไม่ว่าจะเมื่อไหร่กระผมก็ยังเป็นทาสที่ภักดีต่อนายทานเสมอนะขอรับ’
       
      “ยังจะเขียนมาให้หึงเล่นอีกเนอะ”
       
      เสียงหวานพึมพำเบา ๆ พลางเบ้ปากอย่างขัดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยังเขียนเกี่ยวกับพนักงานสาวของตนมาให้เขาอ่านแล้วเกิดอาการ ‘หึง’ อีกแล้ว
       
      ‘พูดถึงเรื่อง ผู้หญิง คราวก่อนมีลูกค้าคนหนึ่งมาคุยกับฉันด้วยแหละ รายนั้นก็จัดได้ว่าสวยสุด ๆ เลยนะ แต่งตัวนี่เหมือนกับจะมายั่วฉันโดยเฉพาะเลยอ่ะ แถมยังพูดนอกเรื่องอีก ฉันนี่แบบว่า เบื่อมาก นั่นแน่!~ หึงอ่ะดิ รู้หรอกนะตัวเอง โอ๋ๆๆๆ~ ไม่ต้องหึงหรอกนะครับที่รักยังไงกระผมก็มิอาจไปรักคนอื่นอยู่แล้วล่ะครับ กลัวนายท่านจะตัดคอผม’
       
      ติ๊งต่อง!
       
      ติ๊งต่อง!
       
      หากแต่ก่อนที่เขาจะได้อ่านต่อ เสียงกดออดหน้าบ้านของทงเฮดังขึ้นทำให้ร่างเล็กต้องละสายตาจากจดหมายในมือ ทงเฮวางจดหมายในมือลงบนเตียงอย่างเสียดาย ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบว่าซีวอนนี่เองที่เป็นคนกดออด
       
      “ว่าไง มีอะไรรึเปล่า?”
       
      ร่างเล็กเปิดปากถามทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และก็อยากจะขึ้นไปอ่านจดหมายต่อด้วย หากแต่ดูเหมือนร่างสูงตรงหน้ายังคงอึกอัก ใบหน้าคมมีแววลำบากใจเล็กน้อยจนเขาต้องเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
       
       “มีอะไรรึเปล่าซีวอน ทำไมทำหน้าลำบากใจอย่างนั้นน่ะ”
       
      “เอ่อ...ได้รับจดหมายจากคิบอมรึยัง...”
       
      ในที่สุดซีวอนก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีแววลังเลเล็กน้อย ร่างสูงไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับร่างเล็ก ไม่รู้เพราะอะไร หากแต่ทงเฮก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจมันสักเท่าไหร่นัก
       
      “อืม ได้แล้วล่ะ กำลังอ่านอยู่เลย”
       
      “นาย...ทำใจได้ใช่ไหม...?”
       
      เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง สายตาที่จ้องตรงมายังร่างเล็กนั้นมีเพียงเค้าแห่งความห่วงใยเท่านั้นจนทำเอาทงเฮถึงกับงงในคำพูดและสายตาของซีวอน...ทำใจ...ทำใจทำไม???
       
      “นายหมายความว่ายังไงหรอซีวอน ทำใจอะไร? ฉันงงนะ”
       
      “ถ้าเกิดนายไม่ไหวยังไงก็โทรหาฉันได้นะ ฉะ...ฉันไปล่ะ...”
       
      ว่าจบซีวอนก็เดินจากไปปล่อยให้ทงเฮต้องเอียงคออย่างสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย
       
      ...ทำไจ..??
      ...ไม่ไหว...??
      ...หมายถึงอะไรล่ะนั่น...??
       
      หากแต่ทงเฮก็ไม่คิดจะหาคำอธิบายเพิ่มเติมจากคำพูดเหล่านั้น เพราะตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงจดหมายที่คิบอมส่งมาให้เท่านั้น ร่างเล็กจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตนทันที ทงเฮเดินเข้ามาในห้องนอนของตนอีกครั้ง เขาหยิบจดหมายของคิบอมขึ้นมาอ่านอีกรอบก่อนจะพบว่าเขาอ่านจวนจะจบอยู่แล้ว
       
      ‘ว้า~ แย่จัง หมดเวลาแล้วล่ะ ขอโทษนะ รู้สึกคราวนี้จะเขียนสั้นไปหน่อย พอดีช่วงนี้งานเยอะมากกกกกกกก จนฉันแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยอ่ะ ยังไงก็ คิดถึงนะครับ รักที่สุดเลยล่ะ แล้วจะเขียนไปหาใหม่นะ
       
                                                                     
                                                                                                                                                      จาก คิบอมสุดหล่อ
       
      มือบางลดจดหมายในมือลงพลางอมยิ้มขำ ๆ กับการลงชื่อที่แสนจะหลงตัวเองของอีกฝ่าย หากแต่แล้วสมองก็อดนึกไปถึงบทสนทนาของซีวอนเมื่อกี้ไม่ได้...ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่น่า...สงสัยซีวอนจะละเมอแล้วล่ะมั้งงานี้...
       
      แต่ก่อนที่ทงเฮจะได้ลุกเดินไปไหน สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นจดหมายอีกสองฉบับที่วางอยู่ตรงปลายเตียง ฉบับหนึ่งเป็นซองกระดาษสีน้ำตาล ส่วนอีกฉบับเป็นซองสีขาวสะอาด คิ้วเรียวจึงเลิกขึ้นอย่างสงสัย...จดหมายอะไรกันนะ...ก็ในเมื่อคิบอมมักจะส่งจดหมายให้เขาเดือนละฉบับเดียวนี่น่า...หรือเดือนนี้มีวันพิเศษกันนะ...??
       
      ในที่สุด ร่างเล็กก็เลือกที่จะหยิบซองจดหมายกระดาษสีน้ำตาลก่อน เขาเปิดมันออกก่อนจะล้วงเข้าไปหยิบกระดาษข้างในออกมา
       
      คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเมื่อพบว่าสิงที่ติดมาในซองกระดาษซองนี้มันคือผลการเอ็กซเรย์อะไรสักอย่างที่เขาก็ดูไม่รู้เรื่อง เขาพลิกมันดูทั้ง 2 ด้าน ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ดี เลยลองเปิดซองจดหมายอีกซองดู
       
      ทงเฮหยิบกระดาษแข็ง ๆ ในซองจดหมายออกมา เขากวาดตาดูรายละเอียดที่เขียนในกระดาษแข็งนั่น ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจะเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่ออ่านจบ...
       
      ...บัตรเชิญไปงานศพ...ของคิม คิบอม...
       
      ...คิบอมแกล้งเขาอีกแล้วใช่ไหมนี่ ทำไมคราวนี้แกล้งแรงจัง...
       
      แต่ถึงแม้สมองจะคิดอย่างนั้น หากแต่หัวใจที่อยู่ข้างในกลับสั่นไหวแปลก ๆ อย่างหวาดกลัวอะไรสักอย่าง พลันสมองก็นึกไปถึงคำพูดของซีวอนอีกครั้ง หัวใจยิ่งกระตุกวูบเข้าไปใหญ่เมื่อพอจะเรียบเรียงอะไรได้...แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อ...
       
      ร่างเล็กเปิดซองจดหมายสีขาวซองเดิมนั่นอีกครั้ง เขาพบว่ายังมีกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นหนึ่งอยู่ข้างในนั้น มือบางรีบหยิบมันออกมาอย่างรีบร้อนก่อนจะเปิดมันออกอ่านด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำอยู่ในอก
       
      ‘ว่าไงทงเฮ นายยังสบายดีอยู่ไหม คงสบายดีสินะ แต่ฉันไม่ค่อยสบายเท่าไหร่เลยล่ะ รอบ ๆ ตัวฉันมีแต่สีขาวไปหมด ฉันลุกไปไหนไม่ได้เลย เจ็บที่หัวใจยังไงก็ไม่รู้สิ
      ทงเฮ ขอโทษนะที่ฉันไม่เคยบอกนายมาก่อน ที่ฉันต้องมาต่างประเทศน่ะ ไม่ใช่เพราะมาสานต่อธุรกิจหรอกนะ...แต่เพราะฉันเป็นโรคหัวใจยังไงล่ะ...
      ตอนที่นายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว นี่อาจจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายแล้วนะที่ฉันจะเขียนถึงนาย ขอโทษสำหรับทุก ๆ อย่างที่ฉันโกหกนายนะ...แต่สิ่งเดียวที่ฉันไม่เคยโกหกนาย คือฉันรักนาย
      ช่วงเวลาที่ฉันได้อยู่กับนายฉันมีความสุขมากเลยล่ะ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าการมาพบกับนายนั้นจะทำให้ฉันรู้สึกดีมากขนาดนี้ ขอบใจนะ
      และฉันรักนาย
      จนถึงนาทีสุดท้ายด้วยนะ
      ลาก่อน
       
      ราวกับหัวใจของเขาโดนใครบดขยี้ให้แหลกสลายคาพื้น เรี่ยวแรงที่เคยมีพลันหายไปไหนก็ไม่รู้ น้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกในตอนนั้นมันปนเปกันไปหมด ทั้งตามเรื่องไม่ทัน ทั้งไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ได้อ่าน ทั้งเสียใจ เจ็บปวด และอยากจะหายไปจากโลกนี้
       
      “ไม่...ไม่นะคิบอม...นายล้อเล่นแรงเกินไปแล้วนะ...”
       
      แต่ถึงแม้ปากจะบอกอย่างนั้น น้ำตามันกลับพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัว หัวใจมันบีบคั้นเข้าหากันจนเขาระบม
       
      กระดาษแผ่นเล็กในมือค่อย ๆ ปลิวหายออกไปทางหน้าต่างที่ร่างเล็กเปิดค้างไว้ เหมือน ๆ กับสิ่งสำคัญบางอย่างที่พรากไปจากเขา...
       
      “ไม่นะ...ไม่จริง มันต้องไม่ใช่สิ...”
       
      ...แม้ปากจะพร่ำบอกอย่างนั้น...แต่ควารู้สึกที่เหมือนกับสูญเสียอะไรบางอย่างไปมันกลับยิ่งทวีตัวมากขึ้นในจิตใจของเขา...
       
      “ไม่...ไม่!!!!!!!!!!!!!!”
       
       
       
      ...Last Minute Love...
       
                      ...ไม่ว่ายังไง...เขาก็ยังรักฉันจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต...
       
       
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×