ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC BIGBANG [GRI] ♦ Critical ♦

    ลำดับตอนที่ #3 : 97% #2 GRI Critaical : YG?

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 58







    Bigbang Fiction – GRI – Critical  Part #2YG?

    TITLE :BigBang Fiction

    PAIRING : GRI / GDVI / Nyongtory

    AUTHOR :lazysecretKKman 

    RATING : 15-17

    TALK : โอ้ยขอโทษที่มาช้าค่ะแงงงงง/โค้งเก้าสิบองศา เปิดเทอมงานถาโถมแรง T_T ต้องไปเรื่องงานศพก๋งด้วย

     

    ขอบคุณทุกคอมเม้นจริงๆนะคะที่ทำให้รู้ว่ายังมีคนชอบจีริเหมือนกันซึ้งมากกกกก เพื่อนเรามีแต่เมนคู่อื่นโฮรก เศร้าใจ จะสครีมใส่ตอนมีโมเม้นก็ไม่ได้

    จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละบทให้ได้เลยค่ะ! ขอเวลาอีกไม่นานบทสามจะมาเร็วๆนี้ 

    ปล.เราไม่ได้ไปคอนอ่ะเศร้าโฮรก /เรียนพิเศษรัวๆ /รอแฟนแคม /โซนหน้าคอม ซึงรีโอปป้าซารังเฮนะถึงจะไม่ได้ไปก็เหอะโฮรกกกกกกกกก T_T #ร้องไห้หนักมาก วีไลค์ทูปาร์ตี้ เย้เย้เย้ย แบ่งแบงแบ้งงงงงง ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

     

     





     

     

     

     

     

     

     

    จุดเริ่มต้นเล็กๆมักตามมาด้วยผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ

    มันเป็นเรื่องจริงนะครับ...

     

     

     

     

     

    โปสเตอร์สีแดงโดดเด่นสะดุดตาพร้อมตัวหนังสือขนาดใหญ่สีรตัดกันมำให้แม้ผู้ที่อยู่ไกลก็คงมองเห็นได้สบายๆ BEAT TIME #4 FOR KINGการแข่งขันถูกติดโปรโมทไปทั่วทุกที่เหมือนก็สารกระตุ้นชั้นดี โดยเฉพาะสองคำสุดท้าย FOR KING อย่างที่รู้กันของพวกใต้ดิน การแข่งขันอันเลื่องชื่อนี้แม้จะถูกจัดขึ้นแค่สี่ครั้งแต่ทุกทีมที่ชนะก็จะเป็น ตำนาน ถูกเรียกขานตามฉายาของและปี อย่างปีนี้ก็... ราชา

     

    น่าสนใจใช่ไหมล่ะ? ใครล่ะจะไม่อยากได้ชื่อนี้

     

    ไม่มีเงินรางวัล ไม่มีใบประกาศนียบัตร สิ่งที่ได้รับก็แค่ชื่อเสียงกับการพิสูจน์ตัวเอง กฏก็ง่ายไม่แพ้กัน ใครห่วยก็กลับบ้านไปการตัดสินจะมาจากการโหวตของผู้ชมและแนวหน้าของวงการใต้ดิน ถึงจะไม่เป็นการแข่งที่ทางการนักแต่จะไม่มีการโกงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ประเภทที่มีให้ลงก็คงไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากแรปและเต้น ทุกครั้งจะมีการดิสอย่างเมามันส์และท่าเต้นใหม่ๆเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทั้งดารา ไอดอล หรือแมวมองมาดูที่ข้างสนามเพื่อหาคนที่แววหรือเพื่อศึกษาก็ด้วย

     

    “อ้าว! ทำได้ดีมาก อีกครั้งชั่วโมงกลับมาเจอกันที่นี่ห้ามเลท”

     

    สิ้นเสียงเสียงประกาศจากหัวหน้าทีมเต้นให้ผู้ฟังเกือบสิบชีวิตทรุดนั่งลงไปตามๆกัน การซ้อมเต้นเพลงที่จะแข่งในอีกสามเดือนข้างหน้าเหนื่อยใช่เล่นอีกทั้งยังทำให้เกิดความเครียดเล็กขึ้นมาด้วยเพราะถึงจะมีเวลาอีกเหลือเฟือแต่หัวหน้ากลุ่มฃก็ไม่คิดจะปล่อยเวลาให้ผ่านไป ท่าเต้นโดยรวมสำเร็จไปกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นถึงจะยังไม่แน่นอนแต่พอเทียบกับเวลาแค่สามวันก็ถือว่าเร็วมาก

     

    ซึงฮยอนกวาดสายตาหาร่างของคนๆหนึ่งทันทีที่หายหอบแต่ก่อนจะเดินเข้าไปคุยก็มีใครกอดคอและลากตนไปซะก่อน ชายหนุ่มผมสีคาราเมลพร้อมไฮไลท์สีแดงซึ่งดูก็รู้ว่าต้องไปทำผมที่ร้านในห้างอย่างแพงมาแน่ๆพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร

     

    “โย่ว”

     

    “พี่กอนโฮ!! สวัสดีครับ”

     

    เด็กหนุ่มโค้งทักทายและฉีกยิ้มกว้างดูดีในแบบของตนด้วยความดีใจ คนที่อยู่ตรงนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่จริงใจกับเขา กอนโฮ ถึงแม้ไม่ได้มาดูแลหรือสอนเต้นมากนักเพราะเรียนมหาลัยอยู่ก็ตามที ตอนมาโซลใหม่ๆเด็กต่างจังหวัดอย่างเขาก็ถือว่าใช้ชีวิตลำบากใช่เล่น ต้องขอบคุณคำแนะนำและ คำเชิญ ของรุ่นพี่คนนี้ถ้าไม่ได้เจอกันวันนั้นเขาคงไม่ได้มาอยู่เบรฟซีอาร์อย่างตอนนี้แน่นอน ที่สำคัญมากกว่านั้น..

     

    เป็นคนทีทำให้เจอกับพี่ชายที่แสนดี..

     

    “นายสิบแปดรึยัง ห้ามโกหกนะ!”.

     

    “ห..ห้ะ? อ่อครับ เมื่อสามเดือนก่อนนี้เอง มีอะไรเหรอครับ?”

     

    “คืนนี้พวกเรามีนัดกันที่คลับประจำแหล่ะ ไปด้วยกันเหอะนะ จะได้ถือเป็นการเปิดตัวขอบอกว่ามากันครบกลุ่ม อะหยุดเลยนะ! ตัวจริงที่ได้ลงDTบังคับไปห้ามขาดห้ามเบี้ยวต่อให้นอนโรงบาลก็ต้องไป นายไปพร้อมไอจีก็ได้ให้มันเลือดชุดแบบหล่อๆด้วยเป็นคำสั่ง ไปละ” ว่าจบกอนโฮก็วิ่งกลับไปคุยกับหัวหน้าทีมเต้นทันที

     

    “ได้เลยครับ” ซึงฮยอนตอบรับอย่างดี สิ่งที่ทำให้เขาอยากไปไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอลฮอลล์ดีกรีแรงๆ ผู้หญิง หรือแสงสีต่างๆแต่เพราะคลับที่จะไปนี้มักมีการแข่งแร๊พและเต้นแบบฟรีสไตล์เสมอ คนเข้าร่วมก็มีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าให้คอยแลกเปลี่ยนคุยเกี่ยวกันเกี่ยวกับเพลงและรสนิยมส่วนตัว นับว่าเป็นกิจกรรมโปรดของเด็กหนุ่มเลยก็ว่าได้

     

    “เฮ้”

     

    กระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อดังถูกโยนมาโดยกะให้ตกลงที่มือเขาได้พอดีไอเย็นที่สัมได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่ใช่น้อย

     

    “รู้เรื่องแล้วใช่ไหม?” จียงพูดขึ้นหลังจากทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ขอบตาของเขาดูคล้ำกว่าปกติอาจเพราะต้องเตรียมตัวแข่งถึงสองรายการ ทั้งแรปและเต้นจึงไม่ค่อยได้นอนเพียงพอแม้จะอยู่ในช่วงปิดเทอมก็ตาม

     

    “อ่าห้ะ โอ้ยฮยองไปคลับนี่ต้องแต่งตัวไงอ่ะ กอนโฮฮยองบอกให้เอาหล่อๆ ช่วยผมเลือกหน่อยดิ” เด็กหนุ่มพูดพลางเสยผมสีดำเงาของตน

     

    “เออ นายใส่เสื้อฉันไปก็ได้”

     

    “ครับขอความกรุณาด้วยนะครับ ท่านจีดราก้อ--- โอ้ยๆๆๆฮยองผมล้อเล่นน่า ฮ่าๆ”ไม่ทันจบประโยคล้อเล่นเมื่อครู่ ฝ่ามืออันสวยงามหากไม่หลบให้ดีคงประทับที่กลางหน้าแล้ว แต่ก่อนจะเอ่ยชวนคุยหัวหน้าทีมเต้นก็เรียกให้กลับไปซ้อมต่อ

     

    ❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈

     

    คลับ DIAMON HONG

     

    มันไม่ได้แตกต่างจากที่ได้ยินมามากนัก แต่ดูแล้วก็สมกับเป็นท็อปเท็นคลับในฮงแดชื่อ ไดมอน ฮงนี้ก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกอยู่แล้ว แสงสีจากทั่วทุกทีพุ่งไปที่ฟลอ ผู้คนมากมายต่างโชว์ลีลาออกมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่เว้นแม้แต่ที่โต๊ะหรือบาร์ ขณะที่เดินเข้ามาที่จุดนัดพบเขาก็สังเกตว่ามีการเล่นดื่มอยู่หลายโต๊ะ บางคนที่กับลงไปนอนกับพื้นเพราะน็อคไปแล้วก็มี

     

    บางทีความบังเอิญก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เหมือนกลุ่มเต้นอื่นๆก็เหมือนจะนัดกันมาสังสรรค์กันที่คลับนี้เหมือนกันดังนั้นเมื่อรวมกับแฟนคลับกับนักท่องราตรีคนอื่นๆทำให้ทางเดินดูแคบไปถนัดตา

     

    “ทางนี้ๆ” เสียงแหบต่ำดังสู้กับเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม โต๊ะใหญ่สองโต๊ะตรงระเบียงถูกจับจองไว้ถือเป็หนึ่งในที่วีไอพีเพราะสามารถมองเห็นภาพรวมและไม่มีใครเดินผ่านไปมาเหมือนโต๊ะอื่นๆ

     

    “เหมือนจะมากันครบ..โอ้โห ใช่ย่อยนี่หว่า ทีหลังก็หัดแต่งตัวนอกจากยีนกับเสื้อฮู้ดบ้างนะไอหนู”กอนโฮรู้สึกแปลกใจไม่น้อย คิดไม่ผิดที่ให้รุ่นน้องคนเก่งเป็นคนจัดชุดให้ เสื้อเชิร์ตแขนยาวสีเลือดหมูมีลายปักเป็นตัวอักษรดูมีภูมิฐาน กางเกงสีขาวผ่องตัดกันบวกกับผมที่เคยยุ่งแต่ตอนนี้กับอยู่ในทรงที่เซ็ทมาอย่างดีดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าก็หล่อไม่น้อยเหมือนกัน

     

    “โห่ ฮยองแน่นอนดิ ผมเป็นคนเลือกก็งี้แหล่ะ”อีกคนก็ไม่แพ้กันแม้จะไม่ได้แต่งมากมายอะไรแต่ก็เรียกได้ว่าลงตัว เสื้อกั๊กยีนกับเสื้อแขนกุดสีแดงสดกางเกงเดฟยาวเข้ารูป มันจะดูธรรมดาไปเลยหากคนใส่ไม่ใช่คนที่ชื่อว่า ควอน จียง

     

    “ในเมื่อมากันครบแล้วฉันก็ขอแนะนำละกัน อ้าวไอจีมายืนนิ่งไรตรงนี้หลบไปๆแกมันหน้าเก่าแล้ว”  ว่าเล้วเสียงหัวเราะก็ตามมาเจ้าตัวยิ้มนิดๆก่อนจะเดินไปนั่ง “จริงๆก็คงเคยเห็นหน้าตากันแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการตามธรรมเนียบอ่ะนะ นี่ชื่อ อี ซึงฮยอน น้องใหม่มาแรงดุจดั่งเพลิงงงงงงง ผู้ได้เป็นตัวจริงของกลุ่มเราในDT ขอเสียงปรบมือด้วยครับผม”  ลูกล้อที่นั่งดูอยู่ก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั่วหน้าแม้จะมีความรู้สึกตรงข้ามโดยสิ้นเชิงก็ตาม

     

    “เอ่อ สวัสดีครับ อีซึงฮยอน อายุสิบแปดมาจากกวางจู.... ครับ”

     

     “กร๊ากกกกกกกก การแนะนำตัวอะไรเนี่ยห้ะ โอ้ย ฮ่าๆ น้องใหม่เราคงจะตื่นเต้นน่ะเอาเป็นว่าดื่มกันไปคุยกันไปแทนละกันอ้าว ในวันนี้ฤกษ์งามยามดีที่พวกเราสามารถมารวมตัวกันได้อย่างครบทุกคนนี้ ใครไม่เมามีเคือง!! คัมปาย” พูดจบหัวหน้ากลุ่มที่พูดแทรกขึ้นมาช่วยฃีวิตซึงฮยอนได้พอดี แก้วที่บ้างเต็มไปด้วยเบียร์และไวน์ชั้นเริศถูกกระดกหมดอย่างรวดเร็ว เครื่องดื่มแอลกอลฮอลล์ขวดแล้วขวดเล่าถูกสั่งมาอย่างไม่ขาดสายราวกับไม่สนใจราคาหรือเวลาที่กำลังดำเนินอยู่เลย

     

    แต่อาหารหรือแม้แต่น้ำเปล่าไม่ได้ตกถึงท้องของเด็กหนุ่สมที่เดินแยกมาเข้าห้องน้ำคนนี้อยู่เลย

     

    ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการเฉลิมฉลองหรือปาร์ตี้แต่เขาแค่ไม่มีอะไรจะพูดออกไปถ้าอยู่คงจะทำให้รุ่นพี่บางคนอึดอัดเปล่าๆจึงตัดสินใจเดินออกมาล้างหน้าล้างตาเพื่อชำระความง่วงออกไปเข็มสั้นชี้ที่เลขหนึ่งเข้าไปแล้วจะหนีกลับก่อนก็ไม่ได้ วิธีสุดท้ายคงมีเพียงการเดินมาสูดอากาศที่ลานจอดรถที่หลังร้านเท่านั้น

     

    ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มหม่นหมองเพราะเมฆสีเข้มเข้ามาปกคลุม สายลมที่แฝงไปด้วยไอชื้นที่ปะทะเข้าที่ผิวหน้าคงเดาได้ไม่ยากว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกตามพยากรณ์อากาศที่ได้ฟังมาเมื่อเช้า มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่แต่สำหรับซึงฮยอนนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบมากที่สุด มันช่างเย็นสบายและทำให้หวนคิดถึงอะไรหลายๆอย่าง

     

    นับตั้งแต่ออกจากบ้านเกิดมาจนถึงที่นี้..

     

    ที่ที่เท้าสองข้างยืนนิ่งอยู่

     

    ต้องเจอกับอะไรที่สาหัสและเจ็บปวดมาก็ไม่น้อย ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติที่สามารถพูดคุยปรึกษาปัญหาของตัวเองได้เลย  บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองเกิดมาพร้อมกับดวงจริงๆ เขาโชคดีมากๆทีได้เจอกับคนมากมาย ทั้งดีและไม่ดี มันทำให้เห็นอะไรมากขึ้น

     

    ยิ่งนึกย้อนไปก็เหมือนจะมีใบหน้าคนๆหนึ่งแว้บเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เรียวหน้าคมอันเป็นเอกลักษณ์นั่นเป็นของ ฮยองคนสำคัญของเขา ตอนแรกก็ไม่เคยคิดหรอกนะว่าตัวเองจะเป็นอะไรสำหรับคนที่ชื่อควอน จียงได้บ้าง รู้แต่ว่าอยากจะคอยสนับสนุนคอยมองแผ่นหลังนั่นด้วยความชื่นชมก็คงเพียงพอ

     

    มันช่างขัดความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกเหลือเกิน

     

    ยิ่งรู้จัก ยิ่งผูกพันธ์ก็ยิ่งอยากจะไปอยู่ในจุดนั้น ที่ข้างๆไม่ใช่แบบในตอนนี้ มันค่อยๆใกล้ขึ้นเรื่อยๆแล้ว ต้องฝึกให้มาก ต้องเป็นที่ยอมรับจะได้ยืนที่เวทีเดียวกันได้อย่างไม่มีข้อครหา นั่นคือเป้าหมายสูงสุดในตอนนี้ จริงอยู่ที่ตอนแรกทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ในหลายๆความหมายแต่พอเปิดใจกันกลายเป็นว่า ซี้กันหยั่งกะรู้จักกันมาเป็นสิบปีถ้าถามตอนนี้คงไม่มีมือไหนยกขึ้นมาพนันมาว่าทั้งสองจะต้องแตกหักกันอย่างแน่นอน

     

    แปะ...

     

    หยาดน้ำจากเบื้อบรเรียกสติคืนมาจากภวังค์ พร้อมกับเสียงโหวกเหวกที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกลพลันวสายตาหันไปเจอกับกลุ่มนักเลงสามคนที่กำลังยืนล้อมคนที่เหมือนจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเขาอยู่

     

    “ก็บอกให้เอามาไง ทำงานที่นี้ไม่ใช่เหรออย่ามาทำหน้าซื่อ!” พูดจบหนึ่งนั้นก็ถีบเข้ากลางอกของเด็กหนุ่มหน้ามนที่ไม่รู้จักชื่อคนนั้น

     

    “ผมมีรึไม่มีคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะครับต่อให้เป็นลูกค้าก็เหอะ! คุณโตแล้วก็หัดหาเงินด้วยตัวเองสิ แขนขาก็มีเหมือนกัน”

     

    “ปากเก่งนักนะจพทำให้พูดไม่ได้เลอั่ก” รู้ตัวอีกทีร่างกายก็พุ่งเข้าไปถึงตรงข้างหลังนักเลงที่กำลังตะโกนอยู่ ซึงฮยอนผลักหลังผู้ชายคนนั้นจนล้มลงไปกับพื้นก่อนจะกระชากคนกำลังตกเป็นเหยื่อคนมาและออกตัววิ่ง

     

    “ไว้ค่อยคุยหนีก่อน!” ฮีโร่หน้าใหม่พูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าคงไม่ถูกหยุดไล่ล่าเอาง่ายๆ

     

    ❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈❈

     

    “แฮ่กๆ..”

     

    เสียงหอบดังสลับกันเป็นระยะ ทั้งคู่เลือกที่จะมาหลบที่ข้างห้องเก็บไวน์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ทางมามากนักด้วยการนำทางของเด็กหนุ่มนิรนาม เมื่อหัวใจกลับมาเป็นต้นเป็นจังหวะปกติอีกครั้งบทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

     

    “ขอบใจนะนายช่วยฉันไว้”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก เมื่อก่อนฉันก็โดนบ่อยๆ พวกคนแบบนั้นพูดอะไรไปก็ไม่ฟังหรอก” พูดจบซึงฮยอนก็ค่อยๆพิงหลังเข้ากับกำแพงที่เย็นเฉียบแล้วหย่อนตัวนั่งด้วยความเหนื่อย ตอนที่มาโซลช่วงแรกก็มีหลายครั้งที่เขาโดนแบบนี้แต่เพราะยังเด็กและไม่ค่อยรู้เรื่อง เล่นเอาแทบอยากจะหนีกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด“นายทำงานที่นี่เหรอ? เอ่อ..ฉันได้ยินที่พวกนั้นพูดน่ะ”

     

    “ใช่แล้ว เฮ้อ....เจอแบบนี้บ่อยๆก็เบื่อเหมือนกัน พวกนักเลงน่ะชอบมาตอนการ์ดไม่อยู่ ฉันทำอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะเป็นลูกค้าถ้าโดนเซเว่นฮยองไล่ออกคงจบเห่แน่ๆ”

     

    “เห...แสดงว่านายอายุมากกว่าฉันน่ะสิ?”

     

    “อืมฉันว่าคงจะเป็นแบบนั้นนะ.. เกิดปี89 ชื่อแดซองยินดีที่ได้รู้จักนะน้องฮีโร่”

     

    “อะไรล่ะนั่น 555555 เออเช่นกัน ฉั...ผมอี ซึงฮยอน ” คนอายุน้อยกว่ายื่นมาไปเช็คแฮนอันเป็นตัวบอกว่าเราได้เป็นเพื่อนกันแล้ว คิดไปคิดมาก็เริ่มสงสัยว่าทำไมตัวเองเจอคนอายุเท่ากันน้อยผิดปกติถ้าไม่นับเพื่อนที่กวางจูก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น

     

    “เหมือนนายจะอยู่กลุ่มเบรฟศซีอาร์สินะ มากับคนที่ชฃื่อจีดราก้อนด้วยสนิทกันเหรอ?” แดซองเอ่ยขึ้นพลางมองต้นทาง

     

    “สนิทเลยล่ะ ไม่หน้าเชื่อว่าฮยองจะรู้จักวงการใต้ดินอย่างพวกผมด้วยนะเนี่ย จริงๆถ้าเทียบกับคนอื่นก็เข้ามาไม่นานหรอก”

     

    “ระดับนี้น่า ฉันชอบไปดูโชว์ของกลุ่มนาย จะบอกว่าคิดว่าอยู่มานานแล้วซะอีก ตอนแสดงที่ฮงแดอ่ะโครตเจ๋งถึงจะแค่เปิดหมวกก็เหอะ อา...เสียดายจังถ้านายไม่ได้อยู่ฉันจะแนะนำให้ท่านประธานค่ายซะหน่อยไหนๆก็รู้จักกันแล้ว”

     

    “จำได้ซะด้วยแฮะ ว่าแต่ประธานค่าย? ฮยองเป็นเทรนนี่เหรอ” ซึงฮยอนตาวาวขึ้นมาทันทีถ้าให้เลือกเขสก็ว่ามันยากระหว่างกลุ่มใต้ดินกับเป็นเด็กฝึกไปเลย เพราะถ้าเป็นกลุ่มใต้ดินล่ะก็จะสามารถแสดงตัวตนออกมาได้เต็มที่มากกว่าในหลายๆด้านแต่ก็แลกมากับสังคมที่ไม่สวยหรูเท่าไหร่ ส่วนถ้าอยู่กับค่ายใดค่ายหนึ่งไปเลยก็เหมือนกับอยู่โรงเรียนต้องฟังครูสอนสิ่งต่างๆ คอยฝึกและพัฒนาให้ผ่านก็คักเลือกและการวัดผลประจำเดือนซึ่งบางครั้งก็มีการระบุหัวข้อในการแสดงด้วย

     

    “ใช่แล้วอยู่ YG น่--

     




    ..

     




                    ไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงห็ดังขึ้นขัด บนหน้าจอนั่นปรากฏชื่อของคนโทรเข้า

     

     

    Jiyonghyun

     

    “เฮ้ยแย่ล่ะ” จะว่าไปตัวเองก็หายไปนานเกินไปสำหรับการสูดอากาศนี่นา นิ้วเรียวกดลงที่ปุ่มสีเขียวอย่างรวดเร็ว “ครับฮยอง?”

     

    “เจอกันที่หน้าประตู เร็ว ” น้ำเสียงที่ดังตอบกลับมาเล่นเอาเย็นวูบ เดาได้เลยว่าต้องอารมณ์ไม่ดีอยู่มากแน่ๆชั่วครู่ก่อนที่จะตอบรับคำ เสียงข้าวของกับเสียงเอะอะก็เข้ามาในหู

     

    “เร็ว!

     

    ติ๊ด-

     

    “เฮ้ยจียงฮยอง! เวรเอ้ยเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”

     

    “ทำไมเกิดอะไรขึ้น ให้ฮยองช่วยอะไรไหม” แดซองที่ยืนอยู่เอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะเจ้าของโทรศัพท์แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด

     

    “เหมือนฮยองเขาจะมีเรื่อง ผมต้องรีบไปหน้าร้า-

     

    งั้นทางนี้ตามฉันมา!” ไม่รีรอสองเท้าออกตัววิ่งเป็นรอบที่สองของวัน เส้นทางบริเวณหลังร้านค่อนข้างรกแทบทุกที่เต็มไปด้วยลังกระดาษและขวดแก้วที่เปิดแล้วแสงไฟก็ติดๆดับๆบวกกับต้องคอยระวังพวกนักเลงนั่นอีกทำให้การไปถึงที่หมายทำให้ลำบากกว่าเดิม

     

    “เหอะ! แค่เก่งหน่อยอย่ามาทำเป็นปากดี!

    “ปากดี? ขอบคุณที่ชมนะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ปากทุเรศเหมือนพวกห่วยแตกแถวนี้ละกัน ”

    “นี่มึง!

     

    เสียงตะโกนที่เริ่มรุนแรงขึ้นทำให้รู้ว่าเขาอยู่ไม่ไกลแล้ว ทันทีที่มาถึงสถานที่นัดพบก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้าจียงกำลังยืนประจันหน้ากับพวกรุ่นพี่ในกลุ่มโดยมีกอนโฮยืนขั้นกลางไว้อยู่ ของเหลวสีแดงไหลอาบอยู่บนแก้มของทั้งสองฝ่ายแค่นั้นยังไม่พอในมือหยาบกร้านของฝั่งรุ่นพี่มีขวดเบียร์ยี่ห้องดังไว้ด้วย ถ้าไม่มีคนห้ามเด็กหนุ่มแทบไม่อยากจะนึกภาพตามเลย

     

    “อ้าวมาแล้วเหรอไอเด็กเวร มาทีเดียวก็ดีจะได้สั่งสอนทีเดียวว่าระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมันเป็นยังไง!!!” พอชายร่างท้วมตะโกนใส่อย่างแข็งกร้าวก่อนจะเดินเข้ามาหาสัญชาตญาณก็ทำตามหน้าที่ของมันทันที เท้าทั้งสองข้างถอยไปจนติดกับรถที่จอดไว้จนไม่เหลือพื้นที่ก่อนที่หมัดตรงจะพุ่งเข้ามาใส่หน้าก็มีร่างคนคนนึงเข้ามาขวางไว้ก่อน

     

     

     

     

     

    มึงจะทำอะไรไม่ทราบ  ไสหัวไปซะ...” ความโกรธที่ระงับมาเนิ่นนานกในที่สุดก็ประทุ ในใจของจียงปฏิเสธและเกลียดระบบที่เต็มไปด้วยช่องว่างนี้มาตลอดมันไม่ถูกต้องที่จะทำไม่ดีกับคนอายุน้อยกว่าและนำกฎนี้มาอ้าง

     

    “ก...กล้าพูดแบบนี้กับกูเรอะ!!!!” ฟันเรียงไม่ได้รูปนั่นดังกรอดๆ สายตาเอาเรื่องเล่นเอาแดซองที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับกลัว

     

    “เออ ฟังให้ดี ฉันกับซึงฮยอนจะถอนตัวจากกลุ่มเหี้ยๆนี่ พวกเพลงที่ฉันทำไว้ให้พวกแกลงDTถ้าไม่มีปัญญาคิดเองใหม่ก็เอาไปใช้ก็ได้ตามสบาย ขอโทษนะครับพี่กอนโฮหวังว่าจะเข้าใจพวกผมนะ” ประโยคเด็ดขาดนั่นทำให้สายตาทุกคู่เบิกกว้างขึ้น อันดับหนึ่งของกลุ่มกำลังพูด อะไรออกมาก ความเป็นไปหลังจากนี้คงไม่ต้องเดา “กล้บกัน ...” ร่างสมส่วนได้รูปของคนพูดหันกลับไปทางถนนใหญ่ เด็กหนุ่มไม่รู้จทำตัวอย่างไรนอกจากจะโค้งให้กับกอนโฮที่กำลังตะลึงอยู่ก่อนจะดึงให้แดซองตามมาด้วยเพราะถ้าอยู่ต่อคงไม่ปลอดภัยแน่ๆ

     

     

     

     

    “ฮยองนี่มันเกิดอะไรขึ้นอธิบายให้ฟังหน่อย” หลังจากขึ้นรถแท็กซี่มาได้สักพักซึงฮยอนก็ถามขึ้นอย่างร้อนรนให้หัวตอนนี้ทุกความคิดมันตีกันไปหมดแล้ว “พี่มีเรื่องอะไร”

     

    “ก็แค่เหลืออดกับไอพวกเวรนั่นแล้วแค่นั้นแหล่ะ สวะทำตัวไม่น่าเคารพ ขอโทษนะที่ลากนายออกมาด้วยแต่ถ้าปล่อยนายไว้นายตายแน่ๆ” คนที่นั่งข้างคนขับเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันมามอง “แล้วนั่นใคร” แดซองที่นั่งเงียบมาตลอดทางสะดุ้งจนหัวกระแทกกระจก เขาแทบจะบ้าตายกับบรรยากาศน่าหดหู่และอึดอัดนี่ บุคคลที่เข้าใจเขาคงมีแค่โชเฟอร์ที่มองแต่ทางข้างหน้าล่ะมั้ง..

     

    “เอ่อ...ผมแดซองได้ซึงฮยอนช่วยไว้เมื่อกี้...”

     

    “ผมไม่ได้คิดมาเรื่องจะออกหรือไม่ออกหรอก ถ้าผมเจอกลุ่มที่ดีกว่านี้ก็คิดจะชวนฮยองออกอยู่แล้ว ประเด็นคือแล้วจะทำยังไงกันต่อดี”

     

    “......”

     

    ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้งสารภาพตามตรงจียงก็ไม่เคยคิดจะออกจากกลุ่มนี้เลยเหมือนกันกันเพราะตัวเองถือเป็นตัวหลักและคนดีๆและจริงใจกับเข้าก็มีอยู่มากในกลุ่ม แต่ทุกสิ่งย่อมมีการสิ้นสุด ความอดทนของเขาก็เช่นกัน ในช่วงหลังๆคำสบประมาทเสียดสีก็มีให้ได้ยินแค่นั้นยังพอไหวแต่ถึงขนาดมาด่ามาพานหรือลงไม้ลงมือใส่แบบนี้ก็ไม่ไหว แม้จะะเป็นรุ่นพี่ก็ตามที และต่อให้เรื่องนี้เงียบไปไม่นานก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

     






    “ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของพวกนายหรอกนะแต่ถ้ายังอยากอยู่กับเสียงเพลงต่อไป...

     

     

     

     

     

    ลองมาเป็นเด็กฝึกที่วายจีไหมล่ะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “วายจี?..” คิ้วของทั้งคู่เลิกขึ้นด้วยความสนใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    รู้ตัวอีกที่ก็เดบิวต์แล้ว... ช่วงชีวิตอันน้อยนิดของผมผ่านอะไรมามากจริงๆ พอนึกย้อนกลับไปถ้าผมไม่ได้มาที่โซล ไม่ได้เข้าเบรฟซีอาร์ ไม่ได้เจอพวกฮยอง ชีวิตตอนนี้จะเป็นยังไงนะ.. นึกไม่ออกเลยล่ะ

     

    การนึกถึงอดีตที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในงานอดิเรกนอกจากการอ่านหนังสือหรือการนอนไปแล้ว ผมอยู่ที่นี้มาได้เกือบสามอาทิตย์แล้ว ทำทุกอย่างเท่าที่จะนึกออกจนไม่เหลือตัวเลือกใดๆอีก

     

    แต่วันนี้ดูท่าจะดีกว่าเดิม เพราะเมื่อเช้าพี่เมเนเจอร์บอกว่าท็อปฮยองจะมาเยี่ยมแหล่ะ

     

     

    ไม่นะ ผมดีใจจริงๆ ถึงจะคนนั้นจะไม่ได้ติดต่อมาเลยผมก็ไม่คิดมากหรอก ผมรู้ว่าเขายุ่งน่า เป็นลีดเดอร์ก็งี้แหล่ะ.... ผมโตแล้ว..... นะ....

     

     

     

     

     

     

    แต่ถึงขั้นไม่มาเลยตลอดหลังจากฟื้นนี่มันไม่เกินไปหน่อยรึไง!?

     

    ถ้าไม่ติดตรงที่ไม่มีคอมพ์หรือโทรศัพท์ใช้จะแฮคเข้าแฟนคาเฟ่เช็คตารางงานให้รู้แล้วรู้รอดเลย โอ้ย ไม่ดิไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเหมือนผู้หญิงแบบนี้ซะหน่อย ไม่มาก็ไม่ต้องมา

     

     

     

    แกร็ง...

     

    เสียงโลหะดังกระทบพื้นทำให้ผมหลุดจากความคิดงี่เง่านี่ แย่ล่ะ สงสัยเมื่อกี้ตอนไปชกหมอนระบายอารมณ์มือจะไปโดนช้อนสแตนเลสในแก้วที่เคยมีนมร้อนของโปรดของผมที่คุณพยาบาลเอามาให้ดื่มก่อนนอน

     

    “โอ้ย...”

     

    บางทีการไม่บาดเจ็บก็เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆนะครับ แค่เอี้ยวตัวความเจ็บแปล๊บก็ประดังเข้ามาอีกแล้ว ช่วยไม่ได้น่ะนะ สุดท้ายก็ต้องยอมลงจากเตียง อ้าว ผมไม่ได้บอกเหรอตอนนี้ผมพอยืนได้แล้วนะถึงจะได้ไม่นานก็เหอะแต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องทิ้งน้ำหนักไปที่ขาขวาข้างเดียวอยู่ดีแหล่ะ

     

     

     

     

    เดี๋ยวนะ...

     

    ลืมไปว่าตัวเองย่อไม่ได้...

     

     ก้มก็ไม่ได้... 

     

     

     

     

     

     

    โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     

    “อ้าวซึงรีว่าไง... เฮ้ยไอบ้า!!! ใครใช้ให้ยืนห้ะ จะเอาอะไรก็เรียกพยาบาลดิวะ!!”เสียงทุ่มต่ำอันเอกลักษณ์ดังขึ้น คนมาใหม่พุ่งเข้ามาจับผมนั่งที่เตียงทันที “ถ้าอยากเข้าห้องน้ำเรื่องแบบนี้นายต้องกล้าเข้าใจมั้ยห้ะ แค่กดปุ่มเรียกมันยากตรงไหนแล้วก็-”

     

    “ฮยองใจเย็นผมแค่จะเก็บช้อนอ่ะ” ผมยกสองมีปรามคนที่ดูถ้าจะสติแตกไปแล้ว วันนี้เหมือนว่าท๊อปฮยองจะมีคิวถ่ายหนังไม่ก็ออกรายการล่ะมั้ง เขามาพร้อมเสื้อโค้ทสดำดูสุขุมแถมผมยังเซ็ทมาอย่างดีด้วย

     

    “นั่นแหล่ะยิ่งไม่ได้ใหญ่หยุดเลยๆนอนไป ”

     

     

    “ฮะๆ” ผมตอบรับส่งๆไปแต่ก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ไม่สะดุดกับกล่องกระดาษสีน้ำตาลทองในถุงที่ฮยองถือมาด้วย

     

    “ทีงี้ล่ะไวเชียวนะ นายยังกินของหนักมากไม่ได้เลยซื้อพวกขนมมา แต่เอาไว้กินพรุ่งนี้ดีกว่า.. ใช่ๆดีกว่าแหล่ะ” เจ้าตัวพูดเองเออเองโดยไม่ได้ถามคุณน้ำย่อยที่กำลังกัดเซาะผนังกระเพาะนี่เลย ผมกินมื้อเย็นไปตั้งแต่ห้าโมงแล้วนะฮยอง

     

    “ใจร้าย.... แล้วคนอื่นอ่ะเป็นไงบ้าง”

     

    “ก็บ้าเหมือนเดิม” ท็อปฮยองพูดพลางสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เครื่องโปรดของตัวเองอยู่ที่โซฟาตรงข้ามผม

     

    “แล้วจีดีฮยองอ่ะ”

     

     

     

     

    CRY .q 36.0pt"> 

     

    นั่น...นิ่งไปสามวินาที...

     

     

    “ก็ทำงานของมันแหล่ะ”

     

     

    ไม่สบตาซะด้วย....

     

     

    “เหรอฮะ.. ฮยองผมยื้มโทรศัพท์เล่นหน่อยดิไม่มีไรจะทำแล้วเบื่ออ่ะ”

     

    “ก็คุยกับฮยองนี่ไง คนป่วยก็ทำให้สมกับคนป่วยหน่อยนอนนิ่งๆไป” เขาตอบโดยไม่เงยหน้าและปัดมือไปมา

     

    “คนบาดเจ็บตะหาก โห่มีแต่ฮยองใจร้าย ไม่ค่อยมาเยี่ยมแถมยังงกอีก” ผมพูดตัดพ้อแบบไม่ใช่ตัวเองไป พระเจ้าได้ผลทีเหอะ

     

    ลืมไปว่าคนตรงหน้าคือชเว ซึงฮยอนหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สามารถต่อรองกับผมได้...

     

    “เดี๋ยวปั้ดเอาเค้กคืน เงียบๆไปเลย ดื้อใหญ่ละมักเน่”

     

    “.............” ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะแค่หิวน่ะ.. อา ช่างเหอะเงียบก็ได้วะ

     

     

    มาๆเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ เนี่ยผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ เหมือนเขาพยายามตัดขาดผมจากโลกภายนอกจริงๆ ตอนอยู่หอก่อนหน้านี้ผมจะเล่นจะคว้างจะปาทิ้งไม่เห็นฮยองจะว่าเลย

     

     

     

     

    คิดสิฟะซึงฮยอน

     

     

     

     

     

     

    “ฮยองมานี่หน่อยดิ” ผมกวักมือเรียกพลางตีสีหน้าเครียดสุดๆขอขอบคุณวงการบังเทิงที่ทำให้ผมเปลี่ยนหน้ากากได้เร็วเช่นนี้ แต่มันยังไม่ครบสูตรพูดจบผมก็เอนตัวลงนอนแบบลำบากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

     

    “ห้ะ..อะไร เป็นอะไรไป” เป็นไปตามคาดเขารีบเข้ามาหาทันทีด้วยท่าทีรุกรน ค่อยๆจับตัวผมนอนในทางที่ถูกต้องอย่างระมัดระวังราวกับกำลังลูบโฟนิเจอร์(?) ขอโทษครับฮยอง ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยแต่มสถานการณ์มันบังคับ

     

     

     

     

     

     

    “ผมปวดหลัง.... สงสัยเพราะเมื่อกี้พยายามก้มอ่ะ ตามหมอให้หน่อย.....”

     

    “ห้ะ..อ่ะ...เอ่อได้ เดี๋ยวเรียกให้พยาบาล..”

     

    “ฮยองต้องไปหาหมอของผมด้วยตัวเองนะ หมอคนอื่นไม่เหมือนคนนี้ เดี๋ยวเรื่องมันจะแพร่ออกไปผมไม่อยากให้มันวุ่นวาย.... อึ่ก” ไม่เคยรู้สึกว่าแสดงละครได้เก่งกว่าท็อปฮยองเท่าวันนี้มาก่อนสาบาน  มือกำเสื้อโค้ดตัวแพงนั่นไว้แน่นพร้อมกับปิดตาให้เหมือนกับกำลังกลั้นน้ำตาอยู่

     

     

    “เฮ้ย! อ..อย่าเพิ่งขยับนะเดี๋ยวฮยองมาแป้ปเดียวอดทนไว้ก่อน” ร่างสูงนั่นหันตัวกลับและวิ่งออกไปทันที เมื่อเสียงฝีเท้าเงียบลงผมก็ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจกับผลงานในมือ ไอโฟนพร้อมเคสราคาเท่าเครื่องของฮยองมาอยู่ในมือผมเรียบร้อย รอหายดีต้องสอนซะหน่อยไอนิสัยชอบใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ดเนี่ยไม่รู้รึไงว่ามันล้วงง่ายน่ะ

     

     

     

     

     

     

    เอาล่ะ ต้องทำเวลาหน่อย

     

    ผมพิมพ์คำแรกลงไปในช่องเสิร์ชของแอพอ่านข่าวมันเทิง

     

    ‘Bigbang’

     

     

    “โอ้โห....”

     

     

    แดซองฮยองได้เป็นเอ็มซีประจำของรายการนี้แล้วเหรอเนี่ย แทยังฮยองเห็นเงียบๆที่แท้ก็ไปถ่ายโฆษณาน้ำหอมอยู่นี่เอง โห ท็อปฮยองได้ถ่ายหนังจริงๆด้วยอ่ะ ผู้กำกับดีด้วย

     

     เอ๊ะ.... มีฉากถอดเสื้อด้วยเรอะ!? ปฏิหาริย์ครับ นี่มันแค่ข่าวลือแน่นอน ไม่งั้นวีไอพีที่รักของเราคงช็อคตายกันเป็นแถวๆบอกว่าฮยองกำลังอินเลิฟกับเฟอร์นิเจอร์ยังจะน่าเชื่อมากกว่าอีก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ต่อไปก็.....

     

    ผมกดไปที่แท็กข้างๆในลิงค์ที่จะนำไปสู่ข่าวความเคลื่อนไหวของ ‘G-dragon’

     

     

     

     

     

     

    ตึ่กๆๆๆๆๆๆ

     

     

     

    เสียงรองเท้าดังกระทบพื้นดังรัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ผมโยนสิ่งที่อยู่ในมือไปที่โซฟาทันที

     

     

    “ซึงรีหมอคนนั้นเขาจะมาอีกทีพรุ่งนี้เช้าอ่ะ! เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นก่อนได้ไหม” ท็อปฮยองเอ่ยสลับหอบด้วยความกังวล

     

    “ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ ดีขึ้นแล้วฮยองไม่ต้องเป็นห่วง”

     

     

    “แต่ว่า-”

     

     

     

     

     

     

     

    “ ผมอยากพักผ่อน! ...  "

     

     

     

     

     

    " ข.....ขอโทษครับ  วันนี้ฮยองกลับไปก่อนเหอะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ..”

     

     

    “นายเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?"



    "......"




     "อ่า... ฮยองไม่ซักเเล้วก็ได้ อย่าลุกขึ้นมาเองนะเป็นอะไรโทรหาพวกฮยองทันทีอย่าลืมเด็ดขาด ไว้จะมาใหม่นะ” เขาพูดย้ำ ผมพยักหน้าโดยไม่ได้หันไปมองจนถึงตอนที่ประตูบานเลื่อนนั่นปิดสนิท

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แค่เพียงตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดก็ทำให้ใจผมกระตุกวูบโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

     

     

     

     

     

     

    นี่มันคงเป็นสาเหตุที่ฮยองไม่ได้มาเยี่ยยมผมเลยใช่ไหม..

     





     

    ทำไมถึงไม่บอกกันสักหน่อยล่ะ... แล้วทำไม...ทำไมถึงไม่มีใครพูดถึงเรื่องเลย....

     

     




    ผมไม่ได้สับสนอะไรทั้งสิ้นเพราะสิ่งที่ผมได้เห็นแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววิแต่ก็ชัดเจนจนแทบไม่ต้องคิดสมมติใดๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ช็อควงการอีกครั้ง  รูปหลุดจีดราก้อนควงนางแบบสาวกิโกะ










     ประกาศ : เราลงโดยไม่ได้เช็คคำกับเกาเลยนะถ้าขัดๆต้องขอโทษจริงๆอยากอัพวันนี้ไงเพราะพน.ก็ไม่ว่างอีก... T_T ไว้ฉบับเช็คแล้วจะลงให้ตอนลงตอนถัดไปนะคะ ไม่โกรธเรานะT___T


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×