คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [FIC GOT7 :: Chaotic Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] ::2 Hm...?
[FIC GOT7 :: Chaotic
Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] ::2 Hm...?
“ก....แก... ไอหวังแจ๊คสัน!”
เสียงตะโกนด้วยความตกใจของผู้เป็นพี่ทำให้เจบีถึงกับสะดุ้ง
ตาคมมองคนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถสลับกับคนที่นั่งอยู่ก่อนสลับก่อนจะวิเคราะห์ดูๆแล้วสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อนและเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไม่ได้เป็นไปทางที่ดีซะด้วย
“หืม? อะไรกัน
ไม่ได้เจอกันคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? มามะ
กระโดดเข้ามากอดฉันเลยก็ได้ไม่ห้ามหรอกน่า”เด็กหนุ่มพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะอ้าแขนออกให้สอดคล้องกับประโยคที่ตนได้พูดไปด้วยท่าทีเป็นมิตร
จากภายนอกแล้วเหมือนจะเป็นคนอัธยาศัยดีไม่ใช่น้อย แต่ดูท่าเจ้าของเรือนผมสีแดงกลับไม่คิดแบบนั้น
แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนัยย์ตาสีดำทมิฬนั่นกับสั่นไหวราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกภายในที่กำลังจะระเบิดได้ทุกเมื่อเอาไว้
“หืม? มีเด็กอีกคนมาด้วยนี่
ชื่ออะไรน่ะเรา” เมื่อคนที่พูดด้วยไม่มีท่าทีตอบสนอง
แจ๊คสันจึงหันมาสนใจเป้าหมายมาเป็นอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังแทน
“หยุดเลย ออกไปห่างๆน้องฉันเลยไอเตี้ย”
“หา? เมื่อกี้ว่าฉันว่าอะไรนะ....”
“หูตึงรึไง... ไอเตี้-”
“หุบปากทั้งคู่แล้วขึ้นรถเถอะ
ผมเมื่อยแล้วนะ” เจบีที่เงียบมาตอดการสนทนาเอ่ยขึ้นอย่าเหลืออดก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะที่อยู่ตรงข้ามกันกับแจ๊คสันโดยมีมาร์คก้าวขึ้นตามมา
เมื่อขึ้นมาในรถถึงแม้จะเป็นเวลาที่มืดแล้วแต่แสงจันทร์ที่ส่องกระทบใบหน้าคมนั่นทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆชัดมายิ่งขึ้น
การแต่งตัวจากหัวจรดเท้าต่างเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมบวกกับผมสีดาร์กช็อกโกแลตที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีด้วยแล้ว
ไม่บอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
“แหม ดุจังเลย เงียบก็ได้ครับ”
คนที่เพิ่งถูกล้อเลียนเรื่องความสูงยิ้มกริ่มก่อนจะเอนตัวไปชิดกับที่พนักพิง
“ยังดีกว่าเดี๋ยวค่อยเงียบ....แนะนำตัวหน่อยเป็นไง?”
“โอ้! ด้วยความยินดีเลยล่ะ
อะแฮ่มๆ... กระผมนายหวังแจ๊คสันสุดหล่อ
อยู่ช้นม.ปลายปีสองลูกครึ่งฮ่องกงผู้เพรียบพร้อม
ได้รับตำแหน่งหน้าตาของโรงเรียนสามปีซ้อน ผลการเรียนดีเลิศประเสริฐศรี
สาวๆติดตรึมได้รับช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ปีละไม่ต่ำกว่าสี่สิบกล่อง.... อะอ้าว
ทำไมทั้งสองคนทำหน้าเหมือนจะตายให้นายแบบนั้นล่ะ”
เหมือนกับถ้อยคำที่สมองอัดปราดเปรื่องคัดสรรเพื่อมาพรีเซ้นต์ตัวเองจะหายไปซะดื้อๆ
เหมือนหันไปมองผู้ฟังทั้งสองที่กำลังทำหน้าตายใส่
“เอาสั้นๆสิ...
ผมไม่ได้อยากฟังอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก... เอาเป็นว่าคุณแนะนำตัวจบแล้วละกัน
ผมเจบีอยู่ม.ปลายปีสองเหมือนคุณ ยินดีที่ได้รู้จัก
ว่าแต่เหมือนคุณสองคนจะรู้จักกันมาก่อนสินะ?”เจ้าของเสียงเรียบเอ่ยพลางกวาดสายตาไปที่บุคคลที่กล่าวถึง
“แน่นอน รู้จักดีเลยล่ะ.. เนอะมาร์ค?
หึ...”
“หุบปากไปเลยฉันไม่ยักจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนกับแก...”
“นั่นไง! พูดออกมาเองเลยนะนั่น...
ใช่แล้วครับน้องเจบีพวกเราสองคนน่ะเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เพื่อนเลิฟเพื่อนรักกันม้ากกกมากกกก”ไม่พูดเปล่าแขนเรียวยังเอื้อมไปกอดคอคนที่นั่งอยู่ข้างกันอีกด้วย
“เงียบไปเลยไป
น่ารำคาญจริงพูดมากเหมือนเดิม......”
“จะถือว่าเป็นคำชมละกันนายเองก็ยังเหมือนเดิมนี่...
ไอนิสัยเก๊กหล่อโหดแก้ไม่หายเนี่ย ฮ่าๆๆ โอ้ยๆใจเย็นพ่อหนุ่มรูปงาม”
ในที่สุดความอดทนของเจ้าของเรือนผมสีแดงก็ขาดสะบั้นลงเมื่อโดนหลอกด่าด้วยประโยคที่เกลียดที่สุด
สำหรับคำว่าพวกขี้เก๊กนี่ถือเป็นคำต้องห้ามสำหรับเขา
มือหนาจัดการคว้าคอเสื้อเชิร์ตสีดำของอีกคนมาก่อนจะ...
โป้ก!
“อั่กกกกก โอ้ยยยย ทำบ้าอะไรรร”
รู้สึกแรงที่มาร์คใช้โขกจะรุนแรงไปเสียหน่อย
ของเหลวสีงแดงข้นค่อยๆไหลจากหน้าผากลงไปสู่ไหปลาร้าได้รูปนั่น
สถานการณ์ต่างๆดูท่าจะเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเมื่อแจ๊คสันหันมาพร้อมกับกระโจนใส่จนเผ่นหลังกว้างกระแทกเข้ากับประตูการทะเลาะกันที่เหมือนเด็กๆแบบนี้คงจะได้เห็นไปตลอดทางเจบีที่มองดูทั้งสองที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบไม่สนใจใครก่อนจะลอบถอนหายใจทีหนึ่งและหลับตาลงปล่อยจิตให้เข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่าง่ายดาย
...........................
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลอย่างกรุงโซลนี้ถึงแม้จะเป็นเวลาตีสองแล้วก็ยังมีผู้คนเดินออเบียดเสียดที่ถนนใจกลางย่านการค้ากันอย่างเช่นตอนกลางวัน
แม้จะใกล้หน้าหนาวแล้ว
แต่ถ้าคนเยอะแบบนี้สายลมเย็นๆที่พัดมาดูท่าจะหมดประโยชน์ไปเลย
“โถ่เว้ยถ้าไม่ติดส่งของให้เฮียละก็
จะชกหน้าให้คว่ำเลย”
พอนึกแล้วก็โมโหดูท่ามารยาทของคนในสังคมจะตกต่ำลง
เพราะขนาดเดินชนจังๆแล้วยังไม่มีแม้แต่จะหันมามองกลับเดินเมินผ่านไปเหมืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอีก
แต่ก็ยังดีที่ลังใส่ของที่แบกมาด้วยไม่ได้รับความเสียหายมิเช่นนั้นเงินเดือนที่จะใช้จ่ายค่าเทอมคงหายเกลี้ยง
อารมณ์เดือดผุดๆที่เกิดจากความแค้นถูกสะสมอยู่ในร่างกาผอมเพรียว
ถ้าเกิดมีใครมาพูดไม่เข้าหูหรือกวนประสาทเขาในตอนนี้ สามารถเจอกันได้ที่ห้องICUในโรงพยาบาลเลยทีเดียว
“โอ้ดูท่าจะมาถูกทางแฮะ
เจ๋งเป้ง ” ไม่ทันไรเท้าทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าร้านขายของอิเล็กทรอนิกส์ซะแล้ว
ด้วยนิสัยหลงทางเป็นนิจไม่รู้ว่าเกิดจากการที่ตัวเองดูแผนที่ผิดหรือตรอกซอกซอยมันเยอะไปกันแน่
แต่เอาเถอะยังไงก็มาถึงแล้วรีบส่งของแล้วกลับไปนอนดีกว่า
การได้กลับบ้านก่อนตีห้าเพื่อมีเวลาเตรียมตัวไปโรงเรียนก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของ
เชว ยองแจล่ะนะ
กริ๊งๆๆ มือเรียวยาวเอื้อมไปกดกริ่งสีแดงที่อยู่ตรงประตูก่อนจะ
ตะโกนเรียกขาลหาลูกค้า
“คุณเจ้าของร้านอยู่มั้ย ออกมารับของด้วยค้าบบ”
เสียงลากยาวตอนสุดท้ายหาทำเพื่อความน่ารักไม่แต่เป็นการกลั้นหาวต่างหากจริงๆแล้วร่างกายนี้ไม่ได้พักผ่อนมาตั้งแต่หกโมงเช้าของเมื่อวานเพราะทั้งเรียนหนังสือ
ทำการบ้านและงานพิเศษก็ชกชิงเวลาไปซะหมด
ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ธรรมชาติกำหนดมาให้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันของเขา
“มาล้าวๆ รอสักครู่เน้อ”
สำเนียงจีนแต้จิ๋วเล็กแหลมดังลอดออกมาจากแผ่นไม้ที่ขวางกันไว้อยู่ ความคิดสำหรับการหารายได้เสริมเพิ่มเติมก็เริ่มเขามาในหัวเด็กหนุ่ม
“อ้อๆ
จากร้านเฮียฮ้อใช่หม้าย?”
ทันทีที่ประตูเปิดออกยังดีที่ตอนนี้สติยังอยู่ในโหมดง่วงซึมไม่งั้นคงปากล่องอัดหน้าบานๆนั่นแล้ววิ่งหนีแน่ๆ
ให้ตายเถอะ
คุณเจ้าของร้านคุณดูท่าจะรักสวยรักงามจนมีสปิริตตื่นมามาส์กหน้าตอนตีสองเลยหรือ! “ลื้อวางไว้ตรงนี้เลยๆ”
“อะ..ครับ...เอ่อช่วยเซ็นรับของด้วยนะครับ”เสียงนุ่มพูดพลางคว้าเอากระดาษกับปากกาที่เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังให้กับผู้หญิงตรงหน้า
“อะเสร็จแล้วนี่จ้า... เอ
นี้ลื้อยังเรียนหนังสืออยู่นี่ ทำงานแบบนี้ลื้อไม่เหนื่อยแย่เหรอ”นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกกันว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่ของผู้หญิง
ยองแจแอบแสยะยิ้มในก่อนจะเข้าโหมดนักแสดงทันที
ของเหลวใสที่ไม่รู้มาจากไหนค่อยๆไหลออกมาทางหางตา
“ช..ใช่ครับ ฮึก
จริงๆแล้วลำบากมากเลยครับ เขาใช้งานผมหนักมากแต่ถ้าผมไม่ทำ ก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ
ฮือ...”
“ถ..โถ ลื้อยังเด็กไม่น่าต้องมาเจอชีวิตที่แสนโหดร้ายพวกนี้เลย
มาๆ เดี๋ยวอั๊วให้
ถือซะว่าเป็นค่าขนมละกันนะ”แบงค์ที่ถูกสลักด้วยตัวเลขที่มีมูลค่าสูงสามสี่ใบถูกยัดใส่มือของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามแผน...
“ไว้ถ้าลื้อมีปัญหาก็มาทำงานที่ร้านอั๊วได้นาคิดซะว่าอั๊วเป็นแม่เถอะ”
“ข..ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณจริงๆ”
เพื่อความเนียนร่างเพรียวก็ทรุดลงกับพื้นก่อนจะคำนับให้กับเจ้าของเงินที่ตนเพิ่งได้รับมา
“ย๊าๆ อย่าทำแบบนี้สิ
รีบไปเถอะเดี๋ยวโดนเฮียฮ้อดุเอาเหรอก”
“คะ..ครับ..
ขอให้ขายดีนะครับ”ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งออกมจากตรงนั้นทันทีเพราะถ้าช้ากว่านี้
คุณเจ้าของร้านคงเห็นรอยยิ้มที่เขาซ่อนไว้ไม่อยู่แน่ๆ...
“หึๆ...”
เพื่อให้ตนอยู่รอด
ถ้ามันไม่ได้เดือดร้อนใครมากมายเชวยองแจพร้อมทำทุกอย่างล่ะนะ...
หลังจากที่นำใบเสร็จพร้อมลายเซ็นไปให้เจ้านายพร้อมกับรับค่าแรงมาเรียบร้อย
เป้าหมายต่อก็คงจะเป็นห้องเล็กๆในอพาร์ทเม้นที่ตนเช่าอยู่ล่ะมั้ง
ในเมื่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้วอีกทั้งพรุ่งนี้ยังเป็นวันศุกร์อีกโดดเรียนสักวันคงไม่เป็นไร
เพราะอย่างไรตัวตนโหมดเนิร์ดที่โรงเรียนก็เป็นที่รักของเพื่อนและครูอยู่แล้วนี่นะ
เชวยองแจ
หนึงชื่อแต่มีหลายโหมดให้เลือกสรรเพียงแค่เขาอยากจะเลือกคุณเห็นด้านไหนของเขา
แม้ใครจะครหาว่าความสามารถพิเศษนี้ช่างไม่น่าชื่นชมเอาเสียเลยแต่สำหรับตัวเองแล้วถือว่าเป็นความภูมิใจอันดับต้นๆรองจากความสามรถทางการร้องเพลงของเขาเลยทีเดียว
ดูท่าค่ำคืนนี้ของเขายังอีกยาวไกลเมื่อชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันสองสามคนเดินตรงมาหาเข้าของร่างผอมเพรียว
ดูจากสายตาแล้วจะไม่ได้มาหาในฐานะมิตรซะด้วย
“เฮ้ย
ยองแจได้ยินว่าทำงานพิเศษเหรอ.. ขอยืมเงินหน่อยซี่...” หนึ่งนั้นพูดขึ้นพลางจะหยิบคว้าซองเงินในมือเรียวนั่นมาแต่ดูท่าคำพูดจะไวกว่าการกระทำประโยคที่ออกมาจากปากบางได้รูปนั่นทำให้ต้องหยุดชะงักลง
“ขอโทษนะครับ
คงให้ไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นพวกโตแต่ตัวหากินเองไม่เป็นแบบนี้แล้วด้วยน่ะ....”
“แก...ว่าอะไรนะ!”
“ก็อย่างที่พูด
ไม่ได้เรื่องเลย ดีแต่เอาของๆชาวบ้านไปอย่างพวกแกมีค่าที่ฉันจะให้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองด้วยเหรอ
ขอโทษนะ แต่หยุดเถอะเห็นแล้วสะอิดสะเอียนเอาเวลาขอเงินฉันไปทำงานทำการดีกว่านะ”
คำพูดของเด็กหนุ่มที่อดกลั้นมานานถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดถึงปกติทุกครั้งจะแบ่งบางส่วนให้กับคนเหล่านี้ก็เพราะตัดความรำคาญและเพื่อป้องกันตัวเองเจ็บตัวด้วย
แต่ตอนนี้ไม่แล้วความอดทนที่มีมานานกลับจางหายไปหมด
กระทืบสั่งสอนเจ้าพวกนี้ซะหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง..เดี๋ยวจะเสียชื่ออดีตหัวหน้าแก๊งค์หมด
“หนอยแน่ตายซะเถอะ!” หมัดหนักๆที่พุ่งมาหวังจะสร้างบาดแผลให้กลับใบหน้าหล่อกลับไปโดนเพื่อนของตัวเองแทน
ยองแจเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็วก่อนจะขัดขาชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคนที่กำลังยืนอึ้ง
ก่อนจะเงื้อมมือฟาดไปที่ท้ายทอยของคนที่ดูท่าจะเป็นตัวปัญหามากที่สุดจนสลบไป...
“เอาล่ะ.. ต่อไป..
ตัวไหนดีละ” น้ำเสียงเรียบเย็นจนหน้ากลัวบวกกับรอยยิ้มแสยะอย่างเย้ยหยันนั้นก็เล่นเอาขนหัวลุกวาบ
“แก..
อดีตหัวหน้าแก๊งค์เอ็กซ์ทรีมใช่มั้ย!”
ทันทีที่นึกออกเมื่อเห็นรอยสักที่อยู่ตรงอกซ้ายนั่น
ถึงไม่มีตาทิพย์แต่ก็พอเห็นชะตากรรมตนอยู่ลางๆถ้าหาเรื่องหมอนี่ต่อไปมีหวังไม่ได้กลับบ้านอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ
“หือ... รู้ด้วยเหรอ
งั้นก็...”
“เฮ้ยเผ่นดินั่งบื้อไรอยู่”
หนึ่งในนั้นดูท่าจะได้สติก็รีบวิ่งออกไปทันทีตามมาด้วยชายหนุ่มอีกคนโดยไม่สนใจใยดีเพื่อนที่นอนสลบอยู่เลย..
“อนาถจริงๆ
ขนาดเพื่อนยังทิ้งแกเลย...หึ.. นอนรอรถขยะมาเก็บตอนตีห้าไปละกันนะ” ยองแจหันไปพูดกับร่างที่แน่นิ่งอยู่ก่อนจะออกเดินต่อแต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักกลับภาพตรงหน้า
ชายสวมชุดสูตรคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นต์เขาแถมยังจ้องมาทางนี้ซะด้วย...
“นั่นคุณเชว
ยองแจใช่ไหมครับ?”
“หืม..หา...เออ..ใช่มีอะไร?”
ตอนนี้ความสุภาพคงหายไปซะหมด
ไอบ้าที่ไหนกันกลางค่ำกลางคืนยังจะใส่แว่นกันแดดถึงจะเพื่อนให้เข้ากับชุดสูตรที่สวมมาก็เถอะแต่พอมายืนในอาคารที่อายุราวครึ่งทศวรรษแล้วจะไม่ได้ดูเท่ห์เอาซะเลย
“ผมเอาจดหมายมาส่งให้คุณครับ
นี่”ชายนิรนามพูดพลางยื่นซองสีขาวให้กับคนที่สนทนาด้วย ไม่รีรอจัดการฉีกกระดาษที่ห่อหุ้มอยู่ทันที
ให้ตายเถอะง่วงจะตายอยู่แล้วยังจะมีเรื่องมาให้เขาปวดหัวอีกรึนี่..
‘ถึง เชวยองแจ
จากการสอบเข้าสถานบันของเรา JYP ACADEMY AUDITION ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 25xx ที่ผ่านมาผลปรากฏว่า คุณสอบผ่าน เป็นอันดับที่ 1
ทั้งนี้เพื่อยืนยันว่าคุณคู่ควรและเหมาะสมกับอะคาเดมี่ของเราอย่างแท้จริง
จึงขอเชิญคุณเข้าร่วมการทดสอบการเข้าทดลองเรียนที่จะเริ่มในวันมะรืนนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน
ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งค่าเดินทางและอื่นๆทางสถานบันจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด
รวมถึงค่าอาหารและที่พักเช่นกัน
ถ้าสะดวกคุณสามารถเดินทางไปกับคนของผมได้เลยในทันที
หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเธอ และขอให้โชคดี
ลผอ.’
“ห้ะ.. หา...
อะไรวะเนี่ย?” นี่คงไม่ใช่เพราะเขาเหนื่อยเกินไปใช่ไหม.. ไม่น่าเชื่อ...
ว่าจะผ่านให้ตายเถอะ..ร้องเสียงหลงไปขนาดนั้นดันผ่านเนี้ยนะ โอ้.. พระเจ้า
“นายอย่ามาอำฉันดีกว่าไม่หลงกลหรอกกลับไปเถอะ”
“กลับไม่ได้ครับจนดว่าคุณจะให้คำตอบผมว่าจะไปตอนนี้เลยหรือจะให้ผมมารับตัวคุณพรุ่งนี้เช้า”
อื้อหือ...
นี่มันเรื่องจริงเหรอฟะเนี่ย...
เพียะ!
“อ..เอ่อคุณครับ...
คุณโอเคไหม...”เสียงเนื้อกระทบกันดังกังวานไปทั่วร๊อบบี้ มือเรียวจัดการตบหน้าตัวเองไปทีเพื่อทดสอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่ฝัน
“อืม ฉันขอไปตอนนี้เลย
นำทางซิ”
“รถตู้ของเราจอดอยู่ทางถนนใหญ่ครับ
ในนั้นมีคนที่รับจดหมายเช่นเดียวกับคุณด้วย ขอแนะนำให้สนิทกันเข้าไว้นะคัรบ...”
ว่าแล้วชายสวมชุดสูตรก็เดินนำออกไปทันที
พวกของทรัพย์สินมีค่าเห็นก็มีแต่โทรศัพท์กับกระเป๋าตังที่พกติดตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นในห้องแคบๆนั่นอะไรสำคัญนอกจากหมอนกับกองหนังสือเรียนล่ะนะโจรที่ไหนเข้าไปขโมยเห็นทีจะต้องผิดหวังกลับไป
ตึกๆ
หลังจากคิดเรื่อยเปื่อยไปสักพักเสียงแปลกๆที่ดังเข้ามาในโสตประสาทดึงเขาให้ออกมาจากภวังค์
ประเด็นต่อจากนี้ไม่ใช่ต้นเสียงเพราะได้คำตอบแล้วว่าดังมาจากรถตู้หรูนั่นแต่ประเด็นคือทำไมตัวรถมันถึงสั่นขนาดนั้นเล่า!
“ไอเตี้ยแกจะไม่หยุดจริงๆใช่ไหม”
“หยุดให้โง่ดิไอหัวแดงงี้เง่า”
เสียงเบาที่ดังออกมาจากประตูรถกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เขาต้องไปเจอกับคนแบบไหนกันเนี้ยให้ตายเถอะ
“เอ่อพวกเขาทะเลาะกันมาตลอดทางเลยล่ะครับดูท่าจะไม่ถูกกันโปรดอย่าคิดมากเลยนะครับ”
“อืม”
ว่าแล้วก็ออกตัวเดินไปยังประตูรถตู้ทันที
ประตูอัติโนมัติค่อยเลื่อนให้เห็นภาพข้างในแต่ไม่ทันที่จะได้เพ่งพิจราณากลับมีร่างของผู้ชายคนหนึ่งเอียงตกมาทางตนเสียก่อน
“ฮะเฮ้ยยยยยย”
โชคดีที่ตอนนี้ตื่นเต็มที่แล้วแขนยาวได้รูปสามารถรับร่างนั้นไว้ได้อย่างทันท่วงทีมิเช่นนั้นคงได้รับข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนาแน่ๆ
“ใครล่ะนั่น เฮ้ยเจบี!!!” เจ้าของเรือนผมสีแดงตะโกนขึ้นพลางไปช่วงพยุงร่างผู้เป็นน้องจากอีกคนขึ้นมานั่งตามปกติก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆก็ดูสิขนาดเกือบตกรถยังไม่ตื่นอีก
“หือ? นายเป็นใครอ่ะ...”
“ก่อนจะถามคนอื่นแนะนำตัวเองก่อนเป็น...ง..ไง”กว่านึกขึ้นได้ก็พลาดเสียงแล้วหมดกันความประทับใจแรก
จะบอกว่าไม่เคยเครียดกับเรื่องปากไม่มีหูรูดของตัวเองนี่คงจะเป็นเรื่องโกหก
กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็สายไปเสียแล้ว
“โหดุจังเลย
ทำไมมีแต่คนดุๆนะ เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะขึ้นรถก่อนสิแล้วค่อยคุยกัน” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่ายดูท่าแผนที่จะนอนตลอดการเดินทางนั้นจะพังไม่เป็นท่าเสียแล้ว...
ความคิดเห็น