ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ** คลัง :: LAA **

    ลำดับตอนที่ #3 : [FIC GOT7 :: Chaotic Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] ::2 Hm...?

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 59


     

    [FIC GOT7 :: Chaotic Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] ::2  Hm...?



    “ก....แก... ไอหวังแจ๊คสัน!

    เสียงตะโกนด้วยความตกใจของผู้เป็นพี่ทำให้เจบีถึงกับสะดุ้ง ตาคมมองคนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถสลับกับคนที่นั่งอยู่ก่อนสลับก่อนจะวิเคราะห์ดูๆแล้วสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อนและเหมือนว่าความสัมพันธ์จะไม่ได้เป็นไปทางที่ดีซะด้วย

    “หืม? อะไรกัน ไม่ได้เจอกันคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? มามะ กระโดดเข้ามากอดฉันเลยก็ได้ไม่ห้ามหรอกน่า”เด็กหนุ่มพูดพลางยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะอ้าแขนออกให้สอดคล้องกับประโยคที่ตนได้พูดไปด้วยท่าทีเป็นมิตร จากภายนอกแล้วเหมือนจะเป็นคนอัธยาศัยดีไม่ใช่น้อย แต่ดูท่าเจ้าของเรือนผมสีแดงกลับไม่คิดแบบนั้น แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนัยย์ตาสีดำทมิฬนั่นกับสั่นไหวราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกภายในที่กำลังจะระเบิดได้ทุกเมื่อเอาไว้

    “หืม? มีเด็กอีกคนมาด้วยนี่ ชื่ออะไรน่ะเรา” เมื่อคนที่พูดด้วยไม่มีท่าทีตอบสนอง แจ๊คสันจึงหันมาสนใจเป้าหมายมาเป็นอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังแทน

    “หยุดเลย ออกไปห่างๆน้องฉันเลยไอเตี้ย”

    “หา? เมื่อกี้ว่าฉันว่าอะไรนะ....”

    “หูตึงรึไง... ไอเตี้-”

    “หุบปากทั้งคู่แล้วขึ้นรถเถอะ ผมเมื่อยแล้วนะ” เจบีที่เงียบมาตอดการสนทนาเอ่ยขึ้นอย่าเหลืออดก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะที่อยู่ตรงข้ามกันกับแจ๊คสันโดยมีมาร์คก้าวขึ้นตามมา

    เมื่อขึ้นมาในรถถึงแม้จะเป็นเวลาที่มืดแล้วแต่แสงจันทร์ที่ส่องกระทบใบหน้าคมนั่นทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆชัดมายิ่งขึ้น การแต่งตัวจากหัวจรดเท้าต่างเต็มไปด้วยของแบรนด์เนมบวกกับผมสีดาร์กช็อกโกแลตที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีด้วยแล้ว ไม่บอกก็รู้ว่าฐานะทางบ้านต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

    “แหม ดุจังเลย เงียบก็ได้ครับ” คนที่เพิ่งถูกล้อเลียนเรื่องความสูงยิ้มกริ่มก่อนจะเอนตัวไปชิดกับที่พนักพิง

    “ยังดีกว่าเดี๋ยวค่อยเงียบ....แนะนำตัวหน่อยเป็นไง?”

    “โอ้! ด้วยความยินดีเลยล่ะ อะแฮ่มๆ... กระผมนายหวังแจ๊คสันสุดหล่อ อยู่ช้นม.ปลายปีสองลูกครึ่งฮ่องกงผู้เพรียบพร้อม ได้รับตำแหน่งหน้าตาของโรงเรียนสามปีซ้อน ผลการเรียนดีเลิศประเสริฐศรี สาวๆติดตรึมได้รับช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ปีละไม่ต่ำกว่าสี่สิบกล่อง.... อะอ้าว ทำไมทั้งสองคนทำหน้าเหมือนจะตายให้นายแบบนั้นล่ะ” เหมือนกับถ้อยคำที่สมองอัดปราดเปรื่องคัดสรรเพื่อมาพรีเซ้นต์ตัวเองจะหายไปซะดื้อๆ เหมือนหันไปมองผู้ฟังทั้งสองที่กำลังทำหน้าตายใส่

    “เอาสั้นๆสิ... ผมไม่ได้อยากฟังอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก... เอาเป็นว่าคุณแนะนำตัวจบแล้วละกัน ผมเจบีอยู่ม.ปลายปีสองเหมือนคุณ ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่เหมือนคุณสองคนจะรู้จักกันมาก่อนสินะ?”เจ้าของเสียงเรียบเอ่ยพลางกวาดสายตาไปที่บุคคลที่กล่าวถึง

    “แน่นอน รู้จักดีเลยล่ะ.. เนอะมาร์ค? หึ...”

    “หุบปากไปเลยฉันไม่ยักจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนกับแก...”

    “นั่นไง! พูดออกมาเองเลยนะนั่น... ใช่แล้วครับน้องเจบีพวกเราสองคนน่ะเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เพื่อนเลิฟเพื่อนรักกันม้ากกกมากกกก”ไม่พูดเปล่าแขนเรียวยังเอื้อมไปกอดคอคนที่นั่งอยู่ข้างกันอีกด้วย

    “เงียบไปเลยไป น่ารำคาญจริงพูดมากเหมือนเดิม......”

    “จะถือว่าเป็นคำชมละกันนายเองก็ยังเหมือนเดิมนี่... ไอนิสัยเก๊กหล่อโหดแก้ไม่หายเนี่ย ฮ่าๆๆ โอ้ยๆใจเย็นพ่อหนุ่มรูปงาม” ในที่สุดความอดทนของเจ้าของเรือนผมสีแดงก็ขาดสะบั้นลงเมื่อโดนหลอกด่าด้วยประโยคที่เกลียดที่สุด สำหรับคำว่าพวกขี้เก๊กนี่ถือเป็นคำต้องห้ามสำหรับเขา มือหนาจัดการคว้าคอเสื้อเชิร์ตสีดำของอีกคนมาก่อนจะ...

    โป้ก!

    “อั่กกกกก โอ้ยยยย ทำบ้าอะไรรร”

    รู้สึกแรงที่มาร์คใช้โขกจะรุนแรงไปเสียหน่อย ของเหลวสีงแดงข้นค่อยๆไหลจากหน้าผากลงไปสู่ไหปลาร้าได้รูปนั่น สถานการณ์ต่างๆดูท่าจะเริ่มวุ่นวายมากขึ้นเมื่อแจ๊คสันหันมาพร้อมกับกระโจนใส่จนเผ่นหลังกว้างกระแทกเข้ากับประตูการทะเลาะกันที่เหมือนเด็กๆแบบนี้คงจะได้เห็นไปตลอดทางเจบีที่มองดูทั้งสองที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบไม่สนใจใครก่อนจะลอบถอนหายใจทีหนึ่งและหลับตาลงปล่อยจิตให้เข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่าง่ายดาย

    ...........................

    เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลอย่างกรุงโซลนี้ถึงแม้จะเป็นเวลาตีสองแล้วก็ยังมีผู้คนเดินออเบียดเสียดที่ถนนใจกลางย่านการค้ากันอย่างเช่นตอนกลางวัน แม้จะใกล้หน้าหนาวแล้ว แต่ถ้าคนเยอะแบบนี้สายลมเย็นๆที่พัดมาดูท่าจะหมดประโยชน์ไปเลย

    “โถ่เว้ยถ้าไม่ติดส่งของให้เฮียละก็ จะชกหน้าให้คว่ำเลย”

    พอนึกแล้วก็โมโหดูท่ามารยาทของคนในสังคมจะตกต่ำลง เพราะขนาดเดินชนจังๆแล้วยังไม่มีแม้แต่จะหันมามองกลับเดินเมินผ่านไปเหมืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอีก แต่ก็ยังดีที่ลังใส่ของที่แบกมาด้วยไม่ได้รับความเสียหายมิเช่นนั้นเงินเดือนที่จะใช้จ่ายค่าเทอมคงหายเกลี้ยง

     อารมณ์เดือดผุดๆที่เกิดจากความแค้นถูกสะสมอยู่ในร่างกาผอมเพรียว ถ้าเกิดมีใครมาพูดไม่เข้าหูหรือกวนประสาทเขาในตอนนี้ สามารถเจอกันได้ที่ห้องICUในโรงพยาบาลเลยทีเดียว

    “โอ้ดูท่าจะมาถูกทางแฮะ เจ๋งเป้ง ” ไม่ทันไรเท้าทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าร้านขายของอิเล็กทรอนิกส์ซะแล้ว ด้วยนิสัยหลงทางเป็นนิจไม่รู้ว่าเกิดจากการที่ตัวเองดูแผนที่ผิดหรือตรอกซอกซอยมันเยอะไปกันแน่ แต่เอาเถอะยังไงก็มาถึงแล้วรีบส่งของแล้วกลับไปนอนดีกว่า การได้กลับบ้านก่อนตีห้าเพื่อมีเวลาเตรียมตัวไปโรงเรียนก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของ เชว ยองแจล่ะนะ

    กริ๊งๆๆ  มือเรียวยาวเอื้อมไปกดกริ่งสีแดงที่อยู่ตรงประตูก่อนจะ ตะโกนเรียกขาลหาลูกค้า

     “คุณเจ้าของร้านอยู่มั้ย ออกมารับของด้วยค้าบบ” เสียงลากยาวตอนสุดท้ายหาทำเพื่อความน่ารักไม่แต่เป็นการกลั้นหาวต่างหากจริงๆแล้วร่างกายนี้ไม่ได้พักผ่อนมาตั้งแต่หกโมงเช้าของเมื่อวานเพราะทั้งเรียนหนังสือ ทำการบ้านและงานพิเศษก็ชกชิงเวลาไปซะหมด ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ธรรมชาติกำหนดมาให้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันของเขา

    “มาล้าวๆ รอสักครู่เน้อ” สำเนียงจีนแต้จิ๋วเล็กแหลมดังลอดออกมาจากแผ่นไม้ที่ขวางกันไว้อยู่ ความคิดสำหรับการหารายได้เสริมเพิ่มเติมก็เริ่มเขามาในหัวเด็กหนุ่ม

    “อ้อๆ จากร้านเฮียฮ้อใช่หม้าย?” ทันทีที่ประตูเปิดออกยังดีที่ตอนนี้สติยังอยู่ในโหมดง่วงซึมไม่งั้นคงปากล่องอัดหน้าบานๆนั่นแล้ววิ่งหนีแน่ๆ ให้ตายเถอะ คุณเจ้าของร้านคุณดูท่าจะรักสวยรักงามจนมีสปิริตตื่นมามาส์กหน้าตอนตีสองเลยหรือ! “ลื้อวางไว้ตรงนี้เลยๆ”

    “อะ..ครับ...เอ่อช่วยเซ็นรับของด้วยนะครับ”เสียงนุ่มพูดพลางคว้าเอากระดาษกับปากกาที่เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังให้กับผู้หญิงตรงหน้า

    “อะเสร็จแล้วนี่จ้า... เอ นี้ลื้อยังเรียนหนังสืออยู่นี่ ทำงานแบบนี้ลื้อไม่เหนื่อยแย่เหรอ”นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกกันว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่ของผู้หญิง ยองแจแอบแสยะยิ้มในก่อนจะเข้าโหมดนักแสดงทันที ของเหลวใสที่ไม่รู้มาจากไหนค่อยๆไหลออกมาทางหางตา

    “ช..ใช่ครับ ฮึก จริงๆแล้วลำบากมากเลยครับ เขาใช้งานผมหนักมากแต่ถ้าผมไม่ทำ ก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ ฮือ...”

    “ถ..โถ ลื้อยังเด็กไม่น่าต้องมาเจอชีวิตที่แสนโหดร้ายพวกนี้เลย มาๆ เดี๋ยวอั๊วให้ ถือซะว่าเป็นค่าขนมละกันนะ”แบงค์ที่ถูกสลักด้วยตัวเลขที่มีมูลค่าสูงสามสี่ใบถูกยัดใส่มือของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว

    เป็นไปตามแผน...

    “ไว้ถ้าลื้อมีปัญหาก็มาทำงานที่ร้านอั๊วได้นาคิดซะว่าอั๊วเป็นแม่เถอะ”

    “ข..ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ” เพื่อความเนียนร่างเพรียวก็ทรุดลงกับพื้นก่อนจะคำนับให้กับเจ้าของเงินที่ตนเพิ่งได้รับมา

    “ย๊าๆ อย่าทำแบบนี้สิ รีบไปเถอะเดี๋ยวโดนเฮียฮ้อดุเอาเหรอก”

    “คะ..ครับ.. ขอให้ขายดีนะครับ”ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งออกมจากตรงนั้นทันทีเพราะถ้าช้ากว่านี้ คุณเจ้าของร้านคงเห็นรอยยิ้มที่เขาซ่อนไว้ไม่อยู่แน่ๆ...

    “หึๆ...”

    เพื่อให้ตนอยู่รอด ถ้ามันไม่ได้เดือดร้อนใครมากมายเชวยองแจพร้อมทำทุกอย่างล่ะนะ...

    ………………………………

    หลังจากที่นำใบเสร็จพร้อมลายเซ็นไปให้เจ้านายพร้อมกับรับค่าแรงมาเรียบร้อย เป้าหมายต่อก็คงจะเป็นห้องเล็กๆในอพาร์ทเม้นที่ตนเช่าอยู่ล่ะมั้ง ในเมื่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้วอีกทั้งพรุ่งนี้ยังเป็นวันศุกร์อีกโดดเรียนสักวันคงไม่เป็นไร เพราะอย่างไรตัวตนโหมดเนิร์ดที่โรงเรียนก็เป็นที่รักของเพื่อนและครูอยู่แล้วนี่นะ

    เชวยองแจ หนึงชื่อแต่มีหลายโหมดให้เลือกสรรเพียงแค่เขาอยากจะเลือกคุณเห็นด้านไหนของเขา แม้ใครจะครหาว่าความสามารถพิเศษนี้ช่างไม่น่าชื่นชมเอาเสียเลยแต่สำหรับตัวเองแล้วถือว่าเป็นความภูมิใจอันดับต้นๆรองจากความสามรถทางการร้องเพลงของเขาเลยทีเดียว

    ดูท่าค่ำคืนนี้ของเขายังอีกยาวไกลเมื่อชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันสองสามคนเดินตรงมาหาเข้าของร่างผอมเพรียว ดูจากสายตาแล้วจะไม่ได้มาหาในฐานะมิตรซะด้วย

    “เฮ้ย ยองแจได้ยินว่าทำงานพิเศษเหรอ.. ขอยืมเงินหน่อยซี่...” หนึ่งนั้นพูดขึ้นพลางจะหยิบคว้าซองเงินในมือเรียวนั่นมาแต่ดูท่าคำพูดจะไวกว่าการกระทำประโยคที่ออกมาจากปากบางได้รูปนั่นทำให้ต้องหยุดชะงักลง

    “ขอโทษนะครับ คงให้ไม่ได้หรอก ยิ่งเป็นพวกโตแต่ตัวหากินเองไม่เป็นแบบนี้แล้วด้วยน่ะ....”

    “แก...ว่าอะไรนะ!

    “ก็อย่างที่พูด ไม่ได้เรื่องเลย ดีแต่เอาของๆชาวบ้านไปอย่างพวกแกมีค่าที่ฉันจะให้เงินจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองด้วยเหรอ ขอโทษนะ แต่หยุดเถอะเห็นแล้วสะอิดสะเอียนเอาเวลาขอเงินฉันไปทำงานทำการดีกว่านะ” คำพูดของเด็กหนุ่มที่อดกลั้นมานานถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดถึงปกติทุกครั้งจะแบ่งบางส่วนให้กับคนเหล่านี้ก็เพราะตัดความรำคาญและเพื่อป้องกันตัวเองเจ็บตัวด้วย แต่ตอนนี้ไม่แล้วความอดทนที่มีมานานกลับจางหายไปหมด

    กระทืบสั่งสอนเจ้าพวกนี้ซะหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง..เดี๋ยวจะเสียชื่ออดีตหัวหน้าแก๊งค์หมด

    “หนอยแน่ตายซะเถอะ!” หมัดหนักๆที่พุ่งมาหวังจะสร้างบาดแผลให้กลับใบหน้าหล่อกลับไปโดนเพื่อนของตัวเองแทน ยองแจเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็วก่อนจะขัดขาชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคนที่กำลังยืนอึ้ง ก่อนจะเงื้อมมือฟาดไปที่ท้ายทอยของคนที่ดูท่าจะเป็นตัวปัญหามากที่สุดจนสลบไป...

    “เอาล่ะ.. ต่อไป.. ตัวไหนดีละ” น้ำเสียงเรียบเย็นจนหน้ากลัวบวกกับรอยยิ้มแสยะอย่างเย้ยหยันนั้นก็เล่นเอาขนหัวลุกวาบ

    “แก.. อดีตหัวหน้าแก๊งค์เอ็กซ์ทรีมใช่มั้ย!” ทันทีที่นึกออกเมื่อเห็นรอยสักที่อยู่ตรงอกซ้ายนั่น ถึงไม่มีตาทิพย์แต่ก็พอเห็นชะตากรรมตนอยู่ลางๆถ้าหาเรื่องหมอนี่ต่อไปมีหวังไม่ได้กลับบ้านอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ

    “หือ... รู้ด้วยเหรอ งั้นก็...”

    “เฮ้ยเผ่นดินั่งบื้อไรอยู่” หนึ่งในนั้นดูท่าจะได้สติก็รีบวิ่งออกไปทันทีตามมาด้วยชายหนุ่มอีกคนโดยไม่สนใจใยดีเพื่อนที่นอนสลบอยู่เลย..

    “อนาถจริงๆ ขนาดเพื่อนยังทิ้งแกเลย...หึ.. นอนรอรถขยะมาเก็บตอนตีห้าไปละกันนะ” ยองแจหันไปพูดกับร่างที่แน่นิ่งอยู่ก่อนจะออกเดินต่อแต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักกลับภาพตรงหน้า ชายสวมชุดสูตรคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าอพาร์ทเม้นต์เขาแถมยังจ้องมาทางนี้ซะด้วย...

    “นั่นคุณเชว ยองแจใช่ไหมครับ?”

    “หืม..หา...เออ..ใช่มีอะไร?” ตอนนี้ความสุภาพคงหายไปซะหมด ไอบ้าที่ไหนกันกลางค่ำกลางคืนยังจะใส่แว่นกันแดดถึงจะเพื่อนให้เข้ากับชุดสูตรที่สวมมาก็เถอะแต่พอมายืนในอาคารที่อายุราวครึ่งทศวรรษแล้วจะไม่ได้ดูเท่ห์เอาซะเลย

    “ผมเอาจดหมายมาส่งให้คุณครับ นี่”ชายนิรนามพูดพลางยื่นซองสีขาวให้กับคนที่สนทนาด้วย ไม่รีรอจัดการฉีกกระดาษที่ห่อหุ้มอยู่ทันที ให้ตายเถอะง่วงจะตายอยู่แล้วยังจะมีเรื่องมาให้เขาปวดหัวอีกรึนี่..

    ถึง เชวยองแจ

    จากการสอบเข้าสถานบันของเรา JYP ACADEMY AUDITION ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 18  มกราคม 25xx ที่ผ่านมาผลปรากฏว่า คุณสอบผ่าน เป็นอันดับที่ 1

    ทั้งนี้เพื่อยืนยันว่าคุณคู่ควรและเหมาะสมกับอะคาเดมี่ของเราอย่างแท้จริง จึงขอเชิญคุณเข้าร่วมการทดสอบการเข้าทดลองเรียนที่จะเริ่มในวันมะรืนนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งค่าเดินทางและอื่นๆทางสถานบันจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด รวมถึงค่าอาหารและที่พักเช่นกัน

     ถ้าสะดวกคุณสามารถเดินทางไปกับคนของผมได้เลยในทันที

    หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเธอ และขอให้โชคดี

    ลผอ.

    “ห้ะ.. หา... อะไรวะเนี่ย?” นี่คงไม่ใช่เพราะเขาเหนื่อยเกินไปใช่ไหม.. ไม่น่าเชื่อ... ว่าจะผ่านให้ตายเถอะ..ร้องเสียงหลงไปขนาดนั้นดันผ่านเนี้ยนะ โอ้.. พระเจ้า

    “นายอย่ามาอำฉันดีกว่าไม่หลงกลหรอกกลับไปเถอะ”

    “กลับไม่ได้ครับจนดว่าคุณจะให้คำตอบผมว่าจะไปตอนนี้เลยหรือจะให้ผมมารับตัวคุณพรุ่งนี้เช้า”

    อื้อหือ... นี่มันเรื่องจริงเหรอฟะเนี่ย...

    เพียะ!

    “อ..เอ่อคุณครับ... คุณโอเคไหม...”เสียงเนื้อกระทบกันดังกังวานไปทั่วร๊อบบี้ มือเรียวจัดการตบหน้าตัวเองไปทีเพื่อทดสอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่ฝัน

    “อืม ฉันขอไปตอนนี้เลย นำทางซิ”

    “รถตู้ของเราจอดอยู่ทางถนนใหญ่ครับ ในนั้นมีคนที่รับจดหมายเช่นเดียวกับคุณด้วย ขอแนะนำให้สนิทกันเข้าไว้นะคัรบ...” ว่าแล้วชายสวมชุดสูตรก็เดินนำออกไปทันที พวกของทรัพย์สินมีค่าเห็นก็มีแต่โทรศัพท์กับกระเป๋าตังที่พกติดตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในห้องแคบๆนั่นอะไรสำคัญนอกจากหมอนกับกองหนังสือเรียนล่ะนะโจรที่ไหนเข้าไปขโมยเห็นทีจะต้องผิดหวังกลับไป

    ตึกๆ

    หลังจากคิดเรื่อยเปื่อยไปสักพักเสียงแปลกๆที่ดังเข้ามาในโสตประสาทดึงเขาให้ออกมาจากภวังค์ ประเด็นต่อจากนี้ไม่ใช่ต้นเสียงเพราะได้คำตอบแล้วว่าดังมาจากรถตู้หรูนั่นแต่ประเด็นคือทำไมตัวรถมันถึงสั่นขนาดนั้นเล่า!

    “ไอเตี้ยแกจะไม่หยุดจริงๆใช่ไหม”

    “หยุดให้โง่ดิไอหัวแดงงี้เง่า”

    เสียงเบาที่ดังออกมาจากประตูรถกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง นี่เขาต้องไปเจอกับคนแบบไหนกันเนี้ยให้ตายเถอะ

    “เอ่อพวกเขาทะเลาะกันมาตลอดทางเลยล่ะครับดูท่าจะไม่ถูกกันโปรดอย่าคิดมากเลยนะครับ”

    “อืม” ว่าแล้วก็ออกตัวเดินไปยังประตูรถตู้ทันที ประตูอัติโนมัติค่อยเลื่อนให้เห็นภาพข้างในแต่ไม่ทันที่จะได้เพ่งพิจราณากลับมีร่างของผู้ชายคนหนึ่งเอียงตกมาทางตนเสียก่อน

    “ฮะเฮ้ยยยยยย” โชคดีที่ตอนนี้ตื่นเต็มที่แล้วแขนยาวได้รูปสามารถรับร่างนั้นไว้ได้อย่างทันท่วงทีมิเช่นนั้นคงได้รับข้อหาฆ่าคนโดยไม่เจตนาแน่ๆ

    “ใครล่ะนั่น เฮ้ยเจบี!!!” เจ้าของเรือนผมสีแดงตะโกนขึ้นพลางไปช่วงพยุงร่างผู้เป็นน้องจากอีกคนขึ้นมานั่งตามปกติก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆก็ดูสิขนาดเกือบตกรถยังไม่ตื่นอีก

    “หือ? นายเป็นใครอ่ะ...”

    “ก่อนจะถามคนอื่นแนะนำตัวเองก่อนเป็น...ง..ไง”กว่านึกขึ้นได้ก็พลาดเสียงแล้วหมดกันความประทับใจแรก จะบอกว่าไม่เคยเครียดกับเรื่องปากไม่มีหูรูดของตัวเองนี่คงจะเป็นเรื่องโกหก กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็สายไปเสียแล้ว

    “โหดุจังเลย ทำไมมีแต่คนดุๆนะ เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะขึ้นรถก่อนสิแล้วค่อยคุยกัน” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่ายดูท่าแผนที่จะนอนตลอดการเดินทางนั้นจะพังไม่เป็นท่าเสียแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×