ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ** คลัง :: LAA **

    ลำดับตอนที่ #2 : [FIC GOT7 :: Chaotic Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] :: 1 WHO YOU?

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 59


    [FIC GOT7 :: Chaotic Relations ให้ตายเถอะGOT7 ] :: 1 WHO YOU?

    บนถนนอิฐในย่านการค้ายามค่ำคืน ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วแต่ผู้คนต่างก็ยังเดินพลุกพล่านอยู่ไม่ต่างกับตอนกลางวัน เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่บวกกับแสงสีของห้างร้านต่างๆที่ไม่มีท่าทีว่าจะปิดเป็นเหมือนตัวบ่งบอกว่าคืนนี้ยังอีกแสนไกล  ถือเป็นเรื่องปกติของย่านคังนัมอันเป็นศูนย์รวมของคลับและสถานที่ฆ่าเวลามากมาย จึงไม่แปลกที่นักท่องราตรีส่วนใหญ่เลือกจะมาที่นี่

    หากคุณลองถามวัยรุ่นที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ว่ามาทำอะไร คำตอบที่ได้รับกว่าครึ่งคงจะตรงกันว่าเป็นชื่อของสถานที่ที่หนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครโซลตอนนี้ก็ต้องรู้จัก

    ‘Siscail Paradise’z’

    หรือเรียกย่อๆว่าSP เป็นคลับชื่อดังที่สุดในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องดื่ม การบริการ บรรยากาศถึงแม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานแต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคลับระดับแนวหน้าของย่านเศรษฐกิจคังนัมเลยทีเดียว

    เสียงเพลงแดนซ์ดังกระหึ่มออกมานอกร้านที่ถูกบรรเลงโดยฝีมือของเด็กหนุ่มที่เป็นดีเจอยู่ขณะนี้ทำให้อารมณ์ของเหล่าแขกที่มาเยือนต่างพุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวยาวจัดการคว้าเอาแผ่นซีดีที่บรรจุเพลงที่มีจังหวะเร็วและแน่นกว่าเดิมไว้มาเปิด

    Everybody, Put You Hand Up’s !!!!!!!!

    สิ้นเสียงต่ำนุ่มอันเป็นสัญญาเริ่มต้นความมันส์เสียงโห่ร้องของเหล่าวัยรุ่นที่เจือปนไปด้วยความสนุกก็ดังขึ้น เมื่อเพลงบีทหนักเริ่มบรรเลงต่างคนก็ต่างโชว์ลีลาการเต้นออกมาอย่างไม่มีใครยอมใคร และอย่างที่รู้กันของเหล่าแขกผู้มาเยือน ผู้คนค่อยๆเดินไปชิดริมกำแพงเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับโปรแกรมสุดพิเศษประจำเดือน

    เด็กหนุ่มในชุดสไตล์ฮิฟฮอพสีสันสุดสะดุดตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเดินออกมาที่ลานกว้างตรงกลาง ก่อนจะโยนหมวกตัวเองออกเผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการที่หากใครเผลอมองเพียงแค่ชั่วครู่อาจจะโดนฉกชิงหัวใจไปโดยไม่รู้ตัว

    เสียงกรื้ดกร๊าดของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อดาราดังประจำคืนนี้ขยิบตาให้ ทำให้เพื่อนสนิทที่กำลังทำงานเป็นดีเจอยู่แทบอยากจะปารองเท้าไปใส่หน้าหล่อๆให้รู้เรื่องด้วยข้อหาที่แย่งแฟนคลับเขาไปเจ้าของเรือนผมสีแดงเอ่ยถามก่อนจะเดินมากอดคอคนที่ยืนอยู่ก่อนโดยไม่ลืมที่จะหยิบไมโครโฟนคู่ในมาด้วย

    Are You Ready Guy!!?

    YESSSSSSS !!!” เป็นเดียวกับจังหวะดนตรีแนวฮิพฮอพดังขึ้น ทั้งสองคนไฮไฟท์กันหนึ่งทีก็จะแยกกันทำหน้าที่ของตัวเอง

    คนหนึ่งที่มาพร้อมกับความสามารถในการเต้นทั้งเบรคแด๊นซ์และบีบอยที่ยากเหลือเกินหากจะหาใครเทียบ

    อีกคนผู้เป็นเจ้าของเสียงแร๊พแหบต่ำที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ที่ใครฟังก็ต่างต้องหลุดเข้าไปในภวังค์

    เมื่อมาร่วมแสดงในเวทีเดียวกัน ถ้าให้หาคำจำกัดความก็คงบอกได้ว่าไร้ที่ติ ขาและแขนที่ยาวสวยได้รูปกำลังขยับไปมาตามจังหวะเพลงอย่างชำชองไปพร้อมๆกับการแร๊พที่เต็มไปด้วยเนื้อหาเสียดสีสังคมสุดโดนใจจนคนที่ดูต้องยกนิ้วให้เป็นการยกย่องถึงความกล้า

    การแสดงยังดำเนินต่อไปจนสิ้นเสียงตัวน็ตตัวสุดท้ายอันเป็นสัญญาณการจบเพลง หนึ่งในเด็กหนุ่มสองคนเดินไปหยิบหมวกของตนก่อนจะยื่นไปทางผู้ชมเพื่อรับทิปเล็กๆน้อยๆ

    Thank You!! See You next month!

     

    …………………….

     

    แอ๊ด.....

    เสียงฝืดของประตูไม้ดังขึ้นปรากฏร่างของหญิงสาวร่างท่วมที่กำลังเดินเข้ามาหาคนดังประจำคลับทั้งสองที่กำลังนั่งพักเหนื่อยกันอยู่ก่อนจะโยนซองเงินลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า

    “ทำได้ดีมากจ้ะอ่ะนี่ๆๆ เงินของวันนี้ชั้นแถมพิเศษให้อีกเท่านึงเลย! ให้ตายสิพอมีการแสดงพวกนายทีไรแขกเพิ่มมากกว่าเดิมทั้งสามเท่าทุกที ขอบใจมาก”เจ้าของร้านที่เดินเข้ามาหายิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ

     คนส่วนใหญ่คงจะคิดว่าเจ้าของธรุกิจเช่นนี้คงจะมีแต่พวกคนไม่ดีแต่ไม่ใช่เลย เด็กหนุ่มทั้งสองต้องขอบคุณคนๆนี้มากๆเพราะจะมีสักกี่คนที่จะยอมให้คนที่อายุไม่ถึง18มาทำงานในสถานบันเทิงแถมยังให้ค่าแรงมากกว่าปกติเช่นนี้

    “ครับขอบคุณมาครับ วันนี้พวกเราขอตัวก่อนนะครับพอดีมีเรียนเช้า เอ่อ...แล้วก็ถ้าพรุ่งนี้พวกผมไม่มาจะเป็นอะไรไหมครับพอดีช่วงนี้มีสอบเยอะพวกผมอยากจะอ่านหนังสือกันซะหน่อย ”

    “ได้เลย! วัยเรียนก็แบบนี้แหล่ะ เหนื่อยหน่อยสู้ๆละกัน รีบไปเถอะนี่ก็ดึกแล้วกลับบ้านระวังๆล่ะ”

    “ขอบคุณมากครับ!”ทั้งสองพร้อมใจกันลุกขึ้นโค้งให้ก่อนะคว้าเอาค่าแรงประจำวันแล้วเดินออกไปแม้ในใจลึกๆพวกเขาจะไม่ชอบสถานที่แบบนี้เลยก็ตามแต่บางทีมันก็เลือกไม่ได้ และอีกเหตุผลก็เพราะนี่เป็นงานที่ดีที่สุดสำหรับเด็กอายุ17ในตอนนี้แล้ว การที่ได้ทำงานและได้เงินบวกกับได้ทำในสิ่งที่ชอบไปในตัวถึงจะลำบากแต่ก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว

    “โห... เจบีๆๆ ดูสิ แบบนี้พอค่าห้องแล้วแน่ๆเลย”ดีเจประจำคลับเอ่ยขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ถูกบรรจุอยู่ในซอง “แบบนี้แกกับฉันรวยเละแน่เลยว่ะ”

    “ผมไม่เอาอ่ะ คุณเอาไปเหอะ” ชายหนุ่มบอกปัดพลางยื่นซองของตัวเองให้อีกฝ่าย

    “เฮ้ย อะไรกัน อีกแล้วเหรอ อย่ามาๆ นายใช่ว่ากินแรงพี่เมื่อไหร่เก็บไปเลยแฟร์ๆ”

    “ไว้ค่าอพาร์ทเม้นพอแล้วค่อยเอามาให้ละกัน ผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้วคุณน่ะแหล่ะเอาไปเถอะน่าไอคุณฮยองมาร์ค”  เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าไปก็ได้แต่เงียบ บางทีเจ้าตัวก็สงสัยว่าทำไมเพื่อนตัวเองต้องมาช่วยทำงานแบบนี้ทุกทีทั้งที่ตัวเองไม่ชอบไปคลับและไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินเหมือนที่ตัวเองเป็น

    ถ้าจะให้อธิบายจริงๆแล้วของฐานะของทั้งสองค่อนข้างต่างกัน คนหนึ่งแม้จะไม่รู้ว่าครอบครัวทำงานอะไรแต่การกระทำที่แสดงออก มารยาทและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่เห็นอยู่ทุกวันถึงไม่ได้ถามก็เดาได้ว่าเจบีเป็นคุณหนูทีเดียว พอนึกดูตัวเองก็สมเพชเล็กๆ จริงอยู่ที่เขามาจากต่างประเทศแต่เพราะอย่างนั้นการที่มาโดยไม่มีอะไรติดตัวเลยถือว่าสิ้นคิด ถึงจะได้ทุนเรียนฟรีแต่พวกค่าใช้จ่ายอื่นๆเจ้าตัวก็ต้องเป็นคนออกเองแต่เพื่อแลกกับอิสระมีหรือที่จะไม่ยอม

    “เหอะอย่าพูดมากไอ้หนูไว้หาเงินได้เองแล้วค่อยมาให้ฉัน” ว่าแล้วมาร์คก็เขกหัวคนที่เดินอยู่ข้างๆไปที ถึงแม้เจบีจะอยู่ชั้นเดียวกัน แต่อายุที่น้อยกว่าหนึ่งปีนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหา บวกด้วยความชอบในดนตรีที่เหมือนกัน ทำให้สนิทกันไปโดยปริยาย “วันนี้จะนอนไหนล่ะ?”

    “อืม.... นอนกับคุณละกัน ขี้เกียจกลับบ้าน น่าเบื่อ ฮ้าว....” คนที่เด็กกว่าพูดพลางยกมือขึ่นมาปิดปากหาวและหันไปพูดต่อ “เพื่อเป็นการขอบคุณพรุ่งนี้ทำการบ้านเลขให้ผมด้วยล่ะ”

    “หา! นายทำได้อยู่แล้วไม่ใช่รึไงแล้วจะให้ฉันทำทำไม”

    “ขี้เกียจ... ถือเป็นการขอบคุณที่ผมให้เงินส่วนของตัวเองกับคุณบ่อยๆละกัน” เจบีหันมาส่งสายตาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ เหอะ... แล้วจะปฏิเสธได้ไงเจ้าเด็กนี่มันช่วยเขาจริงๆนี่นา เอาเถอะ แค่การบ้านเรื่องตรีโกณคงไม่ยากเท่าไหร่หรอก

    “เออๆ ก็ได้วะครับ ”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ บรรยากาศสงบเงียบตอนกลางคืนบวกกับลมเย็นอ่อนๆที่พัดมาประทะเข้าไอใบหน้าก็ช่วยคลายความเหนื่อยล้าลงบ้างช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาก็แทบไม่ได้นอนเต็มอิ่มเพราะเมื่อเลิกเรียนก็ต้องรีบทำการบ้านและไปทำงานที่คลับต่อ พอเลิกงานก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้วทำให้ไม่ได้พักผ่อนมากเท่าที่ควร

    เพียงไม่นานทั้งสองก็มาหยุดอยู่หน้าอพาร์ทเม้นอันเป็นที่พักสำหรับคืนนี้มาร์คที่นึกขึ้นได้ก็รีบออกปากเรียกผู้เป็นน้องก่อนที่จะเข้าลิฟต์ไป

    “เฮ้ย เดี๋ยวๆ พี่ขอไปเช็คตู้จดหมายแป้ป”  เพราะนี่ก็ใกล้สิ้นเดือนเข้าไปแล้ว ถ้าให้เดาพวกจดหมายค่าน้ำค่าไฟก็คงส่งมาเรียบร้อยตามระเบียบ ด้วยการที่มีประสบการณ์ถูกตัดไฟ ถึงจะขี้เกียจแค่ไหนแต่ก็ต้องขอไปดูหน่อยล่ะ

    “เออใช่... คุณ” เจบีกระชากชายเสื้อคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเบาๆให้หันมาหาก่อนจะเอ่ยต่อน้ำเสียงหนักแน่น.. “ผมมีเรื่องจะถาม....”

    “อ่ะ.. เอ่อ อะไรล่ะ”มาร์คเริ่มงงกับท่าทีของเด็กอายุสิบหกคนนี้เสียแล้วเดี๋ยวใจดี เดี๋ยวหยิ่ง เดี๋ยวจริงจัง ปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ

    “ไอเรื่องที่ไปออดิชั่นกันอ่ะ เขาบอกว่าจะส่งเป็นจดหมายมาป้ะ?”

    “เออใช่... แล้ว?”

    “ผมจะบอกว่าผมเขียนที่อยู่คุณไปอ่ะ เช็คให้ด้วยล่ะ”พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปนั่งที่โซฟาที่อยู่ใกล้ๆทันที สรุปนี่คือใช้เขาไปดูให้ใช่ไหมเนี่ย

    “เออครับๆคุณหนูเจบีรอสักครู่นะครับ” คนใช้จำเป็นพูดพลางโค้งเก้าสิบองศาเป็นการประชดประชันก่อนที่จะเดินไปที่ห้องของผู้ดูแลหอ ส่วนอีกคนที่ไม่รู้จะทำอะไรก็ได้เลยตัดสินใจเดินไปที่ล็อบบี้โดยมีเป้าหมายคือตู้กดน้ำอัตโนมัติสีส้มสะท้อนแสง

    เมื่อไปถึง... ความคิดต่างๆก็เริ่มเข้ามาในหัว เพราะทางผ่านที่เขากำลังจะเดินไปนั้นกลับมีชายที่สวมชุดสูทดูน่าเกรงขามสองคนยืนอยู่... แถมยังมองมาทางเขาอีก

    หวังว่าจะไม่ใช่คนของพ่อนะ

    เจบีเลือกที่จะไม่สนใจ และเดินไปที่ตู้กดน้ำต่อ แน่ล่ะ ถึงพ่อตัวเองจะเคร่งมากแค่ไหนแต่คนบ้างานแบบนั้นคงไม่ว่างขนาดส่งลูกน้องมาตามตัวเขาหรอก

    ตึกๆๆๆๆ

    เสียงฝีเท้าที่ดังระรัวมาแต่ไกลทำให้มีเรียวสวยที่กำลังจะหยอดเหรียญต้องชะงัก ก่อนจะหันไปมองที่ด้านหลัง

    “เฮ้ย! เจบีน้องพี่!!!”อยู่ๆมาร์คที่วิ่งเหลอหลาเข้ามาก็กระโดดมาสวมกอดคนที่ต้องเพิ่งเรียกชื่อไปด้วยท่าทางที่คึกกว่าเดิมประมาณสิบเท่าทันทีพร้อมพูดพึมพัมไม่ได้ศัพท์ จนผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามถึงสาเหตุ

    “ใจเย็นๆก่อนดิ เกิดอะไรขึ้น” เสียงเรียบๆที่ออกมาจากปากบางเพื่อห้ามปรามแต่ดูท่าจะไม่ได้เข้าไปถึงโสตประสาทคนตรงหน้าเลย

    “เราทำได้แล้วนะ ดูนี่สิ!”กระดาษแผ่นสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า ดวงตาคมกวาดมองเนื้อหาภายในอย่างรวดเร็วทันที

     

    ถึง  มาร์ค ต้วน และ เจบี

    จากการสอบเข้าสถานบันของเรา JYP ACADEMY AUDITION ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 18  มกราคม 25xx ที่ผ่านมาผลปรากฏว่า คุณทั้งสองสอบผ่าน เป็นอันดับที่ 1

    ทั้งนี้เพื่อยืนยันว่าคุณคู่ควรและเหมาะสมกับอะคาเดมี่ของเราอย่างแท้จริง จึงขอเชิญคุณเข้าร่วมการทดสอบการเข้าทดลองเรียนที่จะเริ่มในวันมะรืนนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งค่าเดินทางและอื่นๆทางสถานบันจะเป็นคนออกให้ทั้งหมด รวมถึงค่าอาหารและที่พักเช่นกัน

     ถ้าสะดวกคุณสามารถเดินทางไปกับคนของผมได้เลยในทันที

    หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเธอ และขอให้โชคดี

    ลผอ.

     

    “นี่ไง พวกเราทำได้แล้วนะ!

    “อ...อ.. เอ่อ.. อืม... ”เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงอึ่กอักอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตัวเอง เพราะตอนที่ออดิชั่นก็มีบางส่วนที่เขาทำพลาดไปอยู่เหมือนกันไม่นึกว่ากรรมการจะมองข้ามแถมยังให้เขาได้ที่หนึ่งอีกต่างหาก

    “ทำไมอ่ะ ไม่ดีใจเหรอ?”

    “เปล่า...คือผมว่ามันแปลกๆนะ” เจบีตอบพลางชี้ไปที่บรรทัดสุดท้ายของย่อหน้าแรกในจดหมาย “ทำไมถึงมีสองคนอ่ะ...”

    “ก็... นายออดิชั่นคนละสาขากับพี่ไม่ใช่รึไง” มาร์คตอบด้วยท่าทีปกติเพราะมันไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เพราะตอนที่กรอกข้อมูลลงใบสมัครในนั้นก็มีให้เลือกหัวข้อในการออดิชั่นอยู่แล้ว อย่างของตัวเองก็แร๊พ

    “งั้นก็หมายความว่า เขาอาจเลือกที่หนึ่งของแต่ละสาขามาเหรอ?... แสดงว่า... ต้องมีคนอื่นอีกน่ะสิ! ใช่ไหมล่ะ” คำถามที่พลั่งพลูออกมาจากปากของผู้เป็นน้องทำให้เจ้าของเรือนผมสีแดงนึกขึ้นได้ เพราะสิ่งที่เขาได้ยินอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้  และถ้าเป็นแบบนั้น... มันไม่ได้น่าสนุกหรอกหรือกับการที่จะได้พบเจอกับผู้ที่มีความสามารถสูงๆตั้งหลายแบบนั้นน่ะ!

    “แบบนั้นก็เจ๋งดิ ตอนไปสมัครนะพี่เห็นมีดารามาด้วยล่ะ ถ้าโชคดีอาจจะได้ขอลายเซ็นก็ได้นะ ฮ่าๆ แล้วก็... เออใช่มันเหลืออีกบรรทัดหนึ่งนะที่เรายังไม่รู้ความหมายของมัน ถ้าสะดวกคุณสามารถเดินทางไปกับคนของผมได้เลยในทันที .... คือใครอ่ะ แล้วก็ถ้าไปเล...”ไม่ทันที่จะพูดจบก็มีเสียงลึกลับโผล่ขี้นมาขัดจังหวะซะก่อน

    “สวัสดีครับ คุณคือ มาร์คต้วน และ คุณ เจบีใช่ไหมครับ” ชายสวมชุดสูตรสีดำที่เจบีจำได้ว่าเห็นมาก่อนหน้านี้เดินเข้ามาหาพวกตนพร้อมกับก้มโค้งให้เป็นเชิงทักทาย “ผมสองคนคือคนที่ผอ.ส่งมาครับ คุณสามารถเลือกเดินทางไปกับพวกเราได้เลยถ้าสะดวก แต่ถ้าไม่เราจะมารับตัวคุณในวันพรุ่งนี้เช้าครับ” คำอธิบายเสร็จสับคนที่พูดกล่าวถึงทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากันเพื่อขอคำตอบ

    “แล้วแต่คุณละกัน...”

    “หืม?...แล้วแต่ฉันเหรอ... แน่อยู่แล้วสิ..”

    !!” ว่าแล้วมือเรียวก็รีบคว้าแขนอีกคนและออกตัววิ่งทันทีโดยไม่ลืมที่จะหันมาบอกคนของผอ.ด้วยน้ำเสียงร่างเริง “ขอเวลาพวกผมเก็บของแป้ปนะคร้าบบบ”

     

    ............................................

     

    ณ ห้อง 887

    “นี่ๆ ไปเลยจริงดิ ผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะ ของก็ยังไม่ได้เก็บ....” คิดดูดีๆแล้วตัวเองไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย เพราะการยกการตัดสินใจทั้งหมดให้กับคนคิดปุ๊ปทำปั๊ปแบบนี้ดูท่าจะพลาดมาก

    “หา?... แกพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน ได้ยินว่าแกย้ายข้าวของมานี่จนเกือบครึ่งห้องฉันแล้วนะ ถ้าเรื่องบอกครอบครัวจะมีโทรศัพท์ไว้ทำไมกันเล่า! รีบโทรเลยเดี๋ยวฉันจัดกระเป๋าให้นายเอง”

    “.... เออครับ...  ผมขอตัวซักครู่...”ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินออกจากห้องมาที่ระเบียง เอาจริงๆก็แค่ส่งข้อความหาพี่ชายตัวเองเท่านั้นแหล่ะ เพราะมันมีโอกาสที่จะถูกเห็นมากกว่าพ่อของเขาเยอะ ที่สำคัญถึงจะส่งหรือไม่ส่งก็มีค่าเท่ากัน เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจของครอบครัวมันดีหรือไม่ดีกันแน่ นิ้วเรียวกดไปที่ปุ่ม ‘send’ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาข้างใน

    “อ่ะ กระเป๋านาย ฉันเอาเสื้อผ้าที่คิดว่านายจะใส่ยัดลงไปแล้ว ลองคัดเองอีกทีแล้วกัน ” เจบีรับกระเป๋าลากสีดำที่เต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ของสายการบินต่างๆอันเป็นตัวบ่งบอกถึงประวัติการเดินทางของเจ้าของกระเป๋าได้เป็นอย่างดีว่าผ่านการเดินมานับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอนก่อนจะดันประตูตู้เสื้อผ้าสีโอ๊คให้เปิดออกเผยให้เห็นถึงเสื้อผ้าแบรนด์ดังราคาแพงทีถูกแขวนไปกว่าครึ่งตู้ด้วยฝีมือของตน เมื่อนึกดูดีๆตั้งแต่ตัวเองขึ้นมาม.ปลาย เขาก็แทบจะย้ายมาอยู่กับมาร์คด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากเจอหน้าคนในครอบครัว อาจจะฟังดูเป็นเหตุผลแบบเด็กๆแต่สำหรับเจบีแล้วนี่แหล่ะคือประเด็นสำคัญของปัจจัยที่จำทำให้เขากลับหรือไม่กลับบ้านได้เลย

    เสื้อกั๊กยีนสีซีดถูกโยนลงมาในกระเป๋าก่อนจะตามมาด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีเป็นตัวสุดท้าย เด็กหนุ่มยืนคิดครู่หนึ่งก่อนจะกวาดสายตามองของต่างๆในกระเป๋าเพื่อเช็คก่อนจะรูดซิปปิด

    “โหย แบกอะไรไปบ้างเนี่ยเรานานเชียวนะ ป้ะๆ เดี๋ยวคนข้างล่างเขารอนาน” มาร์คที่เห็นน้องเดินออกมาพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆเพราะความง่วงแต่ไม่ทันที่จะเอื้อมมือไปปิดไฟเสียงเรียบก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน

    “คุณๆแล้วเรื่องงานพาร์ทไทม์ที่ร้านคุณยองฮโยล่ะ ทำไงอ่ะ ไหนจะสอบในวันพรุ่---

    “เรื่องนั้นทางเราจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เรื่องการย้ายโรงเรียน และงานของพวกคุณที่คลับ Siscail Paradise’z เราได้ไปคุยกับทางผู้จักการของร้านเรียบร้อย คุณคิม ยองฮโยอณุญาตและฝากนี่มาให้คุณด้วย ”ชายชุดสวมสีดำที่ไม่รู้มาตอนไหนยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ ก่อนจะผายมือเป็นเชิงให้เดินออกไป

    การกระทำที่ถูกแจ้งจากปากของบุคคลปริศนาเมื่อครู่ทำให้ทั้งสองพอเดาได้เลยว่า นี่เป็นการบังคับชัดๆเพราะที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้มีการถามความเห็นล่วงหน้าอะไรเลย บวกกับการที่ส่งคนมารับส่งถึงที่เช่นนี้ถ้าให้เดาดูท่าผอ. จะต้องการให้พวกเขาเข้าร่วมการทดสอบในจดหมายอย่างมาก

    “มันเป็นเรื่องจริงใช่ป่ะ...” เจบีที่เงียบมาตลอดทางเอ่ยถามมาร์คที่เดินนำหน้าอยู่

    “คงงั้นมั้ง ถ้าอีกสิบนาทีเราสองคนไม่ตื่นก็คงจะใช่... เหมือนฝันเลยล่ะ...” คนเป็นพี่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงติดตลกก่อนจะหัวเราะในลำคอ

    โรงเรียน JYP ACADEMY ถือเป็นสถาบันการเรียนการสอนดนตรีระดับแนวหน้าของเอเชีย ซึ่งไม่ว่าใครก็ตามที่หลงรักในเสียงดนตรีก็ต่างอยากจะเข้ามาเล่าเรียนที่นี่กันทั้งนั้น รวมถึงพวกเขาเองด้วย

    ถ้าหากลองตรวจสอบประวัติของนักร้องดังตอนนี้หลายๆคนอย่างน้อยต้องเคยเข้าศึกษาที่สถาบันนี้มาอย่างน้อยหนึ่งปีกันทั้งนั้น แต่เพราะระบบภายในและค่าเทอมที่เรียกได้ว่าถ้าไม่รวยไม่มีความสามรถจริงก็อย่าหวังแม้แต่จะจับรั้วโรงเรียน เด็กส่วนใหญ่ที่อยากจะเข้าก็มีแค่อย่างหลังกันทั้งนั้น

    ไม่กี่ปีมานี้หลังจากเปลี่ยนผู้อำนวยการคนใหม่จึงมีประกาศให้ออดิชั่นเพื่อเข้าเรียนหรือก็คือชิงทุนเรียนฟรี ในเมื่อโอกาสมาถึงมีหรือที่จะปล่อยให้หลุดมือไป

     ดังนั้นที่ในอกทั้งสองตอนนี้ต่างกำลังพร่ำภาวนาไม่ให้เป็นแค่ฝันนั่นก็เพราะคนที่สมัครในปีนี่มีราว 24,500 เลยทีเดียว ที่เหลือเชื่อกว่านั้นตัวเองเนี่ยนะชนะคนอื่นๆได้แถมยังได้ที่หนึ่งอีกต่างหาก

    “เชิญขึ้นรถได้เลยครับ” เสียงของชายสวมชุดสูทดังขึ้นเรียกสติของเด็กหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ รู้ตัวอีกทีขาทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่หน้ารถตู้สีดำยี่ห้อแพงเสียแล้ว

    “ในรถมีคนที่ได้รับจดหมายเช่นเดียวกับพวกคุณ ควรจะทำความรู้จักกันไว้นะครับ กำหนดการหลังจากนนี้คือพวกเราจะไปยังสถานที่ทดสอบ ระหว่างนั้นจะมีการรับผู้ที่ออดิชั่นผ่านขึ้นมาด้วยอีกหนึ่งคน”เสียงแหบต่ำพูดก่อนจะเดินไปที่นั่งคนขับ

    “ครับ....”ปากสวยได้รูปเอ่ยตอบเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะส่งประเป๋าที่อยู่ในมือให้กับชายปริศนาที่เพิ่งลงมาจากรถอีกคนไป

    ฟึ่บ....

    ทันทีที่ประตูอัตโนมัติเลื่อนออกเผยให้เห็นสภาพข้างในรถที่หรูกว่าที่คิด ทั้งเบาะนั่งที่ทำมาจากหนังและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งทีวีและอื่นๆอีกมากมายแต่สิ่งที่ทำให้มาร์คนั้นชะงักกลับเป็นใบหน้าของคนคุ้นเคยที่นั่งอยู่ก่อนแล้วต่างหาก..

    เพราะอะไรน่ะหรือ....

    “อะอ้าว ไม่ได้เจอกันนานนะ ดูเป็นพู่เป็นคนขึ้นเยอะเลยนี่...”น้ำเสียงยียวนที่ใครได้ยินก็ต้องอยากจะลองชกผู้พูดดูสักครั้งดังขึ้นเป็นเชิงทักทาย

    “ก.. แก.. ไอหวังแจ๊คสัน!!!!!

    ก็พวกเขาเป็นคู่แข่งกันนี่นาJ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×