ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    .......

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.พ. 55



                ร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามสีขาวนุ่งผ้าขาวม้าตัวเดียว ผมซอยสั้นสีดำตอนนี้ถูกหวีไปเก็บไว้ข้างหลังแล้วใช้กิ๊บหนีเปิดเถิกตัวเองเพื่อไม่ให้ปรกลงบนใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกปะแป้งซะขาวเหมือนกับตามเนื้อตัว นั่งถือจานข้าวจองที่นั่งในการชมละครหลังข่าวแบบเตรียมพร้อมสุดๆ ไม่สิน่าจะเรียกว่าที่ประจำของมันตอนกิข้าวเย็นนี่แหละแล้วด้วยสาเหตุนี้กระมังที่ทำให้บ้านนี้กินข้าวเย็นไม่เคยพร้อมหน้าพร้อมตาสักที


                อดทนไว้เหอะ พรุ่งนี้จะต้องดีกว่า


                เสียงเพลงไตเติ้ลละครเรื่องโปรดขึ้นมาเป็นอันรู้กันว่าบัดนี้คุณชายเตโช ได้เข้าสู่ในโลกของตัวเองแล้ว แบบใครไปเรียกหรือใครไปขัดจังหวะเขาในเวลานี้ มีเคืองกันอ่ะ แบบที่เรียกว่าเคืองยันลูกบวชเลยก็ว่าได้


                “โฮะ
    ..ผู้ชายห่าอะไรวะ ติดละครหลังข่าว” เสียงของผู้ใหญ่สุดในบ้านกล่าวขึ้นทันที พร้อมกับยกแก้วน้ำที่มีน้ำเย็นเจี๊ยบที่มีไอน้ำเกาะจนขึ้นดื่มหลังจากที่จัดการกับอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ตัวเขาเองก็จ้องเจ้าลูกชายแบบไม่วางตาเหมือนกัน


                “ป๋าก็
    ….หายากนะผู้ชายแบบนี้ อย่างน้อยเวลามีเมีย เมียแกจะได้โล่งใจเรื่องสามีกลับบ้านไม่ตรงเวลาไงป๋า” คราวนี้เป็นคิวของลูกสาวคนเล็กที่ที่อุตส่าห์เรียนจนจบหมออย่างเดียวไม่พอยังเป็นหมอทหารสมใจให้พ่ออีกเดินมาเก็บจานชามบนโต๊ะไปไว้ในอ่างล้างจานก่อนจะหยิบเต้าฮวยใส่น้ำขิงร้อนๆมาวางตรงหน้าคนเป็นพ่อ


                “แล้วนี่พี่สาวเรากับ น้องชายเรายังไม่กลับมาอีกรึไง หมอเหม่ง”


                “อื้อค่ะ เล็กบอกว่าวันนี้ต้องอยู่ช่วยคนงานที่ไร่หน่อย ส่วนพี่ใหญ่ก็เห็นว่าต้องอยู่ดูแลลูกค้ากรุ๊ปใหญ่ที่รีสอร์ทกรุ๊ปใหญ่เลยอ่ะค่ะ คงกลับดึกหน่อยแล้วก็
    ” ร้อยตรีแพทย์หญิงศศิดารา เดินตรงเข้าไปทางพี่ชายที่กำลังอินละครอย่างเมามันส์พร้อมกับเอากระดาษโพสอิสมาแปะไว้ที่หน้าผากเปิดรับทรัพย์ของนายเหนือของไร่ แล้วเดินกลับออกไปที่ครัวเพื่อช่วยคุณป้าทำอาหารใส่บาตรแต่เช้า

     

                หลังจากความสงบภายในบ้านมาเยือนก็เป็นเวลาที่ละครหลังข่าวมันฉายจบพอดี คุณเตโชก็ถูกก็พ่อเจ้าประคุณเล่นลุกไปตักข้าวเพิ่มตอนที่ละครมันโฆษณาอย่างเดียวที่เหลือก็นั่งเฝ้าหน้าจออย่างเดียวพอละครจบตอนกำลังไคล์แมกซ์ทีไรต้องร้องออดครวญออกมาทุกที เพราะอาการอยากรู้อยากเห็นตอนต่อ มือหนาตะปบเข้าไปที่หน้าผากของตัวเองที่มีสิ่งแปลกปลอมแปะอยู่


             พี่ใหญ่บอกมีเรื่องจะคุยให้รออยู่ก่อนอย่าเพิ่งขึ้นนอนนะคะพี่ชาย

    “แหมมีเรื่องจะคุยด้วยป่านนี้ยังไม่เห็นโผล่มาเลย ละครจบแล้วนะป้า!!!!

    “แกเรียกใครว่าป้าวะ” เสียงหวานอันน่าสะพรึงดังขึ้นจากทางประตูบ้านทันทีทำเอาคนที่พ่นประโยคเมื่อกี้ถึงกับสะดุ้งทันทีแล้วค่อยๆหันกลับมามองคนที่ยืนจังก้ามือข้างหนึ่งถือรองเท้าส้นสูงไว้อีกมือถือแฟ้มงานยืนหน้ามุ่ย ดวงหน้าสวยหวานนั่นปกติจะสดสวยตลอดแต่วันนี้มันกลับดูโทรมแท้ในวันนี้จนคนที่เป็นน้องชายต้องรีบวิ่งไปช่วยเธอถือของทันที

    “เจ้ไปทำไรมา”

    “กัดกับหมามั้ง แมร่งเรื่องมากชิบ ไอ้ลูกค้าพวกนี้ แค่นั้นไม่พอนะมันยังแอบจับก้นฉันด้วย” เตโชถึงกับพ่นหัวเราะออกมาทันที

    “หัวเราะอะไรของแกวะ”

    “เปล่า หุ่นแบบนี้ยังจะมีใครจับอีกเรอะ”

    “ไอ้เปรตนี่!!!” ว่าเข้าพี่สาวคนโตของบ้านก็ถึงยกมือง้างกระเป๋าราคาแพงของตัวเองขึ้นเตรียมจะฟาดหัวไอ้น้องชายที่เกิดไล่หลังเธอไม่กี่นาทีให้เลือดปากมันออกสักทีเผื่อหมาในปากมันจะออกมากับเลือดนั่นบ้าง

    “อ๊ะๆๆๆ ทำร้ายร่างกายแพ้ฟาวนะ อีกอย่าง ผู้พันแบงค์ แกก็ไม่ชอบผู้หญิงใช้กำลังรู้รึเปล่า” เพียงเอาชื่อรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันกล่าวขึ้นมาที่ตอนนี้เป็นหนุ่มหล่อมาประจำการอยู่ค่ายทหารที่นี่ไม่ว่าวันไหนก็มีสาวน้อยสาวใหญ่ต่างชอบไปขายขนมจีบให้พี่ชายคนนี้เหลือเกิน เพราะคุณสมบัติไม่ว่าชะนีคนไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ รูปหล่อ สุภาพบุรุษทั้งต่อหน้าและรับหลัง สืบเชื้อสายผู้ดีกรุงเก่ามาแต่ก่อน ส่วนเรื่องฐานะไม่ต้องพูดถึงเลย ไอ้ที่กล่าวมาไม่รู้ว่ายังหาข้อเสียอะไรไม่ได้เลย พอเจอประโยคนี้ คนที่กำลังจะใช้กำลังถึงกับกระเป๋าลงพื้นแล้วกรี๊ดๆๆๆ กระทืบเท้าไปมาก่อนจะเดินตรงเข้าครัวไปเลยในทันที ยกนี้เตโชชนะใส ร่างสูงเดินข้าวของทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะรับแขก ก่อนจะเดินตามพี่สาวเข้าไปในห้องครัวเล็กๆที่อยู่ในตัวบ้าน ส่วนครัวใหญ่ที่ผู้เป็นป้ากับน้องสาวต้องใช้ทำอาหารทุกๆมื้อถูกแยกออกจากนอกตัวบ้านไป ส่วนในบ้านใช้เฉพาะทำพวกอาหารเบาๆ เหมาะสรุปคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทานมื้อใหญ่อย่าง คนที่กำลังจุดเตาไฟฟ้าขึ้นพร้อมกับเอาหม้อตั้งไฟแล้วเทน้ำลงไป ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขิง เห็ด หมูสับ และ ไข่ออกมาหนึ่งฟอง

    “พี่ใหญ่ กับข้าว เหม่งมันก็เหลือไว้อยู่ในตู้ไม่เอาออกมาอุ่นกินล่ะ”

    “ฉันควบคุมน้ำหนักอยู่กินไป มีหวังออกข้างแน่”

    “เหรอ แล้วไอ้ที่กินไปน่ะ มันอยู่ท้องทั้งคืนเหรออออ” เตโชเดินเข้ามาพร้อมกับนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะมองคุณนายคนสวยๆที่นานๆจะเข้าครัวสักที

     “นี่ฉันว่าแกนี่ทำกับข้าวเป็นซะเปล่า แล้วขิงที่กินไปทุกวันนี่มันเป็นทั้งสมุนไพร อีกอย่างมันยังทำให้อิ่มแล้วอยู่ท้องนานด้วย” พูดไปก็ไปจัดการอาหารไดเอทตรงหน้า

    “เหรองั้น กลางขอด้วยถ้วยนึง”

    “เออ..ฉันกลับมาเหนื่อยๆแทนที่แกจะมาเป็นคนทำให้ฉันนะ”

    บ่นไปใช่ว่าจะฟังที่ไหน ร่างสูงเดินตะแลดแต๊ดแต๋ไปนั่งเตรียมกินอาหารระหว่างที่จะคุยเรื่องธุระกัน

     

    เสียงของช้อนที่ขนซุปขิงนั้นกระทบกับจานกระเบื้องนั้น เป็นอันว่าจบการกินอาหารมื้อนี้ น้ำเย็นๆถูกรินออกจากเหยือกลงสู่แก้วใสทรงสูงนั้น เหล่าหยดน้ำต่างพากันจบตัวจนขึ้นไอเพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน

    “เจ้มีเรื่องอะไรจะให้กลางช่วยเหรอ”

    “ก็ไม่หนักหนาหรอก แค่ฉันอยากให้แกดูแลคนคนหนึ่งให้หน่อยน่ะ ในฐานะที่แกก็เก่งทั้งภาษาจีนและอังกฤษ ฉันนึกถึงใครไม่ออกนอกจากแกแล้วว่ะ”

    “แหม ทำไมไม่รับเองล่ะ กลางไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ ไหนจะงานที่ไร่ ไหนจะงานที่ป่าอีก”

    “ฉันก็เหมือนกัน เอาน่า ช่วยฉันนิดหน่อยนะแค่ช่วงเดือนแรกอย่างเดียวพอนะ น่านะกลางจ๋า” อริสราทำน้ำเสียงออดอ้อนเต็มที่ มือเรียวที่ดูนุ่มนิ่มตอนนี้ยกประคองมือสากกร้านเพราะต้องทำงานในไร่ขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง “นะนะนะ”

    “อ่าๆๆๆๆ ก็ได้ ผู้หญิง ผู้ชายล่ะ”

    “หึหึ น่ารักที่สุดเลยเผือกของพี่ เค้าเป็นผู้หญิงจ้ะเพื่อนสนิทพี่เองตอนพี่ไปเรียนที่ฮ่องกงนิสัยน่ารัก ฉันรับรองได้ว่าไม่ทำแกปวดหัวแน่นอน แถมยังหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มด้วนะเว้ย”

    “เชื่อถือได้ พี่ บอกว่าน่ารักทีไร ตัวจริงไม่ได้เรื่องทุกราย ดูอย่างอิโรซี่งี้ ไอ้จ้าวงี้ แต่ละตัว ไม่ไหว ไม่ไหว”

    “แต่คนนี้ฉันรับประกันเลยนะเว้ยเค้าไม่ทำแกปวดหัวแน่นอนเว้ย”

    “เออๆๆๆ แล้วเขาจะมาเมื่อไรล่ะ จะได้เตรียมตัวไปรับถูก”

    “วันรืนนี้แล้ว เป้นอันตกลงนะไปล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องลุกไปใส่บาตร ผู้พันแบงค์จะมาใส่ด้วยแหละ ต้องรีบนอนอร๊ายยยย” พูดจบไม่ถามความสมัครใจของคนที่ต้องรับหน้าที่อันแสนยิ่งใหญ่นี่เลย เตโชมองพี่สาวของตัวเองที่เดินหอบงานขึ้นไปข้างบนพร้อมกับร้องเพลงไปอย่างอารมณ์ดี เอ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ แต่คนนี้คงไม่เท่าสองคนที่แล้วหรอกมั้ง ก็เจ้าตัวเล่นยืนยันหนักแน่นขนาดนั้นเลยก็เป็นอันว่า

     

                ตกลงก็แล้วกัน

     

     

                ไหนล่ะไอ้ที่บอกว่าน่ารักน่ะ จนบัดนี้ยังไม่เห็นโผล่ศีรษะออกมาจากช่องผู้โดยสายขาออกเลย ร่างสูงในชุดที่เรียกว่าน่าจะดูดีที่สุด เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้ม สวมแว่นกันแดดเรย์แบรนดูดีไม่น้อย แต่ไอ้ท่าทางที่เขาทำอยู่นี่ไม่ต่างอะไรจากมือปืนที่กำลังมาตามเก็บเหยื่อยังไงก็ไม่รู้ ดวงตาคมก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับกับการชะเง้อหาคนในรูปที่เครื่องมือยืนยันชิ้นเดียวที่จะหาสาวเจ้าเจอ


                “ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่โผล่มาวะ” ร่างสูงสบถออกมาอย่างหยาบคายไหนจะท่าทีพะว้าพะวงเดินไปทั่วสนามบินจนทำเอาคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ จนในที่สุดเวลาผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่าจะเห็นจะได้ ร่างสูงพาตัวเองหาที่นั่งลงแถวนั้นตาก็ยังเฝ้ามองที่ทางออก ว่าเมื่อไรแม่สาวคนนั้นจะเดินออกมาสักที

               

                “อันนี้น่ารักจังเลยค่ะ ราคาเท่าไรเหรอคะ” เสียงหวานว่าพร้อมกับหยิบหมอนช้างขึ้นมาดูด้วยแววตาแวววาวระหว่างที่กำลังเลือกของอยู่นั่นเอง ระหว่างที่กำลังช้อปของพื้นบ้านไปตาก็ลืมมองนาฬิกาเลยว่านี่มันกี่โมงกี่ยามทำเอาคนรอกลับไปก่อน พอกลับมากอีกรอบยัยผู้หญิงที่บังอาจให้เขายืนรอจนขาแข็งก็ยังไม่ออกจากเกทมาเลยจนที่สุดเลยไปที่ไร่เอาเปลี่ยนจากรถฟอนจูเนอร์ดีเป็นกะบะปุโรทังใกล้พังเต็มทีมาจอดที่สนามบินแทนท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนในสนามบิน ยิ่งพอเจ้าของรถเดินออกมายิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพชุดที่ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมกับสถานที่สักเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำอะไรเพราะไอ้หนังหน้าโหดๆนั่นแหละ


                ขายาวๆก้าวย่างเข้าไปยังเทอร์มินอลผู้โดยสาร ดวงตาคมมองไปรอบมองหาเป้าหมายสุดท้ายเจ้าหล่อนก็ยังไม่มาสักที และแล้วในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง ใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเพราะมองในรูปอย่างอาฆาตเต็มที่หาร่างที่กำลังยืนชมไม่รู้ไม่รู้หนาวนั่นเต็มที่ แต่ก่อนจะชะลอฝีเท้าลงเดินตรงเข้าไปให้แนบเนียนที่สุด มือหนาคว้ากระเป๋าที่วางไว้อยู่ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างๆตกใจคว้าหมับไว้ทันทีพลางกับมองขาตาเขียว


                “คุณเป็นใคร
    !!


                “คนจะมารับคุณไง ไปได้ล่ะ
    !!!


                “เดี๋ยวฉันไม่เชื่อ คุณอาจจะเป็นมิจฉาชีพก็ได้” ใช่ดูจากสภาพการแต่งตัวที่ไม่สมองค์นั่นิ เจ้าแม่แห่งวงการดีไซเนอร์อย่างเธอรับไม่ได้หรอกที่ต้องไปกับคนอย่างนี้แค่คิดก็
    ไม่เอายังไงก็ไม่เอา “ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะเรียกให้คนช่วย!” ร่างเล็กโต้ตอบด้วยภาษาจีนทันทีไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วยภาษาอังกฤษเมื่อครู่นี้พลางกับจ้องเขาตาขวาง เตโชเลยตัดสินใจควัดโทรศัพท์มือถือโทรหาพี่สาวตัวเองแล้วยื่นให้คนแปลกหน้านั่นคุยทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นเอง ก็เปลี่ยนมาอ้อนบ้างด้วยภาษาจีนบ้างเพราะคงคิดไอ้คนที่ยืนจังก้าอยู่ไม่มีทางเข้าใจแน่ๆ เลยนินทากันในแบบระยะเผาขน เจ้าของโทรศัพท์มองแล้วหัวเหอะๆออกมา แสร้างทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป


                “มี่ไม่เอานะ หลิน หลินมารับมี่หน่อยน้า” คนที่แทนตัวเองออดอ้อนเพื่อนรักผ่านทางสาย ในใจระหว่างนั่งเครื่องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาตั้งหลายชั่วโมงหวังว่าจะมาหาแรงบันดาลใจสร้างผลงานชิ้นใหม่ให้ตัวเองในซีซั่นหน้า อุตส่าห์คิดไว้ตั้งหลายอย่างโดยเฉพาะ ดวงตาสีทองเหลือบมองคนที่ยืนกอดอกกระดิกเท้าไปมา ดูสิแต่งไม่ดีกิริยายังไม่สุภาพเลย สุดท้ายก็ไม่มีสัญญาณอะไรตอบกับมา แม่ลูกครึ่งสาวหน้าเบ้แทนคำตอบที่ได้รับทันพลางกับยื่นโทรศัพท์คืนเจ้าของ


                “เอ้า รู้เรื่องรึยังไปได้ล่ะ” เตโชลากกระเป๋าเดินทางราคาแพงนั่นทันที แต่อยู่ๆก็มีเสียงๆดึงเรียกให้สองขาเขาหยุดเอาไว้ก่อน


                “ไม่ต้อง
    !!! นายจะไปไหนก็เชิญเลย ฉันหาทางไปที่ไร่นายเองได้” ประโยคนั้นทำเอาเจ้าของไร่หนุ่มหัวเราะ
    ลั่นออกมาทันที พลางกับปล่อยกระเป๋าเดินทางนั่นทันทีใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้ารับรู้


                “โอเค งั้นตามสบายเลยนะ”


                “อย่าคิดนะว่าฉันต้องง้อนาย แท็กซี่ก็มีถมเถ” เจมี่เดินมาพร้อมกับลากกระเป๋าเชิดหน้าใส่คนใช้วาจาหยาบคายใส่ตัวเองเดินตรงไปทางลานจอดรถที่บรรดารถแท็กซี่รออยู่


                “ขอให้เดินทางโชคดี”

     

                นั่นคือคำทิ้งท้ายไว้ ร่างสูงเดินกลับไปที่หัวเราะในหัวก็คิดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ใช่มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่บรรดาเจ้าสี่ล้อเครื่องไม่แกร่งพอจะไปถึง ถึงได้บอกยัยตัวแสบนั่นว่า ขอให้โชคดีแล้วกัน

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×