คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : amnesia I - [100%]
.. ผู้ป่วยความจำเสื่อม ..
--- ตอนที่ ๑ ---
สีน้ำตาลเข้มถูกจัดให้เป็นชุดเดียวกันกับเก้าอี้ขนาดยาววางเรียงเป็นแถวตอนหลายแถวเว้นระห่างแค่พอเดินภายในอาคารชั้นเดียวหลังใหญ่หรือเรียกที่อีกนัยหนึ่งได้ว่า ‘โรงอาหาร’ ร้านอาหารต่างๆที่จัดเรียงไว้รอบบริเวณขอบของอาคาร ผู้คนมากมายคลับคลั่งที่เริ่มทยอยกันเข้ามาเป็นกลุ่มๆต่างพากันจับจองพื้นที่ก่อนจะเดินไปต่อแถวเพื่อจองคิวตามหน้าร้านที่ตนต้องการ
ก่อนหน้านี้ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมออกมาทานมื้อกลางวันร่างเล็กตรงหน้าบอกเขาว่ามีคนจะแนะนำให้รู้จัก ผ่านมาสิบนาทีกว่าแล้วก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของบุคคลที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนร่างเล็กต้องหันซ้ายหันขวาอยู่แบบนี้
“แบคฮยอน ไหนคนที่แกบอกว่าจะแนะนำให้รู้จัก นี่รากจะงอกละ ข้าวก็หิว” ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นอิดออดก่อนจะเบะปากออกมาอย่างอนๆเพื่อนรักที่กำชับนักหนาว่าให้รอบุคคลที่จะมาใหม่ก่อนแล้วถึงจะค่อยทานพร้อมกัน
“โถ่คยองซู รอหน่อยนะเดี๋ยวก็มาแล้ว รับรองว่าแกต้องตกใจไม่น้อย” คนหน้าสวยที่แต่งแต้มไปด้วยเส้นอายไลเนอร์ยักคิ้วทะเล้นตอบกลับมาแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างเล็กที่เริ่มนอยด์แล้วอารมณ์ดีขึ้นมาเลยสักนิด
บยอน แบคฮยอน เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาตั้งแต่สมัยขึ้นเรียนชั้นประถม เป็นคนมีไหวพริบที่ดี ร่างเริง และช่างพูด แต่ในทางเดียวกันเขาก็เป็นคนที่เด็ดขาด พูดจาขวานผ่าซากทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าหาแต่จะมีอยู่คนเดียวที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงมองว่าแบคฮยอนก็แค่เด็กคนนึง นั่นก็คือเขาเอง คยองซู เพราะไม่ว่าเจ้าเพื่อนรักที่มีขนาดไซต์เท่ากันคนนี้จะปากร้ายแค่ไหนท้ายที่สุดก็ยังเป็นคนเดียวที่คอยห่วงและดูแลคยองซูตลอดมา อีกทั้งยังทำตัวเป็นแม่เขาในทุกๆเรื่อง - -‘
“เหอะ หน่อยของแกอะโรคกระเพราะจะถามหาละ”
“เห้ยนั่นไง! มาแล้ว” ยังไม่ทันที่คยองซูจะพูดจบเพื่อนรักตรงหน้าก็ส่งเสียงดังทักขึ้นมาทำให้คยองซูต้องหันไปมองตามทิศทางที่คาดว่าจะเป็นที่มาของบุคคลที่พวกเขากำลังรอคอย
ผู้ชายร่างสูงผมดำสายตาคมกริบ จมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับ อีกทั้งยังสีผิวน้ำผึ้งนั่นยิ่งทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าคนๆนั้นดึงดูดสายตาเขาได้มากเพียงใดเข้ามาพร้อมชายอีกคนที่มีลักษณะสูงกว่า ดวงตากลมโตบวกกับผมสีน้ำตาลอ่อนก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่เขานั่งอยู่กับเพื่อนรักตรงหน้าก่อนแล้ว
“ที่ร้ากกกกกก~ ” คนที่มีส่วนสูงสูงกว่าปรี่เข้าไปนั่งตัวติดกับเพื่อนรักของเขาก่อนที่แขนยาวทั้งสองข้างจะยกขึ้นโอบกอดรอบเอวแล้วใช้คางมนกดทับลงลาดไหล่เล็กราวกับลูกหมาน้อยที่กำลังออดอ้อนเจ้านายของมัน
ห๊ะ? ว่าไงนะ … ที่รักงั้นหรอ?
“เว่อร์ไปละ น้อยๆหน่อย” ร่างเล็กที่ตอนนี้โดนเจ้าลูกหมาน้อยจากที่ไหนสักแห่งออดอ้อนอยู่ยกใหญ่ใช้ศอกเล็กกระทุ้งเข้าที่ท้องอีกคนเบาๆแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่โดนมีทีท่าว่าจะออกห่างไปเลยสักนิด
“ก็คิดถึง เว่อร์ตรงไหน ไม่ได้เจอตั้งนานนน” ไม่พูดเปล่าเจ้าลูกหมาขี้อ้อนกระชับกอดแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะใช้จมูกฝังลงแก้มนุ่มเบาๆแล้วถูไถจนคนตัวเล็กที่ตอนแรกเหมือนจะไม่พอใจที่ทำให้เขากับเพื่อนต้องมานั่งรอนานแบบนี้แถมพอมาถึงแล้วยังมาทำอะไรประเจิดประเจ้อกลับต้องพ่ายแพ้อ่อนยวบลงด้วยลูกอ้อนของเจ้าลูกหมา จุดรอยยิ้มขึ้นด้วยความเขินที่เริ่มเกาะกินบริเวณแก้มเนียนทั้งสองข้าง
“นานอะไรแค่วันเดียวเอง” พูดจบคนตัวเล็กหันหน้าไปงับจมูกเจ้าลูกหมาของเขาเบาๆแทนความหมั่นใส้ในความขี้อ้อนก่อนจะหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
“นี่พวกมึงจะพลอดรักกันอีกนานปะ - -? ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลังของร่างเล็กที่นั่งมองเพื่อนรักกับปลิงกำลังสร้างพื้นที่รอบข้างให้กลายเป็นสีชมพูอย่างไงอย่างงั้นหันกลับไปมองต้นเสียงพร้อมกับคนทั้งสองตรงหน้าที่หยุดการกระทำก่อนจะมองตาม
ใบหน้าคมคายสักครู่แสดงอาการเบื่อหน่ายกับภาพตรงหน้า น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายกับว่ากำลังรำคาญสองคนที่เอาแต่จู่จี๋กันไม่สนใจคนอื่นยืนกอดอกมอง คยองซูรู้สึกขอบคุณร่างสูงตรงหน้าที่ช่วยขัดคนทั้งคู่ให้สนใจคนอื่นบ้างเพราะเขาเองก็เริ่มที่จะเซ็งเหมือนกัน
“ไอ้ดำ!” เสียงหนึ่งตอบกลับโดยที่คยองซูไม่ต้องหันไปดูต้นเสียงเลยก็รู้ว่านั่นเป็นเสียงของใครด้วยเดซิเบลที่พุ่งแหลมปี๊ดขึ้นมามากกว่าปกติ แบคฮยอนยกแขนทั้งสองขึ้นกอดอกมองจ้องอย่างหาเรื่องเจ้าของประโยคก่อนหน้านี้
“ว่าใคร? เตี้ย!” คนโดนว่าที่ก่อนหน้านี้ยืนทำท่าคล้ายกลับว่าเขาได้หลับในไปแล้วถลึงตาจ้องแบคฮยอนกลับอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
“เอ่อ.. สนใจเราหน่อยได้ปะ?” คยองซูที่มองอยู่สักพักเห็นท่าไม่ดีจึงห้ามทัพไว้พร้อมกลับกรอกตามองทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเอือมๆ นี่ตกลงแล้วเขาคือตอไม้สินะเพราะตั้งแต่บุคคลที่รอมาถึงพวกเขาก็เอาแต่พูดคุยกันไม่สนใจและไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เขาฟังเลย - -
“อ่อ ลืมไป เออนั่นคิมจงอินนะ หรือเรียกสั้นว่าไอ้ดำ” สิ้นเสียงคนที่ถูกเอ่ยถึงถลึงตาใส่บุคลลผู้ที่เป็นคนแนะนำ แบคฮยอนเองก็ไม่หยี่ระเช่นกันก่อนจะหันมาที่เขาแล้วกล่าวแนะนำอีกครั้ง
“นี่คยองซู เพื่อนสนิทฉันเอง ห้ามใครแดกถ้ามาได้รับอนุญาตจากฉันก่อน!” ไม่พูดเปล่าคนร่างเล็กจงใจกระแทกเสียงใส่ร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง คยองซูฟาดฝ่ามือเล็กลงที่ไหล่ข้างที่ว่างของเพื่อนรักเบาๆเป็นการคาดโทษที่พูดจาหยาบคาย ก่อนจะหันไปมองบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหลัง สายตาคมของจงอินตวัดมองมาที่เขาสักพักก่อนจะหันกลับไปมองทางอื่นโดยที่เขายังไม่ทันจะกล่าวทักอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ส่วนนี่ชานยอลนะ แฟนฉันเอง” แบคฮยอนละความสนใจจากคู่กรณีตรงหน้าแต่ก็ไม่วายที่จะส่งสายตาจิกกัดให้แล้วหันมาแนะนำใครบางคนที่ยังคงครอบครองเอวเล็กของตัวเองไว้แน่นก่อนที่คนที่ถูกพูดถึงจะหันมายิ้มจนเห็นฟันครบทุกซี่ให้กับเขา
แฟน ..
ว่าไงนะ? .. แฟนของแบคฮยอนหรอ?
“เดี๋ยวนะ แฟน .. แฟนของแก” คยองซูกระพริบตาปริบๆหลายครั้งเหมือนว่าประโยคที่เพื่อนรักพูดมาเมื่อกี้เขาฟังผิดไปก่อนที่แบคฮยอนจะพยักหน้าเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่คยองซูได้ฟังคือเรื่องจริง
หึ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าคยองซูน่ะคิดอะไรอยู่ เขาเป็นเพื่อนสนิทเชียวนะ คยองซูน่ะใสเกินกว่าจะมองว่าเรื่องนี้คือเรื่องปกติ
“นี่แค่ปิดเทอมไปเดือนเดียวแกเปลี่ยนอีกแล้วหรอ?” คยองซูดูตกใจกับเรื่องที่พึ่งรับรู้มา ดวงตาที่กลมโตจนเหมือนจะทะลักออกมาได้ทุกครั้งที่เห็นกลับโตขึ้นไปอีก จริงอยู่ที่ชานยอลไม่ใช่แฟนคนแรกของเขาและเขาเองก็เปลี่ยนมานับไม่ถ้วน บยอน แบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะต้องมาทนอะไรหรอกนะ แค่เบื่อก็เปลี่ยนก็แค่นั้น แต่เจ้าเพื่อนตัวเล็กตาโตคนนี้กลับไม่เคยชินกับอาการเบื่อง่ายหน่ายเร็วของเขาสักทีและทุกครั้งที่เปลี่ยนคู่ควงก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง อาการกึ่งช็อคกึ่งสงสัย?
“แล้วไปคบกันได้ยังไง ไหนบอกปิดเทอมไม่ว่างเพราะเลี้ยงหมา” สองมือเล็กยกขึ้นมาค้ำบริเวณขอบโต๊ะก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้ามองคนทั้งคู่
“ไอ้นี่แหละ หมาที่บอก” คนร่างเล็กตอบติดตลกกลับมาก่อนจะขำท่างทางของเพื่อนรักที่คิ้วสวยนั่นเริ่มขมวดผูกติดกันจนเป็นโบว์แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนความน่ารักลงไปเลย กลับกันเมื่อมันยิ่งทำให้เจ้าของคิ้วที่ผูกกันอยู่นั้นดูน่ารักน่าฟัดเข้าไปอีก
เอ.. นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นเพื่อนกับเจ้าตัวเล็กตรงหน้ามานาน ป่านนี้เขาคงขอคบกับเพื่อนรักคนนี้ไปแล้ว ก็เล่นน่ารักน่าฟัดซะขนาดนี้ไม่แปลกเลยที่เขาจะหวงคยองซูมากขนาดนี้
ว่าไปแล้วนี่ก็เข้าเทอมที่สองแล้วตั้งแต่เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย คยองซูก็ยังคงดูไร้เดียงสาไม่เปลี่ยน จะมีก็แค่ผิวพรรณที่เริ่มจะเปล่งปลั่งมากขึ้นจนทำให้เจ้าตัวเล็กสามารถครองสายตาหลายคนที่มองมาได้ไม่ยาก
คยองซู นายนี่ก็น่ารักไม่เบานะ หรือว่าฉันควรจะเปลี่ยนไปสนใจที่นายแทน…
“บ๊อก~” คยองซูละสายตาไปมองที่เจ้าของเสียงนั่นก่อนจะยิ้มขำให้กับความขี้เล่นของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของเพื่อนรักของเขาแล้วดันตัวกลับนั่งเดิมก่อนจะเอ่ยประโยคแซวคนทั้งคู่
“ขอให้นานเถอะ” เสียงหวานพูดจบก่อนจะเตรียมตั้งท่าเพื่อลุกขึ้นไปรอคิวซื้อข้าวเมื่อรู้สึกถึงท้องที่เริ่มปล่อยน้ำย่อยออกมาจนมีเสียงครวญครางดังขึ้นเตือนว่าให้เขาควรลุกออกจากตรงนี้แล้วรีบไปหาอะไรลงกระเพราะอันน้อยนิดนี่ได้แล้ว
“แน่นอนครับ” ชานยอลตอบกลับแล้วลุกขึ้นไปซื้อข้าวตามพร้อมกับจูงมือแบคฮยอนคนรักร่างเล็กไปด้วย โดยที่ลืมสนใจคนร่างสูงที่ยืนหลับในมองคนทั้งสามสนทนากันอยู่ เห็นดังนั้นจงอินจึงเดินไปซื้อข้าวของตนบ้าง
“กว่าจะได้แดก!” = =
✂ ------------------------------------ 50% ฉึบ! ✂ ------------------------------------
“เออแก ฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ พอดีจะไปซื้อของ เย็นนี้ต้องไปบ้านชานยอล” เสียงใสของร่างเล็กเพื่อนรักพูดขึ้นในระหว่างที่กำลังทานข้าวกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เนื่อกจากว่าหลังจากที่เราแยกย้ายกันไปซื้อข้าวของตัวเองแล้วมานั่งที่เดิมต่างคนก็ต่างก้มหน้าก้มตาทานโดยไม่ปริปากพูดอะไร อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้มัวแต่พูดๆกันจนเลยเวลาทานมามากทำให้ในเวลานี้ที่จานข้าวจานโตหน้าตาน่าทานได้มาอยู่ตรงหน้าแล้วทำให้ไม่มีใครสามารถละความสนใจไปจากมันได้เลยแม้แต่วินาที
คยองซูเองก็ใช่ว่าจะหิวจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาสนทนาอะไรกับใครไม่ได้หรอกนะ เพราะปกติไม่ว่าเขาและแบคฮยอนจะมาทานสายเท่าใดแต่ทั้งคู่ก็มักจะมีเรื่องมาเม้าท์มอยกันได้เสมอ แต่อาจเพราะวันนี้ไม่เหมือนทุกวันเนื่อกจากมีบุคคลมาร่วมโต๊ะกับพวกเขาเพิ่มขึ้น ด้วยความที่ยังไม่สนิทชิดเชื้อทำให้คยองซูรู้สึกเกร็งกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สึกไม่ดี หากแต่คยองซูทำตัวไม่ถูกต่างหาก อยากเงยหน้าขึ้นไปเม้าท์กับเพื่อนรักเสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างทุกวันก็ลำบากกลัวว่าจะทำให้ใครบางคนรำคาญ ดูจากสีหน้าของเพื่อนใหม่ที่นั่งข้างเขาตอนนี้แล้วคงจะต้องไม่พอใจเป็นแน่หากเขาจะทำตัวแบบเดิมอย่างทุกๆวันกับแบคฮยอน คยองซูเลยได้แต่กำหน้าก้มตากินไปเท่านั้น
"เอ่า แล้วไม่ไปซื้อหลังเลิกเรียนหล่ะ จะมาเข้าเรียนต่อทันมั้ย?" คนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอยู่เงยขึ้นมาถามเพื่อนรัก ช้อนในมือที่เต็มไปด้วยข้าวคำโตต้องชะงักลงทั้งที่อีกไม่กี่วินาทีมันกำลังจะเข้าไปในโพรงปากอวบอิ่มนี่แล้วแท้ๆ
"อืม... " แบคฮยอนชั่งใจคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดต่อ
"ไม่อะ ต้องซื้อเยอะ จะโชว์ฝีมือทำอาหารให้คุณนายปาร์ค คาบบ่ายคงโดดฝากเล็คเชอร์วันนี้ให้ด้วยนะเพื่อนรัก" พูดจบ แบคฮยอนลุกขึ้นยืนก่อนจะยกจานที่ก่อนหน้านี้ยังมีกับข้าวหน้าตาน่าทานทว่ามันดันโดนเขาจับเทลงในกระเพราะตัวเองไปหมดเรียบร้อยแล้วเลยทำให้เหลือเพียงช้อนกับส้อมเท่านั้นที่นอนกอดกันอยู่บนจาน ร่างเล็กหมุนตัวก่อนจะยกขาก้าวออกมาข้างหนึ่งตั้งท่าจะเดินไปเก็บจานแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเพื่อนรักตัวเล็กกว่าถามขึ้น
"จะไปตอนนี้เลยหรอ?" คยองซูเบิกตาขึ้นเล็กน้อยสำหรับเขาแต่คนอื่นที่มองมาก็มากพอจะเรียกว่าเหลือได้ ทึกทักน้ำเสียงขึ้นมาด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนรักลุกขึ้นหลังจากที่พึ่งจะบอกเขาไปเมื่อกี้เอง
"อ่าว ไม่ไปตอนนี้จะให้ไปตอนไหนล่ะครับคุณเพื่อน" แบคฮยอนหันกลับมามองเพื่อนรักก่อนจะหลุดขำออกเล็กน้อย
โด คยองซู.. เจ้ากระต่ายตื่นตูม
"อ.. อาฮะ" คยองซูที่ทำไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าตอบรับไปเท่านั้น ในใจก็อยากจะคัดค้านเพื่อซื้อเวลาให้เขาทานเสร็จก่อนจะได้ไปพร้อมกันเพราะตอนนี้เขายังทานไม่เสร็จเลย ไม่ได้อยากเรื่องมากแต่เพราะถ้าเพื่อนรักของเขากับแฟนที่ทำตัวเป็นปลิงนั่นจากไปแล้ว ทั้งโต๊ะก็จะเหลือเพียงแค่เขากับหุ่นขี้ผึ้งข้างตัวที่ถูกปั้นมาได้เสมือนคนจนน่าตกใจแถมยังฝังชิปให้เหมือนคนมากขึ้นลงไปอีกด้วย
แต่น่าเสียดาย.. เพราะหุ่นมันก็คือหุ่น หุ่นมันไม่มีวิญญาณ.............
เออแล้วนี่เขาจะมานั่งวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนร่วมโต๊ะคนสุดท้ายเขาทำไม? แบคฮยอนเดินออกไปแล้วพร้อมกับปลิงตัวเดิมทิ้งเขาไว้กับมนุษย์หุ่นขี้ผึ้งที่ไม่รู้ว่าจะรู้มั้ยว่าเพื่อนตัวเองทิ้งไปที่อื่นแล้ว
เอาแล้วไง บรรยากาศเริ่มมาคุ............
เออดี... เขาควรจะทำยังไงล่ะ? ชวนคุยมั้ย? หรือรีบกินแล้วรีบขึ้นไปเรียนซะ?
โง้ยยยยยยยยยย!! ไอ้คุณดำครับ คยองซูผู้นี้ทำตัวไม่ถูกแล้ว อยากจะตะโกนใส่หูจริงๆว่าเลิกทำตัวเป็นหุ่นขี้ผึ้งซักที! นี่เกร็งจนไม่กล้าตักข้าวเข้าปากแล้วว้อยยยยยยยยยย >[ ]
แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความคิดเท่านั้น เพราะท่าลองเขาตะโกนแบบนั้นออกไปจริงๆมีหวังได้จองโรงศพไว้ล่วงหน้าแน่ๆ แต่ให้ตายเหอะ เขาเกร็งมากนะ มีเพื่อนใหม่ทั้งทีก็ควรจะแฮปปี้กว่านี้สิ มนุษยสัมพันธ์บกพร่องหรอ??
"จะนั่งจ้องข้าวอีกนานมั้ย?" เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นด้านข้างตัวทำให้ร่างเล็กที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งมนต์ดำสะดุ้งตัวขึ้นก่อนจะค่อยๆหันไปมองทางต้นเสียงแล้วพบว่าบุคคลที่ทำให้เขาเอาแต่คิดๆๆจนลืมกินข้าวไปเลยกำลังนั่งเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่งมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ ! ก็ใครล่ะที่เป็นต้นเหตุ.. ชิ!
"เอ่อ ขอโทษนะ กำลังจะรีบกินแล้ว" เสียงใสพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆจับช้อนขึ้นมาตักข้าวในจานขึ้นยัดเข้าปาก ร่างสูงที่ก่อนนี้รู้สึกแปลกๆกับคนตัวเล็กข้างตัวที่นิ่งไปเฉยๆจึงหันมามองแล้วพบว่าคนข้างตัวเอาแต่นั่งจ้องจานข้าวตัวเองไม่ยอมทานซักทีหลุดขำเมื่อเห็นท่าทางกลัวเขาจนแสดงออกให้เห็นได้ชัด หากแต่สำหรับเขามันกลับดูน่ารักจนอยากจะแกล้งให้มากขึ้นไปอีก
"ไม่ได้ว่าอะไร เห็นนั่งจ้องข้าวไม่กินสักทีนึกว่าอิ่มจะได้พาไปเก็บจานแล้วไปส่งห้องเรียน" เสียงเข้มยังคงประครองเสียงให้เรียบนิ่งเช่นเคย ก่อนจะมองไปที่คนตัวเล็กที่หันมามองเขาอย่างรวดเร็ว
หันคอแบบนั้นเสียวจริงๆ ว่าคอขาวๆนั่นมันจะหลุดออกมา
"ไปส่ง... ไม่เป็นไรไปเองได้" คยองซูรีบปฏิเสธหลังจากที่ได้ยินประโยคของจงอินก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้แล้วก้มลงทานต่อโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองอีกเพราะแก้มเจ้ากรรมดันสร้างอุณหภูมิขึ้นมาทำให้แก้มใสเปื้อนสีซะอย่างนั้น จงอินแอบขำกับท่าทีของคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนจะหันกับมาใช้มือล้วงลงในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมานั่งกดเล่นเพราะเพื่อรออีกคนทานข้าวจนเสร็จ
การเรียนวันนี้ถือว่าไม่หนักมากเพราะเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของเทอมทำให้ส่วนใหญ่จะมีแค่การบอกแนวการเรียนของเทอมนี้ว่าต่อไปจะเรียนเรื่องอะไร? ควรไปอ่านก่อนบทไหน? แล้วกฎกติกาของแต่ละวิชาในการเข้าเรียนเป็นอย่างไร?..
คยองซูยืดตัวขึ้นสุดชูแขนทั้งสองข้างขึ้นบิดขี้เกียจ เอี้ยวตัวจนเกือบสุดก่อนจะหันกลับมาแล้วพ่นลมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ใบหน้าหวานซบลงกับโต๊ะเล็คเชอร์ที่ใช้ในการเรียนซักพักก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นโดยไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าคู่ใจเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ทว่ากลับต้องชะงักเท้าลงเมื่อเห็นใครบางคนยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูทางออก
มาทำไม.. ?
ร่างเล็กละความสนใจก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อใครคนนั้นกลับเขยิบตัวมาขวางประตู สองขาเล็กพยายามเดินเบี่ยงไปอีกทางแต่ก็ไม่พ้นคนตัวโตที่ไล่ตันทางออกเขาทุกครั้งก่อนที่คนตัวเล็กจะหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องอีกคน
"จงอิน จะมาตันทางทำไม?"
"จะกลับบ้านใช่มั้ย จะไปส่ง" เสียงเข้มตอบก่อนจะจับข้อมือเล็กแล้วพาเดินออกไปจากจุดนั้นโดยที่ไม่ฟังคัดค้านจากคนตัวเล็กที่เริ่มงงเป็นไก่ตาแตกได้แต่โวยวายไปตามทาง
"เห้ย หยุดเลย กลับเองได้ เป็นบ้าอะไร? ปล่อยยยยย! " คนตัวเล็กที่โดนลากให้เดินไปตามที่อีกคนต้องการโวยวายหนัก จงอินเป็นไร ทำไมอยู่ๆถึงมารอเขาหน้าประตูแถมยังบอกจะไปส่งทั้งที่เรายังไม่สนิทกันเลย พูดกันยังไม่ถึงสิบประโยคด้วยซ้ำ
หรือว่าจริงๆเขาคือโรคจิต 0.0!??
"เห้ยยยยย ปล่อยยยยย บอกให้ปล่อยไง ไอ้โรคจิตตตต!!" สิ้นความคิดคยองซูแหกปากลั่นขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่ตอบอะไรนอกจากเอาแต่ลากๆเขาก่อนคนที่โดนด่าว่าโรคจิตจะหยุดลากแล้วหันกลับมามองที่เขานิ่ง
คยองซูยืนนิ่งก้มหน้าลงมองพื้นเพื่อหาที่พึ่ง มือข้างที่ยังว่างอยู่กำกางเกงจนยับ จงอินมองภาพนั้นก่อนจะปล่อยข้อมือเล็กของอีกคนที่ตัวเองจับอยู่
"แบคฮยอนโทรมาบอกให้ฉันไปส่งนายที่บ้าน" สิ้นเสียงเข้ม ร่างเล็กที่ยืนก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมามองด้วยความสงสัย
"แล้วทำไมต้องไปส่ง? ฉันกลับเองได้" คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่รู้ มันบอกมาแค่ว่าให้ไปส่ง ไปเหอะไม่อยากทะเลาะกับมัน" จงอินพูดจบก่อนจะจับมือคนตัวเล็กเดินต่อไป คยองซูที่ยังสงสัยอยู่แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้อีกคนนำทางเดินไปเรื่อย เจ้าเพื่อนรักเห็นเขาเป็นเด็กๆหรือไง แค่ไม่ได้กลับบ้านด้วยกันวันเดียวทำไมต้องให้คนไปส่งแทนด้วย เขาโตแล้วนะ เขาดูแลตัวเองได้
ว่าไปสายตาก็ดันไปหยุดอยู่ที่มือหนาที่กอบกุมข้อมือเล็กของเขาเบาๆจากตอนแรงที่ออกแรงเล็กน้อยแต่คงเพราะพึ่งนึกได้ว่าเขาจะเจ็บถึงได้เปลี่ยนจากการลากดึงเป็นการกุมให้เขาเดินมาตามเท่านั้น พลางแก้มใสที่เริ่มขึ้นสีด้วยความร้อนผ่าวบนใบหน้าหวาน
ทำไมต้องเขินนะ..
"ขอบคุณนะ" คนตัวเล็กพูดขึ้นหลังที่ลงจากรถคันหรูของบุคคลที่อาสามาส่งเขา ก่อนจะปิดประตูรถเบาๆ ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปแต่กลับต้องชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองยังอีกคนในรถ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับไปเรียน รอด้วย ไม่ต้องปฏิเสธแบคฮยอนมันสั่งมาเช่นกัน" ว่าจบร่างสูงก็ปรับระดับกระจกขึ้นจนสุดทำให้ไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้ก่อนจะขับเคลื่อนรถยนต์คันหรูออกไปทิ้งคนตัวเล็กที่ยืนอ้าปากค้างอยู่ซักพักก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินขึ้นคอนโดไปอย่างงงๆ
แบคฮยอนคิดอะไรอยู่? เรื่องแค่นี้ทำไมต้องไปลำบากจงอินขนาดนั้น และจงอินก็คงลำบากใจทำเพราะฝืนคำสั่งแบคฮยอนไม่ได้สินะ ท่าทางไม่เต็มใจขนาดนั้นเห็นแล้วยังรู้สึกอึดอัดแทนเลย ถึงจะรู้ว่าเพื่อนรักเขาหวงเขาขนาดไหนแต่การไปทำให้คนอื่นต้องลำบากนี่ก็ไม่ใช่นะ เขาว่ามันไม่ควร แต่..
แล้วทำไมจงอินถึงไม่ปฏิเสธล่ะ.. เกรงใจแบคฮยอนขนาดนั้นเลยหรือไง?
✂ ------------------------------------ 100% ✂ ------------------------------------
ี
สวัสดีค่าาา^^
หลังจากลง50%ไว้เป็นชาติ =[ ]= ก็มาอัพ100%กันซักที
ขอโทษที่อัพช้าน้า พอดีเป็นช่วงที่ไรท์พึ่งจะเปิดเทอมพอดี
เปิดช้า ปิดช้ากว่าชาวบ้านเขา *^*
ยังไงฝากติดตามด้วยนะค้าา จะพยายามอัพเรื่อยๆ
ฝากคอมเม้นกันเยอะๆ ติชมได้ค่าาา^^
ฝากแท็กฟิคด้วยนะ #ฟิคผู้ป่วยความจำเสื่อม
บะบายยย
' Amnesia '
ความคิดเห็น