คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : L A C H E S I S - Chapter 7
ร้านคาเฟ่เบเกอรี่ชื่อดังกลางเมืองหลวง เป็นเสมือนแหล่งนัดพบของบรรดาคู่รักมากหน้าหลายตาทั้งหญิงและชาย ภายในตัวร้านถูกตกแต่งให้ดูเข้ากับยุคสมัย กลิ่นของกาแฟและเบเกอรี่ ทำให้บรรยากาศภายในตัวร้านนั้นคลุกกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายความสุข จึงไม่แปลกที่คาเฟ่เบเกอรี่แห่งนี้จะต้องคอยต้อนรับผู้ที่ต้องการมาแสวงหาความสุขจากการบริการของตนอย่างไม่ขาดสาย ไม่ต่างอะไรกับคนสองคนที่นั่งอยู่มุมด้านในของร้าน เพียงแต่บรรยากาศรอบๆคนทั้งคู่นั้นกลับแตกต่างจากบรรยากาศโดยรวมของร้านอย่างสิ้นเชิง
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคมเข้มเอ่ยทักบุคคลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนด้วยน้ำเสียงที่ยียวน เมื่อเห็นว่าตั้งแต่เข้ามาในร้านคนๆนี้ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหวานส่งมาให้ มีเพียงใบหน้าที่งอง้ำประหนึ่งว่าต้องการฆ่าตนให้ตายเสียตรงนี้
“...”
“โอเค ขอร้องล่ะจองกุก ช่วยทำหน้าให้ดีๆหน่อยได้ไหม” เมื่อเห็นว่าคนอีกฝ่ายไม่มีท่าทีที่จะสนใจตอบคำถามของตน หนำซ้ำดวงตาที่ช้อนขึ้นมองหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยแววตาที่อาฆาตอยู่เสียเต็มอก ชายหนุ่มจึงปรับเปลี่ยนน้ำเสียงของตนให้ดูนุ่มขึ้น โดยหวังเพียงว่าคนตรงหน้าจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างกับตนแค่นั้น
“นายต้องการอะไรจากฉัน”
ชายหนุ่มร่างสูงแสยะยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากของจองกุก เป็นไปดังคลาด คนอย่างจอนจองกุกยิ่งใช้ไม้แข็งเข้าสู้ คนตัวเล็กก็จะยิ่งแข็งเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เมื่อโกรธแล้วก็จะร้อนเป็นเหมือนฟืนเหมือนไฟ จึงมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือคอยใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เพื่อหวังให้ความร้อนระอุที่สุมอยู่ในอกจะทุเลาลง
“ถ้าถามว่าฉันต้องการอะไรจากนาย” ชายหนุ่มก้มลงหลบสายตาที่มองมา โดยเปลี่ยนที่วางสายเป็นเป็นมือข้างที่ว่างของตนที่กำลังหมุนวนเบาๆบริเวณขอบแก้วกาแฟ
“…”
“ง่ายๆเลยนะจองกุก” ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น สบกับดวงตาที่จ้องมองมาอย่างต้องการคำตอบของจองกุก
“…”
“หัวใจของนาย นายให้ฉันได้ไหมล่ะ”
“อย่ามาตลก!!” จองกุกเผลอตวาดเสียงดังใส่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเสียงหวานฉายความไม่พอใจเด่นชัด เรียกสายตาจากคนทั้งร้านให้หันมาจับจ้องตน ก่อนจะค่อยๆก้มหัวขอโทษคนเหล่านั้นที่เผลอทำตัวเสียมารยาทใส่
“แล้วใครบอกว่าฉันตลก” ชายหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของจองกุกอย่างต้องการแสดงจุดประสงค์ที่แท้จริงโดยไม่ปิดบัง
“…”
“นายก็รู้อยู่เต็มอก ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับนาย แต่นายก็ยังมองข้ามความรู้สึกที่ฉันมีต่อนาย แล้วไปสนใจไอ้แทฮยองบ้านั่นแทน ทำไมเหรอจองกุก ฉันมันไม่ดีตรงไหน ฉันสู้ไอ้แทฮยองบ้านั่นไม่ได้ตรงไหน ตอบฉันมาสิจองกุก” แววตาสงบนิ่งที่เคยมองมา ถูกแปรเปลี่ยนไปในทุกคำพูดที่กลั่นออกมา ดวงตาคมเข้มบัดนี้แดงกร่ำอย่างน่าตกใจเมื่อความโกรธและความเสียใจที่ปกปิดไว้เริ่มเผยออกมา เช่นเดียวกับใบหน้าที่นิ่งขรึมกลับเหยเกไปด้วยความเจ็บปวด
“ไม่หรอกมินซู มันไม่ใช่เพราะนายหรือแทฮยองที่ดีกว่ากันหรอก แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ฉัน ฉันเป็นคนตัดสินใจ เพราะฉะนั้นอย่างเอาแทฮยองเข้ามายุ่ง” จองกุกตอบกลับอีกฝ่ายด้วยหน้านิ่งบวกกับน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็งที่คอยบาดลึกเข้ามากลางใจของคนฟัง
“แล้วฉันต้องทำยังไง นายถึงจะสนใจฉันบ้างล่ะจองกุก” น้ำเสียงที่ติดตวาดค่อยๆผ่อนลงอย่างอ่อนล้า เหนื่อยเหลือเกินกับคนตรงหน้า เจ็บปวดเหลือเกินกับความรักที่มีให้อีกฝ่ายโดยที่รู้ทั้งรู้ว่าจะไม่ได้อะไรกลับคืนมา
“ยังไงก็ได้ที่ไม่ใช่วิธีที่สกปรกแบบนี้”
“ฉันขอโทษ” ชายหนุ่มทำได้เพียงก้มหน้าขอโทษอีกฝ่าย ผิดเองที่เขาต้องการคนตรงหน้ามากไป ถึงขั้นทำอะไรโดยไม่รู้จักคิด
“มินซู ฟังฉันนะ นายต้องเจอคนๆนั้นแน่ คนๆที่จะเข้ามาแทนที่ฉัน นายแค่เหงา นายไม่ได้รักฉันจริงๆหรอกมินซู” เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด มือบางจึงเอื้อมไปกอบกุมมือที่ใหญ่กว่าของอีกคนอย่างต้องการแสดงความเห็นใจ แต่บังมินซูก็เลือกที่ปฏิเสธความหวังดีนั้นโดยการดึงมือของตัวเองออกมาวางบนตักแทน
“นายไม่ใช่ฉัน นายจะรู้อะไรจองกุก”
“…”
“นายตอบแทนฉันไม่ได้หรอกว่า ฉันตกหลุมรักนายจริงๆหรือเปล่า”
“…”
“แต่บอกไว้ให้รู้ตรงนี้เลยนะ ฉันรักนาย รักมานานมากแล้วด้วย จะให้ฉันเปลี่ยนไปรักคนอื่นง่ายๆมันไม่ได้หรอกนะจองกุก ในเมื่อคนที่ขโมยหัวใจของฉันไปคือนาย ต่อให้ต้องไปคบกับใครอีกเป็นสิบยี่สิบคน หัวใจของฉันมันก็ยังอยู่ที่นาย”
“มินซู” เมื่อได้ฟังคำสารภาพที่ตรงไปตรงต่อหน้า ใบหน้าที่ปรกติเคยนิ่งเฉยกลับถูกแทนที่ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อฝ่ายตรงข้าม ใช่ว่าที่ผ่านมาจองกุกเองจะไม่รู้ว่ามินซูคิดยังไงกับตน แต่เลือกที่จะมองข้ามไปมากกว่า ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกกับตนมากถึงขนาดนี้
“อย่าแสดงสีหน้าอย่างนั้นออกมา อย่าแสดงว่านายกำลังเห็นใจฉัน มันทำให้ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่านายก็สนใจในตัวฉันเหมือนกัน อย่าแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาอีกจองกุก อย่าทำให้ฉันดูเป็นคนน่าสมเพชในสายตานายอีกเลย”
“แล้วฉันควรจะทำยังไง นายมีทางเลือกอื่นให้ฉันเหรอมินซู”
“นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละจองกุก ฉันขอแค่วันนี้วันเดียว ช่วยลืมแทฮยองไปก่อน แล้วให้โอกาสฉันสักครั้ง ให้ฉันลองใช้ชีวิตแบบคนรักของนาย แค่อีกหนึ่งชั่วโมงก็ยังดี”
“แต่ว่า”
“ขอร้องล่ะจองกุก ช่วยนั่งอยู่กับฉันที่นี่อีกแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้ ทำเหมือนว่าเราสองคนกำลังเดตกัน ฉันขอแค่นั้น แล้วสัญญาว่าฉันจะลบรูปบ้าๆนั่นออกจากโทรศัพท์แล้วก็อีเมลที่ส่งให้นายด้วย”
“อะ..อืม” เมื่อได้ฟังข้อเสนอที่ดูเข้าท่ามากที่สุด จองกุกจึงตอบตกลงทำตามคำขอของอีกคนไป สำหรับจองกุกแล้วนั้น จริงๆแล้วบังมินซูก็ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายอะไร เมื่อก่อนก็คอยเทคแคร์ดูแลตนเป็นอย่างดี แต่เมื่อมินซูได้รู้ว่าจองกุกกับแทฮยองคบกันก็ มินซูก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยอ่อนโยนเทคแคร์ก็คอยแต่หาเรื่องจองกุกไม่เว้นแต่ละวัน
“ขอบคุณสำหรับวันนี้มากเลยนะจองกุก” มินซูกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าที่อุตส่าห์อดทนอยู่กับตนต่อตามคำขอ หลังจากที่เรียกพนักงานมาคิดค่าใช้จ่ายที่เขาตกลงจะออกเองแล้ว จึงเดินมาส่งจองกุกที่หน้าร้าน โดยกะว่าจะขออนุญาตอีกคนไปส่งที่บ้านเลย
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณที่นายทำตามสัญญาเหมือนกันนะ”
“ให้ฉันไปส่งนายที่บ้านไหมจองกุก”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันกะว่าจะเดินเล่นแถวนี้อีกสักพักหน่ะ นายกลับก่อนเลยก็ได้ ไปก่อนนะ” จองกุกกล่าวลามินซูแล้วรีบหันหลังเดินออกจากบริเวณนั้น เวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ก็ทำให้จองกุกรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากเกินพอแล้ว สองเท้ารีบสาวไปเป็นจังหวะที่ค่อนข้างจะเร็วขึ้น ถ้าไม่ติดเสียงร้องเรียกชื่อของตนที่ทำให้ไหล่บางไหวไปด้วยความตื่นตระหนก
“เดี๋ยวก่อนจองกุก”
“พี่ซอกจิน!!!”
“นายมากับใครเหรอจองกุก”
“เอ่อ คือ” คำถามที่ส่งมาพร้อมสายตาที่คาดคั้นอย่างต้องการคำตอบ ทำให้จองกุกอดไม่ได้ที่จะหลบสายตาคมเข้มนั้นโดยการก้มหน้าลง มันยากเกินไปที่จะสบสายตาของผู้ชายคนนี้ ยากเกินไปที่จอนจองกุกจะสามารถทำได้
“คืออะไรเหรอ”
“คือว่า ผมมาเที่ยวกับเพื่อนหน่ะฮะ มากินข้าวกับเพื่อน” จองกุกตอบอีกฝ่ายเสียงอ่อยพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างแก้เก้อ เพียงแค่นี้ก็มากพอที่ทำให้ซอกจินรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ากำลังโกหกคำโตออกมา
“แน่ใจนะว่าเพื่อน”
“...”
“เพื่อนกันเค้าไม่ทำร้ายร่างกายกันหรอกนะจองกุก”
“พี่จิน!!” ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้ว กลับโตมากกว่าเดิมเมื่อมันเบิกโพลงอย่างปิดความตกตะลึงเอาไว้ไม่อยู่ แต่ถึงกระนั้นซอกจินก็ยังคงใช้สายตาคมจ้องมองมาอย่างไม่ยอมลดละ จองกุกที่ทนต่อสายตาที่กดดันนั้นไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายที่เบือนหน้าหนีอีกครั้งหนึ่ง
“ช่างเถอะ แล้วจะไปไหนต่อ” ซอกจินเอ่ยตัดบทออกมาด้วยเสียงเรียบที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกของเจ้าของคำพูดในตอนนี้
“กลับบ้านฮะ ผมกำลังจะกลับบ้าน”
“งั้นก็ไปขึ้นรถ” สิ้นคำพูดที่ออกแนวเหมือนคำสั่งเสียมากกว่า มือใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือขาวของคนตัวเล็กกว่า ออกแรงลากจองกุกที่ฝืนตัวเองให้ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“พี่ซอกจิน ปล่อยผม” พยายามที่จะบิดข้อมือของตนให้หลุดออกจากการจับกุม แต่ยิ่งออกแรงยื้อแย่งมากเท่าไหร่ ผลเสียก็ดูเหมือนจะตกอยู่ที่จองกุกเอง ในเมื่อข้อมือที่เคยขาวบัดนี้กลับขึ้นสีแดงหนำซ้ำอาการเจ็บแปลบก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
“อยู่เฉยๆน่า จะเดินกลับให้หมอนั่นมันต่อยนายอีกรอบนึงหรือไง” นอกจากจะไม่ใส่ใจในคำขอร้องของคนอีกคน ซอกจินกลับรีบสาวเท้าไปที่รถคันเดิมของตน ก่อนจะดันอีกคนให้เข้าไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับแล้วจึงรีบอ้อมมายังฝั่งของตนแล้วจัดการคาดเข็มขัดของตนและของเด็กดื้อข้างกายให้เรียบร้อย
“มินซูไม่ใช่คนเลวร้ายแบบนั้นสักหน่อย”
“รู้น้อยไปสิจองกุก” พูดได้ไม่ทันขาดคำ ซอกจินก็เถียงออกมาทันควัน คนอย่างจอนจองกุกที่มองโลกในแง่ดีแบบนั้น จะให้เขาไม่ห่วงได้ยังไงกัน
“อย่างน้อยก็ไม่ฉวยโอกาสเหมือนคนแถวนี้หรอกน่า” จองกุกเลือกที่จะบ่นอุบอิบกับตัวเองเบาๆ กิริยาแบบนั้นเองที่เรียกความสนใจจากคนที่ทำหน้าที่ขับรถให้หันมาจ้องมองยังเบาะข้างๆ
“ว่าไงนะ”
“เปล่าซะหน่อย”
“อย่าไปเจอมันอีกนะจองกุก มันไม่ใช่คนดีแบบที่นายคิดหรอก” เอ่ยเสียงเข้มให้กับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกายอย่างออกคำสั่ง จนลืมคิดไปถึงความจริงที่ว่าตนไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปห้ามไม่ให้จองกุกออกไปพบปะใคร
“อะไรที่ทำให้พี่มั่นใจแบบนั้นว่ามินซูเป็นคนเลว พี่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินคนอื่นแบบนี้กันพี่ซอกจิน”
“นายอยากรู้เหรอ ได้” สิ้นคำ ซอกจินก็หักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางทำเอาจองกุกที่ยังไม่ทันตั้งตัวไถลตัวพุ่งไปข้างหน้า ยังดีที่มีเข็มขัดนิรภัยดึงไม่ให้หัวไปเขกกับคอลโทรลรถ ก่อนจะหันไปค้อนสายตาใส่คนขับรถที่ทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หนำซ้ำยังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์โดยไม่มีทีท่าว่าคำขอโทษจะหลุดมาจากคนผิดเลยแม้แต่น้อย
“พี่ซอกจิน พี่ทำผมเจ็บตัวกี่แล้วเนี้ย”
“อ่ะ นายอยากดูมากใช่ไหม” ไม่ได้สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเลยด้วยซ้ำ ซอกจินเลือกที่จะส่งโทรศัพท์มือถือของตนที่เปิดหน้าข้อความทิ้งไว้ให้จองกุกอ่าน
‘อยากเห็นอะไรเด็ดๆไหมล่ะซอกจิน มาหาฉันที่คาเฟ่เบเกอรี่แถว XXX สิ :) – บังมินซู’
ทันทีที่จองกุกได้อ่านข้อความข้างต้นจนเสร็จ ดวงตากลมโตก็เบิกโพลงเป็นครั้งร้อยของวัน ไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่าข้อความข้างต้นถูกส่งมาจากมินซู ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ มินซูเองก็ดูเหมือนจะยอมแพ้ที่จะพยายามก่อกวนจองกุกเสียด้วยซ้ำ
“คราวนี้เชื่อพี่หรือยังล่ะ”
“อื้อ ฮะ”
“งั้นคราวนี้ก็ตอบมา ว่าไปทำอะไรกับมันที่ร้านนั่น” ซอกจินเท้าแขนเข้ากับพวงมาลัย แล้วจึงหันมาวางสายตาที่ร่างของคนตรงหน้าแทน
“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกฮะ”
“นายก็รู้ว่าโกหกไม่เก่ง แต่ก็ยังเลือกที่จะโกหกพี่อีกงั้นเหรอ”
“แล้วพี่ซอกจินอยากจะรู้ไปทำไมล่ะฮะ” ดวงตากลมตวัดมองอย่างไม่พอใจ ซอกจินมีสิทธิ์อะไรมาจับผิดเขาเหมือนเขาเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตายแบบนี้กัน คนบ้านี่เห็นแก่ตัวที่สุดเลย
“ถ้าเป็นเรื่องของนายพี่ก็อยากรู้หมดนั่นแหละ”
“…” นัยน์ตาที่เคยค้อนมองอย่างไม่พอใจแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อพร้อมกับอุณหภูมิที่ใบหน้าที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะผิดไหมที่จองกุกจะเลือกเข้าข้างตัวเองว่าพี่ซอกจินก็แอบสนใจในตัวเขาเหมือนกัน
“ตอบมาได้แล้วน่าจองกุก มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้ อินจองรอพี่อยู่นะ”
“ผมไม่ตอบ ยังไงผมก็จะไม่ตอบ ถ้าพี่รีบก็ปล่อยผมลงตรงนี้ แล้วรีบไปหาพี่อินจองเถอะฮะ” เด็กหนุ่มที่เคยอายแทบมุดแผ่นดินหนี เปลี่ยนไปกลายเป็นอีกคนอย่างกับถูกผีเข้า ใบหน้าหวานง้ำงอแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน จนซอกจินเองก็แอบหวั่นอยู่ภายในใจว่า ตนทำอะไรให้คนตรงหน้าไม่พอใจหรือเปล่า
“นายโกรธอะไรพี่เหรอจองกุก”
“เปล่าฮะ ปลดล็อกรถได้แล้ว ผมจะลงตรงนี้ พี่จะได้รีบไปหาพี่อินจองไงฮะ อย่าเสียเวลามาคาดคั้นเอาคำตอบจากผมเลยดีกว่า” น้ำเสียงหวานเริ่มจะมีน้ำโหมากขึ้น เมื่อต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์ของเขาคลุกกรุ่นอยู่ตรงนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยนิด
“ไม่ จนกว่านายจะตอบพี่มาว่า วันนี้ไปทำอะไรกับมันที่นั่น”
“พี่อยากรู้จริงๆเหรอฮะ”
“…”
“งั้นตอบผมมาสิว่ารูปนี้มันหมายความว่าอย่างไง” สิ้นคำก็รีบยัดโทรศัพท์มือถือของตนเข้ากับมือของอีกฝ่าย ในมือถือที่ปรากฏรูปที่ทำให้ซอกจินหายใจติดขัดไปเสียดื้อๆ น้ำลายที่แม้แต่จะกลืนลงคอยังทำได้ยาก เมื่อมีสายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของอีกฝ่ายจ้องมองมา
“…”
“ตอบไม่ได้ใช่ไหมฮะ”
“…”
“งั้นก็ปล่อยผมลงไป”
“ฟังพี่ก่อนสิจองกุก” ซอกจินรีบคว้าหมับเข้าที่แขนของคนตัวเล็กกว่าที่พยายามกระฟัดกระเฟียดลงจากรถ รอจนกว่าอีกฝ่ายจะสงบลงพร้อมที่จะรับฟังคำอธิบายของตน
“…”
“พี่ขอโทษนะจองกุก” เมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มสงบลงแล้วจึงเอ่ยปากขอโทษออกไป เมื่อเห็นสีหน้าที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจจึงคิดอยากจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจอะไรมากขึ้น
“…”
“ขอโทษที่ฉวยโอกาสนายแบบนั้น แต่พี่อยากให้รู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่จะบอกผมว่า พี่เมา พี่คิดว่าผมเป็นพี่อินจองพี่เลยทำแบบนั้นกับผมงั้นเหรอพี่ซอกจิน” จองกุกทำได้เพียงแสยะยิ้มให้ตัวเองอย่างน่าสมเพช ที่แท้เขาก็เป็นได้แค่ตัวแทนของพี่อินจองเท่านั้นเอง
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะจองกุก” เมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิมแล้ว จึงคิดที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ตนไม่ได้คิดเป็นเช่นนั้น โดยหวังว่าอีกคนจะยอมรับฟังเขาบ้างก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าซอกจินจะคิดผิดมหันต์ในเมื่อจองกุกก็ยังคงโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมฟังอะไรจากเขาเลย
“พี่มันคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรนึกถึงใจผมบ้างสิ”
“…”
“พี่มีพี่อินจองอยู่แล้ว พี่ทำแบบนี้กับผมทำไม เห็นผมเป็นตัวแทนของพี่อินจองอย่างนั้นเหรอฮะ” ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่ซอกจินอย่างตัดพ้อ
“นายฟังพี่จองกุก ฟังพี่ก่อน!!”
“ไม่ ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” คนตัวเล็กส่ายหัวเป็นพัลวัน อย่างไม่ต้องการรับฟังอะไรทั้งนั้น วินาทีนี้อารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผลทั้งปวง คนอย่างซอกจินไม่มีทางเข้าใจเขาหรอก ไม่อย่างนั้นคงไม่ตวาดเขาเหมือนเมื่อกี้
“จองกุก!!”
“พี่ทำเหมือนผมเป็นคนโง่ ฮึก ทำเหมือนผมเป็นแค่ตัวแทนของพี่อินจอง พี่แค่หน้ามืดตามัวเพราะคิดถึงพี่อินจองมากเกินไป ฮึก จนไม่คิดถึงผมเลยสักนิด ฮึก ไม่คิดเลยใช่ไหมว่าผมจะรู้สึกยังไงที่พี่ทำกับผมแบบนี้ ฮึก ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้ล่ะพี่ซอกจิน” น้ำตาที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้ตลอดไหลทะลักออกมา ไม่ได้ต้องการจะบีบน้ำตาให้อีกฝ่ายเห็นใจ แต่ที่น้ำตามันไหลออกมาก็เพราะความเสียใจที่พยายามกดเอาไว้ให้ลึกที่สุดมันทะลักออกมา
เจ็บที่เห็นน้ำตาของจองกุก
ปวดที่รู้ว่าน้ำตาที่ไหลออกมาเขาเองเป็นตัวต้นเหตุ
เมื่อเห็นว่าเด็กคนนี้ยังคงดื้อรั้นไม่ยอมรับฟังคำพูดใดๆจากเขาเลยแม้แต่น้อย ซอกจินจึงเลือกที่จะดึงคนตัวเล็กเข้าหาตัว กดศีรษะมนให้ซบลงกับอกแกร่ง ถึงแม้จะมีแรงขัดขืนจากจองกุกเป็นการตอบสนองแต่แรงเพียงน้อยนิดก็ไม่ได้ทำให้ซอกจินรู้สึกลำบากอะไร ริมฝีปากหยักพรมจูบอุ่นไปทั่วเส้นผมละเอียดอย่างปลอบประโลม
“พี่ไม่ได้เห็นนายเป็นตัวแทนของอินจอง”
“…”
“อินจองต่างหากที่เป็นตัวแทนของนาย”
“พะ พี่จิน” คำพูดก่อนหน้านี้ของซอกจินทำให้จองกุกเหมือนเป็นอัมพาต หัวสมองตื้อไปหมด จากที่เคยร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนหน้านี้ก็หยุดลงเพราะประโยคเมื่อครู่
“จะโกรธจะเกลียดพี่ก็ได้นะจองกุก แต่อย่าร้องไห้เพราะพี่เป็นต้นเหตุ พี่เจ็บที่เห็นน้ำตาของนาย ขอร้องล่ะจองกุก อย่าร้องไห้อีกเลยนะ”
“พี่จินหมายความว่าอย่างไงฮะ” เพราะใบหน้าที่ยังคงฝังอยู่ที่อกแกร่งทำให้เสียงที่เปล่งออกมาออกอู้อี้ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ แต่เพราะอยู่กันเพียงแค่สองคน จึงไม่ยากอะไรที่ซอกจินจะพยายามจับใจความให้ได้
“พี่จะพูดแค่ครั้งเดียวนะจองกุก”
“…”
“ทั้งหมดที่พี่ทำไปก็เพราะพี่ชอบนาย ชอบนายตั้งแต่แรกเห็น”
“…”
“พี่ตัดสินใจคบกับอินจองเพราะอินจองเหมือนกับนายมากจนพี่ตกใจ พี่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมาพบเจอนายอีกครั้ง พี่จึงตัดสินใจคบกับเธอไป ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวใช่ไหมล่ะ ที่คบกับใครบางคนเพื่อลืมใครอีกคน ขอโทษที่คนๆนั้นคือพี่สาวของนายนะจองกุก”
“พี่กำลังหักหลังพี่อินจอง ฮึก พี่รู้ตัวใช่ไหม” น้ำตาที่หยุดไหลไป คราวนี้กลับย้อนออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคนที่ตนรักจนหมดหัวใจ ใครบางคนที่เป็นเหมือนหัวใจของจองกุก คนๆนั้นคืออินจอง พี่สาวคนเดียวที่จองกุกรักมากกว่าใครๆ
“อื้ม ขอโทษนะจองกุก แต่พี่ชอบนายจริงๆนะ”
“ถ้าผมบอกอะไรบางอย่างไป ฮึก พี่อาจจะเกลียดผมไปเลยก็ได้”
“ลองบอกมาก่อนสิ”
“ไม่ใช่แค่พี่หรอกฮะที่รู้สึกแบบนั้น ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน”
“จริงหรอจองกุก นายไม่ได้ล้อพี่เล่นใช่ไหม” ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ เหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น สองมือหนาประคองใบหน้าติดหวานที่ซุกอยู่ในอกออกมาจ้องมอง
“เรื่องแบบนี้เขาเอามาล้อเล่นกันเหรอฮะ”
“งั้นคบกันนะจองกุก”
“ไม่ได้หรอกฮะ” จองกุกปฏิเสธออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาอย่างไม่ต้องการทำร้ายจิตใจของคนฟัง ไม่ใช่แค่คนฟังที่รู้สึกเจ็บปวด แต่ตัวเขาเองก็เจ็บปวดไม่ต่าง เมื่อคนสองคนรู้สึกอย่างเดียวกัน แต่คบกันไม่ได้มันเจ็บกว่าอะไรทั้งปวง
“ทำไม” ซอกจินจ้องมองลึกลงไปในดวงตากลมโตอย่างต้องการหาคำตอบ แต่กลับพบเพียงคราบน้ำตาที่ยังคลออยู่บริเวณหน่วยตาสวยเท่านั้น
“ผมทรยศพี่อินจอง ทรยศแทฮยองไม่ได้หรอกฮะ สองคนนั้นไม่ได้ทำผิดอะไร พี่จินช่วยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมด แล้วทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นได้ไหมฮะ อย่าทำให้คนที่รักเราต้องเสียใจโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสิฮะ สัญญากับผมนะ”
“จองกุก” ซอกจินส่ายหน้าอย่างไม่ต้องการให้อีกคนพูดประโยคอื่นออกมา สองมือที่โอบล้อมบริเวณดวงหน้าหวานกระชับแน่นขึ้น อยากส่งความอบอุ่นนี้ให้จองกุกได้รู้ว่าเขารู้สึกกับจองกุกมากขนาดไหน หวังแค่ว่าจองกุกจะไม่กล่าวอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนฟังออกมา
“สัญญากับผมสิฮะ”
“…”
“พี่ซอกจิน”
“พี่สัญญา”
♥ Top “อย่าทำให้คนที่รักเราต้องเสียใจโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสิฮะ – จองกุก”
_________________________________________________________________________________________________
กรี๊ดร้อง มาต่อให้ครบ 100 % แล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนาน ยอมรับผิดแต่โดยดี T^T เค้าติดเรื่องรับน้องยาวเลยค่ะ เหนื่อยมากเลย แงงงงงงง ถ้าไม่มีพี่ตาคนสวยมาทวงคงดองอีกนานมาก 55 ขอบคุณคอมเม้นทุกๆคอมเม้นเลยนะคะ โดยเฉพาะคอมเม้นของ rikear_lope คนนี้ด้วยนะคะ เม้นยาวทุกตอนเลย เค้าชอบมากเลย >< ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้นะคะ รักนะ
ความคิดเห็น