ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS] L A C H E S I S | JinKook ft. VKook

    ลำดับตอนที่ #11 : L A C H E S I S - Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 57


    Chapter 6


     

               ถนนสองข้างทางที่เต็มไปด้วยห้างร้าน ต่างประชันเสียงเพลงและแสงไฟแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ถนนย่านการค้าแห่งนี้มากไปด้วยผู้คน เสียงพูดคุย และรวมไปถึงเสียงหัวเราะ พนักงานของแต่ละร้านต่างตะโกนเรียกลูกค้ากันอย่างขยันขันแข็งแข่งกับเสียงดนตรีที่คอยขับกล่อมให้ถนนแห่งนี้ไม่เงียบเหงา

     

                จองกุกเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินไปมาเพื่อเลือกหาสินค้าที่ถูกใจ คิ้วสวยขมวดกันอยู่กลางหน้าผากมนอย่างใช้ความคิด เมื่อใช้ความคิดอยู่นานหลายนาทีก็ไม่มีไอเดียที่ดูเข้าท่า เด็กหนุ่มจึงหันไปปรึกษาคนที่เดินอยู่ข้างๆแทน

     

                จะซื้ออะไรดีล่ะจีมิน

     

                “อะไรก็ได้แหละน่า นายให้อะไรไป หมอนั่นก็ชอบหมดนั่นแหละจีมินตอบปัดๆไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะส่งไอศครีมรสโปรดเข้าปากไป

     

                 วันนี้หลังเลิกเรียน จีมินที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านก็ถูกเด็กหนุ่มน่ารักประจำห้องลากออกมา พร้อมกับให้เหตุผลว่า ไปซื้อของเป็นเพื่อนเจ้าตัวหน่อย ทั้งที่อยากจะปฏิเสธแล้วกลับไปนอนที่บ้านเสีย แต่กลับไม่สามารถต้านทานเสียงอ้อนๆกับตากลมๆนั่นได้ จึงต้องจำใจมาส่งจองกุกซื้อของแทน

     

                “ก็ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ชอบนี่นา

     

                “แล้วทำไมไม่มาซื้อด้วยกันเลยล่ะ

     

                “ได้ไงกันจีมิน ของขวัญวันครบรอบก็ต้องเก็บเป็นความลับสิ นายนี่ไม่เข้าใจฉันเลยอ่ะพูดไปด้วยพร้อมกับทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กอนุบาล ทำให้จีมินอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงยกมือขึ้นมาบีบจมูกรั้นเบาๆแล้วส่ายไปมา

     

                ก็ไม่ได้มีแฟนแบบนายนี่นา

     

                “นายก็หาซะสิ

     

                “ฉันไม่รีบเหมือนนายหรอกน่าพูดปัดๆไป พร้อมกับละมือที่บีบจมูกรั้นของเพื่อนร่วมห้องลง ก่อนจะยกมืออีกข้างที่ถือไอศกรีมที่เหลืออยู่ขึ้นมาทานต่อ

     

                จองกุกที่ได้ฟังคำพูดของเพื่อนร่วมห้อง ปากบางก็ยกยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก พลันทำให้คิดถึงวันที่จองกุกตกลงเป็นแฟนกับแทฮยอง เมื่อคิดขึ้นมาได้ดังนั้น นัยน์ตาคู่สวยก็หลุบต่ำลง อย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองแล้วเงยหน้าขึ้นมามองสองข้างทางแทน ทันทีที่เห็นร้านค้าเล็กๆ ที่มีเครื่องประดับสีเงินสะท้อนแสงไฟวิบวับ ตากลมเป็นประกายก่อนจะจูงมือเพื่อนร่วมห้องมุ่งหน้าเข้าไปที่ร้านนั้นอย่างรวดเร็ว และหยุดลงตรงหน้าตู้กระจกใส

     

                สองตากลมทอดมองสิ่งของในตู้อย่างเป็นประกาย วัตถุสีเงินที่กระทบกับแสงสว่างจากหลอดไฟในตู้ส่องประกายวาววับชวนแสบตา แต่ดูเหมือนจองกุกจะไม่ใส่ใจในความจริงข้อนี้แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มยังคงกวาดสายตาไปทั่วบริเวณตู้

     

                แหวนเงินที่เกลี้ยงเกาไร้ซึ่งรายละเอียดการตกแต่งใดๆ สะกดสายตาของจองกุกให้จ้องมองความงดงามของมัน แหวนสีเงินที่ดูบริสุทธิ์ที่เป็นเหมือนตัวแทนความรักของเขา

     

                เอ่อ ขอผมดูแหวนวงนั้นหน่อยได้ไหมฮะนิ้วชี้เรียวของจองกุกชี้บอกตำแหน่งของแหวนที่ต้องการแก่พนักงานขาย

     

                “สำหรับแหวนเกลี้ยงแบบนี้ มีโปรโมชั่นพิเศษในเดือนนี้ด้วยนะคะ ถ้าคุณลูกค้าซื้อพร้อมกันสองวง ทางร้านยินดีมอบส่วนลดพิเศษให้ 10% พร้อมทั้งคุณลูกค้าสามารถสลักชื่อบนแหวนได้ฟรีค่ะ

     

                “อ่า หมายถึงสลักชื่อบนตัวแหวนน่ะเหรอฮะ

     

                “ใช่เลยค่ะ สามารถสลักได้ทั้งข้างนอกและข้างในตัวแหวนเลยค่ะ หรือถ้าต้องการแค่สลักเพียงด้านไหนด้านหนึ่งก็ได้นะคะ ยิ่งถ้าเป็นการสลักเพียงด้านในตัวแหวนเพียงอย่างด้านแล้วล่ะก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเลยค่ะ

     

                “นายว่าไงจีมิน คิดว่าโอเคไหมอ่ะหลังจากฟังพนักงานขายอธิบายให้รายละเอียดแล้วก็หันไปปรึกษากับเพื่อนร่วมห้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง จีมินไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าส่งคืนให้เท่านั้น จองกุกเห็นดังนั้นจึงหันกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับหญิงสาว ก่อนจะหันมาหาจีมินอีกครั้ง แล้วคว้ามือข้างที่ว่างอยู่ของเพื่อนร่วมห้องจับพลิกไปมาอย่างใช้ความคิด

     

                น่าจะเท่านิ้วนี้ล่ะมั้งพรึมพรำอยู่คนเดียวแล้วหันไปหยิบแหวนเงินที่พนักงานเตรียมไว้ให้บนตู้โชว์มาสวมลงที่นิ้วนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาน้อยๆ แล้วจึงถอดแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของจีมินออกส่งคืนให้พนักงานไป

     

                ถ้าอย่างนั้นแล้วช่วยสลักให้ตามนี้เลยนะฮะจองกุกส่งยิ้มสดใสคืนให้พนักงานสาวคนเดิมและยื่นกระดาษใบเล็กที่มีลายมือของตนให้กับหล่อน หญิงสาวเดินหายเข้าไปหลังร้านเพียงชั่วครู่แล้วจึงกลับมาที่จองกุกอีกครั้ง

     

                รบกวนคุณลูกค้า รออีกครึ่งชั่วโมงนะคะ พอดีว่ายังมีออเดอร์ที่ค้างอยู่ ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ หญิงสาวโค้งให้จองกุกด้วยสีหน้าเจื่อนลงจากเดิมเล็กน้อย

     

                อ่า ไม่เป็นไรฮะ งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงผมค่อยมาใหม่ก็ได้ครับ เดี๋ยวเดินซื้อของรอก็ได้จองกุกโค้งคืนให้เจ้าหล่อนก่อนจะหันหลังเดินออกร้านไปโดยไม่ลืมคว้าแขนจีมินให้ตามออกมาด้วย

     

                อยากกลับบ้านหรือยังอ่ะจีมินจองกุกหันไปถามเพื่อนร่วมห้องที่เดินขนาบข้างตน หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านขายแหวนได้สักครู่หนึ่งแล้ว

     

                อะไรกัน หมดประโยชน์ก็ไล่กันเลยเหรอจีมินหันหน้าไปตอบจองกุกด้วยใบหน้าที่ติดจะบึ้งเล็กน้อย

     

                ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยจองกุกเองที่เห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของจีมิน ด้วยความที่กลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิด สองมือจึงคว้าหมับเข้าที่แขนของเพื่อน พลางเอาหัวของตัวเองถูไถขึ้นลงที่แขนจีมิน

     

                จีมินที่เห็นท่าทางที่เหมือนเด็กของจองกุกจึงหลุดขำออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอให้จองกุกหันมาค้อนสายตาส่งให้ จริงๆแล้วจีมินเองไม่ได้จะน้อยใจอะไรจองกุกเลยแม้แต่น้อย แค่เพียงอยากเห็นคนน่ารักทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กก็เท่านั้นเอง

     

                ถ้าฉันกลับ นายจะอยู่คนเดียวได้เหรอจองกุก

     

                “โหย ระดับไหนแล้วจีมิน สบายมากไม่ต้องห่วงหรอกน่า

     

                “แน่ใจนะจีมินถามย้ำจองกุกอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง อาจจะจริงที่จองกุกก็เป็นผู้ชาย แต่ว่าเพื่อนคนนี้กลับมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับผู้หญิงในบางมุม ยิ่งส่วนสูงที่ไม่ได้มากเหมือนผู้ชายทั่วไปแล้วด้วย อาจทำให้เกิดอันตรายกับเพื่อนของเขาก็ได้

               

                แน่ใจสิ ฉันโตแล้วนะจีมิน ฉันดูแลตัวเองได้น่า นายไม่ต้องห่วงหรอก

     

                “ได้ไงล่ะ ยิ่งตัวเล็กๆแบบนายฉันจะไม่ห่วงได้ยังไงกันจีมินพูดพลางยกมือข้างที่ว่างอยู่ไปวางไว้บนหัวของจองกุกแล้วโยกไปมาเบาๆ

     

                พูดเหมือนตัวเองตัวโตอย่างนั้นแหละ นายหน่ะ ตัวเล็กกว่าฉันอีกนะจีมิน

     

                “แต่ฉันดูแลตัวเองได้

     

                “ฉันก็ดูแลตัวเองได้เหมือนกันไม่มีใครยอมใครต่างฝ่ายต่างเถียงกันอย่างต้องการเอาชนะ จีมินเป็นฝ่ายที่ฝ่ายยอมแพ้ก่อนจึงของตัวลากลับบ้านก่อน เด็กหนุ่มทั้งสองจึงแยกจากกันไปตามทางของตนจองกุกจึงเดินย้อนกลับไปทำธุระของตนเองให้เสร็จแล้วตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้านแทนที่จะพึ่งพาแท็กซี่ ด้วยความที่ว่าระยะทางย่านการค้านี้ไปยังบ้านไม่ได้ไกลกันมาก

     

                สองเท้าเยื้องย่างผ่านร้านรวงต่างๆที่ทยอยปิดร้านตามห้วงเวลา สองมือล้วงเข้าไปยังกระเป๋าของเสื้อคลุมเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย

     

                อ้ะเด็กหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงจากข้างหลัง เมื่อรู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็มาอยู่ในบริเวณซอกตึกที่ร้างผู้คนเสียแล้ว ความหวาดกลัวแหล่นเข้าจับกุมไปทั่วทั้งกายแต่ถึงกระนั้นสองตาก็พยายามเพ่งมองใบหน้าของคนแปลกหน้าที่กระทำการที่ไร้ซึ่งมารยาทโดยอาศัยแสงสว่างจากภายนอก เมื่อสามารถปรับโฟกัสภาพยังเบื้องหน้าแล้ว ฟันขาวก็ขบลงที่ริมฝีปากล่างแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

     

                นายมาเที่ยวกับใครชายแปลกหน้าถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ แต่ด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณทำให้จองกุกสามารถรับรู้ได้ว่า อย่างน้อยคนตรงหน้าเขาก็เมา

     

                ...

     

                “แต่เท่าที่ฉันดู มันไม่ใช่ไอ้แทฮยองหนิ เลิกกันแล้วเหรอ

     

                “…”

     

                หรือว่าลีลาของไอ้แทฮยองมันไม่เด็ดพอ นายถึงต้องหาผู้ชายคนอื่นมาสนองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงปิดปากเงียบ ชายหนุ่มแปลกหน้าก็ยิ่งพยายามยั่วโมโหมากกว่าเดิม

     

                เฮ้ พูดอะไรของนาย ฉันไม่ทำอะไรต่ำๆแบบนายหรอกน่าเส้นความอดทนขาดผึง จองกุกแหงนหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าอย่างมีน้ำโห ไม่ใช่ว่าจองกุกเป็นคนที่ไร้มารยาท เรื่องนั้นป้าฮันนาสั่งสอนเขามาเป็นอย่างดี แต่กลับคนตรงหน้ามันไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอะไรทั้งสิ้น ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่คิดจะมีมารยาทกับเขาตั้งแต่แรก

     

                มันจะมากไปแล้วนะจองกุกด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยิ่งทำให้ชายหนุ่มแปลกถูกกระตุ้นโทสะได้อย่างง่ายดาย ร่างของจองกุกถูกดันติดกับกำแพงคอนกรีตด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่นึกถึงคนโดนกระทำ ไหล่ทั้งสองข้างถูกกดลงด้วยแรงที่แทบจะทำให้ผิวขาวข้างในเกิดรอยช้ำ

     

                มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับการกระทำต่ำๆของนายที่ดูถูกฉัน

     

                “จองกุก แก !!” ชายหนุ่มแปลกหน้ากัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว หมัดหนักๆกระทบเข้ากับไปหน้าขาวของจองกุกจนหัน กลิ่นเลือดคาวคลุ้งอยู่ในปากความเจ็บปวดแล่นมายังโสตประสาต ไม่ทันให้หันกลับไปต่อสู้ หมัดที่สองก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของจองกุก เด็กหนุ่มทั้งรู้สึกจุกและเจ็บจนตัวงอ เรี่ยวแรงที่จะสวนกลับหายไปเสียดื้อๆ

     

                พรั่ก ไม่ทันที่ชายแปลกหน้าจะสาดกำปั้นเข้ามาหาจองกุกอีกครั้ง หมัดหนักๆของผู้มาใหม่ก็สวนเข้าไปใบหน้าจนเจ้าตัวล้มลง ตามด้วยแรงเตะและต่อยจนชายแปลกหน้าสลบจมกองเลือดของตนเอง

     

                จองกุก นายไหวไหมผู้มาใหม่รีบรุดไปหาจองกุกที่ยืนพิงกำแพงอยู่ สองมือจับเข้าที่ไหล่ของจองกุกเบาๆ เด็กหนุ่มค่อยๆแหงนหน้าขึ้นมามองผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือตน เมื่อเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มเล็กๆก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทั้งๆที่มุมปากมีเลือดเปื้อนอยู่

     

                พี่ซอกจินเองเหรอฮะ

     

                “อื้อ พี่เอง ไปที่รถกันเถอะเมื่อพูดจบซอกจินก็ช้อนร่างของจองกุกขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพาไปยังรถสปอร์ตของตนที่จอดอยู่

     

                ให้ผมเดินเองก็ได้ฮะ ลำบากที่ซอกจินเปล่าๆ

     

                “ไม่เป็นไรหรอกน่า สภาพแบบนี้อย่างเพิ่งอวดเก่งเลยปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังรถด้วยความรีบเร่ง เมื่อมาถึงรถที่จอดอยู่ จึงเปิดประตูด้านฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วส่งคนในอ้อมกอดเข้าไปนั่งจัดการปิดประตูรถให้เรียบร้อย ก่อนจะอ้อมมายังฝั่งของตน

     

                หลับก่อนก็ได้จองกุก เดี๋ยวถ้าถึงบ้านแล้ว พี่จะปลุกซอกจินแนะนำจองกุกหลังจาก ที่ตนปรับเบาะนั่งให้ผู้โดยสารจำเป็นได้นั่งอย่างสบายตัวมากยิ่งขึ้นจองกุกไม่ตอบอะไรเพียงพยักหน้ารับเท่านั่น สองตาปิดลงด้วยความเหนื่อยหน้า

     

                รถสปอร์ตคันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสต์หลังโต ซอกจินที่ทำหน้าที่คนขับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบกำลังจะเอ่ยเรียกผู้โดยสารที่ดำดิ่งในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้นมา แต่กระนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่ตกอยู่บริเวณข้างๆเบาะที่จองกุกนั่งอยู่ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมาพินิจมองจากภายนอก ในใจก็คิดว่าจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไปที่จะเปิดดู แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าของชิ้นนี้อาจเป็นของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ในรถ สามัญสำนึกก่อนหน้านั้นก็ถูกลืมไปเสียหมด ซอกจินค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่นั้นอย่างเบามือ แหวนเงินสองวงที่บรรจุอยู่ข้างในกล่องปรากฏสู่สายตา ซอกจินค่อยๆหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาดู หัวใจที่เต้นตามปกติกับกระตุกด้วยจังหวะที่แปลกไปเมื่อมองเห็นลายสลักด้านในตัวแหวน

     

    ‘Taehyung & Jungkook’

     

                เมื่อมองเห็นลายสลักข้างในอย่างชัดเจนแล้ว จึงค่อยเก็บแหวนวงเดิมคืนที่เดิม ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดอย่างยากลำบากพร้อมเสียงพรึมพรำที่ตามมา

               

                “ทำไมคนที่เจอนายก่อนถึงไม่เป็นพี่นะจองกุก


     

     

               หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนั้นมา จองกุกจึงจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการปวดตามร่างกายจะหายเป็นปกติ จีมินเองที่รู้ข่าวว่าจองกุกถูกทำร้ายร่างกาย จึงขอร้องให้แทฮยองรีบพามาหาเพื่อนร่วมห้องถึงที่บ้าน

     

                ไม่ทราบว่ามาหาใครคะฮันนา แม่บ้านเพียงคนเดียวของบ้าน รีบวิ่งมาที่ประตูบ้าน หลังจากได้ยินเสียงกริ่งเรียก

     

                พอดีผมกับเพื่อนมาเยี่ยมจองกุกน่ะครับ

     

                อ้าว คุณแทฮยองเองเหรอคะ เชิญเลยค่ะเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใครแล้ว ฮันนาจึงรีบเปิดประตูต้อนรับ แล้วโค้งให้กับผู้มาเยือนทั้งสอง

     

                นี่ จีมิน เพื่อนของผมกับจองกุกครับป้าแทฮยองที่โค้งทักทายฮันนาตอบกลับแล้ว จึงหันไปแนะนำเพื่อนอีกคนให้ป้าแม่บ้านรู้จัก จีมินเองก็โค้งให้หญิงวัยกลางคนพร้อมกับส่งยิ้มให้จนตาหยี

     

                คุณหนูนอนพักอยู่บนห้องน่ะค่ะ คุณทั้งสองจะขึ้นไปหาเลยก็ได้นะคะ แกน่าจะตื่นนานแล้วล่ะ อีกสักพักป้าจะเอาของว่างตามขึ้นไปให้นะคะ

     

                งั้นพวกผมขอตัวขึ้นไปดูจองกุกก่อนนะฮะจีมินตอบรับคำของป้าแม่บ้าน ก่อนจะโค้งให้เล็กน้อย แล้วรีบดึงแขนแทฮยองขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของห้องตกอกตกใจเล็กน้อย

     

                เข้ามาได้เลยฮะ ประตูไม่ได้ล็อกตะโกนบอกคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู เพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที เมื่อบานประตูถูกเปิดออกด้วยฝีมือคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู สีหน้างุนงงที่จับจ้องอยู่ที่ประตูก็คลายลง แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีใจเหมือนกับเด็กได้ของขวัญใหม่

     

                เป็นไงบ้างครับเด็กดื้อ หายปวดบ้างหรือยังแทฮยองที่เพิ่งเดินเข้ามา หย่อนตัวลงบนที่ว่างบนเตียง จองกุกเห็นดังนั้นจึงขยับตัวไปด้านข้างของเตียงเพื่อให้แทฮยองนั่งได้สบายยิ่งขึ้น

     

                ก็หายบ้างแล้วล่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย แทฮยองอ่ะ มั่วแล้ว

     

                ฉันไม่ได้มั่วสักหน่อย ไม่เชื่อถามจีมินดูสิแทฮยองพยักพเยิดหน้าไปทางเก้าอี้อีกตัวที่ถูกลากมาข้างๆเตียง โดยที่มีปาร์คจีมิน เด็กหนุ่มอีกคนเป็นคนจับจองนั่งอยู่

     

                อืม นายอ่ะ ดื้อ ดื้อมากเลยจองกุกจีมินจึงกล่าวตอบรับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของแทฮยอง

     

                ฉันเปล่าดื้อสักหน่อยท่าทีของจีมินที่เข้าข้างอีกคน ทำให้จองกุกอดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมากอดอก พร้อมกับเบะปากเล็กๆนั่นเหมือนกับเด็กที่กำลังงอแงตอนไม่ได้ดั่งใจ 

               

                ถ้าไม่ดื้อ นายจะเจ็บตัวแบบนี้เหรอจีมินว่าอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันไปหยิบของในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ

     

                ก็มันห้ามได้ที่ไหนกันล่ะ หมอนั่นมันมาทำร้ายฉันก่อนนี่นา

     

                นายรู้เหรอว่าใครที่ทำร้ายนายจีมินหันกลับมาสนใจร่างที่อยู่บนเตียงแทน

     

                อืม รู้สิ

     

                มันเป็นใคร !! / มันเป็นใคร !!ผู้ฟังทั้งสองประชันเสียงกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง

     

                บังมินซู หัวหน้าห้อง B”

     

                ฉันจะไปฆ่ามันแทฮยองที่กัดฟันกรอดด้วยอารมณ์โทสะที่คลุกกรุ่น ร้อนถึงจองกุกต้องรีบคว้ามือของคนรักเอาไว้ ก่อนจะบีบมันเบาๆ

     

                ช่างเถอะแทฮยอง ตอนนี้มันคงไม่กล้ามาทำอะไรฉันแล้วล่ะเมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้ว จองกุกจึงค่อยๆคลายมือของตนที่จับมือของแทฮยองออก

     

                ว่าแต่ จองกุกไปทำอะไรกันแถวนั้น พอฉันขอตามไปด้วยก็ไม่ยอมให้ไปอีกต่างหากเมื่อโทสะที่คลุกกรุ่นอยู่เมื่อครู่ถูกทำให้เย็นลงแล้ว แทฮยองจึงนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ติดใจสงสัยอยู่ จึงถามร่างเล็กข้างกายออกไปตรงๆ

     

                ก็ทำธุระนิดหน่อยเองจองกุกตอบออกมาอย่างไม่เต็มปาก ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่คาดคั้นของแทฮยอง

     

                ธุระที่ว่านั่น มันคืออะไรจีมินเมื่อเห็นว่าจองกุกไม่ยอมบอก จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

                เคลียร์กับแฟนนายเองแล้วกัน จองกุกฉันกลับก่อนนะจีมินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะยกกระเป๋าเป้ของตนที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสะพาย โบกมือลาเพื่อนทั้งสองแล้วหันหลังออกจากห้องไป

     

                อ้ะ ให้ฉันไปส่งไหมจีมิน

     

                ไม่เป็นไรหรอกจองกุก นายนอนพักต่อเถอะ

     

                งั้นกลับบ้านดีๆนะ จีมิน ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะจองกุกโบกมือให้จีมินพร้อมกับยิ้มสดใสส่งท้ายก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลงพร้อมกับร่างของจีมินที่หายออกจากห้องไป

                อ้าว จะกลับแล้วเหรอคะคุณจีมินฮันนาที่เดินขึ้นบันไดสวนมา สองมือกำลังยกถาดที่บรรจุอาหารว่างน่าตาน่ารับประทาน

     

                อ๋อฮะ พอดีว่ามีธุระต้องไปทำต่อ ขอโทษคุณป้าที่อยู่ทานอาหารว่างวันนี้ไม่ได้ด้วยนะฮะจีมินโค้งตัวเพื่อเป็นการขอโทษผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะทำการกล่าวลาฮันนา แล้วเดินออกจากตัวบ้านไป

     

                คัพเค้กและคุกกี้หน้าตาน่ารับประทานที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามบนจานไม่ได้เป็นที่สนใจของคนสองคนเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ฮันนายกอาหารว่างขึ้นมาให้จองกุกแล้วขอตัวกลับลงไป ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมคนทั้งสองแทน

     

                นายจะไม่บอกฉันจริงๆเหรอจองกุกว่าไปทำอะไรแถวนั้น ถึงกลับมาในสภาพนี้น่ะแทฮยองเป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้และเปิดปากถามขึ้นมาเพื่อกลบความเงียบที่มีอยู่

     

                ก็แค่ไปซื้อของนิดหน่อยเอง

     

                แล้วทำไมจองกุกไม่พาฉันไปด้วยล่ะ

     

                แทฮยองจะไปได้ยังไงเล่า ในเมื่อจองกุกจะไปซื้อของเซอร์ไพส์ แท อุ๊บเมื่อนึกขึ้นได้ว่าความลับที่อุตส่าห์ปิดบังกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา สองมือเรียวจึงถูกยกขึ้นมาปิดปากเล็กๆนั่นแทบไม่ทัน

     

                อะไรนะจองกุก จองกุกจะเซอร์ไพส์ใครนะเมื่อเห็นท่าทีของอีกคนที่ลนลานจนผิดสังเกต ก็รีบคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้

               

                อยากรู้จริงๆเหรอแทฮยอง

     

                อื้ม อยากรู้สิ

     

                งั้นหลับตาก่อนสิจองกุกทำการต่อรองอีกคน เมื่อเห็นว่าตนกำลังจะเสียเปรียบ

     

                ทำไมฉันต้องหลับตาด้วยล่ะจองกุก มันไม่เกี่ยวกันเลยนะแทฮยองรีบเถียงออกไป เมื่อสมองประมวลผลแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ตนต้องหลับตาเลยแม้แต่น้อย

     

                เหอะน่า หลับตาก่อนนะแทฮยองจองกุกเมื่อเห็นว่าไม้แข็งจะใช้ไม่ได้ผล จึงเอาไม้อ่อนเข้าสู้บ้าง ริมฝีปากแดงสดเม้มเข้าหากัน ตากลมๆนั่นกระพริบปริบๆอย่างอ้อนวอน

     

                โอเคๆ แต่จะหลับตาแค่ 1 นาทีนะเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของจองกุกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่แทฮยองจะยอมทำตามคำขอของอีกฝ่าย

     

                สองตาที่ปิดสนิท ปากก็พร่ำนับเลขไปด้วย แต่หูกลับคอยฟังเสียงรอบๆกาย เสียงกุกกักที่ดังขึ้นพร้อมกับแรงยุบตัวของเตียงนอนที่เปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้พอคาดเดาได้ว่าอีกคนที่ลืมตาอยู่กำลังเคลื่อนไหวกายออกจากตำแหน่งเดิมที่นั่งอยู่

     

                ห้าสิบเก้า หกสิบ ลืมตาแล้วนะจองกุก

     

                สุขสันต์วันครบรอบ 1 เดือนนะแทฮยองภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าที่ปรกติเข้มขึมอยู่ตลอดเวลา เผยยิ้มที่สดใสออกมา จองกุกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในสองมือที่ถูกยื่นมายังเบื้องหน้าของตนมีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ภาพที่ดูงดงามเสียจนหัวใจของแทฮยองเต้นแรง ก็คือใบหน้าของจองกุกที่แต้มด้วยรอยยิ้มหวานและริ้วสีแดงระเรื่อบนแก้มอูมนั้น

     

                แหวนเงินหลังจากหยิบกล่องที่อีกคนยื่นให้มาเปิดดู สีเงินส่องประกายพร้อมกับรูปร่างที่มองปราดเดียวก็ทำให้แทฮยองรู้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร

     

                อื้อ แหวนคู่ของแทฮยองกับจองกุกจองกุกพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มกว้างที่ส่งให้แก้มที่ปกติพองอยู่แล้วพองขึ้นอีก อดไม่ได้ที่แทฮยองจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มอูมๆนั้นเข้า

     

                ใครสอนให้ทำตัวน่ารักแบบนี้นะจองกุก

     

                ไม่มีใครสอน ปรกติก็น่ารักอยู่แล้ว

     

                งั้นคนน่ารัก ใส่แหวนให้คนหล่อหน่อยสิครับ

     

                แหวะ หลงตัวเองที่สุดเลยแทฮยองอ่ะถึงจะว่าอย่างนั้น จองกุกก็ยังหยิบแหวนในกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาสวมมันลงนิ้วนางข้างขวาของแทฮยอง เป็นนิ้วนางข้างเดียวกันกับนิ้วนางของตนที่มีแหวนสีเงินประดับอยู่

     

                งั้นถึงคราวที่แทฮยองต้องให้ของขวัญจองกุกแล้วสิ

     

                แทฮยองเตรียมมาด้วยเหรอ จำได้ด้วยเหรอจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังความสงสัย

     

                ใครจะลืมวันครบรอบแบบนี้ลงกันล่ะครับ หันหลังมาสิ

     

                สัมผัสเย็นวาบบริเวณคอทำให้จองกุกอดที่จะหย่อนคอไม่ได้ เมื่อปรับตัวจนชินกับสัมผัสนั้นแล้วจึงยกนิ้วขึ้นสัมผัสสิ่งของแปลกใหม่ที่อยู่บริเวณคอของตน อักษรตัวภาษาอังกฤษรูปตัว T กับสร้อยทองคำขาวเป็นอะไรที่เสริมให้คอระหงส์ดูงดงามมากยิ่งขึ้น

     

                ขอบคุณที่ยอมคบกับแทฮยองนะจองกุกถ้อยคำหวานถูกกระซิบบอก พร้อมกับแผ่นหลังของจองกุกที่แนบสนิทกับอกแกร่งของอีกคน ท่อนแขนของแทฮยองที่กำลังโอบรัดอยู่บริเวณเอวคอดสร้างสัมผัสที่อบอุ่นให้จองกุกอดที่จะรู้สึกดีไม่ได้

     

                ขอบคุณที่รักกันนะแทฮยองหลังคำกระซิบที่ผ่านออกมา เป็นเหมือนสัญญาณแห่งการเริ่มต้นของคนสองคน ริมฝีปากหยักได้รูปของแทฮยองประกบลงที่ริมฝีปากบางของคนในอ้อมกอด ริมฝีปากหยักค่อยๆไล้ไปตามริมฝีปากบางของจองกุกเบาๆ ค่อยๆกดย้ำเป็นจังหวะก่อนจะขบเม้มไปตามริมฝีปากล่างของคนในอ้อมกอด คล้ายกับคำเชิญชวนที่ให้จองกุกยอมเผยอปากออกตอบรับสัมผัสที่วาบหวาม   

     

                จากสัมผัสที่หวานละมุนก็แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงเมื่อลิ้นทั้งสองทำหน้าที่คอยเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความหวานจากอีกฝ่าย ช่องว่างระหว่างนิ้วถูกเติมเต็มด้วยนิ้วของอีกคน จองกุกที่รู้สึกเริ่มหายใจติดขัดจึงออกแรงบีบมือที่ใหญ่กว่าเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายได้รับรู้  แทฮยองจึงค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงคลอเคลียอยู่บริเวณริมฝีปากที่บวมเจ่อของร่างในอ้อมกอด

     

                พะ พอแล้ว แทฮยองจองกุกเลือกที่จะปฏิเสธสัมผัสวาบหวามนั้น ก่อนที่สติของทั้งสองคนจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ โดยก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดติดกับอก แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากอุ่นที่กดลงบนขมับของตนเบาๆ

     

                กลับบ้านได้แล้วแทฮยองถึงจะดูเหมือนจะใจร้ายกับคนรักมากเกินไป แต่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นหนทางเดียวที่หลีกหนีคนที่ฉวยโอกาสแบบแทฮยองได้ดีที่สุดแล้ว จองกุกจึงเอ่ยปากไล่คนรักให้รีบกลับบ้านโดยไม่ลืมที่จะลุกขึ้นแล้วดึงอีกคนให้ยืนขึ้น ก่อนจะดันหลังอีกฝ่ายให้ออกจากห้องไป

     

                ไม่ไปส่งที่หน้าบ้านหน่อยเหรอจองกุกแทฮยองที่ยืนพิงประตูอยู่นอกห้อง พูดล้อคนที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

     

                 “ไม่!! รีบกลับไปเลยนะจองกุกปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของแทฮยองลอดเข้ามาในห้อง แต่ถึงจะออกปากไล่อย่างนั้น จองกุกก็ยังเลือกที่จะยืนพิงประตูอยู่อย่างเดิมจนแน่ใจแล้วว่าแทฮยองออกจากบ้านไปแล้ว จึงเดินกลับมานอนยังเตียงนอนหลังเดิม

     

                ครืด ครืดดดไม่ทันได้ล้มตัวลงนอนเสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน มือเรียวสวยจึงเอื้อมไปคว้าอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวขึ้นมาเช็คดู รูปที่ปรากฏขึ้นมาทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น คนในรูปที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือจองกุก กำลังหลับอยู่บนรถของชายหนุ่มที่ดูคุ้นตา ริมฝีปากที่สวยได้รูปของผู้ชายคนนั้นที่ประทับอยู่บนหน้าผากทำให้หัวใจของเจ้าตัวเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเพ่งมองใบหน้าของคนที่ประทับจูบบนหน้าผากของตนจนเห็นชัดว่าใครคนนั้นคือ คิมซอกจินชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจของจองกุกไปตั้งแต่แรกพบ

     

                ถ้าไม่อยากให้รูปนี้หลุดไปถึงไอ้แทฮยองน่าโง่ล่ะก็ ยอมเดตกับฉันสักวันหนึ่ง แล้วสัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับนาย บังมินซู

     
     

    Top “ทำไมคนที่เจอนายก่อนถึงไม่เป็นพี่นะจองกุก ซอกจิน

     

                สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน เค้ามาอัพ 30% ที่เหลือแล้วน้า ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ อาจจะอ่านไม่เพลินกันเท่าไหร่เนอะ 55 ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเค้าเหมือนเดิมนะคะ เห็นวิวแล้วใจหายเหมือนกัน มันแบบน้อยมากอ่ะ ยิ่งตอนสุดท้ายยังไม่ถึง 20 วิวเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังรักฟิคเรื่องนี้เหมือนเดิมนะคะ <3

     


    Nnpiacker
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×