คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : L A C H E S I S - Chapter 6
ถนนสองข้างทางที่เต็มไปด้วยห้างร้าน ต่างประชันเสียงเพลงและแสงไฟแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ถนนย่านการค้าแห่งนี้มากไปด้วยผู้คน เสียงพูดคุย และรวมไปถึงเสียงหัวเราะ พนักงานของแต่ละร้านต่างตะโกนเรียกลูกค้ากันอย่างขยันขันแข็งแข่งกับเสียงดนตรีที่คอยขับกล่อมให้ถนนแห่งนี้ไม่เงียบเหงา
จองกุกเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เดินไปมาเพื่อเลือกหาสินค้าที่ถูกใจ คิ้วสวยขมวดกันอยู่กลางหน้าผากมนอย่างใช้ความคิด เมื่อใช้ความคิดอยู่นานหลายนาทีก็ไม่มีไอเดียที่ดูเข้าท่า เด็กหนุ่มจึงหันไปปรึกษาคนที่เดินอยู่ข้างๆแทน
“จะซื้ออะไรดีล่ะจีมิน”
“อะไรก็ได้แหละน่า นายให้อะไรไป หมอนั่นก็ชอบหมดนั่นแหละ” จีมินตอบปัดๆไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะส่งไอศครีมรสโปรดเข้าปากไป
วันนี้หลังเลิกเรียน จีมินที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้านก็ถูกเด็กหนุ่มน่ารักประจำห้องลากออกมา พร้อมกับให้เหตุผลว่า ไปซื้อของเป็นเพื่อนเจ้าตัวหน่อย ทั้งที่อยากจะปฏิเสธแล้วกลับไปนอนที่บ้านเสีย แต่กลับไม่สามารถต้านทานเสียงอ้อนๆกับตากลมๆนั่นได้ จึงต้องจำใจมาส่งจองกุกซื้อของแทน
“ก็ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ชอบนี่นา”
“แล้วทำไมไม่มาซื้อด้วยกันเลยล่ะ”
“ได้ไงกันจีมิน ของขวัญวันครบรอบก็ต้องเก็บเป็นความลับสิ นายนี่ไม่เข้าใจฉันเลยอ่ะ” พูดไปด้วยพร้อมกับทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กอนุบาล ทำให้จีมินอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงยกมือขึ้นมาบีบจมูกรั้นเบาๆแล้วส่ายไปมา
“ก็ไม่ได้มีแฟนแบบนายนี่นา”
“นายก็หาซะสิ”
“ฉันไม่รีบเหมือนนายหรอกน่า” พูดปัดๆไป พร้อมกับละมือที่บีบจมูกรั้นของเพื่อนร่วมห้องลง ก่อนจะยกมืออีกข้างที่ถือไอศกรีมที่เหลืออยู่ขึ้นมาทานต่อ
จองกุกที่ได้ฟังคำพูดของเพื่อนร่วมห้อง ปากบางก็ยกยิ้มขึ้นอย่างน่ารัก พลันทำให้คิดถึงวันที่จองกุกตกลงเป็นแฟนกับแทฮยอง เมื่อคิดขึ้นมาได้ดังนั้น นัยน์ตาคู่สวยก็หลุบต่ำลง อย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ก่อนจะสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมองแล้วเงยหน้าขึ้นมามองสองข้างทางแทน ทันทีที่เห็นร้านค้าเล็กๆ ที่มีเครื่องประดับสีเงินสะท้อนแสงไฟวิบวับ ตากลมเป็นประกายก่อนจะจูงมือเพื่อนร่วมห้องมุ่งหน้าเข้าไปที่ร้านนั้นอย่างรวดเร็ว และหยุดลงตรงหน้าตู้กระจกใส
สองตากลมทอดมองสิ่งของในตู้อย่างเป็นประกาย วัตถุสีเงินที่กระทบกับแสงสว่างจากหลอดไฟในตู้ส่องประกายวาววับชวนแสบตา แต่ดูเหมือนจองกุกจะไม่ใส่ใจในความจริงข้อนี้แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มยังคงกวาดสายตาไปทั่วบริเวณตู้
แหวนเงินที่เกลี้ยงเกาไร้ซึ่งรายละเอียดการตกแต่งใดๆ สะกดสายตาของจองกุกให้จ้องมองความงดงามของมัน แหวนสีเงินที่ดูบริสุทธิ์ที่เป็นเหมือนตัวแทนความรักของเขา
“เอ่อ ขอผมดูแหวนวงนั้นหน่อยได้ไหมฮะ” นิ้วชี้เรียวของจองกุกชี้บอกตำแหน่งของแหวนที่ต้องการแก่พนักงานขาย
“สำหรับแหวนเกลี้ยงแบบนี้ มีโปรโมชั่นพิเศษในเดือนนี้ด้วยนะคะ ถ้าคุณลูกค้าซื้อพร้อมกันสองวง ทางร้านยินดีมอบส่วนลดพิเศษให้ 10% พร้อมทั้งคุณลูกค้าสามารถสลักชื่อบนแหวนได้ฟรีค่ะ”
“อ่า หมายถึงสลักชื่อบนตัวแหวนน่ะเหรอฮะ”
“ใช่เลยค่ะ สามารถสลักได้ทั้งข้างนอกและข้างในตัวแหวนเลยค่ะ หรือถ้าต้องการแค่สลักเพียงด้านไหนด้านหนึ่งก็ได้นะคะ ยิ่งถ้าเป็นการสลักเพียงด้านในตัวแหวนเพียงอย่างด้านแล้วล่ะก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเลยค่ะ”
“นายว่าไงจีมิน คิดว่าโอเคไหมอ่ะ” หลังจากฟังพนักงานขายอธิบายให้รายละเอียดแล้วก็หันไปปรึกษากับเพื่อนร่วมห้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง จีมินไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าส่งคืนให้เท่านั้น จองกุกเห็นดังนั้นจึงหันกลับไปคุยอะไรบางอย่างกับหญิงสาว ก่อนจะหันมาหาจีมินอีกครั้ง แล้วคว้ามือข้างที่ว่างอยู่ของเพื่อนร่วมห้องจับพลิกไปมาอย่างใช้ความคิด
“น่าจะเท่านิ้วนี้ล่ะมั้ง” พรึมพรำอยู่คนเดียวแล้วหันไปหยิบแหวนเงินที่พนักงานเตรียมไว้ให้บนตู้โชว์มาสวมลงที่นิ้วนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาน้อยๆ แล้วจึงถอดแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของจีมินออกส่งคืนให้พนักงานไป
“ถ้าอย่างนั้นแล้วช่วยสลักให้ตามนี้เลยนะฮะ” จองกุกส่งยิ้มสดใสคืนให้พนักงานสาวคนเดิมและยื่นกระดาษใบเล็กที่มีลายมือของตนให้กับหล่อน หญิงสาวเดินหายเข้าไปหลังร้านเพียงชั่วครู่แล้วจึงกลับมาที่จองกุกอีกครั้ง
“รบกวนคุณลูกค้า รออีกครึ่งชั่วโมงนะคะ พอดีว่ายังมีออเดอร์ที่ค้างอยู่ ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ” หญิงสาวโค้งให้จองกุกด้วยสีหน้าเจื่อนลงจากเดิมเล็กน้อย
“อ่า ไม่เป็นไรฮะ งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงผมค่อยมาใหม่ก็ได้ครับ เดี๋ยวเดินซื้อของรอก็ได้” จองกุกโค้งคืนให้เจ้าหล่อนก่อนจะหันหลังเดินออกร้านไปโดยไม่ลืมคว้าแขนจีมินให้ตามออกมาด้วย
“อยากกลับบ้านหรือยังอ่ะจีมิน” จองกุกหันไปถามเพื่อนร่วมห้องที่เดินขนาบข้างตน หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านขายแหวนได้สักครู่หนึ่งแล้ว
“อะไรกัน หมดประโยชน์ก็ไล่กันเลยเหรอ” จีมินหันหน้าไปตอบจองกุกด้วยใบหน้าที่ติดจะบึ้งเล็กน้อย
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” จองกุกเองที่เห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของจีมิน ด้วยความที่กลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิด สองมือจึงคว้าหมับเข้าที่แขนของเพื่อน พลางเอาหัวของตัวเองถูไถขึ้นลงที่แขนจีมิน
จีมินที่เห็นท่าทางที่เหมือนเด็กของจองกุกจึงหลุดขำออกมาเบาๆ แต่มันก็ดังพอให้จองกุกหันมาค้อนสายตาส่งให้ จริงๆแล้วจีมินเองไม่ได้จะน้อยใจอะไรจองกุกเลยแม้แต่น้อย แค่เพียงอยากเห็นคนน่ารักทำท่าทางงอแงเหมือนเด็กก็เท่านั้นเอง
“ถ้าฉันกลับ นายจะอยู่คนเดียวได้เหรอจองกุก”
“โหย ระดับไหนแล้วจีมิน สบายมากไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“แน่ใจนะ” จีมินถามย้ำจองกุกอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง อาจจะจริงที่จองกุกก็เป็นผู้ชาย แต่ว่าเพื่อนคนนี้กลับมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับผู้หญิงในบางมุม ยิ่งส่วนสูงที่ไม่ได้มากเหมือนผู้ชายทั่วไปแล้วด้วย อาจทำให้เกิดอันตรายกับเพื่อนของเขาก็ได้
“แน่ใจสิ ฉันโตแล้วนะจีมิน ฉันดูแลตัวเองได้น่า นายไม่ต้องห่วงหรอก”
“ได้ไงล่ะ ยิ่งตัวเล็กๆแบบนายฉันจะไม่ห่วงได้ยังไงกัน” จีมินพูดพลางยกมือข้างที่ว่างอยู่ไปวางไว้บนหัวของจองกุกแล้วโยกไปมาเบาๆ
“พูดเหมือนตัวเองตัวโตอย่างนั้นแหละ นายหน่ะ ตัวเล็กกว่าฉันอีกนะจีมิน”
“แต่ฉันดูแลตัวเองได้”
“ฉันก็ดูแลตัวเองได้เหมือนกัน” ไม่มีใครยอมใครต่างฝ่ายต่างเถียงกันอย่างต้องการเอาชนะ จีมินเป็นฝ่ายที่ฝ่ายยอมแพ้ก่อนจึงของตัวลากลับบ้านก่อน เด็กหนุ่มทั้งสองจึงแยกจากกันไปตามทางของตนจองกุกจึงเดินย้อนกลับไปทำธุระของตนเองให้เสร็จแล้วตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้านแทนที่จะพึ่งพาแท็กซี่ ด้วยความที่ว่าระยะทางย่านการค้านี้ไปยังบ้านไม่ได้ไกลกันมาก
สองเท้าเยื้องย่างผ่านร้านรวงต่างๆที่ทยอยปิดร้านตามห้วงเวลา สองมือล้วงเข้าไปยังกระเป๋าของเสื้อคลุมเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
“อ้ะ” เด็กหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดึงจากข้างหลัง เมื่อรู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็มาอยู่ในบริเวณซอกตึกที่ร้างผู้คนเสียแล้ว ความหวาดกลัวแหล่นเข้าจับกุมไปทั่วทั้งกายแต่ถึงกระนั้นสองตาก็พยายามเพ่งมองใบหน้าของคนแปลกหน้าที่กระทำการที่ไร้ซึ่งมารยาทโดยอาศัยแสงสว่างจากภายนอก เมื่อสามารถปรับโฟกัสภาพยังเบื้องหน้าแล้ว ฟันขาวก็ขบลงที่ริมฝีปากล่างแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“นายมาเที่ยวกับใคร” ชายแปลกหน้าถามออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ แต่ด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณทำให้จองกุกสามารถรับรู้ได้ว่า อย่างน้อยคนตรงหน้าเขาก็เมา
“...”
“แต่เท่าที่ฉันดู มันไม่ใช่ไอ้แทฮยองหนิ เลิกกันแล้วเหรอ”
“…”
“หรือว่าลีลาของไอ้แทฮยองมันไม่เด็ดพอ นายถึงต้องหาผู้ชายคนอื่นมาสนอง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงปิดปากเงียบ ชายหนุ่มแปลกหน้าก็ยิ่งพยายามยั่วโมโหมากกว่าเดิม
“เฮ้ พูดอะไรของนาย ฉันไม่ทำอะไรต่ำๆแบบนายหรอกน่า” เส้นความอดทนขาดผึง จองกุกแหงนหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าอย่างมีน้ำโห ไม่ใช่ว่าจองกุกเป็นคนที่ไร้มารยาท เรื่องนั้นป้าฮันนาสั่งสอนเขามาเป็นอย่างดี แต่กลับคนตรงหน้ามันไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอะไรทั้งสิ้น ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่คิดจะมีมารยาทกับเขาตั้งแต่แรก
“มันจะมากไปแล้วนะจองกุก” ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยิ่งทำให้ชายหนุ่มแปลกถูกกระตุ้นโทสะได้อย่างง่ายดาย ร่างของจองกุกถูกดันติดกับกำแพงคอนกรีตด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่นึกถึงคนโดนกระทำ ไหล่ทั้งสองข้างถูกกดลงด้วยแรงที่แทบจะทำให้ผิวขาวข้างในเกิดรอยช้ำ
“มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับการกระทำต่ำๆของนายที่ดูถูกฉัน”
“จองกุก แก !!” ชายหนุ่มแปลกหน้ากัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว หมัดหนักๆกระทบเข้ากับไปหน้าขาวของจองกุกจนหัน กลิ่นเลือดคาวคลุ้งอยู่ในปากความเจ็บปวดแล่นมายังโสตประสาต ไม่ทันให้หันกลับไปต่อสู้ หมัดที่สองก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของจองกุก เด็กหนุ่มทั้งรู้สึกจุกและเจ็บจนตัวงอ เรี่ยวแรงที่จะสวนกลับหายไปเสียดื้อๆ
‘ พรั่ก ‘ ไม่ทันที่ชายแปลกหน้าจะสาดกำปั้นเข้ามาหาจองกุกอีกครั้ง หมัดหนักๆของผู้มาใหม่ก็สวนเข้าไปใบหน้าจนเจ้าตัวล้มลง ตามด้วยแรงเตะและต่อยจนชายแปลกหน้าสลบจมกองเลือดของตนเอง
“จองกุก นายไหวไหม” ผู้มาใหม่รีบรุดไปหาจองกุกที่ยืนพิงกำแพงอยู่ สองมือจับเข้าที่ไหล่ของจองกุกเบาๆ เด็กหนุ่มค่อยๆแหงนหน้าขึ้นมามองผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือตน เมื่อเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มเล็กๆก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าทั้งๆที่มุมปากมีเลือดเปื้อนอยู่
“พี่ซอกจินเองเหรอฮะ”
“อื้อ พี่เอง ไปที่รถกันเถอะ” เมื่อพูดจบซอกจินก็ช้อนร่างของจองกุกขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดแล้วพาไปยังรถสปอร์ตของตนที่จอดอยู่
“ให้ผมเดินเองก็ได้ฮะ ลำบากที่ซอกจินเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า สภาพแบบนี้อย่างเพิ่งอวดเก่งเลย” ปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังรถด้วยความรีบเร่ง เมื่อมาถึงรถที่จอดอยู่ จึงเปิดประตูด้านฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วส่งคนในอ้อมกอดเข้าไปนั่งจัดการปิดประตูรถให้เรียบร้อย ก่อนจะอ้อมมายังฝั่งของตน
“หลับก่อนก็ได้จองกุก เดี๋ยวถ้าถึงบ้านแล้ว พี่จะปลุก” ซอกจินแนะนำจองกุกหลังจาก ที่ตนปรับเบาะนั่งให้ผู้โดยสารจำเป็นได้นั่งอย่างสบายตัวมากยิ่งขึ้นจองกุกไม่ตอบอะไรเพียงพยักหน้ารับเท่านั่น สองตาปิดลงด้วยความเหนื่อยหน้า
รถสปอร์ตคันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสต์หลังโต ซอกจินที่ทำหน้าที่คนขับรถได้อย่างสมบูรณ์แบบกำลังจะเอ่ยเรียกผู้โดยสารที่ดำดิ่งในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้นมา แต่กระนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่ตกอยู่บริเวณข้างๆเบาะที่จองกุกนั่งอยู่ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมาพินิจมองจากภายนอก ในใจก็คิดว่าจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไปที่จะเปิดดู แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าของชิ้นนี้อาจเป็นของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ในรถ สามัญสำนึกก่อนหน้านั้นก็ถูกลืมไปเสียหมด ซอกจินค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่นั้นอย่างเบามือ แหวนเงินสองวงที่บรรจุอยู่ข้างในกล่องปรากฏสู่สายตา ซอกจินค่อยๆหยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมาดู หัวใจที่เต้นตามปกติกับกระตุกด้วยจังหวะที่แปลกไปเมื่อมองเห็นลายสลักด้านในตัวแหวน
‘Taehyung & Jungkook’
เมื่อมองเห็นลายสลักข้างในอย่างชัดเจนแล้ว จึงค่อยเก็บแหวนวงเดิมคืนที่เดิม ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดอย่างยากลำบากพร้อมเสียงพรึมพรำที่ตามมา
“ทำไมคนที่เจอนายก่อนถึงไม่เป็นพี่นะจองกุก”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนั้นมา จองกุกจึงจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการปวดตามร่างกายจะหายเป็นปกติ จีมินเองที่รู้ข่าวว่าจองกุกถูกทำร้ายร่างกาย จึงขอร้องให้แทฮยองรีบพามาหาเพื่อนร่วมห้องถึงที่บ้าน
“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ” ฮันนา แม่บ้านเพียงคนเดียวของบ้าน รีบวิ่งมาที่ประตูบ้าน หลังจากได้ยินเสียงกริ่งเรียก
“พอดีผมกับเพื่อนมาเยี่ยมจองกุกน่ะครับ”
“อ้าว คุณแทฮยองเองเหรอคะ เชิญเลยค่ะ” เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใครแล้ว ฮันนาจึงรีบเปิดประตูต้อนรับ แล้วโค้งให้กับผู้มาเยือนทั้งสอง
“นี่ จีมิน เพื่อนของผมกับจองกุกครับป้า” แทฮยองที่โค้งทักทายฮันนาตอบกลับแล้ว จึงหันไปแนะนำเพื่อนอีกคนให้ป้าแม่บ้านรู้จัก จีมินเองก็โค้งให้หญิงวัยกลางคนพร้อมกับส่งยิ้มให้จนตาหยี
“คุณหนูนอนพักอยู่บนห้องน่ะค่ะ คุณทั้งสองจะขึ้นไปหาเลยก็ได้นะคะ แกน่าจะตื่นนานแล้วล่ะ อีกสักพักป้าจะเอาของว่างตามขึ้นไปให้นะคะ”
“งั้นพวกผมขอตัวขึ้นไปดูจองกุกก่อนนะฮะ” จีมินตอบรับคำของป้าแม่บ้าน ก่อนจะโค้งให้เล็กน้อย แล้วรีบดึงแขนแทฮยองขึ้นไปชั้นสองของบ้าน
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ้าของห้องตกอกตกใจเล็กน้อย
“เข้ามาได้เลยฮะ ประตูไม่ได้ล็อก” ตะโกนบอกคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู เพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที เมื่อบานประตูถูกเปิดออกด้วยฝีมือคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู สีหน้างุนงงที่จับจ้องอยู่ที่ประตูก็คลายลง แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีใจเหมือนกับเด็กได้ของขวัญใหม่
“เป็นไงบ้างครับเด็กดื้อ หายปวดบ้างหรือยัง” แทฮยองที่เพิ่งเดินเข้ามา หย่อนตัวลงบนที่ว่างบนเตียง จองกุกเห็นดังนั้นจึงขยับตัวไปด้านข้างของเตียงเพื่อให้แทฮยองนั่งได้สบายยิ่งขึ้น
“ก็หายบ้างแล้วล่ะ แต่ว่าฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย แทฮยองอ่ะ มั่วแล้ว”
“ฉันไม่ได้มั่วสักหน่อย ไม่เชื่อถามจีมินดูสิ” แทฮยองพยักพเยิดหน้าไปทางเก้าอี้อีกตัวที่ถูกลากมาข้างๆเตียง โดยที่มีปาร์คจีมิน เด็กหนุ่มอีกคนเป็นคนจับจองนั่งอยู่
“อืม นายอ่ะ ดื้อ ดื้อมากเลยจองกุก” จีมินจึงกล่าวตอบรับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของแทฮยอง
“ฉันเปล่าดื้อสักหน่อย” ท่าทีของจีมินที่เข้าข้างอีกคน ทำให้จองกุกอดไม่ได้ที่จะยกแขนขึ้นมากอดอก พร้อมกับเบะปากเล็กๆนั่นเหมือนกับเด็กที่กำลังงอแงตอนไม่ได้ดั่งใจ
“ถ้าไม่ดื้อ นายจะเจ็บตัวแบบนี้เหรอ” จีมินว่าอย่างไม่สนใจ ก่อนจะหันไปหยิบของในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ
“ก็มันห้ามได้ที่ไหนกันล่ะ หมอนั่นมันมาทำร้ายฉันก่อนนี่นา”
“นายรู้เหรอว่าใครที่ทำร้ายนาย” จีมินหันกลับมาสนใจร่างที่อยู่บนเตียงแทน
“อืม รู้สิ”
“มันเป็นใคร !! / มันเป็นใคร !!” ผู้ฟังทั้งสองประชันเสียงกันขึ้นมาอย่างพร้อมเพียง
“บังมินซู หัวหน้าห้อง B”
“ฉันจะไปฆ่ามัน” แทฮยองที่กัดฟันกรอดด้วยอารมณ์โทสะที่คลุกกรุ่น ร้อนถึงจองกุกต้องรีบคว้ามือของคนรักเอาไว้ ก่อนจะบีบมันเบาๆ
“ช่างเถอะแทฮยอง ตอนนี้มันคงไม่กล้ามาทำอะไรฉันแล้วล่ะ” เมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้ว จองกุกจึงค่อยๆคลายมือของตนที่จับมือของแทฮยองออก
“ว่าแต่ จองกุกไปทำอะไรกันแถวนั้น พอฉันขอตามไปด้วยก็ไม่ยอมให้ไปอีกต่างหาก” เมื่อโทสะที่คลุกกรุ่นอยู่เมื่อครู่ถูกทำให้เย็นลงแล้ว แทฮยองจึงนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ติดใจสงสัยอยู่ จึงถามร่างเล็กข้างกายออกไปตรงๆ
“ก็ทำธุระนิดหน่อยเอง” จองกุกตอบออกมาอย่างไม่เต็มปาก ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่คาดคั้นของแทฮยอง
“ธุระที่ว่านั่น มันคืออะไรจีมิน” เมื่อเห็นว่าจองกุกไม่ยอมบอก จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เคลียร์กับแฟนนายเองแล้วกัน จองกุกฉันกลับก่อนนะ” จีมินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะยกกระเป๋าเป้ของตนที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสะพาย โบกมือลาเพื่อนทั้งสองแล้วหันหลังออกจากห้องไป
“อ้ะ ให้ฉันไปส่งไหมจีมิน”
“ไม่เป็นไรหรอกจองกุก นายนอนพักต่อเถอะ”
“งั้นกลับบ้านดีๆนะ จีมิน ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะ” จองกุกโบกมือให้จีมินพร้อมกับยิ้มสดใสส่งท้ายก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลงพร้อมกับร่างของจีมินที่หายออกจากห้องไป
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอคะคุณจีมิน” ฮันนาที่เดินขึ้นบันไดสวนมา สองมือกำลังยกถาดที่บรรจุอาหารว่างน่าตาน่ารับประทาน
“อ๋อฮะ พอดีว่ามีธุระต้องไปทำต่อ ขอโทษคุณป้าที่อยู่ทานอาหารว่างวันนี้ไม่ได้ด้วยนะฮะ” จีมินโค้งตัวเพื่อเป็นการขอโทษผู้อาวุโสกว่า ก่อนจะทำการกล่าวลาฮันนา แล้วเดินออกจากตัวบ้านไป
คัพเค้กและคุกกี้หน้าตาน่ารับประทานที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามบนจานไม่ได้เป็นที่สนใจของคนสองคนเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ฮันนายกอาหารว่างขึ้นมาให้จองกุกแล้วขอตัวกลับลงไป ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมคนทั้งสองแทน
“นายจะไม่บอกฉันจริงๆเหรอจองกุกว่าไปทำอะไรแถวนั้น ถึงกลับมาในสภาพนี้น่ะ” แทฮยองเป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้และเปิดปากถามขึ้นมาเพื่อกลบความเงียบที่มีอยู่
“ก็แค่ไปซื้อของนิดหน่อยเอง”
“แล้วทำไมจองกุกไม่พาฉันไปด้วยล่ะ”
“แทฮยองจะไปได้ยังไงเล่า ในเมื่อจองกุกจะไปซื้อของเซอร์ไพส์ แท อุ๊บ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าความลับที่อุตส่าห์ปิดบังกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา สองมือเรียวจึงถูกยกขึ้นมาปิดปากเล็กๆนั่นแทบไม่ทัน
“อะไรนะจองกุก จองกุกจะเซอร์ไพส์ใครนะ” เมื่อเห็นท่าทีของอีกคนที่ลนลานจนผิดสังเกต ก็รีบคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
“อยากรู้จริงๆเหรอแทฮยอง”
“อื้ม อยากรู้สิ”
“งั้นหลับตาก่อนสิ” จองกุกทำการต่อรองอีกคน เมื่อเห็นว่าตนกำลังจะเสียเปรียบ
“ทำไมฉันต้องหลับตาด้วยล่ะจองกุก มันไม่เกี่ยวกันเลยนะ” แทฮยองรีบเถียงออกไป เมื่อสมองประมวลผลแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่ตนต้องหลับตาเลยแม้แต่น้อย
“เหอะน่า หลับตาก่อนนะแทฮยอง” จองกุกเมื่อเห็นว่าไม้แข็งจะใช้ไม่ได้ผล จึงเอาไม้อ่อนเข้าสู้บ้าง ริมฝีปากแดงสดเม้มเข้าหากัน ตากลมๆนั่นกระพริบปริบๆอย่างอ้อนวอน
“โอเคๆ แต่จะหลับตาแค่ 1 นาทีนะ” เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของจองกุกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่แทฮยองจะยอมทำตามคำขอของอีกฝ่าย
สองตาที่ปิดสนิท ปากก็พร่ำนับเลขไปด้วย แต่หูกลับคอยฟังเสียงรอบๆกาย เสียงกุกกักที่ดังขึ้นพร้อมกับแรงยุบตัวของเตียงนอนที่เปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้พอคาดเดาได้ว่าอีกคนที่ลืมตาอยู่กำลังเคลื่อนไหวกายออกจากตำแหน่งเดิมที่นั่งอยู่
“ห้าสิบเก้า หกสิบ ลืมตาแล้วนะจองกุก”
“สุขสันต์วันครบรอบ 1 เดือนนะแทฮยอง” ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ใบหน้าที่ปรกติเข้มขึมอยู่ตลอดเวลา เผยยิ้มที่สดใสออกมา จองกุกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในสองมือที่ถูกยื่นมายังเบื้องหน้าของตนมีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ภาพที่ดูงดงามเสียจนหัวใจของแทฮยองเต้นแรง ก็คือใบหน้าของจองกุกที่แต้มด้วยรอยยิ้มหวานและริ้วสีแดงระเรื่อบนแก้มอูมนั้น
“แหวนเงิน” หลังจากหยิบกล่องที่อีกคนยื่นให้มาเปิดดู สีเงินส่องประกายพร้อมกับรูปร่างที่มองปราดเดียวก็ทำให้แทฮยองรู้ทันทีว่าสิ่งนั้นคืออะไร
“อื้อ แหวนคู่ของแทฮยองกับจองกุก” จองกุกพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มกว้างที่ส่งให้แก้มที่ปกติพองอยู่แล้วพองขึ้นอีก อดไม่ได้ที่แทฮยองจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มอูมๆนั้นเข้า
“ใครสอนให้ทำตัวน่ารักแบบนี้นะจองกุก”
“ไม่มีใครสอน ปรกติก็น่ารักอยู่แล้ว”
“งั้นคนน่ารัก ใส่แหวนให้คนหล่อหน่อยสิครับ”
“แหวะ หลงตัวเองที่สุดเลยแทฮยองอ่ะ” ถึงจะว่าอย่างนั้น จองกุกก็ยังหยิบแหวนในกล่องกำมะหยี่ขึ้นมาสวมมันลงนิ้วนางข้างขวาของแทฮยอง เป็นนิ้วนางข้างเดียวกันกับนิ้วนางของตนที่มีแหวนสีเงินประดับอยู่
“งั้นถึงคราวที่แทฮยองต้องให้ของขวัญจองกุกแล้วสิ”
“แทฮยองเตรียมมาด้วยเหรอ จำได้ด้วยเหรอ” จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบังความสงสัย
“ใครจะลืมวันครบรอบแบบนี้ลงกันล่ะครับ หันหลังมาสิ”
สัมผัสเย็นวาบบริเวณคอทำให้จองกุกอดที่จะหย่อนคอไม่ได้ เมื่อปรับตัวจนชินกับสัมผัสนั้นแล้วจึงยกนิ้วขึ้นสัมผัสสิ่งของแปลกใหม่ที่อยู่บริเวณคอของตน อักษรตัวภาษาอังกฤษรูปตัว T กับสร้อยทองคำขาวเป็นอะไรที่เสริมให้คอระหงส์ดูงดงามมากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณที่ยอมคบกับแทฮยองนะจองกุก” ถ้อยคำหวานถูกกระซิบบอก พร้อมกับแผ่นหลังของจองกุกที่แนบสนิทกับอกแกร่งของอีกคน ท่อนแขนของแทฮยองที่กำลังโอบรัดอยู่บริเวณเอวคอดสร้างสัมผัสที่อบอุ่นให้จองกุกอดที่จะรู้สึกดีไม่ได้
“ขอบคุณที่รักกันนะแทฮยอง” หลังคำกระซิบที่ผ่านออกมา เป็นเหมือนสัญญาณแห่งการเริ่มต้นของคนสองคน ริมฝีปากหยักได้รูปของแทฮยองประกบลงที่ริมฝีปากบางของคนในอ้อมกอด ริมฝีปากหยักค่อยๆไล้ไปตามริมฝีปากบางของจองกุกเบาๆ ค่อยๆกดย้ำเป็นจังหวะก่อนจะขบเม้มไปตามริมฝีปากล่างของคนในอ้อมกอด คล้ายกับคำเชิญชวนที่ให้จองกุกยอมเผยอปากออกตอบรับสัมผัสที่วาบหวาม
จากสัมผัสที่หวานละมุนก็แปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงเมื่อลิ้นทั้งสองทำหน้าที่คอยเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความหวานจากอีกฝ่าย ช่องว่างระหว่างนิ้วถูกเติมเต็มด้วยนิ้วของอีกคน จองกุกที่รู้สึกเริ่มหายใจติดขัดจึงออกแรงบีบมือที่ใหญ่กว่าเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แทฮยองจึงค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงคลอเคลียอยู่บริเวณริมฝีปากที่บวมเจ่อของร่างในอ้อมกอด
“พะ พอแล้ว แทฮยอง” จองกุกเลือกที่จะปฏิเสธสัมผัสวาบหวามนั้น ก่อนที่สติของทั้งสองคนจะเตลิดไปไกลมากกว่านี้ โดยก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดติดกับอก แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากอุ่นที่กดลงบนขมับของตนเบาๆ
“กลับบ้านได้แล้วแทฮยอง” ถึงจะดูเหมือนจะใจร้ายกับคนรักมากเกินไป แต่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นหนทางเดียวที่หลีกหนีคนที่ฉวยโอกาสแบบแทฮยองได้ดีที่สุดแล้ว จองกุกจึงเอ่ยปากไล่คนรักให้รีบกลับบ้านโดยไม่ลืมที่จะลุกขึ้นแล้วดึงอีกคนให้ยืนขึ้น ก่อนจะดันหลังอีกฝ่ายให้ออกจากห้องไป
“ไม่ไปส่งที่หน้าบ้านหน่อยเหรอจองกุก” แทฮยองที่ยืนพิงประตูอยู่นอกห้อง พูดล้อคนที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“ไม่!! รีบกลับไปเลยนะ” จองกุกปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของแทฮยองลอดเข้ามาในห้อง แต่ถึงจะออกปากไล่อย่างนั้น จองกุกก็ยังเลือกที่จะยืนพิงประตูอยู่อย่างเดิมจนแน่ใจแล้วว่าแทฮยองออกจากบ้านไปแล้ว จึงเดินกลับมานอนยังเตียงนอนหลังเดิม
‘ครืด ครืดดด’ ไม่ทันได้ล้มตัวลงนอนเสียงสัญญาณจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน มือเรียวสวยจึงเอื้อมไปคว้าอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวขึ้นมาเช็คดู รูปที่ปรากฏขึ้นมาทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น คนในรูปที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือจองกุก กำลังหลับอยู่บนรถของชายหนุ่มที่ดูคุ้นตา ริมฝีปากที่สวยได้รูปของผู้ชายคนนั้นที่ประทับอยู่บนหน้าผากทำให้หัวใจของเจ้าตัวเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเพ่งมองใบหน้าของคนที่ประทับจูบบนหน้าผากของตนจนเห็นชัดว่าใครคนนั้นคือ ‘คิมซอกจิน’ ชายหนุ่มที่ขโมยหัวใจของจองกุกไปตั้งแต่แรกพบ
‘ถ้าไม่อยากให้รูปนี้หลุดไปถึงไอ้แทฮยองน่าโง่ล่ะก็ ยอมเดตกับฉันสักวันหนึ่ง แล้วสัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับนาย – บังมินซู’
♥ Top “ทำไมคนที่เจอนายก่อนถึงไม่เป็นพี่นะจองกุก – ซอกจิน”
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน เค้ามาอัพ 30% ที่เหลือแล้วน้า ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะคะ อาจจะอ่านไม่เพลินกันเท่าไหร่เนอะ 55 ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเค้าเหมือนเดิมนะคะ เห็นวิวแล้วใจหายเหมือนกัน มันแบบน้อยมากอ่ะ ยิ่งตอนสุดท้ายยังไม่ถึง 20 วิวเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังรักฟิคเรื่องนี้เหมือนเดิมนะคะ <3
Nnpiacker
ความคิดเห็น