คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : L A C H E S I S - Chapter 5
Chapter 5
Chapter 5
หลังจากที่หนังสั้นของมินยุนกิที่ซอกจินและอินจองเป็นตัวแสดงหลักได้ออกฉายสู่สายตาประชาชน หนังสั้นเรื่องนี้ก็ได้รับความสนใจจากนักศึกษาและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมากส่งผลให้ผู้กำกับของเรื่องอย่างมินยุนกิได้เกรดเอมาจากตัววิชามาอย่างไม่ยากนัก อาจเพราะเนื้อเรื่องที่สนุกชวนติดตาม รวมไปถึงตัวละครในเรื่องก็น่าจับตามอง อย่างพระเอกของเรื่องที่เป็นถึงหนุ่มฮอตของมหาลัยวิทยาลัยก็ดึงดูดความสนใจของนักศึกษาหญิงได้เป็นอย่างดีและนางเอกของเรื่องอย่างอินจองก็เป็นที่จับตามองของนักศึกษาชายทั้งมหาวิทยาลัยเหมือนกันและอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หนังสั้นเรื่องนี้มีเรตติ้งสูงก็คงไม่พ้นเรื่องที่คู่พระนางที่อินจัดถึงขั้นคบหาดูใจกันนอกจอ
ทุกคนต่างยอมรับว่าคู่ของสาวสวยและหนุ่มหล่ออย่างอินจองและซอกจินคือคู่รักที่เหมาะสมกันที่สุดของมหาวิทยาลัยอีกคู่หนึ่งเลยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าทั้งคู่คบกันเพียงเพื่อโปรโมตหนังสั้นให้กับเพื่อนเท่านั้น แต่เหตุผลที่แท้จริงใครก็คงไม่รู้ดีเท่าคนทั้งสองคนเอง
สามเดือนแล้วตั้งแต่หนังสั้นฉายจบไป และก็เป็นสามเดือนที่ครบรอบวันที่อินจองตกลงคบกับซอกจิน ทั้งคู่นัดกันมาทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของมหาลัย หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างหาอาหารที่ตนต้องการได้แล้วนั้น ซอกจินก็ลงมือทานด้วยความหิว ต่างกับอินจองที่นั่งเหม่อไม่แม้แต่จะแตะอาหารตรงหน้าด้วยซ้ำ ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องวางช้อนส้อมลงอย่างห้ามไม่ได้
“เป็นอะไรไปครับ คนสวย” ซอกจินเอ่ยทั้งหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าแฟนของตนหลังจากสังเกตมานานว่าหล่อนไม่ได้แตะต้องอาหารเลยแม้แต่น้อย จนทำให้หญิงสาวที่กำลังเหม่ออยู่สะดุ้งเบาๆ
“เอ่อ จินคะ คุณจำได้ไหม ว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
“อืม”
“…”
“อืม ไม่รู้สิครับ”
“คะ…คุณ จำไม่ได้จริงๆ น่ะเหรอคะ” สีหน้าที่สลดลงของหญิงสาวบวกกับน้ำเสียงที่ค่อนข้างสั่นทำให้ชายหนุ่มที่กำลังแกล้งเธออยู่ถึงกับต้องแสดงสีหน้าไปไม่ถูกออกมา
“ผมล้อเล่นครับ”
“…”
“สุขสันต์วันครบรอบ 3 เดือนครับ” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือหนาไปกุมมือของหญิงสาวคนรักไว้
___________________________________________20%_________________________________________
ณ โรงเรียนมัธยมของจองกุก
โรงอาหารที่แสนวุ่นวายและมากไปด้วยจำนวนนักเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าสองเพื่อนซี้อย่างจองกุกและแทฮยองจะหลีกหนีได้ ยังไงก็ต้องยอมทนอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนอยู่ตลอดเวลาแบบนี้เพียงเพื่อแลกกับมื้อกลางวันประทังชีวิต
อาหารต่างๆที่อยู่บนโต๊ะถูกจัดการโดยชายหนุ่มทั้งสองจนหมด แต่ยังไม่ทันได้เก็บจานชามให้เรียบร้อย โทรศัพท์มือถือของจองกุกก็ส่งเสียงเรียกเสียก่อน
“ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะแทฮยอง”
“อืม รีบกลับมานะ จะรอ”
คนร่างเล็กรีบออกมาจากโต๊ะ หาสถานที่ที่ไม่มีเสียงรบกวน ใช่ว่าเขาเองอยากจะมีความลับกับแทฮยอง แต่สถานที่แบบนั้นจะให้คุยโทรศัพท์ก็คงจะคุยกับปลายสายไม่รู้เรื่องแน่ๆ
จองกุกก้มมองยังหน้าจอโทรศัพท์ที่บอกหมายเลขที่โทรเข้าหมาย ‘เบอร์แปลก’ ดวงตากลมโตหรี่ลงคิ้วสวยขมวดกันยุ่งอยู่บนใบหน้า พลางกัดริมฝีปากล่างอย่างใช้ความคิด ‘ควรจะรับดีไหมนะ เบอร์แปลกแบบนี้จะเป็นโรคจิตโทรมาป่วนหรือเปล่า’ เสียงเรียกเข้าเงียบลงพร้อมกับเสียงหวานที่กรอกลงไปในโทรศัพท์แทน
“ยอโบเซโย”
“จองกุกกี้ นี่พี่อินจองเองนะ”
“อ่ะ พี่อินจองเองเหรอฮะ แล้วทำไมไม่ใช้เบอร์ของพี่โทรมาล่ะฮะ”
“พอดีมือถือพี่แบตหมดน่ะ ว่าแต่เย็นนี้จองกุกมีธุระที่ไหนหรือเปล่า”
“อืมมม”
“ว่าไงจ๊ะ”
“คิดว่าไม่มีนะฮะ”
“ดีเลย งั้นเย็นนี้รีบกลับบ้านนะ พี่มีใครบางคนอยากจะแนะนำให้จองกุกรู้จัก”
“แล้วพี่อินจองไม่มารับจองกุกหรอฮะ”
“อื้ออ จองกุกกี้ พอดีพี่ต้องรีบมาเตรียมมื้อเย็นหน่ะ ยังไงก็ให้แทฮยองมาส่งนะ” ทันทีที่จองกุกถามคำถามนั้นไป น้ำเสียงของคนที่อยู่ปลายสายก็สลดลง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า อินจองกำลังรู้สึกผิดกับน้องตัวเองมากแค่ไหน
“รบกวนแทฮยองเปล่าๆฮะ ผมกลับเองได้”
“งั้นต้องรีบกลับเลยนะ ห้ามแอบแวะที่ไหนรู้หรือเปล่า”
“พี่อินจองเห็นจองกุกเป็นคนแบบนั้นหรอฮะ -3- อ้ะ ว่าแต่ใครหรอฮะ บอกจองกุกได้ไหมอ่ะ”
“ฮ่ะๆ บอกตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพส์สิจ๊ะ กลับมาเดี๋ยวจองกุกกี้ก็รู้เองนั่นแหละ”
“ฮะ งั้นผมจะรีบกลับบ้านแล้วกัน บ๊ายบายฮะ”
ร่างเล็กที่เพิ่งวางสายจากพี่สาว จึงเดินเข้ามายังโต๊ะที่มีใครอีกคนรออยู่พลางเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ใครโทรมาหน่ะจองกุก” ไม่ทันให้จองกุกได้หย่อนตัวลงนั่ง แทฮยองก็รีบถามถึงคนในสายของเพื่อนทันที ไม่รู้เพราะความอยากรู้หรือความหึงหวงกันแน่
“พี่อินจองหน่ะ” จองกุกว่าพลางเก็บของไปพลาง ก็เวลานี้มันหมดเวลาพักกลางวันแล้วนี่นา ขืนชักช้าก็อาจจะโดนอาจารย์ทำโทษได้
“พี่อินจอง พี่สาวนายน่ะเหรอ ว่าไงบ้างล่ะ”
“พี่อินจองบอกว่า วันนี้ไม่สะดวกมารับ ให้กลับบ้านเอง”
“งั้นกลับด้วยกันไหมจองกุก” แทฮยองเอ่ยถามจองกุกด้วยแววตาเป็นประกายอย่างมีหวัง
“ไม่เป็นไรหรอกแทฮยอง รบกวนพี่นายเปล่าๆ ” จองกุกส่ายหน้าปฏิเสธคำชวนของเพื่อนไป บ้านเขากับบ้านแทฮยองน่ะอยู่คนละทิศเลยก็ว่าได้ ถ้าจะติดรถพี่ของแทฮยองที่มารับก็จะดูเป็นการรบกวนมากจนเกินไป อีกอย่างเขาก็โตแล้วด้วย กลับบ้านเองแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
“ใครบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับกับพี่ พอดีเมื่อกี้พี่ฉันโทรมาบอกว่าวันนี้ติดธุระให้กลับเอง”
“…” แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะจองกุกก็ไม่อยากรบกวนแทฮยองอยู่ดี ถ้าเพื่อนตัวดีไปส่งเขาที่บ้าน กว่าจะกลับถึงบ้านแทฮยองก็มืดพอดี
“เถอะน้า จองกุก ฉันกะว่าจะไปฝากท้องที่บ้านนายน่ะ ฮ่ะฮ่า คนอย่างแทฮยองไม่ไปส่งฟรีหรอกน่า” ประโยคก่อนหน้าแทฮยองพยายามอ้อนคนตัวเล็กให้มากที่สุด ก่อนจะพูดติดตลกทิ้งท้ายให้จองกุกไม่ต้องคิดมาก
“อื้อ กลับด้วยกันก็ได้” เมื่อไม่รู้จะปฏิเสธแทฮยองยังไง สุดท้ายจองกุกก็ได้แต่ตอบตกลงไปเสียดื้อๆ ทุกครั้งที่มีเรื่องถกเถียงกัน ไม่เคยเลยสักครั้งที่จองกุกจะเป็นฝ่ายชนะ ยังไงก็ต้องยอมให้เพื่อนคนนี้ตลอด
ณ คฤหาสน์ตระกูลจอน
เรือนร่างที่สวยได้สัดส่วนของอินจองกำลังขยับเขยื้อนไปมาอยู่รอบบริเวณของห้องครัว สองมือเป็นระวิงอยู่กับการจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นของคนพิเศษ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ใบหน้าสวยก็มีร่องรอยของรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา
“กลับมาแล้วฮะ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกอินจองที่กำลังตั้งอกตั้งใจกับมื้อเย็นเป็นอย่างดีให้ทิ้งความสนใจจากอาหารตรงหน้าแล้วตรงดิ่งออกมาที่ประตูบ้านเพื่อเข้าไปหาผู้มาเยือนแทน
“กลับมายังไงน่ะจองกุก”
“แทฮยองมาส่งฮะพี่อินจอง” จองกุกตอบพี่สาวคนสวยพลางหันหลังไปหาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่เบื้องหลัง อินจองที่มองเห็นแทฮยองก็โปรยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“ขอบใจมากนะจ๊ะแทฮยอง ที่อุตส่าห์มาส่งจองกุก ยังไงซะวันนี้ก็อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะจ๊ะ”
“อ่า เรื่องที่มาส่งจองกุกน่ะ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่อินจอง ผมสมัครใจ ส่วนเรื่องที่ชวนทานมื้อเย็น จริงๆแล้วผมก็กะว่าจะฝากท้องไว้ที่นี่พอดีเลย ขอบคุณที่ชวนนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า” แทฮยองว่าอย่างติดตลกก่อนจะยิ้มตาหยีส่งไปให้อินจอง
“ท่าอย่างนั้นจองกุกพาแทฮยองขึ้นไปบนห้องเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวถ้าพี่เตรียมอาหารเสร็จแล้วจะให้ป้าฮันนาขึ้นไปเรียก”
“แล้วพี่อินจองไม่ให้จองกุกช่วยหรอฮะ” จองกุกเอ่ยถามพี่สาวด้วยความสงสัย ปกติแล้วถ้าพี่อินจองเข้าครัวจองกุกก็ต้องคอยเป็นลูกมือ จนปัจจุบันฝีมือการทำอาหารของคนตัวเล็กจะเทียบเท่าพี่สาวอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรจ๊ะ วันนี้พี่โชว์ฝีมือเอง ไปพักผ่อนกันเถอะ” ไม่ว่าเปล่า อินจองยังโบกมือไล่เด็กทั้งสองคน แล้วจึงหันหลังกลับเข้าครัวโดยไม่สนใจน้องเลยแม้แต่น้อย
“ป่ะ พี่อินจองไล่แล้วจองกุก ขึ้นห้องกันเถอะ” แทฮยองที่เห็นเพื่อนตัวเล็กชะเง้อมองพี่สาวที่ยุ่งอยู่ในครัว จึงตัดสินใจจูงมือร่างเล็กอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนชั้นสอง ถึงแม้จะไม่เคยเข้ามาถึงในบ้าน และไม่รู้ว่าห้องของจองกุกอยู่ไหน แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม แค่เพียงสอดส่องสายตาก็พบกับบานประตูที่มีป้ายแปะหน้าห้องว่า จอนจองกุก นั่นสินะห้องของคนตัวเล็ก
กว่าจองกุกจะรู้ตัว ก็ถูกเพื่อนตัวดีลากเข้ามาในห้องแล้ว ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่แทฮยองเข้ามาถึงในห้อง อีกทั้งยังถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเองโดยไม่ถามเจ้าของห้องสักคำ แต่ถึงอย่างนั้นจองกุกก็ไม่ได้ถือความอะไรกับเพื่อนสนิท
ห้องที่ถูกจัดแต่งด้วยธีมสีสะอาดตาอย่างสีครีมและสีขาว มีเพียงเตียงนอนที่อยู่กลางห้องที่เป็นสีแดงสด ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หรือแม้แต่หมอนก็เป็นสีแดง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแทฮยอง คนตัวสูงกระโดดขึ้นบนเตียงนอนพร้อมกับทอดกายลงนอนทันที
กลิ่นหอมอ่อนๆที่ติดอยู่บนที่นอน ถึงแม้จะต้องหลับตาก่อนเข้ามาในห้อง และไม่รู้ว่าเป็นห้องของใคร แต่แค่เพียงได้กลิ่นหอมอ่อนๆที่อยู่บนที่นอนนี้ก็สามารถรู้แล้วว่านี่คือเตียงของจอนจองกุก กลิ่มหอมจางๆที่เหมือนกับกลิ่นหอมที่ติดตัวจองกุก กลิ่นหอมที่แทฮยองชอบมากที่สุด
“นี่แทฮยอง มาถึงก็นอนเลยนะ นายจะไม่ขออนุญาตจากฉันจริงๆหรอ” จองกุกมองเพื่อนสนิทที่กลิ้งตัวไปมาบนเตียงนอนสีแดง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาเบาๆ
“จำเป็นหรอจองกุก ยังไงนายก็อนุญาตอยู่แล้วล่ะน่า อย่าคิดมากสิ” ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย แทฮยองก็ยังคงกลิ้งตัวไปมาก่อนจะหยุดการกระทำนั้นและฝังใบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่แทน
จองกุกวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้และจัดการถอดถุงเท้าไว้ในตะกร้าเตรียมซัก เข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างหน้าก่อนจะเดินออกมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงสีแดงสดของตน
แทฮยองที่รู้สึกถึงแรงยุบตัวของที่นอน จึงเปลี่ยนท่านอนจากที่นอนคว่ำเอาหน้าซุกลงกับหมอนเป็นนอนตะแคงหันหน้ามาทางจองกุกแทน แล้วจึงค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้จองกุกอย่างไม่ให้เจ้าตัวรู้สึกตัว ก่อนจะรีบวาดแขนแกร่งไปโอบรอบเอวบางของจองกุก ออกแรงดึงให้คนตัวเล็กกว่าล้มตัวลงนอนได้อย่างง่ายดาย
“อ้ะ แทฮยอง เล่นอะไรเนี้ย ตกใจหมดเลย” จองกุกที่ตกใจกับการกระทำของคนตัวสูงว่าพลางออกแรงตีบนแขนแกร่งที่โอบอยู่รอบตัวเบาๆ พอเริ่มตั้งสติได้ก็นึกถึงท่าทางการนอนของทั้งคู่ในตอนนี้ ใบหน้าขาวซีดก็ขึ้นสีเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อแทน แต่ด้วยความว่าจองกุกกำลังหันหลังให้แทฮยองทำให้แทฮยองไม่อาจมองเห็นใบหน้าสีแดงระเรื่อนั้นได้
แทฮยองที่ก้มหน้าซุกลงกับแผ่นหลังบาง มือที่โอบรอบเอวบางก็ยังคงกระชับกอดอยู่อย่างนั้น จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของอีกคนก่อนจะเอ่ยขึ้นถามคนในอ้อมกอด
“จองกุก แทฮยองมีเรื่องจะถาม” สรรพนามที่เปลี่ยนไปบอกให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดรู้ว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงจัง
“อื้อ ถามมาสิ”
“จองกุกรักแทฮยองหรือเปล่าครับ”
“ถามอะไรแบบนั้นล่ะแทฮยอง” จองกุกที่ได้ยินคำถามที่ออกจากปากอีกคนก็รีบหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับแทฮยองแทน กลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่นอนกอดกัน และยังจ้องหน้ากันไปด้วย
“จองกุกไม่ต้องตอบแทฮยองก็ได้นะ แต่แทฮยองแค่อยากบอกให้จองกุกรู้ว่า แทฮยองรักจองกุกนะครับ” คนอย่างแทฮยองที่ขี้เล่นอยู่ตลอดเวลา เวลานี้เปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคน แทฮยองคนที่จริงจัง ไม่คุ้นเคยสำหรับจองกุกเลย
ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าร่างสูงต้องการสื่ออะไร แต่ว่าเวลานี้คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น สำหรับจองกุกและแทฮยอง มันคือความสัมพันธ์ที่ไม่รู้ว่าต้องใช้คำไหนมาอธิบาย จะเรียกว่าเพื่อนมันก็มากกว่านั้น จะเรียกว่าแฟนก็คงจะยังไม่ใช่ เพราะยังไม่มีใครเอ่ยปากขอเป็นแฟน ถ้าถามว่ารักไหมแทฮยองบ้างไหม จองกุกก็ตอบได้ว่ารัก แต่ถามว่ารักแบบไหน จองกุกก็คงไม่มั่นใจที่จะตอบว่า รักแบบคนรัก
ไม่มีน้ำเสียงตอบกลับจากคนตัวเล็ก ดวงตาคมของแทฮยองก็หม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด จองกุกที่สังเกตเห็นท่าทางของอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปโอบรัดรอบเอวสอบของแทฮยองบ้าง พร้อมกับซุกใบหน้าลงกับอกแกร่ง
“จองกุกก็รักแทฮยองเหมือนกัน”
แทฮยองที่ได้ยินคำบอกรักจากปากคนตัวเล็ก พลันหัวใจของแทฮยองก็เต้นแรงได้ความดีใจทันที สองแขนแกร่งโอบรัดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ก่อนจะกดจูบลงบนขมับของคนในอ้อมกอด
“เป็นแฟนกันไหมจองกุก”
จองกุกที่ได้ยินคำขอที่ตรงไปตรงมาของแทฮยองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ใบหน้าสวยคลายออกจากอกแกร่งก่อนจะค่อยๆแหงนขึ้นมองหน้าของคนตัวสูงอย่างเต็มตา ก่อนจะได้ตอบอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของป้าฮันนาที่แสนคุ้นเคย
“คุณหนูจองกุกคะ คุณอินจองให้ป้าขึ้นมาเรียนว่า อาหารเย็นเสร็จแล้วนะคะ”
“ฮะ จองกุกจะรีบลงไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ” ตะโกนตอบคุณป้าแม่บ้านไป ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนที่กอดตัวเองไว้ ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กหน่อย เพื่อเตรียมจะพูด
“เอ่อ แทฮยอง” ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค นิ้วเรียวของแทฮยองก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากเป็นเชิงว่าไม่ต้องพูดอะไร
“ไม่ต้องรีบตอบตอนนี้ก็ได้จองกุก เก็บไปคิดดูก่อน เวลานี้ลงไปทานข้าวกันเถอะ แทฮยองหิวแล้ว” แทฮยองลดนิ้วที่แตะอยู่ที่ริมฝีปากแดงของคนในอ้อมกอดลง ก่อนจะคลายอ้อมกอดออก แล้วรีบลุกขึ้นดึงให้คนตัวเล็กได้ลุกขึ้นด้วย ก่อนจะจับมือกันแล้วลงจากห้องไป
อาหารหลากหลายอย่างถูกจัดเตรียมไว้เสียเต็มโต๊ะอาหาร อินจองนั่งลงที่หัวโต๊ะ ถัดๆกันก็คือที่นั่งของจองกุก และแทฮยองเองก็นั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามของจองกุก
เสียงกริ่งที่ประตูบ้านดึงความสนใจจากทุกคนในบ้าน จองกุกเป็นคนที่ตั้งสติได้เร็วที่สุดและรีบออกไปดูยังประตู เห็นรถสปอร์ตคันสวยค่อยเคลื่อนตัวเข้ามาภายในบริเวณบ้าน และจอดลงที่หน้าประตู ร่างเล็กที่เห็นบุคคลที่อยู่ในรถที่เปิดประทุนอยู่อย่างเต็มตา ดวงตากลมโตก็เบิกโพลงอย่าไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะเอ่ยทักคนนั้นไป
“เอ่อคุณ ไม่ทราบมาหาใครฮะ”
ชายหนุ่มที่มัวประวิงอยู่กับการจัดการตัวเองในรถจึงไม่ได้สังเกตเห็นร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินคำทักทายจึงละความสนใจจากตนเองและหันไปหาผู้ที่เป็นเจ้าของบ้าน ทันทีที่สบตาเข้ากลับดวงตากลมโต หัวใจของชายหนุ่มก็พลันเต้นแรง ก่อนที่จะคิดจับใจความต่างๆได้ดวงตาขมเข้มก็หม่นแสงลงทันที ก่อนจะตัดสินใจตอบคำถามของร่างเล็ก
“เอ่อ ผมมาหาอินจองน่ะครับ”
“แขกของพี่อินจองใช่ไหมฮะ พี่อินจองรออยู่ที่ห้องทานอาหารแล้วตามผมมาได้เลยฮะ” ว่าเสร็จก็รีบหันหลังกลับและนำแขกคนสำคัญของพี่สาวเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่หันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มร่างสูงเมื่อเห็นจองกุกเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน เขาจึงรีบคว้าช่อกุหลาบสีสวยที่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับมา แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กน้อยคนเมื่อกี้ มือใหญ่ก็ละช่อกุหลาบทิ้งไว้ที่รถและรีบลงจากรถไปเลย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจละทิ้ง ช่อกุหลาบที่มีการ์ดเสียบไว้ว่า “สุขสันต์วันครบรอบ 3 เดือน ที่รักของผม” ไว้บนรถ ความตั้งใจแรกที่จะเอามาให้หญิงสาวคนรักถูกโยนทิ้งพร้อมๆกับช่อดอกกุหลาบนั้น
ผู้มาเยือนปรากฏตัวบนที่ห้องอาหาร เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันมามอง แทฮยองเองคงเป็นคนที่ตกใจมากที่สุด ก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง
“ซอกจินฮยอง”
“แทฮยอง นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซอกจินเองก็แปลกใจไม่ต่างกันที่เห็นน้องตัวดีของเขาปรากฏตัวอยู่ในห้องอาหารนี้ด้วย
“นั่งเถอะค่ะซอกจิน แทฮยองเขาเป็นแขกของจองกุกน้องชายของอินจองเอง” หญิงสาวเพียงคนเดียวของบ้านผายมือให้ชายหนุ่มผู้มาเยือนยังเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ถัดจากเก้าอี้ของแทฮยอง ชายหนุ่มหย่อนตัวนั่งลงก่อนจะหันไปมองจองกุกที่กำลังนั่งก้มหน้า ซอกจินมองเด็กหนุ่มที่นั่งเยื้องๆกับตนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามด้วยใบหน้าที่อึ้งๆ นั่นมันเด็กคนเดียวกับที่เขาเจอเมื่อสี่เดือนก่อน คนเดียวกับคนที่แทฮยองบอกว่าเป็นคนสำคัญ คนที่ทำให้ซอกจินตัดสินใจที่จะตัดใจและเข้าหาอินจองแทน ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้มาเจออีกครั้ง
“นั่นจองกุกค่ะ น้องชายของอินจองเอง” หญิงสาวเอ่ยแนะนำน้องชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
จองกุกเองที่มัวแต่ก้มหน้าคิดอะไรบางอย่าง จึงไม่ได้ยินสิ่งที่พี่สาวตนกำลังพูด ใบหัวสมองมีแต่ใบหน้าของผู้มาเยือนคนใหม่เต็มไปหมด ทำไมกัน คนที่เจอกันตรงแยกไฟแดง คนที่จองกุกฝันถึงอยู่บ่อยครั้ง ถึงมาเป็นแขกคนสำคัญของพี่สาวคนสวย ถ้าจะบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่น่าจะใช่ คนที่อินจองอุตส่าห์ลงมือทำกับข้าวต้อนรับเองทั้งหมดคงจะสำคัญกว่านั้นเป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตากลมโตที่เคยสดใสอย่างลูกแก้วก็หม่นแสงลง ความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“จองกุก”
“…”
“นี่จองกุก ฟังพี่อยู่หรือเปล่า” อินจองส่งเสียงเรียกน้องชายของตน เมื่อเห็นว่าจองกุกเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาใครเลย
“อ้ะ พี่อินจอง มีอะไรหรอฮะ” พอตั้งสติได้ก็ได้ยินเสียงเรียกของพี่สาว จองกุกจึงปรับสีหน้าให้เป็นปรกติก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าของอินจอง
“คิดอะไรอยู่เด็กน้อย พี่เรียกไม่ยอมตอบเลย”
“อ่อ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะฮะ ว่าแต่พี่อินจองเรียกจองกุกทำไมหรอฮะ”
“คนนี้ไง คนที่พี่บอกว่าอยากแนะนำให้รู้จัก” หญิงสาวผายมือไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จองกุกเลื่อนสายตามองตามมือของพี่สาวไป ก่อนที่จะหยุดลงที่ชายหนุ่มผู้มาใหม่
“นี่พี่คิมซอกจินนะจองกุก เอ่อ เป็นแฟนพี่เอง” อินจองเอ่ยแนะนำคนรักกับน้องชายตัวเองด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ร้ายนักนะ” แทฮยองที่ได้ยินก็กระทุ้งศอกใส่ซอกจินเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบนี้
“นี่คือเรื่องบังเอิญที่สุดในชีวิตผมเลยก็ว่าได้นะครับ คนนี้พี่ชายแท้ๆของผมเองครับพี่อินจอง”
อินจองและจองกุกที่ได้ยินคำพูดจากแทฮยอง ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม โลกมันจะกลมมากเกินไปแล้ว ใครเล่นตลกอะไรอยู่ไม่ทราบ
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นซอกจินก็คือพี่ของแทฮยองเพื่อนของจองกุก โถ่ทำไมอินจองไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะคะ” หญิงสาวที่ตั้งสติได้ก่อน จึงหันหน้าไปหาซอกจิน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตัดพ้อ
“ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันว่า เอ่อจองกุกเป็นเพื่อนกับน้องชายของผม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงคนรัก อินจองเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกคักก่อนจะชักชวนทุกคนให้ทานอาหารกันก่อนที่อาหารจะเย็นชืด
มื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของอินจองและแทฮยอง มีบางครั้งที่ซอกจินพูดออกมาบ้าง ต่างกับจองกุกที่เอาแต่เงียบ และทานอาหารไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับขึ้นห้อง
เด็กหนุ่มที่เข้ามาถึงในห้องก็ตรงดิ่งไปที่เตียงนอน ล้มตัวลงนอนและซุกใบหน้าไว้กับหมอนใบใหญ่ ในหัวมีแต่เรื่องของคนที่ชื่อคิมซอกจิน มันหมดแล้วความหวังของจองกุกเมื่อคนที่คอยฝันถึงมาตลอดกลับกลายเป็นแฟนของพี่สาวของตน คิดได้ดังนั้นหยดน้ำใสจากดวงตาก็หล่นลงสู่หมอน หัวใจที่กระตุกแปลกๆบีบรัดตัวเองจนรู้สึกหายใจไม่ออก
‘ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ‘ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจจากจองกุก มือบางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะรีบไปเปิดประตูให้กับคนข้างนอกเมื่อเปิดประตูออกก็รู้ว่า คนที่อยู่นอกประตูก็คือแทฮยอง จองกุกขยับตัวให้อีกคนเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดประตูลงให้สนิท
“นายเป็นอะไรน่ะจองกุก ร้องไห้มาเหรอ” แทฮยองที่สังเกตเห็นดวงตาสีแดงกร่ำของจองกุก จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง สองมือหนาค่อยประคองใบหน้าสวย นิ้วโป้งไล้เบาๆใต้ดวงตาอย่างจะกลัวว่าถ้าทำแรงอีกนิดดวงตาคู่สวยอาจแตกร้าวได้
“แทฮยอง ฮึก” คนตัวเล็กโผเข้ากอดคนตัวสูงกว่าพลางซุกหน้าลงกับอกแกร่ง แทฮยองยกมือขึ้นลูกหัวทุยเบาๆ
“เป็นอะไรครับคนเก่ง”
“พี่อินจอง ฮึก พี่อินจองมีแฟนแล้ว ฮึก ฮืออออ”
“จองกุกกลัวว่าพี่ชายของแทฮยองจะมาแย่งความรักของพี่อินจองหรอครับ หืมม” แทฮยองว่าพลางจับไหล่คนในอ้อมกอดออกมาสบตา
“อื้อออ” จองกุกพยักหน้าน้อยๆ ใช่เขาเลือกที่จะโกหกแทฮยอง แทนที่จะตอบเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ตนร้องไห้ออกมา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนรักของพี่สาวจะมาแย่งความรักอะไรหรอก แต่ที่ร้องไห้ออกมาก็เพราะรู้สึกว่าอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเสียด้วยซ้ำ
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ พี่อินจองก็รักจองกุกเหมือนเดิมไง นี่แทฮยองด้วย แทฮยองก็รักจองกุกด้วยไงครับ” คนตัวเล็กสบตากับร่างสูงกว่าที่กำลังปลอบโยน มือเล็กก็ปาดน้ำตาของตนอย่างลวกๆ ก่อนจะซุกตัวลงกับอกแกร่ง
เมื่อสิ่งที่รอคอยมาตลอดสูญเสียให้คนอื่นไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องรอต่อไป ถึงแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องลืมมันให้ได้
“แทฮยอง เรื่องที่ขอจองกุกเป็นแฟนน่ะ ยังไม่ลืมใช่ไหม”
“ครับ จะลืมได้ไงล่ะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”
“ตกลง เป็นแฟนกันนะแทฮยอง” จองกุกค่อยถอนตัวออกจากอ้อมกอดแกร่ง ก่อนจะเงยขึ้นสบตากับคนตัวสูง
แทฮยองยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยจูบซับลงไปที่เปลือกตา อย่างต้องการให้จูบอบอุ่นนี้คลายความเหนื่อยล้าจากการร้องไห้ ก่อนจะค่อยๆลื่นลงมายังจมูก และจบลงที่ริมฝีปากสีแดงสด แค่เพียงริมฝีปากที่แตะกันเนิ่นนาน ไม่มีการลุกล้ำใดๆทั้งสิ้น
‘ขอโทษนะแทฮยอง ขอโทษที่ต้องคบกับแทฮยองเพื่อลืมใครอีกคน สักวันจองกุกจะรักแทฮยองให้ได้อย่างคนรักคนนึงนะ’
Top ♥ - “แต่แทฮยองแค่อยากบอกให้จองกุกรู้ว่า แทฮยองรักจองกุกนะครับ– แทฮยอง”
ฮือ ครบ 100 % แล้วนะคะ ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งยากมากๆเลยอ่ะ T^T มาลงให้แล้วยังไงก็เม้นกันด้วยนะคะ พลีสสส เม้นไม่ขยับเลย T^T แอบน้อยใจเบาๆ แต่คนที่เม้นให้ตลอดก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ใครอยากรู้รายละเอียดฟิค ว่าไปคบกันได้ยังไง ก็ถามเค้าได้ที่ ask.fm/Nnpiacker นะคะ ยังไงก็ฝากแท็ก #ฟิคเทพี ในทวิตเตอร์กันด้วยนะคะ รักนะจุ๊บๆ
ความคิดเห็น