คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
“สวบบบบบบ” เสียงลูกหนังสีส้มลอยละลิ่วเข้าห่วงกลมๆ ตามมาพร้อมกับเสียงอึกทึกของกองเชียร์ที่ดังมาจากอีกฝั่งของสนาม
“กรี๊ด!! กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ” กองเชียร์ที่ทั้งสแตนด์มีแต่สีเหลือง ส่งเสียงอย่างลืมหายใจ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ย้อนหลังจากนี้ไปสองเดือน
“ไนซ์ชู๊ตเลย น้องนัท” เสียงรุ่นพี่สาวตะโกนมาจากข้างสนามบาสเกตบอล เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหันไปมองพลางยิ้มกว้าง ชูนิ้วโป้งยืนยัน “แน่นอนอยู่แล้วพี่แต้ว”
“อย่านอกหน้ามากนักแต้ว แล้วก็อย่าอู้ได้มั้ย รีบๆมาซ้อมสิยะ” แต้วหันไปตามเสียงบ่นของเพื่อนรักที่กำลังวิ่งหน้างอเข้ามาหา
“จะซ้อมอะไรนักหนา ให้พวกเราได้พักกันมั่งสิคะ คุณหัวหน้าทีม” แต้ว หญิงสาวอารมณ์ดีพูดพลางแย้มยิ้ม “กะว่ากีฬาคณะปีนี้จะเอาเหรียญทองเลยหรือคะคุณฝ้าย” คำพูดนี้เรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งทีม
“จะเอาจริงๆหรอคะพี่ฝ้าย”รุ่นน้องในทีมอีกคนถามเสียงอ่อยๆ ที่เหลือก็นั่งทำตาแป๋วรอฟังคำตอบ เพราะว่าการแข่งกีฬาระหว่างคณะภายในมหาลัยนั้น ทีมบาสหญิงของคณะวิทยาศาสตร์ได้แต่อันดับ 3 ในบรรดาคณะทั้ง 7 มาตลอด ส่วนอันดับ 1 กับ 2 คณะที่มีนักบาสตัวมหาลัยก็เอาไปครองเป็นที่รู้ๆกัน ถ้าหวังจะเอาเหรียญทองล่ะก็ คงเหมือนไปรบยังไงยังงั้น
“แล้วทำไมล่ะ เหรียญทองไม่ได้หรือไง” เสียงดังแทรกมาจากข้างหลังหัวหน้าทีม “ก็แค่ตัวมหาลัย” นัทรุ่นน้องอีกคนในทีมบาสเอ่ยพลางยกน้ำขึ้นดื่ม
“แหม....น้องนัทล่ะก็ เพิ่งเข้ามาปี1คงยังไม่รู้จักพวกตัวมหาลัยมั้งจ๊ะ พวกเขาน่ะไปแข่งระดับประเทศกันมาแล้วทั้งนั้นนะ แต่พวกน้องๆสบายใจได้เถอะ พี่แค่แซวฝ้ายเล่นๆน่ะจ๊ะ ไม่ต้องซีเรียสกันนะ” แต้วเป็นคนอธิบายแทนเพื่อนสาวที่ตีหน้ายักษ์ใส่นัทซะแล้ว
เดิมทีฝ้ายเป็นคนร่าเริงยิ้มง่าย คุยเก่ง แต่แต้วสังเกตว่า ตั้งแต่เริ่มมีการเรียกประชุมน้องใหม่ของคณะ ทำให้ฝ้ายได้เจอกับ นัท ที่ฝ้ายมักจะบ่นให้ฟังเสมอว่า ‘ขี้เก๊ก!’ แถมยังดูท่าจะไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็นเสียด้วยซ้ำ
เป็นโชคชะตาตอกย้ำ ที่เมื่อมีการคัดตัวนักบาสของคณะ ครูฝึกเลือกนัทเข้ามาทำหน้าที่SF (Small Forward)ของทีม ยิ่งทำให้ฝ้ายหน้าบูดบึ้งกว่าเก่า แต้วเองเคยพยายามพูดให้ฝ้ายเลิกอคติกับรุ่นน้องคนนี้แต่ก็ยิ่งทำให้ฝ้ายไม่เปิดปากพูดอะไรถึงนัทอีกเลย แม้แต่เอ่ยชื่อ
ในเวลาซ้อมบาสหลังเลิกเรียนจะมีนักกีฬาจากหลากหลายคณะมาซ้อมร่วมกัน มันเลยดูเป็นการเชื่อมมิตรภาพมากกว่าจะสร้างคู่แข่ง เป็นที่สนุกสนานในการรวมทีมแข่งกันเพื่อซักซ้อมก่อนเจอกันในสนามจริง
“ฝ้ายจ๋า” เสียงเรียกมาตั้งแต่ยังไม่เห็นตัว ฝ้ายหันหาต้นเสียงนั้นเสียคอแทบเคล็ด
“อ้าว เป้ ว่าไง” ฝ้ายร้องทักคนคุ้นเคยอย่างดีใจ นักบาสต่างคณะที่เคยเล่นด้วยกันมาเมื่อปีก่อน ทั้งคู่สนิทกันจนมีแต่คนแซวว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน
“ว่าไงจ๊ะสุดสวย ไม่เจอกันเทอมนึงคิดถึงจังเลย มามะจุ๊บที” “ว๊าย!!ไม่เล่นนะ” ฝ้ายวิ่งหลบการหยอกเอินจากเพื่อนคนนั้นให้วุ่น คงมีเพียงคนเดียวในสนามที่ไม่หัวเราะไปกับคนอื่นๆ นัทนั่งมองเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยสายตาเฉยเมย เฉยเสียจนคนที่หันไปเจอรู้สึกเย็นยะเยือกเลยทีเดียว
ถ้าจะย้อนไปอีกถึงสาเหตุที่ฝ้ายดูจะไม่ชอบหน้านัทนั้น คงจะเป็นในวันที่เรียกประชุมน้องใหม่ของคณะวันแรก ฝ้ายมีหน้าที่เช็คน้องใหม่ในแต่ละสาขาวิชา และจนมาถึงสาขาของนัท
“น้องนัท” ไม่มีเสียงตอบรับ “น้องนัทคะ มารึเปล่าน่ะ” จนเพื่อนต้องหันไปสะกิดเจ้าของนามที่นั่งเอาเฮดโฟนอุดหูไว้เพื่อฟังเพลง “คะ? ว่าไงคะพี่” นัทเอาหูฟังลงพร้อมเอ่ยถามรุ่นพี่
‘หนอยแน่ะ ไม่ตั้งใจฟังงั้นเรอะ’ ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นน้อง ฝ้ายจึงต้องสะกดอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ
“อ้าว เรียกแล้วเงียบทำไมล่ะคะ พี่ฝ้าย” นัทถามต่อด้วยใบหน้าเฉยเมย ใบหน้าที่ฝ้ายลงความเห็นว่าน้องคนนี้’ขี้เก๊ก’ และแน่นอนว่าคำถามนี้ทำให้ความขุ่นมัวที่พยายามกดไว้นั้น ปะทุขึ้นมาจนได้
“เอ๊ะ!น้อง ถามอย่างนี้หมายความว่าไง น้องเองต่างหากที่ไม่ได้ตั้งใจฟังพี่ขานชื่อเลยนะ” เสียงตะเบ็งกลับนั้น ทำให้ทั้งห้องประชุมหันมามองที่ฝ้ายเป็นตาเดียว
“หรอ.. งั้นก็ขอโทษที” พูดจบนัทก็หยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงต่อ เพราะขี้เกียจทะเลาะด้วยแล้วนั่นเอง
“หา?” ฝ้ายยืนงงอยู่ตรงนั้น เพราะอีกฝ่ายตัดบทสนทนาได้อย่างหน้าตาเฉย แถมยังไม่มีทีท่าสะทกสะท้านและดูเหมือนจะรำคาญเธอนิดหน่อยด้วยซ้ำ ที่กล่าวขอโทษเธอคงเพราะขี้เกียจเถียงกับเธอต่อเป็นแน่
นี่คือสาเหตุที่ฝ้ายเก็บไว้ในใจตั้งแต่วันนั้นมา ขนาดเพื่อนรักของเธอเมื่อรู้เรื่องราวนี้ ยังส่ายหัวและบอกด้วยว่า “ไร้สาระน่ะ เรื่องแค่นี้เองนะฝ้าย เธอโกรธน้องนัทด้วยเรื่องแค่นี้น่ะนะ”
มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้หรอก มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีรุ่นพี่รุ่นน้อง และอะไรบางอย่าง ที่ฝ้ายก็ตอบตัวเองไม่ได้...
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกัน พรุ่งนี้เจอกันใหม่เวลาเดิมนะจ๊ะ” ฝ้ายกล่าวพร้อมโปรยยิ้มหวาน ทำให้ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่เบิกบานกันทั่วหน้าก่อนบอกลาเพื่อแยกย้ายกลับที่พักของตน
ถึงบุคลิกภายนอกจะดูห้าวเกินหญิงไปนิด แต่ฝ้ายเองก็จัดเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง รูปร่างสมส่วน ใบหน้าอ่อนหวาน สวยแถมยังเรียนเก่ง เรื่องกีฬาก็ไม่แพ้ใคร อยู่ปี 2 ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีม และด้วยที่เป็นคนไม่ค่อยสนใจผู้ชาย ทำให้มีแต่ผู้หญิงมารายล้อมรอบตัวของเธอ
‘น้องมุก’ รุ่นน้องอีกคนในคณะ แต่อยู่ฝ่ายกองเชียร์ไม่ได้เป็นนักกีฬา แอบมองฝ้ายอยู่เสมอ ชื่นชมและคลั่งใคล้ฝ้ายเอามาก สังเกตได้จากห่อขนมหรือลูกอมที่มักจะแขวนอยู่ที่ล๊อกเกอร์ของเธอทุกวัน
“พี่ฝ้ายคะ กินน้ำหน่อยมั้ย ซ้อมมาเหนื่อยๆ” มุกพูดพลางยื่นขวดน้ำเย็นมาให้ตรงหน้า
“ขอบใจจ๊ะ” ฝ้ายยิ้มหวานรับน้ำใจนั้นด้วยกลัวรุ่นน้องจะเสียใจ มุกเขินอายกับยิ้มนั้นจนหน้าแดงแล้วก็วิ่งกลับไปยังที่เดิม
“ไหนว่าไม่ได้ชอบน้องเขาไง แล้วยังยิ้มหวานรับน้ำน้องเขาทำไมล่ะ ฮึ” เสียงตำหนิจากเพื่อนรักดังขึ้น”
“ก็น้องเขาอุตส่าห์เอามาให้ ไม่รับมันก็ยังไงอยู่น่ะ อีกอย่างน้องเขาก็น่าจะรู้ว่าชั้นไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้าซักหน่อย” ฝ้ายพูดพลางดื่มน้ำเย็นขวดนั้น
‘ให้มันได้ยังงี้สิเพื่อนฉัน เข้าใจอะไรบ้างไหมเนี่ย?’แต้วคิดพลางส่ายหน้าน้อยๆ “กลับบ้านกันเหอะ วันนี้หาไรกินก่อนกลับบ้านด้วยนะหิวจะแย่แล้วเนี่ย ที่บ้านชั้นไม่มีคนอยู่เลย ขี้เกียจกลับไปทำกับข้าวกินเองน่ะ” คำชวนแกมบ่นของเพื่อนทำให้ฝ้ายอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ถ้ามันลำบากนักก็ไปกินบ้านชั้นสิ แวะไปกินข้าวบ้านชั้นก่อนแล้วเธอค่อยกลับบ้านก็ได้เธอต้องไปส่งชั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?” ประโยคนี้ทำให้คนถูกชวนหันไปมองหน้าเพื่อนพร้อมกระโดดโลดเต้น เข้าแผนพอดี อิอิ
“อุ้ย จริงหรอ? งั้นตกลง ชั้นชอบฝีมือทำอาหารของแม่เธอมากที่สุดเลย”
“ยัยบ้า ใครว่าแม่ชั้นทำ ชั้นทำเองหรอกย่ะ!!”
“เอาเหอะ ใครทำก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ชั้นหิวจนจะกินฮิปโปทอดได้แล้วนะเนี่ย”
เพราะคำพูดของเพื่อนรักทำให้ฝ้ายหัวเราะออกมา “งั้นกลับบ้านกัน”
รถจักรยานยนต์ของทั้งคู่แล่นออกสู่ถนนกลางของมหาลัยพร้อมๆกับรถอีกหลากหลายคันที่ทยอยกันกลับก่อนที่แสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า..
รถยังไม่ทันแล่นออกจากประตูมหาลัย สายตาฝ้ายก็ไปเจอะเจอะกับคนคู่หนึ่งเข้าให้
“นั่นน้องนัทนี่ ยืนอยู่กับใครล่ะน่ะ?”เสียงแต้วที่เป็นคนขี่หันมามองหน้าคนซ้อนอย่างสงสัย เพราะอีกคนตรงนั้น ไม่ได้เป็นรุ่นน้องหรือคนในคณะพวกเธอ
ความคิดเห็น