คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3
“นี่จะคุยกันอีกนานมั้ย ดีเฟนแล้วนะ” เสียงของแต้วกระชากทั้งคู่ออกจากภวังค์
“โทษที เป้ถามอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“ถามอะไรยะ ถามว่าเธอชอบเขารึเปล่างั้นเหรอ” แต้วหัวเราะคิกคักกับมุขตลกของตัวเอง ที่เพื่อนสาวไม่ตลกด้วย
“ยัยบ้า ใช่ซะที่ไหนเล่า พูดมากไปเหอะ โดนบุกแล้ว” ฝ้ายเข้าไปประกบเป้อย่างรู้ทัน แต่ก็มิวายมีเสียงโห่ฮิ้วอยู่ข้างสนาม
“อย่าไปสนใจเลย” เป้สะบัดเสียงใส่ ให้ฝ้ายเลิกมองตามเสียงโห่ ลูกถูกจ่ายมาอยู่ที่คนตรงหน้านัท เด็กปี1ที่อ่อนประสบการณ์ ยิ่งมาหันมาเจอสายตาของคนตรงหน้าด้วยแล้ว ถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว
“จ่ายสิมิ้นท์ จ่ายเซ่!!” เสียงจากเพื่อนร่วมทีมบีบให้เธอต้องส่งลูก แขนเรียวเล็กสะบัดลูกออกไปอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ลูกไปเข้ามือฝั่งตรงข้ามพอดี
“เอ้า จ่ายไปทำไมทางนั้นเล่า กลับๆ ดีเฟนๆ” เสียงบ่นของรุ่นพี่ทำให้มิ้นท์หน้าจ๋อย แต่ที่แย่กว่าคือ การได้เผชิญหน้ากับดวงตาคู่นั้น
ลูกถูกจ่ายคืนมายัง PG แต้วหมุนตัวหาจังหวะจ่ายบอล แม้จะเป็นแค่การซ้อมแข่ง แต่ทุกคนดูจะเอาจริงเหลือเกิน ทำให้เกมส์นี้ดูน่าสนุกสำหรับทุกคนที่มายืนดูอยู่ข้างสนาม
ความไวในการวิ่งของรุ่นน้องไม่พ้นสายของผู้เป็นรุ่นพี่ไปได้ ลูกถูกจ่ายอย่างรวดเร็วสู่มือนัท และไม่ต้องเสียแรงฝ่าเข้าสู่วงใน ลูก 3 แต้มเป็นของหวานสำหรับเขาอยู่แล้ว
“ 5 0 “ เสียงขานคะแนนจากข้างสนาม ทำให้เป้รู้สึกจริงจังกับการแข่งครั้งนี้มากขึ้น เมื่อเหลือบไปมองเจ้าของตาสีทองแดง ทำเอาเป้ร้อนๆหนาวๆ 'คนอะไรสายตาเย็นชาจัง'
“เอ้าๆ อย่าเหม่อๆ “ เสียงปรบมือของเป้เพื่อเรียกสมาธิลูกทีม บอกให้ทุกคนรู้ว่าได้เวลาเอาจริงแล้ว
“ขอเอาคืน5แต้มที่เสียไปนะ” เป้ยักคิ้วท้าทายฝ้ายที่อยู่ตรงหน้า ฝ้ายยิ้มกลับเช่นกัน
“กำลังรออยู่เลย”
ชั้นเชิงระดับตัวมหาลัยของเป้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะนำแต้มคืนมาให้ทีม แต่เป็นเรื่องยากที่จะทำให้นำได้อย่างขาดลอย
“28
“นี่...ฝ้าย...ชั้นว่า...พอ...แค่นี้....ก่อนเหอะ.....นะ” แต้วที่หอบเต็มที่วิ่งมาประกบข้างเพื่อน
“อืม...ชั้นก็...ว่า...อย่างนั้น...แหละ” ฝ้ายที่หอบไม่แพ้กันหันไปทางเป้
“โอเค งั้น...วันนี้....พอ....แค่นี้ก่อน” เป้หยุดวิ่ง แล้วหันไปบอกลูกทีม “เอาละ แยกย้ายกัน...กลับบ้านได้ พรุ่งนี้...เจอกันนะน้อง” เป้หันมามองหน้าฝ้ายก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากสนามไป
สิ้นคำสั่งของเป้ ทุกคนพากันนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เพราะวิ่งวนมาเป็นเวลา20นาทีเต็ม ฝั่งของฝ้ายก็ไม่แพ้กัน บางคนเหนื่อยมากถึงกับขาสั่นเลยทีเดียว
“โอ๊ย ให้ตายเหอะ ขนาดซ้อมยังแย่ขนาดนี้ แล้วแข่งจริงจะตายกันไปข้างนึงเลยมั้ยเนี่ย?” พี่ไก่เดินมานั่งข้างรุ่นน้องผู้เป็นหัวหน้าทีม
“แหม พวกเราวิ่งกันมาตั้ง 20 นาที ยังไม่ได้พักเลยนะคะ ถึงจะเหนื่อยมันก็ไม่แปลกหรอก อีกอย่างฝ้ายว่าตอนแข่งจริงมันคงจะไม่เหนื่อยมากขนาดนี้หรอกพี่ ควอเตอร์ละแค่10 นาที ยังไงเราก็ยังมีตัวสำรอง”
“ก็จริง สงสัยว่าตอนแข่งพี่คงได้เปลี่ยนตัวออกเป็นคนแรก พี่แก่แล้ววิ่งได้ไม่นานหรอก” ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นน้องได้เยอะเลยทีเดียว
หลังจากพักจนหายเหนื่อย ทุกคนก็แยกย้ายกันเพื่อกลับบ้าน ยังมีเพียงผู้เดียวที่นิ่งเงียบมาตลอด จับลูกบาสวิ่งไปที่แป้น
“น้องนัท!! ไม่กลับบ้านหรอ” แต้วหันมาถาม เพราะสงสัยที่นัทยังจะซ้อมอีก ทั้งๆที่เหนื่อยมากแล้ว
“ว่าจะซ้อมอีกนิดหน่อยอ่ะพี่ วันนี้มีอะไรคาใจนิดนึง”
“อะไรล่ะ วันนี้เราก็เล่นดีแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่หรอก 3 แต้มของนัท...ยังไม่แม่นพอ ถึงจะลงซะเป็นส่วนใหญ่...แต่นัทก็มีมุมที่ไม่ถนัด ถ้าฝั่งนั้นเขาจับจุดได้ แค่ปิดมุมถนัด...นัทก็ทำ 3 แต้มไม่ได้” รุ่นน้องพูดพลางโยนลูกบาสใส่ห่วงอย่างเอาเป็นเอาตาย
‘หาข้อผิดพลาดของตัวเองมาพัฒนาสินะ สมกับที่ครูฝึกเลือกมากับมือจริงๆ’ แต้วอดที่จะชื่นชมรุ่นน้องในใจไม่ได้
“กลับกันได้รึยัง แต้ว” ฝ้ายที่เก็บของเรียบร้อยเดินมาหาเพื่อน พร้อมเหลือบสายตาไปยังรุ่นน้องอีกคน “นี่เย็นมากแล้วนะ”
“เด๋วสิฝ้าย” พูดพลางหันไปหานัท “ให้พี่ซ้อมเป็นเพื่อนมั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกพี่กลับบ้านเถอะ เด๋วจะมืดซะก่อน” นัทหันมาบอกรุ่นพี่อย่างเกรงใจ
“โอ๊ย!ไม่เป็นไรหรอก บ้านพี่ก็ไม่ได้ไกลจากมหาลัยมากเท่าไหร่ ขี่รถ 10 นาทีก็ถึงแล้ว จริงมั้ยฝ้าย?”
“ไกลน่ะไม่ไกลหรอก แต่วันนี้แม่เธอจะกลับจากต่างจังหวัดไม่ใช่หรือไง?” ฝ้ายเตือนเพื่อนรักด้วยเสียงนิ่มๆ
“ว้าย! จริงด้วย งั้นพี่คงต้องกลับบ้านก่อนนะน้องนัท เอาไว้วันหลังพี่จะเป็นคู่ซ้อมให้นะจ๊ะ” แต้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวาน ทำให้นัทต้องยิ้มตอบด้วยความหวานไม่แพ้กัน
“กลับกันเหอะ” ฝ้ายเอ่ย ก่อนจะเดินนำออกมา จากที่เห็นสายตาของเพื่อนสนิท ทำให้ฝ้ายอดที่จะหวั่นๆในใจไม่ได้
“จะทุ่มเทอะไรอย่างน้าน ” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น นัทหันไปมองหาต้นเสียงนั้น
“ยังไม่กลับอีกเรอะ” นกเดินมานั่งข้างสนาม “เมื่อกี้ชั้นนั่งดูแกซ้อมแล้ว น่าสนุกดีนี่นา”
“งั้นแกก็ลงเล่นให้คณะแกสิ จะได้เจอกัน” นัทเอ่ยแล้วเดินมานั่งลงข้างๆผู้มาเยือน
“ไม่เอาล่ะ คณะชั้นมีแต่ตัวมหาลัยทั้งนั้น อีกอย่างแกก็รู้ว่าชั้นไม่ใช่ไม่อยากลง แต่...”
“ชั้นเข้าใจ ชั้นถึงพยายามเล่นส่วนของแกให้ไง ”
นัทหยุดพูดนิดหนึ่ง ก่อนหันมามองหน้าเพื่อนรักแล้วเอ่ยต่อ “ชั้นจะพยายาม มันไม่ใช่คำสัญญา แต่ชั้นก็จะทำให้ดีที่สุด...เพื่อแก” คำพูดที่จริงใจจากปากของเพื่อนรัก ทำให้นกต้องยกมุมปากขึ้นสูง
“ขอบใจ” คำตอบจากนก เรียกรอยยิ้มแบบฉบับเดียวกันจากนัทได้เช่นเคย
----------------------------------------------
I’m Devil just signing in!...
Aloha Party says:
กลับถึงบ้านแล้วเหรอวะ
I’m Devil says:
ยังไม่ถึงมั้ง มาออนเอ็มอยู่เนี่ย
Aloha Party says:
มาถึงก็กวนเลยนะแก ซ้อมหนักหรือไง เลิกซะมืดค่ำ
I’m Devil says:
อืม ซ้อมพิเศษกะนกมัน ว่าแต่นกยังไม่ออนอีกเหรอไง มันถึงหอเป็นชาติแล้วนะเนี่ย
Aloha Party says:
ยังไม่เจอเลยว่ะ ส่วนรินก็ยังไม่เห็น สองคนนั้นโทรคุยกันอยู่มั้ง
I’m Devil says:
งั้นก็ช่างมัน ปล่อยมันไป
Aloha Party says:
คือ......มันยังไม่มาก็ดีแล้ว ชั้นมีเรื่องจะถามแก..
I’m Devil says:
ถามชั้น? ..ว่ามา..
เมื่อจบบทสนทนาเหนือความคาดหมายระหว่างเพื่อนรัก ทำให้นัทหลับตาลง ทิ้งความรู้สึกที่แน่นอยู่ในอกให้จางหายไป
เสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้นัทต้องละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าขณะนี้ห้าทุ่มสี่สิบกว่านาทีแล้ว พลางนึกสงสัยว่าผู้ใดโทรมาเวลานี้
“สวัสดีค่ะ” นัทกรอกเสียงไปตามสาย และเมื่อรู้ว่าต้นสายที่โทรมาคือใคร ก็ทำให้นัทคลี่ยิ้มออกมาได้...
----------------------------------------------
“ได้ข่าวว่าเมื่อวาน ลงไปฟัดกับทีมของฝ้ายมาเหรอวะ เป้!” เสียงของรุ่นพี่ทำให้เป้เงยหน้ามองหาเจ้าของเสียงนั้น และพบว่าผู้มาใหม่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“อ้าว พี่นุ่น พี่ปู พี่ดิว มากันพร้อมหน้าเชียวนะ”
“โค้ชเรียก ถ้ากูไม่มาก็โดนด่าสิวะ” ดิวย้ายตัวเองมานั่งข้างๆเป้ที่กำลังประคบรอยช้ำบนตัว
“เละเชียวนะมึง เล่นบาสหรือทำสงครามวะเนี่ย”
“ไม่ใช่ก็คล้ายๆล่ะพี่”
“เออ! กูก็ว่างั้นแหละ เพราะกูไม่เคยเห็นมึงเละขนาดนี้มาก่อน โดนฝ้ายมันประเคนหมัดกับเข่าให้รึไง” ปูเป็นฝ่ายถามขึ้น
“แข่งบาสนะพี่ไม่ได้ลงไปชกมวยไทย!!..”
“อ๊ะ แล้วที่มึงเละอย่างนี้จะบอกว่าโดนหมาข้างสนามไล่ฟัดมารึไง”นุ่นที่ยืนกอดอกฟังอยู่นานแทรกขึ้นมาบ้าง
เป้เงยหน้าสบตากับรุ่นพี่อย่างมีความหมาย “เด็กใหม่ปีนี้มีอะไรเจ๋งๆเยอะนะพี่ มีเทคนิคมีลูกเล่นเพียบ”
“งั้นหรอ” นุ่นยกคิ้วขึ้นสูง “ให้มันแน่เหอะวะ กูจะได้เล่นกีฬาคณะอย่างสนุกๆซักปีก่อนกูจบ”
“งั้นก็ต้องรอดูผลการจับฉลากแบ่งสายก่อน ถ้าคณะพี่อยู่คนละสายกับคณะเป้ คงได้สนุกกันในรอบชิงฯ แต่ถ้าพี่มีโอกาสได้เจอทีมของฝ้าย พี่จะได้สนุกสมใจแน่ๆ” เป้ยืดตัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ แม้ตัวเป้จะสูงกว่าแต่ก็ยังนึกเกรงในท่าทีของรุ่นพี่เหล่านี้ กลุ่มตัวมหาลัยที่ยังไม่เคยมีใครเอาชนะได้
“เออ ว่าไปขอเปลี่ยนเรื่องหน่อยเหอะ ตกลงฝ้ายมันรู้รึยัง ว่ามึงชอบมัน” ดิวหันไปมองหน้ารุ่นน้อง ที่ตอนนี้กำลังเริ่มพันผ้าตามแขนและขา
“หา? ฝ้ายน่ะเหรอ ยังไม่รู้มั้งพี่” เป้ตอบซื่อๆ
“ตกลงมึงซื่อบื้อ หรือฝ้ายมันโง่วะเนี่ย” ปูส่ายหน้ากับรุ่นน้อง ที่เวลาทำอะไรดูจะกล้าหาญซะเหลือเกิน แต่กับการบอกรักใครสักคน เหมือนคำนั้นจะติดอยู่ที่ปาก ไม่ยอมออกมาง่ายๆ
“กูตอบให้ ฝ้ายมันโง่ ส่วนน้องพวกเรามันก็ซื่อบื้อไง!!” นุ่นขยับตัวไปนั่งบนโต๊ะข้างๆ “ไอ้นี่ก็บื้อ ชอบเขาตั้งแต่แข่งด้วยกันปีที่แล้ว ปอดแหกปากหนักไม่ยอมบอก เสือกเก็บไว้ จนจะครบปีอยู่แล้ว ดองได้ที่ยังล่ะ!” เสียงรุ่นพี่ยังคงกระทบกระเทียบเข้าหูเป้อยู่ จนกระทั่ง ‘แมน’โค้ชผู้ฝึกสอนทีมบาสเกตบอลหญิงของมหาลัยเดินเข้ามาในห้อง
“คุยอะไรกันอยู่ เสียงดังไปถึงข้างนอกแน่ะ” โค้ชของพวกเธอสูงล่ำ หน้าตาใจดี ผิวสีแทนเพราะต้องออกแดดเป็นประจำ เดินก้มตัวผ่านประตูเข้ามา
“เปล่าค่ะโค้ช แค่แซวเป้มันนิดหน่อย มันไปฟัดกับหมามา” ปูตอบพร้อมกับชายสายตาไปยังรุ่นน้องที่ยังพันผ้าไม่เสร็จ
“โอ้โห หมาที่ไหนวะเป้ ช้ำทั้งตัวเลย” แมนก็ร้องด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นสภาพลูกทีม
“เปล่าโดนหมาฟัดนะคะ แค่ซ้อมบาสแค่นั้นเอง”
“เหรอ ลูกบาสพันธุ์อะไรล่ะ มีลูกจะได้ไปขอมาเฝ้าบ้านซักตัว” การปล่อยมุขทื่อๆของแมน ทำให้เหล่านักกีฬาพากันหัวเราะอย่างครื้นเครง
“ว่าแต่โค้ชเรียกพวกเรามา มีธุระสำคัญอะไรมากมายหรือเปล่าคะ?” นุ่นเอ่ยถามขึ้นหลังจากหัวเราะกันจนพอแล้ว
“อ๋อ ...คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมไปประชุมมา เรื่องการจัดส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยระดับประเทศ” แมนเว้นพักหายใจครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “ปีนี้มหาลัยเราจะส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันทั้งหมด 7รายการ และใน 7 รายการนั้น มีบาสเกตบอลหญิงด้วย”
“จริงหรอคะโค้ช!! โล่งอก...นึกว่าจะไม่ได้ไปแข่งระดับประเทศซะแล้ว” ดิวถอนหายใจ แต่นุ่นกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเก่า
“แต่ตอนนี้เรามีนักกีฬาไม่ครบทีมนะคะโค้ช!! อย่างน้อยเราก็ต้องหาคนมาเพิ่มโดยด่วนเพื่อจะได้มีเวลาซ้อมด้วยกันให้มากที่สุด” สิ่งที่นุ่นเอ่ยทำให้แมนพยักหน้า
“นี่แหละ...วันนี้ผมถึงเรียกประชุมพวกคุณไง ปีนี้เราจะใช้สนามกีฬาคณะ คัดตัวมหาลัยกัน”
คำตอบจากผู้ฝึกสอน ทำให้นุ่นแสยะยิ้มออกมา “ไม่ต้องบอก หนูก็จะทำอย่างนั้นค่ะ โค้ช”
----------------------------------------------
บรรยากาศตอนเย็นภายในมหาลัยร่มรื่นนัก เมื่อถึงช่วงหยุดพักระหว่างการซ้อม เพื่อนรักทั้งสองก็เลือกที่จะนั่งมองสิ่งที่อยู่รอบตัวเคลื่อนไหว ผ่านมาและผ่านไป ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเพื่อนสนิท อะไรบางอย่างครุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจของฝ้าย ตอนแรกเธอไม่คิดจะเอ่ยถามเพื่อนรัก แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบนั้นก่อน
“แต้ว”
“หือ?”
“แกคิดยังไงกับน้องนัท”
แต้วเบิกตากว้าง หันไปมองคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างกาย “หมายความว่าไง? ฝ้าย”
“ก็หมายความตามนั้น แกคิดยังไงกับน้องนัท ชอบน้องเค้าเหรอ”
“ทำไมอยู่ดีๆมาถามแบบนี้ล่ะ....อย่าบอกนะ ว่าแกก็ชอบน้องนัทน่ะ” แต้วหันกลับไปมองทิศเดิม
“จะบ้าเหรอ! ให้ชั้นชอบเด็กเจ้าเล่ห์ ขี้เก๊กนั่นน่ะนะ ยอมไม่มีแฟนจะดีกว่า” ฝ้ายพูดพลางกลอกตาไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “ชั้นไม่ได้ชอบน้องเค้าหรอก แต่ที่ชั้นถาม เพราะชั้นกลัวใจแก”
“กลัวใจชั้น? กลัวทำไม” แต้วถามพร้อมกับแค่นหัวเราะ เมื่อเจอคำถามนี้ฝ้ายเริ่มอึกอักขึ้นมาบ้างแล้ว
“ว่าไงล่ะ กลัวใจชั้นเรื่องอะไร?” แต้วถามย้ำเพื่อเห็นเพื่อนสาวทำท่าจะพูด แต่ไม่พูด
“ก็.......ก็.....ชั้นหวงแกแทนพี่ไหมนี่นา” ฝ้ายก้มหน้างุดตอบไม่เต็มเสียง และคำตอบนั้นทำให้แต้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นสนาม
“ฮ่าๆๆ นี่ยัยฝ้าย ที่เธอถามชั้นเพราะ...ฮ่าๆๆ..เพราะ...เธอกลัวชั้น..นอกใจพี่ชายแกรึไง ฮ่าๆๆๆ” แต้วขำซะจนพูดแทบไม่เป็นคำ ยิ่งทำให้เพื่อนก้มหน้าชิดหัวเข่ามากขึ้น เพื่อนรักของเธอคนนี้แม้จะดูห้าวและผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ในเรื่องของหัวใจนั้น ยังอ่อนต่อโลกนัก
“จะขำอะไรเล่า มันน่าขำมากหรือไง ที่ชั้นจะหวงเธอแทนพี่ชั้นน่ะ” ฝ้ายเริ่มหันมาโวยใส่เพื่อนสนิท
“เปล่าๆๆ” แต้วโบกไม้โบกมือพัลวัน “ชั้นแค่ขำว่า ทำไมเธอต้องอายหน้าแดงขนาดนั้นด้วย ฮ่าๆๆๆ”
“ก็มันอายนี่นา ที่ชั้นมาพูดเรื่องแบบนี้กับเธอเนี่ยนะ!!”
“โอเคๆ เข้าใจละ แกคิดว่าชั้นกำลังจะเปลี่ยนใจจากพี่ชายของแก มาเป็นน้องนัทขวัญใจชั้นใช่มั้ย?”
ฝ้ายพยักหน้ารับเบาๆ
“งั้นแกก็รู้ไว้เลย ว่าใช่!!”
“เฮ้ย!!” ฝ้ายตกใจหันไปมองหน้าเพื่อน
“ชั้นล้อเล่น!! ......ตกอกตกใจไปได้ ชั้นน่ะรักพี่ไหมคนเดียวย่ะ น้องนัทน่ะ ชั้นแค่เอ็นดู”
“จริงนะ?”
“จริงสิ คาดคั้นอยู่ได้ ดูเหมือนแกจะหวงน้องนัทมากกว่าหวงชั้นนะเนี่ย” แต้วหันไปยักคิ้วให้เพื่อนสาว “ชอบน้องนัทเขาก็บอกมาเหอะ”
“ยัยบ้า!! บอกว่าไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบย่ะ ชั้นแค่อยากรู้ว่าแกไม่ได้นอกใจพี่ชายชั้นแน่รึเปล่า แค่นั้นเอง”
“จ้าๆ เชื่อแล้วจ้า ว่าหวงแทนพี่ชาย แต่ทำไมหน้าแด้ง~แดง ฮ่าๆ” และก่อนที่ทั้งคู่จะพูดอะไรกันต่อ ก็มีเสียงบุคคลที่สามดังขึ้น
“แต้ว ฝ้าย ยู้ฮู!!...” เมื่อสองสาวหันไปตามต้นเสียง ก็พบว่า เพื่อนของพวกเธอกำลังวิ่งผ่านสนามหญ้ามาทางพวกเธอนั่งกันอยู่ ทำให้ทั้งสองต้องเรียกชื่อเพื่อนด้วยความตกใจ “ยัยเปรี้ยว!!!”
มันคงจะเป็นการมาที่ธรรมดากว่านี้ หากเพื่อนของพวกเธอไม่ใช่ “ดาวมหาลัย!!” สาวสวยปานเทพธิดา งามทั้งร่างกายและจิตใจ ด้วยความสวยของเธอ นักศึกษาทั้งมหาลัยพร้อมเทใจให้เธอเป็น ‘ดาว’
และการที่เธอวิ่งผ่านสนามหญ้ามานั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่โดยทันที สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องเทพธิดาที่กำลังวิ่งผ่านหน้าพวกเขาไป สองสาวแทบจะมุดคอเข้าไปอยู่ในเสื้อ เมื่อเทพธิดาคนนั้น มาอยู่ตรงหน้าพวกเธอ สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมานั้น เลยมองมาที่พวกเธอด้วย
“อ้าว เป็นอะไรกันน่ะ คอหดเป็นเต่าเชียว” ผู้มาเยือนยิ้มหวานอวดไรฟันขาว “ไงจ๊ะสาวๆ”
“จะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่ได้มาหาพวกเราพร้อมสายตานับสิบๆคู่” แต้วเป็นคนเอ่ยตอบก่อน ส่วนอีกคนน่ะเหรอ หัวจะมุดลงไปอยู่ในเสื้อได้อยู่แล้ว
“เฮ้ย ฝ้าย เป็นอะไร โผล่หัวขึ้นมาคุยกันเลยนะ” เปรี้ยวทิ้งตัวลงนั่งกับสองสาว ทำให้ทั้งสองคนตาโต
“เฮ้ยๆๆๆ ดาวมหาลัยมานั่งอะไรอย่างนี้วะ เสียภาพพจน์หมด” แต้วร้องห้าม เพราะเห็นเพื่อนสนิทอีกคนกำลังจะนั่งลงกับพื้นหญ้าข้างๆพวกเธอ
“ภาพพจน์อะไร ชั้นไม่สนหรอกย่ะ พวกเธอก็รู้จักชั้นดีนี่” เปรี้ยวเอ่ยพร้อมกับนั่งลงเหยียดขาอย่างสบายอารมณ์ ฝ้ายที่เพิ่งจะเอาคอออกจากเสื้อได้หันมาถามผู้มาใหม่ทันที
“ไม่ซ้อมลีดฯเหรอ ได้ข่าวว่าปีนี้แกยอมเป็นลีดฯนี่นา ผีเข้ารึเปล่า?”
เปรี้ยวได้ฟังแล้วก็หัวเราะ “วันนี้เลิกซ้อมเร็วหน่อยน่ะ พอดีมีธุระ แล้วที่ชั้นเป็นลีดฯเนี่ย เพราะใครบางคนบ่นๆว่าอยากเห็นชั้นเป็นหรอกย่ะ”
“ใครน่ะ!!”เพื่อนสาวสองคนที่เหลือประสานเสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน “ชั้นจำได้ว่าแกไม่มีแฟนไม่ใช่หรอวะ แล้วแกจะทำตามคำบ่นใครล่ะเนี่ย?”
“แล้วใครว่าชั้นทำตามคำบ่นแฟนกันยะ ชั้นแค่เป็นให้น้องเขาเห็นแค่นั้น น้องเขาบ่นว่าถ้าชั้นใส่ชุดเชียร์แล้วจะดูได้ไหม”
“รุ่นน้อง? ใครวะ?”
เปรี้ยวยิ้มหวานก่อนตอบคำถามเพื่อนสนิททั้งสอง “น้องในทีมของพวกเธอที่ชั้นจะมาหาแหละจ๊ะ บ้านชั้นกับน้องเค้าอยู่ใกล้ๆกัน สนิทกันมาได้สักพักแล้วล่ะ ชั้นชอบวานให้เขาช่วยซ่อมช่วยลงโปรแกรมคอมฯให้น่ะ”
ทั้งแต้วและฝ้าย สงสัยหนักยิ่งขึ้น เพราะจากที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี เพื่อนของพวกเธอคนนี้ ไม่เคยทำตามคำสั่งหรือคำขอร้องจากใคร ถ้าหากตัวเองไม่พอใจที่จะทำแล้วล่ะก็ อย่าหวัง! ถึงภายนอก‘เปรี้ยว’จะดูสวย อ่อนหวาน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าจริงๆแล้วเปรี้ยวนั้น เป็นยูโดสายดำ!!! เพราะว่าสวยแสบอย่างนี้ ทำให้เธอไม่ค่อยโดนรังควาญจากผู้ชายที่เข้ามาจีบมากนัก เท่าที่จำได้รายล่าสุดที่เข้ามาก่อกวน เธอสั่งสอนโดยการจับผู้ชายคนนั้นเหวี่ยงลงไปในบ่อน้ำหลังมหาลัย!!
“แล้วรุ่นน้องที่เธอมาหาชื่ออะไรล่ะ พวกเราจะได้นึกหน้าออก”
“ก็ชื่อ.....อ๊ะนั่นไงเดินมาพอดี” เปรี้ยวโบกมือไปทางด้านหลังของสองสาว ทำให้รุ่นพี่ทั้งสองหันหลังกลับไปมองรุ่นน้องที่เพื่อนเอ่ยถึง
“น้องนัท!!!” เสียงเรียกชื่อพร้อมกันด้วยความตกใจของสองสาว ทำให้ผู้ที่เพิ่งเดินมาถึงกดหัวคิ้วลงทันที
“พี่แต้ว พี่ฝ้าย มีอะไรกันเหรอคะ?” เมื่อสายตานัทเหลือบไปเห็นบุคคลที่สามอยู่ด้วย จึงคลายขมวดคิ้วพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างต้อนรับ
“พี่เปรี้ยว มาเร็วจัง ไหนบอกว่าซ้อมลีดฯเสร็จจะมาไง”
“ก็ซ้อมเสร็จแล้วนี่ไง วันนี้บอกน้องๆว่าพี่มีธุระ ขอเลิกเร็วน่ะ” เปรี้ยวพูดพลางขยิบตาให้รุ่นน้องตรงหน้า
“นี่ๆ แล้วมีธุระอะไรของเธอล่ะ ถึงมาหาน้องนัทเนี่ย” แต้วเอ่ยตัดบทสนทนา ก่อนที่ทั้งเธอและฝ้ายจะงุนงงไปมากกว่านี้ “แล้วเธอไปรู้จักน้องนัทตอนไหน สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย” แต้วเริ่มถลึงตาใส่เพื่อนสนิท ทำให้เปรี้ยวต้องถอยกายออกห่างเพื่อนรักทั้งสองก่อนที่จะโดนขย้ำเละคามือ
“ใจเย็นๆสิแต้ว จะให้ชั้นตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ อืม คืองี้” เปรี้ยวหยุดกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะสายตาของเพื่อนทั้งสองที่มองมายังเธอ และหันไปมองรุ่นน้องที่ยืนทำตาปริบๆอยู่ตรงหน้า “บ้านนัทกับบ้านชั้น อยู่ใกล้ๆกัน แล้วแม่เค้ากับแม่ชั้น ก็รู้จักกัน เลยไปบ้านนั้นมาบ้านนี้ได้ตามใจชอบ แล้วนัทเองก็คอยเลี้ยงหมาให้ชั้นเวลาที่บ้านชั้นออกไปไหนกันทั้งบ้านน่ะ เราเลยสนิทกันไง ส่วนวันนี้...ที่บ้านชั้นจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้แม่ ชั้นก็เลยจะชวนเขาไปหาซื้อของขวัญ แล้วกลับพร้อมกัน จริงมั้ยนัท?”
นัทพยักหน้ารับ เปรี้ยวจึงยิ้มออกมาได้ ทำให้ทั้งฝ้ายและแต้วหันมามองหน้ากัน และอดคิดไม่ได้ว่า ‘โลกมันกลมเสียนี่กระไร นั่นก็เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมของพวกเธอ อีกคนก็รุ่นน้องในคณะของพวกเธอเอง’
“เอ่อ ถ้าพวกเธอไม่มีอะไรสงสัยแล้ว เชิญซ้อมกันต่อเถอะนะ ชั้นนั่งรอตรงนี้แหละ”
“อืม งั้นพวกชั้นซ้อมกันอีกแปบนึงละกันนะ เดี๋ยวจะเลิกเร็วขึ้นให้เธอ” ฝ้ายเอ่ยขึ้น ทำให้เปรี้ยวดีใจจนหน้าบานเก็บอาการไม่อยู่ “ไชโย!! ขอบใจนะฝ้าย”
“ไม่เป็นไร เพื่อเพื่อนน่ะ” ฝ้ายหันหลับมายิ้มตอบเพื่อนรัก อะไรบางอย่างในท่าทีของเปรี้ยว ทำให้ฝ้ายรู้สึกว่ายังมีสิ่งที่เพื่อนรักไม่ยอมบอกกับเธอ
ความคิดเห็น