ข้อมูลเบื้องต้น
ร่ม
ณ เมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูฝน ครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งกำลังทานอาหารเช้ากันอย่างเร่งรีบ “ฮานะ เสร็จรึยังลูก” เสียงของ มิกะ ผู้เป็นแม่ตะโกนถามลูกสาวสุดที่รักเพื่อเร่งให้เธอรีบออกจากบ้าน เพราะตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องไปโรงเรียนแล้ว “หนูเสร็จแล้วค่ะแม่” เสียงของลูกสาวตอบกลับมา พร้อมกับตัวเธอที่เดินออกมาจากห้อง
“หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ”
“ไม่ทานอาหารเช้าสักหน่อยหรือลูก” ผู้เป็นพ่อถาม
“ไม่ล่ะค่ะ” ฮานะตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่จะข้าวกล่องสำหรับมื้อเที่ยง เดินทางปลออดภัยนะ แล้วก็พกร่มไปโรงเรียนด้วยสิลูก วันนี้ข่าวออกมาว่าจะมีฝนตกนะ” มิกะผู้เป็นแม่ยื่นข้าวกล่องสีฟ้า พร้อมกับร่มสีชมพูให้ลูกสาว
“เย้ๆๆ ได้ออกจากบ้านสักที หลักจากที่อยู่ในช่องแคบๆมานาน” เสียงดีใจปนความกระตือรือร้นนี้เป็นเสียงความคิดของเจ้าร่มสีชมพูคันเล็ก ที่ถูกมิกะซื้อมาจากศาลเจ้าที่เธอมักไปขอพร
ร่มคันนี้อยู่กับครอบครัวมาได้หนึ่งเดือน แต่เพราะหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ยังไม่ใช่ฤดูฝนเจ้าร่มเลยไม่ได้ถูกใช้งาน นี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้ออกไปข้างนอก เจ้าร่มเลยดีใจเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะฮานะในวันนี้ฉันจะทำหน้าที่ดูแลเธอเอง ฉันจะไม่ยอมให้เธอเปียกเป็นอันขาด” เจ้าร่มคิด
(กริ๊งงงงงงงงงง)
15.00 น.เป็นอย่างที่มิกะพูดจริงๆ เย็นวันนี้หลังเลิกเรียนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก
ฮานะหยิบร่มสีชมพูขึ้นมากางออกเพื่อบังฝน และทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันกับฮานะ
“ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นแฟนกับฮานะอย่างแน่นอน” เสียงเจ้าร่มคิด เพราะเคยได้ยินฮานะคุยกับพ่อและแม่เรื่องที่เธอมีแฟน “แต่ทำไมถึงได้เร่งรีบเข้ามาอยู่ในร่มกับฮานะในเวลานี้ด้วยนะ” เจ้าร่มคิดอีก
“อ้าวรุ่นพี่ ทำวันนี้มาได้ล่ะคะ” ฮานะถาม
“คือ วันนี้พี่มีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ” เขาบอกกับฮานะก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปภายใต้ร่มสีชมพู
“ไหนบอกจะมีเรื่องคุยกันไง แต่ทำไมบรรยากาศถึงได้เงียบขนาดนี้ล่ะ” เจ้าร่มคิด
ทันใดนั้น ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก “เราเลิกกันเถอะ” นี่คือสิ่งที่รุ่นพี่พูดกับฮานะ
“อะไรนะ” ฮานะพูด ซึ่งเป็นคำเดียวกันกับที่เจ้าร่มคิด แต่หลังจากที่พูด ทั้งฮานะและเจ้าร่มยังไม่ได้ฟังเหตุผลจากปากรุ่นพี่คนนั้น เขาก็วิ่งออกไปซะก่อน ทิ้งให้ฮานะยืนอยู่คนเดียว ไม่นานน้ำตาก็เริ่มไหลออกาจากดวงตาทั้งสองข้างของฮานะ
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ เธอจะมาร้องไห้แบบนี้ไม่ได้” เจ้าร่มคิด แต่ความคิดนั้นก็ไปไม่ถึงฮานะอยู่ดี เจ้าร่มพยายามส่งเสียงความคิดออกมา แต่ฮานะก็ไม่รับรู้ และมือของเธอก็ค่อยๆปล่อยร่มสีชมพูลง ทำให้เธอยืนตากฝนจนตัวเปียกไปหมด
“หยิบฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะฮานะ เธอจะเปียกแบบนี้ไม่ได้”
ฮานะที่กำลังเสียใจ ก็เอาแต่ร้องไห้และยืนตากฝนอยู่อย่างนั้น “ฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าพ่อและแม่ของเธอรู้ พวกเขาต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ ฉันอยากจะมีชีวิตแล้วปลอบใจเธอ พาเธอกลับบ้านจริงๆ” เจ้าร่มคิด ทันใดนั้นก็มีลมพัดมาอย่างแรง ทำให้เจ้าร่มปลิวไปอย่างเร็ว “ช่วยด้วย ฮานะช่วยฉันด้วย อย่าทิ้งฉันนะ” เจ้าร่มพยายามส่งเสียง ทันใดนั้นฮานะที่เห็นร่มกำลังจะปลิวไปไกล จึงตัดสินใจวิ่งตามร่มสีชมพูนั่นไป แต่เธอยิ่งวิ่งตามร่มนั้นไปเท่าไหร่ ลมก็พัดร่มนั้นแรงขึ้นไปอีก เธอวิ่งตามร่มนั้นไปเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร จนกระทั่ง
“นี่มัน” ฮานะพูดขึ้น
“กลับมาแล้วหรอลูก” เสียงของมิกะผู้เป็นแม่เอ่ยถาม เมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักกลับมาถึงบ้าน เธอรีบเดินออกมาหาลูกสาวพร้อมสวมกอดเธอราวกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งสองคนยืนกอดกันอยู่สักพัก มิกะจึงได้ปล่อยมืออกจากตัวลูกสาวพร้อมบอกให้เธอรีบเข้าบ้านไปเพราะกลัวว่าจะไม่สบาย จากนั้นมิกะจึงได้หยิบเจ้าร่มสีชมพูคันเล็กขึ้นมา แต่พบว่าสภาพของร่มไม่น่าใช้แล้ว จึงหุบร่มนั้นลง พร้อมกับกล่าวกับร่มสีชมพูคันเล็กว่า “ขอบคุณ” และรอยยิ้มของมิกะก็เผยออกมา พร้อมกับท้องฟ้าอันสดใสหลังฝนตก
ความคิดเห็น