ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #33 : ใจสลาย

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 65


    ร่างบางของเย่วซินนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสาร ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องให้ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนที่ร่างสูงเข้ามาพูดจาทำร้ายเขาเสร็จก็จากไป ทิ้งบาดแผลเอาไว้ในใจแผลใหญ่เหวอะหวะจนไม่มีทางรักษาให้หายใด้ และตอนนี้มันกำลังกลัดหนองอย่างหนัก ทุกคนในคุกหลวงต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ทุกอย่าง จึงสงสารร่างบางเป็นอย่างยิ่ง เพราะร่างบางตรงหน้าเปราะบางเหลือเกิน พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

    "หยุดร้องเถิดเจ้าค่ะ สงสารคุณชายน้อยที่อยู่ในครรภ์ของท่าน เขาจะโศกเศร้าตามท่านไปด้วย"

    หญิงสาวคนเดิมเข้ามาพูดปลอบใจ เพราะทนมองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

    "เจ้าคิดว่าเขาเป็นคุณชายหรือ"

    "ข้าคิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่แน่ว่าข้าอาจจะคิดผิด"

    "ไม่ว่าชายหรือหญิง เขาก็เป็นลูกข้า"

    "เจ้าค่ะเพราะฉะนั้น ท่านก็กินอะไรบ้างเถิด คุณชายน้อยจะได้แข็งแรง"

    "ขอบใจเจ้ามากที่เตือนสติข้า ข้าเกือบจะทำร้ายเขาทางอ้อมแล้วจริงๆ "ร่างเล็กของนักโทษหญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะยื่นของกินให้ คนตรงหน้ารับไปกินเงียบๆ ผ่านมาครู่หนึ่งร่างบางเลยเอ่ยถาม

    "เจ้าต้องโทษอะไรถึงต้องมาอยู่ที่นี่"

    "เดิมทีข้าเป็นนางกำนัลเล็กๆ อยู่ที่ห้องโอสถ แต่ที่ต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะข้าแอบขโมยยาหายากบางส่วน"

    "ขโมยยาหรือ เจ้าทำเช่นนี้ทำไมกัน"

    "วันนั้นข้าลากลับบ้านเพราะท่านแม่ป่วย มันแค่อารมณ์ชั่ววูบข้าเลยขโมยยาตัวหนึ่งที่มีราคาค่อนข้างแพง ข้าเป็นแค่ผู้ช่วยในห้องโอสถเท่านั้น จึงไม่มีปัญญาซื้อยาดีๆ ข้าเลยทำเช่นนี้"

    "เจ้าถูกทำโทษมานานหรือยัง และจะพ้นโทษตอนไหน"

    "ก็สองปีมาแล้ว แต่ใกล้จะพ้นโทษแล้วเจ้าค่ะ"

    "เจ้าใกล้จะได้รับอิสระ แต่ข้า... แม้แต่ชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะรักษามันได้นานแค่ไหน"

    "ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องเศร้าๆ แล้วเจ้าค่ะ"

    คนทั้งคู่นั่งคุยกันจนสว่าง ร่างบางรู้ว่าวันนี้คือวันตัดสินโทษของตน แต่คนที่เขาส่งไปหาหลักฐานยังไม่ติดต่อกลับมา

    พอเขาติดต่อกลับไป ก็ไม่สามารถติดต่อกับสองคนนั้นได้ ทำให้ร่างบางร้อนอกร้อนใจไม่น้อย เป็นห่วงทั้งสองคนนั้นและก็เป็นห่วงตนเองมาก

    "ลูกแน่ใจแล้วหรือเฟยหลง ว่าจะทำร้ายหัวใจตัวเองได้ แม่รู้ว่าเจ้ารักเย่วซินมาก ไม่คิดจะอภัยให้เขาสักครั้งหรอกหรือ"

    "หากเป็นเรื่องอื่นลูก จะไม่ลังเลที่จะอภัยให้เขาเลยแม้แต่น้อย แต่หากเป็นเรื่องนี้ลูกรับไม่ได้ และไม่คิดที่จะอภัยให้เขา อีกอย่างผู้คนทั่วทั้งอาณาจักรจะว่าอย่างไร จะมองลูกในแง่ไหนหากลูกปล่อยเขาไป เสด็จแม่ก็รู้ ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่สามารถละเว้นได้ ลูกยอมอยู่อย่างไม่มีหัวใจ ดีกว่าอยู่อย่างอัปยศ"

    "ก็แล้วแต่เจ้า หากเจ้าตัดสินใจแล้ว การตัดพันธะก็คงต้องเกิดขึ้น ทุกอย่างจะได้จบสิ้น ลูกรู้ใช่หรือไม่ ว่าการตัดพันธะคือการตัดขาด"

    "ลูกรู้ และพร้อมตัดพันธะกับเขาแล้ว"

    "ถ้าเช่นนั้น ให้คนไปนำตัวเขามายังห้องพิธีเถิดเฟยหลง"

    "พ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

    หลังจากนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้อง ก็มายังห้องพิธีอย่างพร้อมหน้ากัน โดยที่ร่างบางของเย่วซิน ถูกคุมตัวมายังที่แห่งนี้ซึ่งเป็นห้องพิธี โดยที่ร่างบางไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เฟยหลงไม่แม้แต่จะมองหน้า เขายอมรับว่ารักคนตรงหน้ามาก

    แต่ก็โกรธแค้นไม่น้อยเลย อภัยหรือ เขาใจไม่กว้างพอที่จะอภัยให้อีกคน เมื่อทุกอย่างพร้อมพิธีตัดพันธะก็เริ่มขึ้น ในขณะนี้พิธีก็เริ่มขึ้นโดยการกรีดเลือดเหมือนครั้งที่ผูกพันธะ หากแต่ครั้งนี้ คือการตัดขาดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิง ร่างบางรับมีดจากมือของผู้อาวุโส ที่เป็นคนทำพิธีมาถือเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความหวัง

    "ข้าขอถามท่านอีกครั้ง ท่านหมดรัก หมดความเมตตาข้าแล้วจริงๆ หรือ ท่านพี่... ท่านไม่ต้องการข้าอีกแล้ว ฮึก ใช่หรือไม่"

    เอ่ยถามสวามีอย่างเว้าวอน เฟยหลงเหลือบตามองใบหน้างาม เห็นใบหน้าหวานเศร้าหมอง ดวงตาหวานมันเต็มไปด้วยความทุกข์ตรม แววตาคมไหววูบแต่ก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น และกลับมาแข็งกระด้างเหมือนเดิม

    "ใช่ แม้แต่อากาศหายใจ ข้ายังไม่อยากใช้ร่วมกับเจ้า"

    คำตอบเหมือนมีดกรีดหัวใจเขาเหลือเกิน ร่างบางก้มหน้าเม้มปากแน่น กลั้นเสียงสะอื้น

    เมื่อได้รับคำตอบจากคนใจดำเช่นนั้น ร่างบางไม่ถามอะไรอีก กลัวคำตอบที่มักจะทำร้ายตนเองให้เจ็บซ้ำๆ มือบางตัดสินใจ จรดปลายมีดแหลมคมลงไปบนข้อมือ แทนที่จะเป็นฝ่ามืออย่างเช่นครั้งที่ผ่านมา ก่อนจะกรีดมันลงไปอย่างรวดเร็ว

    กรี๊ด!!

    เสียงกรีดร้องของอดีตองค์ราชินีมารดาของเฟยหลงดังขึ้น ก่อนจะรีบเข้าไปหาร่างบาง เลือดสีแดงฉานไหลรินจากบาดแผลทะลักออกมา จนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมด ทุกคนต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก มันเร็วมากจนห้ามไม่ทัน เฟยหลงยืนตะลึงอยู่อย่างนั้นก่อนจะได้สติ เพราะมารดาร้องเรียก

    "เฟยหลงเข้ามาช่วยหน่อย เส้นเลือดใหญ่ขาดแบบนี้ ปล่อยไว้นานไม่ได้"

    ร่างสูงรีบเข้ามาหาร่างบางหากแต่กลับถูกผลักออก ด้วยมือบางที่เลือดกำลังไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงรีบรวบเอาไว้ก่อนจะกดบาดแผลไว้แน่น ในขณะที่ร่างบางดิ้นรน ไม่ยอมรับการช่วยเหลือ

    "ปล่อยข้า!!

    "หยุดดิ้น เจ้าอยากตายมากนักรึ!"

    "มันเรื่องของข้า ในเมื่อโทษข้าอย่างไรก็ไม่พ้นความตาย จะช้าหรือเร็วมันก็ไม่สำคัญหรอก"

    "สำคัญสิ เจ้าคิดจะตายเพื่อหนีโทษอย่างนั้นรึ ตายแบบนี้มันสบายเกินไป คนอย่างเจ้ามันต้องตายอย่างทรมาน"

    "ท่านเกลียดข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ"

    "ใช่ ข้าเกลียดเจ้านัก เพราะฉะนั้นเจ้าก็อย่ารีบตายไปเสียก่อนล่ะ ข้าอยากเห็นเจ้าทรมานมากกว่านี้! "

    "แค่นี้ข้ายังทรมานไม่พออีกหรือ ฮึก..ฮือ..."

    ร่างบางหมดคำจะพูดเพราะเจ็บในอกจนพูดไม่ออก ก้อนเนื้อในอกมันเจ็บจนไม่อยากเต้นอีกต่อไป เฟยหลงมองร่างบางด้วยแววตาสั่นไหวก่อนที่จะใช้เวทรักษา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของร่างบางจนหายสนิท หลังจากนั้นพิธีการทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป แต่เพียงไม่นานก็สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในที่นี้

    "พันธะไม่สามารถตัดให้ขาดลงได้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างพ่ะย่ะค่ะ"

    ผู้อาวุโสที่ทำพิธีกล่าวขึ้นด้วยไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ที่พันธะไม่สามารถตัดให้ขาดลงได้

    "แล้วมันคืออะไร" เฟยหลงเอ่ยถามออกไป สายตาจ้องมองร่างบางที่นั่งนิ่งแต่สีหน้าซูบซีด เหมือนคนใกล้สิ้นลมเข้าไปทุกที ห่วงมากอยากเข้าไปโอบกอด ปลอบโยนเหมือนทุกครั้ง แต่ข้อแม้เดียวที่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ คือใจที่ไม่อาจให้อภัยคนผู้นี้ได้ เย่วซินมองใบหน้าคมอย่างชิงชัง เขารู้ว่าสาเหตุที่พันธะไม่สามารถตัดขาดได้มันเป็นเพราะอะไร จึงได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ทั้งรักทั้งเกลียดคนตรงหน้านัก

    "แล้วจะทำอย่างไรต่อ" ร่างสูงเอ่ยถาม

    "ทำพิธีเช่นเดิมพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ กระหม่อมว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"

    "เอาเช่นนั้นก็ได้"

    ในที่สุดก็จบพิธีโดยไม่สมบูรณ์แต่ก็ไม่มีผลอะไร ต่อการตัดสินโทษคนตรงหน้า ร่างบางอ่อนเพลียจนเกินจะรับไหว เพราะเสียเลือดไปมากจึงหมดสติลงทันที ร่างสูงเห็นดังนั้นปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะความพลั้งเผลอ แต่ก็ชะงักค้างไว้แค่นั้น เขาเป็นห่วงคนตรงหน้าจนลืมตัว

    "พาเขากลับไป หากฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ข้าจะตัดสินโทษเขา"

    "พ่ะย่ะค่ะ"

    "ลูกจะทำเช่นนั้นจริงหรือเฟยหลง"

    ผู้เป็นมารดาถามย้ำขึ้นมาอีกครั้งนางคงจะทนดูไม่ได้ หากต่อไปบุตรชายต้องอยู่อย่างคนที่ไร้หัวใจ

    "ลูกคงถอยไม่ได้แล้ว ประชาชนรอการตัดสินโทษของเขาทั้งอาณาจักร หากไม่มีหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ ลูกเกรงว่าเขาจะหนีไม่พ้นโทษประหาร"

    "แม่ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคนอย่างเย่วเอ๋อร์จะนอกใจลูกได้"

    "อะไรก็ย่อมเป็นไปได้ ลูกเชื่อตาตัวเอง ถึงจะรักมากเพียงใด หากถึงเวลาตัด ลูกก็จะไม่ลังเลอย่างแน่นอน"

    "ถ้าหากเย่วเอ๋อร์สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ล่ะเฟยหลง"

    "ในใจลูกก็อยากให้เป็นเช่นนี้"

    "แม่ได้ยินมาว่า หากเย่วเอ๋อร์บริสุทธิ์ เขาขอตัดขาดกับลูก"

    "ลูกคงจะเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะอย่างไรลูกก็ไม่มีวันปล่อยเขา"สายตาคมทอดมองไปด้านหน้าอย่างเลื่อนลอยในขณะที่พูด

    ในที่สุดเวลาตัดสินโทษก็มาถึง ร่างบางถูกพามายังลานกว้างอีกด้าน ของอาณาจักรแห่งนี้ ร่างกายอิดโรยซูบผอม เนื้อตัวเริ่มจะมอมแมม เพราะตั้งแต่ถูกจองจำไม่เคยได้แตะต้องน้ำเลย ขาเรียวย่างก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยมีเสียงก่นด่าจากชาวบ้านมาตลอดทาง

    "ชั่วช้าสมควรตาย แพศยาทำให้วังมังกรเสื่อมเสีย!"

    "เป็นถึงแม่ของแผ่นดิน เจ้ากล้าคบชู้ได้อย่างไร"

    "ประหาร!! ประหาร!! ประหาร!! "

    คำสรรเสริญเยินยอ ที่เมื่อก่อนเขาเคยได้รับมาตลอด แต่มาบัดนี้ มีเพียงเสียงก่นด่าสาปแช่งดังระงมไปทั่วบริเวณ ร่างบางทำได้เพียงนั่งก้มหน้า น้ำตาไหลอย่างอดสู สงสารก็แต่ลูกน้อยในครรภ์ เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่สมควรมารับเคราะห์ไปกับเขาด้วยเลย

    เขาไม่ผิดลูกเขาก็ไม่ผิด เขาจะไม่ยอมรับโทษทัณฑ์ในครั้งนี้ แค้นใจสวามียิ่งนัก ที่หยิบยื่นความอัปยศมาให้เขา ไม่แม้จะฟังคำแก้ตัวของเขาเลยด้วยซ้ำ คนที่พร่ำบอกรักเขาทุกคืนวัน กำลังจะฆ่าเขากับลูกนั้นหรือ คนที่รักกันทำกับเขาอย่างเลือดเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร หลิงซานก็ร้อนใจไม่แพ้กัน ออกไปดักรอหนิงเฟิ่งที่หน้าประตูวัง เขาเองก็ร้อนใจไม่น้อย จนป่านนี้แล้วหนิงเฟิ่งและเหยียนจื่อยังไม่กลับมาเลย

    "แม่อยากบอกพ่อของเจ้าเหลือเกิน... ว่าตอนนี้มีเจ้าอาศัยอยู่ในท้องแม่ แต่ก็กลัวว่าพ่อเจ้าจะไม่ชื่อว่าเจ้าเป็นลูก แม่กลัวว่าเขาจะทำร้ายเจ้า"

    เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว แต่ร่างบางไม่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองได้ คนที่เขาส่งไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ ร่างบางจึงทำได้เพียงอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ตนหลุดพ้นข้อกล่าวหานี้ ตนไม่อยากตายไปพร้อมกับคำสาปแช่ง ไม่อยากมีมลทินติดตัว ถ้าต้องตายจริงๆ ก็ขอให้ตนและเด็กน้อยในครรภ์จากไปอย่างขาวสะอาด

    สายตาหวานเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มองถ้วยใบเล็กที่บรรจุน้ำสีใส หากแต่พิษสงของมันร้ายแรงนัก ยาพิษในถ้วยใบนี้เป็นสิ่งที่ ร่างสูงของสวามีมอบให้เขา นี่ก็ถือว่าปรานีเขามากแล้วที่ใช้ยาพิษ แทนที่จะตัดหัวประจาน

    เย่วซินนั่งนิ่งไม่ยอมแตะต้องมันแต่อย่างใด เขาไม่ผิด เขาจะไม่ยอมรับโทษทัณฑ์ครั้งนี้อย่างเด็ดขาด เฟยหลงค่อยๆ ก้าวมาหาเย่วซินช้าๆ

    "เจ้าจะถ่วงเวลาไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยาพิษเป็นวิธีที่ทรมานน้อยที่สุดแล้ว เย่วเอ๋อร์ข้าทำเพื่อเจ้าได้แค่นี้จริงๆ "

    "นี่ท่านทำเพื่อข้าแล้ว... จริงๆ หรือ ฮึก คนใจร้ายท่านกล่าวหาข้าเช่นนี้ นี่หรือคนที่เคยบอกว่ารักข้า เชื่อใจข้า แม้แต่ชีวิตก็ให้ข้าได้ คนผู้นั้นที่ข้ารักหายไปไหนแล้ว เหลือก็แต่ใครก็ไม่รู้ที่ข้าไม่เคยรู้จัก ท่านมันเลว ท่านหยิบยื่นความอัปยศให้ข้า หากเกิดอะไรขึ้นกับข้าหรือใครอีกคน จำเอาไว้ว่าท่านเป็นคนหยิบยื่นความตายมาให้"

    ร่างบางแหงนหน้าขึ้นไปมองคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าครั้งนี้เขาจะรอดพ้นหรือไม่ ก็ไม่ขอผูกพันข้องเกี่ยวกับคนตรงหน้าอีกแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังรักคนตรงหน้าไม่ลดน้อยลงไปเลย รักมาก เกลียดมาก แค้นมาก จนไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร เฟยหลงกำมือตนแน่น เพราะความโกรธทำให้เขาไม่เฉลียวใจในคำพูด ที่ร่างบางพยายามจะสื่อออกมาแม้แต่น้อย

    "ดี ในเมื่อข้ามันเลว ข้าก็จะเลวจนเจ้าคิดไม่ถึงเชียวล่ะ ดื่มมันซะดื่มมันเข้าไป"

    "ท่านพี่ ข้าไม่ผิด ข้าไม่ดื่ม"

    "เจ้าผิด ดื่มมันซะ! "

    "ไม่ดื่ม ไม่เด็ดขาด! "

    "ข้าบอกให้เจ้าดื่มมันเข้าไป! "

    "ไม่ ๆ ๆ อย่า... อย่าทำข้า อื้อ... "

    ร่างสูงใช้มือจับไปยังต้นคอร่างบางเอาไว้แน่น มืออีกข้างยกถ้วยยาใบเล็ก ขึ้นมากรอกเข้าปากบางอย่างเดือดดาล เย่วซินสะบัดหน้าหนี มือบางยกขึ้นมาปัดป่ายทุบตีอีกฝ่ายด้วยแรงที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พยายามสะบัดหน้าหนี แต่เพราะถูกมือหนาจับไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ยารสชาติแสบร้อนไหลเข้ามาในปาก ก่อนจะถูกพ่นใส่หน้าคนใจร้าย ที่บัดนี้โกรธจนขาดสติ ร่างบางใช้แรงทั้งหมดผลักร่างสูงออก ขาเรียวก้าวถอยหลัง ก่อนจะวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตเขาและลูกน้อย

    "หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ ทหารจับตัวไว้!! " เฟยหลงตะคอกออกไปพร้อมกับหันไปสั่งทหาร ให้จับตัวนักโทษประหารเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถจับได้ เพราะร่างบางใช้ไฟเวทต่อสู้กับพวกเขา ถึงร่างบางจะอ่อนแรงแต่ก็แข็งใจใช้พลังที่มีในกาย ฟาดฟันทุกคนที่เข้ามาขวางทาง พลังของเย่วซินเพิ่มขึ้นมามาก หลังจากที่มีสัตว์เทพประจำกาย

    "หนิงเฟิ่ง เจ้าอยู่ที่ใหน ช่วยข้าด้วย! "

    ร่างบางร้องเรียกหนิงเฟิ่งอย่างอับจน เพราะตอนนี้แรงของตนเริ่มจะถอยลงทุกที หากก็ยังสามารถป้องกันตัวเองได้ เฟยหลงยืนมองอยู่นาน ก่อนตัดสินใจจบเรื่องราวให้เร็วที่สุด เพราะประชาชนเริ่มจะสนใจและเรียกร้องให้เขาลงมือเอง

    ร่างบางของเย่วซิน ซัดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณไฟ ใส่ร่างสูงของเฟยหลง แต่ก็พลาดเพราะอีกฝ่ายเบี่ยงกายหลบทัน ก่อนจะพุ่งเข้ามารวบร่างบางเอาไว้แน่น

    "จะฆ่าข้าให้ได้ใช่หรือไม่ เกลียดข้าถึงขนาดไม่อยากให้ข้าหายใจขนาดนี้เลยหรือ ฮึก ปล่อยข้านะ ข้าเกลียดท่าน!! "ร่างบางดิ้นรนออกจากอ้อมกอด หากแต่ก็ยากนักเพราะร่างสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก ก่อนจะซุกหน้าลงที่ซอกคอร่างบาง สูดกลิ่นกายหอมอย่างโหยหา พร้อมกับเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา

    "ขอข้ากอดเจ้าแบบนี้เถิดนะเย่วเอ๋อร์ เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย"ร่างสูงฝืนพูดออกไปทั้งที่ใจแทบสลาย เพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะจับต้องร่างบางในขณะที่ยังมีลมหายใจได้

    "เราไม่สามารถ กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วหรือ"

    ร่างบางยังคงถามร่างสูงอย่างอ้อนวอน แต่ก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากหนา เลยได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้ร่างสูงกอดตนอย่างนั้น เพราะเขาก็โหยหาอ้อมกอดนี้ไม่แพ้กัน ความรู้สึกเปียกชื้นที่ซอกคอ บ่งบอกว่า คนที่กำลังกอดตนอยู่นั้นกำลังร้องไห้ เช่นเดียวกับตนที่ตอนนี้สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของสวามี ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าง กำลังถูกถ่ายทอดให้กันและกัน ภาพความสุขในวันวานหลั่งไหลเข้ามาในสมอง จนเต็มล้น พร้อมกับหัวใจที่เจ็บปวดแสนสาหัสด้วยกันทั้งคู่ หนึ่งคนได้แต่ตัดพ้อต่อสวามี และโชคชะตา ที่จงใจซัดสาดเรื่องเลวร้ายเข้ามาใส่ตน แต่อีกหนึ่งคน กลับตัดพ้อร่างงามที่หักหลังเขาอย่างเลือดเย็น ความผิดในครั้งนี้ยากนักที่เขาจะทำใจอภัยให้ได้ แม้ต้องอยู่อย่างทรมาน และเจ็บจนด้านชาก็ยอม

    "ฮึก ฮือ... ท่านพี่ ท่านสัญญาอะไรกับข้าไว้ ท่านลืมมันไปหมดแล้วจริงๆ หรือ"

    ร่างบางเอ่ยถามร่างสูงด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดไม่แพ้กันเลย

    "แล้วเจ้าล่ะ เคยสัญญาว่าจะซื่อสัตย์กับข้าผู้เดียว จำมันไม่ได้แล้วหรือ"

    "ข้าขอเวลาท่านอีกสักหน่อย ให้เวลาข้าอีกนิด"

    "ไม่มีประโยชน์หรอก... เย่วเอ๋อร์ข้าขอโทษ... ข้ารักเจ้า"

    พูดพลางกดจูบลงตรงบริเวณซอกคอหอมกรุ่น สูดดมเอากลิ่นกายหอมที่เขาโหยหามาตลอด เข้าปอดให้มากที่สุด ก่อนจะตัดใจ

    "ฮึก ฮือ... ท่านพี่ ปล่อยข้าไปเถิด ข้ากำลังตั้งครรภ์ลูกของ ทะ-ท่าน อึก"

    ร่างบางตัดสินใจบอกร่างสูงออกไป เพราะคิดว่าหากคนตรงหน้ารู้ว่าเขากำลังอุ้มท้องสายเลือดของตน คนตรงหน้าคงไม่ใจร้ายฆ่าลูกตัวได้ลง แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค ก็ต้องชะงักลงทันที ร่างกายชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเริ่มหายใจติดขัด ร่างกายปวดร้าวไปหมดทั้งตัว ความรู้สึกในตอนนี้ มันเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ทรมานเสียจนอยากหยุดหายใจเสียตอนนี้ กายบางทรุดลงในอ้อมแขนสวามี ที่กอดรัดตนแนบอกอย่างยากจะฝืน

    เฟยหลงตัวชาวาบ ความรู้สึกในตอนนี้มันหนาวเย็นจับขั้วหัวใจราวกับถูกแช่แข็ง กอดคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่น กายหนาสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลลงมาอีกครั้ง ไม่จริง สิ่งที่เขาได้ยินจากปากคนในอ้อมกอด มันไม่ใช่ความจริง ไม่มันต้องไม่ใช่

    เหตุการณ์ก่อนหน้า

    จมูกโด่งได้รูปกำลังสูดดมกลิ่นกายหอมที่ต้นคอระหง ปากหนาที่กำลังจูบซับย้ำไปมาตรงบริเวนต้นคอ แต่มาบัดนี้ มันได้เผยเขี้ยวอันแหลมคมที่ปิดซ่อนเอาไว้ออกมา ก่อนจะฝังลงไปบนต้นคอของคนในอ้อมแขน พิษร้ายแรงถูกปล่อยเข้าสู่เส้นเลือดของคนในอ้อมกอดทันที พิษร้ายค่อยๆ แทรกซึมลงไปปะปนกับกระแสเลือดและกระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว

    หากแต่ร่างสูงก็ต้องชะงักและถอนคมเขี้ยวออกโดยเร็ว เมื่อหูได้ยินสิ่งที่ร่างบางเปล่งออกมา ถึงจะเป็นประโยคที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เพราะคนพูดเอาแต่สะอื้นก็ตาม แต่เขากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน และตอนนี้มันก็เข้าไปฝังอยู่ในหัวเขา ให้ได้ยินซ้ำไปซ้ำมา เวียนวนไม่รู้จักจบสิ้น ความรู้สึกมึนงง ราวถูกใครเอาหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่หัว

    เฟยหลงกอดเย่วซินเอาไว้แน่น พร้อมกายหนาสั่นระริก ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาจากร่างสูง ที่กำลังสวมกอดร่างบางเอาไว้แนบอก พิษที่เขาปล่อยเข้าไปในกายงาม มันร้ายเกินกว่าที่คนในอ้อมกอด จะรอดพ้นความตายในครั้งนี้ไปได้ คราวนี้เขาคงได้ตกนรกทั้งเป็นแล้วจริงๆ

    "ทะ-ท่าน ทำกับข้า ชะ-เช่นนี้ได้อย่างไร ฮึก ฮือ... ข้า ปะ-ปวด อึก ปวดเหลือเกิน"

    เย่วซินเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก น้ำตาไหลนองหน้า ไม่คิดว่าร่างสูงจะใจร้ายกับตนขนาดนี้ พาให้แค้นคนตรงหน้าแทบกระอักเลือด

    "ทำไม ทำไมเพิ่งมาบอกข้าตอนนี้ ทำไม!"

    "ก็เพราะเขามีพ่อเช่นท่านอย่างไรเล่า สู้ให้เขาตายไปกับข้า ยังจะดีเสียกว่ามีพ่อเช่นท่าน"

    "เย่วเอ๋อร์ หากเจ้าตายกลายเป็นศพ ข้าก็จะโยนเจ้าไปให้แร้งกามันรุมทึ้ง โทษฐานที่เจ้ากล้าปิดบังข้า! "

    "ก็เอาสิ ข้าตายไปแล้วจะทำกับข้าเช่นไรก็ช่าง ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็ขอเกลียดกันจนสิ้นลม! "

    "หยุดก่อน... เฟยหลงหยุดการลงโทษเย่วซินลงก่อน! "

    เสียงร้อนรนของมารดาที่ดังมาแต่ไกล พร้อมก้าวมาหาตนอย่างรีบร้อน สายตาหวานจ้องมองบุตรชาย ที่กำลังโอบกอดสะใภ้ใหญ่เอาไว้แนบอกเช่นนี้ ทำให้นางถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ที่ตนเองมาทัน ไม่เช่นนั้น บุตรชายของนาง คงได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่เป็นแน่

    "เฟยหลง แม่รู้แล้วว่าทำไมพันธะของเจ้าสองคน จึงไม่สามารถตัดขาดกันได้ เป็นเพราะเย่วซินกำลังตั้งครรภ์ เจ้ากำลังจะมีลูกนะเฟยหลง เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องมงคล เพราะฉะนั้นแม่คิดว่าเจ้าควรละเว้นและยกโทษให้เย่วซินเถิด"

    มารดาพูดออกไปอย่างยินดีที่ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น เพราะเด็กที่กำบังจะเกิดมา คือสายเลือดมังกรโดยแท้ และในขณะเดียวกัน หนิงเฟิ่งกับเหยียนจื่อก็กลับมา พร้อมองค์ชายน้อยเซียวหลาน ทุกคนมายืนอยู่ต่อหน้าคนทั้งคู่ หลิงซานและอี้เฟยก็รีบเข้ามา หลังจากที่เห็นหนิงเฟิ่งกลับมาพร้อมคนสำคัญ ที่จะสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ ของพี่ชายได้

    "ข้ามีหลักฐานมายืนยัน ว่านายข้าบริสุทธิ์"

    หนิงเฟิ่งบอกเฟยหลงและทุกคนออกไป ทำให้คนที่ยังคงรัก และเชื่อในตัวเย่วซินได้ยิน ก็พากันยินดียิ่งนัก ต่างก็หวังว่าหลักฐานที่ว่านั้น จะสามารถล้างมลทินให้กับร่างบางได้ ส่วนคนที่เอาแต่ด่าว่าเรียกร้อง ให้ลงโทษร่างบางต่างพากับปิดปากเงียบกริบ ไม่กล้าหือกล้าอือแต่อย่างไร

    "มันสายไปแล้ว" ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวด สายตาคมจ้องมองมาที่มารดา มันบ่งบอกว่าใจเขากำลังสลาย

    "มะ-มันหมายความว่าเช่นไร เฟยหลง ละ-ลูกทำอะไรเขา! "

    มารดาเอ่ยถามบุตรชาย ทุกๆ คนที่อยู่ตรงนี้ต่างพากันจับจ้องมองมาอย่างสงสัยในคำพูด ทันใดนั้นร่างบางที่อ่อนแรงอยู่ในอ้อมกอดคนตรงหน้า ก็กระอักเลือดสีดำออกมา จนคนที่เห็นต่างพากันตกใจจนหน้าซีด เลือดไหลทะลักพร้อมร่างบางที่ดิ้นไปมาอย่างเจ็บปวดทรมาน กับพิษร้ายที่ได้รับ

    "อึก อ๊าก!! " เย่วซินร้องออกมาสุดเสียง ก่อนจะดิ้นทุรนทุรายในอ้อมแขนเขา

    "ลูก ทำอะไรลงไปเฟยหลง! "

    "เย่วเอ๋อร์ โดนพิษของข้า"

    มารดาเอ่ยถามออกไป แต่คำตอบที่ได้จากบุตรชาย ยิ่งทำให้ตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    "ไม่ ไม่จริง เจ้าไม่ได้ทำเช่นนี้ใช่หรือไม่ ฮึก ฮือ... ไม่จริง! "มารดาร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ที่บุตรชายตน ลงมือช่วงชิงลมหายใจลูกและเมียด้วยมือตนเอง ก่อนจะยืนไม่อยู่ และเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

    "ปะ-ปวด ละ-เหลือเกิน... ท่านแม่ ชะ-ช่วยข้าด้วย อ๊าก!! "ร่างบางดิ้นเร่าๆ ก่อนจะบิดตัวไปมาในอ้อมกอดของเฟยหลง ปากบางร้องเรียกมารดาอย่างทรมาน กับพิษร้ายที่สวามีจงใจปล่อยเข้ามาในร่างกายตน เพื่อพรากลมหายใจของเขาและเด็กน้อยในครรภ์ ใบหน้างามขาวซีดไร้สีเลือด เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาทั่วทั้งใบหน้า และร่างกาย

    พิษมังกรทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามันร้ายแรงขนาดไหน แค่เพียงครึ่งหยด ก็สามารถพรากชีวิตคนธรรมดาได้เพียงชั่วพริบตา ถึงแม้คนที่มีพลังเวท และปราณเก่งกล้าก็ไม่สามารถหนีพ้น หากได้รับพิษชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย เพราะรู้ถึงพิษสงมันเป็นอย่างดี จึงทำให้ตกตะลึงกันทั่ว เมื่อรู้ว่าร่างบางตรงหน้า กำลังเผชิญกับอะไร การที่ร่างบางได้รับพิษของร่างสูงเข้าไป คงจะจบแล้วสำหรับชีวิตของราชินี และสายเลือดมังกร ที่ต้องสูญสิ้นตั้งแต่ไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมา เสียงร่ำไห้ดังแว่วไปทั่วทั้งบริเวณ

    หนิงเฟิ่งปรี่เข้าไปแย่งร่างบางของนายตน ที่ตอนนี้กำลังดิ้นรนต่อสู้กับความเจ็บปวดทรมาน ออกมาจากผู้เป็นสวามีทันที หลังจากได้ยินสิ่งที่ร่างสูงพูดกับมารดา เขาอยากฆ่าคนใจดำอำมหิตผู้นี้ให้ดับดิ้นเสียตอนนี้นัก หากแต่เฟยหลงไม่ยอมปล่อยร่างบางของเย่วซินออกจากอก มือหนายังคงสวมกอดร่างบางไว้แน่น ดวงตาคมเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆ

    ดวงตาแข็งกร้าวของหนิงเฟิ่ง จ้องมองเฟยหลงอย่างกราดเกรี้ยว จนร่างสูงยอมปล่อยร่างบางให้หนิงเฟิ่งไป เฟยหลงไม่ได้กลัว หากแต่ละอายใจเกินกว่าจะรั้งร่างบางเอาไว้ หลิงซานปรี่เข้าไปหาพี่ชาย พลางร้องไห้แทบขาดใจ มือบางของเย่วซินยกขึ้นมาลูบใบหน้างามของน้องชาย แม้ว่าจะเจ็บเจียนตายหากก็ยังฝืนเอาไว้ กลัวว่าหากไม่พูดเสียตอนนี้ ตนจะหมดโอกาส

    "หลิงเอ๋อร์... ต่อไปนี้ข้าคงไม่ได้อยู่ดูแลเจ้าอีกแล้ว อึก รักษาตัวเองและหลานข้าให้ดีด้วย"

    คำพูดที่เปล่งออกมาอย่างยากลำบากเพื่อต้องการสั่งเสียน้องชาย เขารู้ตัวว่าคงรักษาชีวิตตนเอง และลูกน้อยเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว

    "ทะ-ท่านพี่ท่านพูดอะไร ฮึก ฮือ... ท่านจะทิ้งข้าไปไหน ข้าไม่ยอม"

    "ข้าไม่ได้ไปไหน... ยังคงอยู่กับเจ้าตลอดไป ดูแลตัวเองและลูกให้ดี เจ้า รับปากข้าสิหลิงเอ๋อร์"

    "ท่านพี่ ลูกข้าไม่เป็นไร แต่ ฮึก ลูกท่านล่ะ หลานข้าล่ะท่านพี่ ฮึก ฮือ... "

    "เขาบุญน้อยนัก คงไม่มีโอกาสได้เรียกเจ้าว่า ท่านอาเสียแล้ว... "

    ร่างบางเอ่ยในขณะที่ความรู้สึกทั้งหลาย กำลังจะหมดลงในอ้อมแขนของหนิงเฟิ่ง ทุกคนในที่นี้ต่างก็เศร้าเสียใจไม่น้อย โดยเฉพาะเฟยหลง ที่เป็นคนลงมือฆ่าเมียและเลือดเนื้อของตัวเองกับมือ ถึงจะดูนิ่งเฉยเหมือนคนไม่มีหัวใจ แต่ใครจะรู้ว่าข้างในใจเขาเจ็บปวดเพียงใด

    "ข้ามาช้า มันเป็นความผิดของข้าเอง"

    หนิงเฟิ่งก้มหน้าพูดกับร่างบางด้วยดวงตาแดงก่ำ องค์ชายน้อยเซียวหลานถลาเข้ามาหาเย่วซินทันที เขาอุตส่าห์พยายามช่วยเอาไว้ ให้รอดพ้นจากน้ำมือพี่ชายมาได้ จนตัวเขาเองต้องรับความโหดร้าย ที่พี่ชายหยิบยื่นมาให้ด้วยความโกรธแทน แต่คนที่เขาพยายามช่วยเอาไว้ กลับต้องมาจบชีวิตลงแบบนี้ แล้วสิ่งที่เขาทำลงไปมันคงจะสูญเปล่า ไม่!! เขาไม่ยอม อย่างน้อยก็ต้องล้างมลทินให้กับคนตรงหน้าเสียก่อน เขาคงช่วยได้เท่านี้จริงๆ แต่ก่อนที่ร่างเล็กจะทันได้เอ่ยอะไรออกไป

    ก็เกิดเสียงดังโวยวายมาจากด้านนอก พร้อมกับการปรากฏตัวของบุรุษอีกคน ที่กำลังบุกรุกเข้ามา ร่างบางขององค์ชายน้อยเซียวหลานถอยทันทีที่เห็น ส่วนเฟยหลงก็ถลาเข้าไป ก่อนจะซัดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณสีทองใส่คนตรงหน้าทันที อี้เทียนหลงก็ใช้ปราณของตนยับยั้งเอาไว้ ไอสีดำกำลังต่อสู้กับปราณสีทองอย่างดุดัน ไม่มีใครยอมใคร

    "เจ้ามาทำอะไรที่นี่ไอ้มารชั่ว ไอ้คนสารเลว! "

    "ข้ามารับตัวชายาข้ากลับวัง! "อี้เทียนหลงตอบออกไปอย่างไม่ถือสา

    "ไม่มีทาง แม้แต่ศพข้าก็ไม่ยอมยกให้เจ้า เย่วเอ๋อร์ต้องอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะเหลือแต่ร่างที่ไร้ลมหายใจ ข้าก็จะฝังเขาไว้ใต้ผืนแผ่นดินนี้!! "

    ร่างสูงของอี้เทียนหลงไม่เข้าใจว่าเฟยหลงพูดอะไร หากแต่สายตาก็มองหาร่างบางของเซียวหลาน

    "เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ข้าจะมารับเซียวเออร์ ไม่ใช่เย่วซิน"

    "เจ้าหมายความว่าเช่นไร"เฟยหลงไม่เข้าใจกับคำตอบของอีกฝ่าย

    "ก็เซียวเอ๋อร์เป็นชายาข้า ข้ามารับเขากลับอาณาจักรของข้า"

    "นี่มันอะไรกัน เชียวหลานเป็นน้องชายเจ้าไม่ใช่หรือ"

    "เขาไม่ใช่น้องแท้ๆ ของข้าหรอก และตอนนี้เขาก็เป็นชายาข้า"

    "แล้วเย่วเอ๋อร์ล่ะ เจ้ากับเขาไม่ใช่ว่าจะ"

    "อะไรกัน เย่วซินเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ก็เขาหนีกลับมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่รึ"

    "แล้วคืนนั้นที่ข้าเห็น ตะ-แต่ข้าเห็นกับตา ว่าเจ้ากับเขากำลัง... "

    "คนที่ท่านเห็นในคืนนั้น เป็นข้าเอง คนที่ถูกข่มเหงเป็นข้าเอง ฮึก ราชินีของท่านบริสุทธิ์ คืนนั้นข้าเป็นคนช่วยเขา จนตัวเองต้องถูกคนใจร้ายข่มเหง ฮึก ฮือ... แต่ท่านมันใจร้ายยิ่งกว่าเขา ท่านทำร้ายคนที่รักท่านหมดใจได้เช่นไร"

    องค์ชายน้อยเอ่ยออกมาเพื่อคลายข้อข้องใจของเฟยหลง เล่นเอาร่างสูงแทบล้มทั้งยืน เมื่อรับรู้ความจริงอีกข้อ เย่วซินบริสุทธิ์ ร่างบางไม่เคยหักหลังเขา ไม่เคยโกหกเขา นี่เขาทำอะไรลงไป เขาทำเรื่องบ้าอะไรลงไป

    "นี่ข้าทำอะไรลงไป ข้าทำร้ายเจ้าได้เช่นไร ไม่ ไม่จริง อ๊าก!! "

    คราวนี้ร่างสูงถึงกับเสียการควบคุมไปทันที หลังจากที่รับรู้ความจริงจากปากองค์ชายน้อย เฟยหลงเดินเข้าไปหาร่างบางอย่างหมดแรง และคุกเข่าลงตรงหน้า

    "นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น!! "

    ร่างสูงของอี้เทียนหลงตวาดถามออกไป หลังจากที่เห็นร่างบางของเย่วซิน นอนสติเลือนรางอยู่ในอ้อมกอดของหนิงเฟิ่ง ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้คร่าวๆ เลยพุ่งตัวไปคว้าคอเสื้อของเฟยหลงเอาไว้แน่น ละสาดคำพูดที่ทำให้ร่างสูงถึงกับหมดแรงจะหายใจต่อไป

    "ไอ้โง่!! "

    อี้เทียนหลงทนไม่ได้เลยซัดหมัดหนักๆ ใส่ใบหน้าคมเสียเต็มรัก เล่นเอาคนที่ถูกกระทำสะบัดหน้าไล่ความมึนงง แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรปล่อยให้อีกคน สาดวาจาเจ็บๆ แสบๆ ใส่ไม่ยั้ง

    "เจ้ามันโง่ที่ไม่เคยเชื่อใจราชินีของตนเลย ข้าคิดที่จะครอบครองเขาก็จริง แต่เจ้าคิดหรือว่าคนที่รักเจ้ายิ่งกว่าชีวิตตนเองอย่างเย่วซิน จะยอมข้าง่ายๆ เขาบอกข้าว่า ต่อให้ต้องตายก็จะไม่ยอมมอบกายให้ข้า จนข้าต้องเอาน้องชายมาขู่จึงยอมนิ่งเฉย"

    "ใช่ เขาบอกกับข้า ว่าหากต้องตกเป็นของท่านพี่จริงๆ หลังจากท่านหลิงซานปลอดภัย

    เขาจะไม่ขออยู่ต่อไปเพราะรู้สึกผิดต่อท่าน แต่สิ่งที่เขาได้รับจากท่าน คือความตายเช่นนี้หรือ ฮึก ฮือ... ท่านมันใจร้ายนัก!! "

    "แล้วใครกันเล่าที่เป็นคนก่อเรื่องขึ้น ข้ากับเย่วเอ๋อร์อยู่ด้วยกันดีๆ แล้วไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องแย่ๆ ทั้งหมด ไอ้คนชั่วช้า! "

    "ข้ายอมรับว่าข้าผิด ที่เป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งหมด แต่ข้าคิดว่าความรักที่พวกเจ้ามีให้กัน มันจะหนักแน่นพอ แต่ใครจะไปรู้เล่า ว่าเจ้ามันโง่เง่าได้ขนาดนี้"

    คำพูดเหล่านั้นทิ่มแทงกรีดลึกลงมาในอกเขา จนยากที่จะทำใจยอมรับความผิดพลาดของตนเอง พลาด เขาพลาดเองทุกอย่าง โยนความผิดให้อีกฝ่าย ทั้งที่ร่างบางบอกอยู่ตลอดว่าไม่ได้ทำ และไม่คิดที่จะทำ เป็นเขาเองที่เอาแต่หึงหวงไม่เชื่อใจ และที่ร้ายไปกว่านั้น เขากลับผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับคนตรงหน้าเขาลงมือช่วงชิงลมหายใจของเมียรัก และเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างไม่น่าให้อภัย สิ่งเหล่านั้นที่เขาทำกำลังจะคืนสนองเขาแล้ว เพราะร่างสูงเริ่มจะรู้รสชาติของคำว่าตายทั้งเป็นก็ตอนนี้

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×