ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #32 : ทวงสัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 65


    เสียงเอะอะข้าวของแตกกระจายเพราะคนขาดสติอย่างเฟยหลง ที่ตั้งหน้าตั้งตากวาดทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มันขวางหูขวางตาทิ้ง เพื่อระบายอารมณ์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพที่เห็นมันยังคงติดอยู่ในหัว ลบเท่าไรก็ลบไม่ออก ทำให้อารมณ์โกรธแค้นชิงชังต่อร่างบาง ที่เขาไม่คิดว่าชาตินี้เขาจะสามารถเกลียดร่างบางได้ แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่าเกลียดเสียอีก เพราะการถูกคนที่รักและไว้ใจหักหลัง มันช่างทรมานเกินจะรับได้ มือหนายกจอกเหล้าที่เขาสั่งนางกำนัลยกเข้ามาตั้งแต่ที่มาถึง ดื่มเข้าไปมากจนเริ่มจะขาดสติ หวังแค่ให้ลืมเหตุการณ์และภาพความอัปยศของใครคนนั้น แต่ยิ่งดื่มมันกลับยิ่งหมุนเวียนเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน

    "โธ่เว้ย!! " มือหนากำจอกเหล้าในมือไว้แน่นอย่างสะกดอารมณ์ก่อนที่จะปาลงพื้น

    เพล้ง!!

    เสียงกระเบื้องเคลือบราคาแพงแตกกระจายทันทีที่ตกลงไปกระแทกพื้น ร่างสูงระงับโทสะของตนเองไม่ได้

    มือหนายกเหล้าเข้าปาก น้ำสีใสไหลลงลำคอไปมากมายเท่าไรก็ไม่อาจคาดเดา แต่ตอนนี้ร่างสูงขาดสติไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

    หลิงซานถูกช่วยออกมาอย่างปลอดภัย ร่างบางเอาแต่ถามหาผู้เป็นพี่ชาย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจึงอาละวาดจนสวามีเอาไม่อยู่

    "ฮึก ฮือ... ท่านพี่ของข้าอยู่ไหน” ตวาดถามสวามีอย่างลืมตัว

    "เจ้าหยุดร้องเถิดเสี่ยวไป๋ เดี๋ยวเจ้าจะเจ็บป่วยเอาได้"

    "ไม่! ข้าถามว่าท่านพี่ของข้าอยู่ที่ไหน ฮึก ฮือ... ท่านพี่ ท่านอยู่ที่ไหน ฮือ... "

    "คือพี่สะใภ้ เอ่อ... "

    ร่างสูงของอี้เฟยอึกอัก ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเมียรักอย่างไรดี ในเมื่อพี่ชายตนกลับมาเพียงลำพัง พร้อมกับอารมณ์ไม่คงที่ พอถามอะไรเกี่ยวกับพี่สะใภ้ ก็ได้รับสายตาที่จ้องมองเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาโกรธแค้นเหมือนเขาถามอะไรผิดไป สายตาแทบจะเผาเขาทั้งเป็น พอหันไปหาหนิงเฟิ่งก็เห็นอีกฝ่ายเพียงแค่ส่ายหน้าไปมา แล้วเขาจะเอาคำตอบจากที่ไหนมาให้เมียรักกัน

    ทางด้านเย่วซินที่กลิ้งตกลงมานอนสลบอยู่ข้างเนินดิน รอบบริเวรเป็นป่ารกชัน ร่างบางฟื้นขึ้นมาอย่างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมา เรื่องราว ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันค่อยๆ ไหลเข้ามาในสมองของเขาอย่างช้าๆ จนรู้สึกว่า ตอนนี้ในหัวของเขามันเหมือนมีเข็มนับพันเล่ม คอยทิ่มแทงลงมานับครั้งไม่ถ้วน มันเจ็บร้าวไปหมดจนไม่อาจไปต่อได้ ร่างบางยกมือกุมขมับตนอย่างทรมาน เนื้อตัวก็เขียวช้ำปวดระบมไปหมด มาจากการที่ตนรีบหนีจนไม่สนใจร่างกายที่เหนื่อยล้า จนพลาดพลั้งพลัดตกลงไปทำให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวเช่นนี้

    เย่วซินขยับตัวลุกขึ้น เขาจะต้องรีบเดินทางให้ถึงวังมังกรโดยเร็ว แต่ก็ต้องทรุดนั่งลงมาอีกครั้ง เพราะรู้สึกปวดหน่วงๆ ช่วงท้องจนต้องนิ่วหน้า หากก็ไม่ได้รุนแรงจนเกินไป จึงรีบพยุงกายที่มีแต่รอยบอบช้ำ ไปต่ออย่างทุลักทุเล กว่าจะไปถึงที่หมายก็มืดค่ำ ร่างบางทั้งเหนื่อยทั้งหิวโหยเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้สนใจตนเองแต่อย่างใด รีบมุ่งหน้าตรงไปหาสวามีทันที

    "ทะ-ท่านพี่"

    ภาพแรกที่เฟยหลงเห็น คือคนที่ตนรักมายืนอยู่ต่อหน้าตน สภาพของร่างบางย่ำแย่เอามากๆ แต่แววตาที่มองมาทางเขา มันมีแต่ความคิดถึงและโหยหา พร้อมรอยยิ้มดีใจที่ส่งมาให้เขา แต่สติของเขาที่มีเพียงน้อยนิดหาได้แยกแยะอะไรไม่ เพียงแค่เห็นหน้าของเย่วซิน ภาพต่างๆ ก็ค่อยๆ ไหลเข้ามาในหัวเขา จนยากที่จะระงับอารมณ์โกรธ

    ที่มันกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอกตั้งแต่ที่มาถึง จนถึงตอนนี้มันก็ไม่อาจดับลงได้ ยิ่งได้เห็นร่างบางมายืนอยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งโกรธแค้นจนอกแทบจะระเบิด

    "เจ้ากลับมาทำไม!! ข้าอุตส่าห์ปล่อยเจ้าไปแล้ว ยังกลับมาอีกทำไมหะ!! "

    เฟยหลงเดินโซเซมาหาเย่วซิน พร้อมทั้งจับไหล่คนตัวเล็กเอ่ไว้แน่น ก่อนจะเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอนด้วยอารมณ์โกรธ

    "ท่านพี่ ไยท่านพูดกับข้าเช่นนี้"

    รอยยิ้มดีใจหายไปทันที ที่ได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจออกมาจากปากคนรัก เลยถามออกไปอย่างไม่เข้าใจอารมณ์คนตรงหน้า เห็นหน้าเขาแทนที่จะดีใจ ใยมากล่าววาจาทำร้ายจิตใจกันเช่นนี้

    "ทำไมข้าจะพูดไม่ได้ แพศยา เจ้ามันสกปรก" ร่างสูงตะคอกคนตรงหน้า

    "ทะ-ท่านพี่ ท่านเมาแล้ว"

    ร่างบางผลักคนตรงหน้าออกไปให้พ้นตัว เพราะท่าทางคุกคามอย่างไร้สติของร่างสูง ตอนนี้ภายในใจของเย่วซิน มันทั้งน้อยใจและโกรธคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย เขาอุตส่าห์รีบหนีกลับมาเพราะกลัวว่าสวามีจะเป็นห่วง ทั้งๆ ที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ฝืนทนกับความเจ็บปวดและอ่อนแรงรีบกลับมา

    ถึงจะเสียใจน้อยใจขนาดไหน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจ ว่าตอนนี้อีกคนกำลังเมามายไร้สติ

    "ในเมื่อเจ้ายังกล้ากลับมา เจ้าก็เตรียมตัวรับโทษซะ! "ร่างบางสงสัยในคำพูดสวามี ว่าเขาไปทำอะไรผิดตอนไหน

    "รับโทษ ข้าทำอะไรผิดถึงขนาดต้องรับโทษกัน"

    "คบชู้ ความผิดข้อนี้มันร้ายแรงนัก สำหรับตำแหน่งราชินี แม่ของแผ่นดิน แค่นี้ชีวิตเจ้าก็ไม่เหลือให้ทำชั่วได้อีกแล้วเย่วเอ๋อร์"

    "ท่านพูดอะไร ข้าไปคบชู้ตอนไหน! " เย่วซินทั้งมึนงงทั้งน้อยใจผสมปนเปกันไปหมด

    "ยังจะปากเข็งอีก ข้าเห็นมากับตาว่าเจ้าทอดกายให้ไอ้ชั่วเทียนหลง ฮึก เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ข้ารักเจ้าไม่มากพอหรือไรเย่วเอ๋อร์ เจ้าจึงต้องหักหลังข้าเช่นนี้"

    "ไม่นะท่านพี่ "ข้าไม่ได้ทำ!! "

    ร่างบางตรงเข้าไปกอดสวามีเอาไว้แน่น จนถูกอีกฝ่ายสะบัดหลุดก่อนจะผลักจนล้มลง

    "อย่าได้เอาร่างกายสกปรกโสมมของเจ้า มาแปดเปื้อนข้าอีกเป็นอันขาด ข้าขยะแขยงตัวเจ้านัก!! "

    "ท่านพี่ฟังข้าก่อน ข้าไม่"

    ร่างบางพยายามอธิบายทั้งๆ ที่ตอนนี้แม้แต่แรงจะลุกก็ไม่มี การที่ถูกร่างสูงใช้แรงผลักจนล้มลงไปแบบนี้ มันทำให้ร่างบางเจ็บจนลุกไม่ขึ้น

    "ทหาร! พาตัวเขาไปขังที่คุกหลวง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาผู้นี้หลุดพ้นจากสถานะราชินีของอาณาจักรมังกรแล้ว เอาไปขังรอข้าตัดสินโทษอีกเจ็ดวันข้างหน้า"

    "ท่านพี่ข้าไม่ผิดข้าไม่ยอมฮึก ฮือ... ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร"

    ร่างบางสะบัดตัว ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องกายตนเด็ดขาด ดวงตาสวยมองหน้าสวามีอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่พยายามเก็บเอาไว้มันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เฟยหลงเห็นภาพนั้นก็หันหน้าหนีด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะไหลออกมาประจานความอ่อนแอ ก็ได้ไหลออกมาตามร่องแก้ม ตกลงมาบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า ก่อนจะตัดใจเอ่ยวาจาร้ายกาจกับคนตรงหน้า

    "แพศยาอย่างเจ้า แม้ตายไปกี่ครั้งก็ไม่สาสมกับความชั่วช้า ที่กล้าหักหลังแม้กระทั่งคนที่รักเจ้าหมดใจเช่นข้า เจ้ามันเลวเกินกว่าที่ข้าจะให้อภัยได้"

    "ไม่ ข้าไม่ได้ทำ ฮึก ฮือ... "

    "เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไร คาหนังคาเขาขนาดนั้น จะยังปฏิเสธอีกรึ! "

    ร่างสูงจ้องมองร่างบางด้วยสายตาแดงก่ำ มือหนาบีบคางเล็กจนเจ็บร้าวไปทั้งหน้า ก่อนจะผลักออกอย่างขยะแขยง

    "เอาตัวออกไปซะ!! "

    "ชะ-เชิญ ขอรับ"

    ทหารแม้จะไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งของจ้าวชีวิต เพราะไม่อยากต้องโทษ เลยเชิญร่างบางออกไปอย่างให้เกียรติ ถึงแม้ร่างบางตรงหน้าจะถูกปลดจากตำแหน่งอันสูงส่งแล้วก็ตาม เย่วซินพยายามลุกขึ้นยืน แม้กายจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใด แต่ก็ไม่ได้เท่าเศษเสี้ยวของใจ ที่ตอนนี้มันแหลกสลายเพราะน้ำมือคนตรงหน้า ขาเรียวย่างก้าวออกจากตำหนักที่เคยอาศัย และหลับนอนกับคนที่เคยเอ่ยคำสัญญา ว่าจะรักและเชื่อใจเขา แต่วันนี้เย่วซินได้ประจักรอย่างถ่องแท้ ว่าเฟยหลงคงลืมคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับเขาไปหมดแล้ว เหล่านางกำนัลต่างตกอกตกใจกันจนทำอะไรไม่ถูก เม่ยเม่ย นางกำนัลคนสนิทรีบไปรายงานองค์ราชินีน้อยทันที เพื่อหาทางช่วยเหลือเย่วซิน

    หลังจากร่างบางออกไปแล้ว เฟยหลงก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นไม่ขยับไปไหน มือหนากำเข้าหากันแน่นก่อนจะซัดโครมๆ กับต้นเสาซ้ำแผลเก่าจนเลือดไหลเป็นทาง

    ดวงตาแดงก่ำ บ่งบอกความเจ็บช้ำอย่างมากมาย ออกมาจากตาคมคู่นั้น เขาเห็นมากับตายังจะมาโกหกเขาอีก หากบอกความจริงเขาอาจจะไม่เจ็บแค้นถึงเพียงนี้

    "กลับมาทำไม เจ้ากลับมาทำไม่เย่วเอ๋อร์ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้าเลือกที่จะกลับมาเอง เจ้าจะโทษข้าไม่ได้"

    ดวงตาคมมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ที่เขาไม่พาตัวเย่วซินกลับมา เพราะรู้ถึงโทษที่ร่างบางต้องได้รับ จึงตัดใจปล่อยไป แต่ในเมื่อปล่อยไปแล้วไม่ยอมไป และยังจะกลับมาอีก จะให้เขาปิดหูปิดตาทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน ในเมื่อภาพที่เขาเห็นมันคอยหลอกหลอน เยาะเย้ยเขาให้เจ็บอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้

    ร่างบางของเย่วซินนั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่งในห้องขัง ตอนนี้ร่างบางใส่ชุดนักโทษเหมือนคนอื่นๆ ในที่นี้ นักโทษทุกคนต่างก็จ้องมอง แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร มีเพียงหญิงสาวนางหนึ่งที่กล้าเอ่ยถาม

    "ท่านคือ... เอ่อ... คือองค์ราชินีใช่หรือไม่"

    ร่างบางหันไปมองทั้งน้ำตาก่อนจะเอ่ยตอบคำถามนาง

    "เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้ข้าเป็นเพียงนักโทษคนหนึ่งเท่านั้น"

    "แล้วทำไม ท่านถึงต้องมาอยู่ในนี้"

    "หึ หึ ความผิดที่ตัวข้าเองไม่ได้ก่อ โทษทัณฑ์ที่ถูกยัดเยียดจากสวามีผู้เป็นที่รัก ว่าข้าคบชู้ฮึก ฮือ... ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้ทำ ไม่เคยคิดจะทำ"

    ร่างบางพูดพลางหัวเราะสมเพชตนเอง ก่อนจะร้องไห้อย่างหนัก ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกเขามันแหลกละเอียด หัวใจมีแต่บาดแผลจากคนที่รักและหวังจะฝากชีวิตเอาไว้ ทุกอย่างมันพังทลาย ใจเขาแตกสลายจนไม่มีชิ้นดีด้วยฝีมือคนผู้นั้น ที่ผ่านมามือคู่นั้นเคยโอบอุ้มปกป้องเขา ทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่มาบัดนี้ก็เป็นมือคู่นั้นอีก ที่กระชากเขาลงไปในนรก ผลักดันเขาให้จมดิ่งลงไปในความมืดมิด และโยนความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ ให้ต้องทนแบกรับเอาไว้โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย ร่างบางนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลริน จมดิ่งไปกับความเสียใจผิดหวัง จนไม่ได้ยินเสียงเรียกจากคนที่มายืนอยู่ตรงหน้า

    "ท่านพี่... ฮึก ฮือ... เพราะข้าแท้ๆ ท่านถึงได้เป็นเช่นนี้"

    ร่างบางแหงนหน้าขึ้นไปมอง ก็เจอเข้ากับหลิงซานที่มาพร้อมเหยียนจื่อและหนิงเฟิ่ง พอประตูห้องขังเปิดออก หลิงซานและเหยียนจื่อก็ถลาเข้ามาหาร่างบางทันที ต่างก็ร้องไห้ระงม เสียงสะอื้นดังไปทั่วห้องขัง นักโทษทุกคนต่างก็คุกเข่าลงกับพื้น เพื่อทำความเคารพองค์ราชินีน้อย ที่บัดนี้นั่งกอดคนเป็นพี่ร้องไห้จนตัวสั่นเทาราวจะขาดใจ

    "เจ้าไม่ผิด อย่าโทษตัวเองเลยหลิงเอ๋อร์ ระวังหลานข้าจะตกใจที่แม่เขาร้องไห้งอแงกว่าเขาเสียอีก"

    "ถ้าท่านไม่ไปช่วยข้า ก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น"

    "เจ้าสำคัญกับข้าเกินกว่าที่ข้าจะนิ่งดูดายได้ หลิงเอ๋อร์จำเอาไว้เจ้าไม่ผิด มันเป็นชะตากรรมของข้าเอง"

    "วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น"

    หนิงเฟิ่งที่ยืนนิ่งอยู่นานเอ่ยถามร่างบางขึ้นมา เย่วซินเลยเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เขาฟังจนจบ

    "ใช่อย่างที่ข้าคิดจริงๆ ด้วย ว่าคนที่ข้ากับฝ่าบาทเห็นมันไม่ใช่ท่าน แต่ตอนนี้ฝ่าบาทคงชื่อตาตนเองมากกว่า"

    "พวกเจ้าเห็นอะไรกัน"เย่วซินถาม หนิงเฟิ่งเลยเล่าทุกอย่างให้ฟัง

    "ไม่มันไม่ใช่ข้านะ ไม่ใช่ข้า! "

    "ข้าเชื่อท่าน ข้าจะไปหาหลักฐานมาล้างมลทินของท่านให้ได้"

    "ขอบใจเจ้ามากหนิงเฟิ่ง เจ้าระวังตัวด้วยข้าฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่เจ้าแล้ว"

    หนิงเฟิ่งพยักหน้ารับ และตระเตรียมแผนการเดินทางไปยังอาณาจักรมารในวันพรุ่งนี้ คนทั้งสามอยู่ได้ไม่นานนัก

    เพราะแอบเข้ามาเลยจำเป็นต้องรีบกลับ ทั้งๆ ที่หลิงซานห่วงพี่ชายมากแต่ก็ต้องรีบไป

    หลังจากที่ให้ทหารเชิญตัวเย่วซินออกไป เฟยหลงก็เอาแต่กินเหล้าดับทุกข์ แต่ยิ่งกินก็ยิ่งทรมาน เขาไม่สามารถลบภาพของร่างบางออกไปได้แม้แต่น้อย บาดแผลที่บนมือหนาก็ไม่สนใจจะรักษา ปล่อยให้เลือดไหลซิบจนแห้งไปเอง และสุดท้ายก็หลับไปด้วยฤทธิ์เหล้า

    รุ่งขึ้นของเช้าวันใหม่ ข่าวของเย่วซินก็แพร่สะพัดไปทั่วอาณาจักร เพราะปากต่อปากแค่ไม่กี่ชั่วยาม เย่วซินก็กลายเป็นคนชั่วช้า คบชู้สู่ชายไม่ให้เกียรติสวามีที่เป็นถึงราชาแห่งอาณาจักรมังกร ต่างก็เรียกร้องให้รับโทษหนัก เพราะทำให้วังมังกรเสื่อมเสีย จนเดือดร้อนไปถึงอดีตองค์ราชาและราชินี คนทั้งคู่รีบรุดหน้ามายังตำหนักของบุตรชายคนโตทันที

    "เฟยหลง เรื่องราวมันเป็นเช่นไร"

    "เสด็จพ่อ เสด็จแม่"

    "แม่ได้ยินว่าเจ้าสั่งปลดตำแหน่งเย่วซิน และสั่งขังเขาไว้ในคุกหลวงจริงหรือไม่"

    "จริงพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่"

    "มันเกิดอะไรขึ้น พอจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือไม่ เฟยหลง"

    และเรื่องราวทุกอย่าง ก็ถูกถ่ายทอดออกมาให้บิดามารดารับฟังจนหมดสิ้น มารดาของเขาชะงักนิ่งพูดอะไรไม่ออก

    "มันจ้องเย่วเอ๋อร์อยู่นาน ครั้งที่แล้วพยายามลักพาตัวไป แต่ลูกก็ตามไปช่วยไว้ได้ ลูกไม่น่าไว้ชีวิตมันเลย ครั้งนี้มันเลยก่อเหตุขึ้นมาอีก แต่ครั้งนี้สมใจมัน เพราะคนของเราเต็มใจทอดกายให้มัน ลูกแค้นใจนักเสด็จแม่ ลูกถูกคนที่รักหักหลัง"

    ร่างสูงพูดอย่างเจ็บปวด มารดายกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรชายอย่างให้กำลังใจ เพราะตอนนี้ร่างสูงของบุตรชายเสียใจมากและเจ็บปวดไม่แพ้กัน นางดูออกว่าบุตรชายยังรักและห่วงใยเย่วซินอยู่มาก ถึงจะโกรธเกลียดเพียงใด แต่สายใยสัมพันธ์นั้น ใช่จะตัดให้ขาดจากกันได้ง่ายดาย

    "ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด เจ้าแน่ใจหรือ ว่าคนที่เจ้าเห็นคือเย่วซิน"

    "ถ้าไม่ใช่เขา แล้วไอ้ชั่วนั่นจะครางเรียกชื่อเขาทำไม"

    "เอาล่ะเรื่องนี้พ่อกับแม่ไม่ขอยุ่ง ให้เจ้าตัดสินใจเอาเอง แต่ทำอะไรคิดให้รอบคอบก่อนนะเฟยหลง อย่าเอาแต่อารมณ์ตนเองเป็นที่ตั้ง เกิดผิดพลาดไป มาเสียใจทีหลังมันก็อาจจะสายเกินไป เจ้าก็รู้ว่าโทษทัณฑ์ของราชินีที่คบชู้มีสถานเดียวเท่านั้น เจ้าแน่ใจแล้วหรือเฟยหลงว่าเจ้าจะรับมันได้"

    ร่างสูงไม่ตอบผู้เป็นบิดามารดา หลังจากที่ท่านทั้งสองกลับไปแล้ว เขาก็มานั่งคิดทบทวนสิ่งที่ท่านทั้งสองพูด ความผิดของร่างบางก็เห็นกันอยู่ หากปล่อยไป ก็คงไม่พ้นที่ไอ้คนชั่วช้าจะมารับกลับไปอาณาจักรมัน และหันมาเย้ยหยันเขา แต่หากเขาจะมอบโทษทัณฑ์ให้ เขาจะทำใจได้หรือ... เขายังไม่กล้าคิดถึงตอนนั้นเลย

    หนิงเฟิ่งและเหยียนจื่อพากันมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรมาร เพื่อจะหาหลักฐานมาช่วยนายของตน แต่ก็ไม่สามารถหาช่องทางเข้าไปได้เลย จึงรอโอกาสที่จะแฝงตัวเข้าไป

    เวลาผ่านไปสามวันแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเหยียนจื่อกับหนิงเฟิ่งจะกลับมา ร่างบางเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ ข้าวปลาอาหารหลิงซานแอบนำเข้ามา แต่กว่าคนคุมจะยอมให้เข้ามา เขาทั้งปลอบทั้งขู่และติดสินบนไปบ้างถึงจะยอมให้เข้ามา แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก ร่างบางไม่ยอมแตะอาหาร จนร่างกายเริ่มซูบผอมลงไปมาก ตาก็ไม่สามารถข่มให้มันหลับลงได้ ภาพวันวานที่เคยมีความสุขร่วมกัน มันผ่านเข้ามาตอกย้ำให้ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น คงเป็นชะตากรรมของเขาเอง จะเรียกร้องอะไรกับร่างสูงได้ ขนาดคำสัญญาเขายังลืมเลือนมันเสียสิ้น เขาทั้งคู่คงจะหมดวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้ และคงไม่อาจฝืนชะตาได้ ความรักที่เขามีต่อร่างสูง มันไม่มากพอที่จะให้อีกฝายเชื่อใจเขาได้เลยหรือ

    ถึงได้ทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นเช่นนี้ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่ร่างสูงมี มันไม่มากพอที่จะไว้ใจ และปล่อยวางเรื่องราวทั้งหมดลง มันมีไม่มากพอ หรือมันไม่เคยมีเลย

    เวลาผ่านมาห้าวันแล้ว แต่ยังไร้วี่แววของหนิงเฟิ่งและเหยียนจื่อ ทั้งคู่แค่เพียงส่งกระแสจิตให้ร่างบางใดรับรู้ว่า พวกเขากำลังเร่งหาทางเข้าไป เพราะเวลาแค่เจ็ดวันมันกระชั้นชิดจนเกินไป เขาต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกจับได้ ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ร่างบางไม่ยอมแตะอาหารเลยสักนิด จนวันนี้เกิดหน้ามืดเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาหลิงซาน ทำเอาคนตัวเล็กตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เดือดร้อนผู้คุมต้องตามหมอมาอีก

    หมอมาถึงก็รีบตรวจอาการคนตรงหน้า ซึ่งเป็นอดีตราชินี แต่เขาก็ยังคงเคารพเหมือนที่ผ่านมา เพราะคิดว่าร่างบางไม่น่าจะทำอย่างที่คนพูดเสียๆ หายๆ ตรวจได้สักพักใบหน้าหมอคนนั้นก็แสดงอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงเป็นข่าวดียิ่งนัก เพราะชีพจรมงคลเช่นนี้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากคนตรงหน้ากำลัง...

    "ตั้งครรภ์ ท่านกำลังตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว"

    ได้ยินหมอหลวงบอกเช่นนี้ ไม่รู้จะให้เขาดีใจหรือเสียใจดี ที่ตอนนี้มีมังกรตัวน้อยมาแอบอยู่ในท้องเขาแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดีใจและมีความสุขมาก ที่ได้สิ่งล้ำค่าสิ่งนี้มา เพราะเฟยหลงเองก็อยากได้ไม่แพ้กัน หากแต่ตอนนี้เขาจะคิดอย่างไร หากคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชู้เขาจะทำเช่นไร เฟยหลงคงจะฆ่าเด็กคนนี้ตั้งแต่ไม่ทันได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกเป็นแน่ ไม่ได้เขายอมไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เฟยหลงจะรู้ไม่ได้

    "ท่านหมอ ข้าอยากให้ท่านเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ"

    "แต่มันจะดีหรือ ท่านควรบอกฝ่าบาท เพราะข้าเชื่อว่าเด็กที่อยู่ในครรภ์ของท่าน คือสายเลือดมังกรโดยแท้"

    "ขอบใจท่านมากที่เชื่อใจข้า ไว้ข้าจะบอกกับฝ่าบาทเอง"

    "พ่ะย่ะค่ะ"

    "ท่านพี่ ท่านจะไม่บอกพี่เขยจริงๆ หรือ"

    "ข้าขอดูก่อน ข้ากลัวว่าหากเขารู้และไม่เชื่อข้า คิดว่าเด็กคนนี้คือลูกชู้ เขาอาจจะทำร้ายลูกข้าได้"

    "ก็จริงอย่างที่ท่านพี่ว่า อย่างไรท่านพี่ก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ท่านกินอะไรเสียหน่อยนะท่านพี่ หลานข้าคงหิวแย่แล้ว"

    "อื้ม... "

    ร่างบางรับปากน้องชาย ก่อนจะฝืนกินอาหาร ทั้งที่ไม่มีความรู้สึกอยากเลยแม้แต่น้อย เด็กคนนี้ไม่ควรมาเกิดตอนนี้เลย เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดไปได้หรือไม่ จะสามารถคุ้มครองเลือดเนื้อในอกได้ดีแค่ไหน

    "ไม่น่าเลยลูกแม่ เจ้าช่างอาภัพตั้งแต่ยังไม่เกิดมา แล้วแม่จะคุ้มครองเจ้าได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของเราสองแม่ลูกเถิด แม่จะปกป้องเจ้าให้ถึงที่สุด ปกป้องจากเงื้อมมือผู้เป็นบิดาของเจ้าเอง"

    "ท่านพี่ท่านอย่าคิดมากเลย ข้าเชื่อว่าหนิงเฟิ่งและเหยียนจื่อต้องช่วยท่านได้"

    "ขอบใจที่ให้กำลังใจข้านะหลิงเอ๋อร์ เจ้ากลับไปได้แล้ว อยู่นานไปไม่ดีระวังสุขภาพเจ้าด้วย"

    "ก็ได้ข้าจะกลับ พรุ่งนี้ข้าจะมาหาท่านพี่ใหม่ ท่านพี่ดูแลตัวเองกับหลานข้าด้วย"

    "อึ้ม... ไปเถิดไม่ต้องห่วงข้าหรอก"

    เหยียนจื่อกับหนิงเฟิ่งพยายามอย่ายิ่ง ที่จะเข้าไปยังอาณาจักรมาร ตอนนี้พวกเขาเข้ามาปะปนกับเหล่ามารน้อยใหญ่ที่ต่างก็มีหน้าที่ของตน เดินขวักไขว่กันให้วุ่นไปหมด พวกเขาแอบลักลอบเข้าไปจนถึงตำหนักหลังหนึ่ง ซึ่งมีทหารคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด เขาแอบสังเกตอยู่นาน จนเห็นร่างเล็กขององค์ชายน้อยเซียวหลานเดินออกมา ท่าทางลุกลี้ลุกลนชอบกล เหมือนกำลังหนีหรืออะไรสักอย่าง ร่างเล็กดูซูบผอมไปมาก และดูเศร้าหมองไม่สดใสเหมือนที่เคยพบเจอ ตอนที่อยู่อาณาจักรมังกรครั้งนั้นองค์ชายน้อยน่ารักสดใสมาก

    มันเกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรหนักหนา ขนาดที่สามารถทำให้คนสดใสร่าเริงคนหนึ่ง หมองเศร้าได้ถึงเพียงนี้ แต่พอมองดูไปได้สักพัก ก็เห็นร่างสูงของตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด กำลังเดินตรงเข้าไปหาร่างเล็ก แต่ร่างเล็กดูจะหวาดกลัวจนต้องรีบถอยหนี จนอีกคนรำคาญจับอุ้มเสียเลย แม้จะถูกทุบตีอย่างไรก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงพาร่างเล็กมุ่งไปยังอีกด้านจนลับตา แม้แต่เสียงหวีดร้องที่ดังระงมก็เงียบหายไปทันทีเช่นกัน

    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกเขาสับสนกับภาพที่เห็นอยู่มาก เมื่อก่อนองค์ชายน้อยจะติดพี่ชายคนนี้มาก จะวิ่งเข้าหาทันทีที่เห็นอีกฝ่าย แต่ภาพที่เขาเห็นวันนี้มันกลับตรงกันข้ามกับที่เคยเห็น ไม่ใช่แค่ถอยหนีแต่ไม่ยอมให้เข้าใกล้และจับต้องเหมือนเช่นเคย คงจะทะเลาะกันหนักกระมัง แล้วพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร หรือจะเป็นเรื่องนายของเขาอย่างที่เคยเล่ามา ว่าร่างเล็กเป็นคนช่วยนายของเขาออกมาจากที่นี่ คงต้องหาความจริงจากร่างเล็ก คิดว่าน่าจะได้อะไรสำคัญๆ ที่พอจะช่วยนายของตนได้อย่างแน่นอน

    พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เขาจะต้องตัดสินโทษเย่วซิน เขาพยายามข่มความรู้สึกทั้งหมดกดมันลงไปให้ลึกที่สุด พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ไปหาร่างบางในคุกหลวง ทุกค่ำคืนฝืนหลับตาลงแต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้สักคืน จนถึงตอนนี้ดวงตาเขาทั้งคล้ำทั้งลึกลงไปมาก หักใจไม่ให้รักคงยาก ข่มใจให้ลืมยิ่งยากกว่า

    จนถึงตอนนี้เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ตนได้ก้าวมายืนอยู่หน้าประตูห้องขังได้อย่างไร ร่างบางของเย่วซินนอนขดตัวกลมอยู่บนพื้นที่มีหญ้าฟางปูอยู่ เพื่อคนที่นอนไม่ต้องพบกับความหนาวเย็นยะเยือกของพื้นห้อง ร่างบางหลับลงอย่างอ่อนเพลีย เพราะมีอาการแพ้ท้องและความเครียดสะสมมาหลายวัน วันนี้เลยหมดแรงจะต่อสู้กับทุกๆ อย่าง ที่มันจู่โจมเข้ามายามที่เขาอ่อนแอเช่นนี้ เฟยหลงมองสำรวจร่างบางก็ต้องใจหายวาบ เพราะความเปล่งปลั่งงดงามที่เคยมี มาบัดนี้เหลือแต่ความผ่ายผอมซูบซีด อ่อนล้าอย่างหนัก เขายืนมองนิ่งก่อนจะตัดใจถอยหลังหมุนตัวกลับ เตรียมออกไปจากที่ตรงนี้ เพราะทนดูไม่ได้อีกต่อไป แต่ไม่ทันจะก้าวก็มีอันต้องชะงัก

    "ทะ-ท่านพี่" เสียงเรียกอย่างระโหยโรยแรง ออกมาจากปากบางที่ซีดไร้สีเลือดของเย่วซิน

    "ท่านมาหาข้าแล้ว"พูดด้วยความดีใจที่วันนี้ร่างสูงมาหาเขา หลังจากที่สั่งขังก็ไม่เคยเหยียบเข้ามาอีกเลย

    "เย่วเอ๋อร์ เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่" ยังคงย้ำคำคำนี้ไม่เลิก

    "ทำไมข้าจึงไม่ควรกลับมา ท่านเคยบอกว่าที่นี่คือบ้านข้าไม่ใช่หรือ"

    "เมื่อก่อนมันใช่ แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่บ้านเจ้าอีกแล้ว แต่มันอาจจะเป็นที่ที่จะฝังร่างเจ้าในอีกไม่ช้า"

    "ข้าไม่ยอมรับโทษที่ข้าไม่ได้ก่อเด็ดขาด ข้าไม่ผิด"

    "ไปนอนอ้าขาให้มันเอาทั้งๆ ที่มีข้าเป็นสามีอยู่แล้ว เช่นนี้เรียกว่าไม่ผิดหรอกหรือ เจ้าพูดเช่นนี้มันไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือเย่วเอ๋อร์ เจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไร คิดว่าข้าโง่มากนักหรือที่แยกแยะอะไรไม่ออก"

    เฟยหลงพูดออกไปอย่างฉุนเฉียว

    "ใช่ท่านฉลาดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ที่สมองท่านไม่ทำงาน แถมตาก็ยังบอดหูก็ยังหนวกอีกด้วย!! "

    "นี่เจ้า!! กล้าว่าข้าเช่นนี้ไม่กลัวตายเลยหรือ"

    "ทำไมข้าต้องกลัว!! จะฆ่าข้าก็เอาเลย ฮึก คนเลว คนผิดสัญญา ไหนท่านเคยบอกข้าว่าจะรักจะปกป้องข้า ไหนล่ะความรักความเชื่อใจที่ให้กัน ใครกันที่พูดว่าแม้แต่ชีวิตก็ให้ข้าได้ คนผู้นั้นของข้าหายไปไหนฮึก ฮือ... ที่ข้าเห็นตอนนี้มีแต่คนใจร้ายที่จ้องจะเอาชีวิตข้า ฮึก ฮือ... ข้าเกลียดท่าน เกลียดท่าน ฮือ... "

    เสียงร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ ดังระงมไปทั้งคุกหลวง พาให้คนฟังหัวใจแทบสลายตามไปด้วย ร่างบางร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่นระริก ไม่คิดว่าสวามีที่รักจะกล่าวหาเขาเช่นนี้ อยู่ด้วยกันมาก็นานไม่เคยเชื่อใจกันเลยใช่หรือไม่

    "เจ้าหยุดร้อง!! น้ำตามันไม่ช่วยอะไรเจ้าได้มารยาไปก็เท่านั้น ข้าเห็นมากับตา ข้าเชื่อตาตัวเองมากกว่าคนมักมากอย่างเจ้า!" เขาเชื่อสายตาตนเองเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น

    "ข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ!"

    "ปากแข็ง เจ้าจะรับหรือไม่รับก็อีกเรื่อง พรุ่งนี้ถ้าหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ เตรียมตัวตายได้เลย แพศยาเช่นเจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินข้า ชีวิตอัปยศเช่นเจ้าข้าจะฝังมันไปซะพร้อมกับลมหายใจของเจ้า!! "

    "ได้ ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น หากข้าหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวข้าได้ ท่านกับข้าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก"เย่วซินพูดออกไปอย่างเจ็บปวดและแค้นเคืองสวามียิ่งนัก หากรอดไปได้ เขาก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับอีกฝ่าย เพราะความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้า มันได้พังทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี

    "เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดไปง่ายๆ รึ ต่อให้เจ้ารอดไปได้ ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าไปเสวยสุขกับมันหรอก"

    "หลิวเฟยหลง เจ้ากับข้าถือว่าจบสิ้นกันแล้วตั้งแต่บัดนี้ หากข้ารอดไปได้จะไม่ขอข้องเกี่ยวกับคนเลวเช่นเจ้าอีกต่อไป ไม่ว่าเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ข้าจะไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก"

    ในเมื่อหมดรักกันแล้วก็ขอตัดขาดอย่าให้เหลือแม้แต่เยื่อใยอีกเลย ในเมื่อรักกันไม่ได้ก็เกลียดกันให้มันจบสิ้นไป

    "คิดว่าจะรอดหรือ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปให้ไอ้คนชั่วช้านั่นหรอก และอย่าหวังว่ามันจะมาช่วยเจ้าได้"เพราะความแค้น และคิดว่าไม่อาจทนเห็นร่างบางไปเป็นของคนอื่นได้ จึงทำให้ร่างสูงมุ่งหมายจะเอาชีวิตของเย่วซิน ในเมื่อตนไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังเลย เขาคิดและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ

    "ฮึก แล้วสักวันเจ้าจะเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ฮึก ฮือ... คนเลว ไสหัวไปซะ! "

    "เจ้า!! "

    ร่างสูงเอ่ยอะไรไม่ออก ทำได้เพียงหันหน้ากลับตำหนักตนทันที เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เลยจริงๆ หลังจากนั้นในตำหนักของร่างสูงก็มีเสียงข้าวของแตกกระจายเพราะเขาอาละวาด จนเหล่านางกำนัลพากันวิ่งหนีกระเจิงเพราะความกลัว เขาอาละวาดจนพอใจก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอีกครั้ง หวังเพียงลบล้างความเจ็บปวดในหัวใจให้ทุเลาเบาบางลงไปบ้าง เขานั่งอยู่ที่เดิมอยู่เช่นนั้นไปจนสว่าง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×