ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #31 : เข้าใจผิด

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 65


    เช้าวันใหม่ร่างบางตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวอย่างหนัก เนื้อตัวปวดระบมจนแทบขยับไม่ได้รับรู้ว่าตนเองไม่สบายตัวเสียจนอยากจะร้องไห้ที่ผ่านมาร่างสูงไม่เคยจะรุนแรงกับเขาขนาดนี้เลย แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาได้รับรู้ว่าร่างสูงของสวามีตน เวลาโกรธหรือกดดันไม่สบายใจ ก็จะเปิดเผยอีกด้านที่เก็บซ่อนเอาไว้ออกมา และมันก็รุนแรงเสียจนเขาเป็นไข้

    "ฮึก ฮือ... "

    ร่างบางนอนสะอื้นไห้หลังจากรู้สึกตัว เพราะอาการไม่สบาย มันปวดไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะหัวที่ตอนนี้ มันปวดจนแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าและลำตัวร้อนผ่าว อุณหภูมิขึ้นสูงเสียจนทำให้เนื้อตัวแดงเถือกไปหมดทั้งตัว จนไม่อาจฝืนทนได้อีก เฟยหลงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของเมียรัก

    "เย่วเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมกัน"

    พูดพลางก็คว้าร่างบางเข้ามากอด แต่ก็ต้องชะงัก รับรู้ได้ทันทีว่าร่างบางป่วยไข้เสียแล้ว เพราะเนื้อตัวร้อนราวกับไฟ

    "ท่านพี่ ฮึก ขะ-ข้าปวดหัว ปวดไปหมดทั้งตัว"ร่างบางบอกออกไปพร้อมสะอื้นอย่างหนัก

    "ข้าขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าป่วย รอข้าเดี๋ยวข้าจะเรียกหมอหลวงเดี๋ยวนี้"เขาพูดจบก็เรียกหมอหลวงทันที

    เป็นอีกครั้งที่หมอลวงถูกเรียกมากลางดึกเช่นนี้ หลังจากครั้งที่ราชินีน้อยทรงประชวร แต่ครั้งนี้เป็นองค์ราชินีองค์พี่ทรงประชวร มันแย่ยิ่งกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก เขาแทบไม่ต้องเดินเองเลยด้วยซ้ำ จะเรียกว่าลากเขามาถึงจะถูก และตอนนี้เขาก็มายืนหอบฮักๆ อยู่ตรงหน้าคนป่วย ที่ดูอาการแล้วคงหนักหนาไม่น้อย หมอหลวงเริ่มจะทำการตรวจ สายตาของคนที่ผ่านโลกมามาก แค่มองปราดเดียวก็รู้ถึงสาเหตุการป่วยอย่างทะลุปรุโปร่ง

    (เฮ้อ... ให้ตายเถิดช่างเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ) หมอหลวงคิดในใจ เพราะตอนที่ราชินีน้อยประชวรครั้งนั้น อาการไม่ต่างจากครั้งนี้เลย และสาเหตุก็คงไม่พ้นเรื่องเดียวกัน หลังจากตรวจรักษาเสร็จหมอหลวงกลับไป เฟยหลงจึงเช็ดเนื้อตัวคลายความร้อนให้เย่วซินจนตอนนี้หลับลงไปอีกครั้ง

    กว่าเย่วซินจะหายป่วยก็ปาเข้าไปเกือบอาทิตย์เต็มๆ เฟยหลงเฝ้าดูแลไม่ห่าง เพราะไม่ใช่แค่รู้สึกผิดอย่างเดียว หากแต่เพราะเป็นห่วงเอามากมายนัก

    ร่างสูงพร่ำขอโทษตลอดเวลาที่ร่างบางป่วย แต่ร่างบางก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะเข้าใจเป็นอย่างดี

    คนทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ แต่เฟยหลงก็ไม่ได้วางใจเรื่องของอี้เทียนหลง องค์ชายใหญ่แห่งเผ่ามารเลย ทุกคนต่างก็เฝ้าระวังมาโดยตลอด แต่ก็ยังพลาดจนได้ เพราะอีกฝ่ายกัดไม่ปล่อยอย่างที่เฟยหลงคิด

    อี้เทียนหลงยืนมองบางสิ่ง ที่อยู่ในมือตนด้วยสายตายากจะคาดเดา ปิ่นปักผมรูปหงส์ของเย่วซิน ที่ครั้งหนึ่งร่างบางเคยใช้ทำร้ายเขาเพื่อป้องกันตัว ตาคมจ้องมองอยู่เช่นนั้น จนองครักษ์คนสนิทเข้ามาหาตามที่ตนเรียก สายตาคมจึงละจากปิ่นปักผมอันสวยหันไปมององครักษ์คู่กาย

    "ทรงเรียกกระหม่อมมา มีอะไรจะใช้กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ"

    "เจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม ถึงเวลาที่ข้าจะแก้แค้นไอ้หมาบ้าเฟยหลงแล้ว อีกสามวันข้าต้องได้ตัวเย่วซิน เจ้าไปทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้แล้ว"

    "พ่ะย่ะค่ะ"

    พูดจบร่างสูงขององครักษ์ก็ไปทำตามคำสั่งนายตนทันที อี้เทียนหลงกำปิ่นปักผมในมือไว้แน่น เพื่อระบายความเจ็บแค้น รอก่อนเถิดข้าก็เอาคืนให้สาสม

    ในขณะที่ทุกคนต่างก็คอยระวังเย่วซิน จนลืมอะไรที่สำคัญอีกอย่างไปเสียสนิท อี้เทียนหลงไม่โง่พอที่จะจู่โจมเย่วซินโดยตรงหรอก เขาหันมาใช้ประโยชน์กับคนที่ร่างบางรักและห่วงหาอีกคน แทนที่จะพุ่งตรงเข้าหา แต่กลับหลอกล่อเหยื่อให้เดินมาเข้าสู่กับดักของเขาแทน

    ตอนนี้เย่วซินนั่งพักผ่อนอยู่ในอุทยานหลวง มีเหล่านางกำนัลล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด เพราะคำสั่งของจ้าวชีวิตห้ามให้เย่วซินอยู่คนเดียวลำพังเด็ดขาด เย่วซินก็อึดอัดไม่น้อยแต่เพื่อความสบายใจของเฟยหลง เขาจึงต้องอดทน

    "เม่ยเม่ย หลิงเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง ได้ยินมาว่าอาการแพ้เริ่มจะมาอีกแล้ว"

    "เพคะ หม่อมชั้นได้ยินนางกำนัลที่รับใช้ใกล้ชิดองค์ราชินีน้อยพูดกันว่า พระองค์ไม่ยอมเสวยอะไรเลย"

    "แพ้หนักขนาดนั้นเลยรึ"

    "เพคะ..ตอนนี้ซูบผอมลงมาก จนพระสวามีเป็นห่วงและกลุ้มใจเหลือเกิน"

    "ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปเยี่ยมน้องข้า"

    พูดจบก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักของน้องชายทันที หากก็ต้องผิดหวังเพราะไม่เจอหลิงซานอยู่ในตำหนัก จึงหมุนตัวกลับออกมาแต่สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ถูกวางไว้อยู่ข้างหมอนใบเล็ก

    "พวกเจ้าออกไปรอข้าด้านนอก" สั่งนางกำนัล

    "แต่ว่า เอ่อ... "

    "ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวข้าตามออกไป"

    "เพคะ"

    หลังจากนางกำนัลออกไปกันหมด มือบางก็หยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน ในนั้นมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า ถ้าหากอยากได้ตัวหลิงซานกลับไปอย่างปลอดภัย เขาต้องไปเปลี่ยนตัวน้องชายแทนหลังจากอ่านข้อความเสร็จ กระดาษแผ่นนั้นมันก็ร่วงหล่นจากมือบาง เย่วซินทรุดลงทันที ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะความโกรธ ที่อีกฝ่ายใช้น้องชายมาบีบบังคับเขา หลิงซานกำลังท้องเขากลัวว่าหลานและน้องชายจะได้รับอันตราย ครั้งนี้เขาคงหมดทางเลือกแล้วจริงๆ อีกฝ่ายข่มขู่เอาไว้ว่าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นน้องชายเขาอาจจะได้รับอันตราย ด้วยความร้อนใจเย่วซินจึงผลุนผลันออกไปจากห้องทันที โดยไม่ลืมที่จะหยิบกระดาษแผ่นนั้นไปด้วย

    ตอนนี้เย่วซินมายืนอยู่ที่จุดนัดพบ ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ นอกอาณาจักรมังกร โดยที่ทุกคนในอาณาจักรมังกรไม่รับรู้เรื่องราวอะไร กว่าร่างบางจะหลบออกมาได้ก็เหนื่อยเอาการ สายตาหวานจ้องมองน้องชาย ที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ เพราะถูกสกัดจุดสำคัญเอาไว้

    "นี่เจ้าทำอะไรน้องข้า!

    "ใจเย็นๆ ข้าแค่ทำให้น้องเจ้าหลับ เดี๋ยวเขาก็ตื่นขึ้นมาเองหากถึงเวลา"

    "ตอนนี้ข้าก็มาแล้ว ปล่อยน้องชายข้าไป"

    "ปล่อยนะปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่น้องชายเจ้าตื่นเสียก่อน ข้าแค่จะฝากความไปบอกไอ้หมาบ้าเฟยหลงมันเล็กน้อย"

    "เจ้าคิดจะทำอะไร"

    "ทำอะไรนะเหรอ ฮ่า ๆ ๆ ก็จะทำให้มันคลั่งตายนะซิ ไม่คิดว่าการที่เอาน้องชายเจ้ามาเช่นนี้ ทำให้ข้าได้ตัวเจ้ามาอย่างง่ายดายนัก"

    "เล่นสกปรกเช่นนี้ เจ้าไม่อับอายตนเองบ้างรึ"

    "ทำไมข้าต้องอาย หากมันจะทำให้ข้าได้ตัวเจ้ามา ต่อให้ชั่วกว่านี้ข้าก็จะทำ!!

    "ท่านพี่" หลิงซานฟื้นคืนสติก็ร้องเรียกพี่ชายตนทันที ร่างบางรีบเข้าไปประคองน้องชายที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นนั่ง

    "หลิงเอ๋อร์เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง"

    "ท่านพี่เราอยู่ที่ไหน" ร่างเล็กของน้องชายถามพลางกวาดตามองไปรอบๆ มันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

    "นอกอาณาจักรมังกร"

    "ข้าอยากกลับบ้าน"ร่างเล็กบอกพี่ชาย

    "ข้าก็มาตามที่เจ้าต้องการแล้ว คราวนี้จะปล่อยน้องชายข้ากลับไปได้หรือยัง"

    "ย่อมได้ เดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งน้องชายเจ้าอย่างปลอดภัย แต่ข้าฝากเจ้าไปบอกเฟยหลงมันด้วย ว่าข้าจะดูแลเมียรักของมันอย่างดีทีเดียว ไม่ต้องห่วง"

    อี้เทียนหลงหันไปฝากร่างเล็ก ให้บอกกับศัตรูคู่แค้นอย่างสะใจ

    "ข้าไม่บอกอะไรทั้งนั้น ท่านพี่ต้องกลับไปพร้อมข้า"

    "เขาจะไม่กลับไปพร้อมเจ้า แต่จะกลับอาณาจักรมารไปพร้อมข้า"

    "นี่ท่านยังไม่เข็ดอีกรึค รั้งก่อนอาณาจักรท่านถูกเผาไปเป็นครึ่ง หากครั้งนี้ท่านยังไม่หยุดความคิด ข้าเกรงว่าแม้แต่ซากก็อาจไม่เหลือ"

    ร่างเล็กของหลิงซานพูดขึ้น เหมือนจะไปจี้เอาตรงจุดพอดี ทำให้อีกฝ่ายเริ่มจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

    "เจ้าหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากกลับไปหาสวามีของเจ้าอยู่

    "อาเฉา เจ้าจงไปส่งราชินีน้อยกลับอาณาจักรอย่างปลอดภัย ระวังตัวด้วย"

    "พ่ะย่ะค่ะ"

    "ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าไม่มีท่านพี่กลับไปด้วย"

    "เจ้ากลับไปก่อน อย่าให้ข้าต้องห่วงหน้าพะวงหลังเลย ข้าจะหาวิธีเอาตัวรอดออกมาจากที่นั่นให้ได้ กลับไปซะเชื่อใจข้า"

    ร่างเล็กพยักหน้ารับยอมกลับไปโดยดี เขาต้องไปบอกให้พี่เขยมาช่วยพี่ชายเขากลับไปให้ได้

    ตอนนี้ร่างบางของราชินีแห่งอาณาจักรมังกร ได้มาเยือนดินแดนอาณาจักรมารอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ ร่างบางถูกอีกคนพามายังตำหนักเดิม ที่ครั้งหนึ่งเขาถูกจับมาไว้ที่นี่ และครั้งนี้ก็เช่นกัน

    "เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ คืนนี้ข้าจะมาหาเจ้า"

    "เจ้าไม่ต้องพยายามหรอก เจ้าก็รู้ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถแตะต้องข้าได้"

    "เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ ข้ารู้ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นข้าจะเสี่ยงเอาตัวเจ้ามาอีกครั้งทำไมกัน หากไม่รู้ถึงวิธีแก้"

    อี้เทียนหลงพูดออกไปอย่างผู้ที่มีชัยเหนือกว่า ทำให้ร่างบางเริ่มใจเสียขึ้นมา หวังว่าอีกฝ่ายแค่ขู่เขานะ อีกคนคงไม่รู้หรอก

    "เจ้าหมายความเช่นไร พูดออกมา "

    "บ่วงมังกรที่คุ้มครองตัวเจ้าอยู่ มันจะทำอะไรข้าไม่ได้ แค่เพียงเจ้ายอมข้าเท่านั้น"พูดจบก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก

    ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ร่างบางก็หน้าถอดสีทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้วิธีแก้

    "จะ-เจ้ารู้ได้เช่นไร"

    "เจ้าไม่ต้องรู้หรอก ก็ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไรเล่าว่าข้าไม่ได้โง่ คราวนี้ข้าก็สามารถแตะต้องเจ้าได้แล้ว"

    "เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรึ ไม่มีทาง"

    "ก็ลองดู หากเจ้ายังอยากให้น้องชายเจ้าปลอดภัย เจ้าก็ยอมข้าซะ"

    "นี่เจ้า!! เล่นสกปรก"

    "ไม่หรอกก็แค่ให้แน่ใจเท่านั้น หลังจากที่ข้าได้ครอบครองเจ้าโดยสมบูรณ์แล้ว ข้าจะสั่งให้คนของข้าปล่อยน้องชายเจ้ากลับไปอย่างปลอดภัย"

    "คนไม่รักษาคำพูด ไหนเจ้าบอกว่าจะปล่อยน้องชายข้า หลังจากข้ามาเปลี่ยนตัวกับเขา"

    "ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น ขืนปล่อยไป ข้าก็ไม่สามารถบังคับเจ้าได้อีกนะซิ"

    "คนเลว ฮึก ฮือ... จะบังคับข้าให้ได้ใช่หรือไม่"

    ร่างบางสะอื้นออกมาเพราะความกดดัน นี่เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่

    แค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่กับคนรักก็ยิ่งทุกใจ น้ำตาเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาความปวดร้าวลงได้บ้าง ร่างสูงยืนมองด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งสงสารทั้งแค้นใจ

    "ข้าไม่ยอม ฮึก ฮือ... ไม่ยอม"

    "แต่เจ้าต้องยอม เจ้าไม่มีทางเลือก"

    "อยากได้ข้ามาก ก็เอาไปเลย แต่เพียงร่างกายที่ไร้ลมหายใจเท่านั้น! "

    "ก็เอาสิ ข้าก็จะส่งร่างที่ไร้ลมหายใจของเจ้ากับน้องชายและหลานกลับไป คราวนี้พวกมันคงจะได้ลิ้มรสชาติว่าตกนรกทั้งเป็น มันเป็นเช่นไร"

    "เลว ฮึก ฮือ... "

    "ข้ายังเลวได้มากกว่านี้อีก"

    พูดจบก็ก้าวออกไปจากตำหนักตนทันที ปล่อยให้เย่วซินร้องไห้อย่างปวดร้าวเพราะหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้ อยู่อย่างตายทั้งเป็นมันทรมานอย่างนี้นี่เอง เขาคงเหลือทางเลือกแค่ทางเดียวเท่านั้น หลังจากที่ร่างกายตกไปเป็นของคนอื่น หลังจากที่น้องชายปลอดภัยและกลับไปสู่อ้อมอกผู้เป็นสวามี ถึงตอนนั้นเขาคงจะหมดห่วง เขาจะไปรอพบทุกคนอีกฟากหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ข้างหน้า รอให้เขาเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ด้วยความเต็มใจ

    หากไม่ได้อยู่กับคนที่ตนรัก ถึงแม้จะกลับไปแต่กลับไปพร้อมร่างกายที่มีมลทิน สู้ให้เขาตายไปเสียดีกว่าเพราะอะไรๆ มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    เฟยหลงเดือดจัดหลังจากเหล่านางกำนัลที่รับหน้าที่เฝ้าร่างบางเอาไว้มาบอกว่าเย่วซินและหลิงซานหายตัวไป เขาใช้ดวงจิตรมังกรเพ่งมองก็เห็นร่างบางนั่งร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ ยิ่งทำให้ใจเขาแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ร้อนรนจนนั่งไม่ติด ในอกมันร้อนรุ่มไปหมดคิดและวางแผนว่าคืนนี้เขาจะเข้าไปช่วยร่างบางออกมาพร้อมชีวิตไอ้บัดซบนั้นมันต้องจบลง ส่วนอี้เฟยก็ร้อนใจไม่แพ้พี่ชายเลยเขาห่วงทั้งเมียรักและลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งขณะนี้หลิงซานได้รับการดูแลอย่างดี เพียงแต่ยังถูกกักตัวเอาไว้ บอกว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อยพรุ่งนี้ก็จะได้กลับบ้านแล้ว

    ร่างบางของเย่วซินนั่งอยู่บนเตียงนอนอย่างเศร้าหมองใบหน้างามซีดเซียว ดวงตาหวานแดงก่ำเพราะร้องไห้อย่างหนัก ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันจนแตกช้ำ ความกดดันทำให้ลืมตัวเผลอทำให้ตนบาดเจ็บ เล็บมือยาวจิกลงบนฝ่ามือจนเลือดซิบแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับยิ่งจิกลึกลงไปอีก จิตใจเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนมือบางถูกมือหนารวบเอาไว้ พร้อมคลายนิ้วที่จิกลงบนผิวเนื้อจนได้เลือดออก เย่วซินได้สติเหลือบมองใบหน้าคมตรงหน้า อี้เทียนหลงจับมือบางไว้แน่น

    มองหน้างามของคนที่เพิ่งได้สติ หลังจากที่เขาหายออกไปทำธุระ พอกลับเข้ามาก็มองเห็นแต่ร่างบางที่ไร้สติมือบางจิกลงบนเนื้อจนเลือดไหล ปากบางขบเม้มเข้าหากันจนแตกยับ เขาทนดูไม่ได้อีกแล้ว จึงรีบดึงมือมากุมเอาไว้ให้คนตรงหน้าได้สติ และรีบทำแผลบนฝ่ามือไห้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ ร่างบางก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมโอนอ่อนตามไป ร่างสูงก้มลงมาจุมพิตที่หน้าผากมล ก่อนจะเลื่อนลงมาที่แก้มนวลหอมกรุ่น อาจเพราะสติที่ขาดๆ หายๆ ทำให้ร่างบางเลือกที่จะอยู่เฉยๆ เพราะหมดแรงและกำลังหมดหวัง

    "เจ้าอย่าทำเช่นนี้อีก อย่าทำร้ายตัวเองเลย"

    "ปล่อยข้าไป ได้โปรด ฮึก ฮือ... "

    "ไม่ได้ ข้ารักเจ้า เป็นข้าไม่ได้หรือคนที่เจ้ารัก เป็นข้าได้หรือไม่"

    "ฮึก ไม่" ร่างบางส่ายใบหน้าไปมาพลางตอบ หัวใจเขามีเพียงร่างสูงของเฟยหลงเท่านั้นที่เป็นเจ้าของ เขาไม่อาจรับไมตรีจากใครได้อีก

    "ไม่ต้องรีบตอบข้า ข้ารอได้ ข้าจะออกไปธุระแล้วจะรีบกลับมาหาเจ้า"ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาเฟยหลงตลอด มือหนากำเข้าหากันแน่น ก่อนจะซัดโครมๆ ไม่ยั้งเข้าที่กำแพงหนาจนเลือดไหลอาบ

    เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมเย่วซินยอมให้มันกอด และยิ่งไปกว่านั้น มันทำซ้ำรอยเขา ไม่ว่าจะส่วนไหนของกายงาม ล้วนต้องเป็นเขาผู้เดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ครอบครอง นี่มันจะเหยียบย่ำหัวใจเขาเกินไปแล้ว มันไม่มีสิทธิ์แตะต้องเมียเขา

    หลังจากร่างสูงของอี้เทียนหลงออกไปแล้ว ร่างบางก็ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างน่าเวทนานัก ในใจรู้สึกผิดกับสวามีที่ปล่อยกายให้คนอื่นสัมผัส แต่จะให้เขาทำอย่างไร ตอนนี้ชีวิตของน้องชายเขาสำคัญที่สุด แค่เพียงให้น้องและหลานรอดเท่านั้น

    "ท่านพี่ ฮึก ข้าขอโทษที่ผิดสัญญากับท่าน ข้าคงอยู่กับท่านจนแก่เฒ่าไม่ได้อีกแล้ว ฮึก ขอโทษ ฮือ... "

    ในขณะเดียวกันอี้เฟยก็วางแผนช่วยเมียรักกลับสู่อ้อมอกตน ส่วนเฟยหลงก็มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรมารเพื่อช่วยเมียรักกลับคืน ส่วนร่างบางยังนั่งอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับไปไหน จนมีมือยื่นมาปิดปากบางเอาไว้ เขาดิ้นรนเพราะไม่รู้จุดประสงค์ของอีกคน จนได้ยินเสียงที่คุ้นหูเลยแหงนหน้าขึ้นไปมอง

    "ชูว์... ข้าเอง ข้ามาช่วยท่าน"เจ้าของมือบางที่ยื่นมาปิดปากเขาบอกกับร่างบาง

    "องค์ชายน้อย ท่านทำเช่นนี้ทำไมกัน"เย่วซินถามออกไปแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ นอกจากเร่งเร้าให้เขารีบหนีออกไปจากที่นี่

    "ท่านอย่าถามอะไรข้า ตอนนี้เรารีบหนีออกไปก่อนที่ท่านพี่จะจับได้"

    "แต่ถ้าพี่เจ้ารู้ว่าเจ้าช่วยข้าล่ะ" ร่างบางย้อนถามออกไปด้วยเพราะเป็นห่วง

    "ท่านไม่ต้องห่วงข้า อย่างไรท่านพี่ก็ไม่ฆ่าข้าหรอก ก็ข้าเป็นน้องเขา"

    "แต่เขาจะฆ่าหลิงซานถ้าข้าหนีไป"

    "ไม่หรอก ข้าส่งคนไปช่วยน้องชายท่านแล้ว วางใจเถิดเขาต้องช่วยน้องชายท่านได้ รีบไปก่อนจะหมดโอกาส"

    เย่วซินรีบตามร่างเล็กไปโดยไม่คิดอะไรอีกแล้ว ขอเพียงให้รอดพ้นเงื้อมมือของเทียนหลงไปได้ และน้องชายเขาปลอดภัยก็พอ

    "แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ราชินีหนีไปแล้ว"

    องครักษ์รีบมารายงานเทียนหลงหน้าตาตื่น ว่าคนสำคัญได้หลบหนีออกไปจากตำหนักของเขาแล้ว ร่างสูงหันมาหาองครักษ์คนสนิทก่อนจะตวาดออกไปด้วยความกราดเกรี้ยว

    "หนีไปได้อย่างไร ในเมื่อมีคนเฝ้าอยู่เช่นนั้น! "

    "เห็นทหารบอกว่า เอ่อ... คือ" องครักษ์อึกอักไม่กล้ารายงานจนถูกตะคอกซ้ำไปอีกครั้ง

    "มีอะไรก็พูดมาก่อนที่เจ้าจะไม่ได้พูด! "

    "คือทหารบอกว่า... องค์ชายน้อยเซียวหลานเป็นคนพาหนีไปพ่ะย่ะค่ะ"

    "เซียวเอ๋อร์ เป็นเจ้าเองหรือ คงเพราะข้าใจดีกับเจ้าจนเกินไปใช่หรือไม่ เจ้าถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองเช่นนี้"

    คงจะถึงเวลาที่เขาจะสั่งสอนอีกฝ่ายอย่างจริงจังเสียทีกระมัง เพราะครั้งนี้ร่างเล็กกล้าล้ำเส้นเขาเกินไปแล้ว

    ร่างบางของเย่วซินและองค์ชายน้อยอี้เซียวหลานกำลังมุ่งหน้าออกจากอาณาจักรมารโดยมีองค์ชายน้อยเป็นผู้นำทาง ร่างเล็กเพียงแค่จะส่งร่างบางให้พ้นจากอาณาจักรตน และจะมีคนของร่างเล็กรอช่วยเหลือร่างบางอยู่ด้านนอก หากแต่ไปไม่ทันถึงที่หมาย

    "พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าทำอะไรลงไปเซียวเอ๋อร์!! "

    องค์ชายใหญ่เอ่ยออกมาหลังจากตามคนทั้งคู่มาทัน จนร่างเล็กของน้องชายหยุดลง และหันมาพูดกับพี่ชาย

    "ท่านพี่นั่นแหละ ทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือไม่"

    "ข้านะหรือ เจ้าถามข้าเช่นนี้ คิดว่าข้าไม่รู้ตัวรึไงว่าข้าทำอะไรลงไป ทุกอย่างที่ข้าทำข้าย่อมรู้ตัวเองดี!”

    ตวาดน้องชายออกไปอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จนร่างเล็กอดที่จะน้อยใจไม่ได้ ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำใสคลอหน่วยตา แต่ก็มิวายพูดเตือนสติพี่ชายและขอร้องไปในตัว

    "แต่ที่ท่านพี่ทำมันผิด ปล่อยเขาไปเถิดนะท่านพี่ น้องขอร้อง"

    "น้องรึ หึ มันไม่ได้ผลหรอกเซียวเอ๋อร์ เจ้ากลับไปซะ"

    ร่างสูงไม่รับฟังร่างเล็กของน้องชาย เมื่อเห็นเช่นนั้นร่างเล็กของเซียวหลานก็หันไปเร่งให้เย่วซินหนีไป

    "ไม่! ข้าไม่กลับ ท่านรีบหนีไปซะ! "

    "หากเจ้าหนี ข้าจะฆ่าน้องชายเจ้าซะ! "

    เมื่อเขาไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ เลยใช้วิธีเดิมข่มขู่ร่างบางเพราะมันเคยได้ผล แต่ครั้งนี้เห็นทีจะยาก

    "ไม่! อย่าทำอะไรน้องข้านะ! "

    ร่างบางตะโกนห้ามร่างสูงทันที แต่ร่างเล็กขององค์ชายน้อย กลับดับความหวังของพี่ชายเสียจนหมดสิ้น

    "ท่านหนีไปซะ เขาทำอะไรน้องชายท่านไม่ได้หรอก ข้าได้ส่งคนออกไปช่วยเรียบร้อยแล้ว ป่านนี้คงหนีกลับไปได้แล้ว"

    ได้ยินเช่นนั้นเย่วซินก็รีบหนีไปทันที เพราะไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว เขาคิดถึงร่างสูงเหลือเกิน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าร่างสูงจะมาช่วยตนออกไปจากที่นี่

    "นี่เจ้า! "พอได้ยินที่น้องเล็กบอกเช่นนั้น อี้เทียนหลงโกรธร่างเล็กเป็นฟืนเป็นไฟ ที่น้องชายทำให้เขาพลาดโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง

    "เจ้าอยากช่วยเขามากนักใช่หรือไม่เซียวเอ๋อร์ ได้... "

    พูดจบก็ดึงร่างน้องชายกลับไปกับตนทันที พอถึงตำหนักก็โยนร่างเล็กลงบนที่นอนอย่างรุนแรง ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนที่เคยผ่านมา ทำเอาร่างเล็กเจ็บยอกไปหมดทั้งตัว

    "โอ๊ย... ท่านพี่ข้าเจ็บนะ ทำไมต้องรุนแรงกันด้วย! " ร่างเล็กตัดพ้อพี่ชายด้วยความโกรธระคนน้อยใจ

    "แค่นี้มันยังน้อยไป รอก่อนเถิดเซียวเอ๋อร์ แล้วข้าจะกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า"

    พูดจบก็ออกไปทันที และสั่งทหารเฝ้าหน้าประตู ห้ามร่างเล็กออกไปไหนเด็ดขาด เขาจะกลับมาชำระความอีกครั้ง

    ในขณะเดียวกันร่างบางของเย่วซิน ที่หนีพ้นเขตอาณาจักรมารได้แล้ว และตนก็อยู่ในแนวป่ารกชันกำลังจะไปต่อ แต่บังเอิญเห็นคนของเผ่ามารวนเวียนอยู่แถวนี้ เลยจำเป็นต้องซ่อนตัว กว่าพวกมันจะไปกันหมดก็หลายชั่วยาม และตอนนี้ก็เริ่มจะมืดแล้วด้วยสิเย่วซินจึงใช้ปราณเพื่อช่วยออมแรง และให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น แต่มันทำไม่ได้อย่างใจคิด เพราะเรี่ยวแรงหดหายไปมากจึงไม่มีพอที่จะใช้ปราณได้

    "เรี่ยวแรงหายไปไหนหมดนะ ทำอะไรไม่ได้เลยท่านพี่ท่านอยู่ไหน ช่วยข้าด้วย ฮึก ฮือ... "

    ร่างบางเดินต่อไป แต่ขาเรียวกลับก้าวพลาดเพราะทางข้างหน้ามันลาดชันและมืดมาก เลยกลิ้งตกลงไปหมดสติทันที

    ทางองค์ชายน้อยเซียวหลานนั่งๆ นอนๆ ออกไปไหนไม่ได้ เพราะถูกพี่ชายกักขังให้อยู่แต่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย เพียงไม่นานร่างสูงก็ก้าวเข้ามาในห้องน้องชาย และไล่ทหารออกไปให้หมด ก่อนจะก้าวช้าๆ เข้ามาหาน้องชายคนเล็ก

    "ท่านพี่ นี่ท่านเมาหรือ"พูดพลางพุ่งตัวเข้าไปหาพี่ชายหากแต่ถูกผลักออกอย่างโกรธเกรี้ยว

    "ออกไปให้พ้น เพราะเจ้าเข้ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง ไม่เช่นนั้นข้าคงได้ครอบครองคนที่ข้ารักไปแล้ว"

    "แต่คนที่ท่านรัก เป็นราชินีของราชามังกร เขามีครอบครัวแล้ว"

    "แล้วไง ในเมื่อข้าอยากได้ ข้าก็ต้องได้! "

    "ท่านพี่ ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือที่จะเข้าไปแยกเขาออก ท่านจะทำลายความรักของเขาได้ลงหรือ"

    "ทำไมจะไม่ได้! เจ้ามันแส่ไม่เข้าเรื่อง ในเมื่อเจ้าเป็นคนช่วยเขา เช่นนั้นเจ้าก็ต้องมาแทนที่เขา! "

    พูดจบก็จับร่างบางเหวี่ยงลงบนที่นอนเต็มแรง แล่นเอาร่างเล็กจุกจนพูดไม่ออก ก่อนจะตกใจจนเกือบเสียสติ เพราะพี่ชายกระโจนเข้ามาจับตัวเขากดลงบนที่นอน

    "ท่านพี่ ท่านจะทำอะไร ข้าเป็นน้องท่านนะ!! "

    "หึ หึ หึ น้องรึ ไม่หรอกเจ้ามันไม่ใช่น้องข้า! "

    "ท่านพี่ ท่านพูดอะไรออกมา! "

    "เจ้าไม่ใช่น้องข้า เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น จำใส่หัวเจ้าเอาไว้ว่าเจ้าไม่ใช่น้องข้า"

    เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เมื่อได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่ตนไม่สามารถรับมันได้ ร่างบางร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจและผิดหวัง สมองน้อยๆ มึนงงไปหมดกับคำพูดพี่ชาย แต่ก็แอบคิดไปว่า เพราะพี่ชายตนเมาจึงพูดจาเพ้อเจ้อออกมา ร่างเล็กรวบรวมกำลังทั้งหมดตีเข่าเข้าเป้าหมาย จนร่างสูงผละจากร่างเล็ก เทียนหลงตัวงอด้วยความปวด ร่างเล็กได้โอกาสจึงลุกหนีออกจากตำหนักทันที ในขณะที่วิ่งไปยังตำหนักพี่ชายคนรอง เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนี้พี่ชายคนโตขาดสติยั้งคิด และดุร้ายน่ากลัวราวสัตว์ป่า แต่ก็ไปไม่ทันถึงที่หมาย อี้เทียนหลงพุ่งตัวมารวบร่างเล็กเอาไว้ได้ทั้งตัว ยกร่างเล็กที่ดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์ขึ้นมาอุ้มเอาไว้ และมุ่งหน้ากลับตำหนักตนทันที

    ด้านเฟยหลงที่บุกเข้ามายังอาณาจักรมารอย่างเงียบๆ พร้อมหนิงเฟิ่ง เขารีบลัดเลาะจนสามารถเข้ามายังตำหนักขององค์ชายใหญ่แห่งเผ่ามาร แม้มันต้องใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะสามารถเข้ามาได้

    เขาค้นหาร่างบางของเมียรักสอดส่ายสายตาไปทั่ว จนเห็นบานประตูที่ปิดไม่สนิทจึงรีบเดินตรงเข้าไป มือหนาผลักบานประตูเบาๆ และทุกอย่างทั้งภาพและเสียงมันดังก้องอยู่ในหู และฝังลงไปกลางใจเขา

    "อ่า… เย่วซิน ข้ารักเจ้า รักเจ้าเหลือเกิน"

    ภาพและเสียงที่เขาเห็นและได้ยิน ถึงจะไม่ชัดเจนเพราะร่างใหญ่ของอี้เทียนหลงบดบังอยู่ก็ตาม แต่เสียงครางเรียกชื่อเมียเขานี่ซิ จะให้เขาคิดเป็นอื่นไปได้อย่างไร ร่างบางของเมียรักนอนอ่อนระทวยใต้ร่างหนา เรียวขางามถูกแยกออกกว้างเพื่อรับอีก มันมีแต่ความดุดัน จนคนใต้ร่างส่งเสียงครวญครางออกมา ไม่ว่าจะด้วยความเจ็บปวดหรือสุขสมอะไรเขาไม่สน แต่ที่สมองเขารับรู้ได้คือตอนนี้ เมียรักได้ตกเป็นของศัตรูไปแล้ว และดูเหมือนอีกคนจะไม่ต่อต้าน เพราะบ่วงมังกรที่คุ้มครองร่างบางไม่ทำงาน แสดงว่าอีกฝ่ายเต็มใจทอดกายให้เจ้าคนชั่วนั้น ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อตอนกลางวัน ที่เจ้าคนชั่วช้านั้นสวมกอดร่างบาง โดยที่ร่างบางไม่ได้ต่อต้าน นั่งให้กอดให้หอมแก้มอย่างง่ายดาย เสียแรงที่เขาอุตส่าห์รักและเชื่อใจมาตลอด แต่สิ่งที่เขาได้รับ สิ่งที่ร่างบางตอบแทน คือการหักหลังเขาเช่นนี้หรือ มือหนากำเข้าหากันแน่น

    "ทำไมเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ เย่วเอ๋อร์เจ้าทำลายความรักความเชื่อใจข้าลงจนไม่เหลือชิ้นดี เจ้าเหยียบย่ำใจข้าจนแหลกละเอียด"

    ร่างสูงไม่สามารถทนมองต่อไปได้ จึงออกมาจากตรงนั้นทันที หนิงเฟิงไม่เข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า และก็ไม่เชื่อว่านายตนจะทำอย่างที่เฟยหลงเข้าใจ แต่ตอนนี้เขายังหาคำตอบอะไรไม่ได้ จึงต้องตามเฟยหลงกลับวังมังกรทันที เขาพยายามใช้จิตรติดต่อนายของตน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ แสดงว่านายตนคงหมดสติอยู่ที่ไหนสักแห่ง คนที่ตนเห็นไม่ใช่ร่างบางของเย่วซินอย่างแน่นอนเขามั่นใจเช่นนั้น แต่เฟยหลงคงเชื่อไปแล้วหมดทั้งใจ เช่นนี้แล้วเขาจะทำเช่นไรต่อไปดี และจะตามหาร่างบางได้ที่ไหน หนิงเฟิ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ตก
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×