คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ลักพาตัว
หลังจากเสร็จพิธีรับขวัญสายเลือดมังกร ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับอาณาจักรตน รวมทั้งหยางฟานราชาจิ้งจอก ที่เสร็จพิธีก็กลับอาณาจักรตนทันทีอย่างรีบเร่ง ไม่โอ้เอ้เหมือนครั้งก่อน ดูเหมือนจะหนีอะไรบางอย่าง ส่วนน้องชายทั้งสามของเผ่ามารก็มุ่งหน้ากลับอาณาจักรตนทันทีเช่นกัน อ้างว่าองค์ชายน้อยเซียวหลานไม่สบายเลยขอตัวกลับก่อน แต่หลังจากทั้งสามกลับไปได้ไม่นานเหตุการณ์ที่เฟยหลงหวาดกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้น เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจร่างสูงอย่างจัง ร่างสูงทรุดลงทันทีที่รับรู้ว่าเมียรักหายตัวไป ซึ่งไม่ต้องเดาให้ปวดหัว เขารู้ว่าเป็นฝีมือใคร ร่างสูงตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด มือหนากำเข้าหากันแน่น สันกรามนูนขึ้นเพราะแรงบดกัดอย่างรุนแรงด้วยความเดือดดาล
"ไอ้เลว ข้าจะไปฆ่ามัน! "
"พระทัยเย็นก่อนฝ่าบาท อย่าวู่วามไป"
ซิ่นเฉิงองครักษ์ข้างกายเอ่ยปรามผู้เป็นทั้งนายเอาไว้ เขากลัวอีกฝ่ายจะพลาดท่าฝ่ายโน้นเอาได้เพราะความใจร้อน
"แต่มันบังอาจขโมยหัวใจข้าไป มันต้องตายเท่านั้นข้าถึงจะยอมปล่อยวางได้"
"กระหม่อมว่า เราคิดหาทางว่าจะเข้าไปยังอาณาจักรมารได้เช่นไร เพราะตอนนี้พวกมันคงจะคุ้มกันแน่นหนาขึ้นกว่าเก่ามาก และคงเตรียมรับมือกับชาวเผ่ามังกรเป็นอย่างดี"
"ข้ากลัวเย่วเอ๋อร์จะเสียทีมันเหลือเกิน"แววตากังวลขณะที่พูดกับซิ้นเฉิง
"องค์ราชินีทรงปรีชา กระหม่อมว่าคงเอาตัวรอดได้พ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น เย่วเอ๋อร์เจ้ารอข้า ข้าจะรีบไปรับตัวเจ้ากลับโดยเร็วที่สุด"
ความห่วงหาต่อร่างบางฉายชัดในดวงตาคม เขาจะต้องวางแผนให้รอบคอบ คราวนี้เขาจะไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายอย่างที่เคยผ่านมาอีกเด็ดขาด สองอาณาจักรอาจจะถึงคราวแตกหักลงแล้วก็เป็นได้
และแผนการชิงตัวราชินีของเผ่ามังกร ก็เริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ เขากำชับทุกคนที่รู้ ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปกลัวร่างบางจะเสียหาย
ในขณะเดียวกันที่อาณาจักรมาร ร่างบางของเย่วซินนอนหลับใหลไม่ได้สติ อยู่ที่ตำหนักขององค์ชายใหญ่แห่งเผ่ามาร
ร่างสูงของอี้เทียนหลง จ้องมองใบหน้างามยามหลับอย่างหลงใหล สมใจเขาแล้ว ตอนนี้ร่างบางได้มาอยู่ในมืออย่างที่เขาต้องการ และก็รู้ว่าอีกว่าไม่นาน เจ้าของคงตามมาทวงของรักคืน เขาเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว พลางย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ร่างงามต้องมาอยู่ที่นี่
เหตุการณ์ก่อนหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังพลั้งเผลอรวมทั้งเฟยหลงด้วยเช่นกัน ร่างบางของเย่วซินที่กำลังเร่งรีบไปหาน้องชายตน หลังได้รับข่าวจากนางกำนัลคนหนึ่ง ที่วิ่งเข้ามาหาเขาหน้าตาตื่น หากเขาสังเกตสักนิดก็จะพบกับความไม่ชอบมาพากล เพราะนางกำนัลคนนั้นเขาไม่เคยเห็นหน้าข้าตามาก่อน แต่ก็อารมณ์ความร้อนอกร้อนใจเป็นห่วงน้องชาย จึงมองข้ามจุดจุดนั้นไป
"เขาอยู่ที่ไหน น้องชายข้าอยู่ที่ไหน"
ดวงตาสวยกวาดหาร่างเล็กของน้องชายไปทั่วบริเวณ เขารีบวิ่งออกมาอย่างตกใจและเป็นห่วงร่างเล็ก หลังจากนางกำนัลผู้นี้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกเขาว่าหลิงซานหกล้มและเจ็บท้องมาก แต่พอมาถึงก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่อยากเจอ แต่คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดกลับปรากฏขึ้นตรงหน้า และนางกำนัลที่นำเขามาที่นี่ กลับหายไปแทน
"ทะ-ท่าน"
"เย่วซินเจ้าไปกับข้า"
พูดจบ มือหนาก็จับเอาข้อมือเล็ก หมายจะพาตัวคนที่ตนหมายปองกลับไปยังดินแดนของตน แต่มือเล็กกลับยื้อไว้ไม่ยอมขยับตัวตาม จึงมีการยื้อยึดฉุดกระชากกันขึ้น
"ปล่อยข้านะ จะพาข้าไปไหน ข้าไม่ไป! "
"ข้าจะพาเจ้ากลับอาณาจักรของข้า ไปกับข้านะเย่วซินข้ารักเจ้า ข้าสัญญาว่าจะรักและดูแลเจ้าอย่างดีที่สุด"
"ไม่ไป ใครก็ได้ ช่วยข้าด้วย...!! "
ร่างบางไม่ยอม ร้องตะโกนร้องไห้คนช่วย หากแต่ช้าเกินไป เทียนหลงสกัดจุดสำคัญเอาไว้ เลยทำให้คนที่ร้องขอความช่วยเหลือสลบไปทันที ก่อนจะถูกร่างสูงของอีกคนช้อนขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก และมุ่งหน้ากลับอาณาจักรตน
แต่บังเอิญว่าร่างเล็กขององค์ชายน้อยเซียวหลาน มาทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงถูกพี่ชายสกัดจุดให้สลบไปอีกคน แล้วให้คนไปแจ้งกับองค์ชายรองจินฟู่ว่าน้องเล็กไม่สบาย จะรีบพากลับอาณาจักรตนเสียก่อน และให้อีกคนตามมาทีหลัง
อาณาจักรมาร
"หากองค์ชายน้อยตื่นขึ้นมา พระองค์จะทำเช่นไรต่อไปพ่ะย่ะค่ะ"
องครักษ์คนสนิทของเทียนหลง เอ่ยถามนายของตนด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่เขามองคนตัวเล็กที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอน
"ข้าจะพูดกับเซียวเอ๋อร์เอง เขาเป็นเด็กหัวอ่อนคิดว่าคงไม่มีปัญหา"
"พระองค์จะรับมืออย่างไร หากฝ่ายนั้นตามมาทวงราชินีคืน กระหม่อมว่าคงจะตามมาเร็วๆ นี้" องครักษ์คนสนิทกล่าวถาม
"ก็ให้มันเข้ามาในอาณาจักรข้าสิ ข้าไม่ปล่อยให้มันพาเย่วซินกลับออกไปได้เด็ดขาด"
หลังจากนั้น อี้เทียนหลงก็กลับออกไปจากตำหนักที่น้องเล็กพักผ่อน แต่ไม่ลืมที่จะสั่งทหารเฝ้าเอาไว้ห้ามใครเข้าออกเป็นอันขาดกลัวว่า หากบิดารับรู้ถึงเรื่องราวที่เขาก่อเอาไว้ เรื่องราวคงจะไม่จบง่ายๆ เป็นแน่ ออกมาจากตำหนักน้องชายได้สักพัก เขาก็เรียกเฉาเหว่ยองครักษ์มารของตนมาพบ ไม่นานก็ปรากฏกลุ่มควันสีดำก่อนจะสลายเหลือเพียงบุรุษผู้หนึ่งมาแทน
"นายท่านมีอะไรจะใช้ข้า"
"อาเฉา... เจ้าลอบเข้าไปที่อาณาจักรมังกร แล้วสืบความเคลื่อนไหวของไอ้เฟยหลง ได้ความอย่างไรจงรีบกลับมารายงานข้า"
"ขอรับนายท่าน"
หลังจากรับคำผู้เป็นนาย ร่างนั้นก็สลายกลายเป็นกลุ่มควันดังเดิม มุ่งหน้าสู่อาณาจักรมังกรทันที หลังจากสั่งการลูกน้องเสร็จเขาก็ มุ่งหน้ากลับตำหนัก เป้าหมายคือร่างงามที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงนอนของตน
ในขณะเดียวกันที่อาณาจักรมังกร ทุกคนที่เกี่ยวข้องกำลังประชุมวางแผนชิงตัวราชินีกลับอาณาจักร โดยมีหลิงซานร่วมอยู่ด้วย ข้างกายร่างเล็กมีอี้เฟยคอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง หลังจากที่รับรู้ว่าพี่ชายตนหายตัวไป ร่างเล็กก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เป็นห่วงพี่ชายเหลือเกิน หนิงเฟิ่งและเหยียนจื่อเอง ก็เข้ามาช่วยกันวางแผนการในครั้งนี้
"ข้าไม่สามารถติดต่อกับองค์ราชินีได้เลย"
หนิงเฟิ่งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเครียดขรึมไม่แพ้เฟยหลงเลย เพราะเย่วซินไม่ได้สติ เลยไม่สามารถใช้ดวงจิตรเสื่อสารกันได้เช่นเคย
"เกิดอะไรขึ้นกับท่านพี่ ฮึก ฮือ... "
"เจ้าไม่ต้องกลัวว่ามันจะทำร้ายพี่ชายเจ้า มันไม่ทำเช่นนั้นแน่"อี้เฟยพูดปลอบเมียรัก
"ฮึก พี่เขยท่านต้องช่วยพี่ข้ากลับมาให้ได้นะ ข้าเป็นห่วงท่านพี่เหลือเกิน"
"เจ้าวางใจข้าเถิดหลิงซาน อย่างไรข้าก็ต้องพาเย่วเอ๋อร์กลับมาให้ได้ ข้าจะพาดวงใจข้ากลับมา เจ้าก็รักษาตัวด้วยไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว"
"ท่าพี่เราจะลงมือเมื่อไร" อี้เฟยเอ่ยถามพี่ชายตน
"ข้าคิดว่าเราจะบุกอาณาจักรมารคืนนี้เลย"
"ดีข้าจะไปด้วย"
แผนการทุกอย่างจึงต้องวางเอาไว้อย่างรัดกุมอีกครั้ง ป้องกันการผิดพลาด เวลานี้เลยมีความกดดันเกิดขึ้นกับทุกคน โดยเฉพาะเฟยหลง ใบหน้าคมเครียดขรึมไม่ต่างจากทุกคนในที่นี้เลย
อาณาจักรมาร
อี้เทียนหลงนั่งมองร่างงามที่ยังคงหลับใหล สายตาที่มองร่างงามมีแต่ความรักใคร่ลุ่มหลงเต็มเปี่ยม
"ในที่สุดข้าก็สมหวังสักที ได้เจ้าก็มาอยู่ข้างกายข้าเช่นนี้ ข้าจะไม่ยอมเสียเจ้าไปเด็ดขาด ป่านนี้เจ้าบ้าเฟยหลงคงจะคลั่งตายแล้วกระมัง ที่ข้าขโมยของรักมา"
เย่วซินหลับใหลไปนานเท่าไรก็ไม่อาจเดาได้ แต่ตอนนี้กายบางเริ่มขยับ ตวงตาหวานค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่ร่างบางเห็น คือใบหน้าคมของคนที่ตนไม่อยากเห็นที่สุดในยามนี้ กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ สายตาคมมองมาอย่างยินดี
ดวงตาหวานละจากใบหน้าคมกวาดมองไปรอบกายอย่างหวาดกลัว ก่อนจะหันกลับมาแต่ก็ต้องตกใจกับใบหน้าคมที่ใกล้เขาเกินไป
"อ๊ะ ท่านทะ-เทียนหลงที่นี่"
"อาณาจักรมารของข้าเอง"ร่างสูงตอบแต่ก็ไม่ยอมขยับใบหน้าคมออกไป เอาแต่จ้องมองใบหน้างามของเย่วซินอยู่นาน
เมื่อเริ่มได้สติ ร่างบางก็รีบขยับกายถอยร่อนหาที่ปลอดภัยกว่านี้ เพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายจากคนตรงหน้า แต่หากว่าตนนั่งอยู่บนเตียงกว้าง เลยทำได้เพียงซุกตัวเองอยู่มุมหนึ่งของเตียงนอนเท่านั้น
"พาข้ามาที่นี่ทำไม ข้าจะกลับบ้าน"
"ตั้งแต่นี้ไป ที่นี่คือบ้านของเจ้า เจ้าต้องอยู่กับข้าที่นี่ ท่านั้น"
"ไม่ ที่นี่ไม่ใช่บ้านข้า ข้าจะกลับวังมังกร!” ร่างบางตะโกนใส่อีกคนอย่างไม่ยอมแพ้
"ไม่มีทาง ข้าไม่ปล่อยเจ้ากลับไปหามันอีกเด็ดขาด! " อีกคนก็ไม่ยอมลงให้ร่างบางเช่นกัน
"แต่ข้าจะกลับไปหาสวามี ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้"
"เจ้ารักมัน" ร่างสูงถามออกไปทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะได้ยินคำที่ตนหวังเอาไว้แต่
"ข้ารักเขา เพียงคนเดียวเท่านั้น ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนใจข้าได้"คำตอบที่ได้ ทำให้เขาหมดกำลังใจไปมากเหลือเกิน ความผิดหวังเลยบันดาลโทสะ ให้อยากเอาชนะอีกคนให้ได้
"เจ้ารักมันแต่ข้ารักเจ้า ดูซิถ้าหากร่างกายเจ้าตกเป็นของข้า มันจะยังรักเจ้าอยู่หรือไม่"
"ไม่นะ ข้าไม่ยอม เขารักข้า ท่านพี่รักข้า! "
"ก็คอยดูแล้วกัน ข้ารู้จักมันดี มันยึดติดกับทุกอย่าง และทิฐิสูงเกินไป หากเจ้าเป็นของข้า มันยังจะยอมรับเจ้าอยู่อีกหรือ
"หากร่างกายข้าต้องตกไปเป็นของคนอื่น ข้ายอมตายข้าไม่อาจทำร้ายเขาได้ ไม่อาจทำลายความเชื่อใจที่เขามีให้ข้า ฮึก ข้ายอมตาย"
"ถ้าเช่นนั้นก็มาลองดูกันสักตั้ง แต่ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายหรอกเย่วซิน"
ร่างสูงตรงเข้ามารวบร่างบางเอาไว้ทั้งตัว ก่อนจะกดลงบนที่นอนอย่างโกรธเคือง ที่ร่างงามตรงหน้าดื้อดึงกับเขา มือหนารวบข้อมือบางกดไว้เหนือศีรษะ ใบหน้าคมเริ่มจะซุกไซร้สูดดมความหอมจากกายงามจนยากจะควบคุมตนเองได้อีกต่อไป เพราะราคะในกายตนที่มันเกิดขึ้นมา ร่างงามตรงหน้าที่ ตอนนี้กายสั่นเทิ้มเพราะหวาดกลัว
ใบหน้างามซีดขาวมีเหงื่อผุดขึ้นทั้งใบหน้าและไรผม อาการตื่นกลัวเหมือนกวางน้อยระวังภัย ท่าทางเช่นนี้ทำให้ร่างสูงไม่อาจละสายตาไปได้เลย
"ไม่นะ อย่าทำอะไรข้าปล่อย ท่านพี่ช่วยข้าด้วย! "
ร่างบางดิ้นรนเอาตัวรอดแต่อีกฝ่ายแรงมากกว่าเขานัก มันยากเกินไปที่จะหยุดการกระทำของคนตรงหน้า
"ยอมข้าเสียเถิด ยังไงวันนี้เจ้าก็ไม่รอดพ้นไปจากมือข้าได้หรอก อย่าหวังว่าไอ้หมาบ้านั่นมันจะมาช่วยเจ้าได้ทัน"
"ไม่มีทาง ข้ายอมตาย! "
ร่างบางพูดพลางรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี สะบัดมือจนหลุดจากมือใหญ่ และดึงเอาปิ่นปักผมรูปหงส์ที่ตนมักจะชอบใช้มันเป็นประจำออกมาจากมวยผม เพื่อจะช่วยเหลือตนเอง
"หยุดการกระทำของท่านเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ให้เกียรติท่านอีกต่อไป"
ร่างงามพูดขึ้น พร้อมกับความรู้สึกเย็นยะเยือก ของโลหะแหลมคมที่จ่อตรงลำคอของร่างสูง
"ปิ่นปักผมอันแค่นี้ ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เพราะพยศอย่างนี้สินะ ไอ้หมาบ้านั่นมันถึงได้หลงเจ้าหัวปักหัวปำ"
"ข้ามีดีกว่านี้ ท่านอยากเห็นไหมล่ะ"
"น่าสนใจดี"
"ออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้"
พูดพร้อมกับเพิ่มแรงกดปิ่นปักผม ลงไปบนลำคอของอีกฝ่ายจนได้กลิ่นคาวเลือด ที่เริ่มจะไหลออกมาเล็กน้อย อี้เทียนหลงเลยถอยออกมา ร่างบางเลยได้โอกาสกระโจนลงมาจากเตียงนอนทันที แต่ก่อนที่ร่างบางจะทันตั้งตัว มือหนาก็รวบมือบางอีกครั้งแต่ครั้งนี้ร่างบางสะบัดไม่หลุด เลยปักปิ่นลงไปที่ท่อนแขนเพื่อให้อีกคนปล่อยมือจากเขา แต่มันผิดคาด นอกจากร่างสูงจะไม่ยอมปล่อย ยังโมโหเขามากที่เขาทำให้บาดเจ็บ มือหนาจึงดึงปิ่นทิ้งไป ปิ่นอันแค่นี้มันเจ็บไม่มากพอที่จะหยุดเขาได้ ร่างสูงเหวี่ยงร่างบางลงบนเตียงนอน แต่ครั้งนี้ไม่มีความอ่อนโยนอีกแล้ว กายหนาขึ้นคร่อมร่างบางทันที ก่อนจะก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวม่ลดละ มือหนาพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าของร่างงามอย่างบ้าคลั่ง
"ปล่อยข้า! ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ฮึก ฮือ... "
ร่างบางสะอื้นให้อย่างหวาดกลัว มือบางพยายามดึงรั้งเสื้อผ้าเอาไว้ไม่ยอมให้อีกคนปลดเปลื้องออกจากกายง่ายๆ แต่ดูเหมือนจะสู้แรงพิโรธจากคนตรงหน้าไม่ได้ เสื้อผ้าเริ่มจะหลุดลุ่ยเปิดเผยลาดไหล่เปลือยเปล่าขาวนวลอย่างน่าสัมผัสแก่สายตาคนตรงหน้า ร่างบางร้องไห้ดิ้นรนขัดขืนจนผิวขาวๆ เริ่มจะขึ้นสีแดงตั้งแต่ใบหน้าจนถึงลำตัว สภาพร่างบางตอนนี้ทั้งยั่วยวนและน่าสงสารในคราวเดียว จนเขาไม่อาจหักห้ามใจตนเองได้อีกแล้ว
กับร่างกายนุ่มนิ่มน่าสัมผัส กลิ่นกายหอมยั่วยวนพาให้อารมณ์ใคร่ลุกโชนเกินจะควบคุม ปากหนาก้มลงหมายจะจุมพิตปากบางแต่ร่างบางหลีกหนีสุดชีวิต
"ไม่ ฮึก ออกไป!"
เย่วซินร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ได้ อี้เทียนหลงกดเขาลงกับที่นอนเอาไว้แน่น ตอนนี้เขากลัวคนตรงหน้ามากกับอารมณ์โกรธที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนร่างบางทำอะไรไม่ถูก ก็เลยเอ่ยไล่เขาท่าเดียว จนร่างสูงอดที่จะตะคอกออกไปไม่ได้
"จะต่อต้านข้าไปถึงไหนหะ” เขาโมโหที่ร่างบางไม่ยอมโอนอ่อน เอาแต่ร้องไห้ และหันหน้าหนีท่าเดียว
"ฮึก ฮือ... ปล่อยข้าไปเถิด อย่าทำอย่างนี้กับข้าเลย"
"ไม่! "
พูดจบ มือหนาจับปลายคางเล็กบีบแน่น บังคับให้รับจุมพิตจากเขา แต่ก่อนที่ปากหนาจะประกบลงบนปากบาง ก็เกิดลำแสงสีทองออกมาจากสัญลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าอกของเย่วซินและกลายเป็นมังกรสีทองอร่าม ตรงเข้าไปมัดร่างของอี้เทียนหลงเอาไว้อย่างแน่นหนา
"นี่อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า"
อี้เทียนหลงเอ่ยออกมาอย่างตระหนก เพราะเขาพยายามสะบัดเท่าไรก็ไม่ยอมหลุด
ส่วนเย่วซินก็สลบลงทันทีที่มังกรสีทองปรากฏ ส่วนเฟยหลงรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง เขาร้อนใจเป็นห่วงอีกคนจนใช้ดวงจิตรมังกรมองร่างบางอีกครั้ง หลังจากที่เย่วซินหายตัวไปครั้งนั้นเห็นเพียงร่างบางนอนหลับใหลแต่ครั้งนี้ สิ่งที่เขามองเห็นทำให้เขาคลั่ง ภาพร่างบางนอนสลบไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น และอีกคนที่เขาอยากจะฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อเห็นสัญลักษณ์ประจำกายเขามัดอีกคนเอาไว้ เพราะเขารู้ดีหากไม่ถึงขีดสุดจริงๆ มันจะไม่ปรากฏขึ้นมาเด็ดขาด
"มันบังอาจเหยียบย่ำดวงใจของข้า เจ้ากับข้าคงจะอยู่หายใจร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว"
เฟยหลงเค้นเสียงพูดออกมาด้วยความแค้นเคือง เขาไม่อยากจะคิด หากร่างบางไม่มีสัญลักษณ์ประจำกายของเขาคอยคุ้มครอง ตอนนี้จะเป็นเช่นไร คงจะรอดพ้นจากคนชั่วช้ายากนัก เขาจะฆ่ามันที่บังอาจทำร้ายราชินีของเขา จากที่คิดจะบุกในตอนกลางคืน แต่มาตอนนี้เขาร้อนใจเกินกว่าจะรอให้ถึงตอนนั้น จึงเปลี่ยนแผนบุกเสียตั้งแต่ตอนนี้
ในขณะเดียวกัน ร่างสูงของอี้เทียนหลงก็พยายามทุกวิถีทาง ที่จะให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่แน่นหนา แต่ยิ่งดิ้นมันกลับยิ่งรัดแน่น เสียจนกระดูกแทบแหลกละเอียด
จนเขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอก ก่อนที่จะปรากฏร่างของศัตรูคู่แค้นมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
"ไงเจ้าหัวขโมย อยากตายมากนักหรือไร ที่บังอาจมาขโมยราชินีของข้ามาแบบนี้"
ร่างสูงทักทายคนตรงหน้า ที่ดูเหมือนจะทรมานกับบ่วงมังกรที่รัดกายอยู่ไม่น้อย ดูได้จากใบหน้าที่เหยเกด้วยความเจ็บและทรมาน
"จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าหวังว่าข้าจะร้องขอชีวิตจากเจ้า! "
"ข้าก็ไม่หวังให้เจ้าทำเช่นนั้นเลย เพราะมันไร้ประโยชน์ ยังไงข้าก็คงไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่ทำชั่วได้อีก"
พูดจบก็ซัดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังปราณสีทองใส่อีกฝ่าย จนกระอักเลือดออกมากองโต อาการดูเหมือนจะบาดเจ็บไม่น้อย เพราะพลังขั้นสูงของเฟยหลงที่ซัดเขามา เขาไม่อาจป้องกันตัวได้เพราะถูกพัฒนาการอย่างแน่นหนา อี้เทียนหลงกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะสาหัสน่าดู เฟยหลงเตรียมตัวจะซัดเข้าใส่ซ้ำอีกครั้ง เขาไม่คิดที่จะไว้ชีวิตอีกคนอย่าที่ตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว
"ตายซะ คนชั่วอย่างเจ้าอยู่ไปก็หนักแผ่นดิน ถ้าเจ้าไม่คิดที่จะล้ำเส้นข้าแบบนี้ ข้าก็ไม่คิดที่จะเอาชีวิตเจ้า"
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้
"อย่า! อย่าทำอะไรท่านพี่ของข้านะ"
ร่างบางของเซียวหลานเข้ามาบังร่างพี่ชายที่บาดเจ็บเอาไว้
"ถอยไป! "
"ไม่! ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น"
"ถอยไปเซียวเอ๋อร์"
"ไม่ ท่านพี่อย่าไล่ข้าเลย ฮึก หากจะตายข้าขอตายก่อนท่าน"
"เจ้าทำบ้าอะไร ข้าบอกให้เจ้าถอยไป!” เทียนหลงตวาดน้องเล็กให้ถอยออกไปกลัวอีร่างเล็กจะได้รับอันตรายไปด้วย
"ไม่ ฮึก ฮือ... ท่านพี่ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน อย่างไรข้าก็ไม่ทิ้งท่าน"นอกจากจะไม่ถอยออกไปแล้ว ร่างเล็กขององค์ชายน้อยก็พุ่งตัวเข้าไปกอดร่างใหญ่ของพี่ชายเอาไว้
"เซียวเอ๋อร์พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้าเป็นห่วง แต่พี่ไม่เป็นไรหรอกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้"
"ไม่ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่กับท่าน ท่านพี่ ฮือ... "
เฟยหลงยืนมองอย่างรำคาญ ใจอย่างจะฆ่ามันให้ตายนัก แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะร่างเล็กที่กอดพี่ชายเอาไว้ไม่ได้มีความผิดอะไร และอีกอย่างเขาก็เป็นห่วงร่างบางของเมียรัก ที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงนอน
จึงตัดใจที่จะเอาชีวิตคนชั่วที่เขาแสนชังลง ขาแกร่งก้าวมายังร่างบาง มือหนาช้อนเอาร่างคนที่ไร้สติมาอุ้มเอาไว้
"วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปเพราะน้องชายเจ้า แต่อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีกเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นคราวหน้าแม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้"
พูดจบก็เรียกสัญลักษณ์มังกรสีทองกลับมา และพาร่างบางกลับอาณาจักรมังกรทันที แต่ก่อนไปเขาและหนิงเฟิ่งได้เผาทำลายอาณาจักรแห่งนี้เสียหายไปมาก สร้างความแค้นเคืองให้อี้เทียนหลงเพิ่มทวีคูณขึ้นอีกหลายเท่าตัว อี้เทียนหลงกำมือแน่นยืนมองความย่อยยับของอาณาจักรตน แค้น เขาแค้นแทบกระอักเลือด แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้
"แล้วเจ้าจะเสียใจที่วันนี้ไม่ฆ่าข้าให้ตาย เพราะอย่างไรข้าต้องเอาคืนเจ้าให้สาสม ไอ้หมาบ้าเฟยหลง"
กล่าวอาฆาตอีกคนเอาไว้ ภายในใจมีแต่ความแค้นมันสุมอยู่เต็มอก ไม่คิดว่าตนเป็นคนเริ่มก่อน ด้วยเพราะทิฐิจึงขาดสติไร้ความสำนึกผิดชอบชั่วดี คิดกล่าวโทษเฟยหลงแต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่คนผิดคือตนเองเพียงผู้เดียวที่เป็นคนเริ่มก่อน องค์ราชาแห่งอาณาจักรมารรับรู้ทุกอย่าง จึงกริ้วบุตรชายคนโตมาก ฝ่ามือหนาตบเข้าไปที่ใบหน้าคมของบุตรชายเต็มแรง เพื่อช่วยเตือนสติ คราวนี้บุตรชายทำเกินไป ถึงขนาดลักพาตัวราชินีของวังมังกรมา
โชคดีแค่ไหนที่รอดมาได้เพราะบุตรชายคนเล็ก หากมีครั้งต่อไป คงไม่พ้นใครคนหนึ่งต้องจบชีวิตลง เพราะไม่อาจอภัยให้กันได้
"อี้เทียนหลง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าตีเจ้าเพราะอะไร"
"ลูกรู้ความผิด ลูกยอมรับทุกอย่าง" เขาก้มหน้าตอบบิดาออกไป
"คราวหน้า เจ้ายังจะกล้าทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้อีกหรือไม่เทียนหลง"
ร่างสูงเงียบไม่ยอมตอบผู้เป็นบิดา ราชาเผ่ามารถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับบุตรชาย
"ต่อไปเจ้าต้องรับผิดชอบดูแลอาณาจักรแห่งนี้แทนข้า หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้ ข้าจะวางใจมอบหน้าที่ให้เจ้าดูแลทุกคนได้อย่างไรกันเทียนหลง"
"เสด็จพ่อข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าข้าจะไม่วู่วามอีกแล้ว"
ใช่สิคราวหน้าเขาจะไม่วู่วามเช่นนี้ เขาจะต้องวางแผนให้ดีก่อนจะลงมือ หากก็ต้องรับปากผู้เป็นบิดาเอาไว้เสียก่อนไม่เช่นนั้นแผนการครั้งต่อไป คงจะไม่ราบรื่นอย่างเช่นครั้งนี้ที่พังอย่างไม่เป็นท่า
อาณาจักรมังกร
เฟยหลงค่อยๆ วางร่างที่ยังไม่ฟื้นคืนสติอย่าระมัดระวังด้วยความนุ่มนวล สายตาคมจ้องใบหน้างามอย่างสำนึกผิด ที่ดูแลร่างบางไม่ดี จนต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ตามเนื้อตัวมีร่องรอยเขียวช้ำบ้างประปราย คงเป็นตอนที่ร่างบางต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอด สภาพเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย ทำให้ร่างสูงเจ็บในอกเหลือเกิน ที่ปล่อยให้เมียรักต้องเผชิญหน้ากับคนชั่วช้านั่นตามลำพัง คราวหน้าหากพบเจอ เขาไม่ปล่อยอีกฝ่ายให้หายใจสบายอย่างนี้อีกต่อไป
มือหนาค่อยๆ เช็ดเนื้อตัวให้เมียรักอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน พอเสร็จก็ปล่อยให้ร่างบางพักผ่อน ส่วนตนก็ออกจากตำหนักตรงไปยังอีเฟย ที่รอเขาอยู่ที่ห้องอักษรพร้อมทั้งเหยียนจื่อและหนิงเฟิ่ง ส่วนหลิงซานก็พักผ่อนในตำหนักหลังจากรับรู้ว่าพี่ชายตนกลับมาอย่างปลอดภัย ความเครียดที่มีก็หายไปความอ่อนเพลียที่สะสมอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถฝืนทนได้อีก อี้เฟยจึงบังคับให้พักผ่อน เพราะกลัวจะส่งผลถึงลูกน้อยในครรภ์ เด็กดื้อที่ตอนนี้แทบจะยืนไม่อยู่ ก็ยอมล้มตัวลงนอนแต่โดยดี เพียงไม่นานก็หลับไป
"ท่านพี่ ท่านจะทำอย่างไรต่อไป ข้าคิดว่าเขาไม่น่าจะหยุดแค่นี้"
"ข้าก็คิดเช่นนั้น มันคงกัดไม่ปล่อย น่าเสียดายที่องค์ชายน้อยเข้ามาขวางทาง ไม่เช่นนั้นข้าคงฆ่ามันไปนานแล้ว"
"ข้าว่า มันคงจะวางแผนลงมือในอีกไม่ช้านี้ คนอื่นก็มีตั้งเยอะแยะทำไมต้องเป็นพี่สะใภ้ด้วยนะ"
อี้เฟยพูดขึ้น เฟยหลงหันมามองน้องชาย ก่อนจะให้ความกระจ่าง
"ก็เพราะเย่วเอ๋อร์งดงามถูกใจมัน และที่สำคัญเย่วเอ๋อร์เป็นราชินีข้า ซึ่งข้ากับมันไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วกระมังที่มันอยากเอาชนะข้า และอีกอย่าง เพราะชื่อเสียงของชาวเผ่าหงส์ไฟด้วย "
"ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะช่วยระวังให้อีกแรง"
"ขอบใจเจ้ามากอี้เฟย หนิงเฟิ่งเจ้าคอยดูแลนายของเจ้า อย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด ตอนนี้มันจ้องจะเล่นงานข้ากับเย่วเอ๋อร์ มันคงไม่ใส่ใจเจ้าเท่าไร"
"มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ท่านวางใจเถิด"
ร่างบางของเย่วซินเริ่มขยับตัว หลังจากหลับไปนาน ดวงตากลมโตลืมขึ้นมาอย่างลำบาก เพราะมันหนักอึ้งไปหมด สายตาคมจ้องมองใบหน้างาม พร้อมลูบไล้อย่างปลอบโยน
"เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือไม่"
เพียงได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างบางก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของร่างสูงทันที เฟยหลงกอดรัดปลอบคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ยังคงมีอาการตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย
"ฮึก ฮือ... ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านต้องมาช่วยข้า" ร่างบางร้องไห้ออกมาด้วยความดีจืหลังจากตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่ตนปรารถนา อยากเจอที่สุดเป็นคนแรก
"ข้าอยู่ตรงนี้แล้วเจ้าหยุดร้องไห้เสียเถิด ข้าเห็นแล้วมันปวดใจเหลือเกิน"
"ข้าไม่ร้องแล้ว ฮึก จะไม่ร้องแล้ว"
ร่างบางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ที่มันไหลลงมาเต็มสองแก้มนวล พยายามกลั้นสะอื้นอย่างเต็มที่ เฟยหลงเห็นเช่นนี้เลยจับมือบางเอาไว้ ก่อนที่จะใช้ริมฝีปากตนจูบซับน้ำตาให้คนในอ้อมกอดร่างบางหลับตานิ่ง ยอมให้อีกคนบดจูบลงมาอย่างนุ่มนวล ดูดดื่มปลอบใจซึ่งกันและกัน เพราะคนทั้งคู่ต่างก็เพิ่งจะผ่านพ้นเรื่องหนักหนามาด้วยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมั นทำให้เขาเกือบจะเสียร่างบางไป เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
ร่างกายเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่กำลังกอดรัดกันอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ ต่างก็มอบความสุขให้กันและกันอย่างเต็มเปี่ยม เฟยหลงเชยชมกายงามของเมียรักอย่างไม่รู้จักอิ่ม อาจจะเพราะความเครียดที่สะสมมาหลายวัน ทำให้เขาต้องการปลดปล่อยมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เหมือนจะมีความดุดันรุนแรงปะปนมาด้วย
ร่างบางที่รองรับร่างสูง เพิ่งจะรับรู้อารมณ์อีกด้านของสวามี และเข้าใจว่าเวลาเครียดจัด เฟยหลงมักจะลืมตัวเผลอใช้ความรุนแรงบ่อยครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ร่างบางของเย่วซิน ไม่อาจทนรับได้กับอารมณ์รุนแรงเช่นนี้ได้มากนัก เพราะเขาเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาเลยหมดสติไป
เฟยหลงเพิ่งจะได้สติ ก็ตอนที่ร่างบางของเมียรักหมดสติทันที หลังจากปลดปล่อย เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้กระทำรุนแรงกับคนตรงหน้าไปไม่น้อย อาจเพราะเขายังคงโกรธอี้เทียนหลง ที่มันแตะต้องกายงาม จึงต้องการลบล้างทุกร่องรอยของมัน และประทับรอยของตนเองลงไปแทนที่ มันจึงมีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะจิตใจที่ไม่สงบของเขา กว่าคลื่นพายุอารมณ์จะสงบลง ร่างบางก็มีสภาพย่ำแย่พอสมควร ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ ที่เกิดจากการขบกัดและดูดเม้ม ตาคมจ้องมองร่างบางอย่างรู้สึกผิด ที่ตนใช้ร่างบางเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธ ถึงเขาจะไม่ได้ตั้งใจและทำไปเพราะลืมตัวก็เถิด
"ข้าขอโทษ"ร่างสูงพูดเพียงเท่านั้นก็รวบร่างบางเข้ามากอดและหลับไปด้วยกัน
ความคิดเห็น