ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #11 : หลบหนี

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 63






    หลังจากทีหลิงซานเจ็บป่วยมาหลายวัน ตอนนี้เขาก็หายเป็นปกติ

    เลยออกมาเดินเล่นข้างนอก ก็เจอกับชาวบ้านที่เดินผ่านมา พอพวกชาวบ้านเห็นเขาก็ค้อมศรีษะให้อย่างนอบน้อม หนึ่งในนั้นเลยเอ่ยทักเขา

    "ท่านดีขึ้นเเล้วใช่หรือไม่ท่านหลิงซาน"

    "ผมดีขึ้นมากแล้วล่ะ"

    เขาตอบหนึ่งในนั้นออกไป แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะ พวกเขาทำสีหน้าไม่เข้าใจคำพูดของเขา เขาเลยรีบเปลี่ยนคำพูด เพื่อให้กลมกลืนกับชาวบ้าน

    "เอ่อ คือข้าดีขึ้นมากแล้ว เเล้วพวกคุณจะไปไหนกัน เอ่อข้าหมายถึง
    พวกท่านจะไปที่ไดกัน"

    เขาคงต้องฝึกฝนเรื่องคำพูดเสียไหม่ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม พลางคิดในใจ( ทำไมมันวุ่นวายอย่างนี้วะ กะอีเเค่คำพูดยุ่งยากชิป-าย....)

    "พวกข้าจะไปที่บ้านของท่านผู้นำ ท่านจะไปกับพวกข้าด้วยรึไม่ท่านหลิงซาน"

    "เอ่อพวกท่านมีธุระอะไรกันหรือเปล่า ข้าไปได้ด้วยหรือ"

    "ไปได้ซิท่าน ก็ท่านผู้นำเรียกพวกข้าไป
    เพื่อจะหารือเรื่องของท่านโดยตรง ท่านก็ย่อมไปได้ซิ"

    "เรื่องของข้า เรื่องอะไร"

    "ตามพวกข้ามาเถิดเดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง"

    หลังจากกล่าวจบ พวกเขาก็พากันเดินไปยังที่หมายต่อ โดยมาหลิงซานเดินตามไปอย่างเงียบๆ พลางคิดในในว่า พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร เกี่ยวกับตัวเขาเลยบ่นงึมงำออกมาเบาๆ

    "มันเกี่ยวอะไรกับกูอีกวะนี่ ปวดหัวชมัดเลยโว้ยยย"

    พอไปถึง หลิงซานก็อดเเปลกใจไม่ได้ เพราะเห็นเย่วซิน พี่ชายบุณธรรมของตนนั่งอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นด้วย เเละกำลังปรึกษาหารือเรื่องอะไรกัน เขาก็ไม่รู้ เพราะทุกคนหยุดพูด เเละหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว เลยเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย

    "มีอะไรเกี่ยวกับ เอ่อ ข้าหรือเปล่า"

    เย่วซินลุกขึ้นจากที่นั่ง ตรงมาทางน้องชายบุณธรรมทันที เเละดึงเขาให้เข้าไปนั่งใกล้ๆท่านผู้นำ หลวนคุณหันมามองหลิงซานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่าง ที่อยู่ในกล่องไม้ใบเล็กออกมา เพียงแว๊บเเรกที่หลิงซานเห็นเขาก็จำใด้ในทันที

    "ไอ้สร้อยคอเจ้าปัณหาเป็นเพราะแกฉันถึงต้องมาอยู่ที่นี่"

    เขาได้เเต่เเอบบ่นเงียบๆ เพราะมัน เขาถึงต้องจากบ้านเกิดมาอยู่ที่นี่ ี่ยิ่งคิดยิ่งแค้น

    "ชาตินี้อย่าได้ยาทดีกันเลยเจ้าสร้อยอัปลักษ์"

    "หลิงซาน เจ้าเข้ามาไกล้ๆข้าอีกหน่อยซิ"

    หลวนคุณเอ่ยเรียกอีกคนให้เข้ามาไกล้ๆอีกนิด หลิงซานเลยต้องเขยิบเข้ามาไกล้ๆคนที่นั่งตรงหน้าเขา หลวนคุณเลยสวมสร้อยเส้นนี้ให้หลิงซาน ตอนเเรกเขาจะปฏิเศษ เเต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาม่าเคยบอกกับเขาเอาไว้ว่า ห้ามถอดออกจากคอเด็ดขาดเพราะมันจะช่วยคุ้มครองอันตรายให้กับเขา

    (เอาวะ ถึงขนาดทะลุมิติออกมาได้แบบนี้แล้ว ยังจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก)

    "ข้าเห็นมันตกอยู่ที่ข้างกายเจ้าพร้อมกริชอันนี้ ตอนที่มาถึงที่นี่ ี่เลยคิดว่าน่าจะเป็นของเจ้า"

    หลังจากที่สร้อยคอเส้นสวยได้ มาอยู่ที่ตำเเหน่งที่ควรจะเป็น ก็เกิดลำเเสงสีทองสว่างออกมาจากจี้ลายมังกร ทุกคนจ้องมองอย่างแปลกใจ
    ระคนตื่นเต้น ท่านผู้นำเลยกล่าวขึ้น

    "เอาละนี่คงเป็นนิมิตรหมายที่ดี หลิงซานเจ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม พิธีผูกพันธะส่งตัวเจ้าสาวมังกร จะมาถึงในอีกไม่ช้า เย่วซินข้าฝากเรื่องนี้ไห้เจ้าจัดการด้วย เจ้าจะว่าอย่างไร"

    "ข้ารับปากท่านจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้น โดยไม่ขาดตกบกพร่องเเต่อย่างได ท่านวางใจได้ท่านผู้นำ"

    หลิงซานยืนงงกับคำพูดของคนทั้งคู่ ได้เเต่มองคนนั้นทีคนนี้ที

    "มีใครจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้างว่า มันเรื่องอะไรกัน มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยท่านพี่"

    หลวนคุณรู้สึกแปลกใจ เลยเอ่ยถามเย่วซินออกไป

    "เย่วซินเจ้ายังมิได้บอกเขาหรอกหรือ"

    "ข้าคิดว่ารอให้เขาหายป่วยดีก่อน เเล้วจะบอก เเต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย เขาก็มารู้เสียก่อน"

    "หลิงซานเจ้าฟังสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เเล้วจงยอมรับมัน เพราะอย่างไรเสีย
    เจ้าก็หนีชะตาครั้งนี้ไม่พ้นหรอก อีกไม่นานที่นี่จะมีพิธี
    ผูกพันธะส่งตัวเจ้าสาวมังกรหรือจะเรียกว่คู่ชะตาก็ใด้เช่นกัน ถึงตอนนั้นองค์ราชามังกรจะมารับคู่ชะตาด้วยตนเอง ซึ่งคู่ชะตาครั้งนี้ก็คือเจ้า
    หลิงซานเจ้าคือคู่ชะตาของราชามังกร หลังจากเสร็จพิธีผูกพันธะ ราชามังกรจะรับตัวเจ้ากลับวังมังกรทันที"

    (เอ๋ ? ทำไมเรื่องนี้มันรู้สึกคุ้นๆอย่างไรก็ไม่รู้ เเต่เดี๋ยวก่อนมันเรื่องบ้าบออะไรกัน)

    " ท่านพี่มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย"

    หลิงซานถามออกไปอย่างไม่เชื่อ เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก กับเรื่องราวปะหลาดๆ ที่ผู้นำหมู่บ้านบอกกับเขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา

    "เจ้าใจเย็นๆก่อนเถิดหลิงซาน ที่ท่านผู้นำพูดออกมาเมื่อสักครู่ มันเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง เจ้าคือคู่ชะตาเป็นผู้ที่ถูกเลือก ไห้เป็นราชินีขององค์ราชามังกร"

    "ราชินีส้นตรีนอะดิ อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงทั้งปากไปเลย ราชินีบ้านพ่องดิกูเป็นผู้ โว้ยโปรดเข้าใจไว้ด้วย"

    "เจ้าพูดจาพิลึกนักพวกข้าฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย"

    "ราชินีหรือ พวกท่านเป็นบ้ากันไปหมดเเล้วหรือไร ข้าคือผู้ชาย เอ่อคือบุรุษไม่ใช่สตรี จะไปเป็นราชินีได้ไงเล่า เพี้ยนกันทั้งหมู่บ้านกันเลยหรือไง ท่านก็ชื่ออย่างนั้นด้วยหรือท่านพี่ แต่ข้าไม่ชื่อเเละไม่ยอมเล่นอะไรบ้าๆ ไปกับพวกของท่านหรอก"

    "เเต่เจ้าต้องเข้าพิธีผูกพันธะ กับราชามังกรนี่คือคำสั่ง"

    "ไม่ มังกรอะไรข้าไม่เคยเห็น ท่านอย่ามาพูดมั่วๆนะ"

    หลวนคุณชักจะโมโหกับความดื้อดึงของหลิงซาน จึงออกคำสั่งกับอีกฝ่าย ด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ทำให้หลิงซานไม่พอใจเอามากๆ หมดความนับถือ อีกฝ่ายลงไปทันที เลยแผลงฤทธิ์เข้าให้

    "ตาแก่บ้าพลัง บ้าอำนาจ ข้าไม่มีทางทำตามความต้องการของพวกท่านหรอก อย่ามาบังคับข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไปจากที่นี่"

    เขาพูดออกมาด้วยความโกรธ ดวงตาสวยตอนนี้เอาเเต่จ้องตาของท่านผู้นำ อย่างเอาเป็นเอาตาย บ่งบอกว่าอย่างไรเสียก็ไม่ยอมเด็ดขาด

    "เจ้ากล้าดีอย่างไรหลิงซาน เจ้าอย่าท้าทายข้าให้มันมากนัก ถ้าเจ้าคิดจะหนี ีข้าจะไห้คนจับเจ้ามัดไว้ จนถึงวันเข้าพิธีจะเอาอย่างไรก็เลือกเอา"

    หลวนคุณหมดความอดทนกับความดื้อรั้นของหลิงซาน เลยยื่นคำขาดออกไป
    เเต่มีหรือที่หลิงซานจะเกรงกลัว เพราะเขาชื่อว่าตนเองก็มีฝีมือพอตัว ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น เย่วซินยืนมองอยู่เงียบๆ เขาคิดว่าเรื่องนี้ ี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ยังไงหลิงซานคงไม่ยอมง่ายๆเป็นแน่ ท่านผู้นำก็คิดเช่นนั้น
    เลยสั่งให้เย่วซินจับตาดูหลิงซานเอาไว้ อย่าได้คลาดสายตาเป็นอันขาด

    "มันเรื่องอะไรกันวะนี่ ทำไมมันถึงได้ซวยบรรลัยอะไรอย่างนี้วะ แต่อะไรก็ไม่เท่าที่จะให้กูไปเป็นเมียไอ้มังกรอะไรนั่นอีก กูเป็นผู้ชายโว้ย..
    ตัวผู้เข้าใจไหม จะมีผัวได้ไง ช้างชนช้าง หยี๋ๆๆๆ คิดเเล้วขนลุกโว้ย ห่ากูจะหนี กูจะหนี"

    เขาตีโพยตีพายอยู่คนเดียวอย่างคนจิตตก พูดจางึมงำตามประสา เเต่คนอื่นก็ฟังไม่รู้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกไปว่าจะหนี

    "ห่าเอ้ย ไอ้มังกรส้นตีน คอยดูเถอะอย่าให้เจอก็เเล้วกัน พ่อจะกระทืบให้จมดินเลยคอยดู สัต"

    "
    "
    "
    "
    "
    "
    "กลางดึกสงัดคืนหนึ่ง มีเงาตะคุ่มๆกำลังมุ่งหน้าออกจากบ้านที่ตนพักอาศัย ขาเล็กๆกำลังย่ำเดินไปข้างหน้า อย่างไม่มีจดหมายปลายทาง มือก็กระชับกริชเล่มเล็กที่อยู่ในมืออย่างมั่นคง พร้อมที่จะฟาดฟันทุกอย่าง ที่คิดว่าเป็นอันตรายต่อตัวเอง พลางก็บนบานสิ่งศักสิทธิ์ ขอให้ตนรอดจากการหลบหนีในครั้งนี้ด้วยเถิด หลิงซานกำลังเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลัง เพื่อจะไห้พ้นไปจากหมู่บ้านเเห่งนี้โดยเร็ว ถึงเเม้ว่าหนทางข้างหน้า มันช่างมืดมิดเเละน่ากลัวอะไรอย่างนี้ มองอะไรก็ไม่เห็น แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ยังงัยก็ต้องไป ถ้าไม่อยากเป็นเมียไอ้งูยักษ์อะไรนั่น เท้าเล็กๆก้าวเดินอย่าเร่งรีบ กลัวว่าหากคนในหมู่บ้านรู้เข้า คงได้ระดมคนทั้งหมู่บ้าน ออกตามหาเขากันให้วุ่น ถึงคราวนั้น เขาคงหมดโอกาส ที่จะหนีไปจากที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย ร่างเล็กมุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง หากเเต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกเเปลกๆ เหมือนมีใคร หรืออะไรกำลังจ้องมองตนอยู่ ด้วยความหวาดระแวงเลยทำให้เขา ต้องใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ผ่านความมืด ก็ไม่เห็นจะมีอะไร เเต่ในใจลึกๆ รู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย กับสิ่งที่มองไม่เห็น

    "
    "
    "
    "
    "
    ด้านวังมังกร

    เฟยหลงเเละอี้เฟย กำลังใช้ดวงจิตรมังกรเพ่งดูคู่ของตน ด้วยความร้อนใจ พวกเขามักจะมีความรู้สึกเมือนกัน เเละวันนี้ทั้งคู่รู้สึกสังหรใจ ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เลยรีบใช้ดวงจิตรมังกรเพ่งมองดูเหตุการต่าง อี้เฟยเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้ มื่อเห็นคนที่ตนเฝ้าคิดถึง กำลังวิ่งอยู่ในป่า ท่ามกลางความมืดมิดเเละอันตรายรอบด้าน

    "นั่นเจ้าจะไปที่ไดกันมืดๆค่ำๆเช่นนี้ มันอันตรายเกินไป เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันเเน่"

    อี้เฟยชักจะนั่งไม่ติดที่ เมื่อเห็นคนตัวเล็ก วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต เพราะตอนนี้มีคบไฟหลายอันส่องสว่าง เเละมุ่งหน้ามาทางคนตัวเล็กของเขา
    หลิงซานวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดชีวิต เพระเขาเห็นคบไฟจำนวนมาก มุ่งหน้ามาทางเขาอย่างอลหม่าน
    "
    "
    "
    "
    "
    ทางด้านเย่วซิน ซึ่งตอนนี้เขาได้พาคน ออกตามหาน้องชายบุณธรรม ด้วยความเป็นห่วง พอรู้ว่าหลิงซานหนีออกมา เขาก็รีบเเจ้งชาวบ้าน ให้ช่วยกันออกตามหาทันที ขนาดเขาระวังเอาไว้เเล้วนะ เเต่ยังพลาดจนได้ ้เพราะเผลอหลับไปเเค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ตื่นมาอีกที คนตัวเล็กก็ หนีหายไปเสียเเล้ว ค่ำมืดเเบบนี้มันอันตรายยิ่งนัก สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับ ป่าเเห่งนี้ หลิงซานวิ่งมาเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย เส้นทางรึก็รกชันสิ้นดี ีตอนนี้ตามเนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของกิ่งไม้ ที่ตนบุกเข้าไป เเต่ร่างเล็กก็ไม่ได้สนใจตัวเองสักนิด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย ที่ได้รับบาดเจ็บบ้างก็ตามที แต่ที่คนตัวเล็กเป็นกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือ คบไฟที่ตามเขามาด้านหลังเสียมากกว่า

    "ที่นี่ที่ไหนกัน ไอ้ป่าบ้านี่ก็เสือกเหมือนกันหมด เเล้วจะไปทางไหนต่อดี เวรกรรมอะไรของกูวะ ที่ต้องมาตกที่นั่งเเบบนี้ ฮึก ป๊าช่วยซานด้วย ซานอยากกลับบ้าน ฮึก ฮื่อๆๆๆ"

    เขาร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง คงหมดหนทางแล้วจริงๆ ทั้งเหนื่อยล้า หิวโหย อีกทั้งยังหวาดกลัวอย่างจับหัวใจ หันไปทางไหน ก็มีแต่ความมืดมิด จิตใจที่คิดว่าเข้มเเข็งขึ้นมากแล้ว แต่มาตอนนี้ มันกลับอ่อนแอเอามาก และต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างเป็นที่สุด ตามเนื้อตัวมีเลือดไหลซิบ เพราะโดนกิ่งไม้ที่แหลมคมบาดเอา เขาไม่ได้สังเกตุเลยว่าตอนนี้ สร้อยคอที่เขาสวมอยู่ ได้หลุดหายไปเสียแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
    อี้เฟยได้เเต่มองคนที่ตนรักอย่างเป็นห่วง อยากจะยื่นมือเข้ามาช่วยหลือเกิน เเต่ต้องหักใจไว้ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎของเผ่าได้ ด้านเฟยหลงก็กำลังมองเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นอย่างหงุดหงิดหัวใจ ที่คู่ของตนเอาเเต่เป็นห่วงเด็กนั่น เเละเสี่ยงออกตามหามืดๆค่ำๆแบบนี้ มันอันตรายขนาดไหน อีกฝ่ายน่าจะรู้ดี เจ้าเด็กนั่นมันสำคัณขนาดไหนกัน ถึงต้องออกตามหากันให้วุ่นวายแบบนี้
    เย่วซินรีบเร่งฝีเท้าไล่ตามอีกฝ่ายให้ทัน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเศษผ้า
    ชิ้นหนึ่งที่โดนกิ่งไม้กี่ยวขาดติดอยู่ เลยหยิบออกมาดูก็จำได้ในทันที

    "เขามาทางนี้ พวกเรารีบตามให้ทันก่อนที่จะเกิดอันตรายกับคู่ชะตา พวกเจ้าเเยกไปทางโน้น เดี๋ยวทางนี้ข้าจะตามไปเอง ระวังตัวกันด้วยทุกคนมันอันตราย"

    "ครับ "

    พวกเขาตอบรับพร้อมกันอย่างขยันขันเเข็งต่างก็ให้ความเคารพอีกฝ่าย เพราะทุกคนรู้ว่าเย่วซินจะรับตำเเหน่ง หัวหน้าหมู่บ้านคนถัดไป ต่อจากหลวนคุณ เย่วซินรีบวิ่งตามหลิงซานไป เขาเเยกตัวไปตามลำพังเพราะหากเจอ หลิงซาน จะได้ไม่ต้องตกใจ และเขาก็สามารถเกลี้ยกล่อมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดยที่ตัวเขาก็ไม่รู้เลยว่า มีอะไรบางอย่างผิดปกติเขาเดินมาได้สักพัก ก็เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติแต่ไม่รู้ว่าอะไร เลยระมัดระวังตัวมากขึ้น เขาเดินไปเรื่อยๆ หูก็เกิดได้ยินเสียงร้องให้ขึ้นมา
    รู้ได้ในทันทีเลยว่าเป็นเสียงของน้องชายตนเอง จึงรีบวิ่งไปยังที่มาของเสียง ก็เจอเจ้าตัวยุ่งนั่งก้มเอาใบหน้าซุกเข่าร้องให้อยู่ คงเพราะหมดหนทางที่จะไปต่อ เขารีบเข้าไปดึงร่างเล็กมากอดไว้พร้อมเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างโลงอก ที่หาคนตัวเล็กเจอ ก่อนที่จะเกิดอันตราย คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งสุดตัว เมื่ออยู่ดีๆก็มีคนมาคว้าตัวเขาเข้าไปกอด เเต่เพียงไม่นานเขาก็รู้ได้ว่า คนที่กอดตนไว้เป็นใคร ก็เลยยกมือเล็กกอดกลับไปอย่างไม่ลังเล

    "เฮือก ท่านพี่ท่านจริงๆด้วยฮือๆๆข้ากลัวช่วยข้าด้วย"

    "ไม่เป็นไรเเล้ว เจ้าหยุดร้องเสียเถิดนะ ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน กลับบ้านกันเถิดนะ ท่านพ่อท่านเเม่กำลังรอเจ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วง กลับไปหาพวกท่านเถิดหลิงซาน"

    หลิงซานได้แต่พยักหน้ารับ เย่วซินเลยดึงอีกฝ่ายไห้ลุกขึ้น เพื่อที่จะพากันกลับบ้าน หากเเต่ว่าพอหันกลับมาก็เจอเข้ากับบุรุษ ร่างกายสูงใหญ่สองคน ยืนมองหน้าพวกเขาทั้งคู่ เย่วซินมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

    "พวกเจ้าสองคนมีเรื่องอันไดจะพูดกับข้ารึ หารเปา ถ่งท่าย "

    เย่วซินเอ่ยกับสองคนนั้นซึ่งเขารู้จักเป็นอย่างดี เพราะเขากับสองคนนี้
    ไม่ถูกกัน เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ด้วยเรื่องที่หารเปา ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาซักเท่าไร ที่ท่านผู้นำหมู่บ้านจะยกตำเเหน่ง ผู้นำหมู่บ้านไห้เขาในวันข้างหน้า พร้อมกับหนิงอัน สตรีที่ตนเเอบรัก ก็ยังไปรักเย่วซินอีก จึงทำไห้อีกฝ่ายเเค้นเคืองเขายิ่งนัก มาวันนี้มีโอกาศ จึงคิดที่จะกำจัดอีกฝ่ายให้พ้นทางเสีย ด้วยฝีมือที่ต่างก็ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร เลยหากจะเสียเปรียบอีกฝ่ายก็คงจะเป็น รูปร่างที่เล็กของเย่วซินซึ่งเล็กกว่าอีกฝ่ายอยู่มาก ทั้งคู่กระโจนหันคมดาบเข้าใส่กันไม่ยั้ง เย่วซินผลักหลิงซานให้ห่างคมดาบ กลัวจะพลาดพลั้งโดนเข้าจะเป็นอันตราย หลิงซานกำกริชในมือไว้แน่น พุ่งตัวเข้าไปหมายจะช่วยพี่ชายอีกเเรง เเต่ถูกอีกคนรวบตัวเอาไว้

    "เจ้าจะไปไหน ไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับพวกเขาหรอก เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า"

    มันลากร่างของหลิงซานไปอีกทางหมายจะขืนใจอีกฝ่าย เพราะรูปร่างและหน้าตา ถูกใจมันยิ่งนักมันหมายปองเขามานานเเล้ว พอมีโอกาศ
    ก็รีบฉวยไว้โดยเร็ว แต่หลิงซานสบัดหลุด เลยซัดหมัดเล็กๆ ไปทีใบหน้าถ่งท่ายเสียเต็มรัก เเต่เชื่อเถิดว่า เเรงทีส่งไปไม่ได้เล็กอย่างเจ้าของมัน เล่นเอามันล้มลงไปนอนนับดาวแทบไม่ทัน พอหายมึน อีกฝ่ายก็กระชาก หลิงซานมาตบลงไปบนใบหน้างามเสียฉาดใหญ่ เล่นเอากรามแทบหัก เพราะอีกฝ่ายตัวใหญ่ เเรงเลยมากตามไปด้วย หลิงซานเลือดขึ้นหน้า เพราะความเจ็บ

    "ไอ้เหี้ย มึงอยากตายนักใช่ใหมไอ้สัตกูจะฆ่ามึงงงง"

    หลิงซานตะโกนออกไปเพราะโกรธจัด มันหันมามองด้วยฟังไม่รู้ความ หลิงซานใช้จังหวะที่มันเผลอ เตะก้านคออีกฝ่ายหลับกลางอากาศ โดยที่กรรมการไม่ต้องนับ เเล้วถอยมายืนดูผลงานตัวเองอย่างภูมิใจ
    อาวุใดก็ไม่ดีเท่ากับอาวุธที่ติดกายเรามาเเต่กำเนิด
    นึกขึ้นมาได้ว่า พี่ชายตนกำลังผเชิญหน้ากับไอ้ยักษ์ตามลำพัง เลยรีบ
    มองหากริชเล่มเล็กซึ่งไม่รู้ว่ามันกระเด็นตกไปอยู่ที่ได ตอนที่เขาถูกไอ้บ้านี่ ลากตัวมา เลยทำกริชหลุดมือ สร้อยคอก็ด้วยหายไปหมด ไม่เห็นจะช่วยอะไรเขาได้ อย่างที่อาม่าบอกเอาไว้เลย สายตาเหลือบไปเห็น กริชเล่มเล็กตกอยู่ไม่ไกลนัก จึงรีบหยิบขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนรีบ
    เข้าไปช่วยเย่วซิน ที่กำลังจะรับมือกับอีกฝ่ายไม่ไหว เพราะสู้เเรงอีกฝ่ายไม่ได้ เขาเห็นพี่ชายใช้เวทย์ต่อสู้ เเต่อีกฝ่ายก็มีพลังเวทย์ เหมือนกัน เย่วซินเลยเสียหลักโดนอีกฝ่ายซัดพลังเวทย์เข้าใส่ เลยกระอักเลือด ออกมาคำใหญ่ หลิงซานรีบเข้ามาประคองพี่ชายตนทันที จะช่วยใด้ยังไง ก็เขาไม่มีพลังเวทย์นี่ ขนาดคนมีพลังอย่างพี่ชายตน ยังสู้มันไม่ได้เลย เเล้วเขาจะเหลืออะไร

    หลิงซานมองอย่างตื่นตะลึง เกิดมาจากท้องพ่อท้องเเม่จะยี่สิบเเล้ว ยังไม่เคยเห็นพลังอะไรเเบบนี้เลย เคยเห็นก็แต่ในละครเเต่นี่มันของจริง เลยตื่นเต้นไปด้วย เห็นพี่ชายตนใช้ฝ่ามือที่มีดวงไฟลอยอยู่ ซัดใส่อีกฝ่ายไป เลยมีเพลิงลุกไหม้ไปทั่วบริเวรนั้น

    "โห เท่ห์ชมัดเลยผมอยากทำได้บ้างจัง"

    ในขณะเดียวกันเฟยหลงกับอี้เฟย มองทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง เพราะดูท่าทางอีกฝ่าย มุ่งหมายเอาชีวิตของคนทั้งคู่พวกเขาสองคน มองอย่างกระสับกระส่าย ต่างคนตำหนักใครตำหนักมัน แต่ด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม อย่างกับมีไฟเเผดเผา เลยต่างก็ตรงดิ่งเพื่อไปหากัน อย่างไม่ได้นัดหมายมาก่อน เเต่มาเจอคนละครึ่งทาง

    "ท่านพี่ข้า"

    "เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ตามข้ามา"



    +++++++++++±+++++++++++++++++







    มาอัฟแล้วนะยังงัยฝากนิยายเรื่องนี้ไว้กับทุกคนด้วยนะคะเม้นกันมาบ้างจะเป็นพระคุณอย่างสูง????????????????

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×