ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักราชามังกร

    ลำดับตอนที่ #9 : พลัดพราก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 63




    ทางด้านวังมังกร


    อี้เฟยนั่งเหม่อลอย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลังจากที่เมื่อคืนตนได้ส่งญาณทิพย์เข้าสู่นิมิตรของคู่ชะตา พอตื่นขึ้นมาก็มีอาการอย่างที่เห็น จนทำให้ซือจิ้นองค์รักคู่กายยืนมองมาด้วยความแปลกใจระคนสงสัยจึงเอ่ยถามออกไป

    "องค์ชาย เป็นอะไรหรือเปล่าพะยาค่ะกระหม่อมเห็นองชายมีอาการเเปลกตั้งเเต่ตื่นบรรทมเเล้ว"

    "เปล่าหรอก เมื่อคืนข้าก็เเค่นิมิตรเห็นคู่ชะตาก็เท่านั้น"

    "เป็นอย่างไรบ้างงามอย่างที่พระองค์คิดไว้ใช่หรือไม่ ถึงกับมีอาการเหม่อลอยเช่นนี้"

    "ข้าจะบอกเจ้าอย่างไรดีล่ะ จะว่าไปก็งามอยู่นะ งามเเบบบุรุษรูปงามน่ะ"

    เขาบอกองครักออกไป ซึ่งเรียกความสนใจของซือจิ้นได้ไม่น้อย

    "เขาเป็นบุรุษ"

    "ใช่เป็นบุรุษที่งดงามมิใช่น้อย ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ชักอยากจะเจอหน้าโดยเร็วเสียเเล้วซิ"

    เขาพูดพลางก็คิดไปถึงความฝันที่ผ่านมาเมื่อคืน คิดถึงใบหน้างามของคนในฝัน ก็เผยรอยยิ้มออกมา เขายังจำสัมผัส จำความรู้สึกเหล่านั้นได้ดี ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มนั้น มันหอมหวานละมุนปานใดจนเขามิอาจลืมเลือนได้เลยแม้เเต่น้อย

    "คนอะไร ทำไมมันช่างหวานปานนี้ ถึงเจ้าจะมิใช่สตรีเเต่ข้าก็พอใจเจ้ายิ่งนัก"

    เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว จนซือจิ้นสังเกตุเห็น

    "กระหม่อมว่าคงจะฝันดีจริงๆหึๆๆ"

    ซือจิ้นหัวเราะออกมาเบาๆ เป็นเหตุให้อี้เฟยถลึงตาใส่เขา คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้

    "ร้ายนักนะพะยาค่ะ เเค่เจอกันในฝันก็จับเขาจุมพิษเสียเเล้ว เขามิเคืองเเย่รึพะยาค่ะ"

    "นี่เจ้าคงอยู่ไกล้เจ้าบื้อมากเกินไปเเล้วกระมัง เจ้าคงอยากจะให้ข้าส่งตัวเจ้าไปให้ท่านพี่ ใช่หรือไม่ซือจิ้น"

    เมื่อถูกอีกฝ่ายรู้ทันก็ยกเรื่องที่อีกฝ่ายเกรงกลัวขึ้นมา ข่มขู่ทันทีเเละมันก็ใช้ได้ผลดีเสียด้วยสิ ซือจิ้นหงอลงทันที

    "เป็นอย่างไรละถึงกับเป็นใบ้เลยรึฮะๆๆอย่างไรเสีย เจ้าก็กลัวท่านพี่อยู่ดี เอาล่ะข้าจะไปหาท่านพี่"

    พูดจบก็ตรงไปหาพี่ชายฝาเเฝดของตนทันที
    เฟยหลงนั่งจิบชาอยู่ที่ศาลากลางสระบัววันนี้ว่างเว้นจากราชกิจ เลยมานั่งเพื่อผ่อนคลายอยู่ใด้สักพักเเล้ว ก็หันไปเห็นอี้เฟยเดินมาพร้อมองครักษ์ประจำกาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลัวอะไรเขานักหนา หลบไปอยู่หลังน้องชายฝาเเฝดของเขาทุกครั้งที่เจอเหมือนซิ่นเฉิงองครักษ์หน้าตายของเขา จะรู้จึงรีบตรงไปคว้าตัวคนตรงหน้า พาออกไปจากตรงนั้นทันที เเต่คงรออยู่เเถวๆนี้ไม่ไปไหนไกล ปล่อยให้เขากับน้องชายอยู่คุยกันตามลำพัง

    " ท่านพี "

    "มีอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่อี้เฟย ข้าเห็นอาการร้อนรนเเปลกๆของเจ้า"

    เฟยหลงถามก่อนจะยกชาขึ้นจิบอย่างช้าๆอี้เฟยตอบออกมา ก่อนจะยกชาขึ้นจิบตามพี่ชายตนบ้าง

    "เมื่อคืนข้าส่งญาณทิพย์เข้านิมิตรคู่ชะตา"

    "เป็นอย่างไรบ้างล่ะคู่ชตาของเจ้า นมใหญ่ถูกใจเจ้าหรือไม่อี้เฟย"

    เฟยหลงเอ่ยเย้านองชายฝาเเฝดขึ้นทันที

    พรวดดด เเค๊กๆๆๆ

    จบคำพูดของพี่ชายอี้เฟยถึงกับสำลักน้ำชาพรวดพราดออกมา ไม่รู้จะตอบคำถามของพี่ชายอย่างไร เขาเคยหมายมาดเอาไว้ว่าคู่เขาจะต้องเป็นสตรี ที่งดงามเเละอีกหลายๆอย่าง เเต่ที่เขาเห็นคู่ชะตาของเขาเป็นบุรุษไม่ใช่สตรี เเต่นี่หาใช่ปัณหาถึงจะเป็นบุรุษ แต่ก็ช่างงดงามไม่ผิดสตรีเลยแม้เเต่น้อย แค่นี้ก็ดีมากเเล้วสำหรับเขา เขาพอใจในตัวคู่ชะตาของตนยิ่งนัก

    "เอ่อ คือ คือคู่ของข้าเป็นบุรุษ หาใช่สตีไม่แต่ข้าพึงพอใจในตัวเขายิ่งนัก แล้วคู่ของท่านล่ะท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง"

    อี้เฟยอ้ำๆอึ้งๆ ตอบพี่ชายตนไปเฟยหลงแปลกใจอยู่เช่นกันที่คู่ชะตาของเขาทั้งคู่เป็นบุรุษ เเต่อะไรก็ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้นไม่มีข้อยกเว้น

    "คู่ของข้าก็เป็นบุรุษเช่นกัน"

    "เป็นอย่างไรบ้างท่านพี่ งามอย่างคู่ของข้าหรือไม่"

    อี้เฟยเอ่ยถามออกไปด้วยความตื่นเต้นอย่างน้อยคู่ของเขา กับพี่ชายก็เป็นเพศเดียวกัน

    "ถึงเวลาเจ้าก็จะเห็นเอง แต่ข้าว่าเขางามไม่เเพ้คู่ของเจ้าเเน่นอน"

    เฟยหลงตอบน้องชายตนออกมาพร้อมรอยยิ้ม อี้เฟยมองอย่างสงสัยว่าพี่ชายตนคงจะพอใจคู่ของตนเอง ไม่น้อยเหมือนกัน

    "ท่านพี่ยิ้มแบบนี้ คงพอใจคู่ตนไม่น้อยใช่หรือไม่"

    "ใช่ข้าพอใจอยู่มิน้อย"


    .........................................................




    ทางด้านของเย่วซิน

    หลังจากเล่าความฝันให้มารดาฟัง วันรุ่งขึ้นมารดาก็พาเขาไปที่บ่อน้ำศักสิทธิ์ เพื่อมาขอพรจากเทพอัคคีอย่างที่ได้หมายมั่นไว้ตั้งเเต่ต้น ทั้งคู่เดินเข้ามาข้างในซึ่งพวกชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นมา เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีสำคัญต่างๆของเผ่าหงส์ไฟ มีรูปปั้นเทพอัคคีที่พวกเขานับถือกัน ตั้งอยู่ตรงกลาง รอบข้างเปิดโล่งให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก มารดากับเย่วซินนั่งลงตรงหน้ารูปปั้น ก้มลงทำความเคารพพร้อมก้มหน้าขอพร ซินหลี่ขอให้เย่วซินเเคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ที่เป็นสิ่งไม่ดีก็ขอให้หลุดพ้น เย่วซินก็เหมือนกัน ช่วงนี้เขาใจคอไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ จึงขอให้ตนเองหลุดพ้น จากเหตุร้ายใดๆก็ขอให้เเคล้วคลาด

    "เย่วเอ๋อร์ อีกสองวันก็จะถึงงานพิธีสักการะเทพอัคคีแล้ว เจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง"

    "ข้าจัดเตรียมทุกอย่าง พร้อมหมดเเล้วท่านเเม่"

    "ดีเเล้วอย่าให้ท่านผู้นำผิดหวังในตัวเจ้าเสียล่ะ เดี๋ยวจะพาลไม่ยกหนิงอันให้เจ้ๅาคงเเย่น่าดู"

    "ไม่หรอกท่านแม่ ข้าไม่ยอมหรอกอย่างไรเสีย อีกไม่นานก็จะถึงวันมงคลของข้ากับนางเเล้ว"

    เขาพูดกับมารดา เพราะไกล้จะถึงกำหนดเต็มทีเเล้ว เพียงแค่เสร็จพิธีผูกพันธะของคู่ชะตา เเล้วก็จะถึงวันมงคลของเขากับคนรักบ้าง คิดเเล้วอยากให้ถึงวันนั้นจังเย่วซินคิดอย่างมีความสุข

    .............................................................


    ทางด้านของไป๋หลิงซาน

    วันนี้ไป๋หลิงซานกับเทียนซื่อ ก็ถูกบิดาพามาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ อย่างที่ท่านบอกไว้ตอนนี้รถคันหรู๋ก็ได้เข้ามาจอดในบ้านหลังนึง ดูคงจะเก่าเเก่อยู่มากเเต่ก็ถูกดูแลรักษาเอาไว้อย่างดี จึงไม่เห็นสภาพทรุดโทรมเท่าที่ควรจะเป็น มีหญิงรับใช้วัยกลางคนออกมาต้อนรับ เเละเชื้อเชิญพวกเขาให้เข้าบ้าน

    "เชิญเข้ามานั่งข้างในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณท่านจะรีบออกมาพบคะ"

    ตอนนี้ทั้งหมด ได้มานั่งที่โซฟารับเเขกรอเจ้าของบ้านอยู่ มีหญิงสาวรับใช้อีกสองคน ยกน้ำเเละขนมออกมาต้อนรับแขกของเจ้านาย หญิงสาวสองนางดูเเล้วอายุไม่น่าจะเกิน18นั่งจ้องหลิงซานกับเทียนซื่อตาไม่กระพริบ สายตานี่มองดูก็รู้ว่าหลงเสน่ห์สองคนเข้าเต็มเปา เหมือนเทียนซื่อกับหลิงซานจะรู้ทัน เลยหันไปส่งรอยยิ้มหวานไปให้ เล่นเอาสองสาวมองตาค้างอ้าปากหวอ ก่อนจะยิ้มส่งกลับคืนไปเเละรีบหลบตา อายม้วนกันไปหลายตลบหลิงซานกับเทียนซื่อหันมายักคิ้วให้กัน ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างสนุก ที่ได้เเกล้งแม่สาวหน้าตาจิ้มลิ้มทั้งคู่ ให้อายม้วนแบบนี้ไม่นานเจ้าของบ้านที่ทุกคนรออยู่ ก็ออกมา หลิงซานนั่งมองหญิงชรา ที่ดูเเล้วถึงอายุจะมากคงประมาณ70เห็นจะได้ เเต่ร่างกายยังดูเเข็งเเรงอยู่มาก การเเต่งตัวก็ดูดีมากเสียด้วย

    "เป็นงัยบ้างครับ สบายดีหรือไม่ ผมมาธุระเเถวนี้เลยมีโอกาสเเวะมาเยี่ยม"

    เจ้าสัวไป๋ประสานมือทำความเคารพผู้ใหญกว่า เทียนซื่อเเละหลิงซานเลยทำตามท่านบ้าง หญิงชรามองเจ้าสัวก่อนจะเอ่ยตอบ เเละหันไปมองพวกหนุ่มๆบ้าง

    "ฉันสบายดีอยู่หรอก ไม่ได้เจอกันเสียนานนึกว่าจะลืมยายเเก่คนนี้เสียเเล้ว เเล้วพ่อหนุ่มรูปหล่อสองคนนี้ใครกันรึอาฟง"

    "คนนั้นนะเทียนซื่อ เพื่อนของอาซานนะครับ"

    "ส่วนนี่อาซานครับลูกชายของผม อาอี๊ยังจำได้มั๊ยครับเมื่อก่อนผมเคยพามาเยี่ยมอาอี๊ครั้งหนึ่งเเล้ว เเต่ตอนนั้นอาซานยังเด็กมาก"

    "อ้อ จำได้ซิ เด็กที่มีปานอยู่ข้างหลังใช่มั๊ยอาฟง"

    "ใช่ครับ เด็กคนนั้นเเหละครับ"

    "ไหน เข้ามาไกล้ๆไห้อาม่าดูหน่อยซิพ่อคุณ ดูๆ โตเป็นหนุมเเล้วซินะ หล่อเชียวอายุเท่าไรเเล้วล่ะเรา"

    หญิงชราจับไหล่ชายหนุ่ม หมุนไปหมุนมามองสำหรวจก่อนจะเอ่ยปากชม เเละอดไม่ได้ที่จะถามถึงอายุของอีกฝ่าย

    "อาม่าชมเเต่ไอ้ซานมัน ผมก็หล่อนะครับหล่อกว่าไอ้ซานมันอีก"

    เทียนซื่อขัดออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อดึงความสนใจบ้าง อาม่าหันมามองก่อนจะยิ้มออกมา

    "จ้าๆก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ว่าเรานะหล่อไม่แพ้อาซานเลย น้อยใจไปได้เรานิ"
    "คร๊าบ ขอบคุณคร๊าบ อาม่าน่ารักที่สุดเลยฮะะะ"

    "ฮะะะะ ปากหวานจริงพ่อคนนี้ เอ่อว่าไงอาซาน เรานะอายุเท่าไรเเล้วล่ะ"

    "อีก2วันก็จะ19 เต็มแล้วครับอาม่า"

    "อีก2วันก็ครบ19แล้วรึนี่"

    หญิงชราพูดด้วยเสียงเบาบาง มีสีหน้าครุ่นคิด หลิงซานมองอย่างสงสัยว่าเขาอายุ19ปีแล้วทำไมอาม่าต้องคิดหนักอย่างนี้ เลยเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย
    "มีอะไรหรือเปล่าครับอาม่า"

    "จะว่ายังงัยดีล่ะ ไหนอาม่าขอดูปานข้างหลังเราหน่อยนะอาซาน"

    หลิงซานงงมาก กับอาการแปลกๆของ อาม่า แต่ก็ยอมหันหลังมาเปิดเสื้อให้หญิงชราดู หญิงชราถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ที่เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่ม จนเจ้าสัวไป๋เเละเทียนซื่อรีบเข้ามาดู

    "ไอหยา ซี้เเล้ว" (อาม่าอุทาน)

    "มีอะไรครับอาอี้". (เจ้าสัวไป๋ถาม)

    เเล้วสิ่งทีปรากฎก็คือ

    ปานเเดงรูปหงส์ที่เมื่อก่อนดูไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างซักเท่าไร เเต่ตอนนี้มันดูชัดเจนมาก มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นรูหงส์เหมือนกับว่าเอาปากกามาวาดอย่างไรอย่างนั้น สีก็เหมือนกันเมื่อก่อนสีจะซีดเเต่ตอนนี้สีเข้มชัดเจนมาก เลยสร้างความเเปลกใจให้กับทุกคน ยกเว้นหญิงชราทั่ดูเมือนว่าจะรู้อยู่ก่อนเเล้ว

    "มันหมายความว่ายังงัยครับอาม่า เมื่อวานผมเห็นมันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ครับ"

    เทียนซื่อเอ่ยถามหญิงชราด้วยความสงสัย

    "เดี๋ยวอาม่าจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้พวกเราฟังนะ เเล้วคิดเอาเองว่าจะเชื่อหรือไม่ก็เเล้วเเต่พวกเราเเล้วกัน"

    เเละแล้วเรื่องราวก็ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากหญิงชรา

    "มีเรื่องเล่าขานกันมานานมากแล้วนับไม่ได้ว่าผ่านมากี่ปี สมัยก่อนไม่ใช่มีเเต่มนุษย์ เเต่มีอีกหลายเผ่าพันธ์ที่อยู่ร่วมกันมาอย่างสงบสุข ทั้งเผ่ามาร เผ่ามังกร เเละเผ่าหงส์ไฟ ที่อยู่ร่วมโลกใบนี้บรรพบุรุษเล่าขานกันมาว่า ราชาเผ่ามังกรรักใคร่กับคนของเผ่าหงส์ไฟ จึงทำพันธะสัญญาเป็นคู่ชะตา เเละเเต่งงานกันมาทุกรุ่นๆเเต่ไม่รู้ว่าพิธีเหล่านั้นมันหายไปตั้งแต่เมื่อไร จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้"

    "เผ่าหงส์ไฟหรือครับอาม่า ทำไมมันรู้สึกคุ้นๆจังเเฮะ"

    หลิงซานสนใจขึ้นมาจึงเอ่ยถามหญิงชราออกมา

    "นี่เเหละสิ่งที่อาม่าจะพูดกับเรา อาซานหลานรู้มั๊ยว่าคนเผ่าห์งไฟมีอะไรพิเศษบ้างพวกเขามีพลังเวทไว้คุ้มครองตัวเอง เเต่จะไม่เอามาใช้ทำร้ายใคร เเละอีกอย่างที่สำคัญคูชะตาของราชามังกร จะมีปานแดงรูปหงส์ที่หัวไหล่ซ้ายด้านหลังเหมือนของหลานเลย"

    "อาอี้ไม่ได้หมายความว่าอาซานจะเป็นคู่อะไรนั่นนะครับ มันเป็นไปไม่ได้เรื่องหลือเชื่อแบบนี้"

    เจ้าสัวไป๋พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่เชื่อสุดชีวิตหญิงชราเลยพูดต่อ

    "ไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่เชียวอาฟง เเต่อาม่ามีข้อพิสูตร เชื่ออาม่าเถิดว่าเรานะคนของทางโน้น เรามีหน้าที่คอยอยู่คียงข้างเขา เรากับเขามีชะตาเดียวกัน ถึงเวลาเเล้วที่เขาจะเรียกคนของเขากลับไปอาฟงเชื่ออาอี้เถิด หลิงซานเกิดมาเพื่อเคียงคู่กับเขา หงส์ย่อมเคียงคู่มังกร ทำใจไว้บ้างก็จะดี ชะตาของหลิงซานไม่ได้อยู่กับหลานตลอดไปหรอกนะ อาอี้เคยตรวจดวงชะตาอาซานมาครั้งหนึ่งเเล้วเขาจะต้องไป"

    "อาอี้พูดอะไรผมไม่ไห้อาซานไปไหนหรอกครับยังไงก็ไม่ยอม"

    ไป๋หารฟงไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นเขามีลูกชายอยู่คนเดียวยังไงก็ไม่ยอม
    ไม่ยอมเด็ดขาด เขาคิดอยู่ในใจเเต่ลึกๆกลับเชื่อเกินครึ่งไปแล้ว เพราะเขาได้ฝันหลายครั้ง ว่ามีผู้ชายหน้าตาดี ดูน่าเกรงกลัว เเต่งตัวเเบบคนโบราณดูจากเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่ คงจะมียศศักดิ์ใหญ่หลวงไม่น้อยเลย มองจากลายมังกรที่ปักอยู่บนผ้าเเพรเนื้อดีปักดิ้นทอชายเสื้อ ผ้าบนหัวก็สวมกวานสีทองอร่าม มารับหลิงซานไปบ้างก็มาในรูบเเบบมังกร เเต่ดูจากสายตาที่อีกฝ่ายมองลูกชายเขา มันมีเเต่สายตารักใคร่ ห่วงใยหลง ไหลในตัวลูกชายเขามาก เจ้าสัวไป๋มองหญิงชราด้วยสายตาสงสัย เมื่อท่านเดินออกมาจากห้องๆหนึ่งพร้อมถือกล่องใบหนึ่งไว้ในมือ หลิงซานเเละเทียนซื่อมองตามอย่างสงสัยเช่นกันก่อนที่ท่านจะเปิดกล่องใบนั้นก็ได้หันมาพูดกับหลิงซาน

    "ของในกล่องใบนี้ เป็นของคู่ชะตาคนต่อไป ถ้าหลานไม่ไช่ก็จะไม่สามารถเเตะต้องมันได้  ไม่เชื่อก็ลองดูเริ่มมจากไห้เทียนซื่อจับก่อนก็แล้วกัน"


    ท่านได้เปิดกล่องใบนั้นออกมา  ข้างในมันมีกริชเล่มเล็กเล่มหนึ่งพร้อมกับสร้อยคออีกเส้น  สังเกตุดูจี้มันเป็นทับทิมสีเเดงสดเม็ดโต  รอบๆตัวทับทิมเป็นมังกรฝังเพรชโอบล้อมอยู่  ส่วนที่ด้ามกริชก็มีทับทิมเหมือนกับสร้อยคอฝังอยู่เม็ดหนึ่งรวมๆเเล้ว  มันสวยมากเเละคงมีราคาน่าดู  เทียนซื่อเอื้อมมือไปจับกริชเล่มนั้นด้วยอดใจไว้ไม่อยู่  แต่ก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเหมือนโดนของร้อน  จนทุกคนพากันตกใจ


    "โอ๊ยๆๆเชี่ยร้อนชิบ"


    "เป็นไรวะไอ้เทียน"


    "ร้อนๆมากเหมือนเอาออกมาจากกองไฟเลยวะไอ้ซาน  ไหนมึงลองจับดิ"


    หลิงซานค่อยๆเอื้อมมือไปจับ  พร้อมกับสายตาทุกคน ที่จ้องมองมาอย่างลุ้นระทึกยิ่งกว่าหวยออกเสียอีก  แต่เเล้วก็ตองตกใจกันตาค้างที่หลิงซานหยิบจับได้โดยไม่เห็นเป็นอะไรเลย  เทียนซื่อไม่เชื่อ  เลยเอื้อมมือไปจับ ืด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆอีกครั้ง  แต่ก็เหมือนเดิมจนไป๋หารฟงทนไม่ได้ลองจับพิสูตรดูบ้าง  ผลออกมาก็คือไม่สามารถจับต้องได้มันร้อนมาก  ท่านมองลูกชายตัวเองอย่างอึ้งๆใบหน้าซีดลงทันทีหญิงชราหยิบสร้อยขึ้นมาสวมไห้หลิงซานมันเข้ากับเขามาก  เมื่อมาอยู่บนลำคอขาวผ่องของเขา  และแล้วทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อมีเเสงสว่างแปล่งประกายออกมาจากสร้อยที่เขาสวมอยู่เเละอีกไม่นานต่อมาพลันก็มีเเสงเมือนกันปรากฎขึ้นมาอีกตำเเหน่งมันคือปานรูปหงส์ที่ด้านหลังเขาตอนนี้แปล่งแสงสว่างจ้าทะลุเสื้อตัวบางออกมา  เทียนซื่อเห็นถึงกับตาโตอ้าปากค้าง  พูดละล่ำ ละลักออกมา


    "นี่งัยไอ้ซาน ที่กูเห็นเมื่อคืนนะใช่เลย  ชิบหายแล้วเพื่อนกู  ดันไปถูกใจ  มังกือเข้าให้เเล้วเอาไงล่ะได้มีผัวจริงๆก็คราวนี้"


    เทียนเซื่อพูดติดตลก แต่หน้าตาไม่ได้ตลกตามเลย มีเเต่สีหน้าแสดงความกังวลออกมาแท


    "มังกรโว้ไม่ใช่กิ้งกือมึงพูดไรเนี่ยเเล้วมึงชื่อเหรอ"


    "ไม่ชื่อก็ไขว้เขวละว้า  หรือมึงไม่ชื่อ"


    "กูไมเ่ชื่อโว้ย  นี่มันสมัยไหนแล้วยังจะมีเรื่องแบบนี้อยู่อีกหรือวะ  ยังไงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"


    "ไม่ชื่อหลานก็อย่าได้ลบหลู่ไป  อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"       (อาม่าพูด)


    "โอ๊ยยย "


    ไม่ทันขาดคำหลิงซานก็ต้องหงายหลังดิ้นทุรนทุรายจนทุกคนพากันตกใจกับอาการของเขา  เเสงสว่างที่จางหายไปเเล้วกลับสว่างขึ้นมาอีกครั้ง


    "อาซานเเกเป็นอะไรบอกพ่อซิ"


    "ไอ้ซานมึงเป็นไรวะไอ้ซาน"


    ท่านเจ้าสัวละล่ำละลักถามลูกชาย  เมื่อเห็นอาการของอีกฝ่ายทันทีอย่างเป็นห่วง  เขาร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก  เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของลูกชาย


    "อ๊ากกกก ป๊าช่วยซานด้วยปวดไปหมดทั้งตัวเเล้วโอ๊ยยย"


    "อาซาน  อาอี้ช่วยอาซานด้วย  มันเกิดอะไรขึ้น  อาซานเป็นอะไร"


    "ใจเย็นๆก่อนหลาน หลานต้องเชื่อนะถึงจะยุติมันได้ไม่งั้น หลานจะเจ็บอยู่อย่างนี้"


    หลิงซานหลับตาลงพยายามเชื่อ  เเต่จิตใจกลับต่อต้าน  เขาเจ็บปวดไปหมดทั้งตัวสุดท้ายก็ทนไม่ไหวหมดสติไปในวงแขนของบิดา  พร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปอีกครั้ง  ทุกคนต่างก็พากันตกใจกับอาการของเขา  เเละเหตุการประหลาดน่าหลือเชื่อในครั้งนี้  เเละช่วยกันบีบนวดสักพักใหญ่ๆเขาก็ได้สติ  เเต่ดูอ่อนเเรงลงมากท่านเจ้าสัวเลยขอตัวพาลูกชายกลับ  ก่อนกลับหญิงชราได้กล่าวบางอย่ากับเขา


    "หลิงซานสร้อยเส้นนี้หลานอย่าได้ถอดออกจากคอเด็ดขาด  มันจะช่วยป้องกันอันตรายไห้กับหลานได้จำเอาไว้  ส่วนกริชเล่มนี้  จะเป็นอาวุธคู่กายหลานตลอดไปจงดูเเลรักษาไว้ไห้ดี  ขอให้หลานพบเจอเเต่สิ่งดีๆ เเละมีความสุขตลอดไปนะหลานชาย"


    "ครับอาม่า"


    "คงหมดหน้าที่อาม่าแล้วรอคอยเสียตั้งนานเมื่อมันไปอยู่ในมือหลานแล้วก็หมดห่วงซักที"


    หลิงซานรับคำทั้งที่งงๆไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรเท่าไรซักเท่าไร  ก่อนจะลากันกลับออกมาจากที่นั้นด้วยความมึนงงสงสัย


    "ไอ้ซาน  อาม่าพูอะไรแปลกๆวะกูงง"


    "กูก็ไม่รู้ถามกูเเล้งกูจะถามใครวะ"


    เขาตอบเพื่อนอย่างเหนื่อยๆจนเพื่อนสังเกตุได้จึงรีบพากลับที่พักทันที


    "

    "

    "

    "

    "


    ตกดึกคืนนี้  เทียนซื่อก็ต้องสดุ้งตื่นขึ้นมาดึกๆ  เพราะสัมพัสถึงความร้อนที่กระจายออกมาจากตัวหลิงซาน  หลิงซานมีไข้ขึ้นสูงละเมอฟังไม่รู้เรื่องรู้ราว  เขารีบเช็ดตัวให้เพื่อน ท่านเจ้าสัวก็มานั่งเฝ้าลูกชายจนสว่างคาตา  เลยเรียกหมอมาดูอาการผลออกมาก็เป็นไข้ธรรมดา  ท่านเจ้าสัวร้อนใจมากที่เขาอาการไม่ได้ดีขึ้นเลย  กลับเเย่ลงไปอีกนี่เขาก็ไม่สบายวันนี้เป็นเป็นวันที่สองเเล้ว  เเละเเล้วกลางดึกคืนนี้ก็เกิดเหตุการบางอย่างที่ทำให้ทุกคนจดจำไปจนตาย


    "ป๊าาช่วยซานด้วยมันหนาวหนาวเหลือเกินป๊าอยู่ไหน"


    หลิงซานเรียกหาบิดาให้ช่วย  ร่างกายสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่  ใบหน้าหวานตอนนี้ซีดเผือด  เทียนซื่อก็อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนต่างก็กลัวว่าเหตุการณ์บางอย่าง  มันจะเกิดขึ้นจริงอย่างที่อาม่าบอกเอาไว้


    "อาซานลูกอย่าเป็นอะไรนะห้ามไปไหนทั้งนั้น  ป๊าอยู่จะไกล้ๆ  ลูกต้องอยู่กับป๊านะอาซาน"


    บิดาพูดพลางน้ำตาซึมออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขากลัวจริงๆกลัวอะไรบางอย่างจะพรากลูกชายไปจากอกของตัวเอง  กลัวจับใจ ยอมรับว่าตอนนี้เชื่อไปเเล้วเกิน80  และเอ่ยขอจากสิ่งสักสิทธิ์อยู่ทุกวัน  ขอให้ลูกชายตนเเคล้วคลาดเเต่คงไม่ได้ผลเสียแล้ว  เพราะจู่ๆสร้อยคอที่เขาสวมอยู่พลันเรืองเเสงขึ้นมา  พร้อมสัญญาลักษ์ด้านหลัง  เหตุการเกิดขึ้นเหมือนตอนที่อยู่บ้านหญิงชราอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันตะลึง  หลิงซานที่หลับไหลไม่มีสติก็ลืมตาขึ้น  เหมือนจะรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรท่านเจ้าสัวยืนมองอย่างกระสับกระส่ายคว้าตัวลูกชายเข้ามากอดไว้เเน่น  เทียนซื่อที่ยืนอยู่ตรงนั้นเอื้อมมือมาจับไหล่เขาเอาไว้  ลำแสงสีทองได้โอบล้อมรอบตัวหลิงซาน  ทุกคนต่างก็เชื่อเต็มร้อยเเล้วตอนนี้  รวมทั้งหลิงซานด้วย จิตใต้สำนึกมันบอกว่าถึงเวลาเเล้วที่เขาจะต้องไป  ไปไหนไม่รู้  รู้เเต่ว่ามีใครบางคนกำลังรอคอยการไปของเขาอยู่  หัวใจมันรู้สึกวูบโหวงไหวหวั่นแปลกๆ  ที่ต้องจากครอบครัวอันเป็นที่รักเเละเพื่อนที่แสนดีอย่างเทียนซื่อไปๆ


    "ป๊าช่วยซานด้วย  ฮึก   ฮือๆๆ   ซานไม่อยากไป  ไม่เอา ไม่ไป ช่วยด้วยฮือๆๆ"


    ดวงตาสวยเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาก่อนที่จะค่อยๆไหลออกมาช้าๆ จ้องมองบิดาที่ตอนนี้โอบกอดเขาเอาไว้เเน่น


    "อย่าร้อง ลูกจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่กับป๊าตลอดไป"


    "กูไม่ยอมให้มึงไปไหนทั้งนั้น ไอ้ซานกูไม่ยอม  ฮึก  ฮือๆๆ"


    นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงซานเห็นว่าเพื่อนเสียน้ำตา  เพราะเทียนซื่อเป็นคนเข้มเเข็งกับทุกๆเรื่อง  เเต่กับเหตุการครั้งนี้เขายอมจริงๆ  ตอนนี้เจ้าสัวก็เก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน


    "ป๊าซานต้องไปเเล้ว  ถึงเวลาเเล้ว  ป๊าดูแลตัวเองด้วย  กูฝากป๊าด้วยไอ้เทียน โชคดีนะมึง"


    ร่างบางรีบพูดออกไปทั้งน้ำตา เขารู้ว่ามันคงขัดขืนไม่ได้  เลยต้องยอมรับมัน

     พูดจบ  ลำแสงสีทองที่โอบล้อมเขาไว้ก็ค่อยๆโอบอุ้ม  พาร่างบางเลือนหายไปจากอ้อมกอดที่เเสนอบอุ่น  หายไปอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงร้องไห้ออกมาด้วยไม่อยากจากครอบครัวไป ไม่ต่างจากอีกฝ่าย ที่พยายามไขว่คว้าตัวคนที่รักเอาไว้  เเต่ก็สายไปเสียแล้วเพราะร่างนี้ได้หายจากไปชั่วนิรันณ์


    "ไอ้ซาน  กูขอให้มึงโชคดี  เจอเเต่เรื่องดีๆ  ป๊า  ไอ้ซานมันไปแล้ว  มันทิ้งพวกเราไปแล้วฮึกๆ  ฮือๆๆ  ไม่อยากจะชื่อจริงๆว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้หลงหลืออยู่อีก  ไม่มีมันผมจะทำยังไงป๊าา"


    เทียนซื่อสติแตกกับเหตุการที่เกิดขึ้นท่านเลยต้องเอ่ยปลอบทั้งที่ใจท่านตอนนี้เจ็บปวดแสนสาหัส  ที่เสียลูกชายอันเป็นเป็นที่รักดั่งเเก้วตาดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับ  เเละไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร  เขาคงจะทำใจยากนักกับเหตุการวันนี้  นี่เขาเสียลูกไปแล้วจริงๆหรือไม่อยากจะชื่อเเต่ก็ต้องชื่อไปแล้วหมดใจ  ก็ได้เเต่อ้อนวอนขอกับสิ่งสักสิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองเขา  ให้เจอเเต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต  เเละให้พบเจอกับความสุขตลอดไป  นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พ่อคนนี้จะทำไห้ได้  ถ้าหากว่าเขายังคงมีบุญหลงเหลืออยู่บ้าง  ก็ขอพบเจอลูกชายอีกสักครั้งก่อนตาย  ได้เเต่ภาวนา  อ้อนวอนจากสิ่งศักสิทธ์แบบนี้ตลอดไป.........





    +++++++++++++++++++++++++

    ๋่่่่่๋่่




    อัฟเเล้วน้าาา        ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆเเต่จะพยายามอัฟบ่อยๆนะคะ

    ยังงัยก็ฝากผลงานเรื่อง  ลิขิตรรักราชามังกร  ไว้กับทุกคนด้วยนะคะ ช่วยกันอ่านช่วยกันเม้นมาเยอะๆน้าาาา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×