ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLACK ROSE ขโมยหัวใจนายจอมโจร [WonCin Ft.KiHae]

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter7: กุหลาบดำออกล่าอีกครั้ง... (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 56


     

     ตึงงงง!!

    บานประตูไม้สักขนาดใหญ่เปิดโพล่ง พร้อมร่างเพรียวบางที่เดินดุ่มๆเข้ามาอย่างไม่สนใจสายตารอบข้าง คิม คิบอมวางหนังสือในมือที่อ่านค้างไว้มาหลายวันลงก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น เดิมตามร่างบางที่ผ่านหน้าห้องของตนหายเข้าไปในห้องทำงาน

    "เกิดอะไรขึ้นครับพี่?"

    ร่างบางไม่ตอบอะไรนอกจากทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวม ใบหน้าปรากฏรอยไม่พอใจที่ฉายเด่นชัดบนใบหน้า พอจะทำให้คนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างคิมบอม เข้าใจในทันที

    "ไม่ยอมร่วมสินะครับ"

    "เขาขอขยายเวลาการตัดสินใจ"

    "!!!!!"

    คำตอบของร่างบางทำเอาผู้คุมกฏอย่างคิมคิบอมถึงกับเครียด แต่พยายามเก็บอาการของตนไว้ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างบาง มือหนาวางลงบนบ่าเล็กอย่างปลอลประโลม

    "พี่เคยบอกนี่ครับ ของที่มีค่ามักจะได้มันมายาก หากพี่มองว่าเขาเป็นสิ่งมีค่าที่เราต้องเอามาไม่ได้พี่ก็ต้องเตรียมใจไว้ว่ามันต้องยากแน่หากจะเอามันมา"

    ร่างบางเงยหน้ามองใบหน้าอวบนิดๆที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ร่างบางค่อยๆคลายอารมณ์หงุดหงิดลงก่อนจะวางมือลงบนมือหนาพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้

    "นั่นสินะ ขอบใจมากนะคิบอม"

    "ไม่เป็นไรครับ"

    "ส่งคนไปคอยสอดแนม ชเว ซีวอนด้วย หากหมอนั้นคิดจะเปิดเผยตัวตนของพวกเราก็จับเป็นมากักตัวไว้ที่นี่เลย"

    "รับทราบครับพี่"

    ร่างบางสลัดความคิดที่มีในตัวของร่างสูงทิ้งไปก่อนจะเริ่มต้น วางแผนการครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในอีกไม่ช้านี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานครั้งต่อไปมันคงไม่ใช่งานง่ายๆอีกต่อไปแล้ว

    นายอย่าคิดนะว่า จอมโจรอย่างฉันจะเสียเปรียบให้กับคนอย่างนายอีก หากนายอยากจะลองดีกับฉันต่อ ฉันก็จะเล่นด้วย ชเว ซีวอน

    .......

    .....

    ...

    "นายหายไปไหนมา?"

    "ไปหาข้อมูลอะไรนิดหน่อยครับ"

    ซีวอนแก้ตัวกับสารวัตรหนุ่มไฟแรงที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า

    "นายได้อะไรเพิ่มเติมมาบ้างมั้ย"

    ซีวอนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าให้แทนคำตอบ

    "จอมโจรรายนี้ปกปิดตัวตนและหลักฐานไว้เนียนมาก ถ้าไม่เจอตัวต่อตัวคิดว่าคงไม่สามารถรีดเค้นข้อมูลหรือหลักฐานอะไรได้เลย"

    "ตัวต่อตัวแล้วพลาดเหมือนครั้งก่อนน่ะเหรอ?"

    ซีวอนสะอึกไปเล็กน้อยกับคำพูดถากถางถึงความเพลี่ยงพล้ำเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตนในครั้งก่อน ซีวอนไม่พูดอะไรนอกจากหยิบแฟ้มคดีออกมาเนียนอ่าน เพราะยังไงซะตัวตนของร่างบางตนเองนั้นก็รับรู้แล้ว แม้จะไม่มากก็ตามที

    "ผู้เสียหายคนล่าสุดเคยไปมีเรื่องอะไรกับใครรึเปล่าครับ?"

    สารวัตรหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ว่าทำไมจู่ๆนักสืบหนุ่มผู้ร่วมทำคดีกับตนถึงได้เอ่ยปากถามอะไรแบบนี้

    "นายจะรู้ไปทำไม"

    "เผื่อว่าโจรรายนี้อาจจะมีความแค้นส่วนตัวอะไรบางอย่างกับผู้เสียหายทุกรายที่ผ่านมาน่ะครับ"

    "ไม่มีหรอก เท่าที่หามา ผู้เสียหายแต่ละรายนั้นไม่เคยมีความเกี่ยวโยงอะไรกันเลย ทั้งในความสัมพันธุ์เชิงธุรกิจหรือว่าเชิงเครือญาติหรือเพื่อน"

    "แล้วของที่ถูกขโมยไป เคยมีใครเป็นเจ้าของมาก่อนรึเปล่าครับ?"

    "ไม่นะ ผู้เสียหายบอกว่าเป็นของที่ได้มาอย่างถูกต้อง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีเนี่ย?"

    "มันอาจจะเกี่ยวก็ได้นะครับใครจะไปรู้ เราต้องคิดไว้หลายๆมุมมองครับ"

    "อย่างเช่น?"

    "อย่างเช่น ผู้เสียหายเคยไปทำเรื่องอะไรไว้กับใครจนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว ทำให้คนๆนั้นแค้นมากจนคิดจะขโมยของมีค่าจากหลายๆแห่งประมาณนี้น่ะครับ"

    "แบบนี้เท่ากับว่าเราไปว่าร้ายผู้เสียหายนะ ชเว ซีวอน! พวกเราเป็นตำรวจเป็นคนของประชาชน การดูแลสันติสุขคือหน้าที่ของพวกเราหากมีใครแจ้งร้องทุกข์เราต้องจัดการไม่ใช่ย้อนกลับไปสงสัยผู้แจ้งอีกที!"

    สารวัตรหนุ่มตวาดเสียงดัง รู้สึกหงุดหงิดกับสมมุติฐานที่นานๆครั้งจะได้ยิน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเชอร์ล็อคโฮมแห่งกรุงโซล ชเว ซีวอนไม่ปริปากพูดอะไรนอกจากเดินออกจากห้องทำงานของสารวัตรไปพร้อมกับทิ้งท้ายประโยคหนึ่งเอาไว้ให้สารวัตรหนุ่ม

    "บางทีก็ควรระวังเอาไว้บ้างนะครับ ว่าอุดมการณ์ที่สารวัตรคิดนั้นมันก็มีด้านมืดอยู่มากกว่าที่สารวัตรคิด"

    .........

    .....

    ...

    ผ่านไปหลายวัน ไม่ปรากฏวี่แววของกุหลาบดำ แม้แต่คดีก็ยังไม่มีความก้าวหน้าจนทางตำรวจและประชาชนเริ่มที่จะไม่สนใจแต่ความสงบสุขมักจะอยู่ได้ไม่นาน

    "สารวัตรครับ"

    "มีอะไรเหรอ?"

    สารวัตรหนุ่มที่กำลังนั่งเก้าอี้2ขาเอาขาพาดบนโต๊ะทำงานถามขึ้นเมื่อหนึ่งในเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมซองจดหมายสีขาวสะอาดไร้ชื่อจ่าหน้าซองซึ่งถูกยื่นให้กับสารวัตรหนุ่ม คิ้วหนาค่อยๆขบวดเป็นปมพร้อมลางสังหรณ์บางอย่างที่บ่งบอกว่าจดหมายฉบับนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

    โครม!!!!

    ทันทีที่หยิบของที่อยู่ด้านในจดหมายออกร่างของสารวัตรหนุ่มก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นจากอาการตกใจจนทำให้การทรงตัวบนเก้าอี้หายไป เจ้าหน้าที่หนุ่มที่เข้ามามอบจดหมายให้สะดุ้งตัวโยนก่อนจะอ้อมไปหลังโต๊ะทำงานเพื่อดูว่าหัวหน้าของตนยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ แต่สารวัตรหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นยืนพร้อมคำสั่งที่เฉียบขาดและเสียงดังจนได้ยินไปทั่วทั้งสำนักงาน

    "ตามตัว ชเว ซีวอนมาเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!"

    ทันทีที่โดนเรียกตัวแต่เช้าจากที่ได้นอนแค่4ชม. ร่างสูงในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อโค๊ตสีน้ำตาลอ่อนสวมทับเสื้อเชิ๊ตที่ปล่อยออกมานอกกางเกงยาวสีดำ เดินตรงเข้ามาในออฟฟิศของสารวัตรอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะยังไงซะตนเองก็ต้องทำงานกับสารวัตรคนนี้ไปอีกนาน

    "ผมมาแล้ว มีอะไรเหรอครับ?"

    บัตรสีดำสนิทถูกโยนส่งมาให้ตนเองทันทีที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศอารมณ์หงุดหงิดหายไปจนเกลี้ยงเมื่อพบว่าสิ่งที่สารวัตรส่งให้นั้นมันคืออะไร

    'ทุกดวงวิญญาณต้องได้รับการตัดสิน เมื่อประตูแห่งความตายเปิดออก จะขอรับ สมบัติแห่งเทพพิทักษ์ดวงวิญญาณ จาก BLACK ROSE'

    ตัวอักษรสีขาวและชื่อที่สลักอยู่บนบัตรเรียกให้ดวงตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอนเบิกกว้างขึ้นมาทันที ในใจหวนนึกถึงใบหน้าหวานที่ไม่เจอมาหลายอาทิตย์ที่สำคัญ ครั้งนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับร่างบางอีกครั้งในฐานะ นักสืบและจอมโจร ไม่ใช่ในฐานะ ชเว ซีวอน กับฮีชอล

    "นายไขปริศนาได้แล้วใช่มั้ย?"

    "...."

    "เฮ้ยยยย!!"

    "ค...ครับ"

    ร่างสูงสะดุ้งตัวโยนทันทีที่สารวัตรตะโกนใส่หู สารวัตรหนุ่มจ้องหน้าอีกคนนิ่งก่อนจะขยับปากพูดเน้นเป็นคำๆอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    "ไข-ได้-ยัง!?"

    "ได้แล้วครับ ถือว่าง่ายมากเลย"

    "งั้นก็รีบๆบอกมาสิ แต่อย่าหวังว่าคราวนี้ฉันจะยอมให้นายพบเจอกับจอมโจรนั่นเพียงลำพังนะ"

    ร่างสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อสารวัตรหนุ่มดักทางตนเอง เมื่อไม่มีทางเลือก ซีวอนจึงเริ่มอธิบายและบอกถึงสมบัติชิ้นต่อไปที่กำลังตกเป็นเป้าหมาย

    "สมบัติที่จะขโมยชิ้นต่อไป เป็น1ในสิ่งที่เทพเจ้าแห่งความตายของอียิปต์ใช้เพื่อคัดกรองวิญาณคนตายไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง"

    "แล้วมันคืออะไร?"

    "ผมกำลังจะบอกอยู่นี่ไง มันคือ กุญแจแห่งจิตใจ เป็นสิ่งทีใช้ไขเข้าไปดูจิตใจของวิญญาณที่กำลังจะถูกตัดสิน ส่วนเวลาที่จะขโมยนั้นน่าจะอยู่ระหว่างเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ประตูระหว่างพบจะเปิดออกตามความเชื่อของคนเรา"

    "เยี่ยม! สั่งให้เตรียมกองกำลังไว้ให้พร้อม สืบหาข้อมูลเจ้าของสมบัติชิ้นนี้และแจ้งให้เขาทราบโดยด่วน ครั้งนี้เราต้องจับจอมโจรกุหลาบดำให้ได้!"

    สิ้นเสียงของสารวัตรหนุ่ม ความโกลาหลก็เริ่มเกิดขึ้นในออฟฟิศอีกครั้ง สารวัตรหนุ่มดูเบิกบานเป็นอย่างมากผิดกับใครอีกคนที่ยืนคิดอยู่เงียบๆ
     

    หน้าคฤหาสน์แถวย่านชานเมืองกรุงโซล รถสายตรวจจอดเรียงรายอยู่รอบคฤหาสน์เช่นเดียวกับกองกำลังตำรวจที่ยืนประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในคฤหาสน์แออัดไปด้วยระบบนิรภัยและกองกำลังตำรวจส่วนหนึ่งยืนคุ้มกันอยู่หน้าห้องเก็บสมบัติประจำคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่คอยสนับสนุนกองกำกับการตำรวจมาตั้งแต่อดีต

    ตู้โชว์กระจกเงาภายในปรากฏกางเขนเจาะรูเป็นส่วนเว้าโค้งขนาดใหญ่ตรงกลางทำจากทองแท้ฝังเพชรที่เป็นเป้าหมายวางเด่นตระหง่านรายล้อมไปด้วยกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัย สมทบด้วยตำรวจ4นายยืนประจำ4ทิศ การคุ้มกันที่แทบจะเทียบเท่ากับการคุ้มกันประธานาธิปดีนั้น สร้างความพอใจให้กับเจ้าของคฤหาสน์และสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างมาก

    "โปรดวางใจให้พวกเราคุ้มกันเถอะครับ รับรองว่าคราวนี้กุหลาบดำจะไม่มีทางเอามันไปได้แน่นอน"

    "จะใช่อย่างงั้นแน่เหรอ? ครั้งก่อนพวกคุณก็ปล่อยให้ของโดนขโมยไปไม่ใช่เหรอไง"

    "เรื่องนั้น..."

    "มันเป็นความประมาทของผมเอง ถ้าจะโทษก็ว่าโทษผมครับ"

    เศรษฐีหนุ่มหันมามองผู้เข้ามาร่วมวงสนทนาใหม่ระหว่างตนเองกับสารวัตรหนุ่ม ชเว ซีวอนก้มหัวทำความเคารพก่อนจะยื่นมือไปเพื่อจะทักทายเจ้าของคฤหาสน์

    "ผม ชเว ซีวอน เป็นนักสืบที่สารวัตรจ้างวานมาให้ช่วยสืบคดี"

    เศรษฐีหนุ่มไล่สายตามองการแต่งตัวพื้นๆของร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกดหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ซีวอนเก็บมือของตนเองไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าอยากจะเช็คแฮน

    "ฉันเคยได้ยินกิตติศัพท์ของนายมาเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่านักสืบที่ได้ชื่อว่าเป็นเชอร์ล็อคโฮม แห่งเกาหลีอย่างนายจะพ่ายให้กับจอมโจรกระจอกแบบนั้น"

    "หมอนั่นไม่ใช่โจรธรรมดาๆ คุณเองก็น่าจะพอทราบรายละเอียดมาบ้างนะครับหรือว่าไม่ค่อยเปิดดูข่าวกับเขา?"

    เศรษฐีหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ดวงตาฉายแววหงุดหงิดตลอดเวลาตวัดมองสารวัตรหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป

    "อย่าให้ของชิ้นนี้ถูกขโมยไปละกัน ไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกันแน่นอน"

    เมื่อเจ้าของคฤหาสน์จากไปแล้ว สารวัตรหนุ่มก็หันมาโขกหัวของร่างสูงไป1ลูก

    "โอ้ย!ทำไรน่ะครับ?"

    "นายไม่ควรไปพูดจาแบบนั้นกับท่านนะ หากท่านไม่พอใจอะไรขึ้นมา สำนักงานของเราแย่แน่นอน"

    "ผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูกดูแคลนผม ที่สำคัญผมพูดไปตามที่เห็นสมควรไม่ได้ไปพูดจาว่าร้ายอะไรเขานี่ครับ"

    ร่างสูงพูดรัวเป็นชุดก่อนจะผละจากไปจากตรงนั้นด้วยความรีบร้อยจึงไม่ได้มองทางทำให้ไปชนกับเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง แต่ร่างสูงก็ไม่ได้เงยหน้ามองนอกจากขอโทษและเดินผ่านไป โดยไม่เห็นเลยว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นหันมามองพร้อมกระตุกยิ้มเพียงแว๊ปเดียวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องเก็บสมบัติที่ยังคงวุ่นวาย

    ตกกลางคืน คฤหาสน์ยังคงสว่างไสว เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างเดินกันขวักไขว่ทำหน้าที่ของตนเองในการคุ้มกันสมบัติล้ำค่าของตนเอง ชเว ซีวอนอ้าปากหาว ยกข้อมือดูนาฬิกาที่อีกไม่ถึง5 นาทีจะถึงเวลานัด สายตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องที่เห็นตำรวจบางนายเริ่มนั่งลงเล่นไพ่ บ้างก็แอบหลับทำเอานักสืบหนุ่มถอนหายใจอย่างปลงตกกับระบบรักษาความปลอดภัย

    "แล้วแบบนี้มันจะไปป้องกันอะไรได้"

    นักสืบหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเดินออกจากห้องเก็บสมบัติไป

    "หาวววววว"

    "สารวัตรไหวมั้ยครับ ไปนอนเอาแรงก่อนก็ได้นะครับ"

    "ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากอยู่ดูว่า กุหลาบดำจะทำยังไงหากเจอกับตำรวจทั้งกองแบบนี้"

    สารวัตรหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะรู้สึกได้ถึงความง่วงที่เพิ่มมากขึ้นๆเรื่อยๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในที่สุดสติของสารวัตรไฟแรงก็หมดลงไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิทลง เช่นเดียวกับตำรวจทุกนายในที่นั้นที่สลบไปเรียบร้อยจากแก๊สบางอย่างที่ถูกปล่อยออกมาตามเครื่องปรับอากาศในห้อง

    ตึก...ตึก....

    เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้น แสดงให้เห็นว่ายังมีใครคนหนึ่งรอดจากการแก๊สปริศหนา ใบหน้าภายใต้หน้ากากเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปปลดเครื่องพ่นแก๊สยาสลบที่ได้แอบติดตั้งไว้ตั้งแต่ตอนกลางวันลงกระเป๋าพก คิมฮีชอลหรือที่รู้จักกันคือ จอมโจรกุหลาบดำภายในชุดสีดำรัดรูปกับหน้ากาก ค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังตรงไปยังอีกห้องหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างห้องที่ตนวางยาสลบไว้โดยไม่ให้ตำรวจที่นอนอยู่ตื่น  ภายในห้องมืดสนิทจนมองไม่เห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ในห้อง

    ร่างบางเดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งของห้องก่อนจะค่อยๆยกกล่องกระจกออก ตาชั่งโบราณขนาดเล็กทำจากทองแท้ สลักอักษรอียิปต์โบราณตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ร่างบางระบายยิ้มนิดๆก่อนจะหยิบตาชั่งใส่กระเป๋าสะพายที่ตนเอามาเพื่อการนี้ แต่แทนที่ตนจะหนีไปเหมือนทุกครั้งร่างบางกับยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

    "ฉันรู้ว่านายมองฉันอยู่ ไม่คิดจะออกมาทักทายกันหน่อยเหรอ คุณนักสืบ"

    เสียงฝีเท้าค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดลงที่ด้านหลังร่างบาง ฮีชอลยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับนักสืบหนุ่มในความมืด สายตาที่คุ้นชินในความมืดของร่างบางทำให้เห็นใบหน้าคมที่อยู่เหนือกว่าตนไปเพียงเพราะความสูงได้อย่างชัดเจน

    "อยากเจอผมเหรอครับ?"

    "ใช่...นายรู้คำตอบอยู่แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ฉันจะมาขโมยอะไร"

    ร่างสูงกดหน้าลงแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    "แต่นายกลับโกหกพวกของนายว่าของที่จะขโมยเป็นอีกชิ้น?"

    "ก็...ประมาณนั้น"

    "นายคิดจะจับฉันตัวต่อตัวงั้นเหรอ ชเว ซีวอน" ดวงตากลมจ้องสบนัยต์ตาคมเข้มที่จ้องมาที่ตนเอง ซีวอนส่ายหน้าให้แทนคำตอบ

    "ตรงกันข้าม ฉันพยายามช่วยนายอยู่"

    ร่างบางหรี่ตามองนักสืบหนุ่มอย่างงุนงงเพราะตามที่ตนคาดการณ์ไว้ซีวอนน่าจะบอกไปว่าของที่ตนต้องการจริงๆนั้น คือ ตาชั่งวิญญาณซึ่งใช้วัดความชั่วและความดีของดวงวิญญาณว่าจะได้ไปสวรรค์หรือลงนรก ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ แต่กลับโกหกเพื่อปกป้องตนเองแทนที่จะบอกความจริงไป พอคิดว่าซีวอนต้องการจะจับตนเองตัวต่อตัวก็กลับตรงกันข้าม

    "ทำไม?"

    ร่างสูงไม่ตอบอะไร ใบหน้าคมเงยขึ้นจดจ้องพระจันทร์ดวงโตที่ฉายแสงอยู่บนฟ้านอกหน้าต่างของคฤหาสน์

    "บอกตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้"

    "....."

    "ฉันยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าควรจะเข้าข้างฝ่ายไหนก็จริง แต่ฉันจะไม่ยอมให้นายถูกจับจนกว่าฉันจะหาคำตอบให้ตัวเองได้"

    ร่างบางหัวเราะเบาๆ ทำเอานักสืบหนุ่มมองมาอย่างสงสัยระคนแปลกใจ เพราะตั้งแต่เจอกันมาร่างบางไม่เคยหัวเราะแบบนี้เลย

    "นายนี่...ไม่บ้าก็บ๊อง เป็นอัจฉริยะซะเปล่า ชอบทำอะไรแปลกๆ"

    "นายเคยเห็นอัจฉริยะคนไหนในอดีตที่ทำตัวเป็นปกติบ้างมั้ยล่ะ"

    "ก็จริง"

    "เฮ้ยยย!!! ทำไมมานอนสลบกันหมดแบบนี้ได้?"

     

    เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาใหม่ดังขึ้นจากห้องข้างๆ ซีวอนรีบหันไปมองเพื่อเช็คว่ายังไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาให้ห้องนี้ ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งก็ปรากฏว่าร่างของจอมโจรนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงกุหลาบสีดำสนิท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายความว่า งานในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ชเว ซีวอนหยิบกุหลาบที่วางอยู่แทนที่สมบัติชิ้นก่อนหน้านี้ขึ้นมาจ้องมันนิ่ง กลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้ร่างสูงนึกถึงกลิ่นตัวของร่างบางที่ตนได้สัมผัสในวันแรก โดยที่ไม่รู้เลยว่ามุมปากของตนเองตอนนี้กำลังยกยิ้ม 

     

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×