คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter7: กุหลาบดำออกล่าอีกครั้ง... (100%)
ตึงงงง!!
บานประตูไม้สักขนาดใหญ่เปิดโพล่ง พร้อมร่างเพรียวบางที่เดินดุ่มๆเข้ามาอย่างไม่สนใจสายตารอบข้าง คิม คิบอมวางหนังสือในมือที่อ่านค้างไว้มาหลายวันลงก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น เดิมตามร่างบางที่ผ่านหน้าห้องของตนหายเข้าไปในห้องทำงาน
"เกิดอะไรขึ้นครับพี่?"
ร่างบางไม่ตอบอะไรนอกจากทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวม ใบหน้าปรากฏรอยไม่พอใจที่ฉายเด่นชัดบนใบหน้า พอจะทำให้คนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างคิมบอม เข้าใจในทันที
"ไม่ยอมร่วมสินะครับ"
"เขาขอขยายเวลาการตัดสินใจ"
"!!!!!"
คำตอบของร่างบางทำเอาผู้คุมกฏอย่างคิมคิบอมถึงกับเครียด แต่พยายามเก็บอาการของตนไว้ก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างบาง มือหนาวางลงบนบ่าเล็กอย่างปลอลประโลม
"พี่เคยบอกนี่ครับ ของที่มีค่ามักจะได้มันมายาก หากพี่มองว่าเขาเป็นสิ่งมีค่าที่เราต้องเอามาไม่ได้พี่ก็ต้องเตรียมใจไว้ว่ามันต้องยากแน่หากจะเอามันมา"
ร่างบางเงยหน้ามองใบหน้าอวบนิดๆที่ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ร่างบางค่อยๆคลายอารมณ์หงุดหงิดลงก่อนจะวางมือลงบนมือหนาพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้
"นั่นสินะ ขอบใจมากนะคิบอม"
"ไม่เป็นไรครับ"
"ส่งคนไปคอยสอดแนม ชเว ซีวอนด้วย หากหมอนั้นคิดจะเปิดเผยตัวตนของพวกเราก็จับเป็นมากักตัวไว้ที่นี่เลย"
"รับทราบครับพี่"
ร่างบางสลัดความคิดที่มีในตัวของร่างสูงทิ้งไปก่อนจะเริ่มต้น วางแผนการครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในอีกไม่ช้านี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานครั้งต่อไปมันคงไม่ใช่งานง่ายๆอีกต่อไปแล้ว
นายอย่าคิดนะว่า จอมโจรอย่างฉันจะเสียเปรียบให้กับคนอย่างนายอีก หากนายอยากจะลองดีกับฉันต่อ ฉันก็จะเล่นด้วย ชเว ซีวอน
.......
.....
...
"นายหายไปไหนมา?"
"ไปหาข้อมูลอะไรนิดหน่อยครับ"
ซีวอนแก้ตัวกับสารวัตรหนุ่มไฟแรงที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า
"นายได้อะไรเพิ่มเติมมาบ้างมั้ย"
ซีวอนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
"จอมโจรรายนี้ปกปิดตัวตนและหลักฐานไว้เนียนมาก ถ้าไม่เจอตัวต่อตัวคิดว่าคงไม่สามารถรีดเค้นข้อมูลหรือหลักฐานอะไรได้เลย"
"ตัวต่อตัวแล้วพลาดเหมือนครั้งก่อนน่ะเหรอ?"
ซีวอนสะอึกไปเล็กน้อยกับคำพูดถากถางถึงความเพลี่ยงพล้ำเพราะอารมณ์ชั่ววูบของตนในครั้งก่อน ซีวอนไม่พูดอะไรนอกจากหยิบแฟ้มคดีออกมาเนียนอ่าน เพราะยังไงซะตัวตนของร่างบางตนเองนั้นก็รับรู้แล้ว แม้จะไม่มากก็ตามที
"ผู้เสียหายคนล่าสุดเคยไปมีเรื่องอะไรกับใครรึเปล่าครับ?"
สารวัตรหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ว่าทำไมจู่ๆนักสืบหนุ่มผู้ร่วมทำคดีกับตนถึงได้เอ่ยปากถามอะไรแบบนี้
"นายจะรู้ไปทำไม"
"เผื่อว่าโจรรายนี้อาจจะมีความแค้นส่วนตัวอะไรบางอย่างกับผู้เสียหายทุกรายที่ผ่านมาน่ะครับ"
"ไม่มีหรอก เท่าที่หามา ผู้เสียหายแต่ละรายนั้นไม่เคยมีความเกี่ยวโยงอะไรกันเลย ทั้งในความสัมพันธุ์เชิงธุรกิจหรือว่าเชิงเครือญาติหรือเพื่อน"
"แล้วของที่ถูกขโมยไป เคยมีใครเป็นเจ้าของมาก่อนรึเปล่าครับ?"
"ไม่นะ ผู้เสียหายบอกว่าเป็นของที่ได้มาอย่างถูกต้อง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีเนี่ย?"
"มันอาจจะเกี่ยวก็ได้นะครับใครจะไปรู้ เราต้องคิดไว้หลายๆมุมมองครับ"
"อย่างเช่น?"
"อย่างเช่น ผู้เสียหายเคยไปทำเรื่องอะไรไว้กับใครจนถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว ทำให้คนๆนั้นแค้นมากจนคิดจะขโมยของมีค่าจากหลายๆแห่งประมาณนี้น่ะครับ"
"แบบนี้เท่ากับว่าเราไปว่าร้ายผู้เสียหายนะ ชเว ซีวอน! พวกเราเป็นตำรวจเป็นคนของประชาชน การดูแลสันติสุขคือหน้าที่ของพวกเราหากมีใครแจ้งร้องทุกข์เราต้องจัดการไม่ใช่ย้อนกลับไปสงสัยผู้แจ้งอีกที!"
สารวัตรหนุ่มตวาดเสียงดัง รู้สึกหงุดหงิดกับสมมุติฐานที่นานๆครั้งจะได้ยิน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเชอร์ล็อคโฮมแห่งกรุงโซล ชเว ซีวอนไม่ปริปากพูดอะไรนอกจากเดินออกจากห้องทำงานของสารวัตรไปพร้อมกับทิ้งท้ายประโยคหนึ่งเอาไว้ให้สารวัตรหนุ่ม
"บางทีก็ควรระวังเอาไว้บ้างนะครับ ว่าอุดมการณ์ที่สารวัตรคิดนั้นมันก็มีด้านมืดอยู่มากกว่าที่สารวัตรคิด"
.........
.....
...
ผ่านไปหลายวัน ไม่ปรากฏวี่แววของกุหลาบดำ แม้แต่คดีก็ยังไม่มีความก้าวหน้าจนทางตำรวจและประชาชนเริ่มที่จะไม่สนใจแต่ความสงบสุขมักจะอยู่ได้ไม่นาน
"สารวัตรครับ"
"มีอะไรเหรอ?"
สารวัตรหนุ่มที่กำลังนั่งเก้าอี้2ขาเอาขาพาดบนโต๊ะทำงานถามขึ้นเมื่อหนึ่งในเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมซองจดหมายสีขาวสะอาดไร้ชื่อจ่าหน้าซองซึ่งถูกยื่นให้กับสารวัตรหนุ่ม คิ้วหนาค่อยๆขบวดเป็นปมพร้อมลางสังหรณ์บางอย่างที่บ่งบอกว่าจดหมายฉบับนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
โครม!!!!
ทันทีที่หยิบของที่อยู่ด้านในจดหมายออกร่างของสารวัตรหนุ่มก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นจากอาการตกใจจนทำให้การทรงตัวบนเก้าอี้หายไป เจ้าหน้าที่หนุ่มที่เข้ามามอบจดหมายให้สะดุ้งตัวโยนก่อนจะอ้อมไปหลังโต๊ะทำงานเพื่อดูว่าหัวหน้าของตนยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ แต่สารวัตรหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นยืนพร้อมคำสั่งที่เฉียบขาดและเสียงดังจนได้ยินไปทั่วทั้งสำนักงาน
"ตามตัว ชเว ซีวอนมาเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!"
ทันทีที่โดนเรียกตัวแต่เช้าจากที่ได้นอนแค่4ชม. ร่างสูงในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อโค๊ตสีน้ำตาลอ่อนสวมทับเสื้อเชิ๊ตที่ปล่อยออกมานอกกางเกงยาวสีดำ เดินตรงเข้ามาในออฟฟิศของสารวัตรอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะยังไงซะตนเองก็ต้องทำงานกับสารวัตรคนนี้ไปอีกนาน
"ผมมาแล้ว มีอะไรเหรอครับ?"
บัตรสีดำสนิทถูกโยนส่งมาให้ตนเองทันทีที่ก้าวเข้ามาในออฟฟิศอารมณ์หงุดหงิดหายไปจนเกลี้ยงเมื่อพบว่าสิ่งที่สารวัตรส่งให้นั้นมันคืออะไร
'ทุกดวงวิญญาณต้องได้รับการตัดสิน เมื่อประตูแห่งความตายเปิดออก จะขอรับ สมบัติแห่งเทพพิทักษ์ดวงวิญญาณ จาก BLACK ROSE'
ตัวอักษรสีขาวและชื่อที่สลักอยู่บนบัตรเรียกให้ดวงตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอนเบิกกว้างขึ้นมาทันที ในใจหวนนึกถึงใบหน้าหวานที่ไม่เจอมาหลายอาทิตย์ที่สำคัญ ครั้งนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับร่างบางอีกครั้งในฐานะ นักสืบและจอมโจร ไม่ใช่ในฐานะ ชเว ซีวอน กับฮีชอล
"นายไขปริศนาได้แล้วใช่มั้ย?"
"...."
"เฮ้ยยยย!!"
"ค...ครับ"
ร่างสูงสะดุ้งตัวโยนทันทีที่สารวัตรตะโกนใส่หู สารวัตรหนุ่มจ้องหน้าอีกคนนิ่งก่อนจะขยับปากพูดเน้นเป็นคำๆอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"ไข-ได้-ยัง!?"
"ได้แล้วครับ ถือว่าง่ายมากเลย"
"งั้นก็รีบๆบอกมาสิ แต่อย่าหวังว่าคราวนี้ฉันจะยอมให้นายพบเจอกับจอมโจรนั่นเพียงลำพังนะ"
ร่างสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อสารวัตรหนุ่มดักทางตนเอง เมื่อไม่มีทางเลือก ซีวอนจึงเริ่มอธิบายและบอกถึงสมบัติชิ้นต่อไปที่กำลังตกเป็นเป้าหมาย
"สมบัติที่จะขโมยชิ้นต่อไป เป็น1ในสิ่งที่เทพเจ้าแห่งความตายของอียิปต์ใช้เพื่อคัดกรองวิญาณคนตายไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง"
"แล้วมันคืออะไร?"
"ผมกำลังจะบอกอยู่นี่ไง มันคือ กุญแจแห่งจิตใจ เป็นสิ่งทีใช้ไขเข้าไปดูจิตใจของวิญญาณที่กำลังจะถูกตัดสิน ส่วนเวลาที่จะขโมยนั้นน่าจะอยู่ระหว่างเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ประตูระหว่างพบจะเปิดออกตามความเชื่อของคนเรา"
"เยี่ยม! สั่งให้เตรียมกองกำลังไว้ให้พร้อม สืบหาข้อมูลเจ้าของสมบัติชิ้นนี้และแจ้งให้เขาทราบโดยด่วน ครั้งนี้เราต้องจับจอมโจรกุหลาบดำให้ได้!"
สิ้นเสียงของสารวัตรหนุ่ม ความโกลาหลก็เริ่มเกิดขึ้นในออฟฟิศอีกครั้ง สารวัตรหนุ่มดูเบิกบานเป็นอย่างมากผิดกับใครอีกคนที่ยืนคิดอยู่เงียบๆ
หน้าคฤหาสน์แถวย่านชานเมืองกรุงโซล รถสายตรวจจอดเรียงรายอยู่รอบคฤหาสน์เช่นเดียวกับกองกำลังตำรวจที่ยืนประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในคฤหาสน์แออัดไปด้วยระบบนิรภัยและกองกำลังตำรวจส่วนหนึ่งยืนคุ้มกันอยู่หน้าห้องเก็บสมบัติประจำคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่คอยสนับสนุนกองกำกับการตำรวจมาตั้งแต่อดีต
ตู้โชว์กระจกเงาภายในปรากฏกางเขนเจาะรูเป็นส่วนเว้าโค้งขนาดใหญ่ตรงกลางทำจากทองแท้ฝังเพชรที่เป็นเป้าหมายวางเด่นตระหง่านรายล้อมไปด้วยกล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัย สมทบด้วยตำรวจ4นายยืนประจำ4ทิศ การคุ้มกันที่แทบจะเทียบเท่ากับการคุ้มกันประธานาธิปดีนั้น สร้างความพอใจให้กับเจ้าของคฤหาสน์และสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างมาก
"โปรดวางใจให้พวกเราคุ้มกันเถอะครับ รับรองว่าคราวนี้กุหลาบดำจะไม่มีทางเอามันไปได้แน่นอน"
"จะใช่อย่างงั้นแน่เหรอ? ครั้งก่อนพวกคุณก็ปล่อยให้ของโดนขโมยไปไม่ใช่เหรอไง"
"เรื่องนั้น..."
"มันเป็นความประมาทของผมเอง ถ้าจะโทษก็ว่าโทษผมครับ"
เศรษฐีหนุ่มหันมามองผู้เข้ามาร่วมวงสนทนาใหม่ระหว่างตนเองกับสารวัตรหนุ่ม ชเว ซีวอนก้มหัวทำความเคารพก่อนจะยื่นมือไปเพื่อจะทักทายเจ้าของคฤหาสน์
"ผม ชเว ซีวอน เป็นนักสืบที่สารวัตรจ้างวานมาให้ช่วยสืบคดี"
เศรษฐีหนุ่มไล่สายตามองการแต่งตัวพื้นๆของร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกดหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ซีวอนเก็บมือของตนเองไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าอยากจะเช็คแฮน
"ฉันเคยได้ยินกิตติศัพท์ของนายมาเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่านักสืบที่ได้ชื่อว่าเป็นเชอร์ล็อคโฮม แห่งเกาหลีอย่างนายจะพ่ายให้กับจอมโจรกระจอกแบบนั้น"
"หมอนั่นไม่ใช่โจรธรรมดาๆ คุณเองก็น่าจะพอทราบรายละเอียดมาบ้างนะครับหรือว่าไม่ค่อยเปิดดูข่าวกับเขา?"
เศรษฐีหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ดวงตาฉายแววหงุดหงิดตลอดเวลาตวัดมองสารวัตรหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป
"อย่าให้ของชิ้นนี้ถูกขโมยไปละกัน ไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกันแน่นอน"
เมื่อเจ้าของคฤหาสน์จากไปแล้ว สารวัตรหนุ่มก็หันมาโขกหัวของร่างสูงไป1ลูก
"โอ้ย!ทำไรน่ะครับ?"
"นายไม่ควรไปพูดจาแบบนั้นกับท่านนะ หากท่านไม่พอใจอะไรขึ้นมา สำนักงานของเราแย่แน่นอน"
"ผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูกดูแคลนผม ที่สำคัญผมพูดไปตามที่เห็นสมควรไม่ได้ไปพูดจาว่าร้ายอะไรเขานี่ครับ"
ร่างสูงพูดรัวเป็นชุดก่อนจะผละจากไปจากตรงนั้นด้วยความรีบร้อยจึงไม่ได้มองทางทำให้ไปชนกับเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง แต่ร่างสูงก็ไม่ได้เงยหน้ามองนอกจากขอโทษและเดินผ่านไป โดยไม่เห็นเลยว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นหันมามองพร้อมกระตุกยิ้มเพียงแว๊ปเดียวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องเก็บสมบัติที่ยังคงวุ่นวาย
ตกกลางคืน คฤหาสน์ยังคงสว่างไสว เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างเดินกันขวักไขว่ทำหน้าที่ของตนเองในการคุ้มกันสมบัติล้ำค่าของตนเอง ชเว ซีวอนอ้าปากหาว ยกข้อมือดูนาฬิกาที่อีกไม่ถึง5 นาทีจะถึงเวลานัด สายตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องที่เห็นตำรวจบางนายเริ่มนั่งลงเล่นไพ่ บ้างก็แอบหลับทำเอานักสืบหนุ่มถอนหายใจอย่างปลงตกกับระบบรักษาความปลอดภัย
"แล้วแบบนี้มันจะไปป้องกันอะไรได้"
นักสืบหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเดินออกจากห้องเก็บสมบัติไป
"หาวววววว"
"สารวัตรไหวมั้ยครับ ไปนอนเอาแรงก่อนก็ได้นะครับ"
"ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากอยู่ดูว่า กุหลาบดำจะทำยังไงหากเจอกับตำรวจทั้งกองแบบนี้"
สารวัตรหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะรู้สึกได้ถึงความง่วงที่เพิ่มมากขึ้นๆเรื่อยๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในที่สุดสติของสารวัตรไฟแรงก็หมดลงไปพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดสนิทลง เช่นเดียวกับตำรวจทุกนายในที่นั้นที่สลบไปเรียบร้อยจากแก๊สบางอย่างที่ถูกปล่อยออกมาตามเครื่องปรับอากาศในห้อง
ตึก...ตึก....
เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้น แสดงให้เห็นว่ายังมีใครคนหนึ่งรอดจากการแก๊สปริศหนา ใบหน้าภายใต้หน้ากากเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปปลดเครื่องพ่นแก๊สยาสลบที่ได้แอบติดตั้งไว้ตั้งแต่ตอนกลางวันลงกระเป๋าพก คิมฮีชอลหรือที่รู้จักกันคือ จอมโจรกุหลาบดำภายในชุดสีดำรัดรูปกับหน้ากาก ค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังตรงไปยังอีกห้องหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่างห้องที่ตนวางยาสลบไว้โดยไม่ให้ตำรวจที่นอนอยู่ตื่น ภายในห้องมืดสนิทจนมองไม่เห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ในห้อง
ร่างบางเดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งของห้องก่อนจะค่อยๆยกกล่องกระจกออก ตาชั่งโบราณขนาดเล็กทำจากทองแท้ สลักอักษรอียิปต์โบราณตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ร่างบางระบายยิ้มนิดๆก่อนจะหยิบตาชั่งใส่กระเป๋าสะพายที่ตนเอามาเพื่อการนี้ แต่แทนที่ตนจะหนีไปเหมือนทุกครั้งร่างบางกับยืนนิ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"ฉันรู้ว่านายมองฉันอยู่ ไม่คิดจะออกมาทักทายกันหน่อยเหรอ คุณนักสืบ"
เสียงฝีเท้าค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดลงที่ด้านหลังร่างบาง ฮีชอลยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับนักสืบหนุ่มในความมืด สายตาที่คุ้นชินในความมืดของร่างบางทำให้เห็นใบหน้าคมที่อยู่เหนือกว่าตนไปเพียงเพราะความสูงได้อย่างชัดเจน
"อยากเจอผมเหรอครับ?"
"ใช่...นายรู้คำตอบอยู่แล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ฉันจะมาขโมยอะไร"
ร่างสูงกดหน้าลงแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
"แต่นายกลับโกหกพวกของนายว่าของที่จะขโมยเป็นอีกชิ้น?"
"ก็...ประมาณนั้น"
"นายคิดจะจับฉันตัวต่อตัวงั้นเหรอ ชเว ซีวอน" ดวงตากลมจ้องสบนัยต์ตาคมเข้มที่จ้องมาที่ตนเอง ซีวอนส่ายหน้าให้แทนคำตอบ
"ตรงกันข้าม ฉันพยายามช่วยนายอยู่"
ร่างบางหรี่ตามองนักสืบหนุ่มอย่างงุนงงเพราะตามที่ตนคาดการณ์ไว้ซีวอนน่าจะบอกไปว่าของที่ตนต้องการจริงๆนั้น คือ ตาชั่งวิญญาณซึ่งใช้วัดความชั่วและความดีของดวงวิญญาณว่าจะได้ไปสวรรค์หรือลงนรก ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ แต่กลับโกหกเพื่อปกป้องตนเองแทนที่จะบอกความจริงไป พอคิดว่าซีวอนต้องการจะจับตนเองตัวต่อตัวก็กลับตรงกันข้าม
"ทำไม?"
ร่างสูงไม่ตอบอะไร ใบหน้าคมเงยขึ้นจดจ้องพระจันทร์ดวงโตที่ฉายแสงอยู่บนฟ้านอกหน้าต่างของคฤหาสน์
"บอกตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้"
"....."
"ฉันยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าควรจะเข้าข้างฝ่ายไหนก็จริง แต่ฉันจะไม่ยอมให้นายถูกจับจนกว่าฉันจะหาคำตอบให้ตัวเองได้"
ร่างบางหัวเราะเบาๆ ทำเอานักสืบหนุ่มมองมาอย่างสงสัยระคนแปลกใจ เพราะตั้งแต่เจอกันมาร่างบางไม่เคยหัวเราะแบบนี้เลย
"นายนี่...ไม่บ้าก็บ๊อง เป็นอัจฉริยะซะเปล่า ชอบทำอะไรแปลกๆ"
"นายเคยเห็นอัจฉริยะคนไหนในอดีตที่ทำตัวเป็นปกติบ้างมั้ยล่ะ"
"ก็จริง"
"เฮ้ยยย!!! ทำไมมานอนสลบกันหมดแบบนี้ได้?"
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาใหม่ดังขึ้นจากห้องข้างๆ ซีวอนรีบหันไปมองเพื่อเช็คว่ายังไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาให้ห้องนี้ ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้งก็ปรากฏว่าร่างของจอมโจรนั้นหายไปแล้วเหลือเพียงกุหลาบสีดำสนิท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายความว่า งานในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ชเว ซีวอนหยิบกุหลาบที่วางอยู่แทนที่สมบัติชิ้นก่อนหน้านี้ขึ้นมาจ้องมันนิ่ง กลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้ร่างสูงนึกถึงกลิ่นตัวของร่างบางที่ตนได้สัมผัสในวันแรก โดยที่ไม่รู้เลยว่ามุมปากของตนเองตอนนี้กำลังยกยิ้ม
ความคิดเห็น