ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 การทดสอบ
                  เมื่อชายหนุ่มชุดเขียวกล่าวจบแล้ว ชายชราในชุดสีเทา หน้าตาท่าทางใจดี ก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้า
                  “ สวัสดีทุกคน ครูชื่อ ดีแคลน แอ็บซาลอน เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียน เซเวิร์ด ก่อนที่ทุกคนจะได้รับการทดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียน ครูจะอธิบายกติกาก่อนก็แล้วกันนะ การทดสอบของเราก็คือ เขาวงกต ในเขาวงกตจะมีด่านต่างๆที่จะต้องฝ่าไป จุดหมายปลายทางมีทั้งหมด 4 แห่ง คือ หอพักของเราทั้ง4หอ ได้แก่ จีเวล (พลอย) โทพาส(บุษราคัม)คริสตัล และสุดท้าย เอมเมอร์เริลด์ (มรกต) ก่อนหน้าพวกเธอจะไปถึงหอทั้ง4หอนั้น พวกเธอจะเห็นธง แต่ละหอจะมีธงอยู่12อันเท่านั้น เมื่เห็นธงก็จงหยิบธงคนละอัน และนั่นหมายถึงว่าเธอเป็นนักเรียน ของโรงเรียนเซเวิร์ดโดยสมบูรณ์ เอาล่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี!!\"
    “ เอ้า ทุกคนต้องจับลูกบอลก่อนนะ และถ้าจับได้ลูกบอลสีทองก็ให้เก็บไว้และเตรียมเข้ารับการทดสอบสุดท้ายส่วนใครที่ได้ลูกบอลสีขาวนั่นหมายถึงไม่ผ่านทดสอบ พูดแค่นี้หวังว่าพวกนายจะเข้าใจ” ชายหนุ่มสวมชุดเครื่องแบบสีขาวผมสีคราม ตาสีม่วง มีแววดุ ประกาศขึ้น
    “ น้องๆคะ เข้าแถวตรงนี้เพื่อ จับลูกบอลได้เลยนะคะ” เสียงหวานประกาศจากหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงเป็นลอน ตาสีเขียว หน้าหวานปานน้ำผึ้ง ทำให้แวนควิชตะลึงค้างกับร่างอันงดงามตรงหน้าในเครื่องแบบสีแดง
    “ นี่เรารีบไปกันเถอะ วาเลนท์ เร็วๆ” แวนควิชเร่งพี่ชายฝาแฝด น้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อได้เจอสาวงามแต่พอทั้งคู่กำลังจะเดินไปที่แถว...
    “ น้อง น้องครับไม่ต้องหันไปมองที่ไหนหรอก น้องผู้หญิงผมทอง ตาสีเทาน่ะครับ น้องชื่ออะไรครับ แหม น่ารักดีจัง” ชายหนุ่มหน้าใส ตาสีฟ้า ผมสีเทา ใส่ชุดเครื่องแบบสีเหลืองสดใส เดินมาขวางทางวาเลนท์ พร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้อย่างเจ้าชู้
    “ฮ่าๆๆๆ ขอโทษทีเถอะครับ พี่ชายสุดหล่อ ไอ้คนที่พี่บอกว่าน่าร๊าก น่ารักน่ะ มันเป็นผู้ชาย แถมเป็นพี่ชาฝาแฝดของผมด้วย” แวนควิชพูดกลั้วหัวเราะพร้อมชี้ไปทางวาเลนท์ที่ยืนอึ้งตาเขียวและจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มหน้าใสที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าอยู่
    “จะ..จริงง่ะ ฉันก็ว่าผู้หญิงอะไรหน้าล้อ หล่อ อ้อ ฉันชื่อ โอติส เลสติน เป็นหัวหน้าหอ โทพาส พรสวรรค์ของฉันก็คือ ฟาสท์ ความเร็ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก\" โอติสพูดอย่างใจดีปกปิดความหน้าแตกของตน
    “ ฉันชื่อ วาเลนท์ ส่วนฝาแฝดฉันชื่อ แวนควิช” วาเลนท์แนะนำตัวตามมารยาท แต่สายตาที่มองไปยังโอติสก็ดูเย็นชา
    “ นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ พรสวรรค์ที่นายว่านี่มันคืออะไรอ่ะ พวกเรายังไม่รู้เลยอ่ะ” น้องชายตัวแสบของวาเลนท์ถามอย่างสงสัย และยิ้มให้ชายตรงหน้าอย่างเป็นมิตร ผิดกลับฝาแฝดของตัวเองลิบลับ
    “ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้เหมือนนายนั่นแหละ แต่พอสอบเข้าที่นี่ได้ก็จะรู้เอง พวกนายรู้ไหม พวกที่มาสมัครนี่ก็ไม่ใช่เพราะโรงเรียนนี้ดังหลอกนะ แต่เพราะอยากรู้สวรรค์ของตนเองต่างหาก” โอติสไขข้อข้องใจ
    “ งั้น พวกเราก็ขอตัวไปจับลูกบอลก่อนละกัน” วาเลนท์พูดตัดบทเสียงเย็น
    “โธ่เอ๊ย ไม่ต้องรีบไปก็ได้ ถ้านาย2คนเก่งจริง ยังไงๆนายก็ต้องจับได้บอลสีทองอยู่แล้ว อย่ากังวลไปเลยน่า” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
    “นายหมายความว่าไง”วาเลนท์ถามขึ้นน้ำเสียงเริ่มอ่อนจนเข้าทางฝ่ายตรงข้าม
    “ก็ หมายความว่า “ ท่าทางของโอติสเริ่มเปลี่ยนไปจนเกือบน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ติดตรงที่ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ แฝงอยู่
    \"บอลทุกๆลูกไม่ใช่บอลสีทองน่ะสิ “
    “ อ้าว !อย่างงี้จะเรียกว่าการทดสอบได้ไงอ่ะ ในเมื่อไม่มีใครผ่านผ่านด่านนี้ไปได้สักคน “ แวนควิช พูดอย่างคาใจ
    “ ฉันคิดว่า ฉันพอจะเดาออก แล้วล่ะ “ วาเลนท์พูดอย่างครุ่นคิด
    “ ลูกบอลทั้งหมด คงจะถูกเวทย์ เอลม่า ซึ่งเวทย์นี้จะทำให้บอลจับระดับของผู้คัดเลือกถ้าความสามารถถึงเกณฑ์ก็จะเป็นสีทอง ใช่ไหม“ ประโยคสุดท้ายหันไปถามโอติส
    “ปิ๊งป่อง ถะ ถูกต้องนะคร้าบ นายนี่เก่งจริงๆ วาเลนท์ มีน้อยคนนะที่จะรู้เรื่องเวทย์เอลม่า ว่าแต่ว่า นาย2คนเป็นแฝดกันจริงรึ สีผม สีตา ท่าทาง ไม่เห็นเหมือนกันเลย ปกติ ฝาแฝด เนี่ยจะเหมือนกันทุกตารางมิลลิเมตรเลยไม่ใช่หรือ โทษทีอย่าหาว่าฉันละลาบละล้วงนะ” โอติสเฉลย แล้วถามอย่างสงสัย ( ความจริงมันก็เหมือนๆกับสอดล่ะน่าโอติส ฟีนิกซ์)
    “นั่นมันสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่เรา\"วาเลนท์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “ช่ายยยยยยยยย เพราะฉะนั้นนายก็จงงงต่อไป เพราะเราจาไปจับบอล เฮ้อนายทำให้เรา 2คนเสียเวลามากเลยรู้ไหม ส่วนเรื่องที่นายอยากรู้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง อืม...ถ้าผมได้เข้าเรียนที่นี่จริงๆอ่ะนะ”
    แวนควิช พูดอย่างกวนๆ จนโอติสเกือบจะเอาฝ่าพระบาทยันไปที่หน้า และมันก็เป็นโชคดีของแวนควิชที่โอติสยั้งทัน
    “เออๆๆๆ งั้นก็ไปเถอะ ชิ้วๆๆๆๆ” โอติสไล่อย่างฉุน ปนขำ
    ทั้ง2 รีบวิ่งไปที่แถวอย่างรีบร้อน เพราะกลัวบอลจะหมดเอาเสียก่อนเนื่องจากคนที่อยากเข้าและมาสมัครนั้นมีจำนวนร่วมครึ่งหมื่น ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทำให้พวกเขาวิ่งแซงหน้าผู้สมัครราว40คนไปได้
    “แฮ่กๆๆๆๆ โอยเหนื่อย ถ้าเราคุยกับโอติสนานกว่านี้มีหวัง บอลหมดก่อนแน่” แวนควิชหอบพลางบ่นไปพลาง แต่มันก็จริงอย่าที่เขาพูด เพราะบอลที่เหลืออยู่มีไม่ถึง20ลูก และมันยังเป็นโชคดีของพวกเขาที่มีอีกแค่2คิวก็จะถึงคิวของพวกเขาแล้ว
    \'3คน ..2คน .1คน\'
    วาเลนท์นับถอยหลังในใจอย่างร้อนรน ขณะที่แวนควิชที่ยืนอยู่ข้างหลังตื่นเต้นจนยืนนิ่งๆไม่ได้ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอย่างชั่งใจ และพยักหน้าให้กันเบาๆ วาเลนท์ค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบอลอย่างมุ่งมั่น แล้วยืนนิ่ง ส่วนแวนควิช นั้นหลับตาปี๋แล้วเอื้อมมือไปจับลูกบอลอย่างกลัวๆกล้าๆ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วมือของฝาแฝดทั้งคู่ ความอบอุ่นนั้นทำให้ วาเลนท์ก้มไปมองที่มองที่มือของตนเอง แวนควิชก็ค่อยๆลืมดวงตาสีน้ำตาลเพื่อมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้า สิ่งๆนั้นทำให้พวกเขาแย้มรอยยิ้มออกมา ลูกบอลของพวกเขามันเป็นสีทอง!!!!
    “ พวกเธอได้ผ่านไปอีกด่านนึงนะ “ เสียงหวานๆดังขึ้น ทำให้ฝาแฝดหันกลับไปมอง สาวสวยชุดแดงคนนั้นเอง
    “ ฉันจะเป็นกำลังใจให้” เธอกระซิบเบาๆให้ทั้งคู่
    “ ไปรวมกลุ่มตรงนั้นแล้วฟังคาเดนประกาศ”เธอยิ้มแล้วหลิ่วตาให้
    \' คาเดน...คนไหนกัน\' วาเลนท์คิดในใจ
    “ก็ ผู้ชายชุดเขียวนั่นไง แหม ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ หนุ่มน้อยน่ารักทั้งสอง อุ๊ย! ลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ฮาเซล เยดด้า หัวหน้าหอจีเวล พรสวรรค์ของฉันก็คือรีดดิ้ง การอ่านใจจ๊ะ สุดท้ายห้ามเรียกฉันว่าพี่ ไม่ว่าเหตุใดก็ตาม”
    \'ที่แท้ก็กลัวแก่\' แวนควิชพูดในใจ
    “ ฉันรู้นะนายคิดอะไร” ฮาเซลถลึงตาไปที่แวนควิช
    โทษ ทีคร้าบ” แวนควิชรีบขอโทษทันที
    “ ไปรวมกลุ่มได้แล้ว” เสียงหวานเร่ง
    ฝาแฝดทั้งคู่ จึงรีบเดินไปรีบเดินไปเข้ากลุ่มตามที่ฮาเซลบอก กลุ่มคนที่เหลือมีคนประมาณ300คนจากเดิมที่มาสมัครประมาณ50,000คน ตอนนี้ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบเริ่มทยอยออกไปกันแล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงตอนนี้มีทั้ง ความยินดีปรีดา ความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ (รู้สึกว่า 3 อย่างหลังจะมากกว่านะ ฟีนิกซ์) เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ และ เสียงสบถของผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ผสมปนเปกันไปหมด
    “นายว่าไหม วาเลนท์ ที่นี่ก็โหดเหมือนกันนะ จาก 50,000 เหลือ 300 จาก 300 เหลือ 48”
    “อือ”
    “พูดคำอื่นนอกจาก อือ ไม่เป็นหรือไง”
    “อือ”
    \'เซ็งโว้ย! มีพี่ชายเป็นท่อนไม้\' แวนควิชสบถในใจ
    เมื่อผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบได้ทยอยออกจากห้องโถงไปหมดแล้ว ความเงียบสงัดก็กลับคืนมายังห้องโถง
          ทุกคนฟังทางนี้! การที่พวกนายจะเข้าไปในเขาวงกตไปได้นั้น เราจะต้องรู้หมายเลขของตัวเองก่อน” คาเดนประกาศขึ้นมา อย่างน่าเกรงขาม ทำให้ ภายในห้องเกิดเสียงเจ๊าะแจะจอแจอีกครั้ง เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ และคาดเดา ถึงวิธีการในครั้งต่อๆไปในการทดสอบพวกของตนเอง
                “เงียบ!!!” เสียงตวาดจากชายหนุ่มชุดขาว ทำให้ห้องเงียบสงัดลงทันที
                “โหย อย่าดุนักซิ แซนเดอร์ มันน่ากลัว\" เสียงที่แกล้งทำเป็น สั่น และคำพูดกวนประสาทจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก
โอติส เลสติน
                “แหม นายก็อย่าไปกวนประสาทเขาสิ โอติส เดี๋ยวแซนเดอร์ตัวน้อยๆของเราเขาจะโกรธเอา วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ” คาเดนพูดอย่างไม่เหลือมาดชายหนุ่มผู้น่าเกรงขาม
                การพูดกวนประสาทของพวกเขาทำให้ คนอีกหลายๆคนที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่หัวเราะออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นได้(จริงๆก็หัวเราะเกือบหมดอ่ะ ยกเว้น วาเลนท์กับ สคอเลอร์ที่กลั้นอยู่ ฟีนิกซ์)
               
                “หุบปาก! ถ้าไม่อยากตาย โอติส แล้วก็คาเดนอธิบายขั้นตอนต่อไปซะ” พร้อมกันก็ส่งสายตาเย็นยะเยือก กับรังสีอำมหิตไปทั่วห้อง รังสีที่ทำให้ทุกๆคนในห้องหุบปากแทบจะพร้อมๆกัน ดวงตาสีม่วงสวยคู่นั้นทำให้คนทั้งห้องเสียวสันหลังวาบๆ
               
                “ก็ได้ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้ เอ้า! ทำตามที่ฉันบอกนะ” คาเดนพูดต่อ แล้วกวาดตามองคน300คนที่อยู่ในห้อง
               
                “ตั้งสมาธิไปที่บอล แล้วพูดว่า เอลม่า เลขประจำตัวของพวกนายก็จะปรากฏขึ้นมา” คาเดนเริ่มสวมบทชายหนุ่มผู้น่าเกรงขามอีกครั้ง
                 
                ฝาแฝดทั้ง2รีบทำตามทันที  เลข4ตัวเล็กๆสีเงินปรากฏบนบอลของวาเลนท์  ขณะที่แวนควิชนั้นเป็นเลข 6
                “ ทุกคนคะ เดินมาทางนี้เลยค่ะ ตอนนี้เรากำลังจะไปที่หุบเขาแห่งการทดสอบนะคะ ตามมาเลยค่ะ” ฮาเซลพูดอย่างอ่อนหวาน (ซึ่งผิดกับนิสัยจริง)
                กล่าวจบ ฮาเซลก็เดินนำหน้าออกจากห้องโถงกลาง  ผ่านประตูไม้บานใหญ่ที่แกะสลักรูปนางฟ้าไว้อย่างวิจิตรงดงาม  เข้าไปยังประตูเล็กๆ สู่ทางเดินมืดๆ ที่ดูลึกลับและ คดเคี้ยวเลี้ยวลดจนแวนควิชรู้สึกเวียนหัว  สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูมืดครึ้มที่บดบังแสงแดดเสียหมดสิ้น    เมื่อออกมาพ้นซุ้มต้นไม้ก็ถึงลานกว้าง  แลเห็นหอคอยโบราณสูงใหญ่  ที่มีความสง่างาม มากพอๆกับ ความลึกลับและน่ากลัว สีขาวสับทองของหินและอิฐจืดจางลงเล็กน้อยไม่เหมือนของใหม่  มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนรกครึ้มจนบริเวณรอบๆหอคอยนั้นเกือบจะมืดสนิท  ฮาเซลพาผู้สมัครทั้ง300คนมาหยุดที่ทางเข้าของหอคอยซึ่งเป็นซุ้มโลหะรูปงู2ตัวกำลังเกี่ยวกวัดกันอยู่ ที่ใต้หน้าต่างแต่ละบานมีรูปปั้นก็อบลินที่ยิ้มแสยะเสียจนหน้ากลัว ในดวงตาของรูปปั้นแต่ละตัวมีโกเมนสีแดงเหมือนเลือดฝังอยู่  เพียงแค่กระพิบตารูปปั้นแต่ละตัวเหมือนมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ บรรยากาศเงียบ วิเวกวังเวง แบบมีมนต์ขลัง ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องหรือจั๊กจั่นเรไร
                  ฮาเซลประกาศเสียงหวาน
                “ตอนนี้เรามาถึงหุบเขาแห่งการทดสอบแล้ว และหอคอยที่อยู่ตรงหน้าเราก็คือ หอคอยเดนฮอล์ม หอคอยในตำนาน ทุกคนต้องถูกทดสอบ ณ หอคอยนี้ค่ะ  ส่วนใครที่....\"
                จู่ๆประสาทสัมผัสประสาทสัมผัสของแวนควิช ก็ใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ ทุกสิ่งดูมืดมิด เสียงจากผู้คนรอบด้านเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง พร้อมกับกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งทำให้อยากจะอาเจียน ที่เหมือนจะแทรกซึมไปทั่วรูขุมขน  เสียงพูดช้าๆวังเวง  ค่อยๆดังขึ้น...ดังขึ้น จนเหมือนดังอยู่ในหัวของเขา
    ...........ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย  มหาสงครามกำลังจะเกิด  เผ่าพันธุ์แห่งเทพจะตกอยู่ในอันตราย..............
                \" นี่!เธอน่ะ หลับรึไง ตั้งใจหน่อยได้มั้ย \"
                \" หือ...\" แวนควิชสะดุ้ง ทุกอย่างกลับเป็นปกติ  ฮาเซลแยกเขี้ยวชี้นิ้วมาทางเขาอย่างรำคาญใจ ก่อนจะพูดต่อ
                  เขาหันหาไปพี่ชายฝาแฝดเพื่อขอความเห็นอย่างจนปัญญา  แต่ก็เจอกับดวงตาสีเทาเลื่อนลอยของวาเลนท์กำลังมองมาทางนี้อยู่พอดี
                  \'เสียงนี้มันอะไรกันแน่นะ\' แวนควิชรำพึงกับตนเองอย่างครุ่นคิด เมื่อคนๆเดียวที่น่าจะได้สัมผัสรับรู้เหมือนกับเขาก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้  พอเห็นวาเลนท์เงียบ แวนควิชก็เลยเงียบและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาฟังฮาเซลอธิบายกติกาต่อ
                  ....แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก
                                                  +++++++++++++++++++++++++++++++++
                  “ สวัสดีทุกคน ครูชื่อ ดีแคลน แอ็บซาลอน เป็นอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียน เซเวิร์ด ก่อนที่ทุกคนจะได้รับการทดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียน ครูจะอธิบายกติกาก่อนก็แล้วกันนะ การทดสอบของเราก็คือ เขาวงกต ในเขาวงกตจะมีด่านต่างๆที่จะต้องฝ่าไป จุดหมายปลายทางมีทั้งหมด 4 แห่ง คือ หอพักของเราทั้ง4หอ ได้แก่ จีเวล (พลอย) โทพาส(บุษราคัม)คริสตัล และสุดท้าย เอมเมอร์เริลด์ (มรกต) ก่อนหน้าพวกเธอจะไปถึงหอทั้ง4หอนั้น พวกเธอจะเห็นธง แต่ละหอจะมีธงอยู่12อันเท่านั้น เมื่เห็นธงก็จงหยิบธงคนละอัน และนั่นหมายถึงว่าเธอเป็นนักเรียน ของโรงเรียนเซเวิร์ดโดยสมบูรณ์ เอาล่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี!!\"
    “ เอ้า ทุกคนต้องจับลูกบอลก่อนนะ และถ้าจับได้ลูกบอลสีทองก็ให้เก็บไว้และเตรียมเข้ารับการทดสอบสุดท้ายส่วนใครที่ได้ลูกบอลสีขาวนั่นหมายถึงไม่ผ่านทดสอบ พูดแค่นี้หวังว่าพวกนายจะเข้าใจ” ชายหนุ่มสวมชุดเครื่องแบบสีขาวผมสีคราม ตาสีม่วง มีแววดุ ประกาศขึ้น
    “ น้องๆคะ เข้าแถวตรงนี้เพื่อ จับลูกบอลได้เลยนะคะ” เสียงหวานประกาศจากหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงเป็นลอน ตาสีเขียว หน้าหวานปานน้ำผึ้ง ทำให้แวนควิชตะลึงค้างกับร่างอันงดงามตรงหน้าในเครื่องแบบสีแดง
    “ นี่เรารีบไปกันเถอะ วาเลนท์ เร็วๆ” แวนควิชเร่งพี่ชายฝาแฝด น้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อได้เจอสาวงามแต่พอทั้งคู่กำลังจะเดินไปที่แถว...
    “ น้อง น้องครับไม่ต้องหันไปมองที่ไหนหรอก น้องผู้หญิงผมทอง ตาสีเทาน่ะครับ น้องชื่ออะไรครับ แหม น่ารักดีจัง” ชายหนุ่มหน้าใส ตาสีฟ้า ผมสีเทา ใส่ชุดเครื่องแบบสีเหลืองสดใส เดินมาขวางทางวาเลนท์ พร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้อย่างเจ้าชู้
    “ฮ่าๆๆๆ ขอโทษทีเถอะครับ พี่ชายสุดหล่อ ไอ้คนที่พี่บอกว่าน่าร๊าก น่ารักน่ะ มันเป็นผู้ชาย แถมเป็นพี่ชาฝาแฝดของผมด้วย” แวนควิชพูดกลั้วหัวเราะพร้อมชี้ไปทางวาเลนท์ที่ยืนอึ้งตาเขียวและจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มหน้าใสที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าอยู่
    “จะ..จริงง่ะ ฉันก็ว่าผู้หญิงอะไรหน้าล้อ หล่อ อ้อ ฉันชื่อ โอติส เลสติน เป็นหัวหน้าหอ โทพาส พรสวรรค์ของฉันก็คือ ฟาสท์ ความเร็ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก\" โอติสพูดอย่างใจดีปกปิดความหน้าแตกของตน
    “ ฉันชื่อ วาเลนท์ ส่วนฝาแฝดฉันชื่อ แวนควิช” วาเลนท์แนะนำตัวตามมารยาท แต่สายตาที่มองไปยังโอติสก็ดูเย็นชา
    “ นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ พรสวรรค์ที่นายว่านี่มันคืออะไรอ่ะ พวกเรายังไม่รู้เลยอ่ะ” น้องชายตัวแสบของวาเลนท์ถามอย่างสงสัย และยิ้มให้ชายตรงหน้าอย่างเป็นมิตร ผิดกลับฝาแฝดของตัวเองลิบลับ
    “ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้เหมือนนายนั่นแหละ แต่พอสอบเข้าที่นี่ได้ก็จะรู้เอง พวกนายรู้ไหม พวกที่มาสมัครนี่ก็ไม่ใช่เพราะโรงเรียนนี้ดังหลอกนะ แต่เพราะอยากรู้สวรรค์ของตนเองต่างหาก” โอติสไขข้อข้องใจ
    “ งั้น พวกเราก็ขอตัวไปจับลูกบอลก่อนละกัน” วาเลนท์พูดตัดบทเสียงเย็น
    “โธ่เอ๊ย ไม่ต้องรีบไปก็ได้ ถ้านาย2คนเก่งจริง ยังไงๆนายก็ต้องจับได้บอลสีทองอยู่แล้ว อย่ากังวลไปเลยน่า” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
    “นายหมายความว่าไง”วาเลนท์ถามขึ้นน้ำเสียงเริ่มอ่อนจนเข้าทางฝ่ายตรงข้าม
    “ก็ หมายความว่า “ ท่าทางของโอติสเริ่มเปลี่ยนไปจนเกือบน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ติดตรงที่ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ แฝงอยู่
    \"บอลทุกๆลูกไม่ใช่บอลสีทองน่ะสิ “
    “ อ้าว !อย่างงี้จะเรียกว่าการทดสอบได้ไงอ่ะ ในเมื่อไม่มีใครผ่านผ่านด่านนี้ไปได้สักคน “ แวนควิช พูดอย่างคาใจ
    “ ฉันคิดว่า ฉันพอจะเดาออก แล้วล่ะ “ วาเลนท์พูดอย่างครุ่นคิด
    “ ลูกบอลทั้งหมด คงจะถูกเวทย์ เอลม่า ซึ่งเวทย์นี้จะทำให้บอลจับระดับของผู้คัดเลือกถ้าความสามารถถึงเกณฑ์ก็จะเป็นสีทอง ใช่ไหม“ ประโยคสุดท้ายหันไปถามโอติส
    “ปิ๊งป่อง ถะ ถูกต้องนะคร้าบ นายนี่เก่งจริงๆ วาเลนท์ มีน้อยคนนะที่จะรู้เรื่องเวทย์เอลม่า ว่าแต่ว่า นาย2คนเป็นแฝดกันจริงรึ สีผม สีตา ท่าทาง ไม่เห็นเหมือนกันเลย ปกติ ฝาแฝด เนี่ยจะเหมือนกันทุกตารางมิลลิเมตรเลยไม่ใช่หรือ โทษทีอย่าหาว่าฉันละลาบละล้วงนะ” โอติสเฉลย แล้วถามอย่างสงสัย ( ความจริงมันก็เหมือนๆกับสอดล่ะน่าโอติส ฟีนิกซ์)
    “นั่นมันสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่เรา\"วาเลนท์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
    “ช่ายยยยยยยยย เพราะฉะนั้นนายก็จงงงต่อไป เพราะเราจาไปจับบอล เฮ้อนายทำให้เรา 2คนเสียเวลามากเลยรู้ไหม ส่วนเรื่องที่นายอยากรู้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง อืม...ถ้าผมได้เข้าเรียนที่นี่จริงๆอ่ะนะ”
    แวนควิช พูดอย่างกวนๆ จนโอติสเกือบจะเอาฝ่าพระบาทยันไปที่หน้า และมันก็เป็นโชคดีของแวนควิชที่โอติสยั้งทัน
    “เออๆๆๆ งั้นก็ไปเถอะ ชิ้วๆๆๆๆ” โอติสไล่อย่างฉุน ปนขำ
    ทั้ง2 รีบวิ่งไปที่แถวอย่างรีบร้อน เพราะกลัวบอลจะหมดเอาเสียก่อนเนื่องจากคนที่อยากเข้าและมาสมัครนั้นมีจำนวนร่วมครึ่งหมื่น ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทำให้พวกเขาวิ่งแซงหน้าผู้สมัครราว40คนไปได้
    “แฮ่กๆๆๆๆ โอยเหนื่อย ถ้าเราคุยกับโอติสนานกว่านี้มีหวัง บอลหมดก่อนแน่” แวนควิชหอบพลางบ่นไปพลาง แต่มันก็จริงอย่าที่เขาพูด เพราะบอลที่เหลืออยู่มีไม่ถึง20ลูก และมันยังเป็นโชคดีของพวกเขาที่มีอีกแค่2คิวก็จะถึงคิวของพวกเขาแล้ว
    \'3คน ..2คน .1คน\'
    วาเลนท์นับถอยหลังในใจอย่างร้อนรน ขณะที่แวนควิชที่ยืนอยู่ข้างหลังตื่นเต้นจนยืนนิ่งๆไม่ได้ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอย่างชั่งใจ และพยักหน้าให้กันเบาๆ วาเลนท์ค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบอลอย่างมุ่งมั่น แล้วยืนนิ่ง ส่วนแวนควิช นั้นหลับตาปี๋แล้วเอื้อมมือไปจับลูกบอลอย่างกลัวๆกล้าๆ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วมือของฝาแฝดทั้งคู่ ความอบอุ่นนั้นทำให้ วาเลนท์ก้มไปมองที่มองที่มือของตนเอง แวนควิชก็ค่อยๆลืมดวงตาสีน้ำตาลเพื่อมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้า สิ่งๆนั้นทำให้พวกเขาแย้มรอยยิ้มออกมา ลูกบอลของพวกเขามันเป็นสีทอง!!!!
    “ พวกเธอได้ผ่านไปอีกด่านนึงนะ “ เสียงหวานๆดังขึ้น ทำให้ฝาแฝดหันกลับไปมอง สาวสวยชุดแดงคนนั้นเอง
    “ ฉันจะเป็นกำลังใจให้” เธอกระซิบเบาๆให้ทั้งคู่
    “ ไปรวมกลุ่มตรงนั้นแล้วฟังคาเดนประกาศ”เธอยิ้มแล้วหลิ่วตาให้
    \' คาเดน...คนไหนกัน\' วาเลนท์คิดในใจ
    “ก็ ผู้ชายชุดเขียวนั่นไง แหม ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ได้ หนุ่มน้อยน่ารักทั้งสอง อุ๊ย! ลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ฮาเซล เยดด้า หัวหน้าหอจีเวล พรสวรรค์ของฉันก็คือรีดดิ้ง การอ่านใจจ๊ะ สุดท้ายห้ามเรียกฉันว่าพี่ ไม่ว่าเหตุใดก็ตาม”
    \'ที่แท้ก็กลัวแก่\' แวนควิชพูดในใจ
    “ ฉันรู้นะนายคิดอะไร” ฮาเซลถลึงตาไปที่แวนควิช
    โทษ ทีคร้าบ” แวนควิชรีบขอโทษทันที
    “ ไปรวมกลุ่มได้แล้ว” เสียงหวานเร่ง
    ฝาแฝดทั้งคู่ จึงรีบเดินไปรีบเดินไปเข้ากลุ่มตามที่ฮาเซลบอก กลุ่มคนที่เหลือมีคนประมาณ300คนจากเดิมที่มาสมัครประมาณ50,000คน ตอนนี้ผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบเริ่มทยอยออกไปกันแล้ว บรรยากาศภายในห้องโถงตอนนี้มีทั้ง ความยินดีปรีดา ความสุข ความทุกข์ ความผิดหวัง ความเสียใจ (รู้สึกว่า 3 อย่างหลังจะมากกว่านะ ฟีนิกซ์) เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ และ เสียงสบถของผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบ ผสมปนเปกันไปหมด
    “นายว่าไหม วาเลนท์ ที่นี่ก็โหดเหมือนกันนะ จาก 50,000 เหลือ 300 จาก 300 เหลือ 48”
    “อือ”
    “พูดคำอื่นนอกจาก อือ ไม่เป็นหรือไง”
    “อือ”
    \'เซ็งโว้ย! มีพี่ชายเป็นท่อนไม้\' แวนควิชสบถในใจ
    เมื่อผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบได้ทยอยออกจากห้องโถงไปหมดแล้ว ความเงียบสงัดก็กลับคืนมายังห้องโถง
          ทุกคนฟังทางนี้! การที่พวกนายจะเข้าไปในเขาวงกตไปได้นั้น เราจะต้องรู้หมายเลขของตัวเองก่อน” คาเดนประกาศขึ้นมา อย่างน่าเกรงขาม ทำให้ ภายในห้องเกิดเสียงเจ๊าะแจะจอแจอีกครั้ง เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ และคาดเดา ถึงวิธีการในครั้งต่อๆไปในการทดสอบพวกของตนเอง
                “เงียบ!!!” เสียงตวาดจากชายหนุ่มชุดขาว ทำให้ห้องเงียบสงัดลงทันที
                “โหย อย่าดุนักซิ แซนเดอร์ มันน่ากลัว\" เสียงที่แกล้งทำเป็น สั่น และคำพูดกวนประสาทจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก
โอติส เลสติน
                “แหม นายก็อย่าไปกวนประสาทเขาสิ โอติส เดี๋ยวแซนเดอร์ตัวน้อยๆของเราเขาจะโกรธเอา วะฮ่าๆๆๆๆๆๆ” คาเดนพูดอย่างไม่เหลือมาดชายหนุ่มผู้น่าเกรงขาม
                การพูดกวนประสาทของพวกเขาทำให้ คนอีกหลายๆคนที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่หัวเราะออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นได้(จริงๆก็หัวเราะเกือบหมดอ่ะ ยกเว้น วาเลนท์กับ สคอเลอร์ที่กลั้นอยู่ ฟีนิกซ์)
               
                “หุบปาก! ถ้าไม่อยากตาย โอติส แล้วก็คาเดนอธิบายขั้นตอนต่อไปซะ” พร้อมกันก็ส่งสายตาเย็นยะเยือก กับรังสีอำมหิตไปทั่วห้อง รังสีที่ทำให้ทุกๆคนในห้องหุบปากแทบจะพร้อมๆกัน ดวงตาสีม่วงสวยคู่นั้นทำให้คนทั้งห้องเสียวสันหลังวาบๆ
               
                “ก็ได้ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้ เอ้า! ทำตามที่ฉันบอกนะ” คาเดนพูดต่อ แล้วกวาดตามองคน300คนที่อยู่ในห้อง
               
                “ตั้งสมาธิไปที่บอล แล้วพูดว่า เอลม่า เลขประจำตัวของพวกนายก็จะปรากฏขึ้นมา” คาเดนเริ่มสวมบทชายหนุ่มผู้น่าเกรงขามอีกครั้ง
                 
                ฝาแฝดทั้ง2รีบทำตามทันที  เลข4ตัวเล็กๆสีเงินปรากฏบนบอลของวาเลนท์  ขณะที่แวนควิชนั้นเป็นเลข 6
                “ ทุกคนคะ เดินมาทางนี้เลยค่ะ ตอนนี้เรากำลังจะไปที่หุบเขาแห่งการทดสอบนะคะ ตามมาเลยค่ะ” ฮาเซลพูดอย่างอ่อนหวาน (ซึ่งผิดกับนิสัยจริง)
                กล่าวจบ ฮาเซลก็เดินนำหน้าออกจากห้องโถงกลาง  ผ่านประตูไม้บานใหญ่ที่แกะสลักรูปนางฟ้าไว้อย่างวิจิตรงดงาม  เข้าไปยังประตูเล็กๆ สู่ทางเดินมืดๆ ที่ดูลึกลับและ คดเคี้ยวเลี้ยวลดจนแวนควิชรู้สึกเวียนหัว  สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูมืดครึ้มที่บดบังแสงแดดเสียหมดสิ้น    เมื่อออกมาพ้นซุ้มต้นไม้ก็ถึงลานกว้าง  แลเห็นหอคอยโบราณสูงใหญ่  ที่มีความสง่างาม มากพอๆกับ ความลึกลับและน่ากลัว สีขาวสับทองของหินและอิฐจืดจางลงเล็กน้อยไม่เหมือนของใหม่  มันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางสวนรกครึ้มจนบริเวณรอบๆหอคอยนั้นเกือบจะมืดสนิท  ฮาเซลพาผู้สมัครทั้ง300คนมาหยุดที่ทางเข้าของหอคอยซึ่งเป็นซุ้มโลหะรูปงู2ตัวกำลังเกี่ยวกวัดกันอยู่ ที่ใต้หน้าต่างแต่ละบานมีรูปปั้นก็อบลินที่ยิ้มแสยะเสียจนหน้ากลัว ในดวงตาของรูปปั้นแต่ละตัวมีโกเมนสีแดงเหมือนเลือดฝังอยู่  เพียงแค่กระพิบตารูปปั้นแต่ละตัวเหมือนมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ บรรยากาศเงียบ วิเวกวังเวง แบบมีมนต์ขลัง ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องหรือจั๊กจั่นเรไร
                  ฮาเซลประกาศเสียงหวาน
                “ตอนนี้เรามาถึงหุบเขาแห่งการทดสอบแล้ว และหอคอยที่อยู่ตรงหน้าเราก็คือ หอคอยเดนฮอล์ม หอคอยในตำนาน ทุกคนต้องถูกทดสอบ ณ หอคอยนี้ค่ะ  ส่วนใครที่....\"
                จู่ๆประสาทสัมผัสประสาทสัมผัสของแวนควิช ก็ใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ ทุกสิ่งดูมืดมิด เสียงจากผู้คนรอบด้านเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง พร้อมกับกลิ่นเหม็นคาวคลุ้งทำให้อยากจะอาเจียน ที่เหมือนจะแทรกซึมไปทั่วรูขุมขน  เสียงพูดช้าๆวังเวง  ค่อยๆดังขึ้น...ดังขึ้น จนเหมือนดังอยู่ในหัวของเขา
    ...........ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย  มหาสงครามกำลังจะเกิด  เผ่าพันธุ์แห่งเทพจะตกอยู่ในอันตราย..............
                \" นี่!เธอน่ะ หลับรึไง ตั้งใจหน่อยได้มั้ย \"
                \" หือ...\" แวนควิชสะดุ้ง ทุกอย่างกลับเป็นปกติ  ฮาเซลแยกเขี้ยวชี้นิ้วมาทางเขาอย่างรำคาญใจ ก่อนจะพูดต่อ
                  เขาหันหาไปพี่ชายฝาแฝดเพื่อขอความเห็นอย่างจนปัญญา  แต่ก็เจอกับดวงตาสีเทาเลื่อนลอยของวาเลนท์กำลังมองมาทางนี้อยู่พอดี
                  \'เสียงนี้มันอะไรกันแน่นะ\' แวนควิชรำพึงกับตนเองอย่างครุ่นคิด เมื่อคนๆเดียวที่น่าจะได้สัมผัสรับรู้เหมือนกับเขาก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้  พอเห็นวาเลนท์เงียบ แวนควิชก็เลยเงียบและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาฟังฮาเซลอธิบายกติกาต่อ
                  ....แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก
                                                  +++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น