ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    love story รักนี้ ความจริงหรือความฝัน

    ลำดับตอนที่ #3 : -------------03------------ [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 58


    บทที่3

     

    “ชอบใครสักคน ต้องรู้สึกแบบไหนกัน ..”                   

     

    “แกว่าไงน่ะ พูดอีกรอบดิ” บิสกิตเอ่ยถามหน้ายู่ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสังสัย

     

    “ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลย” ฉันเริ่มต้นเล่าทันทีที่เริ่มควบคุมน้ำตาตัวเองได้ “ฉันน่ะ รู้สึกดีมากๆตอนเจอผู้ชายคนนึงเหมือนตัวกำลังจะลอยเลยล่ะ แต่พอเจอคนๆนั้นต่อว่า น้ำตาก็ไหลไม่หยุด ที่แบบนี้เพราะอะไรกัน” ฉันเอ่ยสียงแผ่ว น้ำตาเริ่มรื้นที่ขอบตาอีกรอบ

     

    “โกรธไหม เวลาโดนคนนั้นต่อว่า”ไบเบิลเอ่ยถาม ฉันสายหน้าก่อนตอบ

     

    “แค่น้อยใจมั่ง” ฉันเอ่ยสียงแผ่ว มันไม่น่าเป้นไปได้ที่ฉันจะรู้สึกแบบนั้น ในวลาอันน้อยนิด

     

    “เห้อออ อย่าเพิ่งคิดอะไรเยอะเลย” บิสกิตเอ่ย “เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงมันไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็ไมได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้”

     

    “นั่นสิ” บัลเล่ย์เสริม “ถ้าไม่มั่นใจกับสิ่งที่ใจคิด ก็ปล่อยให้เวลาช่วยก็แล้วกัน ไปเรียนกันเถอะ”บัลเล่ย์เอ่ยจบก็เดินนำเข้าตึกเรียน ซึ่งเวลานี้คงจะมีแต่พวกฉันแหระที่ยังไม่เข้าเรียนกันสักที

     

    “อย่าไปคิดเยอะ ปวดหัวเปล่าๆ” บิสกิตเอ่ยก่อนจะเดินตามบัลเล่ย์ไป

     

    “รักน่ะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาหรอกน่ะ ถ้ามันคิดจะมา มันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัวหรอก ถามตัวเองให้มั่นใจว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้พราะอะไรและเพราะใคร เพราะถ้ามั่นใจแล้วในสิ่งตัวเองคิดแล้ว ต่อไปมันก็จะง่ายขึ้นเอง” ฉันพยักหน้ารับ “ไปเรียนกันถอะ”

     

    ฉันกับไบเบิลเดินเข้าห้องเรียนเป็นสองคนสุดท้าย อาจารย์ที่กำลังมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ

     

    “วชิรญาณ์ วิลาสินี คุณสองคนเข้าสายมากน่ะครับ” อาจารย์เอ่ยเสียงเรียบ

     

    “ขอโทษค่ะอาจารย์ วิลาสินีไม่ค่อยสบายค่ะหนูเลยพาไปห้องพยาบาล” ไบเบิลเอ่ย

     

    “งั้นเชิญนั่งประจำทีของพวกคุณซะ”

     

    “ขอบคุณค่ะ” ฉันและไบเบิลรีบเดินข้ามานั่งประจำที่ตัวเองทันที

     

     

                    เวลาพักกลางวันเดินทางมาถึงฉันบอกกับตัวเองว่าฉันแค่คิดมากไป คงไม่ได้ชอบหรือคิดอะไรเกินเลยไปหรอก ก็แค่หวั่นไหวชัววูบแหละมั่ง

     

    “วันนี้กินข้าวโดมไหน”บิสกิตเอ่ยถามระหว่างยืนอยู่ในลิฟ

     

    “แล้วแต่พวกแกเถอะ” ฉันเอ่ย “แต่ต้องแวะโดมก่อนน่ะ วันแรกต้องเช็คความเรียบร้อยก่อน”

     

    “อืมๆ” ทันทีที่ประตูลิฟเปิด ฉันและเพื่อนสามคนก็ดินแยกทางกันทันที

     

    “เด๋วไลน์ไปบอกน่ะเบลล์” เสียงบัลเล่ย์ตะโกนบอก ฉันได้พยักหน้ารับ และเดินต่อไปยังโดมเรด จิงๆไม่ต้องตรวจความเรียบร้อยก็ได้เพราะโซนเรดมีแต่ลูกคนรวยที่มีมารยาททางสังคม แต่ก็น่ะ ในเมื่ออาจารย์สั่งมา ลูกศิษย์อย่างพวกฉันคงต้องไปตรวจตราความเรียบร้อยของโดมตัวอง

     

                    เดินมาถึงแค่ประตูทางเข้าก้มีเสียงเอะอะดังลั่นโดม ผู้คนยืนมุงกันมากมาย บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    “ขอทางหน่อย” ฉันสะกิดคนผู้คนที่ยืนขวาง

     

    “ควีน!” ผู้ชายครงหน้าแหกปากลั่นด้วยความตกใจ ทำให้ไทยมุงรอบนอกเริ่มเปิดทางให้ฉันดินเข้าไป

    และทันทีที่เดินข้ามาถึงข้างในฉันนี่ช็อคเลยน่ะ เป็นแค่เด็กนักเรียนแต่พกสนับมือ พกปืน พกมีด ไอ5-6คนที่ยืนตรงหน้าฉันเนี่ย มันนักเรียนโซนเรดจิงๆหรอ ฉันคิดว่าเดินหลงมาโซนแบล็คซะอีก

     

    “นี่หยุดน่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเข้ม แต่ก็เหมือนเดิม คนพวกนั้นยังคงต่อยกันมันมือเลย ฉันจึงขึ้นไปยืนบนโต๊ะ

     

    “ฉันสั่งให้หยุด” ฉันเพิ่มเสียงในการตะโกนห้าม “ถ้าพวกนายไม่หยุด ฉันจะทำทัณบนพวกนายแล้วย้ายพวกนายไปโซนแบล็ค” ฉันเอ่ยเสียงดังและฉะฉาน

     

    “อย่าเสือกน่ะควีน” หนึ่งในนั้นตะโกนกลับมา คิดว่านายเป็นใคร ตำแหน่งควีนไม่ได้ขอมาน่ะยะ ฉันได้ด้วยความสามารถทางฐานะและความสามารถทางการต่อสู้ล้วนๆเลยน่ะเว้ย ลูกสาวคนเดียวของคาสิโนนับสิบต่อสู้ไม่ได้นี่ควายน่ะค่ะ

     

    “พวกนายจะลองก็ได้น่ะ ” ฉันเอ่ยอีกรอบ คนพวกนั้นหันมามองฉันอย่างไมพอใจ “ฉันเป็นควีนเพราะความสามารถที่ฉันมี ฉันไม่ได้ซื้อมันมา”

     

    “เป็นผู้หญิง อย่าปากกล้า อย่าสือก ชัดน่ะควีน!” หนอย ไอหน้าปลาเค็ม

     

    “งั้นมาลองสักตั้งไหม ถ้าฉันทำให้สยบแทบเท้า พวกนายทั้ง6จะถูกย้ายไปโซนแบล็คโดยไม่มีข้อแม้”ฉันเอ่ยพลางชี้หน้าผู้ชายที่ด่าฉันว่าเสือกด้วยอารมณ์โกรธแค้นล้วนๆ

     

    “เห้ยๆ หลีกทางเด๋วนี้เกิดอะไรขึ้น” เจดายแหกปากลั่นก่อนจะเดินนำปริ๊นซ์อีก3คนเข้ามา “เกิดอะไรขึ้นควีน”

     

    “ไอหน้าปลาเค็มพวกนี้อะดิ มันอยากตาย ห้ามไม่ให้ตีกันก็ด่าว่าเสือก สงสัยต้องประเคนตีนใส่หน้า”

     

    “ใครหน้าปลาเค็ม!!” 1ใน6ตะคอกถามสียงเข้ม

     

    “นายไง” ฉันตอบ “ตกลงสนใจข้อเสนอไหม ถ้าสยบแทบเท้า พวกนายต้องยอมให้ฉันเนรเทศ ที่นี่มีแต่ผู้ดี มารยาทดีต่อที่สาธารณ พวกนายขาดคุณสมบัติสำหรับโซนเรด”

     

    “เห้ยควีน เธอท้าอะไรพวกมัน เรื่องนี้ปล่อยให้ผู้ชายจัดการ ผู้หญิงตัวแค่นี้” เจดายเอ่ยปรามเสียงแข็ง

     

    “ได้ยังไงกัน” ฉันเอ่ยออกไปอย่างไมพอใจ ใช่ฉันไม่พอใจมาก

     

    “เจียมตัวซะบ้างเถอะ ว่าตัวเองน่ะเป็นแค่ผู้หญิง” ฉันตวัดสายตาไปยังเจ้าของวาจานั่นทันที

     

    “เป็นผู้หญิงแล้วยังไง ตอบมาสิ ฉันเป็นหญิงแล้วยังไง” ฉันกระโดดลงจากโต๊ะและเดินไปเผชิญหน้าทันที

     

    “อ่อนแอ” คนตัวสูงตรงหน้าตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

     

    “ฉันไม่ได้อ่อนแอ” ฉันสวนกลับและน้ำตาก็เริ่มรื้นขอบตาอีกตามเคย

     

    “แต่เธอกำลังป็นอย่างที่ฉันพูด นี่หรอทายาทห้างสรรพสินค้า นี่หรอทายาทกิจการไข่มุข นีน่ะหรอทายาทโรงแรมชื่อดัง นี่สินี่ทายาทคาสิโน กำลังยืนร้องไห้แบบนี้น่ะหรอ”

     

    “มันจะมาเกินไปแล้ว” ฉันเอ่ยออกไปทั้งน้ำตา ช่างไอพวกที่ต่อยตีปล่อยให้เจดายจัดการไป ฉันขอจัดการผู้ชายตรงหน้าก่อนเถอะ ฉันจะจัดการมันทั้งน้ำตานี่แหระมาร้องไห้อะไรตอนนี้เนี่ย ร้องไห้ต่อหน้าคนทั้งโดมเนี่ยน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน อยูที่นี่มาก็หลายปี นี่ครั้งแรกเลยน่ะเว้ยที่ร้องไห้ต่อหน้าประชาชีเนี่ย และสาหตุก็มาจากผู้ชายคนนี้อีกแล้ว “นายคิดว่านายเป็นใครปริ๊นซ์แบล็ค นี่มันครั้งที่3แล้วน่ะที่นายต่อว่าฉัน ฉันไปทำอะไรให้กัน ถึงได้มาทำให้ชีวิตอันสงบสุขของฉันมีปัญหาน่ะ”

     

    “น่าลำคาญว่ะ” 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×