ตอนที่ 30 : ตอนที่3 บัญชาโอรสสวรรค์--จิงเฉิง
File29 ตอนที่3 บัญชาโอรสสวรรค์
จิงเฉิง
รอบเมืองนอกหมู่บ้านชวงสีเป็นเทือกเขาหินปูนล้อมรอบอันเป็นปราการแยกดินแดน เหลี่ยมเขาหักเหแสงแดดจ้าสะท้อนน้ำใสในลำธารเป็นเงาฉายพฤกษา ภาพเบื้องหน้าจึงเป็นแสงสีเขียวเรืองๆ นี่เป็นรุ่งอรุณแห่งการจากลา ทางเดินเท้าปรากฏหญิงหนึ่งชายสามทอดน่องเสวนาอย่างเป็นกันเอง
“แล้วพวกนั้นเล่า ทำไมมีเจ้าคนเดียวมาส่งพวกเรา”
“หืม ชุนเถาเจี่ยกับพวกกำลังเตรียมตัว” เสี่ยวหมานตอบคนเดินคู่กับนาง จั่นเจาน้อย คนข้างหลังได้ยินชักสงสัย พึ่งจบเรื่องวุ่นๆไปพวกหอบุหลันลอยลมมีอะไรให้เตรียมตัว
“เตรียมตัวอะไรหรือ”
“ก็พวกนางคุยกันไปคุยกันมา (ในวงเหล้าเมื่อคืน) ตกลงว่าจะแปลงหอบุหลันลอยลมเป็นร้านอาหารและจะอยู่ที่นี่ไปไปไหนแล้ว”
“ดีสิ พี่สาวน้องสาวดูแลกันและกันอย่างไรก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปได้”
“แต่ว่าพวกนางเป็นหญิง มีกันแค่สี่คน แถมร้านอาหารยังยากจัดการ ข้ากลัวว่า...”
“ไม่หรอกจั่นเจา หอบุหลันลอยลมต้องกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นแน่”
“ถ้าเป็นอย่างที่ข้าคิดงั้นมันจะต่างจากหอบุหลันลอยลมเดิมอย่างไรเล่า”
“หืม ต่างสิเพราะรายได้จะดีกว่าเดิมไง” เสี่ยวหมานยิ้มรับ ก่อนกงซุนเชอฺจะเอ่ยปาก
“เริ่มสายแล้ว พวกเราต้องไปขึ้นเรืออีก”
“อืมนั่นสิ เสี่ยวหมานเจ้าก็ไม่ต้องส่งพวกเราแล้ว รีบกลับไปเถอะ” เปาเจิ่งหยุดเดินมาประจันหน้าเอ่ยอำลา
“อืม”
“มีอะไรจะพูดไหม”
“ไม่มีแล้ว” เปาเจิ่งรู้สึกผิดสังเกตเพราะนางน้อยจอมซนยิ้มแบบแปลกๆมาตั้งแต่เช้า จะว่าอย่างไรดี ยิ้มแบบคนเหนือกว่า จะว่านางแกล้งทำตัวร่าเริงก็ไม่ใช่ แต่เมื่อไม่รู้เหตุผลจึงได้แต่ยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจะกุมมือนางเป็นครั้งสุดท้าย เสี่ยวหมานมองมือคนแต่งชุดแบบคุณชายกงซุนยิ้มๆแต่แทนที่จะวางมือให้กุม กลับตีแรงๆจนคนหน้าดำร้องโอ้ย ทั้งหมดเลยยิ้มกว้างกับนิสัยเด็กๆของนาง
“งั้น มีโอกาสพบกันใหม่”
“อืม มีโอกาสพบกันอีก”
เปาเจิ่งออกเดินนำไปท่าเรือได้ไม่ถึงสองก้าว ก็มีคนวิ่งแซงพวกเขาไป เห็นหลังไวๆจึงรีบร้องทัก
“เสี่ยวหมาน นี่เจ้า...” คนถูกเรียกหันกลับมามองหน้ายุ่งๆ
“ข้าจะไปหาพ่อครัวเทพขาแพะแล้ว ไปละ”
“อ้าวไปซะแล้ว แล้วพ่อครัวอะไรกัน”
“อ้อ คงเพราะหอบุหลันลอยลม ไม่ใช่สิร้านอาการบุหลันลอยลมจะหาพ่อครัวละมั้ง” กงซุนเชอฺตอบอย่างไม่คิดอะไรก่อนชักชวนให้เร่งเดินไปขึ้นเรือซักที
เช้าวันนี้เมื่อส่งแขกคนสำคัญออกไปแล้วพวกนางก็ยุ่งกับการเตรียมร้านเปิดใหม่ที่ตกลงกันเมื่อคืน เมื่อไม่มีสงครามคนก็กลับมาคึกคักเช่นเดิม เมืองชายแดนเป็นเช่นนี้เอง ข่าวเก่าๆมักซาไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับคนใหม่ๆที่อพยพเข้ามา
“ไอ่โย่ ท่านเจ้าขามาแล้วเหรอเจ้าคะ ทำไมมาช้าแบบนี้ หือ” ชุนเถาตัวอ่อนซุกลงไปในอ้อมแขนของบุรุษร่างกำยำ ดูจากชุดแล้วทองในถุงคงมากมิใช่น้อย ชุนเถายิ่งมองยิ่งขยิบตาหวานๆไปให้อีกสองที “มานั่งนี่นะเจ้าคะ เพื่อนท่านรออยู่” เมื่อสองบุรุษทักทายกันเสร็จ เซี่ยซางก็เข้ามาประกบทันที “ท่านเจ้าขาจะรับอะไรดีคะว เอาเนื้อวัวไหมวันนี้เลิศมากเจ้าค่ะ”
“แต่เนื้อวัวแพง ไม่ไหวมั้ง จิน (ครึ่งโล) ตั้งหกสิบเหวิน แพงกว่าร้านอื่นตั้งห้าส่วน”
“แหมไม่แพงหรอกเจ้าค่ะ ถูกมากๆ” เซี่ยซางถลาลงไปบนตักแขกโยกตัวไปมาออดอ้อน ชุนเถาก็ส่งสายตาน่าสงสารไปให้ เนื้อนางนุ่มๆทำให้สองหนุ่มใหญ่สมองคิดเลขไม่ค่อยถูกจนสั่งเนื้อวัวไปตั้งสองจิน เซี่ยซางได้รับรายการอาหารครบก็เดินไปหลังครัว ผ่านโต๊ะด้านในเห็นชิวจู๋กำลังใช้เสน่ห์ให้แขกสั่งสุราเพิ่ม จึงหยุดดู
“นายท่านข้าทอยละนะ เอ๊ะ”
“โอ๊ะโอ ชิวน้อยของข้า แพ้อีกแล้ว ปรับอีกจอกนะจ๊ะ”
“ไอโย แพ้อีกแล้ว” ชิวจู๋ทำเสียงน่าสงสารแต่ใจกระหยิ่มก่อนนั่งหันหลังให้นายท่านเจ้าขานั่งกอดยกเหล้าให้ดื่มถึงปาก เซี่ยซางเห็นแล้วต้องส่ายหน้าขันๆ อุบายนี้ชิวน้อยได้ขายได้ดื่ม วันหลังนางจะใช้บ้าง พอมองผ่านๆไปโต๊ะริมโถง นั่นตงเหมยนัดแขกมาสองคนพร้อมกันอีกแล้วหรือ
“คุณชายขาอย่าโกรธข้าเลยนะ คืนดีกันเถิดนะเจ้าคะ” ตงเหมยใช้เวลาหงอลูกชายนายเก็บส่วยด่านหลายก้านธูปก่อนจะยอมใจอ่อน แค่ไปปรนนิบัติลูกชายผู้ใหญ่บ้านคนใหม่แล้วมาช้าหน่อยเดียวเอง แต่ก็คุ้มแสนคุ้มเพราะเขาทั้งสองสั่งอาหารเยอะทีเดียว ตงเหมยปาดเหงื่อก่อนวิ่งไปจับมือชุนเถาที่รับแขกหน้าร้าน
“ชุนเถาเจี่ยมาคุยกันหน่อย”
“อะไรละเจ้า เดี๋ยวมาคุยนะคะนายท่าน”
“อย่าพึ่งหว่านเสน่ห์ เสี่ยวหมานละท่านพี่ คนเยอะแยะขนาดนี้ ยุ่งจะตายอยู่แล้ว”
“โอ้ย นางไม่มาแล้วล่ะ นายท่านแวะเข้ามาชิมอาหารรสเลิศในร้านก่อนเจ้าค่ะ”
“แล้วไปไหนเล่า”
“ก็ไปหาความสุขของนางแล้วล่ะสิ มาๆๆ เข้ามานั่งนี่เลยเจ้าค่ะ”
“ความสุขอะไร”
“ไอ่ย่า ก็เจ้าจำไม่ได้หรือว่าเสี่ยวหมานจะเอาผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในแผ่นดิน แล้วตอนนี้ก็รู้แล้วว่าอยู่ไหนก็เลยไปหาไง”
“ไปหาที่ไหนละ” ชุนเถาทำหน้าเอือมๆก่อนตอบแบบให้ไปคิดต่อเอง
“ก็ไปเดินเล่นหาแถวๆจิงเฉิงละมั้ง”
เมื่อทั้งสามเดินทางมาถึงท่าเรือก็เป็นเวลาสายมากแล้ว เรือที่จะออกจากท่ามีลำเดียวที่รอพวกเขาอยู่ เสียงนกน้ำร้องโหวกเหวกมาแต่ไกล พอเปาเจิ่งเหยียบไประแนงท่าเรือก็นิ่งจ้องมองคนที่ยืนโยนหินเล่นบนเรือชัดอีกครั้งว่าไม่ได้ตาฟาด
“เสี่ยวหมาน” เมื่อคนที่คิดว่าใช่หันมาตามเสียงคนลองเรียกก็งุนงงเล็กน้อย “เจ้ามิได้ไปหาพ่อครัวหรอกหรือ”
“ก็ใช่สิ” เสี่ยวหมานหันมาตอบหน้าตาย
“แต่ว่าเรือลำนี้จะพาเฉพาะพวกเราสามคนกลับจิงเฉิง” กงซุนเชอฺอธิบายหน้ายุ่งๆ
“อ่อ”
“รู้แล้วเจ้ายังไม่ขึ้นมาอีก”
“ข้าก็แค่จะไปทางเดียวกัน พอถึงข้างหน้าข้าก็หาที่ขึ้นเองแหละ เอ้าคนครบแล้วก็ออกเรือได้”
“...”
เมื่อจอมนางประกาสิทธิ์มาเช่นนี้ก็ได้แต่ไปตามน้ำ โดยหวังว่านางจะไม่พาพวกเขาออกทะเล
จิงเฉิงยังคงคึกคักเสมอสมเป็นเมืองหลวง คนต่างเมืองขนข้าวของที่มาขายต่างมีคุณภาพดี หายาก และมีราคาแพง โดยเฉพาะสินค้าพวกผ้า ดูได้จากการแต่งตัวของคนบนถนนที่แตกต่างจากเมืองอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“แม่นางเสี่ยวหมาน บ้านพ่อครัวเจ้าอยู่ไกลไปแล้วมั้ง มาตามทางเดียวกันร่วมหลายพันลี้จนมาถึงจิงเฉิงแล้วเนี่ย” เปาเจิ่งเอ่ยขึ้นลอยๆเมื่อรู้จุดมุ่งหมายของนางและเหตุที่นางยิ้มแปลกๆมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง คนที่เดินข้างหน้าแบบกร่างเต็มถนนหันมาตอบพร้อมถอยหลังเดินไปด้วย
“อืม ป่านนี้แล้วชุนเถาเจี่ยคงหาเจอแล้วล่ะพ่อครัวเทพอะไรนั่น ส่วนข้าตอนนี้ได้โอกาสมาจิงเฉิงทั้งทีต้องเดินเล่นซักหน่อย เอ๊ะ ขอเตือนไว้ก่อนนะทั้งสามคนเลยอย่าตามข้ามาละ”
ใครจะตามนางกันทั้งสามคิดในใจ เปาเจิ่งเมื่อเห็นนางเดินไปไกลสุดสายตาแล้วก็ต้องอมยิ้มถึงแผนการที่มาด้วยแบบไม่ให้ใครได้ปฏิเสธ เพราะไม่ได้ขอร้องให้พานางมา แล้วยังท่าทางที่เดินเหมือนเจ้าถิ่นนี่อีก จะหลงไปไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าวของห่อผ้าไม่มีติดตัวซักชิ้น แต่ในเมื่อนางไม่ให้ตามจะทำไงได้
“เสี่ยวหมานนี่ซนสมชื่อจริงๆ”
“หืม ก็เสี่ยวหมานเป็นสาวน้อยจอมซนเพื่อนสาวของท่านนี่” จั่นเจาไม่พลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้ ก่อนยิ้มแก้มปริ พลันหางตาเห็นคนหน้าดำเหล่มาทางตน
“เจ้ายิ้มอะไรไม่ทราบ”
“ไม่ได้ยิ้มนี่” น้องเล็กฉีกยิ้มกว้างตอบ
“ไม่ยิ้มเลยเนอะ” ยิ้มที่กว้างอยู่แล้วกว้างเข้าไปอีก
“จิงเฉิงมีต้าเปาปัญญาอ่อน”
“เจ้า” ลิงน้อยแอบไปอยู่หลังคุณชายเรียบร้อยแล้วผลักกงซุนเชอฺมาประชันหน้าแทน
“แล้วเจ้าละ ยิ้มอะไร หา” กงซุนเชอฺกลั้นยิ้ม ก่อนยกมือลูบบ่าเปาเจิ่งเบา จั่นเจาน้อยก็ชะโงกหน้ามาพาดบ่าฟังด้วยว่าพี่กลางจะกล่าวอะไรเด็ดๆบ้าง
“ข้าไม่ได้ยิ้มจริงๆ ก็แค่คิดว่าคนปัญญาอ่อนคนหนึ่งสามารถทำให้หญิงสาวสวยคนหนึ่งหลงเสน่ห์จนตามเป็นพันพันลี้เพื่อมาเดินเล่นเป็นเพื่อนแถวจิงเฉิงได้เนี่ย ดวงดีจริงๆเลยเนอะ”
“ใช่”
“จนทำให้คนแถวนี้อิจฉา”
“ตาร้อนเลยแหละ” ลูกคู่ยังทำหน้าที่ได้ดี แถมส่งเสียงหัวเราะเยาะใส่ด้วย
“กงซุนเชอฺ” เปาเจิ่งเอ่ยเสียงปรามๆ เห็นอีกฝ่ายแก้มป่องกลั้นยิ้มแล้วน่าถีบไปล้มทับแผงผ้าด้านหลังยิ่งนัก แต่ไม่ถีบดีกว่าเพราะมีวิธีที่ดีกว่านั้น
“จริงๆแล้วกงซุนต้าเหรินก็น่าอิจฉาเช่นเดียวกัน”
“ใช่” จั่นเจาย้ายข้างกะทันหัน เพราะคติประจำครอบครัวสามพี่น้องมีว่า ใครล้มอย่าข้าม ให้เหยียบซ้ำ อย่านินทาใครลับหลัง ให้เยาะเย้ยต่อหน้า ตอนนี้เปาต้าเกอมีโอกาสชนะมากกว่าต้องเข้าข้างไว้ก่อน
“เพราะว่าอะไรน่ะหรือ ก็เพราะกงซุนต้าเหรินมีโอกาส...หลงรักผู้เป็นเพศชายน่ะสิ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”
“เจ้าพูดอะไรละเจ้า” กงซุนเชอฺหุบยิ้มทันที เปาเจิ่งยิ้มกลับกว้างจนเห็นฟันทุกซี่ ส่วนจั่นเจาน่ะหรือลงไปนั่งกุมท้องหัวเราะไม่มีเสียงอยู่บนพื้น
“ไม่ได้พูดไรนี่”
“เจ้าห้ามยิ้ม ส่วนเจ้า...”
“พอแล้ว เมื้อกี้ล้อข้ามาครึ่งวันข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เอ ข้ากลับมาจิงเฉิงคราวนี้ทำไมถึงได้รู้สึกแปลกๆ เหมือนจะเจออะไรไม่มงคล”
“เปาต้าเกอเรื่องแล้วๆมาไม่ต้องไปคิดมาก กลับมาจิงเฉิงทั้งทีต้องร่าเริงเข้าไว้สิ”
“ข้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
“อืมข้าเห็นด้วย แล้วก็วันหลังห้ามเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีก ไป” ว่าแล้วคุณชายชุดเขียวตองอ่อนก็เดินนำไปก่อน เปาเจิ่งและจั่นเจาหันมามองหน้าแล้วตะโกนตามไปพร้อมกัน
“น่าอิจฉา”
ถนนหนทางของจิงเฉิงไม่กว้างมากนัก ส่วนมากจะเป็นหูถ่ง ที่คดเคี้ยวราวเขาวงกต ถ้าไม่ระวังอาจมึนงงจนกลับบ้านไม่ถูก เพราะฉะนั้นรถม้าและเกี้ยวจึงไม่ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะเขตรอบราชวังและตำหนัก นอกจากทหารระดับสูงที่มักใช้ม้าสัญจรแทนและส่วนมากเป็นเรื่องสำคัญ และตอนนี้ตัวการเรื่องสำคัญมาถึงพระนครแล้ว
ม้าพ่วงพีสี่ตัวบรรทุกทหารในชุดเกราะเต็มยศแหวกผู้คนมาหยุดที่หน้าจั่นเจาที่กันคนทั้งสองไว้ข้างหลัง
“เปากงจื้อ หวงซ่าง(ฮ่องเต้)มีบัญชาเปาเจิ่ง กงซุนเชอฺและจั่นเจาเข้าวังเข้าเฝ้า” ทหารลงจากม้าเดินนำเข้าวัง คนทั้งสามต่างคิดว่าลางสังหรณ์ไร้มงคลของเปาเจิ่งอาจเป็นจริงแล้ว
“นี่เป็นการเรียกตัวเข้าวังแน่หรือ ข้าว่าเป็นการคุมตัวเข้าวังมากกว่า” จั่นเจากระซิบเบาๆ จริงตามอย่างที่จอมยุทธน้อยว่าทหารสี่นายมากเกินไปสำหรับการนำเข้าวัง ทั้งยังประกบหน้าหลัง
“แปลก ทำไมเข้าเขตวังแล้วถึงได้เดินตรงไปอย่างเดียว” หน้าตำหนักมีขุนนางระดับล่างหลายคนยืนขนาบสองข้างทางเดิน ต่อด้วยทหารอีกเป็นตับ แล้วทั้งสามก็รู้คำตอบเมื่อพบคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
“เปาเจิ่ง กงซุนเชอฺ พร้อมจั่นเจามาถึงแล้ว” ทหารนำทางประกาศชื่อแด่นายเหนือหัว แต่มิใช่องค์หวงซ่างแต่เป็นคู่อริตลอดกาล ทั้งสามจึงไม่มีเหตุผลต้องก้มลงถวายคำนับ ส่วนจั่นเจายืนทำหน้าเอือมๆเมื่อเจอผางถงนั่งเงียบอยู่มุมห้อง
“เปาเจิ่ง สองปีไม่เจอกันคงสบายดีเหมือนเดิมกระมัง”
“ด้วยบารมีของไท่ชือเปาเจิ่งกินอิ่มห่มอุ่น”
“ข้าไม่พูดอะไรเจ้าก็คงเข้าใจ ถ้าเจ้าตายในน้ำมือคนอื่นเหล่าฟู (คำเรียกแทนตัวเองของคนสูงอายุและมีตำแหน่ง) คงแสนเสียดายเป็นที่ยิ่ง”
“เรื่องนี้เปาเจิ่งตระหนักดี เพื่อทดแทนพระคุณไท่ชือที่เอ็นดูข้าน้อย ข้าจึงต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเมื่อไท่ชือครบร้อยปี ข้าน้อยจะได้มีแรงมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าให้ไท่ชือได้ไปอย่างสงบ”
“ดี ดีมาก งั้นก็ต้องดูว่าเจ้าสามารถหรือไม่แล้ว สองทูตจากตงหยิง (แถบญี่ปุ่น) ตะวันออกทะเลไกลได้คิดปัญหายากข้อหนึ่ง เจ้าเป็นถึงผู้ที่ฉลาดที่หนึ่งของต้าซ่งปัญหานี้ย่อมต้องให้เจ้าแก้แล้ว”
“เป็นที่แน่นอนว่าถ้าเกิดข้าน้อยเปาเจิ่งตอบไม่ได้ จะถือว่าข้าน้อยอัปยศต่อต้าซ่ง อกตัญญูต่อพระมหากรุณาของโอรสสวรรค์ ไม่อาจดำรงตำแหน่งต่อไป โทษถึงตัดหัวมาเคารพฟ้าดินใช่หรือไม่” เปาเจิ่งท่องคำขู่ที่มีมานับแต่เขาเป็นปรปักษ์กับผางไท่ชือได้อย่างแม่นยำ
“ไม่จริงมั้ง มามุขนี้อีกแล้วหรือ” จั่นเจาน้อยทำหน้าเบื่อกว่าเดิม ก็อย่างน้อยไม่เจอกันสองปีน่าจะมีอะไรใหม่ๆบ้าง
“เปาเจิ่ง ไปไปมามาข้าชักจะชอบเจ้าเข้าแล้วนะเนี่ย” ผางไท่ชือกล่าวเนิบๆ หน้าตาอิ่มเอิบไม่ได้แสดงถึงความยินร้ายต่อคนรุ่นลูกตรงหน้า แต่คนในห้องรู้ถึงนิสัยเนื้อแท้ของเสือเฒ่าดี ทูตตงหยิงนำของที่เตรียมมาวางบนโต๊ะอีกตัวพร้อมเจียระไนปัญหาปริศนา
“นี่เป็นไหสุราหลิงเหนียงของเราชางตงหยิง ส่วนนี่คือถ้วยที่สามารถตวงเหล้าได้ห้าถ้วยชา ถัดมาสามารถตวงเหล้าได้สามถ้วยครึ่ง ท่านสามารถใช้ตวงได้สองครั้งเท่านั้น ให้ท่านลองดูว่าจะสามารถใช้สองถ้วยนี้ตวงเหล้าใส่ถ้วยชาทั้งสามใบตรงหน้าได้หรือไม่”
“เปาเจิ่ง ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป ดูซิว่าเจ้าจะรักษาหัวของเจ้าได้หรือไม่” กงซุนเชอฺขมวดคิ้วนิดนึง เปาเจิ่งถอนหายใจ ส่วนจั่นเจาน้องเล็กทำหน้าเบื่อกว่าเดิมก่อนกล่าวตามสีหน้าตัวเอง
“หน้าเบื่อ ท่านนับหนึ่งสองสามไม่ดีกว่าหรือไง”
“ก็ดีสิ งั้นนับสาม หนึ่ง สอง...” เปาเจิ่งยกมือขึ้นห้ามก่อนเดินไปที่โต๊ะเปิดไหเหล้า หยิบถ้วยตวงใบที่หนึ่งขึ้นมาพร้อมกล่าว “ครั้งที่หนึ่ง เอาถ้วยตวงห้าถ้วยชาตักจนเต็ม เทลงในถ้วยตวงสามถ้วยชาครึ่ง ที่เหลือคือถ้วยชาครึ่ง” เหล้าที่ถูกเทลงในสามถ้วยชาครึ่งถูกเทกลับลงไปในไห “เหล้าถ้วยชาครึ่งเทลงในถ้วยตวงสามถ้วยชาครึ่ง เหลือที่ว่างคือสองถ้วย จากนั้นก็ตักครั้งที่สองเทเติมลงไปในช่องวาง ที่เหลือในถ้วยตวงไม่มากไม่น้อยคือสามถ้วยชา” หลิงเหนียงถูกรินลงถ้วยชาเต็มปริมพอดิบพอดี ผางถงตบมือให้อย่างประทับใจ ส่วนผางผู้พ่อแค่นหัวเราะก่อนเอ่ย “เปาเจิ่ง ดูท่าเจ้าอยู่หอนางโลมสองปียังสามารถพัฒนาปัญญาเจ้าได้นี่ ข้าว่าเจ้ากลับไปเป็นชี้ข้าที่นั่นไม่ดีกว่าหรือ”
“เรื่องแค่นี้ต้องใช้ปัญญาด้วยหรือ แต่ว่าเป็นขี้ข้าได้พัฒนาจริงอย่างท่านว่า เพราะว่าสามารถถ่องแท้ถึงความลำบากของชาวบ้าน ถ้าไท่ชืออยากจะลองพัฒนาปัญญาบ้าง ไม่ทราบว่าจะลองไปกับเปาเจิ่งดูหรือไม่” ผางถงเปิดปากกว้างขำอย่างไม่ปิดบังอารมณ์
“บังอาจ”
“ข้าน้อยรับผิด”
“ครั้งนี้เจ้ารอดไปได้ แต่อย่างไรเหล่าฟูคงไม่อาจปล่อยเจ้าสบายไปนานๆแน่ ไปเถอะ”
น้ำเสียงสองฝ่ายไม่จริงจังอะไร อย่างไรก็อริเก่ารู้ทางกัน ถือเป็นการหยอกล้อให้หายคิดถึง แต่ถ้าใครพลาดก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว ทั้งสามเดินออกมาตามทางเก่าแล้วย้อนเข้าไปประตูตำหนักหลักเพื่อเข้าเฝ้าองค์หวงซ่าง
“ผางไท่ชือนี่ยุ่งจริงๆ ชอบหาเรื่องเปาต้าเกออยู่เรื่อย”
“นี่ยังไม่ใช่ปัญหาหลัก จั่นเจาเจ้าลองคิดดู หวงซ่างประสงค์จะพบเปาเจิ่ง ไท่ชือกลับบังอาจคุมตัวเรียกเราไปพบก่อน ดูท่าราชสำนักคงตกอยู่ในกำมือของผางไท่ชือแล้ว”
“เป็นเปากงจื้อ กงซุนต้าเหรินและจอมยุทธน้อบจั่นเจาใช่หรือไม่ขอรับ” ขันทีรุ่นเยาว์คนหนึ่งวิ่งออกมาดักหน้าต้อนรับพวกเขา
“ถูกต้อง”
“ข้าน้อยหลินจงอี้เป็นผู้ปรนนิบัติหวงซ่าง พระองค์ทรงรอนานแล้วเชิญพวกท่านทางนี้ เชิญขอรับ” ขันทีแซ่หลินเดินนำไปที่หอสวดมนต์ตำหนักกลางแทนที่จะเป็นห้องโถงว่าราชการ กงซุนเชอฺและจั่นเจาต่างรอท่าอยู่ด้านนอก ส่วนเปาเจิ่งถูกเชิญเข้าไปด้านในหอ บุรุษชุดลายมังกรทองนั่งอยู่หน้าองค์พระพุทธรูป หันหลังให้ประตู แสงแดดรอดช่องหน้าต่างเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าชัดเจนเมื่อเจ้าแผ่นดินหันมา เปาเจิ่งหลุบตาลงพร้อมคุกเข่าคำนับกับพื้นหิน
“เปาเจิ่ง น้อมคำนับ หวงซ่าง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สามารถติดตามเรื่องได้ทางยูทูป http://www.youtube.com/watch?v=kVH4w9JnedM&list=PLgC5gtyemWjfUDlNqz8-N4Kv1-B3xMysY ดูฟรีได้ 45 ตอนค่ะ หรือก็อปปี้เสิร์ชหา