ตอนที่ 15 : บทที่15 ยา
บทที่15 ยา
ปิ่นเขียวมรกตถูกโยนลงกล่องเครื่องประดับ เกิดเสียงกริ๊งก้องกังวาน หางปิ่นพาดออกมานอกกล่อง เหมือนพยายามเปล่งรังสีความเยือกเย็นออกมา
“นายหญิง” ทิงจู๋จ้องเขม็งไปที่ปิ่นหยก และเหลือบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของนายหญิง จึงอดไม่ได้จะถามว่า “นายหญิงเจ้าคะ วันนี้เลือกประดับปิ่นนี้เพราะ...”
“ข้าจำได้ว่าปิ่นนี้เป็นของพระราชทานเมื่อตอนเลื่อนชั้นเป็นเจาผิน” จวงลั่วเยียนปล่อยให้ผมสยายเต็มบ่า หยิบปิ่นด้ามนั้นขึ้นมาใหม่ มองลายเมฆนำโชคที่ฉลุบนหางปิ่นอย่างละเอียดลออ “วันนั้นปิ่นด้ามที่หลินผินจงใจทำแตกนั้นคล้ายกับปิ่นด้ามนี้มาก เพียงแต่ด้ามปิ่นของข้ามีเมฆนำโชคเพียงสามลาย แต่ของนางมีถึงหกลาย”
ทิงจู๋ต้องมองดีๆถึงแยกแยะออกได้ว่าปิ่นสองด้ามแตกต่างกันอย่างไร ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดคงมองไม่รู้จริงๆ แต่นางก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่จวงลั่วเยียนต้องการอธิบาย หันหน้างงงวยไปมองจวงลั่วเยียนอย่างสอบถาม จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
“ข้าอยากให้นางเข้าใจ ลายเมฆนำโชคมากน้อยนั้นไม่ได้ตัดสินความสูงศักดิ์ วันที่นางรังแกข้าวันนั้น ก็ควรจะรู้แล้วว่าตนเองไม่อาจหัวเราะเป็นคนสุดท้ายได้ ข้าก็เป็นคนจิตใจคับแคบคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้แหละ” หยิบหวีหยกสลักหินโมราขึ้นมาสางผมที่ปกบ่า จวงลั่วเยียนพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “บางครั้งทำตัวยโสนิดหน่อย ก็ดีกว่านิ่งสนิทเป็นเขาไท่ซาน[32] ในทุกสถานการณ์”
ถ้านางทำตัวมีน้ำอดน้ำทนมั่นคงเกินไป คนแรกที่จะไม่ยอมปล่อยนางให้สุขสบายก็คือหวงโฮ่ว เลือกโอกาสแสดงจุดอ่อนว่าเป็นคนนิสัยชอบโอ่อวดลืมตัวอย่างพอเหมาะพอควร อย่างน้อยก็ทำให้คนเห็นข้อด้อยนั้นโดยเจตนา
ในความคิดของหญิงวังหลัง ผู้หญิงที่โอ้อวดยโสลืมตัวนั้นไม่อันตรายเท่ากับผู้หญิงที่จะเกิดอะไรขึ้นก็ยังทำใจเย็นอยู่ได้ นางจะดีใจมากถ้าคนอื่นคิดว่าตนเองเป็นคางคกขึ้นวอ อีกอย่างทำตัวอย่างนี้ก็สะใจดี ค่อยหายแค้นไปได้หน่อย
“แต่ถ้านายหญิงทำเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้สนมท่านอื่นและหวงโฮ่วทรงไม่พอพระทัย?” หยุนซีเดินยกกล่องสำรับรูปใบบัวเข้ามาทันฟังประโยคสุดท้ายพอดี “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่ดีแน่นะเจ้าคะ”
“แต่ก่อนหยวนเฟยหาเรื่องคนไว้มากมาย ยิ่งท่าทีอย่างกับคางคกขึ้นวออย่างข้า ไม่รู้ว่าถูกใจใครต่อกี่คน” จวงลั่วเยียนผ่อนกายบิดขี้เกียจพร้อมยิ้มตอบไปด้วย ใครก็อยากจะให้คู่แข่งโง่กว่าตัวเองทั้งนั้นแหละ
หยุนซีถึงเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง เปิดกล่องสำรับขึ้นมา ภายในบรรจุด้วยขนมที่ทำอย่างประณีต “นายหญิง หัวหน้านางกำนัลห้องเครื่องได้ส่งขนมชนิดใหม่มาให้นายหญิงลองชิมเจ้าค่ะ ถ้านายหญิงชื่นชอบจะได้จัดสำรับมาให้อีกวันหลัง”
จวงลั่วเยียนเห็นกล่องขนมแล้วผงกศีรษะรับ “ให้รางวัล” จากนั้นก็ไม่ได้บอกว่าจะกินหรือไม่
หยุนซีทราบความจึงปิดฝาแล้วยกกล่องขนมออกไปวางข้างๆ หยิบห่อถุงผ้าบรรจุเงินออกมาจากหีบถุงหนึ่ง แล้วเดินออกจากห้องไป
ทิงจู๋มองขนมที่ถูกวางทิ้งไว้ครั้งหนึ่งแล้วก้มหัวจัดกล่องเครื่องประดับต่อ
หลายวันต่อมา วังหลังมีข่าวแพร่สะพัดมาอีกว่า นางกำนัลสองคนหยอกล้อกันจนเป็นเหตุให้ลื่นล้มลงไปในสระบัว และเพราะไม่มีคนเข้าไปพบจึงจมน้ำตายไปทั้งสองคน หวงโฮ่วทรงมีพระเมตตา พระราชทานเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวของนางกำนัลทั้งสอง
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน สนมชั้นห้าหลงหัวนางหนึ่งเสียชีวิต สุดท้ายกลับทำพิธีศพโดยยศชั้นหกเหลียงอี้ ไม่มีใครไปสนใจว่านางสนมคนนั้นตายด้วยเหตุใด ยิ่งไม่มีใครสนใจพิธีศพของสนมนางนี้ ในสายตาของสนมวังหลัง ชั้นหลงหัวนั้นต่ำต้อยไร้ค่า ตายไปก็ตายไป ก็แค่ส่วนแบ่งความโปรดปรานของหวงตี้ลดลงไปหนึ่งคนเท่านั้น
จวงลั่วเยียนรู้สึกว่าการเสียชีวิตของหลงหัวคนนี้กับอุบัติเหตุ “ลื่นล้ม” ของนางกำนัลทั้งสองเกี่ยวข้องกัน แต่เห็นท่าทีของนางสนมแต่ละคนออกจะเคยชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว ตนเองก็เลยทำตัวตามน้ำไปด้วย เพียงแอบตามสืบข่าวเรื่องของหลงหัวผู้นั้น ไม่นานก็ทราบว่านางกำนัลทั้งสองคนเป็นคนรับใช้ของสนมหลงหัวจริงๆ อีกทั้งที่อยู่ของสนมคนนี้อยู่ใกล้กับที่พักของเย่ชูหลงที่เกิดคดีแท้งพระโอรสมาก ไม่รู้มีเรื่องตุกติกอะไรซ่อนอยู่หรือไม่”
หลงหัวคนหนึ่งเสียชีวิต เย่ชูหลงก็ไม่ได้ออกมากล่าวอะไร หวงโฮ่วก็ไม่ได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้คนตามสืบต่อ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่นานก็ถูกปล่อยให้ผ่านไป
ใกล้ฤดูร้อนเข้ามาทุกที ในตำหนักของสนมทรงโปรดหลายท่านเริ่มมีการจัดเตรียมก้อนน้ำแข็งให้ แต่จำนวนก็แตกต่างกันไป
หอท้อหยกถึงแม้จะไม่ได้เป็นที่ที่หวงช่างทรงให้ความสนพระทัยมากที่สุด แต่คนรับใช้ของตำหนักกลางและสำนักทั้งหกก็ไม่บังอาจถึงขนาดงุบงิบของของหอนี้ น้ำแข็งที่ควรส่งก็มาส่งตามจำนวนตรงเวลาทุกวัน
หยุนซีมีฝีมือการจัดเตรียมสำรับอาหารประเภทหวานเย็นไม่ธรรมดา ให้ขันทีที่แรงมากกว่าใช้อุปกรณ์ไสน้ำแข็งจนขึ้นรูป จากนั้นก็นำผลไม้มาวางใส่ กินแล้วเย็นชื่นใจคลายร้อน
จวงลั่วเยียนถือสิ่งที่เรียกว่าชามน้ำแข็งในมือ แล้วก็ต้องนึกละอายใจที่เคยดูถูกประชาชนคนโบราณ ชาติก่อนเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนเคยคุยกับเพื่อนๆถึงเรื่องข้ามภพว่า เพียงทำน้ำแข็งแกะสลักมาดึงดูดสายตาผู้คนเท่านั้น ข้ามภพมาด้วยตัวเองจริงๆถึงรู้ว่า น้ำแข็งใสหรือจะสู้ชามน้ำแข็งได้ มันกากมาก
นั่งเอนตัวบนเบาะนิ่มกินขนมในชามน้ำแข็ง มีนางกำนัลสองนางมาโบกพัดให้ อีกคนนวดขา อีกคนนวดไหล่ อยากจะบอกว่าจะมีอะไรกินบ้านกินเมืองได้มากกว่าชีวิตของนางในตอนนี้ได้อีก?นำชามเปล่าส่งไปด้านข้างให้หยุนซี จวงลั่วเยียนหาวง่วงนอน “ข้าจะนอนกลางวันเสียหน่อย ถ้ามีคนตำหนักอื่นมาหาก็ค่อยเรียกข้า”
“เจ้าค่ะ” หยุนซีพยุงจวงลั่วเยียน นายบ่าวขยับเท้าไปได้ก้าวเดียว ด้านนอกก็มีเสียงแหลมเล็กของขันทีดังมาว่า
“หวงช่างทรงมีพระราชโองการ ราตรีนี้จุดโคมหอท้อหยก”
ทุกคนในหอท้อหยกพอได้ยินก็ดีใจมาก หลังจากอากาศเริ่มร้อนขึ้น หวงช่างก็ทรงลดจำนวนครั้งการเสี่ยงป้ายลง วันนี้จะเสด็จมาที่นี่นับเป็นข่าวดียิ่งนัก
มอบถุงเงินเป็นรางวัลแก่ขันทีผู้นั้น จวงลั่วเยียนเมื่อคิดว่าคืนที่ร้อนระอุอย่างนี้ยังต้องมาปิ้งขนมปังคู่อีก ยังไงก็คงนอนไม่สบายแน่ ดังนั้นจึงโบกมือไล่คนรับใช้ออกไป ทำตามจุดมุ่งหมายเดิม...นอนกลางวัน
ฤดูร้อนเป็นฤดูที่นางสนมวังหลังทั้งรักทั้งชัง รักเพราะว่าลมฤดูร้อนทำให้เสื้อผ้าบางเบาปลิวไสวดึงดูดในผู้คน ที่ชังก็เพราะว่าเหงื่อออกเยอะ ถ้าต้องร่วมพระแท่นบรรทมกับหวงช่างแล้วมีกลิ่นเหงื่อไคลคงจะไม่เป็นการดีแน่ ดังนั้นสนมทุกคนจึงพร้อมใจกันประโคมอบเสื้อผ้าด้วยเครื่องหอม ทั้งตำหนักในวังยังเลือกกลิ่นเครื่องหอมที่ชัดเจนมากกว่าในฤดูอื่น อย่างนี้ก็ไม่ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว
เฟิงจิ่นแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ไม่ได้ชอบอากาศที่ร้อนแห้งเช่นนี้ เข้าไปในวังหลังยังได้กลิ่นหอมฉุนอบอวลจมูกอีก เพียงแต่วังหลังเป็นเยี่ยงนี้มานานแล้ว เขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่ชอบหรือชอบแต่อย่างใด แค่ทุกปีเมื่อถึงฤดูร้อน จำนวนครั้งที่ไปวังหลังก็น้อยครั้งลง และนางสนมที่เข้าวังมานานหน่อยล้วนทราบว่าหวงช่างทรงไม่ชอบเสด็จมาบรรทมวังหลังในช่วงนี้ทุกวัน ต่างก็เคยชินกันไปเสียแล้ว
นอนหลับบ่ายลากยาวไปเกือบเย็น จวงลั่วเยียนนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เหม่อมองอาทิตย์อัสดงสีส้มลับขอบฟ้า ถ้าตนเองต้องข้ามภพไปเป็นหญิงชาวไร่ชาวสวน อย่าพูดถึงเรื่องเอาน้ำแข็งก้อนโตๆมาดับร้อนในห้องพักเลย ในเวลานี้คงยังต้องออกแรงอยู่ในสวนอยู่กระมัง
เกษตรกรในยุคเทคโนโลยียังต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนั้น ก็คงทราบว่าชีวิตของคนทำไร่ทำสวนในสมัยโบราณนั้นแค่จะมีชีวิตอยู่ยังยากลำบากตรากตรำ นางคิดว่าคนอย่างนางให้ไปวิ่งวุ่นภายนอก ยังไม่สู้อยู่กินอย่างสบายในวังทั้งยังมีผู้ชายมาให้บริการบางครั้ง เยี่ยงนี้ถึงจะเหมาะสมกับนางเองมากกว่า
“นายหญิง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ พร้อมอาบน้ำแล้ว” หยุนซีบอกนิ่งๆ
จวงลั่วเยียนพยักหน้าน้อยๆ ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ในวันอากาศเยี่ยงนี้มีสนมคนไหนกล้าไม่ชำระกายก่อนรับเสด็จบ้าง
เลือกชุดกระโปรงจีบเอวสีเขียวอ่อน ชุดนี้ถูกอบด้วยใบสะระแหน่ กลิ่นหอมอ่อนๆจะทำให้คนรู้สึกสดชื่น ใบสะระแหน่สำหรับคนสมัยนี้ก็เหมือนหญ้าข้างทาง จวงลั่วเยียนชอบกลิ่นนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นจึงให้ทิงจู๋และหยุนซีไปคอยมองหาและเก็บมาตอนไม่มีคนเห็น นำมาอบผ้าผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจไม่น้อย
เมื่อนางกำนัลที่ช่วยแต่งตัวจะเอาน้ำมันผมใส่ให้ จวงลั่วเยียนจึงรีบไล่นางออกไป การใส่น้ำมันผมอาจทำให้ดูเงาวาว แต่น้ำมันนั้นมีกลิ่นแรง ไม่สู้ปล่อยไว้ตามธรรมชาติจะดีกว่า
ม้วนผมเป็นทรงมวยง่ายๆ เลือกปิ่นลายเข้ากับฤดูร้อนสองชิ้นประดับเข้าไป หน้าก็เว้นไม่แต่งซะ เพียงใช้สีผึ้งกลิ่นผลไม้ทาที่ริมฝีปากบางๆ จวงลั่วเยียนก็สะบัดมือให้ทุกคนหยุด “แค่นี้พอแล้ว”
ทิงจู๋เห็นการแต่งกายนายหญิงแม้ไม่ได้งดงามที่สุด แต่ก็ทำให้ความรู้สึกสบายสดใส ยิ่งในฤดูร้อนเยี่ยงนี้ ใครก็ตามที่มองมาก็ต้องรู้สึกสดชื่นทั้งนั้น
ความตั้งใจของจวงลั่วเยียนไม่ได้เสียเปล่า เมื่อหวงตี้เสด็จมาถึงแล้ว สีพระพักตร์ก็ดูผ่อนคลายลงไปทันที เห็นได้ชัดว่าการแต่งตัวของนางและของประดับในหอทำให้ทรงพระอารมณ์ดี
พูดไปพูดมา หวงตี้แม้จะเอาพระทัยได้ยาก แต่ก็ยังดีกว่าเจ้านายในชาติที่แล้วของนางมากมายนัก ที่ จะลงมือทำอะไรทีล้วนเกรงว่าจะทำตัวใจบุญเกินไป ตอนนี้นางรู้สึกว่าไม่มีแรงกดดันอะไร
คืนนั้นเฟิงจิ่นหลับได้อย่างผ่อนคลายจริงๆ ไม่ได้กลิ่นฉุนของเครื่องหอม ไม่มีกลิ่นหนักอึ้งของน้ำมันผม ยังมีกลิ่นเนื้อกายของเจาผินที่หอมสดชื่น หลับสนิทจนถึงเช้า ตื่นขึ้นมาถึงพบว่าเกาเต๋อจงได้มาเข้าเฝ้ารออยู่นานแล้ว
หลับสนิทตื่นหนึ่งนั้นให้ความรู้สึกแจ่มใสอารมณ์ดี สูดกลิ่นหอมอ่อนๆเย็นสบายในห้องของเจาผิน ถึงกับออกปากพระราชทานของมากมาย พร้อมตัดสินใจจะเลื่อนชั้นให้เจาผิน จะอย่างไรก็เป็นสนมที่ถูกใจ ทั้งยังเป็นหญิงที่มอบความรักให้แก่ตนเอง คงไม่สามารถมียศเพียงชั้นสี่รองได้
“จัดขบวนส่งเสด็จ!”
จวงลั่วเยียนเห็นเฟิงจิ่นเสด็จจากไปแล้ว ก็ยื่นมือไปลูบคอที่ไม่มีเหงื่อออกซักหยดของตนเอง หาวอีกทีหนึ่ง หวงตี้นี่ไม่ได้เสด็จวังหลังนานหรือไร เมื่อคืนถึงได้ร้อนแรงเสียเหลือเกิน
“นายหญิง หวงช่างทรงพระราชทานยาบำรุงมาให้เจ้าค่ะ” หยุนซียกถ้วยยาเล็กมาที่ข้างเตียง ข้างกายนางยังมีขันทีตำหนักในตามเข้ามาด้วย
จวงลั่วเยียนรับถ้วยยามา แล้วแหงนคอดื่มลงไป ยาบำรุงอะไรกัน ก็แค่ยาคุมนั่นแหละ หวงตี้ทรงมิมีพระประสงค์จะให้นางมีพระโอรสตอนนี้ นางเองก็คิดเช่นเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าด้วยตำแหน่งของนางตอนนี้ทั้งชั้นยศและความโปรดปรานไม่อาจจะปกป้องลูกของตัวเองได้ และถึงมีอำนาจเพียงพอแล้วนางก็ไม่คิดจะตั้งครรภ์ตอนอายุสิบแปด การแย่งชิงต่อสู้สำคัญก็จริง แต่ก็ต้องมีชีวิตให้อยู่รอดก่อนถึงมีคุณสมบัติพอไปยื้อยุดทรัพย์สินเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ใช่หรือไร นางไม่อยากใช้เพียงแค่โชคในการเสี่ยงตั้งครรภ์แต่อายุน้อย
ขันทีตำหนักในรับถ้วยที่ไม่เหลือยาเพียงหยดมา และกล่าวคำพูดมงคลหลายประโยคก่อนขอลาไป
“ถ้ามีพระโอร...”
“ถ้ามีพระโอรสตอนนี้คงต้องมอบให้พระสนมชั้นเฟยไปเลี้ยง” จวงลั่วเยียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าเห็นนางสนมที่ให้กำเนิดพระโอรสพวกนั้นมีใครได้เลี้ยงเองบ้าง”
หยุนซีทำสีหน้าหมดอาลัย แต่ก็รู้ถึงความคดเคี้ยวซับซ้อนของวังหลัง “นู๋ปี้เพียงแค่หวังเท่านั้น”
“จะช้าเร็วก็ต้องมีซักคน” จวงลั่วเยียนหาวอีกครั้ง “เรียกพวกนั้นมาช่วยเปลี่ยนชุดเถอะ” นางยังต้องไปเข้าเฝ้าหวงโฮ่วอีก เหมือนกับการตอกบัตรเข้างานเปี๊ยบ ต่างกันตรงที่ว่าเข้าเฝ้าต้องใช้สมอง ส่วนเข้างานต้องใช้บัตรหรือลายนิ้วมือ
เปลี่ยนชุดเรียบร้อย ของพระราชทานจากตำหนักฉีเจิ้งก็มาถึงพอดี จวงลั่วเยียนมองพวกกำไลหยกปิ่นกระจกต่างๆก็ต้องยกยิ้มมุมปาก นางเป็นปุถุชน เห็นของสวยๆงามๆแวววาวเช่นนี้ล้วนชอบใจ
เพราะว่าต้องจัดของพระราชทานก่อนจึงไปเข้าเฝ้าสายเล็กน้อย แต่ว่าหวงโฮ่วก็ไม่ได้ทรงแสดงท่าทีไม่พอพระทัย ทั้งยังตรัสเรียกให้นางนั่งลงเสียด้วย
สนมนางอื่นก็ไม่มีใครออกปากหาเรื่อง เหตุด้วย หนึ่ง จวงลั่วเยียนมาช้าเพราะรับของพระราชทานจากหวงช่าง และสอง จวงลั่วเยียนแม้ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานที่สุด แต่ก็ยังเป็นของสดใหม่ ไปล่วงเกินนางไม่ได้ให้ผลดีอะไรเลย
อากาศร้อนอบอ้าว หวงโฮ่วตรัสไม่กี่ประโยคก็ให้กลับกันไปได้ เวลาออกจากตำหนัก ชูกุ้ยเฟยจะเดินนำหน้าสุด นางสนมคนอื่นไม่บังอาจไปเดินล้ำนาง เมื่อขบวนของชูกุ้ยเฟยจากไปแล้วคนอื่นถึงทยอยออกไปได้
เพราะว่ายังเช้าอยู่มาก แสงอาทิตย์ยังไม่แรง จวงลั่วเยียนคิดจะเดินเลาะไปตามหาที่เย็นๆเดินเล่น ป้องกันแข้งขาลีบจนอ่อนแรงขนาดเดินหนึ่งก้าวสั่นไหวสามที
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อเดินไปถึงที่สงบแห่งหนึ่ง ได้เจอกับคนที่ไม่คาดคิด
[32] เขาไท่ซาน(泰山, Mount Tai) “ไท่” แปลว่าสุขสงบ “ซาน” แปลว่าภูเขาอยู่แล้ว แปลให้ไท่ซานเป็นชื่อสถานที่ เขาไท่ซาน คือ สมบัติของโลกทางด้านวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ5Aของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเรื่องเปรียบเทียบว่าคนที่มั่นคงเหมือนไท่ซานนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สั่นคลอนเหมือนไท่ซานที่ใหญ่โตและมีอายุยืนนาน
วันนี้เจิ้นแปลเร็วไม่รู้ทำไม ลงเลย เห็นงงเรื่องปิ่นกันด้วยนะ ข่าวดีของเจิ้น ได้ที่บรรจุงานแล้วอ.หน้า เพราะฉะนั้นอาทิตย์หน้า ไม่ลงทุกวันแล้วน้า^^
ปล.น้องสุดที่รักลงอีกตอนแล้วนะ อย่าลืมไอติมละ เจ้ออกเจแล้วตอนนั้นนะ เอาวนิลานะชิพเกล็ดๆ อย่าลืมชีสเค้กด้วยล่ะ สนมทุกคนเป็นพยาน
bonut คนอื่นยังไม่มีคำถาม คือถามมาได้ค่ะ แบบรำพึงรำพันอะไรอย่างงี้ จะได้รู้มันเป็นเพราะคำแปลผิดหรือต้นฉบับผิด หรือเป็นเพราะยังไม่เฉลยปม ถ้าแปลผิดจะได้แก้ไขได้ไงคะ สนมbonutเจ้าคือฟันเฟืองที่สำคัญ ทำต่อไปสู้ๆ 加油!!!เจิ้นให้กำลังใจเจ้า เดี๋ยวเลื่อนชั้นเป็นกุ้ยเฟยเลย
yuechan ตาไวมากเค้าอ่านสองสามรอบยังไม่เจอ ขอบคุณค่า
NaNTiA ขอบคุณที่ช่วยตอบค่ะ ตามนั้นเลย ปล. อ่านตัวเต็มนี่ลำบากมาก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นางเอกเก่งมาก ชอบเรื่องนี้ได้ลับสมองดีค่ะ
คนเขียนเก่งมาก คนเเปลก็สุดยอด !
เเถมได้เกร็ดความรู้เยอะเลย
ขอบคุณค่ะ
อยากให้มันยาวสะใจไปเลย
อ่านนิยายจบรวดเร็วไปวันก่อนแต่ไม่ได้เม้นเลย เรื่องนี้สนุกมาก ชอบนางเอกฉลาดและร้ายดี ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ
ไม่ได้ลงทุกวันไม่เป็นไร ยังไงก็ยังติดตามค่ะ
อ่านมาถึงตอนนี้อยากอ่านต่อสุดๆ ค้างมากมายยยยยT_T
ขอบคุณที่แปลนิยายดีๆ มาให้อ่านนะคะ
จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
"อยู่กินอย่างสบายในวัง ทั้งยังมีผู้ชายมาให้บริการบางครั้ง เยี่ยงนี้จึงจะเหมาะกับนางมากกว่า"
ป้าดดดด นางคิดได้เน๊อะ 555 แต่ก็นะเทียบกับอดีตของนางแก่งแย่งแค่นี้จิ๊บ จิ๊บ
จำได้เรื่องยาคือสนมคนไหนหลังฝ่าบาทกลับต้องได้กินยาทุกคน เย่ชูหลงฝ่าบาทไม่อยากให้ท้อง
แต่ดันท้อง แอบปิดบังไว้แต่ก็ไม่รอดรักษาไว้ไม่ได้แถมยังโดนให้ออกจากวังหลังไปซะอีก
ผู้รู้ก็โดนปิดปากไป 3 รายละ เอาละสิ ใครหนอเป็นคนร้ายตัวจริงกันแน่
lo6d,kd8jt
9bf9k,9vo9jvwx
T&T ฮืออออออออออออ ไม่แปลได้ไหม /
สนุกมากค่ะ
ติดตามตอนต่อไป
สงสัยอยู่อย่างว่านางเอกจะรักพระเอกบ้างมั้ย เป็นคู่พระคู่นางที่แหวกแนวเอามากๆๆๆๆ เลย
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่สละเวลาแปลให้อ่าน