ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ราชาแห่งราชา30%
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ที่กำลังประทับอยู่บนเก้าอี้หวายภายในอุทยานรื่นรมย์ของมหานครใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางน้ำ กำลังจ้องมองไปยังพื้นน้ำเบื้องหน้า ในขณะที่มีเพียงแสงดาวระยิบระยับประดับอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี สาเหตก็คงเป็นเพราะเจ้ามังกรน้อย มาดราก้อนที่เขามอบให้เด็กน้อยเมื่อหลายปีก่อน ส่งสัญญาณที่แสดงอาการแปลก ๆ ผ่านมาทาง เจ้ามังกรคู่แฝดที่อยู่กับตน
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นกับเด็กน้อยผู้นั้นหรือไม่
ทำไมจิตใจถึงเร่าร้อน กระวนกระวายใจเช่นนี้
แทนที่กลับมาจากประชุมใหญ่กับคณะเสนาบดีและนายทหารต่าง ๆ ของทั้งสองเผ่าแห่งธาตุแล้ว จะได้เข้าบรรทมให้สบาย แต่ดูท่าทาง เจ้าคนงามคงไม่ปล่อยให้พระองค์สบายเสียแล้ว
"เราชมว่าเจ้างามได้อย่างไร ทั้งที่เราไม่เห็นหน้าเจ้ามาต้องเกือบ 10 ปีแล้ว บ้าจริง " เสียงบ่นพลึมพลัม ทำให้ราชองค์รักษ์คนสนิทอย่างวินทา และอาโป ต้องหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจในองค์พระบาทของตน
"เราจะไม่อยู่ในเมืองสักระยะ พวกเจ้าช่วยเป็นหูเป็นตาแทนข้าด้วย" สุรเสียงดังออกมาจากคนที่นั่งบ่นเมื่อสักครู่
"ฝ่าบาทจะเสด็จไหน พระเจ้าค่ะ " วินทาทำใจกล้าถามนายตน
ไม่มีเสียงตอบมา มีเพียงพระพักตร์ หันกลับมามอง ด้วยสายตาเย็นชา เท่านั้น ก็ทำให้สององค์รักษ์หนุ่มรู้สึกสยอง ขนบนตัวลุกพริบขึ้นมาได้กระทันหัน ก้ใครจะไม่รู้ใจนายตนเองเล่า มองแบบนี้ไม่พอพระทัยเป็นแน่ เพราะน้อยครั้งที่นายตนจะมีเสียงหัวเราะ หรือรอยยิ้มให้พวกตนได้เห็นสักครั้ง แต่ก็ไม่เคยดุว่าให้ต้องเสียใจ
"ขอพระราชทานอภัยพระเจ้าค่ะ เจ้ากระ..." ผู้ถามรีบกล่าวขอพระราชทานอภัย ก่อนที่จะหยุดเสียงพูด เปลี่ยนเป็นแปลกใจเพราะสายพระเนตรแห่งนายตนนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นประกายระยิบอย่างมีเลศนัย เพราะสายตาอย่างนี้มีเพียงไม่กี่ครั้งและแต่ละครั้งก็มักจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ
"ไม่ต้องมองเราอย่างนั้น วินทา เจ้าด้วยอาโป" ผู้เป็นนายกล่าวอย่างรู้ทันความคิดของผู้ที่เป็นทั้งองครักษ์และคล้ายสหายสนิท "เรามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปจัดการ แล้วพวกเจ้าก็ไม่ต้องถามด้วยว่าว่าเรื่องอะไร" สรุเสียงหยุดเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยต่อ " และไม่ต้องตามเรามาน่ะ"
เมื่อนายสั่งเช่นนั้น มีหรือที่ผู้เป็นบ่าวจะกล้าขัดแต่วินทาผู้ร่าเริงก็ยังขอถามต่อ "แล้วหากมีเรื่องด่วนต้องรายงานหล่ะ พระเจ้าค่ะ " เรื่องด่วนที่ว่าเป็นที่รู้ดีกันในระหว่างนายบ่าว ว่าเป็นเรื่องของ "อีลิเมินท์"
"เจ้ารบกวนเราได้เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น"ทรงตรัสเพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปมองท้องน้ำเบื้องหน้า เป็นการส่งสัญญารบอกให้ทราบว่าต้องการอยู่อย่างเงียบที่สุด ห้ามใครส่งเสียงใดมารบกวนอีก
สายพระเนตรที่ทอดมองไปเบื้องหน้านั้น มีใครจะหยั่งรู้ภายในจิตใจของพระองค์บ้างไหมว่าต้องเห็ดเหนื่องสักเพียงไหน ที่จะต้องเป็นผู้นำแห่งชนเผ่าแห่งธาตุทั้งสอง ทั้งธาตุไฟจากพระบิดาและธาตุลมแห่งพระมาดรา การปกครองทั้งสองเผ่าแห่งธาตุใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป ยังมีผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงอีกมากทั้งพวกที่แสดงออกอย่างเปิดเผยและพวกที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืด
ภาระแห่งเราหนักหนานักเจ้าจะรับไหวหรือไม่สาวน้อยแห่งสายน้ำ
เหตุการณ์เมื่อกลางวัน ณ ห้องประชุมใหญ๋ แห่งตำหนักหลวงวังอัคนี
"ฝ่าบาทควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสังสอน ไอ้พวกอิลิเม้นท์ชั่ว ไม่ให้พวกมันระเมิดกฏแห่งพันธะสัญญาน่ะ พระเจ้าค่ะ" น้ำเสียงที่แสดอาการถึงความไม่พอใจอย่างมากออกมาจากปากของขุนพลเฒ่าแห่งธาตุลม นาม "มาวิน" เพราะเมื่อ 2 วัน ก่อน บุตรสาวของท่านได้ถูกคนลักพาตัวไป
แม้ไม่ทราบแน่นชัดว่าเป็นผู้ใด แต่ก็สามารถสงสัยได้ว่าเป็นพวกอิลิเม้นท์แน่นนอน
ท่านมาวิน ตั้งความหวังกับบุตรสาวของตนอย่างมากว่า อีกไม่นานจะพาตัวนางมาถวายให้นายแห่งตน เพื่อเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นกับเด็กน้อยผู้นั้นหรือไม่
ทำไมจิตใจถึงเร่าร้อน กระวนกระวายใจเช่นนี้
แทนที่กลับมาจากประชุมใหญ่กับคณะเสนาบดีและนายทหารต่าง ๆ ของทั้งสองเผ่าแห่งธาตุแล้ว จะได้เข้าบรรทมให้สบาย แต่ดูท่าทาง เจ้าคนงามคงไม่ปล่อยให้พระองค์สบายเสียแล้ว
"เราชมว่าเจ้างามได้อย่างไร ทั้งที่เราไม่เห็นหน้าเจ้ามาต้องเกือบ 10 ปีแล้ว บ้าจริง " เสียงบ่นพลึมพลัม ทำให้ราชองค์รักษ์คนสนิทอย่างวินทา และอาโป ต้องหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจในองค์พระบาทของตน
"เราจะไม่อยู่ในเมืองสักระยะ พวกเจ้าช่วยเป็นหูเป็นตาแทนข้าด้วย" สุรเสียงดังออกมาจากคนที่นั่งบ่นเมื่อสักครู่
"ฝ่าบาทจะเสด็จไหน พระเจ้าค่ะ " วินทาทำใจกล้าถามนายตน
ไม่มีเสียงตอบมา มีเพียงพระพักตร์ หันกลับมามอง ด้วยสายตาเย็นชา เท่านั้น ก็ทำให้สององค์รักษ์หนุ่มรู้สึกสยอง ขนบนตัวลุกพริบขึ้นมาได้กระทันหัน ก้ใครจะไม่รู้ใจนายตนเองเล่า มองแบบนี้ไม่พอพระทัยเป็นแน่ เพราะน้อยครั้งที่นายตนจะมีเสียงหัวเราะ หรือรอยยิ้มให้พวกตนได้เห็นสักครั้ง แต่ก็ไม่เคยดุว่าให้ต้องเสียใจ
"ขอพระราชทานอภัยพระเจ้าค่ะ เจ้ากระ..." ผู้ถามรีบกล่าวขอพระราชทานอภัย ก่อนที่จะหยุดเสียงพูด เปลี่ยนเป็นแปลกใจเพราะสายพระเนตรแห่งนายตนนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นประกายระยิบอย่างมีเลศนัย เพราะสายตาอย่างนี้มีเพียงไม่กี่ครั้งและแต่ละครั้งก็มักจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ
"ไม่ต้องมองเราอย่างนั้น วินทา เจ้าด้วยอาโป" ผู้เป็นนายกล่าวอย่างรู้ทันความคิดของผู้ที่เป็นทั้งองครักษ์และคล้ายสหายสนิท "เรามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปจัดการ แล้วพวกเจ้าก็ไม่ต้องถามด้วยว่าว่าเรื่องอะไร" สรุเสียงหยุดเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยต่อ " และไม่ต้องตามเรามาน่ะ"
เมื่อนายสั่งเช่นนั้น มีหรือที่ผู้เป็นบ่าวจะกล้าขัดแต่วินทาผู้ร่าเริงก็ยังขอถามต่อ "แล้วหากมีเรื่องด่วนต้องรายงานหล่ะ พระเจ้าค่ะ " เรื่องด่วนที่ว่าเป็นที่รู้ดีกันในระหว่างนายบ่าว ว่าเป็นเรื่องของ "อีลิเมินท์"
"เจ้ารบกวนเราได้เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น"ทรงตรัสเพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปมองท้องน้ำเบื้องหน้า เป็นการส่งสัญญารบอกให้ทราบว่าต้องการอยู่อย่างเงียบที่สุด ห้ามใครส่งเสียงใดมารบกวนอีก
สายพระเนตรที่ทอดมองไปเบื้องหน้านั้น มีใครจะหยั่งรู้ภายในจิตใจของพระองค์บ้างไหมว่าต้องเห็ดเหนื่องสักเพียงไหน ที่จะต้องเป็นผู้นำแห่งชนเผ่าแห่งธาตุทั้งสอง ทั้งธาตุไฟจากพระบิดาและธาตุลมแห่งพระมาดรา การปกครองทั้งสองเผ่าแห่งธาตุใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป ยังมีผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงอีกมากทั้งพวกที่แสดงออกอย่างเปิดเผยและพวกที่หลบซ่อนอยู่ในเงามืด
ภาระแห่งเราหนักหนานักเจ้าจะรับไหวหรือไม่สาวน้อยแห่งสายน้ำ
เหตุการณ์เมื่อกลางวัน ณ ห้องประชุมใหญ๋ แห่งตำหนักหลวงวังอัคนี
"ฝ่าบาทควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสังสอน ไอ้พวกอิลิเม้นท์ชั่ว ไม่ให้พวกมันระเมิดกฏแห่งพันธะสัญญาน่ะ พระเจ้าค่ะ" น้ำเสียงที่แสดอาการถึงความไม่พอใจอย่างมากออกมาจากปากของขุนพลเฒ่าแห่งธาตุลม นาม "มาวิน" เพราะเมื่อ 2 วัน ก่อน บุตรสาวของท่านได้ถูกคนลักพาตัวไป
แม้ไม่ทราบแน่นชัดว่าเป็นผู้ใด แต่ก็สามารถสงสัยได้ว่าเป็นพวกอิลิเม้นท์แน่นนอน
ท่านมาวิน ตั้งความหวังกับบุตรสาวของตนอย่างมากว่า อีกไม่นานจะพาตัวนางมาถวายให้นายแห่งตน เพื่อเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น