ตัวกินไก่ - ตัวกินไก่ นิยาย ตัวกินไก่ : Dek-D.com - Writer

    ตัวกินไก่

    เป็นเรื่องที่ผมขอเสนอให้ได้อ่านกันเพื่อสะท้อนอะไรหลายๆอย่าง......โดย เชือกผูกลม

    ผู้เข้าชมรวม

    1,708

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.7K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 48 / 19:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในห้างหรูกลางใจเมือง  ผมนั่งอยู่ริมกระจกของร้านไก่ทอดชื่อดัง  บนโต๊ะมีน่องไก่ อกไก่ และปีกไก่ที่ถูกทอดในไทยแต่ใช้ชื่อฝรั่งมันถึงได้แพงเป็นสองเท่าสามเท่ากับไก่ทอดในตลาดทั่วไป   ผมกับสาวสวยอีกคนหนึ่งกำลังนั่งกินกันอย่างลืมราคาที่จ่ายไป   มีเศษเนื้อติดอยู่ที่กระดูกใช้มีดหั่นก็หั่นไม่ได้ จะใช้มือหยิบเอาขึ้นมาแทะก็กลัวจะเลอะปากและที่สำคัญกลัวเป็นแกะดำเพราะคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในร้านเขามีวัฒนธรรมสูงส่งใช้มีดกับส้อมกินอย่างช่ำชอง เหมือนใช้กินข้าวมาตั้งแต่เกิด นั่งหลังตรงขมิบปากกินคำเล็กไม่เปรอะเปื้อนดูสะอาด   ถ้ามีเนื้อติดกระดูกมีดหั่นเข้าไม่ถึงก็เป็นอันว่าชิ้นนั้นคือขยะ   ถ้าคอแห้งก็หยิบแก้วน้ำดำมาดูดเบาๆพอรู้สึกมีน้ำจากหลอดขึ้นมาที่ปาก      ห้ามดูดเอาเป็นเอาตายเหมือนผีดิบ   และน้ำดำที่นี่ก็ให้คิดเสียว่าเป็นน้ำทิพย์จากสวรรค์ต้องจิบดูดทีละน้อยเพราะมันแพงเหลือเกิน  ที่นี่น้ำดำแก้วเดียวที่ดูดไม่กี่ครั้งก็เห็นน้ำแข็งที่ซ่อนตัวผุดขึ้นมาจนเต็มแก้วราคาแพงกว่าขวดลิตรที่สามารถดูดดื่มจนเรอโอ๊กอ๊ากกันอย่างสบายทั้งครอบครัว  
           ผมนั่งกินอย่างคุณชายเพราะน้อมรับความละอายอย่างไม่เต็มใจ  ที่จะปล่อยให้เศษเนื้อไก่และกระดูกอ่อนที่ติดอยู่ตรงข้อกระดูก แปรสภาพไปเป็นขยะ เพราะถ้าเป็นที่บ้านถ้าไม่ถึงไขกระดูกผมไม่เลิกแทะแน่นอน ต้องกินต้องดูดจนกระดูกจืด  แต่นี่มีเธอนั่งอยู่ตรงข้ามซึ่งผมกำลังหว่านขนมจีบอยู่ในช่วงทำคะแนนจึงไม่ใคร่จะแสดงตัวตนต่อสายตาของเธอและคนรอบข้าง    ทว่าครู่นั้นขณะที่ผมกำลังบรรจงหั่นมีดลงไปในเนื้อไก่แล้วแหวกเนื้อให้ควันระอุขึ้นมา  ก็หันไปเห็นลุงคนหนึ่งซึ่งมองดูจากการแต่งตัวแล้วไม่น่าจะมาเที่ยวดูหญิง   เพราะเสื้อที่ใส่ก็เก่าซีดจนเกือบจะไม่รู้ว่าสีขาวหรือสีครีม แถมยังมีรอยขาดประดับอยู่หลายจุดบนเสื้อ  กางเกงขายาวสีกากีเก่าๆเหมือนที่ข้าราชการสวมใส่แต่ว่าถ้าเทียบอายุกางเกงตัวนี้ก็คงจะปลดเกษียณไปนานแล้ว เพราะชายขอบนั้นขาดยุ่ยไม่เป็นกลีบ  แต่ก็ยังคงอินเทรนด์อยู่บ้างตรงที่ลุงใส่รองเท้าผ้าใบขาดๆเซอร์ๆเหมือนพวกอินดี้ที่รองเท้าดีๆมีใส่ไม่ใส่กันจะต้องขาดต้องเปื่อยถึงจะได้   เรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึงเส้นผมคงจะลืมสัมผัสของหวีไปแล้ว  สีผิวดูคล้ำจนเกือบเรียกว่าดำคงจะดำจากการผ่านแดดมานับพันๆแดด   ร่างกายที่ผ่ายผอมแต่ดูแข็งแรงเพราะผอมไปด้วยกล้ามเนื้อ  ขณะนั้นผมเดาเอาเองว่าลุงคงจะเป็นคนที่มีอาชีพที่คนอย่างเราไม่พึงที่จะอยากทำอย่างแน่นอน   แต่เพียงแค่นี้ยังไม่สะดุดตาเท่ากับ เด็กผู้หญิงอีกสองคนที่วิ่งเข้ามาหาลุงพร้อมแผ่นกระดาษโฆษณาที่ทำจากกระดาษมันสี่สีสวยงาม   โดยที่เด็กทั้งสองไม่ได้สวมรองเท้าเลยซักข้าง  ผิวที่คล้ำและเป็นลอยคราบเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแต่ทั้งสองดูขาวขึ้นไปถนัดตาเมื่อมองลงมายังฝ่าเท้าลามไปถึงเกือบจะหัวเข่าที่ดำเมี่ยมไปด้วยฝุ่นดิน  โดยเฉพาะเล็บที่ดูจะดำฝังลึกไปทุกซอก   ดูแล้วเดาเอาได้ว่าลุงคือพ่อของเด็กผู้หญิงทั้งสอง  
           พวกเขายืนคุยกันอยู่หน้าร้านไก่ทอดโดยที่สายตาทั้งสามคู่กำลังมองไปที่ใบโฆษณาสี่สีในมือของลุง และมันคงเป็นประเด็นการพูดคุยของพวกเขา    ผมเพ่งมองด้วยความอยากรู้เรื่องของชาวบ้านแล้วก็ได้รู้ว่าใบโฆษณานั้นคือใบโฆษณาไก่ทอดของร้านนี้นี่เอง    เด็กทั้งสองคนกำลังพูดกับพ่อของเธออย่างยิ้มแย้มพร้อมกระโดดโลดเต้นไม่ต่างอะไรกับตอนเด็กที่ผมร้องขอของเล่นจากแม่เวลาไปจ่ายตลาด   แต่ลุงกลับมองดูใบโฆษณานั้นอย่างครุ่นคิดดูแล้วดูอีกคงอาจจะกำลังคิดถึงเงินที่จะต้องจ่ายไปถ้าจะซื้อไก่ทอดหัวนอกราคาแพง  เพราะมันสามารถซื้อกับข้าวกับปลามากินในบ้านเลี้ยงชีพได้หลายมื้ออยู่เหมือนกัน     ทำให้ผมหวนนึกถึงสีหน้าตนเองในขณะที่ยืนต่อแถวซื้อไก่ทอดเมื่อประมาณห้านาทีก่อน  ใบหน้าของผมยิ้มแย้มพอใจที่ได้เสียเงินเพื่อเลี้ยงผู้หญิงที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหนและเป็นลูกเต้าเหล่าใครซึ่งสำคัญอยู่แค่สวย   โดยที่ไม่รู้ว่าเธอคนสวยกับผมจะกินไอ้ที่ผมซื้อมาตรงหน้าหมดหรือเปล่า    
      “นะพ่อ.....นะพ่อ”  
           เสียงเด็กทั้งสองคนที่กำลังอ้อนวอนดังเล็ดลอดเข้ามาถึงในร้านก่อนที่ลุงจะตัดสินใจ ถอนหายใจแล้วก็เดินตามแรงดึงของลูกทั้งสองคนเข้ามาในร้าน   สิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นคือสายตาของผู้คนที่นั่งกินอยู่ในร้านต่างมองด้วยสายตาแปลกๆเหมือนว่าทั้งสามคนได้ถูกกำหนดให้เป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันกับพวกเขา   ซึ่งต่างจากพวกลูกๆหลานๆของคนที่นั่งกินซึ่งกำลังเล่นอยู่ตรงมุมเด็กเล่นที่มีแต่เครื่องเล่นสีสันสวยงามต่างก็ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอะไรขอเพียงให้ได้เล่น   ที่จริงแล้วผมกลับชอบความเป็นเด็กที่ไม่ว่าจะเป็นลูกใครมาจากไหนก็ตามเราจะสามารถเล่นกับเขาได้หมดไม่มีการแบ่งแยกรังเกียจกันเพราะฐานะหรือการแต่งตัว  จะมีบ้างก็ตรงที่แยกพวกกันเล่นเพราะไอ้นี่ขี้แง ไอ้นี่ชอบฟ้องแม่ ไอ้นี่ชอบขี้แตกจึงถูกแบ่งแยก แต่ไม่มีเด็กคนไหนเลยที่จะแยกกันเล่นเพราะว่าไอ้นี่จน..หรือไอ้นี่สกปรก  เมื่อลองคิดดูในวัยเด็กไม่ว่าใครจะรวยจะจนเมื่อเข้ากลุ่มเล่นกับเพื่อนมันก็สกปรกเละเทะเหมือนกันทุกคนนั่นแหละ  
           ลุงเดินตามลูกสาวทั้งสองไปที่หน้าเคาน์เตอร์  เพื่อคงจะยืนมองภาพโฆษณาไก่ทอดที่เชิญชวนให้ซื้อเป็นชุดพร้อมน้ำดำกับมันฝรั่งทอดแค่หยิบมือ(ซึ่งแพงกว่าข้าวหนึ่งจานที่มีทั้งเนื้อทั้งผักเสียอีก)  มองภาพของมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงินซื้อ  ลุงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเงินขึ้นมานับมีแบงก์ร้อยอยู่หนึ่งใบ กับแบงก์ยี่สิบประมาณสามสี่ใบ   ลุงยื่นหน้าแล้วเปล่งเสียงของเขาออกไปว่าขอซื้อน่องไก่สี่ชิ้น  โดยมีลูกทั้งสองยืนกำกับด้วยรอยยิ้ม   พนักงานที่รับคำสั่งก็ถามกลับมาอีกว่าจะรับน้ำและเฟรซ์ฟรายเพิ่มมั้ยค่ะลุงก็ส่ายหัวปฏิเสธ  ครู่เดียวนั้นเงินร้อยกว่าบาทของลุงก็หลุดลอยออกจากมือที่เปียกเหงื่อของแกไป  เพื่อแลกกับน่องไก่สี่ชิ้น  ซอสพริกกับซอสมะเขือเทศไม่กี่ซองและถุงที่มีโลโก้ไอ้แก่หัวหงอกที่ยืนแข็งทื่ออยู่หน้าร้านพร้อมใบเสร็จและเศษเงินทอนที่รับมาแล้วลุงก็กำไว้อย่างหวงแหน  จึงทำให้ผมไม่รู้ว่าราคามันเท่าไร  เพราะยอมรับว่าตั้งแต่เคยเข้ามากินที่นี่ยังไม่เคยเลยซักครั้งที่จะซื้อแบบแยกชิ้นจะซื้อทีก็ซื้อเป็นชุดตามร้านโฆษณาชวนเชื่อไว้     ลูกทั้งสองรีบแย่งถุงไก่ทอดจากมือของลุงทันที แต่สีหน้าลุงดูครุ่นคิดในมือก็ยังกำเงินทอนไว้แน่นพร้อมหลีกตัวเองออกมาจากร้านกางมือนับแล้วเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง   ลูกๆก็กำลังดีใจและยื้อแย่งถุงไก่ทอดกันอยู่นอกร้าน  ทั้งคู่เปิดถุงหยิบแบ่งกันคนละน่องก่อนพร้อมฉีกถุงซอสออกมาจิ้มพากันเดินกินออกไปจากที่ตรงนั้น  ผมมองดูสายตาของลุงที่ถึงแม้จะมองลูกด้วยรอยยิ้มแต่มันก็ยังเจือด้วยความกังวลบางอย่างที่ทำให้ยิ้มได้ไม่เต็มที่    มันอาจจะเป็นปัญหาเรื่องลูกๆหรือปัญหาเรื่องปากท้องของครอบครัว แต่ใครจะรู้นอกจากตัวของลุงเอง        
           สายตาของกลุ่มคนที่นั่งโต๊ะข้างๆผมยังมองตามลุงและลูกๆอย่างรังเกียจก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มจะพูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง   “นึกว่าพวกมันจะมานั่งกินในร้านซะแล้ว  ไม่อย่างนั้นฉันคงกินไม่ลงแน่นอน ดำก็ดำสกปรกก็สกปรก ขนลุกไปหมดไม่รู้ว่ายามที่นี่ให้เข้ามาได้ยังไงกัน”     เมื่อผมได้ยินผู้หญิงคนนี้พูดเสร็จก็ได้แค่เพียงหันไปมอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งที่ในใจผมอยากทำได้มากกว่านี้    
           ผมยังคงทอดสายตามองทั้งสามคนไปตลอดจนเดินออกจากประตูห้างไป   แล้วลุงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยิ้มอย่างเต็มๆแล้วเดินจากไปกับลูกๆทั้งสองจนลับตา       การถอนหายใจเฮือกนั้นของลุงคงอาจจะเป็นการปลดปล่อยความเสียดาย  หรืออาจจะไม่ใช่เรื่องที่ผมเข้าใจไปเองแต่จากรอยยิ้ม ลุงยิ้มได้เต็มที่แล้ว      
           เมื่อหันกลับมามองปัญหาของผมกับเธอคนสวย  ตรงหน้าของเรายังมีไก่ทอดที่ยังไม่ได้กินอยู่อีกสามชิ้น ส่วนในจานของผมก็มีซากกระดูก  ผมถามเธอว่าอิ่มหรือยัง เธอก็ยิ้มบอกว่าอิ่มแล้วทั้งที่เพิ่งจะกินไปแค่ชิ้นเดียว  ผมเองหลังจากที่เห็นคนทั้งสามผ่านตาไปก็ทำให้คิดอะไรได้เยอะขึ้น  ผมจึงหยิบเอาซากกระดูกไก่ของผมเองที่อยู่ในจานเอาขึ้นมาแทะมาดูดกินกระดูกอ่อนตรงข้อ โดยไม่สนว่าใครจะทำไมก็เงินของผม ผมซื้อมันมาเอง   เธออึ้งไปซักพักและทำท่าอายๆเพราะคนโต๊ะข้างๆก็เริ่มมอง   ก่อนที่เธอจะขอตัวไปห้องน้ำ       และก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ในใจว่าเมื่อเธอกลับมาเธอจะขอตัวแล้วบอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป   ช่างปะไร..มันเป็นปัญหาของเธอที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโต๊ะกับผมได้  ผมสนอยู่แค่อย่างเดียว คือปัญหาของผมตอนนี้คือไก่ทอดราคาแพงที่เหลืออยู่บนโต๊ะ ผมต้องจัดการบางอย่างกับมัน ถ้าไม่กินให้หมดก็ต้องห่อกลับ  
           สายตาของผู้หญิงคนนั้นที่พูดกับเพื่อนๆในโต๊ะข้างๆ  กำลังเบนมาสนใจและนินทาตัวผม ซึ่งก็ไม่เป็นไรมันเป็นเรื่องของเขาผมไม่ถือ     เพราะยังไงซะผมก็เห็นว่าอ้ายอีพวกนี้มันก็แค่ตัวกินไก่เหมือนที่มันอยู่ทั่วๆไปในสังคมที่ดูถูกคน.......  
           ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจัดการไก่ตรงหน้าให้หมด เพราะปัญหาของผมขณะนี้คือปัญหามีกิน    ........แต่ลุงอาจกำลังวุ่นอยู่กับปัญหาไม่มีกิน.......โดยมีพวกตัวกินไก่แลบลิ้นแพล๊บๆมองดู


      ........จบ.........
      มีเรื่องสั้นอีกหลายเรื่องหลายแนวให้ได้อ่านกันนะครับเพียงพิมพ์คำว่า  เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×