“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ!!!!” 
    สมชายเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกและเป็นห่วงหลังจากที่เขาขับรถชนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดินตัดหน้ารถของเขาเข้าอย่างจัง บนถนนวงแหวนรอบนอกสายตะวันออกในเวลาเย็นเกือบพลบค่ำ
    ผู้หญิงผมยาวนอนกองลงกับพื้นเมื่อถูกชนก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมายืนพิงกับหน้ากระโปรงรถของสมชาย  เนื้อตัวของเธอไม่มีริ้วรอยบาดแผลของการถูกชนแม้แต่น้อย  เลยทั้งที่สมชายก็รู้สึกว่าได้ขับชนเธอเข้าเต็มๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ปวดแขนนิดหน่อยคงเป็นตอนที่ฉันล้มแล้วเอาแขนลง”  เธอตอบออกไปพร้อมกับเอามือปัดเสื้อผ้าของเธอด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยเหมือนคนอมทุกข์      สมชายได้ยินเช่นนี้ก็ทำให้เขาคลายกังวลเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก  เพราะนึกว่าอาการเธอจะหนักกว่านี้และดีที่เขาไม่ตัดสินใจขับรถหนีแล้วต้องถูกเธอแจ้งความทั้งที่ดูแล้วเรื่องไม่ได้ร้ายแรงพอตกลงกันได้ง่าย
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ทันได้ระวังเห็นคุณข้ามถนน”  สมชายพูดขอโทษในใจก็คิดว่าเมื่อไม่เป็นอะไรอย่างนี้แล้วเรื่องก็ง่าย  เต็มที่ก็จ่ายค่าทำขวัญไม่กี่บาท  พาไปหาหมอเอายาแก้ปวดมันก็คงเสียไม่กี่ร้อย 
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันเองก็ผิดที่ข้ามถนนไม่ระวังเองถึงต้องถูกชนอย่างนี้”  เธอตอบออกมาโดยไม่คิดต้องการจะให้เรื่องมันยาวสาวความยืด 
    การที่สมชายจะจากกันไปเลยกับเธอตรงนี้ก็รู้สึกกระไรอยู่ เขาจึงคิดจะทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นการแล้งน้ำใจเกินไปนักเพราะเธอเองก็ดูสีหน้าไม่ดีอยู่เหมือนกัน
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมว่าผมพาคุณไปหาหมอดีกว่านะครับ  เพื่อจะได้ตรวจดูเผื่อคุณจะเป็นอะไรมากกว่านี้”  เขาพูดไปอย่างนั้นเพราะคิดว่าเธอคงจะเป็นไรแน่นอนไม่อย่างนั้นเธอคงร้องโอดครวญหรือเจ็บปวดขึ้นบ้างแล้ว   
“ไม่ต้องหรอกค่ะ “  เธอปฏิเสธซึ่งก็เข้าทางของสมชาย    เขาคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่าโชคดีเสียจริงที่ขับรถชนคนแล้วไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย  แถมคนที่ถูกชนยังไม่เจ็บปวดอะไรมากจนเขาต้องเสียเงินรักษาอีก จะมีซักกี่คนที่ขับรถชนคนอื่นแล้วโชคดีอย่างเขานี้
“แหม  แต่คุณก็ปวดแขนไม่ใช่เหรอครับ”  เขาพูดไปด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่แกล้งทำได้อย่างแนบเนียนเหมือนนักแสดงชั้นนำ  ผิดกับในใจที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างกับลิงได้กล้วยกินฟรีตลอดชีวิต
“คือว่าฉันต้องรีบไปแล้วค่ะ  เขากำลังยืนรอฉันอยู่”  เธอก้มหน้าก้มตาพูดอย่างกังวล  เหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“เอาอย่างนี้มั้ยครับ  คุณกำลังจะไปที่ไหนผมไปส่งให้ดีกว่านะครับ”  สมชายพูดหาทางทำตัวให้ตนเองดูเป็นคนรับผิดชอบแม้จะซักนิดก็ตาม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ  เกรงใจคุณเปล่าๆ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปคนเดียวด้วย”  น้ำเสียงเธอยังคงเศร้า
“นะครับ ขอให้ผมได้ไปส่งคุณเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมสบายใจที่ได้เห็นคุณปลอดภัยจนถึงที่ที่คุณจะไป”  สมชายยังคงไม่เลิกแสดง
“แต่.......เอ่อ”  เธอทำท่าอึดอัดใจ    เข้าทางสมชายที่ยิ้มอยู่ในใจว่าจะได้จบเรื่องเสียทีโดยที่เขาได้แสดงความรับผิดชอบแล้วและก็ช่วยไม่ได้ถ้าเธอจะไม่รับมันเอง
“นะครับ คุณ...” 
    เธอเงยหน้ามองสมชายด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความกังวล  พร้อมส่ายหน้าเบาๆเพื่อเป็นการบอกปฏิเสธ  ทว่าดวงตาของเธอเริ่มจองนองด้วยน้ำตาที่มาเอ่อล้นจนแทบทะลักออกมาจากเบ้าตาอยู่ปริ่มๆ      เธอดูสับสน อารมณ์ของเธอเริ่มทะลักมูลเหตุของความเศร้าสร้อย     
    สมชายเมื่อเห็นว่าเธอจะร้องไห้ก็แปลกใจ  ความเป็นมนุษย์ด้วยกันของเขาซึ่งยังคงมีอยู่ก็เป็นเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเธอและสงสัย  แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพรากออกมาเหมือนเขื่อนแตก พร้อมคำพูดที่พรั่งพรูออกมาโดยที่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะเคล้าปนเสียงสะอื้น
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  หรือว่าเจ็บตรงไหน  มันเริ่มเจ็บแล้วใช่มั้ยครับ  ผมว่าแล้วว่าคุณต้องเป็นอะไรมากกว่าปวดแขนแน่ๆ  ก็โดนชนซะขนาดนั้น  เอาไงดีเนี่ย ผมว่าไปหาหมอนะครับคุณ”  สมชายรีบเข้าไปประคองเธออย่างร้อนรน 
“ไม่ต้องพาฉันไปหรอกค่ะ”  เสียงพูดที่ฟังได้ชัดหลังจากเธอพยายามหยุดสะอื้น
“แล้วคุณร้องไห้ทำไม  มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับคุณบอกผมได้นะครับ”  สมชายเอ่ยถามด้วยน้ำใจเมื่อมีใครมาร้องไห้อยู่ตรงหน้าก็ย่อมรู้สึกอยากช่วยเหลือ
“คุณช่วยฉันไม่ได้หรอกค่ะ
.”    เธอพูดแล้ว วินาทีนั้นเองตรงข้างๆที่เธอยืน ร่างเงาของใครคนหนึ่งก็เริ่มเด่นชัดเป็นตัวเป็นตนขึ้นเรื่อยๆ  สร้างความตระหนกตกใจต่อสมชายมากกว่าตอนแรกที่ขับรถชนเธอเสียอีก
“ฉันไม่ได้มาคนเดียวค่ะ  เขากำลังจะพาฉันไป”    น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยที่ยังสะอื้น มันทำให้หัวใจของสมชายเหมือนหล่นหายไปจากตัว    เมื่อร่างเงาข้างๆเธอนั้นเด่นชัดขึ้น  ชัดขึ้นจนเห็นเขาสีขาวสองข้างอยู่บนหัวของคนนั้น  สีผิวที่แดงคล้ำเป็นเงามันกับร่างกายที่อ้วนพุงพลุ้ยพร้อมด้วยใบหน้าที่ดูน่าเกรงขาม 
“ ข้ายืนรอนานแล้ว  เจ้าจะไปซักทีได้หรือยังชักรำคาญแล้วนะยืดเยื้ออยู่ได้  วิญญาณนี้กำลังจะไปนรกหรือว่าเจ้าอยากจะไปด้วยหึเจ้าสมชาย  เห็นทำท่าอยากจะไปส่งนัก    ยัง  ยังหรอกยังไม่ถึงเวลาของเจ้า  แต่ถ้าถึงเมื่อไหร่ข้าจะมาให้เจ้าพาไปส่งเอง
....ชิชะ! น่ารำคาญจริงๆ” 
ยมบาลพูดแล้วก็หันมามองผู้หญิง
“เจ้าก็เหมือนกัน ยังจะมาทำเป็นสำออยปวดแขน  หนอย....เป็นวิญญาณแล้วยังจะมีมารยาเดี๋ยวข้าก็สั่งต้นงิ้วให้ปีนเพิ่มซะนี่”
      สมชายยืนผงะหลังพิงรถ ดวงตาเบิกโพงค้าง ปากสั่น ขาสั่น  และที่สำคัญใต้หว่างขาของเขาเปียกปอน.....ด้วยปัสสาวะที่ไม่อาจกลั้น
............จบ.................
สามารถอ่านเรื่องสั้นอื่นๆของผมได้อีกเพียงพิมพ์ 
เชือกผูกลม  ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้นก็จะได้อ่านเรื่องสั้นอย่างบันเทิงจิต
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น