ในบ้านหลังน้อยปลายสวนผัก ร่างของหญิงสาวชื่อว่าน้อยได้นอนทรุดลงอยู่กลางบ้านในมือขวาเธอมีมีดหนึ่งเล่มซึ่งถูกกำไว้อย่างแน่น  และแขนซ้ายก็มีรอยแผลกรีดลึกตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือมีเลือดแดงเจิ่งนองทั่วบริเวณบ้าน แล้วเสียงของจ้อยที่เข้ามาพบก็ดังขึ้น
“น้อย น้อยอย่าหลับตานะ
.อย่าหลับตา!!!”
      ในใจของจ้อยกำลังพูดถึงเรื่องตรงหน้าว่า
ขอให้เธออยู่กับฉันต่อไปอีกซักนิดนึงเถอะได้โปรด ฉันขาดเธอไม่ได้แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันล่ะ  ฉันจะใช้ชีวิตกับใคร  ไม่ได้การล่ะต้องวิ่งออกไปเรียกคนมาช่วย ตรงถนนหน้าสวนผักคงจะมีคนผ่านไปผ่านมาบ้างล่ะ 
      จ้อยวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อว่าตรงถนนคงจะมีผู้คนที่พอจะช่วยเหลือได้ วิ่งไป
..วิ่งไป
.พร้อมทั้งตะโกนไปตลอดทาง
“ใครก็ได้ช่วยที!!!”  ถึงแม้ว่าจ้อยตะโกนเสียงดังก้องเท่าไรแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะได้ยินจนกระทั่งจ้อยวิ่งมาถึงถนนหน้าสวน
ภาพของถนนลาดยางที่ไม่มีรถหรือผู้คนก็ปรากฏตรงหน้า มีเพียงความเงียบกับแสงแดดเท่านั้นที่จ้อยรู้สึกได้    จ้อยคิดว่าคงยืนรอให้คนผ่านมาช่วยเหลือตรงนี้ไม่ได้ล่ะมันจะช้าเกินไป  คงต้องวิ่งไปที่ตลาดซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก
ว่าแล้วจ้อยก็วิ่งต่อไปเพื่อไปที่ตลาดเพราะว่าที่นั่นมีเพื่อนของน้อยขายของอยู่ ซึ่งจะต้องมาช่วยน้อยได้ทันเป็นแน่ 
      ถึงแม้ว่าจ้อยจะวิ่งอยู่ก็ยังจะตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง ทันใดนั้นเองขณะที่วิ่ง
..
 
ปี้น ปี้น ปี้น
.น!!!  เสียงบีบแตรของรถก็ดังขึ้นอย่างดังจนจ้อยถึงกับชะงัก กับรถกระบะขนผักที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วจนเบียดจ้อยตกข้างทาง
กึก!!!
“ เฮ้ย!!! อยากตายหรือไงว่ะ วิ่งซะกลางถนนเลย”  เสียงของคนขับรถกระบะที่ตะโกนออกมาจากรถ
.. เมื่อตะโกนด่าเสร็จรถกระบะก็วิ่งขับต่อไปอย่างรวดเร็วไม่ฟังเสียงของจ้อยที่ยังคงตะโกนขอความช่วยเหลือ
คงเป็นเพราะเสียงแตรและเสียงรถที่วิ่งมันดังจึงไม่ได้ยิน
ไม่เป็นไรวิ่งต่อไปใกล้จะถึงตลาดแล้วอีกนิดเดียว
.วิ่ง วิ่ง วิ่งเข้าไป
      จ้อยพูดกับตัวเอง เพราะถ้ายังคิดเสียดายที่รถกระบะไม้ได้ยินมันจะยิ่งทำให้ช้ากว่าเก่าในตอนนี้ชีวิตของน้อยสำคัญที่สุด  ต้องวิ่งให้เร็วที่สุดจะได้ถึงตลาดเสียที
.
“เห็นแล้วตลาดอีกนิดเดียว..อีกนิดเดียว”
        จ้อยวิ่งเข้ามาในตลาดก็เห็นรถกระบะขนผักคันที่ผ่านมาจอดอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร  มันไม่สำคัญเท่ากับการต้องวิ่งไปหาเพื่อนของน้อยที่ขายของอยู่    และแล้วก็เจอเสียทีเพื่อนของน้อยที่ชื่อกบ ซึ่งก็ขายผักอยู่ในตลาด
..จ้อยจึงวิ่งเข้าไปหากบอย่างกระหืดหระหอบ
“ อ้าว!! ไอ้จ้อย มาได้ไงเนี่ย เป็นอะไรของเอ็งทำท่าทางลุกลี้รุกรน  แล้วตัวเอ็งไปทำอะไรมาเนี่ยแดงไปทั้งตัว”
“ ช่วยด้วย!!!  ช่วยน้อยด้วย!!!  น้อยฆ่าตัวตายอยู่ที่บ้าน  ไปช่วยน้อยเร็วๆ” จ้อยตะโกนขึ้นอย่างดัง
“มานี่ซิ มาใกล้ๆ  เฮ้ย!! นี่มันเลือดนี่หว่า” กบเรียกให้เข้ามาใกล้ๆแล้วจับตัวของจ้อยจึงรู้ว่าสีแดงที่ตัวจ้อยนั้นเป็นเลือดเปื้อนอยู่
 
..จ้อยยังคงร้องขอความช่วยเหลืออย่างไม่ขาดสาย
.
“ เป็นอะไรไปกบ”  เสียงของผู้ชายที่เป็นคนขับรถกระบะขนผักคันนั้นซึ่งเดินเข้ามาหากบ
“ ไม่มีอะไรพี่เชษฐ์” กบตอบ
“ เฮ้ย!! นี่มันไอ้หมาตัวนั้นนี่หว่า”  เสียงของคนขับรถกระบะคันนั้นมีชื่อว่าเชษฐ์
“ พี่เคยเจอเหรอ”
“ ก็เมื่อกี้ตอนพี่ขับรถมาส่งผักให้กบเกือบจะขับรถชนมันนะซิ  ก็มันเล่นวิ่งซะกลางถนนเลย  พอพี่ด่ามัน มันก็ยังเห่ารถพี่อีกนะ”
“ แต่นี่มันหมาของน้อยนะ  ปกติแล้วมันไม่เคยห่างจากเจ้านายมันเลยแต่คราวนี้ทำไมมันถึงมาตัวเดียวได้ แถมตัวมันยังเปรอะเลือดอีกต่างหาก  กบรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้น่ะพี่”
“ จะรู้สึกอะไรกันกบ นี่มันแค่หมาตัวเดียวเองไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
“ แต่ปกติมันไม่เคยห่างจากน้อยเลยนะพี่  แล้วคราวนี้
.แถมตัวมันยังเปรอะเลือดอีกต่างหาก”
“คิดมากน่าไม่มีอะไรหรอก  ขายของไปเถอะนะ”
 
ช่วยด้วย !!! ช่วยน้อยด้วย  ช่วยด้วย!!!!
“มึงเลิกเห่าเสียทีกูชักจะรำคาญแล้วนะ  เดี๋ยวกูก็เตะให้เสียหมาซะเลยนี่”
“ โถ่พี่ ปกติไอ้จ้อยมันไม่เป็นอย่างนี้นะ  พี่พากบไปที่บ้านน้อยหน่อยเถอะนะกบจะได้สบายใจ อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าเอาไอ้จ้อยกลับไปส่งบ้านมันก็ได้นะ
.นะ กบจะได้สบายใจด้วย นะพี่นะ”
“ ไอ้หมาเวรกูเจอมึงปุ๊บก็มีเรื่องให้กูเหนื่อยทันที เดี๋ยวกูก็จับไปทำลูกชิ้นซะนี่”
“ เร็วพี่  รีบไป “
“เออ เออ ก็ได้  นี่เมียกูขอไว้นะเนี่ยไม่อย่างนั้นกูจับมึงทำลูกชิ้นแน่”
“โฮ่ง โฮ่ง!!!”
“ ว่าแล้วยังจะเห่าอีก!”
“ จ้อยมานี่เร็ว” กบเรียกจ้อย
      แล้วทั้งคู่ก็ขับรถกระบะออกไปจากตลาดเพื่อจะไปที่บ้านของน้อย โดยจับเอาจ้อยขึ้นไว้หลังกระบะรถ  เมื่อวิ่งมาถึงหน้าสวนผัก ยังไม่ทันที่จะจอดรถสนิทดี จ้อยก็กระโดดออกจากกระบะวิ่งไปเห่าใส่ เชษฐ์และกบที่กำลังจะเปิดประตูลงมาจากรถ แล้วจ้อยก็หันวิ่งไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว 
“ ดูมัน ดูมันซิกบ สงสัยมันแค่กลับบ้านไม่ได้จึงให้กบมาส่งแน่”
“ พี่ก็ว่าไปนั่น  กบว่าเราเข้าไปหาน้อยก่อนดีกว่า  กบจะได้สบายใจไม่ห่วงซะทีนะ
เร็วซิพี่รีบเดินหน่อย”
“จะอะไรกันนักหนาว่ะเนี่ย” เชษฐ์บ่นออกมา
      ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูบ้านของน้อย กบก็ตะโกนเรียก
“ น้อย  น้อย!!! อยู่หรือเปล่า”  กบเรียกน้อยอยู่ซักพัก
“ ไม่มีคนอยู่มั๊งกบ กลับกันเถอะหมาก็เอามาส่งแล้วคงไม่มีอะไรหรอก”
“โฮ่ง  โฮ่ง!!”  จ้อยยังคงเห่าแล้ววิ่งวนอยู่หน้าประตูบ้าน   
“ พี่แต่กบว่าเราน่าจะลองเข้าไปดูหน่อยนะ”
“ เดี๋ยวใครมาพบ ก็โดนหาว่าเป็นขโมยหรอก”
“ เอาน่าพี่ นะ “
      กบเดินเข้าไปที่ประตูลองเอามือบิดลูกบิดประตู
“อ้าว!!! ประตูมันไม่ได้ปิดนี่พี่ แสดงว่ามีคนอยู่เพราะไม่ได้ปิดประตู”  กบเดินเข้าไปในบ้าน ถึงกับร้องตะโกนออกมาเพราะเห็นน้อยนอนจมกองเลือดอยู่กลางบ้าน
“ น้อย  น้อย!!!    พี่ พี่!! เข้ามาช่วยน้อยเร็ว เร็วซิพี่”
      เชษฐ์วิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อจะช่วยเหลือ แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้วสำหรับการช่วยเหลือ เพราะน้อยได้ตายจากโลกนี้แล้ว
.ซึ่งจ้อยก็รู้ดีว่าน้อยได้ตายก่อนที่ตัวมันเองจะวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือเสียอีก
     
แต่ด้วยความรักในเจ้านายของมัน  มันก็ต้องการแม้เพียงเวลาซักนิดที่จะต่อชีวิตเจ้านายมันได้    ถึงแม้ว่าเวลานั้นจะต้องแลกมาด้วยปาฏิหารย์ใดๆก็ตามที  หมาพันธุ์ทางอย่างจ้อยก็ต้องการเวลานั้นให้เจ้านายของมัน
     
.
      กบกับเชษฐ์ได้โทรแจ้งตำรวจเพื่อที่จะให้มานำศพของน้อยไปทำพิธีการทางกฏหมายและศาสนา รวมทั้งได้โทรตามญาติๆให้ได้รับรู้ 
      หลังจากเหตุการณ์  มาสองวัน ศพของน้อยก็ได้ถูกทำพิธีสวดเป็นวันที่สองโดยในงานก็มีกบกับเชษฐ์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของงานด้วยและก่อนงานจะเริ่มในคืนสวดที่สอง
“ พี่เชษฐ์เดี๋ยวเราต้องไปรับญาติของน้อยที่บ้านท้ายตลาดด้วยนะ”  กบพูด
“ ก็ได้ แล้วมากันกี่คนล่ะ”
“ สองสามคนเอง “
    เมื่อทั้งคู่ขับรถกันอยู่ก็นึกขึ้นได้
“พี่ !! เราลืมไอ้จ้อยไปเลย”
“จริงด้วยซิ มันอยู่ไหนเนี่ย”
“กบว่าเราลองแวะไปดูมันที่บ้านน้อยกันก่อนหน่อยดีมั๊ย ไม่รู้ว่ามีใครให้ข้าวให้ปลามันหรือเปล่าเนี่ย เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องของน้อยกันอยู่”
“ ก็ดีกบ พี่ว่าเราไปดูมันก่อนดีกว่านะ”
.
      เมื่อทั้งคู่ไปถึงบ้านของน้อยก็ไม่มีวี่แววของไอ้จ้อยอยู่เลย หาเท่าไรก็หาไม่เจอ
“ มันไปไหนของมันนะไอ้จ้อย”
“ ไอ้จ้อย!!!  ไอ้จ้อยโว้ย!!!”   
      ทั้งคู่ตามหามันอยู่นานก็ไม่พบจึงตัดใจจะขับรถออกไปในขณะที่จะเดินไปที่รถนั้นเอง
“ พี่ รถพี่ไปทำอะไรมาข้างหน้าบุบนิดนึงเนี่ยสีหลุดเลยเห็นมั้ย”
“ ไหนดูซิ
เออจริงด้วย”
“ นี่อีกพี่  ฝาครอบล้อรถก็มีรอยเลือดเปื้อนเต็มไปหมดเลยเห็นมั้ยเนี่ย ขับยังไงไม่รู้เลยหรือไงว่าไปเหยียบหรือชนอะไร  รถไม่ใช่ราคาสองสามพันบาทนะ มันหลายแสนเวลาขับนะดูแลหน่อยซิ” กบพูดอย่างไม่พอใจ
“ จ้า
.า”
         
      พลบค่ำเสียงสวดของพระก็ดังก้องทั่วศาลาวัด  ผู้คนที่เข้ามาฟังสวดมีไม่มากนัก เพราะชาวบ้านยังคงเชื่องมงายกับเรื่องของผีสางและกลัวไม่กล้ามางานศพของน้อย ที่ตายโหงซึ่งฆ่าตัวตายเพราะความรักที่ผิดหวังถูกผัวทิ้งให้อยู่คนเดียว  จึงมีเพียงญาติๆและเพื่อนอีกไม่กี่คน
.แต่อย่างน้อยศพของน้อยที่ตายก็ได้ถูกทำพิธีอย่างดีอย่างที่ควรจะเป็นผิดกับ
      ตรงข้างทางของถนนลาดยางที่มุ่งตรงไปสู่ตลาด    ข้างทางนั้นมีศพของหมาพันธุ์ทางที่ลำตัวเต็มไปด้วยเลือดอยู่หนึ่งตัว นอนขึ้นอึดโดยไม่มีใครสนใจ กลับเห็นมันเป็นเพียงหมาธรรมดาที่ถูกรถชนตาย  ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยฟุ้งน่ารำคาญให้ผู้ที่ขับรถผ่านไปมา
รอวันที่ร่างกายนั้นสลายไปตามวิถีธรรมชาติของมันเอง  โดยไม่มีพิธีกรรมใดๆที่จะยกย่องหรือสรรเสริญให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความพยายามและความซื่อสัตย์ของหมาธรรมดาตัวนึงที่มีมากกว่าบางคนที่เป็นถึงมนุษย์ชั้นสูง
.ไม่มี  ไม่มีพิธีกรรมใดให้กับมันเลย
.
.
      จึงไม่สมควรนักที่จะด่าใครบางคนว่าไอ้ชาติสุนัข เพราะชาติสุนัขนี้มีค่ามากเกินกว่าคำด่าทอบางคนจริงๆ
......................ณ สถานที่แห่งหนึ่งหลังจากความตายผ่านพ้นไป..............
โฮ่งๆ  (น้อย น้อย)
อ้าวจ้อย!!! มานี่ซิ ม่ะไปกับแม่นะลูก
.
................จบ...................
ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องพิมพ์คำว่า
เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น