ชาติสุนัข - ชาติสุนัข นิยาย ชาติสุนัข : Dek-D.com - Writer

    ชาติสุนัข

    ความรักไม่มีขอบเขต ไม่มีข้อห้าม รักเกิดขึ้นได้เสมอแม้กับสุนัขตัวหนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้านาย รักเช่นนี้มันช่างงดงาม

    ผู้เข้าชมรวม

    404

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    404

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ย. 48 / 19:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในบ้านหลังน้อยปลายสวนผัก ร่างของหญิงสาวชื่อว่าน้อยได้นอนทรุดลงอยู่กลางบ้านในมือขวาเธอมีมีดหนึ่งเล่มซึ่งถูกกำไว้อย่างแน่น  และแขนซ้ายก็มีรอยแผลกรีดลึกตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือมีเลือดแดงเจิ่งนองทั่วบริเวณบ้าน แล้วเสียงของจ้อยที่เข้ามาพบก็ดังขึ้น
      “น้อย น้อยอย่าหลับตานะ…….อย่าหลับตา!!!”
            ในใจของจ้อยกำลังพูดถึงเรื่องตรงหน้าว่า……ขอให้เธออยู่กับฉันต่อไปอีกซักนิดนึงเถอะได้โปรด ฉันขาดเธอไม่ได้แล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนกับฉันล่ะ  ฉันจะใช้ชีวิตกับใคร  ไม่ได้การล่ะต้องวิ่งออกไปเรียกคนมาช่วย ตรงถนนหน้าสวนผักคงจะมีคนผ่านไปผ่านมาบ้างล่ะ  
            จ้อยวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เพื่อว่าตรงถนนคงจะมีผู้คนที่พอจะช่วยเหลือได้ วิ่งไป…..วิ่งไป….พร้อมทั้งตะโกนไปตลอดทาง
      “ใครก็ได้ช่วยที!!!”   ถึงแม้ว่าจ้อยตะโกนเสียงดังก้องเท่าไรแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะได้ยินจนกระทั่งจ้อยวิ่งมาถึงถนนหน้าสวน …… ภาพของถนนลาดยางที่ไม่มีรถหรือผู้คนก็ปรากฏตรงหน้า มีเพียงความเงียบกับแสงแดดเท่านั้นที่จ้อยรู้สึกได้     จ้อยคิดว่าคงยืนรอให้คนผ่านมาช่วยเหลือตรงนี้ไม่ได้ล่ะมันจะช้าเกินไป  คงต้องวิ่งไปที่ตลาดซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก……ว่าแล้วจ้อยก็วิ่งต่อไปเพื่อไปที่ตลาดเพราะว่าที่นั่นมีเพื่อนของน้อยขายของอยู่ ซึ่งจะต้องมาช่วยน้อยได้ทันเป็นแน่  
             ถึงแม้ว่าจ้อยจะวิ่งอยู่ก็ยังจะตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง ทันใดนั้นเองขณะที่วิ่ง…..
        ปี้น ปี้น ปี้น…….น!!!   เสียงบีบแตรของรถก็ดังขึ้นอย่างดังจนจ้อยถึงกับชะงัก กับรถกระบะขนผักที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วจนเบียดจ้อยตกข้างทาง
      กึก!!!
      “ เฮ้ย!!! อยากตายหรือไงว่ะ วิ่งซะกลางถนนเลย”  เสียงของคนขับรถกระบะที่ตะโกนออกมาจากรถ…….. เมื่อตะโกนด่าเสร็จรถกระบะก็วิ่งขับต่อไปอย่างรวดเร็วไม่ฟังเสียงของจ้อยที่ยังคงตะโกนขอความช่วยเหลือ……คงเป็นเพราะเสียงแตรและเสียงรถที่วิ่งมันดังจึงไม่ได้ยิน
      ไม่เป็นไรวิ่งต่อไปใกล้จะถึงตลาดแล้วอีกนิดเดียว….วิ่ง วิ่ง วิ่งเข้าไป
            จ้อยพูดกับตัวเอง เพราะถ้ายังคิดเสียดายที่รถกระบะไม้ได้ยินมันจะยิ่งทำให้ช้ากว่าเก่าในตอนนี้ชีวิตของน้อยสำคัญที่สุด  ต้องวิ่งให้เร็วที่สุดจะได้ถึงตลาดเสียที….
      “เห็นแล้วตลาดอีกนิดเดียว..อีกนิดเดียว”
              จ้อยวิ่งเข้ามาในตลาดก็เห็นรถกระบะขนผักคันที่ผ่านมาจอดอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร  มันไม่สำคัญเท่ากับการต้องวิ่งไปหาเพื่อนของน้อยที่ขายของอยู่    และแล้วก็เจอเสียทีเพื่อนของน้อยที่ชื่อกบ ซึ่งก็ขายผักอยู่ในตลาด…..จ้อยจึงวิ่งเข้าไปหากบอย่างกระหืดหระหอบ
      “ อ้าว!! ไอ้จ้อย มาได้ไงเนี่ย เป็นอะไรของเอ็งทำท่าทางลุกลี้รุกรน  แล้วตัวเอ็งไปทำอะไรมาเนี่ยแดงไปทั้งตัว”
      “ ช่วยด้วย!!!  ช่วยน้อยด้วย!!!  น้อยฆ่าตัวตายอยู่ที่บ้าน  ไปช่วยน้อยเร็วๆ” จ้อยตะโกนขึ้นอย่างดัง
      “มานี่ซิ มาใกล้ๆ   เฮ้ย!! นี่มันเลือดนี่หว่า” กบเรียกให้เข้ามาใกล้ๆแล้วจับตัวของจ้อยจึงรู้ว่าสีแดงที่ตัวจ้อยนั้นเป็นเลือดเปื้อนอยู่
         …..จ้อยยังคงร้องขอความช่วยเหลืออย่างไม่ขาดสาย ….
      “ เป็นอะไรไปกบ”  เสียงของผู้ชายที่เป็นคนขับรถกระบะขนผักคันนั้นซึ่งเดินเข้ามาหากบ
      “ ไม่มีอะไรพี่เชษฐ์” กบตอบ
      “ เฮ้ย!! นี่มันไอ้หมาตัวนั้นนี่หว่า”   เสียงของคนขับรถกระบะคันนั้นมีชื่อว่าเชษฐ์
      “ พี่เคยเจอเหรอ”
      “ ก็เมื่อกี้ตอนพี่ขับรถมาส่งผักให้กบเกือบจะขับรถชนมันนะซิ  ก็มันเล่นวิ่งซะกลางถนนเลย  พอพี่ด่ามัน มันก็ยังเห่ารถพี่อีกนะ”
      “ แต่นี่มันหมาของน้อยนะ  ปกติแล้วมันไม่เคยห่างจากเจ้านายมันเลยแต่คราวนี้ทำไมมันถึงมาตัวเดียวได้ แถมตัวมันยังเปรอะเลือดอีกต่างหาก  กบรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้น่ะพี่”
      “ จะรู้สึกอะไรกันกบ นี่มันแค่หมาตัวเดียวเองไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
      “ แต่ปกติมันไม่เคยห่างจากน้อยเลยนะพี่   แล้วคราวนี้…….แถมตัวมันยังเปรอะเลือดอีกต่างหาก”
      “คิดมากน่าไม่มีอะไรหรอก   ขายของไปเถอะนะ”
         ช่วยด้วย !!! ช่วยน้อยด้วย  ช่วยด้วย!!!!
      “มึงเลิกเห่าเสียทีกูชักจะรำคาญแล้วนะ  เดี๋ยวกูก็เตะให้เสียหมาซะเลยนี่”
      “ โถ่พี่ ปกติไอ้จ้อยมันไม่เป็นอย่างนี้นะ  พี่พากบไปที่บ้านน้อยหน่อยเถอะนะกบจะได้สบายใจ อย่างน้อยถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าเอาไอ้จ้อยกลับไปส่งบ้านมันก็ได้นะ….นะ กบจะได้สบายใจด้วย นะพี่นะ”
      “ ไอ้หมาเวรกูเจอมึงปุ๊บก็มีเรื่องให้กูเหนื่อยทันที เดี๋ยวกูก็จับไปทำลูกชิ้นซะนี่”
      “ เร็วพี่  รีบไป “
      “เออ เออ ก็ได้   นี่เมียกูขอไว้นะเนี่ยไม่อย่างนั้นกูจับมึงทำลูกชิ้นแน่”
      “โฮ่ง โฮ่ง!!!”
      “ ว่าแล้วยังจะเห่าอีก!”
      “ จ้อยมานี่เร็ว” กบเรียกจ้อย
            แล้วทั้งคู่ก็ขับรถกระบะออกไปจากตลาดเพื่อจะไปที่บ้านของน้อย โดยจับเอาจ้อยขึ้นไว้หลังกระบะรถ   เมื่อวิ่งมาถึงหน้าสวนผัก ยังไม่ทันที่จะจอดรถสนิทดี จ้อยก็กระโดดออกจากกระบะวิ่งไปเห่าใส่ เชษฐ์และกบที่กำลังจะเปิดประตูลงมาจากรถ แล้วจ้อยก็หันวิ่งไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว  
      “ ดูมัน ดูมันซิกบ สงสัยมันแค่กลับบ้านไม่ได้จึงให้กบมาส่งแน่”
      “ พี่ก็ว่าไปนั่น  กบว่าเราเข้าไปหาน้อยก่อนดีกว่า  กบจะได้สบายใจไม่ห่วงซะทีนะ…เร็วซิพี่รีบเดินหน่อย”
      “จะอะไรกันนักหนาว่ะเนี่ย” เชษฐ์บ่นออกมา
            ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูบ้านของน้อย กบก็ตะโกนเรียก
      “ น้อย  น้อย!!! อยู่หรือเปล่า”  กบเรียกน้อยอยู่ซักพัก
      “ ไม่มีคนอยู่มั๊งกบ กลับกันเถอะหมาก็เอามาส่งแล้วคงไม่มีอะไรหรอก”
      “โฮ่ง  โฮ่ง!!”   จ้อยยังคงเห่าแล้ววิ่งวนอยู่หน้าประตูบ้าน    
      “ พี่แต่กบว่าเราน่าจะลองเข้าไปดูหน่อยนะ”
      “ เดี๋ยวใครมาพบ ก็โดนหาว่าเป็นขโมยหรอก”
      “ เอาน่าพี่ นะ “
             กบเดินเข้าไปที่ประตูลองเอามือบิดลูกบิดประตู
      “อ้าว!!! ประตูมันไม่ได้ปิดนี่พี่ แสดงว่ามีคนอยู่เพราะไม่ได้ปิดประตู”  กบเดินเข้าไปในบ้าน ถึงกับร้องตะโกนออกมาเพราะเห็นน้อยนอนจมกองเลือดอยู่กลางบ้าน
      “ น้อย   น้อย!!!     พี่ พี่!! เข้ามาช่วยน้อยเร็ว เร็วซิพี่”
            เชษฐ์วิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อจะช่วยเหลือ แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้วสำหรับการช่วยเหลือ เพราะน้อยได้ตายจากโลกนี้แล้ว…….ซึ่งจ้อยก็รู้ดีว่าน้อยได้ตายก่อนที่ตัวมันเองจะวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือเสียอีก
            แต่ด้วยความรักในเจ้านายของมัน  มันก็ต้องการแม้เพียงเวลาซักนิดที่จะต่อชีวิตเจ้านายมันได้    ถึงแม้ว่าเวลานั้นจะต้องแลกมาด้วยปาฏิหารย์ใดๆก็ตามที   หมาพันธุ์ทางอย่างจ้อยก็ต้องการเวลานั้นให้เจ้านายของมัน
            ……………….
            กบกับเชษฐ์ได้โทรแจ้งตำรวจเพื่อที่จะให้มานำศพของน้อยไปทำพิธีการทางกฏหมายและศาสนา รวมทั้งได้โทรตามญาติๆให้ได้รับรู้  
            หลังจากเหตุการณ์  มาสองวัน ศพของน้อยก็ได้ถูกทำพิธีสวดเป็นวันที่สองโดยในงานก็มีกบกับเชษฐ์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของงานด้วยและก่อนงานจะเริ่มในคืนสวดที่สอง
      “ พี่เชษฐ์เดี๋ยวเราต้องไปรับญาติของน้อยที่บ้านท้ายตลาดด้วยนะ”  กบพูด
      “ ก็ได้ แล้วมากันกี่คนล่ะ”
      “ สองสามคนเอง “
           เมื่อทั้งคู่ขับรถกันอยู่ก็นึกขึ้นได้
      “พี่ !! เราลืมไอ้จ้อยไปเลย”
      “จริงด้วยซิ มันอยู่ไหนเนี่ย”
      “กบว่าเราลองแวะไปดูมันที่บ้านน้อยกันก่อนหน่อยดีมั๊ย ไม่รู้ว่ามีใครให้ข้าวให้ปลามันหรือเปล่าเนี่ย เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องของน้อยกันอยู่”
      “ ก็ดีกบ พี่ว่าเราไปดูมันก่อนดีกว่านะ”
      …….
            เมื่อทั้งคู่ไปถึงบ้านของน้อยก็ไม่มีวี่แววของไอ้จ้อยอยู่เลย หาเท่าไรก็หาไม่เจอ
      “ มันไปไหนของมันนะไอ้จ้อย”
      “ ไอ้จ้อย!!!  ไอ้จ้อยโว้ย!!!”    
            ทั้งคู่ตามหามันอยู่นานก็ไม่พบจึงตัดใจจะขับรถออกไปในขณะที่จะเดินไปที่รถนั้นเอง
      “ พี่ รถพี่ไปทำอะไรมาข้างหน้าบุบนิดนึงเนี่ยสีหลุดเลยเห็นมั้ย”
      “ ไหนดูซิ……เออจริงด้วย”
      “ นี่อีกพี่  ฝาครอบล้อรถก็มีรอยเลือดเปื้อนเต็มไปหมดเลยเห็นมั้ยเนี่ย ขับยังไงไม่รู้เลยหรือไงว่าไปเหยียบหรือชนอะไร  รถไม่ใช่ราคาสองสามพันบาทนะ มันหลายแสนเวลาขับนะดูแลหน่อยซิ” กบพูดอย่างไม่พอใจ
      “ จ้า….า”
                
      ……
            พลบค่ำเสียงสวดของพระก็ดังก้องทั่วศาลาวัด   ผู้คนที่เข้ามาฟังสวดมีไม่มากนัก เพราะชาวบ้านยังคงเชื่องมงายกับเรื่องของผีสางและกลัวไม่กล้ามางานศพของน้อย ที่ตายโหงซึ่งฆ่าตัวตายเพราะความรักที่ผิดหวังถูกผัวทิ้งให้อยู่คนเดียว  จึงมีเพียงญาติๆและเพื่อนอีกไม่กี่คน …….แต่อย่างน้อยศพของน้อยที่ตายก็ได้ถูกทำพิธีอย่างดีอย่างที่ควรจะเป็นผิดกับ……
            ตรงข้างทางของถนนลาดยางที่มุ่งตรงไปสู่ตลาด    ข้างทางนั้นมีศพของหมาพันธุ์ทางที่ลำตัวเต็มไปด้วยเลือดอยู่หนึ่งตัว นอนขึ้นอึดโดยไม่มีใครสนใจ กลับเห็นมันเป็นเพียงหมาธรรมดาที่ถูกรถชนตาย  ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยฟุ้งน่ารำคาญให้ผู้ที่ขับรถผ่านไปมา…รอวันที่ร่างกายนั้นสลายไปตามวิถีธรรมชาติของมันเอง  โดยไม่มีพิธีกรรมใดๆที่จะยกย่องหรือสรรเสริญให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความพยายามและความซื่อสัตย์ของหมาธรรมดาตัวนึงที่มีมากกว่าบางคนที่เป็นถึงมนุษย์ชั้นสูง….ไม่มี  ไม่มีพิธีกรรมใดให้กับมันเลย
      ……….
      ……….
            จึงไม่สมควรนักที่จะด่าใครบางคนว่าไอ้ชาติสุนัข เพราะชาติสุนัขนี้มีค่ามากเกินกว่าคำด่าทอบางคนจริงๆ……

      ......................ณ สถานที่แห่งหนึ่งหลังจากความตายผ่านพ้นไป..............
      โฮ่งๆ  (น้อย น้อย)
      อ้าวจ้อย!!! มานี่ซิ ม่ะไปกับแม่นะลูก…….



      ................จบ...................
      ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องพิมพ์คำว่า เชือกผูกลม ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×