หลานอย่างผม - หลานอย่างผม นิยาย หลานอย่างผม : Dek-D.com - Writer

    หลานอย่างผม

    ช่วยไม่ได้นี่นา ที่มีผมเป็นหลานที่น่ารักน่าเอ็นดู....

    ผู้เข้าชมรวม

    311

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    311

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ม.ค. 49 / 19:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อจะไปพักที่บ้านยายของผมซึ่งเสียไปแล้ว  แต่ว่าบ้านยังอยู่ปิดร้างเอาไว้เผื่อว่าลูกหลานจะมาพักมาเที่ยวกัน   ซึ่งบ้านหลังนี้เมื่อยายของผมเสียก็ถูกยกให้เป็นมรดกของหลานรักอย่างผม  ทำเอาลูกหลานคนอื่นไม่พอใจกันไปพักใหญ่  ไอ้ตัวบ้านมันไม่เท่าไหร่หรอกครับมันเป็นเพียงแค่บ้านไม้สองชั้นธรรมดาที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ดินว่างเปล่า    ถ้ามรดกที่ผมได้รับเป็นแค่ตัวบ้านก็คงไม่มีใครขัดหรือไม่พอใจหรอก  แต่ที่ผมได้รับมาด้วยก็คือที่ดินที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ต่างหากที่มีค่าจึงทำให้ลูกหลานไม่พอใจ  
            ก็จะให้พอใจได้อย่างไรเมื่อที่ดินซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่นั้นมันกว้างกว่าสามร้อยไร่ มีทั้งสวนผลไม้  สวนเพาะปลูกดอกไม้ซึ่งทำรายได้ปีหนึ่งเป็นล้านๆ  ต้องตกมาเป็นของผมหลานชายผู้ไม่เอาไหนที่สุดในตระกูล มันก็จริงอย่างที่พวกญาติๆของผมบอกว่าผมไม่เอาไหน  เรียนก็ไม่เก่งกว่าจบก็ใช้เวลานานกว่าชาวบ้าน    การงานก็เปลี่ยนงานบ่อยไม่พอใจเจ้านาย ก็ออกจากงานมาซะอย่างนั้นทั้งที่เพิ่งจะทำได้ไม่กี่วัน   บรรดาญาติของผมจึงชอบพูดว่าผมไม่เอาถ่าน  
            ที่ยายของผมยกมรดกให้ก็คงเพราะว่าตอนที่ยายผมยังไม่เสียนั้น แกเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก  พอโตมาถึงค่อยได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพแต่พอปิดเทอมทุกครั้งผมก็กลับมาหายายผมจึงสนิทกับยายมากที่สุด ส่วนแม่กับพ่อของผมก็เสียไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ผมยังเด็กๆไม่กี่ขวบ  
           กิจการสวนผลไม้สวนเพาะปลูกดอกไม้ พอยายของผมตายไปผมก็ต้องจ้างคนอื่นเข้ามาดูแลแบบลูกจ้างเพราะยายแกเขียนไว้ในพินัยกรรมว่าห้ามขายที่เด็ดขาด และต้องทำสวนต่อไปไม่ว่าจะยังไง ก็เลยต้องจ้างคนมาดูแลพอมีเวลาผมก็จะต้องมาที่นี่มาดูอีกที    แต่ส่วนมากผมก็แค่โทรศัพท์มาคุยกับผู้ดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว  มีคราวนี้ล่ะที่มีวันหยุดเยอะๆก็เลยอยากจะมาพักผ่อนด้วย  
           ตอนอยู่กรุงเทพผมก็เป็นแค่ลูกจ้างชาวบ้านเขา  แต่พอขับรถมาอยู่ที่นี่ก็ได้เป็นเจ้านายคน ผมเองก็แปลกไม่ชอบที่จะเป็นเจ้านายใครชอบให้คนอื่นชี้นิ้วสั่งมันรู้สึกดีกว่าไม่ต้องคิดเองแค่ทำตามคนอื่น  ผมจึงไม่ค่อยชอบมาที่นี่ซักเท่าไรเพราะต้องมาสั่งต้องมาคิด  คราวนี้จึงเป็นการมาเพื่อพักผ่อนจริงๆ โดยบอกคนดูแลไว้ว่าห้ามมากวนผมที่บ้านโดยเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องอะไรให้ตัดสินใจเองได้เลย
           คืนแรกที่ผมกำลังนอนอยู่ในบ้านเวลาก็ยังไม่ดึกมากนัก  ผมก็ได้ยินเสียงของอะไรซักอย่างกำลังเดิน ทีแรกผมก็คิดว่าอาจจะเป็นหมาของคนสวนมันอาจจะออกมาเดินเลยไม่ใส่ใจและมันก็มืดไฟฉายก็อยู่ในรถ    แต่ซักพักเสียงฝีเท้ามันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ชักแปลกใจ เพราะถ้าเป็นหมาจริงมันคงต้องมาเป็นฝูงแน่   ผมเลยลุกขึ้นแอบดูจากหน้าต่างตรงชั้นสองของบ้านก็เห็นว่าพงหญ้ารอบบ้านมันไหวๆเหมือนมีอะไรวิ่งเข้าไปแต่ไม่เห็นตัว แต่ดูจากหญ้าที่เคลื่อนไหวนั้นต้องวิ่งเข้าไปหลายตัวแน่…….แต่แล้วผมก็กลับไปนอนเพราะเพลียจากการขับรถมา
      …………..
           เช้าวันใหม่ ผมตื่นมาก็เลยเดินออกมาดูรอบบ้านซักหน่อยเพราะยังสงสัยกับเรื่องเมื่อคืน  ซักครู่ผมถึงกับต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าพงหญ้าถูกแหวกออกเป็นบริเวณกว้าง  หญ้าบริเวณรอบบ้านนั้นถูกบางอย่างเหยียบหรือทับจนแบนเรียบไปเกือบหมด    ผมตกใจมากกับเรื่องนี้เพราะมันทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องการทำสัญญาณของมนุษย์ต่างดาว  ที่ทำไว้ในไร่ข้าวโพดของต่างประเทศ ที่ถูกทำให้เป็นรูปวงกลมและสัญลักษณ์ต่างๆ   เหมือนกับในหนังฝรั่งเรื่อง THE SIGN    ถ้าจะเป็นเรื่องผีผมไม่เคยเชื่อแต่ถ้าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวแล้วผมเชื่อ!!!
           ตลอดวันผมเอาแต่โทรศัพท์ไปที่กรุงเทพ โทรไปหาเพื่อนในกลุ่มที่เชื่อเรื่องของมนุษย์ต่างดาวด้วยกันแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดนี้  พวกเพื่อนๆผมก็ต่างบอกว่าให้ระวังเพราะพวกมนุษย์ต่างดาวชอบมาบนโลกโดยจะเข้ามาในที่ที่ไม่ใช่เมืองที่คนพลุกพล่าน  อย่างเช่นต่างจังหวัดหรือชนบทของต่างประเทศแล้วยิ่งเป็นพวกนาไร่ หรือสวนที่มีที่ดินกว้างขวางด้วยแล้วพวกมันยิ่งชอบเพราะจะได้ห่างจากผู้คนไม่มีใครเห็น  ซึ่งมันทำให้ผมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เพราะบ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้วก็ห่างจากผู้คน มีพงหญ้ากว้างล้อมรอบ ระยะห่างจากบ้านกับสวนก็ไกลกันพอสมควร พวกมนุษย์ต่างดาวมันคงเห็นว่าที่ตรงนี้เหมาะสมที่จะลงมือก็เลยมาทำสัญลักษณ์    
           หลังจากที่ผมโทรศัพท์คุยปรึกษากับเพื่อนที่กรุงเทพเสร็จ    ผมก็โทรไปบอกน้าชายของผมผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้แกฟัง  แกก็บอกกลับมาว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงว่ามนุษย์ต่างดาวจะบุกเมืองไทยแถมยังด่ากลับมาว่าผมบ้า  แต่แกก็รักหลานคนนี้ของแกนะน้าชายผมก็เลยบอกว่าจะขับรถมาดูแต่อาจจะมาถึงที่นี่ช่วงกลางคืน  ผมเลยต้องอยู่คนเดียวจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ความมืดเริ่มครอบงำเอาชนะแสงอาทิตย์
      …………
      เวลาประมาณ สองทุ่มเศษ
            ผมปิดไฟในบ้านทั้งหมดและปิดโทรศัพท์กลัวเสียงดังเพื่อจะแอบเฝ้าดูบริเวณพงหญ้าจากในบ้าน  และคราวนี้ผมไม่ลืมที่จะหยิบไฟฉายออกมาจากรถ  และหยิบไม้หน้าสามเตรียมเอาไว้ข้างตัวผมเฝ้ารอพวกมันจนกระทั่งเผลอหลับไปประมาณสิบกว่านาที  เสียงฝีเท้าก็เริ่มดังขึ้นมาบริเวณพงหญ้าที่ยังหลืออยู่ให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา  
            ผมมีความรู้สึกว่าพวกมันกำลังพยายามจะปฏิบัติการณ์กันอย่างเงียบๆ เหมือนว่าพวกมันจะรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน  ผมเฝ้าดูพวกมันอย่างมืดๆเลยไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรกับพงหญ้าด้วยวิธีไหน   แต่แล้วก็เสียงฝีเท้าหนึ่งเข้ามาบริเวณบ้าน
      กึก  กึก  กึก!!!
            ตายล่ะพวกมันรู้จนได้ว่าผมแอบดูอยู่ในบ้าน  ผมก็เลยค่อยๆย่องกะว่าจะวิ่งออกไปทางหลังประตูบ้านเพื่อไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่บ้านนัก   ถ้าผมวิ่งเร็วๆโดยไม่หยุดพวกมันคงจับผมไม่ทันแน่ แต่มันก็ต้องผ่านพงหญ้าที่พวกมันทำสัญลักษณ์ไว้ ผมเลยไม่ลืมหยิบไม้หน้าสามติดตัวไว้ตอนวิ่งเผื่อเกิดเหตุต้องใช้มันป้องกันตัว   ใครล่ะจะยอมให้พวกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปทดลอง   ให้พวกมันผ่าท้องผ่าไส้ดูอวัยวะสู้ให้ตายด้วยฝีมือมนุษย์ด้วยกันยังจะดีกว่า
      เอาว่ะ วันนี้ขอสู้ตาย!!!
            วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้านอย่างรวดเร็ว ในมือก็ถือไฟฉายกับไม้หน้าสามแต่พอวิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ต้องทิ้งไม้หน้าสามไปเพราะมันหนักจะทำให้วิ่งช้า   ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตในความมืด ก็มีเสียงของฝีเท้าหลายก้าววิ่งตามมา  ในใจผมคิดว่าพวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าผมจะหนีแล้วเอาเรื่องของพวกมันไปบอกให้มนุษย์คนอื่นรู้เลยรีบวิ่งมาจับตัวผม  แต่ยากซะล่ะเพราะอีกไม่กี่อึดใจก็จะวิ่งผ่านพงหญ้าถึงรถของผมที่เห็นรำไรอยู่ข้างหน้า  
      ………….      
           ผมรีบไขกุญแจเปิดประตูรถในขณะที่เสียงฝีเท้าก็ต่างวิ่งกรูมาที่ผม   ทันใดนั้นเองก็มีมือของพวกมันมาจับทีไหล่ ไอ้ตัวนี้มันคงวิ่งเร็ว  ผมก็เลยตัดสินใจเอาไฟฉายที่อยู่ในมือหันกลับไปฟาด โดยไม่รู้ว่าโดนตรงไหนของมันแต่รู้ว่าโดน แต่แล้วพวกมันที่วิ่งมาก็ทันผมจนได้ …….ผมถูกพวกมันตะครุบตัวไว้ เสร็จกัน!!!
      …………
      ………
      ……
           หลังจากนั้นแสงไฟสีขาวก็ส่องสว่างขึ้นทำให้เห็นทั่วบริเวณ  แสงไฟนั้นมาจากรถของผมก็ซึ่งถูกเปิดขึ้นท่ามกลางความมืด  ผมไม่ได้หมดสติไปอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนในหนังมนุษย์ต่างดาวเมื่อถูกจับตัว  ทั้งๆที่ความจริงในตอนนี้ผมอยากหมดสติไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ……….
           เพราะอะไรน่ะเหรอ  ก็เพราะว่าผมอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีน่ะซิ
      “ ไอ้หลานเวร ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง เอาไฟฉายมาตีหัวกูได้เนี่ย เอ็งเห็นมั้ยว่ามันปูดเป็นลูกมะนาว ดีนะที่หัวกูไม่แตก ถ้าแตกกูจะเอาเลือดหัวเอ็งออกแน่”
      “ ขอโทษครับน้า  ผมไม่คิดว่าจะเป็นน้า”
      “ กูก็บอกแล้วว่าจะมาถึงค่ำหน่อย  แล้วไม่เห็นหรือไงรถกูเนี่ยที่จอดอยู่ข้างรถเอ็ง”
      “ก็ผมหนีไอ้พวกต่างดาวมาเลยไม่สนใจอะไรนอกจากชีวิต”
      “ต่างดาวที่ไหนกัน ไอ้หลานบ้า!!!  คนงานเขามาถางหญ้าให้ตอนกลางคืนเพราะเอ็งสั่งว่าห้ามยุ่งกับเอ็ง  จะทำอะไรก็ตัดสินใจเอาได้เลย หัวหน้าคนงานก็เลยสั่งคนให้มาเอาพงหญ้าออกให้หมดเพราะกลัวว่ามันจะมีงูเขาเป็นห่วงเอ็งและไอ้ที่เขาเหยียบแต่ไม่ตัดก็เพราะกลัวว่าจะเสียงดังรบกวน   รู้มั้ยว่าสงกรานต์เขาไม่ได้หยุดแถมยังต้องมาถางหญ้าให้ตอนกลางคืนอีก”
      “อ้าว!!! แล้วเมื่อกี๊วิ่งตามผมมาทำไม”
      “เขาก็นึกว่าเอ็งเป็นขโมยแอบขึ้นบ้านเจ้านายเขาล่ะซิมืดอย่างนั้นมองไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร แล้วยิ่งวิ่งออกมาแบบขโมยด้วย”
      “อ้าว เหรอ”
      “เฮ้อ…..ตูไม่น่ามีหลานไม่เอาถ่านอย่างนี้เล้ยยยย”


      ..................จบ......................

      ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องเพียงพิมพ์คำว่า  \"เชือกผูกลม\"  ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×