ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อจะไปพักที่บ้านยายของผมซึ่งเสียไปแล้ว  แต่ว่าบ้านยังอยู่ปิดร้างเอาไว้เผื่อว่าลูกหลานจะมาพักมาเที่ยวกัน  ซึ่งบ้านหลังนี้เมื่อยายของผมเสียก็ถูกยกให้เป็นมรดกของหลานรักอย่างผม  ทำเอาลูกหลานคนอื่นไม่พอใจกันไปพักใหญ่  ไอ้ตัวบ้านมันไม่เท่าไหร่หรอกครับมันเป็นเพียงแค่บ้านไม้สองชั้นธรรมดาที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ดินว่างเปล่า    ถ้ามรดกที่ผมได้รับเป็นแค่ตัวบ้านก็คงไม่มีใครขัดหรือไม่พอใจหรอก  แต่ที่ผมได้รับมาด้วยก็คือที่ดินที่บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ต่างหากที่มีค่าจึงทำให้ลูกหลานไม่พอใจ 
      ก็จะให้พอใจได้อย่างไรเมื่อที่ดินซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่นั้นมันกว้างกว่าสามร้อยไร่ มีทั้งสวนผลไม้  สวนเพาะปลูกดอกไม้ซึ่งทำรายได้ปีหนึ่งเป็นล้านๆ  ต้องตกมาเป็นของผมหลานชายผู้ไม่เอาไหนที่สุดในตระกูล มันก็จริงอย่างที่พวกญาติๆของผมบอกว่าผมไม่เอาไหน  เรียนก็ไม่เก่งกว่าจบก็ใช้เวลานานกว่าชาวบ้าน    การงานก็เปลี่ยนงานบ่อยไม่พอใจเจ้านาย ก็ออกจากงานมาซะอย่างนั้นทั้งที่เพิ่งจะทำได้ไม่กี่วัน  บรรดาญาติของผมจึงชอบพูดว่าผมไม่เอาถ่าน 
      ที่ยายของผมยกมรดกให้ก็คงเพราะว่าตอนที่ยายผมยังไม่เสียนั้น แกเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก  พอโตมาถึงค่อยได้เข้ามาเรียนที่กรุงเทพแต่พอปิดเทอมทุกครั้งผมก็กลับมาหายายผมจึงสนิทกับยายมากที่สุด ส่วนแม่กับพ่อของผมก็เสียไปตั้งนานแล้วตั้งแต่ผมยังเด็กๆไม่กี่ขวบ 
    กิจการสวนผลไม้สวนเพาะปลูกดอกไม้ พอยายของผมตายไปผมก็ต้องจ้างคนอื่นเข้ามาดูแลแบบลูกจ้างเพราะยายแกเขียนไว้ในพินัยกรรมว่าห้ามขายที่เด็ดขาด และต้องทำสวนต่อไปไม่ว่าจะยังไง ก็เลยต้องจ้างคนมาดูแลพอมีเวลาผมก็จะต้องมาที่นี่มาดูอีกที    แต่ส่วนมากผมก็แค่โทรศัพท์มาคุยกับผู้ดูแลเป็นประจำอยู่แล้ว  มีคราวนี้ล่ะที่มีวันหยุดเยอะๆก็เลยอยากจะมาพักผ่อนด้วย 
    ตอนอยู่กรุงเทพผมก็เป็นแค่ลูกจ้างชาวบ้านเขา  แต่พอขับรถมาอยู่ที่นี่ก็ได้เป็นเจ้านายคน ผมเองก็แปลกไม่ชอบที่จะเป็นเจ้านายใครชอบให้คนอื่นชี้นิ้วสั่งมันรู้สึกดีกว่าไม่ต้องคิดเองแค่ทำตามคนอื่น  ผมจึงไม่ค่อยชอบมาที่นี่ซักเท่าไรเพราะต้องมาสั่งต้องมาคิด  คราวนี้จึงเป็นการมาเพื่อพักผ่อนจริงๆ โดยบอกคนดูแลไว้ว่าห้ามมากวนผมที่บ้านโดยเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องอะไรให้ตัดสินใจเองได้เลย
    คืนแรกที่ผมกำลังนอนอยู่ในบ้านเวลาก็ยังไม่ดึกมากนัก  ผมก็ได้ยินเสียงของอะไรซักอย่างกำลังเดิน ทีแรกผมก็คิดว่าอาจจะเป็นหมาของคนสวนมันอาจจะออกมาเดินเลยไม่ใส่ใจและมันก็มืดไฟฉายก็อยู่ในรถ    แต่ซักพักเสียงฝีเท้ามันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ชักแปลกใจ เพราะถ้าเป็นหมาจริงมันคงต้องมาเป็นฝูงแน่  ผมเลยลุกขึ้นแอบดูจากหน้าต่างตรงชั้นสองของบ้านก็เห็นว่าพงหญ้ารอบบ้านมันไหวๆเหมือนมีอะไรวิ่งเข้าไปแต่ไม่เห็นตัว แต่ดูจากหญ้าที่เคลื่อนไหวนั้นต้องวิ่งเข้าไปหลายตัวแน่
.แต่แล้วผมก็กลับไปนอนเพราะเพลียจากการขับรถมา
..
    เช้าวันใหม่ ผมตื่นมาก็เลยเดินออกมาดูรอบบ้านซักหน่อยเพราะยังสงสัยกับเรื่องเมื่อคืน  ซักครู่ผมถึงกับต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าพงหญ้าถูกแหวกออกเป็นบริเวณกว้าง  หญ้าบริเวณรอบบ้านนั้นถูกบางอย่างเหยียบหรือทับจนแบนเรียบไปเกือบหมด    ผมตกใจมากกับเรื่องนี้เพราะมันทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องการทำสัญญาณของมนุษย์ต่างดาว  ที่ทำไว้ในไร่ข้าวโพดของต่างประเทศ ที่ถูกทำให้เป็นรูปวงกลมและสัญลักษณ์ต่างๆ  เหมือนกับในหนังฝรั่งเรื่อง THE SIGN    ถ้าจะเป็นเรื่องผีผมไม่เคยเชื่อแต่ถ้าเรื่องของมนุษย์ต่างดาวแล้วผมเชื่อ!!!
    ตลอดวันผมเอาแต่โทรศัพท์ไปที่กรุงเทพ โทรไปหาเพื่อนในกลุ่มที่เชื่อเรื่องของมนุษย์ต่างดาวด้วยกันแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดนี้  พวกเพื่อนๆผมก็ต่างบอกว่าให้ระวังเพราะพวกมนุษย์ต่างดาวชอบมาบนโลกโดยจะเข้ามาในที่ที่ไม่ใช่เมืองที่คนพลุกพล่าน  อย่างเช่นต่างจังหวัดหรือชนบทของต่างประเทศแล้วยิ่งเป็นพวกนาไร่ หรือสวนที่มีที่ดินกว้างขวางด้วยแล้วพวกมันยิ่งชอบเพราะจะได้ห่างจากผู้คนไม่มีใครเห็น  ซึ่งมันทำให้ผมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เพราะบ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้วก็ห่างจากผู้คน มีพงหญ้ากว้างล้อมรอบ ระยะห่างจากบ้านกับสวนก็ไกลกันพอสมควร พวกมนุษย์ต่างดาวมันคงเห็นว่าที่ตรงนี้เหมาะสมที่จะลงมือก็เลยมาทำสัญลักษณ์   
    หลังจากที่ผมโทรศัพท์คุยปรึกษากับเพื่อนที่กรุงเทพเสร็จ    ผมก็โทรไปบอกน้าชายของผมผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้แกฟัง  แกก็บอกกลับมาว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงว่ามนุษย์ต่างดาวจะบุกเมืองไทยแถมยังด่ากลับมาว่าผมบ้า  แต่แกก็รักหลานคนนี้ของแกนะน้าชายผมก็เลยบอกว่าจะขับรถมาดูแต่อาจจะมาถึงที่นี่ช่วงกลางคืน  ผมเลยต้องอยู่คนเดียวจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ความมืดเริ่มครอบงำเอาชนะแสงอาทิตย์
เวลาประมาณ สองทุ่มเศษ
      ผมปิดไฟในบ้านทั้งหมดและปิดโทรศัพท์กลัวเสียงดังเพื่อจะแอบเฝ้าดูบริเวณพงหญ้าจากในบ้าน  และคราวนี้ผมไม่ลืมที่จะหยิบไฟฉายออกมาจากรถ  และหยิบไม้หน้าสามเตรียมเอาไว้ข้างตัวผมเฝ้ารอพวกมันจนกระทั่งเผลอหลับไปประมาณสิบกว่านาที  เสียงฝีเท้าก็เริ่มดังขึ้นมาบริเวณพงหญ้าที่ยังหลืออยู่ให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา 
      ผมมีความรู้สึกว่าพวกมันกำลังพยายามจะปฏิบัติการณ์กันอย่างเงียบๆ เหมือนว่าพวกมันจะรู้ว่ามีคนอยู่ในบ้าน  ผมเฝ้าดูพวกมันอย่างมืดๆเลยไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไรกับพงหญ้าด้วยวิธีไหน  แต่แล้วก็เสียงฝีเท้าหนึ่งเข้ามาบริเวณบ้าน
กึก  กึก  กึก!!!
      ตายล่ะพวกมันรู้จนได้ว่าผมแอบดูอยู่ในบ้าน  ผมก็เลยค่อยๆย่องกะว่าจะวิ่งออกไปทางหลังประตูบ้านเพื่อไปที่รถซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่บ้านนัก  ถ้าผมวิ่งเร็วๆโดยไม่หยุดพวกมันคงจับผมไม่ทันแน่ แต่มันก็ต้องผ่านพงหญ้าที่พวกมันทำสัญลักษณ์ไว้ ผมเลยไม่ลืมหยิบไม้หน้าสามติดตัวไว้ตอนวิ่งเผื่อเกิดเหตุต้องใช้มันป้องกันตัว  ใครล่ะจะยอมให้พวกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปทดลอง  ให้พวกมันผ่าท้องผ่าไส้ดูอวัยวะสู้ให้ตายด้วยฝีมือมนุษย์ด้วยกันยังจะดีกว่า
เอาว่ะ วันนี้ขอสู้ตาย!!!
      วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้านอย่างรวดเร็ว ในมือก็ถือไฟฉายกับไม้หน้าสามแต่พอวิ่งไปไม่กี่ก้าวก็ต้องทิ้งไม้หน้าสามไปเพราะมันหนักจะทำให้วิ่งช้า  ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตในความมืด ก็มีเสียงของฝีเท้าหลายก้าววิ่งตามมา  ในใจผมคิดว่าพวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าผมจะหนีแล้วเอาเรื่องของพวกมันไปบอกให้มนุษย์คนอื่นรู้เลยรีบวิ่งมาจับตัวผม  แต่ยากซะล่ะเพราะอีกไม่กี่อึดใจก็จะวิ่งผ่านพงหญ้าถึงรถของผมที่เห็นรำไรอยู่ข้างหน้า 
.     
    ผมรีบไขกุญแจเปิดประตูรถในขณะที่เสียงฝีเท้าก็ต่างวิ่งกรูมาที่ผม  ทันใดนั้นเองก็มีมือของพวกมันมาจับทีไหล่ ไอ้ตัวนี้มันคงวิ่งเร็ว  ผมก็เลยตัดสินใจเอาไฟฉายที่อยู่ในมือหันกลับไปฟาด โดยไม่รู้ว่าโดนตรงไหนของมันแต่รู้ว่าโดน แต่แล้วพวกมันที่วิ่งมาก็ทันผมจนได้
.ผมถูกพวกมันตะครุบตัวไว้ เสร็จกัน!!!
    หลังจากนั้นแสงไฟสีขาวก็ส่องสว่างขึ้นทำให้เห็นทั่วบริเวณ  แสงไฟนั้นมาจากรถของผมก็ซึ่งถูกเปิดขึ้นท่ามกลางความมืด  ผมไม่ได้หมดสติไปอย่างที่ควรจะเป็นเหมือนในหนังมนุษย์ต่างดาวเมื่อถูกจับตัว  ทั้งๆที่ความจริงในตอนนี้ผมอยากหมดสติไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
.
    เพราะอะไรน่ะเหรอ  ก็เพราะว่าผมอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีน่ะซิ
“ ไอ้หลานเวร ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง เอาไฟฉายมาตีหัวกูได้เนี่ย เอ็งเห็นมั้ยว่ามันปูดเป็นลูกมะนาว ดีนะที่หัวกูไม่แตก ถ้าแตกกูจะเอาเลือดหัวเอ็งออกแน่”
“ ขอโทษครับน้า  ผมไม่คิดว่าจะเป็นน้า”
“ กูก็บอกแล้วว่าจะมาถึงค่ำหน่อย  แล้วไม่เห็นหรือไงรถกูเนี่ยที่จอดอยู่ข้างรถเอ็ง”
“ก็ผมหนีไอ้พวกต่างดาวมาเลยไม่สนใจอะไรนอกจากชีวิต”
“ต่างดาวที่ไหนกัน ไอ้หลานบ้า!!!  คนงานเขามาถางหญ้าให้ตอนกลางคืนเพราะเอ็งสั่งว่าห้ามยุ่งกับเอ็ง  จะทำอะไรก็ตัดสินใจเอาได้เลย หัวหน้าคนงานก็เลยสั่งคนให้มาเอาพงหญ้าออกให้หมดเพราะกลัวว่ามันจะมีงูเขาเป็นห่วงเอ็งและไอ้ที่เขาเหยียบแต่ไม่ตัดก็เพราะกลัวว่าจะเสียงดังรบกวน  รู้มั้ยว่าสงกรานต์เขาไม่ได้หยุดแถมยังต้องมาถางหญ้าให้ตอนกลางคืนอีก”
“อ้าว!!! แล้วเมื่อกี๊วิ่งตามผมมาทำไม”
“เขาก็นึกว่าเอ็งเป็นขโมยแอบขึ้นบ้านเจ้านายเขาล่ะซิมืดอย่างนั้นมองไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร แล้วยิ่งวิ่งออกมาแบบขโมยด้วย”
“อ้าว เหรอ”
“เฮ้อ
..ตูไม่น่ามีหลานไม่เอาถ่านอย่างนี้เล้ยยยย”
..................จบ......................
ยังมีเรื่องสั้นให้อ่านอีกหลายเรื่องเพียงพิมพ์คำว่า  \"เชือกผูกลม\"  ลงในช่องค้นหานักเขียนเท่านั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น