ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิค07-ghostจากที่ต่างๆ

    ลำดับตอนที่ #23 : Is it be love:Ch 7

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 851
      8
      11 ส.ค. 55




    “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณครับ...ลาบราดอร์...”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นัยน์ตาคมสีน้ำตาลอมแดงทอดมองร่างอรชรด้วยสายตาอบอุ่นเช่นทุกครั้งที่พบเจอ...ขายาวพาร่างสูงสมส่วนไปหยุดอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งหินอ่อนข้างๆเจ้าของสถานที่ก่อนจะนิ่งค้างอยู่แบบนั้น...

    “...จะไม่เชิญผมนั่งหน่อยหรอครับ? ...หรือว่าไม่อยากคุยกับผม?”คาสเตอร์เอ่ย ดวงหน้าหล่อคมแสร้งทำเป็นเจ็บปวดอย่างเหลือแสนจนคนตัวเล็กตกใจ ดวงหน้าหวานที่เอาแต่ก้มหน้างุดมาตั้งแต่เมื่อกี๊ลนลานจนแทบทำอะไรไม่ถูก...ด้วยกลัวว่ากิริยาเสียมารยาทเมื่อครู่จะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเสียใจ...

    “ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะฮะ! ...นั่งลง...สิฮะ...”เสียงหวานไพเราะเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก พอพูดจบประโยคดวงหน้าสวยก็ขึ้นสีระเรื่อน่ามองจนคาสเตอร์หลุดยิ้ม คนตัวเล็กกว่าถึงได้รู้สึกตัวว่าถูกแกล้งเสียแล้ว...

    “คาสเตอร์!”ลาบราดอร์เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ดวงหน้าที่ขึ้นสีอยู่แล้วยิ่งขึ้นสีแดงจัดขึ้นไปอีกจนร่างสูงหลุดหัวเราะออกมายกใหญ่

    “ฮะๆๆ ขอโทษครับๆ ผมไม่แกล้งแล้ว ...ในที่สุดก็ยอมเรียกชื่อผมแล้วนะครับ”ท้ายประโยคนัยน์ตาใต้กรอบแว่นที่พราวระยับก็ฉายแววรักใคร่ขึ้นมาจนร่างบางก้มหน้าหนีแทบไม่ทัน ดวงหน้าสวยหวานยิ่งขึ้นสีระเรื่อแดงจนสุก มือเรียวบางกำชุดคลุมบิชอปแน่น ก่อนที่ลาบราดอร์จะตัดสินใจเอ่ยปากพูด...

    “ร...เรื่องเมื่อวันก่อน...”

    “...?”คาสเตอร์เลิกคิ้วสูงงงๆ รอฟังคำพูดของร่างบางอย่างตั้งใจ

    “ผม...เอ่อ...ข...ขอโทษนะฮะ...ที่ อ่า...ที่วิ่งหนีออกมาก่อน...”พูดจบดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีแดงปลั่งจนเหมือนร่างบางจะระเบิดตัวเองตายอยู่รอมร่อ ริมฝีปากบางเอิบอิ่มเม้มแน่นราวกับกำลังตั้งสติว่าเมื่อครู่ตนเองเผลอพูดอะไรออกไป นัยน์ตาคู่โตสีม่วงหวานสั่นระริกพยายามช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เสียมารยาท...

    คำขอโทษแสนน่ารักจากริมฝีปากอิ่มทำเอาดวงหน้าคมขึ้นสีระเรื่อ คาสเตอร์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในหัวมันระเบิดตู้ม วงแขนแกร่งโอบรั้งเอวบางคอดกิ่วเข้ามาแนบชิด กอดประคองเรือนร่างอรชรแบบบางไว้ในอ้อมแขน...

    ฝ่ามือใหญ่ประคองดวงหน้าสวยหวานเรื่อแดงให้ขึ้นมาสบสายตา นัยน์ตาคมใต้กรอบแว่นประสานกับนัยน์ตาคู่สวยเนิ่นนาน...

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องตอนนั้นผมผิดเองที่ทำอะไรไม่นึกถึงความสมัครใจของคุณเลย...”จมูกโด่งก้มลงถูไถกับจมูกเล็กอย่างรักใคร่ สัมผัสอ่อนโยนแผ่วเบาเรียกเลือดให้สูบฉีดบนดวงหน้าสวยหวานยิ่งกว่าเดิม...มือเรียวเล็กที่วางทาบบนแผ่นอกกว้างสั่นระริก นัยน์เนตรคู่โตหลับพริ้มลงรับจุมพิตแผ่วเบาที่เปลือกตาบาง...

    “...คาส..เตอร์...ฮะ...”เสียงหวานสั่นระริกเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบาหวิว...

    “...คราวนี้ผมจะถามคุณก่อน...”เสียงทุ้มนุ่มเงียบหายไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง...

    “...เลิฟ...ผม...ขอจูบคุณได้มั้ยครับ?”

    ได้ฟังคำขอของชายหนุ่มตรงหน้า ลาบราดอร์ตัวน้อยก็หน้าขึ้นสีจนแทบสุก นัยน์ตาคู่สวยสบเข้ากับนัยน์ตาคมนิ่งงันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่พอได้เห็นสายตากึ่งเว้าวอนของอีกฝ่ายแล้วก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก...มือเล็กสั่นระริกกำเสื้อคลุมบริเวณแผ่นอกกว้างแน่น ริมฝีปากบางเอิบอิ่มเม้มแน่นก่อนจะเผยอออกน้อยๆเมื่อตัดสินใจได้...

    “...ก...ก็เอา..สิฮะ...”พูดจบดวงหน้าสวยหวานก็ขึ้นสีอีกรอบ แดงจนไม่รู้จะแดงยังไง ฝ่ายดวงหน้าคมนั้นก็แต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนชนิดที่ว่าหาได้ยากยิ่งบนดวงหน้าของบิชอปหนุ่มมาดวิชาการผู้นี้...

    ดวงหน้าคมขยับโน้มเข้าใกล้จนริมฝีปากเอิบอิ่มสีระเรื่อน่าลิ้มลองนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม...และในขณะที่กำลังจะได้ทาบทับนั้นเอง...

    “ปล่อยมาสเตอร์เลิฟเดี๋ยวนี้น๊า~เจ้าแว่นหื่นก๊าม!!”

    เสียงทุ้มนุ่มหวีดร้องเสียงดังลั่นตามมาด้วยร่างสูงเพรียวที่ถลาเข้ามาคว้าร่างอรชรบอบบางไปกอดซุกไว้แนบอกพลางตรวจสอบความเสียหาย(?)ของมาสเตอร์ตัวน้อยซะยกใหญ่

    “...รันเซ่...?”นัยน์ตากลมโตสีม่วงเบิ่งมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ ฝ่ายบิชอปหนุ่มแว่นผู้โดนขัดขวางนั้นก็ลุกขึ้นยืนจ้องผู้มาใหม่เขม็งอย่างไม่สบอารมณ์...

    “ทำอะไรของคุณครับ?”เสียงทุ้มเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขายาวก้าวเข้ามายืนประจันหน้ากับร่างที่มีส่วนสูงพอๆกัน...

    “ช่วยเหลือลูกแกะตัวน้อยให้รอดพ้นจากเงื้อมมือหมาป่าเจ้าเล่ห์ครับ~”รันเซ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริงพร้อมรอยยิ้มสุดไนซ์เปล่งรัศมีคนดีจนชวนให้เท้ากระตุก...
    ...โดยเฉพาะเท้าของคาสเตอร์น่ะนะ...

    “แหม~คุณนี่ช่างเป็นคนดีจังเลยนะครับ”คาสเตอร์เอ่ย ดวงหน้าคมปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น...
    ...เป็นคนดีแบบนี้ อยากไปขอพรสามประการจากพระเจ้าใหม่มั้ยครับ?

    “แน่นอนอยู่แล้วครับ...การช่วยเหลือลูกแกะที่หลงผิดเป็นหน้าที่ของบิชอปที่ดีอยู่แล้วล่ะครับ”
    ...เก็บพรสามประการไว้ให้แกขอเองเถอะ เจ้าเนิร์ดเอ๊ย!

    “คุณนี่น่าเสนอชื่อให้เข้ารับตำแหน่งบิชอปดีเด่นจังเลยนะครับ”ตามด้วยรอยยิ้ม
    ...จะว่าไป...ปอยผมหลอดเกลียวของคุณเอาไว้ปิดหน้าหนาๆนั่นใช่มั้ยครับ?

    “แหม~รางวัลอันทรงเกียรติแบบนั้น ถ้าได้รับคงน่ายินดีน่าดูเลยนะครับ”
    ...อย่ามาว่าปอยผมมหาเสน่ห์ของฉันนะ! เจ้าแว่นสองหน้าคลั่งตุ๊กตานี่!

    “คนแบบคุณคงได้มาไม่ยากหรอกครับบิชอปรันเซ่...”
    ...นั่นมันรสนิยมส่วนตัวของผมครับ! จะไปหลงทางตกเขาตายที่ไหนก็ไปเถอะครับ!

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิครับ~”
    ...หน็อย...ถ้าฉันตาย(?)จะเป็นผี(?)มาหลอกแกคนแรกเลยเถอะเจ้าแว่น!

    ท่ามกลางเสียงพูดคุยแสนสนิทสนมของบิชอปร่างสูงทั้งสองคน ร่างบอบบางอรชรก็ย้ายตัวเองออกจากอ้อมกอดของรันเซ่ไปนั่งจิบชาชมสวนอย่างสบายใจเฉิบที่ม้านั่งแล้วเรียบร้อย โดยที่นัยน์ตากลมโตคู่สวยไม่ได้สังเกตประกายไฟแปร๊บปร๊าบระหว่างนัยน์ตาคมทั้งสองคู่เลยซักนิดเดียว...

    ...รันเซ่กับคาสเตอร์สนิทกันดีจังเลยน๊า...

    คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มหวานแสนน่ารักก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวย ก่อนมือเรียวเล็กจะยกถ้วยชาขึ้นจิบน้อยๆ ตัดขาดตัวเองจากบทสนทนาทะแม่งๆภายใต้รอยยิ้มของสองหนุ่มโดยสิ้นเชิง...

    ..........................
    .................................

    ทางด้านของเทย์โตะ...

    “ฉันชื่อ ฮาคุเร็น โอ๊ค ...มาจับมือกันหน่อยเป็นไง?”

    นัยน์ตากลมโตสีเขียวสวยมองมือขาวที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างพิจารณาชั่วครู่ก่อนจะยื่นมือออกไปจับด้วย...

    “เทย์โตะ ไคลน์”เอ่ยแนะนำตัวพลางเขย่ามือน้อยๆ นึกรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายอย่างประหลาด...

    ...หมอนี่...รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนซักแห่ง...

    “ดูเหมือนทุกปีจะมีผู้สมัครสอบเกินพันคน...หลังๆมานี่มีเด็กประถมมาสมัครสอบด้วยหรอ?”นัยน์ตาคมติดดุฉายแววชื่นชมเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้า หากแต่ทางฝ่ายหนุ่มน้อยเทย์โตะนั้นเหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงเข้ากลางหัว มือเล็กเผลอบีบมือเรียวขาวดังกร๊อบ...

    ...นึกออกแล้ว! เหมือนเจ้าชูริ โอ๊ค เดี๊ยะ! หรือว่าหมอนี่จะเป็นผู้ไล่ล่าที่มาจากเขต 1!?

    “นาย...รู้จักเจ้าชูริ โอ๊ค‘จอมขี้ขลาด’รึเปล่า?”เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกได้ถึงแรงบีบกลับหนักหน่วงที่มือ...

    ...ฉันไม่ใช่เด็กประถมนะเฟ้ย เจ้าหมาจิ้งจอกนี่!

    “หนูบ้านอยู่ที่ไหนหรอ? เดี๋ยว‘พี่ชาย’จะไปส่ง~”ดวงหน้าคมปรากฏรอยยิ้มใจดี นัยน์ตาสีม่วงเรียวดุหยีปิดลงพร้อมเพิ่มแรงบีบเมื่อคนตัวเล็กกว่ายิ่งเพิ่มแรงบีบเข้าไปอีกจนต่างฝ่ายต่างมือสั่น...

    ...โอ๊คจอมขี้ขลาดงั้นเรอะ? เจ้าเปี๊ยก!

    แรงบีบที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำเอาทั้งสองคนมุมปากกระตุกหงึกๆ นึกพ้องในใจพร้อมกัน...

    ...ถ้าที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็...จะซัดให้คว่ำเลย!!

    คิดได้ดังนั้นมือทั้งสองก็สะบัดออกจากกันตีกระทบดังเพี้ยะ...

    “ฮึ่ม เด็กน้อยอย่างนายไม่มีทางได้รับตำแหน่งนั้นง่ายๆหรอก...ถึงจะเป็นชั้นพิเศษก็เถอะ แต่ก็จำเป็นต้องฝึกฝนที่โบสถ์ซัก 5 ปี ...แก...ได้รับความเห็นใจหรือว่าใช้เส้นเข้ามาล่ะ?”ร่างสูงโปร่งกอดอกเอ่ยอย่างถือตัว นัยน์ตาเรียวคมมองต่ำยังร่างเล็กตรงหน้าอย่างดูถูกเล็กๆ ...ท่าทางนั้นยิ่งทำให้หนุ่มน้อยเทย์โตะยิ่งนึกถึงเจ้าชูริคุณหนูลูกนายทหารใหญ่ที่กองทัพจักรวรรดิไม่มีผิด...

    “...ได้ยินมาว่า นอกจากเป็นทหารกับนักการเมืองแล้ว ตระกูลโอ๊คที่มีเกียรติไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาชีพอื่นนี่นะ...แล้วทำไมนายถึงมาอยู่ที่โบสถ์นี้ได้?”ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างนึกสงสัย...

    ฮาคุเร็นไม่ตอบ...นัยน์ตาเรียวคมตวัดกลับมามองร่างเล็กด้วยแววตาอ่านยาก...

    “...คนที่ฉันสนใจในโบสถ์นี้มีคนเดียวเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องตอบคำถามนาย...”
    ว่าจบ ร่างสูงโปร่งก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลืมเอ่ยทิ้งท้ายตามมารยาท...

    “เอาเถอะ...ก็พยายามให้มากๆก็แล้วกัน...”

    หนุ่มน้อยเทย์โตะกำลังยืนงงอยู่ดีๆ เจ้ามิคาเงะตัวน้อยก็กระโดดร่อนตัวไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนหัวทองๆของอีกฝ่าย แถมยังมีการส่งเสียงร้องบอกอีกต่างหาก

    “ปุรุเปี๊ยะ”

    น่าแปลกที่ฮาคุเร็นไม่ได้ยิน เด็กหนุ่มร่างสูงยังคงเดินฉับๆลงบันไดไปด้วยท่วงท่าสง่างามตามปกติ ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีมังกรฟูลุงก์ตัวน้อยมานั่งแปะอยู่บนหัว... ทำให้ร่างเล็กต้องออกวิ่งตามไปพลางตะโกนเรียกมิคาเงะตัวน้อยตลอดทาง...

    “นี่! กลับมานะ!!”

    เทย์โตะวิ่งตามร่างสูงโปร่งจนลงมาถึงชั้นล่างที่ซึ่งไม่รู้ทำไมในขณะนี้ถึงมีผู้คนมารวมกันอยู่มากมายนัก... นัยน์ตาสีเขียวมองเห็นหัวทองๆกับมังกรสีชมพูตัวน้อยเดินแว่บเขาไปไวๆ ริมฝีปากเล็กก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน...

    ...คิดจะตามเกาะไปถึงไหนนะ...?

    ร่างเล็กตัดสินใจเดินฝ่าฝูงชนตามเข้าไป ก่อนจะไปโผล่พรวดเอาตรงจุดศูนย์กลางของวงล้อม...

    “อะไรหรอ? เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้นลอยๆกับตัวเอง แว่วได้ยินเสียงบิชอปหนุ่มข้างตัวเอ่ยตอบอย่างเอ็นดู...

    “ท่านผู้ช่วยอาร์คบิชอปบาสติน กำลังจะสาธิตการกำจัดคอร์ไงล่ะ”

    บิชอปหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีดำสนิทเฉกเช่นรัตติกาลยืนอยู่เหนือร่างของหญิงสาวเคราะห์ร้ายผู้ถูกประทับตราของคอร์ ...ไซฟอนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นค่อยๆแผ่ออกมาจากบาคูลัสเป็นสาย โอบล้อมร่างไร้สติเป็นวงกลมลักษณะคล้ายเขตอาคม ก่อนมือใหญ่ภายใต้ถุงมือสีเข้มจะวาดออกไป ส่งไซฟอนเข้าไปภายในดึงเอาคอร์ออกมาอย่างง่ายดาย...

    “เก่งสมกับเป็นท่านผู้ช่วยอาร์คบิชอป”
    “จัดการดึงเอาคอร์ออกได้โดยที่คนไข้ไม่ได้รับความเจ็บปวดเลย...”

    เสียงกล่าวชื่นชมสรรเสริญบิชอปหนุ่มวัยกลางคนดังอื้ออึงไปทั่วทั้งบริเวณ ...นัยน์ตากลมโตสีเขียวเบิ่งกว้างมองอีกฝ่ายอย่างชื่นชม...

    ...สุดยอด...บาคูลัสสามารถใช้อย่างนั้นได้ด้วย...!!

    “วันนี้ขอจบการอบรมสั้นๆไว้เพียงเท่านี้ครับ ใครมีคำถามขอให้ไปที่ห้องฉันทีหลัง”เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนชวนให้ดูน่านับถือศรัทธา...

    ...ไม่เหมือนกับหมอนั่น...

    นึกถึงหน้ากวนๆของเจ้าคนไม่สมกับเป็นบิชอปแล้ว ดวงหน้าน่ารักก็มุ่ยลงน้อยๆ พลันก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเอ่ยทักมาจากด้านหลัง...

    “โอ้~ใฝ่เรียนดีนะครับเทย์โตะคุง”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย ดังคาด พอหันไปร่างเล็กก็พบกับท่านอาจารย์ที่เคารพพ่วงด้วยร่างสูงชะลูดของคนที่เผลอนึกถึงเมื่อครู่และร่างอรชรบอบบางของบิชอปแสนน่ารัก...

    “คุณคาสเตอร์! เวทย์ที่ใช้วันนี้ทำยังไงหรอครับ...?”

    เห็นท่าทางใฝ่รู่ใฝ่เรียนของลูกศิษย์แล้วคาสเตอร์ก็ยิ้มออกพยักหน้าให้เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินเข้ามาหาพวกตนใกล้ๆ...

    “ถ้าเทย์โตะคุงเป็นผู้ใช้ไซฟอนสายโจมตี ท่านบาสตินก็เป็นผู้เชี่ยวชาญของไซฟอนสายรักษาน่ะครับ...”

    “เหมือนกับผม”ลาบราดอร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวานแสนน่ารักประจำตัว มือเรียวบางยกขึ้นปล่อยไซฟอนออกมาให้ร่างเล็กดูพลางอธิบายเสียงใส

    “สายรักษาจะไม่สามารถโจมตีคอร์ที่เคลื่อนไหวไปมาได้โดยตรง แต่จะตรึงคอร์ให้อยู่ในขอบเขตการเคลื่อนไหวและสามารถกำจัดคอร์ได้โดยที่คนไข้ไม่อ่อนล้าน่ะฮะ”เอ่ยจบฝ่ามือเรียวบางก็ถูกกอบกุมโอบอุ้มอย่างอ่อนโยนด้วยมือใหญ่ของบิชอปหนุ่มร่างสูงมาดวิชาการ เรียกสีระเรื่อบนดวงหน้าสวยหวานน้อยๆ...

    “อยู่ที่พรสวรรค์ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามด้วยจึงจะสามารถใช้เวทย์ได้หลากหลายโดยไม่ยึดตามสายครับ...”ดวงหน้าคมใต้กรอบแว่นเผยรอยยิ้มอบอุ่นให้เด็กหนุ่มร่างเล็ก หันมาสบสายตาลึกซึ้งให้เจ้าของมือนุ่มนิ่มเล็กน้อยก่อนจะกลับไปแย้มรอยยิ้มอบอุ่นแต่ชวนให้ขนลุกซู่ให้ลูกศิษย์คนเก่งอีกที...

    “แต่ว่า...ถึงพลังของไซฟอนจะกล้าแกร่งเท่าไหร่ก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้บาคูลัสได้...ตั้งแต่คืนนี้ไปจะเพิ่มชั่วโมงเรียนพิเศษด้วย ต้องฝึกคุณให้เก่งเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้...เตรียมใจให้พร้อมนะครับ...”เอ่ยจบ ร่างสูงสมส่วนก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มหวานน่ารักของร่างบางข้างกาย และคำพูดทิ้งท้ายของร่างสูงชะลูดที่เอาแต่หาวหวอดๆนิ่งเงียบมาจนถึงเมื่อกี๊...

    “...พยายามเข้าล่ะไอ้หนู...”

    นัยน์ตากลมโตเบิ่งกว้างมองมือใหญ่ที่โบกน้อยๆของร่างสูงที่เดินจากไปจนลับตา ไร้ท่าทางลามกกวนประสาทเช่นดังปกติเพราะอยู่ในที่สาธารณะ(?) หากแต่กลับทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างแทบคุมไม่อยู่...

    ...นี่เรา...เป็นอะไรไปนะ...?

    หนุ่มน้อยเทย์โตะนึกสงสัยอยู่ในใจพร้อมดวงหน้าน่ารักที่ขึ้นสีระเรื่อจาง ก่อนจะตั้งสติได้แล้วออกตามหามิคาเงะตัวน้อยต่อ...


    tbc.

    ____________________________________________

    อ้างอิง : http://sevenghost.freeforums.org/is-it-be-love-up-ch-8-t448-110.html


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×