ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิค07-ghostจากที่ต่างๆ

    ลำดับตอนที่ #11 : My Profe [CastorXLabrador]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      6
      23 มี.ค. 55




    เสียงน้ำที่กระทบกันอย่างต่อเนื่องพร้อมกับร่างเล็กของเด็กหนุ่มรูปร่างราวกับเด็กประถม เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีเขียวในชุดขาวกำลังก้มหน้าก้มตาซักเสื้อของผ้าของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ ข้างๆของเขามีอ่างไม้ที่ใส่พวกของใช้ส่วนตัวหรือพวกชั้นในที่เทย์โตะเองก็ไม่อยากจะให้ผู้หญิงซักให้เท่าไหร่ ตามนิสัยของเด็กผู้ชายที่พึ่งจะเป็นวัยรุ่น

    “เฮ้ออ วันนี้อากาศร้อนจังแฮะ”เทย์โตะบ่นพึมพำกับตนอง ขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ซึ่งในตอนนั้นเองที่นางเงือกโนเอลที่คาสเตอร์เลี้ยงไว้ก็กระโดดขึ้นมานั่งเท้าคางอยู่ข้างๆ

    “ล้า ลา หลั่น ลา ล้า”

    “-*-“

    แน่นอนว่าเขาฟังไม่รู้เรื่องหรอกว่าราเซ็ทพูดอะไร คงมีแต่บิชอปคาสเตอร์เท่านั้นแหล่ะที่เข้าใจได้ หรืออาจจะต้องนับรวมบิชอปฟราวไปด้วยอีกคน เพราะเมื่อวันก่อนตอนที่เทย์โตะเจอกับราเซ็ทครั้งแรก ฟราวก็ดูจะเข้าใจภาษาพิลึกๆของราเซ็ทได้ล่ะนะ
    ทว่า เทย์โตะก็ยิ่งงงมากขึ้นเข้าไปอีกเมื่อราเซ็ทยังคงพูด(ร้องเพลง)กับเขาต่อไป พร้อมกับชี้ๆมาที่อ่างไม้ซึ่งบรรจุเสื้อผ้าของเขาไว้อยู่ราวกับจะต้องการสื่ออะไรบางอย่าง

    “เอ่อ ราเซ็ท เล่นไม่ได้นะ ฉันกำลังทำงานอยู่”

    นั่นคือสิ่งที่เขาเข้าใจนั่นแหล่ะ เทย์โตะก็บอกไปอย่างงั้น ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อราเซ็ทส่ายหน้าแรงๆแล้วชี้ๆไปที่อ่างไม้อีกครั้ง

    เอ่อ... คือก็อยากจะฟังเข้าใจหรอกนะ แต่เราไม่ใช่บิชอปคาสเตอร์นี่หว่า จะมาเข้าใจภาษาเงือกอ่ะ ถึงจะมีผลการเรียนดีจากจักรวรรดิ แต่เขาก็ไม่เคยเรียนภาษาเงือกนะเฟร้ยยยย!!!!!
    เทย์โตะร้องตะโกนในใจ พลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เช่นเดียวกับราเซ็ทที่ไม่รู้จะอธิบายให้เทย์โตะฟังอย่างไรดี
    ทว่าเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นจากข้างหลังเสียก่อน

    “ดูเหมือนว่าราเซ็ทอยากจะช่วยน่ะครับ”เสียงเล็กๆคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับที่ทั้งคนทั้งเงือกจะหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน

    “ลาบราดอร์ซัง?”เทย์โตะมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อเจอกับบุคคลไม่คาดคิด ซึ่งคนถูกทักเองก็ยิ้มอ่อนโยนให้เช่นทุกครั้ง
    ลาบราดอร์หันไปทางราเซ็ทที่ยิ้มหวานให้ ก่อนจะหยิบดอกไม้สีสวยออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นส่งให้กับราเซ้ท

    “อันนี้พึ่งออกดอกเมื่อเช้านี้เอง”บิชอปร่างบางบอกอย่างอ่อนโยน ซึ่งราเซ็ทดูจะดีใจมาก เพราะเจ้าหล่อนโผเข้ากอดจนคนถูกกอดเซไปเล็กน้อย แล้วเขยิบที่ให้กับลาบราดอร์ซึ่งกำลังถือไม้ถูพื้นกับถังน้ำอยู่เข้ามาเปลี่ยนน้ำ

    เทย์โตะมองคนที่นั่งข้างๆซึ่งหันไปคุยกับราเซ็ทอย่างถูกคอด้วยสายตางุนงง เพราะปรกติเขาไม่ค่อยเจอบิชอปลาบราดอร์บ่อยเหมือนกับบิชอปฟราวและบิชอปคาสเตอร์เท่าไหร่หรอก เท่าที่รู้มาจากคาสเตอร์ ลาบราดอร์ก็มักจะอยู่ในสวนดอกไม้คอยจัดสวนอยู่เสมอ จะมีบ้างที่จะออกมาเดินข้างนอกบ้างอย่างเช่นช่วยทำความสะอาดอย่างวันนี้ หรือไม่ก็ตอนที่มาเฝ้าเขาตอนบาดเจ็บอยู่อย่างตอนที่เจอกันใหม่ๆ
    แต่นี่ ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบิชอปท่าทางเงียบๆในระยะใกล้และนานแบบนี้ ซึ่งเทย์โตะก็อดชื่นชมไม่ได้ว่าลาบราดอร์จัดเป็นคนที่หน้าตาดีถึงดีมากทีเดียว ถ้าจะมองว่าสวยงดงามก็ถือว่าสวยมาก สวยกว่าพวกพลตรีหญิงหรือบรรดาซิสเตอร์ในโบสถ์เสียอีก แถมรูปร่างโปร่งบางขนาดนั้นก็ทำให้นึกสงสัยว่าฮอร์โมนไม่ปรกติรึเปล่า

    ดูเหมือนว่าคนถูกจ้องจะรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ ใบหน้าอ่อนโยนจึงหันมาทางเทย์โตะเอียงคอน้อยๆอย่างสงสัย

    “มีอะไรรึเปล่าครับ”

    “เอ่อ...”เห็นท่าทางสุภาพและใจดีแบบนั้น เทย์โตะก็ไม่ค่อยอยากจะแสดงกิริยาแข็งกร้าวเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับฟราวหรือคาสเตอร์เท่าไหร่ เพราะเห็นหน้าแล้ว จะโมโหก็โมโหไม่ลง
    แต่พอเห็นสีหน้าสงสัยแบบนั้น ก็เลยทำให้ต้องเลือกถามคำถามที่สงสัยมาก่อน

    “ลาบราดอร์ซัง เอ่อ... อายุเท่าไหร่หรอครับ”

    “ผมหรอ ปีนี้ก็สามสิบกว่าๆได้แล้วล่ะมั้ง”

    “ห๊า!!!”คนถามเบิกตากว้างอย่างตกใจ พลางจ้องคนตอบอย่างไม่เชื่อสายตา เทย์โตะกระพริบตาปริบๆ จ้องลาบราดอร์ยังไม่อยากจะเชื่อ ก็เพราะตอนเจอกันครั้งแรก คนๆนี้ก็ดูอายุมากกว่าเขาไม่เกินปีสองปี แถมยังดูเด็กกว่าฟราวหรือคาสเตอร์ด้วยซ้ำ

    “เทย์โตะคุงคิดว่าผมอายุเท่าไหร่กันล่ะ”ลาบราดอร์ถามขณะก้มลงไปเปลี่ยนน้ำโดยมีราเซ็ทคอยช่วยจับถังน้ำไว้อยู่

    “อย่างมากก็เอ่อ ไม่น่าจะเกินสิบแปด”

    “โห เด็กขนาดนั้นเชียวหรอ”ลาบราดอร์หัวเราะเล็กน้อย ขณะที่ลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากเปลี่ยนน้ำทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ ถ้าเทย์โตะคุงเหนื่อยล่ะก็ จะพักก็ได้นะครับ เพราะวันนี้อากาศดูจะร้อน... มาก”

    พูดจบร่างผอมบางนั้นก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้น ไม้ถูพื้นและถังน้ำหล่นแตกกระจาย พร้อมกับที่หมวกก็ปลิวว่อนตกลงไปในนั้น

    “ลาบราดอร์ซัง/ลา ลา ลา!!!”

    เทย์โตะและราเซ็ทร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบวางงานที่ทำอยู่ในมือเข้าไปพยุงคนที่ทรุดลงไปกองกับพื้น ลาบราดอร์หอบหายใจถี่ๆ และเพราะหมวกที่ปลิวออกไปแล้ว ทำให้เห็นใบหน้าซีดเซียวของคนอายุมากกว่าได้ชัดเจน แล้วเทย์โตะก็สะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านชุดขาวนั้นได้และนั่นทำให้เขารู้ได้ว่า

    “คุณเป็นไข้!”

    “ผมไม่เป็นไรหรอก เทย์โตะคุงไปซักผ้าต่อเถอะ”ลาบราดอร์หันมายิ้มให้ แต่รอยยิ้มนั้นดูอิดโรยยังไงชอบกล แต่เทย์โตะก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีที่จะปล่อยคนป่วยไว้แบบนี้ เด็กหนุ่มหันไปทางราเซ็ทที่เก็บหมวกบิชอปของลาบราดอร์มาให้เพื่อขอความช่วยเหลือทันที

    “ราเซ็ท ไปตามเอ่อ... บิชอปคาสเตอร์มาที”

    ราเซ็ทพยักหน้า ก่อนจะรีบดำน้ำหายไปเพื่อไปตามหาคาสเตอร์มาตามคำขอ ส่วนเทย์โตะก็ช่วยพยุงบิชอปลาบราดอร์ซึ่งแทบจะไม่มีแรงยืนให้พิงกับขอบของสระน้ำแล้วรีบเอาผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดหน้าเพื่อปฐมพยาบาลให้ไปก่อน แต่ลาบราดอร์กับส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงห้าม

    “ไม่เป็นหรอก เทย์โตะคุงไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะไปแล้วล่ะ”

    “อย่าดีกว่า ผมว่าลาบราดอร์ซังรอคาสเตอร์ซังมาพากลับไปดีกว่า”เพราะดูจากสถานการณ์แบบนี้ จะให้ลาบราดอร์ไปคนเดียว เขาพนันได้เลยว่าต้องล้มกลางทาง แถมถ้าไปล้มในที่ที่ไม่มีใครแล้วอาการทรุดหนักจะทำอย่างไร แล้วอีกอย่าง เทย์โตะก็ไม่รู้จักคนมากนัก ครั้นจะให้มาเรียกซิสเตอร์ก็ดูจะไม่เหมาะที่จะให้ผู้หญิงมาแบกผู้ชาย แล้วจะให้ไปเรียกฟราวก็ดูจะไม่ไหวเพราะท่าทางไม่น่าไว้ใจเกินไป ดังนั้นตามคาสเตอร์มาแหล่ะดีที่สุด

    “มันจะรบกวนเขาเปล่าๆน่ะสิ เพราะทุกคนก็มีงานทำอยู่นะเทย์โตะคุง”

    “ไม่หรอก ลาบราดอร์”เสียงคุ้นหูทักขึ้นพร้อมกับที่ร่างสูงของบิชอปคนที่ถูกกล่าวถึงจะปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับราเซ็ทที่ยิ้มแป้นให้กับเทย์โตะจากสระน้ำเป็นเชิงว่าตามหาคาสเตอร์เจอแล้ว

    คาสเตอร์มองคนที่นอนพิงสระน้ำ ร่างบอบบางที่ราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆได้ภายใต้ชุดสีขาวของบิชอปและใบหน้าน่ารักที่เงยหน้าขึ้นสบตาด้วย หากแต่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าอิดโรยของคนตรงหน้า สีหน้าที่ซีดเซียวและร่างที่ไร้เรี่ยวแรงทำเอาคาสเตอร์ไม่รอช้าที่จะก้มลงอุ้มอีกฝ่ายเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอมท่ามกลางสายตาของคนทั้งโบสถ์ที่หันมจ้องภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
    ภาพของบิชอปที่แสนน่ารักมีรอยยิ้มละลายใจคนได้ง่ายกำลังอยู่ในอ้อมแขนของบิชอปหนุ่มสุดเท่มากนักวิชาการแบบนั้นน่ะ มันเห็นได้ง่ายๆซะที่ไหน

    ลาบราดอร์หน้าขึ้นสีทันที สองมือพยายามจะดันร่างออกไป

    “ปล่อยผมลงเถอะคาสเตอร์ มันอายเค้า”

    “ถ้าผมปล่อย ลาบราดอร์ก็ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆสิครับ”

    “ผมไม่ใช่แก้วนะคาสเตอร์”

    คาสเตอร์ไม่สนใจ หากแต่หันไปทางเทย์โตะและราเซ็ทเป็นเชิงขอบคุณ

    “เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง เทย์โตะคุง ราเซ็ท ฝากทางนี้ด้วยนะ”

    “เอ่อ ครับ”เทย์โตะสะดุ้งเล็กน้อยขณะที่มองภาพตรงหน้าตาค้าง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเห็นผู้ชายอุ้มผู้ชายด้วยกัน แต่... มันคงไม่แปลกหรอกมั้งเพราะลาบราดอร์ก็รูปร่างผอมบาง แบบนั้น คาสเตอร์ก็คงจะอุ้มได้สบายๆอยู่แล้ว แถมสีหน้าของบิชอปคาสเตอร์ก็ดูจะ... พอใจเสียด้วย
    เมื่อบิชอปทั้งสองหันหลังเดินออกไปแล้ว เทย์โตะและราเซ็ทก็หันมามองหน้ากันอย่างงงๆเล็กน้อย

    “นี่ราเซ็ท คาสเตอร์ซังน่ะ ถึงขนาดต้องอุ้มลาบราดอร์ซังแบบนั้นเลยหรอเนี่ย”

    “นี่แกไม่รู้จริงๆหรอ”เสียงยียวนกวนประสาททักจากด้านหลังทำเอาเทย์โตะสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบกระเถิบหนีทันทีเมื่อเห็นบิชอปที่หื่นที่สุดในโบสถ์ปรากฎตัวออกมาแล้ว
    บิชอปฟราวพร้อมกับไม้ถูพื้นทำเอาเทย์โตะอดนึกถึงเหตุการณ์กางเกงในลอยฟ้า จนต้องกระเถิบหนีอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็อดถามไม่ได้

    “ก็แล้วทำไมคาสเตอร์ซังถึงต้องอุ้มลาบราดอร์ซังแบบนั้นด้วยล่ะ”

    บิชอปฟราวกระพริบตาปริบๆ ในใจนึกสงสัยว่าเจ้าเด็กนี่มันอายุสิบห้าจริงหรือเปล่า ปรกติคนอายุสิบห้ามันก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้แล้วไม่ใช่เรอะ แต่ว่านิสัยขี้แกล้งของฟราวก็ไม่คิดจะบอกอะไรง่ายๆ หนำซ้ำยังก้มลงช้อนตัวของเทย์โตะขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนในโบสถ์ที่ได้เห็นช็อตเด็ดซ้ำสอง โดยมีราเซ็ทร้องเพลง(ให้ความโรแมนติก)เป็นฉากประกอบ

    “เฮ้ยย ฉันให้นายตอบ ไม่ใช่ให้นายมาอุ้ม”เทย์โตะโวยลั่นแต่ฟราวกลับไม่สนใจ แถมยังอุ้มเดินเล่นไปทั่วราวกับจงใจแกล้ง โดยที่ทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดเอาไว้ให้ราเซ็ทจ้องตาปริบๆ พร้อมกับเสียงพูดคุยกันจะดังเซ็งแซ่ไปทั่วว่า

    “คริสมาสต์ปีนี้ จัดสีม่วงดีกว่ามั้ยนะ”

    “นั่นสิ คริสมาสต์ และวาเลนไทน์จัดสีม่วงไปเลยดีกว่า”

    “อย่าลืมไปซื้อดอกไม้สีม่วงมาด้วยล่ะ”

    ++++++++07-Ghost+++++++++

    คาสเตอร์ค่อยๆบรรจงวางร่างของลาบราดอร์อย่างทะนุถนอมลงบนเตียงนุ่มสีขาวในห้องของเขาซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะจัดการจัดที่จัดทางของร่างบางให้เรียบร้อย แล้วคลายชุดของบิชอปออกให้ทันที ทว่ายังไม่ทันที่จะถึงผ้าคลุมสีขาวออก มืออันอ่อนแรงของลาบราดอร์ก็คว้าจับหมับเอาไว้ ใบหน้างดงามมองไปที่คนซึ่งอุ้มเขามาที่นี่อย่างไม่เข้าใจ

    “ไม่ต้องหรอก คาสเตอร์ซัง”

    “ผมจะเช็ดตัวให้ คุณตัวร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่เช็ดตัวอาการจะแย่ลงนะ”คาสเตอร์อธิบายตามนิสัยนักวิชาการที่ติดตัวมาก่อนจะเป็นเซเว่นโกสต์ แต่ทว่าลาบราดอร์ก็ยังไม่มีท่าทีจะปล่อยมือแต่อย่างไร จนคนช่วยต้องถอนใจเฮือก “จะให้เช็ดทั้งชุดบิชอปนั่นไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวผมจะเปลี่ยนเสื้อให้”

    แต่คนดื้อก็ยังคงดื้อ จนคาสเตอร์ถอนหายใจเฮือก เพราะเห็นลาบราดอร์เป็นแบบนี้ แท้จริงก็ดื้อกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว นี่ถ้าหากไม่ใช่ว่าป่วยอยู่ล่ะก็ เขาคงจะต้องตะคอกว่าไปแล้ว

    “ถ้าไม่อยู่เฉยๆ ผมคงต้องใช้กำลังแล้วนะ”สิ้นเสียง มือก็ปรากฎเส้นเอ็นที่ทำให้ลาบราดอร์ต้องยอมปล่อยมือให้คนตรงหน้าทำอะไรตามใจตนเองต่อไป ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่มีผู้ชายด้วยกันมาปฏิบัติตัวแบบนี้ มันก็ทำให้คนใจเย็นสุขุมอย่างเขานั้นทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

    แต่ไม่ใช่กับลาบราดอร์เท่านั้นหรอกที่เป็นแบบนี้ แม้แต่คาสเตอร์ยังพยายามสะกดสีหน้าให้สบได้อย่างยากเย็น มือที่สั่นระริกเวลาที่ต้องปลดชุดบิชอปอันหนักอึ้งออก แล้วเปลี่ยนจากเสื้อเต็มยศนั้นเป็นเสื้อเชิ้ตขาวของเขาแทน กลิ่นหอมๆของบิชอปร่างบางทำให้หัวใจของคาสเตอร์เต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็พยายามอย่างยิ่งที่จะสวมชุดให้ร่างขาวอ้อนแอ้นนั้น
    แต่เมื่อสวมเสื้อของเขาไปแล้ว เสื้อมันกลับหลวมโพรก ชายเสื้อยาวจนถึงต้นขา ช่วงบ่าถึงกับตกลงไปจนเห็นผิวขาวราวกับหิมะที่ทำให้คาสเตอร์ถึงกับหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    “เอ่อ คาสเตอร์”ลาบราดอร์เรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องเขาตาค้าง แถมยังนั่งคร่อมแบบนี้ไว้อยู่ เขาชักรู้สึกแปลกๆขึ้นมาแล้ว

    “ข... ขอโทษนะ”คนที่อึ้งอยู่รีบลุกจากเตียงไปหยิบอ่างใส่น้ำและผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ทันที

    คาสเตอร์จับลาบราดอร์นั่ง แต่เพราะไข้ที่สูงทำให้แรงจะนั่งยังแทบไม่มี ครั้นจะให้พิงหัวเตียง เตียงของโบสถ์ก็ดันเป็นตะแกรงที่ถ้าให้พิงคงได้ปวดหลังกันไปอีกนาน สุดท้าย ก็ต้องทรุดตัวนั่งลงบนเตียงแล้วอุ้มร่างบอบบางนั้นมานั่งตักแล้วให้อีกฝ่ายเอนหลังพิงเขาเอาไว้ คาสเตอร์ใช้แขนข้างหนึ่งรั้งร่างเล็กให้แนบชิด ก่อนที่มืออีกข้างจะ เช็ดตัวให้อีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม

    “ลาบราดอร์ คุณน่าจะรักษาสุขภาพซะบ้างนะ”คาสเตอร์พึมพำอย่างอ่อนใจ เพราะคนตรงหน้าทั้งๆที่ก็บอกว่าตัวเองอายุมากแล้ว แต่กลับทำตัวเหมือนเด็กไม่มีผิด

    “ก็ใครจะไปคิดว่าจะเป็นไข้หน้าร้อนล่ะ”ลาบราดอร์ตอบกลับทันที ขณะที่นั่งนิ่งๆให้คาสเตอร์เช็ดตัวให้เรียบร้อย ไออุ่นที่เข้ามาดูจะทำให้ความหนาวสั่นจากภายในนั้นลดไปบ้าง ไออุ่นที่ทำให้ลาบราดอร์ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะเขาไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยู่แบบนี้ทำให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
    แม้แต่คาสเตอร์เอง ยังรู้สึกว่าร่างเล็กนี่ทั้งนุ่มและส่งกลิ่นหอมจนเขาไม่อยากจะปล่อยไปเลย แม้ลาบราดอร์จะทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ แต่เพราะความเปราะบางนั้นก็ทำให้เขาต้องทะนุถนอมและอยากจะคอยอยู่ข้างๆเสมอ มันเป็นความรู้สึกที่ก่อตัวตั้งแต่พบกันครั้งแรก และนับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    “ทานยาลดไข้ก่อนเถอะครับ”คาสเตอร์ส่งยาและแก้วน้ำ ประคองอีกฝ่ายให้ทานยาให้เรียบร้อยหากแต่ว่าลาบราดอร์ได้ม่อยหลับไปแล้วเพราะความเพลีย ศีรษะนั้นสัปหงกโงกเงกแลดูน่ารักน่าเอ็นดูจนคนมองอดยิ้มไม่ได้

    ลาบราดอร์ของเขา อะไรจะน่ารัก น่ากอดอะไรขนาดนี้นะ...

    “ไม่กินยาก็ไม่หายซะด้วยสินะครับ”คนทำหน้าที่เป็นพยาบาลถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะจัดการดื่มยานั้นเข้าไป แล้วก้มลงประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางนั้น ส่งยาเข้าไปให้อีกฝ่าย
    ริมฝีปากที่พึ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ความหวานละมุนที่ส่งผ่านเข้ามาทำให้คาสเตอร์หลับตาลง ความอ่อนหวานนุ่มนวลที่แทบไม่อยากจะละออกไป ก่อนที่คาสเตอร์จะถอนริมฝีปากออกมาแล้วส่งน้ำตามเข้าไปอีกครั้ง หากแต่... แม้จะถูกขโมยจูบไปสองครั้ง ร่างบางก็ยังคงหลับสนิท มีเพียงลมหายใจที่แผ่วเบา พร้อมกับใบหน้าซุกอยู่กับอกของคนตัวสูงที่มองคนตัวเล็กด้วยสายตาอ่อนโยนและอบอุ่นที่สุด

    คาสเตอร์ล้มตัวลงนอนพร้อมกับโอบกอดลาบราดอร์ไว้แนบอก ถ่ายทอดความอบอุ่นที่มีไปให้ร่างบอบบางที่เผลอเอาใบหน้าซุกอกเขาอย่างไม่ตั้งใจ ท่าทางที่คงไม่มีวันเห็นได้ตอนตื่นนอน คาสเตอร์จับแขนเรียวบางนั้นให้พาดตัวเขา สายตาที่มองร่างบางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าที่มีให้ ทั้งความรัก ความห่วงใยที่มีมานานแต่เขาไม่มีโอกาสจะบอกคนตรงหน้าเลยสักครั้ง

    “แลบ(Lab=Labrador) ผมรักคุณนะ”เสียงพึมพำเบาๆ ก่อนที่คาสเตอร์จะหลับตานอนไปด้วยกัน


    ตกดึก ดวงตาสีม่วงงดงามลืมขึ้นอย่างอ่อนล้า ลาบราดอร์ค่อยๆขยับตัวช้าๆ หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าร่างถูกแขนแข็งแรงโอบรัดไว้แนบกายอันอบอุ่นของใครบางคนอยู่ ร่างบางหันไปมองคนที่กอดเขาไว้ ใบหน้าคมคายที่ปราศจากแว่นตาที่สวมอย่างที่เคยเห็นทำให้ดูแปลกตาไปบ้าง ท่าทางที่กำลังหลับสบายทำให้ลาบราดอร์อมยิ้มก่อนจะหันไปมองรอบๆ แล้วก็สะดุดตากับยาและน้ำซึ่งหมดแก้วแล้ว...

    “นี่เรากินยาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”ลาบราดอร์คิดในใจอย่างสงสัย ตอนนี้เขามีกำลังวังชาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็เป็นเพราะคาสเตอร์ดูแลเขาดีมาก จนถึงตอนนี้ ก็ยังนอนหลับอยู่ข้างๆเลย...
    แต่ลาบราดอร์คนดีก็ไม่คิดจะแย่งเตียงจนทำให้คาสเตอร์ต้องนอนไม่สบาย ร่างผอมบางพยายามอย่างยิ่งที่จะขยับตัวเพื่อจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง หากแต่เพียงแค่ขยับตัวจะหลุดจากอ้อมแขน ดวงตาสีน้ำตาลก็ลืมขึ้นในทันที

    “จะไปไหนหรอครับ”คาสเตอร์ถาม ขณะที่ชันกายลุกขึ้นจ้องมองคนตัวเล็กกว่าที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนตามนิสัย

    “เตียงมันเล็ก เดี๋ยวผมกลับไปนอนห้องผมเลยดีกว่า เดี๋ยวคาสเตอร์จะนอนไม่สบายนะ”น้ำเสียงอ่อนโยนกับคำตอบแสนใสซื่อทำให้คาสเตอร์อดยิ้มขำไม่ได้ และแล้วลาบราดอร์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อใบหน้าคมสันนั้นเข้ามาใกล้พร้อมกับหน้าผากของคนตัวสูงจะแตะเข้าที่หน้าผากมนนั้น ระยะที่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆทำให้ลาบราดอร์ตัวแข็งทื่อ

    “ไข้ยังไม่ลดเท่าไหร่เลยนะครับ นอนที่นี่ต่อเถอะ”

    “แต่ว่า...”ลาบราดอร์ทำท่าจะค้าน หากแต่คนตัวใหญ่กว่ากลับกดเขาให้นอนลงกับเตียงต่อ พร้อมกับใบหน้าคมสันจะเผยรอยยิ้มนิดๆ

    “ไหนๆผมก็อุตส่าห์ดูแลลาบราดอร์มาตั้งแต่เช้า จะไม่ตอบแทนผมด้วยการนอนเป็นเพื่อนเลยหรอครับ”


    “ผมก็เหงาเป็นนะ นอนคนเดียวโดดเดี่ยวจะตาย”

    “แต่คาสเตอร์ก็มีตุ๊กตาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”คนตัวเล็กกว่ายังคงเล่นแง่ซึ่งทำให้คาสเตอร์ทำสีหน้าปั้นยาก นึกสงสัยว่าคนตัวเล็กเอาอะไรมาคิด เขาไม่มีทางไปนอนกอดตุ๊กตาที่ตัวเองทำขึ้นอย่างแน่นอน
    ลาบราดอร์เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป จึงอาศัยจังหวะนั้นรีบลุกออกจากเตียงในทันที ทว่าคนตัวเล็กยังไงก็เป็นคนตัวเล็ก ถึงคาสเตอร์จะเด็กกว่า แต่เรี่ยวแรงกลับมีมากกว่า ชายหนุ่มร่างสูงรวบตัวร่างบางเอาไว้แล้วรั้งเข้ามากอดไว้แน่นให้แผ่นหลังบางชิดกับแผ่นอกที่บัดนี้หัวใจนั้นเต้นระรัวจนคนตัวเล็กยังรู้สึกได้ ลาบราดอร์นั้นตัวแข็งทื่อ เพราะคาสเตอร์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบสิบปี ก็ไม่เคยมีใครคิดจะแตะต้องเขาถึงขนาดนี้ ร่างบางหัวใจเต้นระรัว เมื่อใบหน้าคมสันนั้นพาดไว้ที่ไหล่บอบบาง ลมหายใจคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอทำให้ลาบราดอร์ไม่กล้าจะขยับไปไหน

    “แลบ คุณไม่รู้หรือ ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”

    “คะ... คาสเตอร์”ร่างบางถูกร่างสูงจับหมุนตัวมาหา พร้อมกับนั่งบนตักของอีกฝ่าย บัดนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ “ผะ.. ผม”

    “ทั้งๆที่ผมอยากจะเข้าใกล้คุณ อยากจะอยู่ข้างๆคุณมาโดยตลอด แต่คุณกลับทำเป็นไม่สนใจ”น้ำเสียงตัดพ้อทำให้ลาบราดอร์นั้นส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ใช่นะ คาสเตอร์ ผม...”

    “แลบ ได้โปรดบอกผมที ว่าคุณรักผมรึเปล่า”สิ้นคำถามคาสเตอร์ก็ชะงักกึกเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนตัวสั่นระริกพร้อมกับหยาดน้ำใสๆไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นที่ทำให้หัวใจของคนฟังเจ็บแปล่บแต่ลาบราดอร์ก็พยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมา
    ใบหน้าที่ทำให้คาสเตอร์รู้สึกเจ็บปวด เพราะมันเต็มไปด้วยน้ำตา หากแต่มือเรียวนุ่มนิ่มนั้นก็แตะที่ใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดว่า

    “ถ้าไม่รักผมจะยอมให้คาสเตอร์แตะต้องผมหรอ ถ้าหากผมไม่รักคุณ ผมจะยอมให้คุณเข้าใกล้ผมทำไม ถ้าไม่รักผมคงไม่มาอยู่กับคาสเตอร์จนถึงทุกวันนี้หรอก”

    “แลบ”

    แค่ประโยคสารภาพรักที่แสนน่ารัก ก็ทำให้คนฟังประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบางนั่นทันที คาสเตอร์รู้สึกได้ถึงแขนเรียวบางที่โอบต้นคอเขาไว้ ปฏิกิริยาตอบสนองนั้นทำให้คาสเตอร์รู้ได้ว่าลาบราดอร์เองก็รู้สึกเหมือนกันเขา สัมผัสอ่อนหวานดำเนินไปอย่างเนิ่นนานก่อนที่ลาบราดอร์จะดันตัวเองออกเมื่อตัวเองหายใจไม่ออก แต่คาสเตอร์กลับรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพราะเขาอยากจะทะนุถนอมคนรักเอาไว้ จึงไม่คิดจะเรียกร้องอะไรเพิ่มเติม แม้จิตใจอยากจะต้องการก็ตามที

    “นอนกันเถอะครับ”คาสเตอร์ไม่อยากจะรบกวนคนป่วยไปมากกว่านี้ ซึ่งลาบราดอร์เองก็พยักหน้ารับ แล้วล้มตัวลงนอน โดยที่ชายหนุ่มผู้ดูแลคอยจัดผ้าห่มและที่นอนให้

    “คาสเตอร์”เสียงเล็กๆเอ่ยถามทำให้คนจัดผ้าห่มอยู่หันมายิ้มให้

    “มีอะไรหรอครับ”

    “อยากให้ผมกอดเวลานอนไหม”

    พูดจบทั้งคู่ก็หน้าแดงขึ้นมาพร้อมๆกัน แต่ลาบราดอร์ก็ขยับที่ให้พร้อมกับส่งแขนมาเป็นเชิงบอกว่าจะทำจริงๆไม่ได้ล้อเล่นซึ่งนั่นก็ทำให้คาสเตอร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน

    “เอาสิครับ”ว่าจบแล้วก็ล้มตัวลงเข้าหาอ้อมแขนบอบบางแต่ส่งกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ อ้อมแขนที่เขาใฝ่ฝันอยากได้มานานแสนนาน และวันนี้เขาก็ได้มันมาแล้ว คาสเตอร์โอบร่างบางไว้แน่น ซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกเรียบบางแต่นุ่มนิ่มนั้น

    “ราตรีสวัสดิ์นะ เฟส”เสียงงึมงำของลาบราดอร์พูดก่อนจะผล็อยหลับไป ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูยามหลับทำให้คาสเตอร์ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าแตะริมฝีปากบางนั้นเบาๆ

    “ราตรีสวัสดิ์ โปรเฟ่ของผม”
    _________________

    เครดิต :
    http://sevenghost.freeforums.org/fanfic-07-ghost-my-profe-t441.html
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×