คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รอยยิ้มของคุณแม่
“สวัสดีครับคุณครู” เด็กชายแทนไทกล่าวสวัสดีอาจารย์เธียรชัยเมื่อรถที่บ้านมารอรับพร้อมกับคุณยายที่แสนใจดีที่กำลังเดินเข้ามารับหลานชายวัยแปดขวบ
“สวัสดีคุณยายด้วยครับ” อาจารย์เธียรชัยยิ้มเมื่อคุณยายเดินเข้ามาหาหลานชาย
“สวัสดีครับคุณยาย” เด็กชายแทนไทประนมมือไหว้คุณยายด้วยท่าทีของเด็กน้อยที่ดูท่าจะถูกอบรมณ์มาอย่างดี
“วันนี้มาเร็วจังเลยนะครับคุณยาย” อาจารย์เธียรชัยยิ้มให้กับคุณยายอย่างคนคุ้นเคย
“วันนี้คุณแม่น้องแทนเค้ามาค่ะ ต้องรีบกลับหน่อย” คุณยายยิ้มก่อนที่จะลาอาจารย์แล้วจูงหลานชายผิวขาวตัวกลมไปขึ้นรถ
วันนี้น้องแทนตั้งใจเรียนเป็นพิเศษเพราะรู้ว่าคุณแม่จะมาวันนี้ เด็กชายตัวน้อยเดินขึ้นรถหน้าตาเบิกบานเมื่อขึ้นไปนั่งรถก็ต้องยิ้มแฉ่งเพราะคนขับรถไม่ใช่ใครอื่นเป็นคุณแม่นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณแม่” น้องแทนกระโดดขึ้นนั่งตักคุณแม่สาวสวยที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันไม่มีผิด
“สวัสดีครับคุณลูก” คุณแม่ฟ้าลดาหอมแก้มลูกชายฝอดใหญ่ก่อยที่จะสั่งให้ไปนั่งที่เบาะหลังตามเดิม น้องแทนทำตามคำของคุณแม่ฟ้าลดาอย่างว่าง่าย เด็กชายนั่งสงบนิ่ง แต่ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเป็นวันดีที่คุณแม่กลับมา
ฟ้าลดามองใบหน้ากลมของลูกชายผ่านกระจก ใบหน้าน้อยใบนั้นทำให้จิตใจหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปีผู้นี้มีความสุขทุกครั้งที่ได้จ้องมอง คุณยายก็เช่นเดียวกัน น้องแทนเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้บ้านมีรอยยิ้ม
รถบีเอ็มดับเบิลยูจอดลงที่ลานจอดรถกว้างหน้าบ้านที่มีสนามหญ้าเขียวที่มีสปริงเกอร์ฉีดน้ำจนสนามหญ้าชุ่มไปหมด
น้องเฟรมลูกสาวของคุณเฟื่องฉัตรพี่ชายของฟ้าลดาวิ่งออกมาจากบ้าน ทั้งน้องแทนและน้องเฟรมกระโดดเข้ากอดกันเพราะไม่ได้เจอกันนาน ตามมาด้วยเฟื่องฉัตรพี่ชายของฟ้าลดาที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดที่วิ่งตามลูกสาวตัวน้อยวัยหกขวบออกมา
“มาสวัสดีคุณอาก่อนลูก” เฟื่องฉัตรบอกลูกน้องเฟรมเมื่อฟ้าลดเดินมาสมทบกับเด็กๆพร้อมกับคุณยาย
“สวัสดีค่ะอาฟ้า” น้องเฟรมประนมมือไหว้ฟ้าลดาก่อนที่จะไปสนใจเล่นกับน้องแทนต่อ
“สวัสดีค่ะพี่เฟื่อง” ฟ้าลดายิ้มพร้อมกับประนมมือไหว้พี่ชาย
เฟื่องฉัตรรับไหว้น้องสาวก่อนที่จะช่วยคุณเพชรลดาถือกระเป๋าของน้องแทนแล้วพากันเดินเข้าบ้าน
ระยะหลังฟ้าลดาต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศบ่อยเพราะคุณภาณุภัทรต้องเดินทางไปดูงานที่ขยายสาขาไปประเทศแถบโซนยุโรป ฟ้าลดาเป็นเลขาจึงจำเป็นมากที่ต้องติดตามไป แล้วก็ไปทีก็สองถึงสามสัปดาห์
พี่นภา หลานสาวของคุณเพชรลดาที่มาช่วยดูแลบ้านจัดอาหารที่โต๊ะกลางสนามหญ้า หลังจากที่เก็บสปริงเกอร์ลดน้ำสนาม น้องแทนก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยออกมาวิ่งเล่นที่สนามหญ้ากับน้องเฟรม
“น้องแทนครับค่อยๆวิ่งลูกเดี๋ยวจะล้ม” ฟ้าลดาปรามลูกชาย แต่ไม่ทันจะได้พูดต่อ รถเฟอร์รารี่สีบอร์นของคุณภาณุภัทรก็เลี้ยวเข้ามาจอดสนิทตรงด้านข้างรถของฟ้าลดา
เฟื่องฉัตรเดินถึงตัวภาณุภัทรเป็นคนแรก ทั้งสองสวมกอดกันเพราะเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
“ว่าไงกิจการเจริญรุ่งเรื่องใหญ่จนไม่มีเวลาคบหาเพื่อนเลยนะแก” เฟื่องฉัตรตบไหล่เพื่อนพลางพากันเดินมาที่สนามหญ้าที่มีการจัดอาหารรับประทานกันเป็นบาบีคิวแบบง่ายๆ
“สวัสดีครับน้องฟ้า” ภาณุภัทรกล่าวทักฟ้าลดาจังหวะเดียวกับที่ฟ้ายกมือไหว้
“ไม่รู้ว่าคุณเปลวจะมาค่ะ” ฟ้าลดาทำหน้าแหยเพราะอาหารที่เตรียมทานกันในวันนี้เป็นอาหารธรรมดาเท่านั้น
“สวัสดีครับแม่แก้ม” ภาณุภัทรยกมือไหว้คุณเพชรลดาพลางสวมกอดอย่างสนิทสนมเพราะตอนสมัยเรียนเค้ามักจะมานอนเล่นที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ
“ไม่ต้องกังวลหรอกฟ้า ไอ้เพื่อนพี่คนนี้มันกินง่ายอยู่ง่าย” เฟื่องฉัตรมองหน้าเพื่อนอย่างรู้ทันว่าการมาของเจ้าเพื่อนตัวแสบคนนี้ไม่ได้เพราะผ่านมา แต่เป็นเพราะตั้งใจมาเจอฟ้าลดาต่างหาก
ภาณุภัทรยิ้มอย่างอายๆเมื่อมองเห็นหน้าเฟื่องฉัตรที่มองเค้าอย่างรู้ทัน ก่อนที่จะหาทางแก้เขินไปหันไปเล่นกับน้องแทนและน้องเฟรมแทน
เฟื่องฉัตรมองหน้าน้องสาว ที่ดูเธอก็รู้เหมือนกันถึงเหตุผลที่ภาณุภัทรขับรถมาถึงที่นี่ ทั้งๆที่บ้านก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันสักนิด
การรับประทานอาหารผ่านไปอย่างเรียบๆแต่ก็มีสีสันเพราะมีน้องแทนกับน้องเฟรมทีเป็นความสดใสร่าเริงของบ้าน
“จ๋า ไม่เกินสี่ทุ่มจ้ะ” เฟื่องฉัตรรับโทรสัพท์จากภรรยาที่ทำงานเป็นผู้จัดการห้องสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“สงสัยต้องกลับแล้วกลับแล้วครับคุณแม่” เฟื่องฉัตรมองหน้ามารดาและน้องสาวพลางยิ้มนิดๆ
“แม่ว่ากลับก็ดีเหมือนกันขับรถดึกๆมันอันตราย น้องเฟรมคงจะง่วงแล้วด้วย นภาลองไปดูซิ หายเข้าไปนั่งเล่นเกมกันในห้องจะหลับหรือยังไม่รู้” คุณเพชรลดากล่าว พลางหยิบน้ำขึ้นมาจิบ
“ผมเห็นทีต้องกลับเหมือนกันครับแม่แก้ม” ภาณุภัทรยิ้มพลางมองหน้าฟ้าลดาเป็นเชิงว่าให้เดินไปส่งที่รถหน่อย
ภาณุภัทรกล่าวลาคุณเพชรลดาก่อนที่จะเดินนำมาที่รถโดยที่มีฟ้าลดาเดินตามมาส่ง
ฟ้าลดาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยืนนิ่งๆ ภาณุภัทรยืนมองเธอครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดประตูรถ
“พรุ่งนี้วันเสาร์ฟ้ามีโปรแกรมอะไรหรือยังครับ” ภาณุภัทรยิ้ม
ฟ้าลดาคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า “ยังไม่มีโปรแกรมเลยค่ะ คงจะอยู่บ้านกับน้องแทนแล้วก็ทำอะไรทานกันเหมือนเดิมค่ะ”
“เราไปหาที่เที่ยวพักผ่อนสมองกันดีมั๊ย พี่มีเพื่อนทำรีสอร์ทที่เพชรบูรณ์ ชวนแม่แก้มกับน้องแทนด้วย สนุกดี พักนี้ฟ้าทำงานหนัก พี่ว่าน่าจะหาโอกาสพักผ่อนบ้าง”
ฟ้าลดาทำจมูกย่นมองหน้าภาณุภัทร ทั้งคู่ทำงานและเกือบจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่ทั้งคู่กลับไม่สนิทกันไปมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
“ไปเหอะฟ้า ที่บ้านพี่เค้าก็ทำงานกันหมด พี่อยากพักผ่อนก็ไม่รู้จะไปกับใคร เห็นฟ้าทำงานหนักน่าจะไปด้วยกัน ออกพรุ่งนี้แต่เช้า พักสักคืนแล้วก็กลับเย็นๆวันอาทิตย์ก็ได้”
“เอาเป็นว่า
”
“ไม่ต้องเอาเป็นว่าหรอก สรุปว่าไปก็แล้วกันเพราะนานๆเราจะหาเวลาพักกันได้ พรุ่งนี้พี่จะมารับแต่เช้าแล้วกันนะคะ” ภาณุภัทรตัดบทเข้าไปนั่งในรถก่อนที่จะเปิดกระจกออกมายิ้ม
“ถ้าไม่ไปพี่โกรธนะ”
ฟ้าลดามองหน้าภาณุภัทรกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
ภาณุภัทรขับรถออกไปแล้วตามด้วยรถของเฟื่องฉัตรที่ออกตามไปติดๆ แต่เธอยังยืนอยู่ที่เดิม เธอนึกถึงรอยยิ้มเมื่อครู่ของภาณุภัทร มันเป็นรอยยิ้มเดียวที่คอยให้กำลังใจเธอ แม้ว่าเธอจะพลาดอะไรไปหลายอย่างในชีวิต แต่รอยยิ้มนั้นไม่เคยเปลี่ยน
ความคิดเห็น