รอวันที่มีเธอ - รอวันที่มีเธอ นิยาย รอวันที่มีเธอ : Dek-D.com - Writer

    รอวันที่มีเธอ

    แป้งสาวนักเรียนนอก เดินทางกลับมาเพื่อทวงในสิ่งที่เป็นของเธอเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    183

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    183

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ต.ค. 49 / 11:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      การเดินทางมาครั้งนี้ของเมทิตาไม่เหมือนกับการกลับมาเมืองไทยครั้งก่อนของเธอเพระครรั้งนี้มีเรื่อวราวมากมายที่เธอจะต้องจัดการแก้ไขในสิ่งที่ค้างคามาแล้วนับตั้งแต่เวลาผ่านไปสี่ปีที่เธอเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ

      เมทิตาเดินออกมาทางผู้โดยสารขาเดข้าพร้อมกับรถเข็ญการะเป๋าใบโตถึงสามใบ  เธอมาในเสื้อผ้าที่เก๋ไก๋และแปลกตาไปมากจากเดิมมาก จากหญิงงสาวที่เรียบร้อยตระกูลผู้ดีเก่าอย่างตระกูลกิตติพันกรที่ต้องอยู่ในระเบียบทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สาวน้อยผมยาวสลวยตั้งแต่ก่อนนั้นหายไปอยู่ที่ไหนซะแล้ว  การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แต่เพียงภายนอกเท่านั้น  แต่มันรวมถึงจิตใจของเธอที่แข็งแกร่งขึ้นมากอีกด้วย

      รัฐภูมิคนขับรถรุ่นราวคราวเดียวกันกับเมทิตามายืนรออยู่  ในมือของเค้าถือป้ายกระดาษเขียนว่า คุณแป้ง  เมื่อเมทิตาเห็นป้ายจึงเดินเข้าไปหาเค้าในทันทีเพราะเข้าใจว่าเป็นคนที่ที่บ้านส่งมารับ  การกลับมาแก้แค้นของเมทิตาครั้งนี้ดูเหมือนจะเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์แล้ว

      คุณแป้งใช่มั๊ยครับ  รัฐภูมิคนขับรถในชุดเสื้อเชิตผูกเนคไทด์เรียบร้อย

      การที่ที่เมทิตาจะเดินทางไปเมืองนอกเพื่อตั้งใจจะลืมเรื่องการเสียชีวิตของมารดาอย่างกระทันหันในอุบัติเหตุที่เธอไม่เคยเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ

      หลังจากการจากไปของคุณหญิงแม่เพียงไม่เท่าไหร่  วีรยุทธก็เที่ยวระรานกับเมทิตาอย่างเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น  ซึ่งตอนนั้นเธอเธอเพิ่งเรียนอยู๋ชั้นมอหกเท่านั้น  ซี่งการจากไปคุณแม่ได้ทิ้งมรดกทั้งหมดให้กับวีรยุทธทั้งหมด  รวมทั้งสิทธิในการดูแลเมทิตาด้วย

      จนในที่สุดเมทิตาก็ทนไม่ไหวเพราะเธอพลาดถ้าให้กับนายวีรยุธร  ซึ่งเป็นความอับอายที่จะติดตัวเธอตลอดไป  หลังจากนั้นเพียงหนึ่งอาทิตย์เธอก็จัดแจงส่งเรื่องเรียนต่อที่อังกฤษและเดินทางทันทีโดยการดูและขอลุงวินัยซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อของเธอซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเจ็ดปีก่อน  เรื่องที่เธอถูงนายวีรยุทธข่มเหงถูงต่างๆนานาเก็บเป็นความลับเรื่อยมาเพราะความอับอาย  แต่บัดนี้ความอับอายถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นที่ฝังลึกในจิตใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่มันจะไม่มีทางลบเลือนไปจากใจดวงนั้นที่เริ่มทีรอยดำเพิ่มขึ้นทุกวันด้วยความแค้น

      เราเป็นคนขับรถคนใหม่ของที่บ้านเหรอ  แล้วน้าผินทำไมไม่มารับฉันเมทิตากล่าวกับรัฐภูมิ  น้ำเสียงของเธอธรรมดาจนเกือบเป็นคนใจดีไม่เปรี้ยวจี๊ดเหมือนการแต่งตัวของเธอแม้แต่น้อย

      น้าผินแกเสียไปตั้งแต่ปีที่แล้วครับรัฐภูมิกล่าวน้ำเสียงธรรมดาแล้วก็มองหน้าของหญิงสาวที่มีท่าสลดใจอยู่เหมือนกัน  เค้ามองหน้าเธออยู่ครู่เดียวก็หันมาเข็ญรถกระเป๋า

      แล้วเราเข้ามาทำงานนานแล้วเหรอเมทิตาพูดเมื่อรถออกมาติดอยู่กลางถนนที่อากาศค่อนข้างร้อน

      ไม่นานหรอกครับ  ผมไม่ได้อยู่ประจำเดี๋ยวนี้คนขับรถดีดีน่ะหาอยากครับคุณผมจะมาก็เป็นครั้งคราวที่ป้ายุพินเค้าเรียกใช้เท่านั้นแหละครับ  นี่พอส่งคุณเสร็จแล้วผมก็มีงานต่อเลย  รัฐภูมิตอบพลางมองหญิงสาวที่ถอดเสื้อตัวนอกออกเผยให้เห็นลำคอและต้นแขนขาวผ่านทางกระจกส่องหลัง

      เรานี่คุยดีเหมือนกัน  มาเป็นคนขับรถให้ฉันเอามั๊ย  ฉันจ่ายเยอะนะ  เพราะหลังจากนี้ของทุกอย่างที่เป็นของกิตติพันกรจะกลับมาเป็นของฉันเหมือนเดิม  ฉันต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆเมทิตาพูดพลางมองออกไปด้านนอกมองถึงความเบียดเสียดของเมืองใหญ่อบ่างหงุดหงิดใจ

      คุยมาต้องนาน  เรายังไม่บอกฉันเลยว่าเราชื่ออะไร  เมทิตาหันกลับมามองไปที่กระจกส่องหลังให้นายรัฐภูมิเจ้าใจว่าเธอกำลังพูดอยู่กับเค้า

      ผมชื่อ  เออ ถวิลครับ  เรียกหวินเฉยๆก็ได้ผมไม่ถือ  รัฐภูมิตอบทำสีหน้าซื่อจนหญิงสาวถึงกับหัวเราะขึ้นมาถึงชื่อที่แสนโบราณของชายหนุ่มคนขับรถ

      อย่าโกรธชั้นเลยนะ  มันขำจริงๆ  เมทิตาพูดทั้งๆที่หัวเราะอยู่

      ดีจังเลยนะครับที่แค่ชื่อของผมก็ทำให้คุณหัวเราะได้  รัฐภูมิกล่าว

       

      เมื่อขับรถมาถึงที่บ้านป้ายุพินก็เดินออกมมารับเมทิตา  เธอสวมกอดป้ายุพินแน่น  รัฐภูมิเอากระเป๋าสามใบลงจากรถ  ป้ายุพิณส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างสนิทสนม

      ป้ายุครับผมต้องไปก่อนนะครับ  รัฐภูมิกล่าวก่อนจะขับรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์7 สีบลอนออกไป

      เป็นหลานป้ายุเหรอคะ  เมทิตาถามป้ายุพินเมื่อรถชายหนุ่มคนขับรถลับตาไป

      ค่ะ หลานป้าเองมาจากนครศรีฯป้ายุพิณยิ้มก่อนจะเรียกเด็กในบ้านมายกกระเป๋าของเมทิตาเข้าไปในห้องของเมทิตาเองที่ป้ายุพิณตกแต่งคงสภาพเดิมไว้ทุกอย่าง

       

      เมทิตาเก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นแล้วรวบขมวดผมเอาไว้เผยให้เห็นต้นคอที่ยาวสลวยกับเรียวขาที่เรียวขาวเธอเดินลงมาที่ครัวเหมือนเคยที่เธอมักชอบมานั่งเล่นช่วยป้ายุพินทำอาหารตั้งแต่เด็กๆแล้ว

      มีอะไรให้ทานบ้างคะป้ายุพิณ  เมทิตาพูดพลางนั่งลงข้างๆป้ายุพิณที่กำลังตำน้ำพริกปลาทูของโปรดของเมทิตาอยู่  เมทิตาไม่รอช้าที่จะดึงเอามาตำเอง  แต่เมื่อได้ยินเสียงรถของใครบางคนเข้ามาเธอจึงหยุดตำแล้วถามป้ายุพิณ

      รถคุณผู้หญิงกับคุณหนูอ้นค่ะ  ป้ายุพินกล่าวพลางมองดวงตากลมของสาวน้อยที่มีแววสงสัยถึงชื่อสองชื่อที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

      คุณผู้หญิงไหนคะ  เมทิตาย้ำคำ

      คุณวีรยุทธฌค้าแต่งงานใหม่หลังจากที่คุณไปได้ไม่ถึงสามเดือนดีเลยค่ะ  แล้วคุณหนูอ้นก็เป็นลูกของคุณผู้หญิงอรนุชกับคุณวีรยุทธ  เสียงแจ๋วของคิมอัมภา  สาวใช้ลูกสาวของป้าเบียบที่อายุอ่อนกว่าเมทิตาสองปีซึ่งกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหงปีสองกล่าวพลางมานั่งข้างเมทิตาอย่างดีใจ

      โฮ้โหยายคิม โตเป็นสาวแล้วฉันเกือบจำไม่ได้เลย  เมทิตาสวมกอดหญิงสาวผิวคล้ำตาคมในชุดนักศึกษาซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ

      คุณแป้งก็เหมือนกัน  ดูสิสวย สวยมากเลยผมเป็นหลอดเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บีของคุณแป้งเลย  คิมอำภาหัวเราะแล้วจับเส้นผมหลอดที่รวบเอาไว้อย่างง่ายๆอย่างพึงพอใจ

       

      ที่โต๊ะอาหารคุณอรนุชเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับหนูอ้นวัยสามขวบเศษที่กำลังน่ารัก  เมื่อมานั่งรอที่โต๊ะอาหารเธอก็ยิ้มถามคิมอัมภาเมื่อเห็นจัดโต๊ะอาหารสี่ที่

      วันนี้คุณท๊อปจะมาทานข้าวด้วยเหรอคิม  คุณอรนุชกล่าว  ซึ่งหมายถึงคุณรัฐภูมิลูกชายของนายวีรยุทธที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาและไม่เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้  และไม่ยอมไปทำงานที่บริษัทอีกด้วย

      ไม่ใช่หรอกค่ะคุณผู้หญิง  คุณแป้งเธอกลับมาจากอังกฤษเมื่อกลางวันค่ะ  คิมอัมภาพูกพลางยิ้มที่มุมปากมองปากที่เบะของคุณอรนุชที่มีท่าทางไม่พอใจขึ้นมาเล็กๆ

      ขณะที่นายวีรยุทธกลับเข้ามาพอดี  ไหนตาอ้นมาให้พ่อหอมแก้มหน่อยสิลูก  นายวีรยุทธเรียกหนูอ้นให้เข้ามาหาแล้วหอมแก้มกันชุดใหญ่

      อ้าวนายท็อปจะมาทานข้าวด้วยเหรอจัดเอาไว้ตั้ง4”  นายวียุทธมองหน้าภรรยา  แต่เธอยังไม่ทันตอบเมทิตาในชุดกางเกงขาสั้นชุดเดิมกับตอนเย็นก็เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารจนนายวีรยุทธมองยิ้มอย่างดีใจ

      หนูแป้ง  กลับมาเมื่อไหร่ไม่เห็นบอกอา  มามาทานข้าว  อาคิดถึงหนูแป้งจริงๆ  นายวีรยุทธวิ่งเข้ามาโอบเอวหญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้ติดกับตนเอง  เมทิตามองหน้าคุณอรนุชพลางนิ้มที่มุมปากใส่ทำให้เธอไม่พอใจยิ่งขึ้น  บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างตึงเครียดเมื่อท่าทางนายวีรยุทธดูจะสนใจเมทิตาเอาแบบออกหน้าออกตาเอามากๆ  เช่นเดียวกับที่เมทิตาก็ตักอาหารให้กับนายวีรยุทธอย่างไม่สนใจว่ามีคุณอรนุชนั่งอยู่ด้วย  ไม่นานคุณอรนุชก็ทนไม่ไหวขอตัวออกจากโต๊ะอาหาร  โดยที่หนูอ้นวิ่งตามไปติดๆ

       

      คุณแป้งมีแผนทำอะไรคะทำเป็นเล่นหูเล่นตากับคุณท่าน  ดูคุณผู้หญิงไม่พอใจเอามากๆ  คิมอัมภากล่าวเมื่อเข้ามานอนกับเมทิตาตามคำชวน เพราะปกติก่อนที่เมทิตาจะไปเรียนที่อังกฤษคิมอัมภาก็ชอบมานอนด้วยอยู่แล้ว

      นี่มันบ้านฉันนะคิม  ฉันจะทำอะไรก็ได้

      แต่มันก็เป็นสิทธิของคุณแป้งอยู่แล้วตอนนี้คุณก็บรรลุนิติภาวะแล้วด้วยไม่เห็นคุณจะต้องทำอไร  คุณก็แสดงตัวต่อทนายความว่าคุณกลับมาแล้วและคุณก็พร้อมที่จะดูแลทุกอย่างที่เป็นของคุณแล้วด้วย  คิมอัมภากล่าวอย่างคนมีความรู้เพราะเธอกำลังเรียนนิติศาสตร์อยู่

      ถ้าเอากันง่ายๆก็ไม่ใช่นายวีรยุทธน่ะสิคิม มันมีเรื่องอะไรอีกหลายเรื่องที่ลึกไปกว่านั้นไว้สักวันเธอจะเข้าใจว่าฉันกำลังจะทำอะไรต่อไป  เมทิตากล่าวด้วยสายตาที่เครียดแค้นกับชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของเธอ

      คุณแป้งจะทำอะไรต้องห่วงตัวเองมากๆนะคะ  ยังไงหนูก็อยู่ข้างคุณแป้งอยู่แล้ว  คิมอำภากล่าวพลางดึงมือของเมทิตามากุมแน่น 

      ทั้งสองนอนคุยเล่นกันจนดึกเพราะจากกันไปนานมีเรื่องคุยเรื่องเล่าให้ฟังมากมาย  เกี่ยวกับเรื่องในบ้าน  เรื่องประเทศอังกฤษที่เมทิตาไปใช้ชีวิตอยู่  เรื่องที่มหาวิทยาลัยของคิมอำภา  และเหตุการหลายอย่างที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่เมทิตาอยู่ที่อังกฤษ  รวมทั้งเรื่องลูกชายของนายวีรยุทย์ที่ชื่อรัฐภูมิที่เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อปลายปีก่อนที่คิมอำภาเรียกอย่างสนิทสนมว่าคุณท๊อป  และยังสาธยายว่าเค้าเป็นคนนิสัยดี  เป็นกันเอง  และที่สำคัญยังรูปหล่อมากอีกด้วย

      ป้ายุพินคะ   คิมไปไหนคะ  เมทิตาเดินมาที่สวนหลังบ้านในชุดกางเกงยีนขายาวเข้ารูปกับเสื้อแขนยืดคอกลมแขนสั้นทรงทันสมัยมาหา  ป้ายุพินที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่

      วันนี้เค้าบอกว่าเค้าต้องไปทำงานบ้านเพื่อนน่ะค่ะค่ำๆถึงจะกลับ

      แย่จังเลยค่ะนึกว่าวันอาทิตย์คิมจะอยู่บ้านว่าจะชวนไปข้างนอกซื้อของใช้เล็กๆน้อยๆหน่อย  เออป้ามีเบอร์โทรศัพท์นายถวิลหรือเปล่าคะ  เมทิตากำลังหมายถึงนายรัฐภูมิที่มาส่งเธอเมื่อวันที่กลับจากอังกฤษ  ป้ายุพินเงียบเล็กน้อยอย่างใช้ความคิดก่อนที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ของนายรัฐภูมิตามที่เมทิตาขอ

      เมทิตาเดินเข้าไปใช้โทรศัพท์บ้านโทรไปหานายรัฐภูมิที่เธอเข้าใจว่าเป็นนายถวิลคนขับรถหลายชายของป้ายุพินอย่างที่เค้าบอกเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรก

      สวัสดีครับ  รัฐภูมิรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงียเต็มทีเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ตามปกติแล้วเค้าจะนอนยาวจนเกือบเที่ยง  ที่สำคัญเมื่อคืนเค้าเพิ่งเคลียร์งานไตรมาสแรกของบริษัทเสร็จเรียบร้อยกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี 4 แล้ว

      นายถวิลเหรอ  นี่ฉันเองนะ  เสียงใสที่ปลายสายทำให้ชายหนุ่มตาเบิกโพลง  เพราะมีอยู่คนเดียวที่เค้าบอกให้เรียกว่านายถวิลคือเมทิตา

      ฉันน่ะใครล่ะครับ  รัฐภูมิลุกขึ้นนั่งพลางสลัดผ้าห่มลุกขึ้นเปิดม่านหน้าต่างคอนโด  ซึ่งเค้าอยู่บนชั้นยี่สิบสามของอาคาร  แสงสว่างแทงเข้าตาจนเค้าต้องหยีตาเล็ก  ก่อนที่จะปรับแสงได้ในเวลาเพียงครู่

      คับ  คุณแป้งจะให้ไปรับกี่โมงครับ  อะไรนะครับตอนนี้  กว่าผมจะไปถึงคงอีกเกือบชั่งโมงครับ  ได้ครับ  อีกหนึ่งชั่วโมงผมไปถึงบ้านคุณแป้งแน่นอนครับ  เออคุณแป้งช่วยมายืนรอผมหน้าบ้านเลยได้หรือเปล่าครับ  คือผมไม่อยากเข้าไปข้างในป้ายุพิณชอบเรียกผมเข้าไปทานอะไรก่อนมันจะช้านะครับ  ครับแค่นี้นะครับสวัสดีครับ

      รัฐภูมิรับปากหญิงสาวก็รีบอาบน้ำแต่งตัวธรรมดาแค่เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีแดงกับกางเกงยีนสีซีดเท่านั้น  ไม่ถึงชั่วโมงเค้าก็มาถึงที่หน้าบ้านตระกูลกิตติพันกร  เมทิตายืนรอเค้าอยู่แล้วทั้งๆทีอากาศร้อนมาก  แต่เธอก็ยังมายืนรอตามคำขอของรัฐภูมิ  ทำให้เค้าคิดว่าเมทิตาไม่ใช่คนที่เรื่องมากอย่างที่เค้าเจ้าสมจในตอนแรกๆ  เมื่อรถจอดเธอวิ่งไปเปิดประตูด้านข้างคนขับด้วยตัวเอง  แทนที่จะรอให้รัฐภูมิเปิดประตูด้านหลังให้

      รัฐภูมิยิ้มเมื่อหญิงสาวเข้ามานั่งข้างๆ

      สวัสดีครับคุณแป้ง

      วันนี้วันอาทิตย์แท้ๆคงเป็นวันพักผ่อนของเราน่ะสิ  ฉันขอโทษทีนะที่รบกวน  เมทิตาแสดงความขอโทษที่รบกวนเวลาวันว่างของชายหนุ่มหลังจากที่ดูจากการแต่งตัวไม่ได้อยู่ในชุดผูกไทด์เหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรก

      ส่งฉันที่ห้างใกล้ๆก็แล้วกัน  รู้สึกเกรงใจจริงๆ  เมทิตากล่าว

      ไม่ต้องหรอกครับ  ผมมาส่งคุณผมก็ได้เงินใช้  นี่มันงานพิเศษผมนะครับ  รัฐภูมิกล่าว

      งานพิเศษ  แล้วปกติเราทำงานอะไร  สีหน้าของเมทิตามีแววสงสัยขึ้น

      ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ  เป็นพนักงานธรรมดาเงินเดือนน้อยก็หางานพิเศษทำ

      งานธรรมดา  ไม่น่าธรรมดานะ  มีรถบีเอ็มรุ่นใหม่ขับเนี่ย

      ไม่หรอกคุณ  พอดีมีเพื่อนรวย  มันซื้อเงินสดแล้วก็ให้ผมทำผ่อนเท่านั้นเอง  ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นหรอก  ว่าแต่คุณจะไปซื้ออะไรบ้างล่ะผมจะได้พาไปถูก  รัฐภูมิยิ้ม

      ก็ของใช้ส่วนตัว  แล้วก็อยากหาอะไรอร่อยๆทานหน่อย  ไปอยู่ที่โน่นนาน  อาหารก็ไม่คอยถูกปากเท่าไหร่

      แล้วคุณไปอยู่ทำไมไกลบ้านจะตาย  สาขาบริหารที่คุณเรียนเมืองไทยก็เยอะแยะให้เลือกได้ทั่ว 

      เมทิตาเงียบมองหน้ารัฐภูมิ 

      นี่เรารู้เรื่องของฉันเยอะจังเลยนะ  เมทิตายิ้ม

      ป้ายุพิณแกชอบพูดถึงคุณ  แกบอกว่าเหงาตอนที่คุณไม่อยู่  แต่ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอกครับ ก็เล็กๆน้อยๆ

      ทั้งคู่คุยกันหลายเรื่อง  รัฐภูมิถามเรื่องราวต่างๆของเมทิตาเธอก็เต็มใจเล่าเพราะเห็นเป็นหลานของป้ายุพิณเธอจึงเห็นว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้  ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแถวบางกะปิ

      เมทิตาก้าวลงจากรถแล้วส่งเงินให้กับรัฐภูมิ1000บาท  แต่เค้ากลับยิ้มแล้วเดินลงไปจากรถ

      ปิดประตูสิครับคุณผมจะล็อครถ

      รัฐภูมิยิ้ม  สรุปว่าเค้าอาสาที่เป็นสารถีให้กับเมทิตาในวันนี้ 

      เมทิตาซื้อของไม่มากนัก  ส่วนมากก็จะเป็นพวกของใช้ที่จำเป็นเสียมากกว่า  เมทิตาเป็นคนเลือกของเก่ง  เธอใช่เวลาไม่มากนักในการเลือกของ  และเธอก็ใช้ของราคาไม่แพง  ถึงแม้ว่าเธอจะมีเงินมากมายก่ายกองก็ตาม  เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่เมทิตาก็เลือกของเสร็จเรียบร้อย 

      ที่นี่มีอะไรอร่อยๆทานหรือเปล่านายหวิน  มื้อนี้ฉันเลื้ยงเราก็แล้วกัน

      เมทิตายิ้มเมื่อหันมาเห็นของที่รัฐภูมิถือมีหลายถุง

      หาอะไรเบาๆทานหน่อยเดียวดีมั๊ยครับ  แล้วผมจะพาไปหาอะไรทานข้างนอกที่บรรยากาศดีๆ

      ก็ดีเหมือนกัน 

      เมทิตานั่งรอรัฐภูมิเพียงครู่เค้าก็เดินกลับมาพร้อมแมคโดนัลสองชุดสำหรับตัวเค้าเองแล้วก็เมทิตา  และทั้งสองก็พากันออกมาจากห้างสรรพสินค้า  รัฐภูมิขับรถขึ้นทางด่วนออกมาอีกฝั่งหนึ่งของกรุงเทพฯ  เมทิตาคุยจ้อยอยู่เพียงพักเดียวก็เผลอหลับไป 

      เวลาเกือบสองชั่วโมงเมทิตาตื่นขึ้นมามองออกไปนอกกระจกรถก็ยิ้ม  นึกว่าจะพามาขายซะแล้วนะเนี่ย  เธอทำเสียงล้อเล่นกับรัฐภูมิ

      ก็ว่าจะขายเหมือนกันแหละครับ  แต่เสียดายเก็บเอาไว้เองดีกว่า  รัฐภูมิกล่าวเหมือนไม่ได้คิดอะไร  แต่ทำให้เมทิตาถึงกับหน้าแดงไม่หันกลับมานั่งตรงๆพักใหญ่

      ที่นี่มีร้านอร่อยเยอะครับ  เวลาว่างๆผมชอบมานั่งเล่น  รัฐภูมิพูดเมื่อเลี้ยวเข้ามาที่ร้านอาหารที่อยู่ติดริมชายหาด 

      ทั้งคู่เดินเข้ามาด้านในซึ่งเป็นเวลาเกือบบ่ายสองแล้ว  ภายในร้านประดับตกแต่งอย่างง่ายๆ  แต่บรรยากาศดีเอามากๆ  ทั้งคู่เลือกนั่งที่โต๊ะด้านในสุดที่มองเห็นทะเลได้ชัดเจน

      รัฐภูมิสั่งอาหารกับพนักงานที่ดูจะยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างเป็นกันเอง 

      ดูท่าเราจะมาที่นี่บ่อยสิพนักงานยิ้มเชียว 

      ชายหนุ่มยิ้มไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแต่มองไปที่ชายฝั่งอย่างสบายใจ

      น่าเสียดายมาไม่บอกกันอย่างนี้ไม่ได้เตรียมตัวมาเล่นน้ำซะด้วย

      เมทิตาพูดลอยๆ

      อาหารมาเสริฟอย่างไม่รอช้า  ซี่งมีอาหารเพียงสองสามอย่างที่รัฐภูมิ  แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นอาหารโปรดของหญิงสาวไปเสียทุกอย่าง  อาหารมื้อนั้นทั้งคู่คุยเรื่องราวต่างๆไปเรื่อยเปื่อย  แต่รัฐภูมิไม่เคยพูดหรือเล่าเรื่องส่วนตัวของเค้าให้เมทิตาฟังเลย  เว้นแต่เรื่องเล่าสนุกสนุกทั่วไป

      เมื่อทานอาหารเรียบร้อยทั้งคู่ก็มานั่งคุยกันอยู่ที่ชายหาด  ซึ่งถึงแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันแต่ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้ากันได้ดีคุยกันได้หลายเรื่องแล้วชอบอะไรที่คล้ายๆกัน  ชอบดูหนัง  วาดภาพ  แล้วก็สะสมโปสการ์ด

      ก่อนกลับทั้งคู่แวะเดินเล่นที่ตลาดตอนเย็นสักครู่  เมทิตาหยิบข้อมือเปลือกหอยสีครีมออกมุกๆขึ้นมาดู  ท่าทางเธอพอใจมันมาก แล้วก็วางมันลง

      ไม่เอาเหรอครับมันเหมาะกับคุณนะผมว่ารัฐภูมิพูด

      ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์ลงมาจากบนรถยังไม่เอาหรอก  เดี๋ยวคราวหน้าถ้ามาอีกค่อยซื้อก็ได้เมทิตาพูดแล้วก็หันไปหยิบชิ้นอื่นดูไปเรื่อยๆ 

      เมื่อเมทิตาสนใจชิ้นอื่นรัฐภูมิก็หยิบเอาข้อมือเปลือกหอยอันนั้นขึ้นมาดู  เค้าก็ชอบมันมากเช่นกันเค้าจึงจัดการซื้อมันเสียเลย

       

      ในที่สุดรัฐภูมิก็พาเมทิตามาส่งที่หน้าบ้านเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม  ก่อนที่เมทิตาจะลงจากรถ  เธอไม่ลืมที่จะจ่ายค่าจ้างขับรถให้กับเธอในวันนี้เป็นเงิน 3000 บาท  รัฐภูมิรับเงินเอาไว้แล้วส่งข้อมือเปลือกหอยที่เมทิตาสนใจเมื่อเย็นให้กับเธอ  เมทิตารับไว้พลางยิ้มให้กับเค้าอย่างไม่มีความหมายอะไร

      รัฐภูมิขับรถออกไป  แต่ภายในบ้านมีใครคนหนึ่งที่ไม่เป็นอันกินอาหารเย็นเพราะห่วงว่าเมทิตาออกไปไหนกับใคร  นั่นก็คือนายวีรยุทธที่เต้นเป็นเจ้าเข้าเมื่อรู้ว่าเมทิตาไม่อยู่บ้านในวันนี้  ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนวันเดียวของเค้าทั้งอาทิตย์  และมันก็เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เค้ารอคอยมานานตั่งแต่รู้ว่าเมทิตากลับมา  ความเปลี่ยนแปลงในการกลับมาในครั้งนี้ของหญิงสาววัยยี่สิบสองปีที่ยังเป็นสาวรุ่นที่กำลังเบ่งบานดุจดอกไม้แรกแย้ม

      หนูแป้งไปไหนมาจ๊ะอาเป็นห่วงแทบแย่  นายวีรยุทธเดินเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเธอตามเคยเหมือนกับทุกวันตั้งแต่วันที่เธอกลับมา

      ไปซื้อของมาค่ะแล้วก็ไปทานข้าวกับเพื่อนค่ะ  เมทิตากล่าวพลางส่งยิ้มให้กับพ่อเลี้ยงที่มีท่าทางหลงไหลในตัวเธอเอามากๆต่อหน้าภรรยาที่นั่งขบเขี้ยวมองสามีอย่างขุ่นเคื่อง  ซึ่งท่าทางอย่างนี้ยิ่งทำให้เมทิตารู้สึกมีความสุขมากเมื่อเริ่มเห็นความแตกร้าวของครอบครัวนายวีรยุทธตัวรายที่ทำลายชีวิตเธอจนไม่เหลือชิ้นดี

      อ้าวกลับมาแล้วคุณก็มาทานข้าวซักทีสิคุณวี  อรนุชกล่าวพลางมองเมทิตาด้วยสายตาที่ส่อแววเกลียดชังอย่างปิดไม่มิด

      นี่รอแป้งเหรอคะ  ขอโทษทีนะคะ  แป้งยังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์เลยไม่ได้โทรกลับมาบอกว่าจะไม่กลับมาทาน  เมทิตากล่าวพลางแสยะยิ้มใส่อรนุชแล้วยิ้มให้กับวีรยุทธอย่างเปิดเผย  คุณอาไม่โกรธแป้งนะคะที่ไม่ได้บอกก่อน  ขอตัวก่อนนะคะเมทิตาพูดจยก็ยิ้มหวานให้กับนายวีรยุทธอีกครั้งแล้วทำท่ายักคิ้วให้กับอรนุชก่อนที่จะเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่สนใจใคร

       

      วันนี้คิมอำภาไม่ได้มานอนกับเมทิตาเช่นทุกวันตั้งแต่เธอกลับมา  ซึ่งก็ทำให้เสือแก่อย่างนายวีรยุทธมีโอกาสที่จะเข้ามาใกล้ๆกับเมทิตามากกว่าทุกวัน 

      เกือบเที่ยงคืนแล้ว  เมทิตายังไม่นอนเธอจับข้อมือสานเปลือกหอยมองไปมองมาแล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียวหน้าโต๊ะเครื่องแป้งจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น  เมทิตารู้แน่ว่าเป็นนายวีรยุทธที่หาโอกาสมาหลายคืนแล้วแต่ไม่มีโอกาสซักครั้งเพราะว่าคิมอำภามานอนเป็นเพื่อนเธอทุกวัน  และเธอก็ระวังตัวเอาไว้ดีที่ช็อตไฟฟ้าอยู่ที่ใต้หมอนเรียบร้อย

      คนกำลังอารมณ์ดีมาทำให้อารมณ์เสียอีกแล้ว  เมทิตารำพันกับตนเองก่อนที่จะวางข้องมือสานเปลือกหอยที่รัฐภูมิซื้อให้เมื่อเย็นบนโต๊ะเครื่องแป้ง  แล้วเดินไปเปิดประตู

      ไม่ทันที่เธอจะตั้งตัวร่างของนายวีนยุทธก็โถมเข้าใส่เธออย่างสุดแรงจนเธอล้มลงกับพื้นและเค้าก็พยายามซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอราวกับคนบ้า  เมทิตาพยายามตั้งสติแล้วดันร่างของนายวีรยุทธออกไป

      อย่าใจร้อนสิคะคุณอา  วันนี้แป้งขอพักก่อนนะคะไปนั่งรถเล่นกับเพื่อนมาทั้งวันเมื่อยจะตาย  เมทิตาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบแต่เหมือนกับมันจะไม่ได้ผลเพราะเค้ากลับอุ้มร่างของหญิงสาวไปบนเตียงนุ่มของเธอเองเมทิตานอนนิ่งไม่ตอบสนองอะไรเลยเพียงครู่เดียวนายวีรยุทธก็นิ่งแล้วนั่งมองหน้าเมทิตา

      แป้งบอกแล้วไงคะว่าเหนื่อยอยากพักผ่อน  อย่าทำอย่างนี้ดีกว่าค่ะดูสิคะคุณอารีบเข้ามาห้องเลยไม่ได้ปิดเลย  เมทิตากล่าวยิ้มๆเมื่อที่ประตูห้องมีคุณอรนุชยืนนิ่งในท่าทางที่โมโหสุดขีดพร้อมที่จะกรีดร้องออกมาในเวลานั้นเลยเชียว

      ว้าวอาผู้หญิงเลยมาเห็นเลยสิคะ  คุณอาไม่น่าใจร้อนเลยเห็นมั๊ยทำอะไรไม่รู้จักระวังตัว  เมทิตาเดินลงจากเตียงมาหาคุณอรนุช  คุณอาอย่าไปโกรธคุณอาวีเลยนะคะ  แป้งไม่ถือสาหรอกค่ะ  คราวหน้าแป้งจะปิดห้องให้ดีก็แล้วกันนะคะ  เมทิตายิ้มก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียคืนนี้ก็ไม่ได้นอนแน่ๆ

      แล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดเอาไว้  เช้าวันนั้นที่โต๊ะอาหารไม่มีวี่แววของคุณอรนุชและหนูอ้นมาทานอาหารเช้า  ที่ใบหน้าของนายวีรยุทธก็มีรอยเชียวช้ำสองสามที่แห่ง

      ว้าว  หน้าคุณอาไปโดนอะไรมาคะเขียวเชียว  เมทิตาแกล้งถามทั้งที่รู้ดีว่าเมื่อคืนนายวีรยุทธทะเลาะกันอย่างรุนแรง  จนตอนเช้าคุณอรนุชตัดสินใจออกไปจากบ้าน  เธอตักข้าวต้มเข้าปากพลางอมยิ้มอย่างสะใจ

      หนูแป้งจะเข้าทำงานที่บริษัทหรือเปล่า  ถ้าจะทำมาเป็นเลขาให้อาก็ดีนะ

      ไม่ดีกว่าค่ะ  จะทำทำไมให้เหนื่อยล่ะคะทำไปทั้งที่ไม่ใช่ของแป้งซักหน่อย  สู้ไปเที่ยวแต่งตัวสวยๆยังไงคุณอาก็มีหน้าที่ดูแลแป้งไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว  นี่โชคดีที่แป้งไปบอกทนายให้ขอคุณอาให้นะคะเนี่ยว่าแป้งอยากไปเรียนเมืองนอกไม่งั๊นสี่ปีนี้คุณอต้องเหนื่อยไหนจะต้องดูแลแป้งอย่างใกล้ชิด  ไหนจะต้องสานงานที่บริษัทแทนคุณแม่  น่าเหนื่อยแล้วก็ปวดหัวมากด้วย  แป้งไม่ทำหรอกค่ะเครียดมากเดี๋ยวแก่  เมทิตาพูดให้แทงใจนายวีรยุทธเล่นๆก่อนที่จะผละออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างสะใจอีกครั้ง

       

      หลายวันผ่านไปที่บนตึกใหญ่มีเพียงแค่เมทิตากับนายวีรยุทธ  แต่โชคดีที่คิมอำภามาอยู่เป็นเพื่อนทุกคืนทำให้เธอปลอดภัยจากนายวีรยุทธมาได้

      ฮัลโหลครับ  รัฐภูมิรับโทรศัพท์ขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่กับนายวีรยุทธที่ร้านอาหารแถวสีลมคุยเรื่องที่อรนุชออกไปจากบ้าน

      นายถวิลเหรอ  เพียงได้ยินเสียงนิดเดียวรัฐภูมิก็จำได้ทันทีว่าเป็นเมทิตาเค้าจึงของตัวจากโต๊ะอาหารออกไปด้านนอก

      คุณแป้งเหรอครับ  มีอะไรให้รับใช้ครับ  รัฐภูมิยิ้มอย่างเก็บอาการไม่อยู่เพราะเค้าก็คอยโทรศัพท์จากเธอมาหลายวันหลังจากที่จากกันในค่ำวันนั้น

      ไม่มีอะไรหรอก  นี่เบอร์ฉันนะโทรมาบอกเฉยๆไม่มีอะไร 

      เออ คุณแป้งว่างมั๊ยครับเย็นนี้  รัฐภูมิพูดอย่างอายๆ

      ทำไมเรานี่จะให้ฉันเลี้ยงข้าวอีกเหรอ

      คราวนี้ผมเลี้ยงคุณแป็งก็ได้นะ  แต่คงร้านไม่หรูมาก  เลี้ยงแบบติดดินได้หรือเปล่า  รัฐภูมิยิ้ม

      นี่เราเห็นฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ  เออเรื่องข้อมือสานเปลือกหอยขอบใจมากนะ

      ไม่ต้องขอบใจอะไรหรอกครับ  เป็นการคืนกำไรให้ลูกค้า  รัฐภูมิหัวเราะเช่นเดียวกับที่ปลายสายหัวเราะเช่นกัน  เอาเป็นว่าเย็นนี้ห้าโมงผมไปรับคุณแป้งที่หน้าบ้านเหมือนเดิมนะครับ

      เป็นอันว่าเมทิตาตกลงคำเชิญของรัฐภูมิอย่างเต็มใจ  และคำตอบตกลงก็ทำให้ชายหนุ่มดีใจจนไม่อยากกลับเข้าออฟฟิศอีกเลย 

       

      เวลาที่รัฐภูมิรอคอยมาถึง  เค้าเลทเล็กน้อยกว่าจะมาถึงที่บ้านกิตติพันกร เมทิตารออยู่ที่เดิมในชุดกางเกงยีนขายาวแบบเข้ารูปกับเสื้อแขนยาวคอปาดตัวหลวมจั๊มที่เอว  วันนี้ไม่เหมือนกับเมื่ออาทิตย์ก่อน รัฐภูมิรีบวิ่งไปเปิดประตูรถให้กับเมทิตาแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้กับเธอ  ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบเค้าเช่นกัน

      รัฐภูมิพาเมทิตามาเดินเล่นแถวถนนข้าวสารซึ่งเป็นถนนที่มีอะไรแปลกๆแล้วก็อาหารหลายประเภท  ตกค่ำแถวนี้จะพลุกพล่านไปด้วยผู้คนหลายเชื้อชาติหลายภาษาที่ต่างมาชุมนุมกันเดินผ่านกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย

      เป็นไงครับกินแบบติดดินไง  รัฐภูมิพูดเมื่อส่งขวดน้ำพลาสติกให้กับเมทิตาที่ใช้ตะเกียบที่ทำจากไม้ซี่เล็กๆที่ใช้สำหรับเสียบลูกชิ้นอย่างไม่ค่อยถนัดมือ  พอคีบจะถึงปากทีไรมันก็หล่นใส่จานโฟมทุกทีจนรัฐภูมิหัวเราะร่า  ก่อนที่จะคีบของตนเองป้อนใส่ปากของเมทิตาที่อ้าปากรับอย่างไม่คิดรังเกียจ

      สนุกดีแต่กินยากไปหน่อย  เมทิตาหัวเราะทั้งที่ผัดไทยังเต็มปากอยู่  อ้าวอ้าปากสินายถวิล  เมทิตาพูดพลางคีบผัดไนในจานโฟมของตนเองจะป้อนใส่ปากให้กับรัฐภูมิ  แต่พอเค้าจะอ้าปากมันกลับร่วงใส่ขากางเกงยีนสีซีดที่มีรอยขาดเล็กๆของรัฐภูมิเอง  ทั้งสองหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

      ผมว่าผมหาอะไรง่ายๆให้คุณแป้งกินดีกว่า  รัฐภูมิดึงเมทิตาให้ลุกขึ้นยืนแล้วก็ไม่ปล่อยอีก  เค้าจูงมือเธอเดินมาเรื่อยๆทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันเลยจนเดินมาถึงร้านขายน้ำเต้าหู้เต้าฮวยที่อาแปะคนหนึ่งขายอยู่ 

      กินน้ำขิงดีกว่านะ  ดีต่อสุขภาพด้วย  รัฐภูมิยิ้มเมื่อหันไปเห็นที่ข้อมือซ้านของเมทิตาที่พันแขนเสื้อขึ้นสวมข้อมือเปลือกหอยสานที่เค้าซื้อให้เมื่อตอนไปเทียวบางแสนครั้งก่อน  เมื่อเห็นสายตาของรัฐภูมิจ้องที่ข้อมือเปลือกหอยสานเธอก็ดีงมืออีกข้างทีเค้ากุมออกมาดึงแขนเสื้อลง

      ขอหวานๆหน่อยนะคะ  เมทิตาทำทีเป็นสั่งน้ำขิงกับอาแป้ะแก้เขินแล้วก็มองไปทางอื่น

      เมื่อได้น้ำขิงแล้วทั้งคู่ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆมองดูแสงสีของถนนข้าวสารในค่ำคืนที่มันพลุกพล่านอย่างที่เป็นอยู่ทุกๆคืน

      รัฐภูมิส่งเมทิตาที่ประตูหน้าบ้านเหมือนครั้งก่อน 

      คุณแป้งครับ  เออ  ดูแลตัวเองด้วยนะครับ  ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมเลยนะรัฐภูมิยิ้มเมื่อเดินมาเปิดประตูรถให้กับ เมทิตา

      ขอบใจมากนะ  คืนนี้สนุกมากจริงๆ  เมทิตายิ้มแล้วก็เดินลงจากรถ  แต่ก่อนที่จะก้าวต่อรัฐภูมิก็ดึงแขนเธอเอาไว้

      ขอบคุณมากนะครับที่ใส่มัน  ความหมายที่รัฐภูมิพูดก็คือข้อมือเปลือกหอยสานนั่นเอง  ผมจะคิดถึงคุณ 

      เมทิตาดึงมือกลับแล้วก็เดินเข้าบ้านด้วยอาการเขินๆ  เธอเดินเข้ามายังไม่ทันถึงตัวตึกเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

      คุณแป้งครับ  ถึงห้องหรือยัง  เสียงที่ปลายสายเป็นเสียงของรัฐภูมิทำให้เมทิตาถึงกับยิ้มเพราะเพิ่งจากกันราวหนึ่งนาทีก่อน

      มีอะไรอีกเมทิตายิ้มขันในการกระทำของรัฐภูมิ

      กลัวคุณแป้งเหงา กว่าจะถึงห้องนอนคงนานผมจะคุยเป็นเพื่อนก็แล้วกัน

      ตามใจ

      เมทิตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินมาจนถึงตัวตึก  ซึ่งไฟด้านล่างยังเปิดสว่างอยู่  เธอไม่ได้เอะใจอะไรเดินเข้าไปเปิดไฟในห้องโดยไม่ต้องดูว่าอยู่ตรงไหนเมื่อเธอปิดประตูแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนเธอก็ต้องเบิกตาโตเมื่อนายวีรยุทธเดินไปล็อคประตู  เค้าเข้ามารอเธอในห้องตั้งแต่แรกก่อนที่เมทิตาจะกลับมา ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรนายวีรยุทธด้ต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเมทิตาจนเธอล้มตัวงอไปกองกับพื้น

      ท่าทางของนายวีรยุทธเป็นคนที่กำลังเมาแล้วไร้สติแท้ๆ  เค้าพยายามเดินเข้ามาจใกล้ตัวเมทิตาแล้วติ่บเข้าที่ท้องน้อย  เธอนอนนิ่งน้ำตาไหลพรากไม่มีเสียงออกมาจากปากเพราะการจู่โจมของนายวีรยุทธครั้งนี้เธอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน

      คุณแป้ง อยู่หรือเปล่าครับ  รัฐภูมิเบรกรถเมื่อเสียงของเมทิตาเงียบไป 

      วีรยุทธผลักร่างของเมทิตา  ท่าทางของเค้าราวกับคนบ้าตัณหาไม่มีวันจบสิ้น  เมทิตาพยายามตั้งหลักลุกขึ้น  แต่ขาของเธออ่อนแรงลงแล้วเพราะวีรยุทธปล่อนหมัดเข้าใส่ที่หน้าท้องของเธอเต็มแรงอีกครั้งจนเธอนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนที่นอน

      รัฐภูมิบีบแตรรถหลายครั้ง  นายสมปองคนรถวิ่งมาเปิดประตูให้กับรัฐภูมิ  ท่าทางของนายสมปองแปลกใจมากกับการมาของรัฐภูมิเพราะดึกๆดื่นๆเค้าไม่เคยเข้ามาที่นี่  เช่นเดียวกับป้ายุพิณและคิมอำภาที่วิ่งออกมารับรัฐภูมิ

      คุณท็อปมีธุระอะไรคะมาเสียดึกเชียว  ป้ายุพิณถามไม่ทันจะจบรัฐภูมิก็วิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่อธิบายอะไร  ตามติดด้วยคิมอำภา 

      ห้องคุณแป้งอยู่ฝั่งไหน  รัฐภูมิหันมาถามคิมอำภา

      ซ้ายค่ะ  คิมอำภาตอบพลางวิ่งนำมาหยุดที่หน้าห้องของเมทิตา

      รัฐภูมิรีบบิดลูกบิด  เป็นอย่างที่เค้าคิดจริงๆ  ในห้องไม่มีเสียงอะไรเลย  ไปเอากุญแจสำรองมา  รัฐภูมิตะคอกใส่หน้าคิมอำภาจนเธองง

      คุณท่านเก็บกุญแจไว้เองค่ะ  คิมอำภาตอบ  รัฐภูมิมีเหงื่อไหลออกมาตามใบหน้าไหลไปตามสันจมูกเค้าตัดสินใจถีบประตูในทันที  แต่มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออกให้  คิมอำภาวิ่งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับลุงสมปองที่ถือขวานเข้ามา  รัฐภูมิดึงขวานสับเข้าที่ลูกบิดจนขาดออก  แล้วถีบประตูเข้าไปด้านใน

      ภาพที่เค้าเห็นคือเมทิตาที่นอนไร้สติอยู่ด้านล่างของเตียงกับนายวีรยุทธที่กำลังนั่งที่ข้างเตียงพร้อมกับเหล้าแก้วโต  รัฐภูมิดึงแก้วเหล้าออกจากมือผู้พ่อแล้วปาลงกับพื้น  ความศรัทธาในตัวบิดาของเค้าหมดลงในทันทีที่เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้  เค้าเอาผ้าห่มห่อร่างที่ไม่ได้สติของเมทิตาออกมา  แต่นายวีรยุทธกลับรั้งแขนของเค้าเอาไว้

      พ่อ  พอซักที ไหนพ่อบอกผมว่าเราจะคืนทุกอย่างให้กับเธอเมื่อเธอกลับมา  ทุกอย่างพ่อหลอกกัน  หลอกกันทั้งหมด  รัฐภูมิวางร่างของเมทิตาลงกับเตียงแล้วหันมาคุยกับบิดาอย่างเป็นกิจลักษณะ

                      แกเงียบไปเลยเจ้าท็อป  หนูแป้งเป็นเมียพ่อ  แกเข้าใจหรือเปล่า  นายวีรยุทธยิ้มเหลือบไปมองร่างไร้สติของเมทิตาพลางหัวเราะ

      พ่อทำอย่างนี้ได้ไง  เธอเป็นลูกคุณพ่อเหมือนกัน  รัฐภูมิพูดมองหน้าผู้เป็นพ่อตนเองอย่างผิดหวัง  เช่นเดียวกับที่ทุกคนในบ้านตกตะลึง  เรื่องนี้ใช่มั๊ยทำให้แป้งต้องไปอยู่ลอนดอน  พ่อทำได้ไง  พ่อยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า

      ที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อแกคนเดียว  แต่แกไม่เคยสนใจในสิ่งที่พ่อทำให้กับแก

      พ่อเลิกพูดเถอะ  พ่อทำร้ายแป้งเพื่อผมเหรอ  พ่อทำได้ไง  ทุกสิ่งทุกอย่างผมไม่ต้องการ  ผมบอกพ่อเสมอว่าผมไม่เคยต้องการ  รัฐภูมิพูดจบเค้าก็หันไปอุ้มร่างของเมทิตาเดินออกมาจากห้อง 

      คุณแป้งเป็นอย่างไรบ้างคะคุณท็อป  ป้ายุพิณเดินดักหน้าถามรัฐภูมิด้วยความเป็นห่วงและสงสารในชะตากรรมของหญิงสาว

      ผมจัดการดูแลแป้งเอง  ฝากดูพ่อด้วยนะครับป้าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะแวะเข้ามา

       

      รัฐภูมิพาเมทิตามาที่คอนโดของตนเอง  เมทิตายังไม่รู้สึกตัวเลย  เมื่อวางเมทิตาลงบนโซฟาเค้าก็จัดแจงหาผ้ามาจัดแจงเช็ดตัวให้กับเธอ

      แป้งรัฐภูมิกระซิบเบาพลางจับแขนที่เขียวช้ำเป็นรอยมือของผู้เป็นพ่อของตนเองทำให้เค้ายิ่งรู้สึกผิด  เค้ามองดูใบหน้าของเมทิตาในความเงียบเมื่อสามชั่วโมงก่อนใยหน้านี้ยังมีรอยยิ้มที่ไม่อาจลืมปรากฏขึ้นอยู่  ขณะที่เค้าคิดอะไรเพลินๆอยู่กับเรื่องราวที่โถมเข้ามาในชีวิตของเธอที่เค้ารับรู้เรื่อยมาอย่างเงียบๆที่ทำให้เค้าเดินทางไปจากอเมริกาไปอังกฤษบ่อยๆเพื่อแอบดูเมทิตาในอิริยาบทต่างๆแล้วถ่ายภาพเก็บมาทุกครั้งเพราะเค้ารู้สึกหลงรักใบหน้าที่หมองเศร้าตั้งแต่แรกเห็นเมื่องานศพของคุณแม่ของเธอเมื่อเกือบห้าปีก่อน แต่เค้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวของเธอจะเลวร้ายมากขนาดนี้  เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นแสนสาหัสเหลือเกินสำหรับเด็กสาวอายุเท่านี้  

      แป้ง  พี่ขอโทษ  รัฐภูมิเสยผมของเมทิตาขึ้น น้ำตาของเค้ารินคลอที่ตาทั้งสองข้างอย่างไม่อาจหยุดเอาไว้ได้  แป้ง  พี่รักแป้งนะ  แล้วพี่จะเป็นคนปกป้องแป้งเอง  พี่สัญญา  เค้ากุมมือเธอแน่น  น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม

      เสียงโทรศัพท์มือถือของเค้าดังขึ้น

      คุณท็อปคะ  คุณท่านรถคว่ำตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลธนบุรีค่ะ  เสียงของคิมอำภาสั่น  รัฐภูมิยืนนิ่ง เค้าปาดน้ำตาก่อนจะห่มผ้าให้กับเมทิตาก่อนที่จะออกไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ

       

      อาการเป็นไงบ้างครับหมอ  รัฐภูมิมาถึงโรงพยาบาลนั่งรอเกือบสามชั่วโมงแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดก็ออกมา

      อาการไม่ดีครับ  สมองและกระดูกสันหลังได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก  หมอต้องรอดูอาการก่อนนะครับ  หนึ่งในสามของทีมแพทย์กล่าวกับรัฐภูมิด้วยสีหน้าลำบากใจ

       

      เมทิตาลืมตาขึ้นพบว่ามีคิมอำภานั่งอยู่ข้างๆ

      ตื่นแล้วเหรอคะ  คิมอำภายิ้มแตสีหน้าของเมทิตายังมีอาการหวาดผวาอยู่คิมอำภาจึงดึงเธอเข้ามากอดแน่น

      โชคดีที่คุณท็อปเข้ามาช่วยคุณไว้ทัน  คุณไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ  คิมอำภาปลอบเมทิตา  ทานโจ๊กหน่อยดีกว่าค่ะ  รอแป๊บนึงนะคะ 

      เมื่อคิมอำภาผละไปตักโจ๊กให้  เมทิตาก็มองไปรอบๆห้องซึ่งบนผนังด้านหนึ่งมีรูปของใครคนหนึ่งติดอยู่มากมาย  เธอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ  อย่างแคลงใจ  เพราะผู้หญิงในรูปมากมายที่ติดอยู่บนผนังเหล่านั้นล้วนเป็นรูปของเธอเองเมื่อครั้งที่อยู่ที่ลอนดอนในอิริยาต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นท่าเดิน  ท่านั่ง  ด้านหลัง ด้านข้างมุมใกล้มุมไกล  แม้กระทั่งภาพที่เธออ้าปากรับประทานอาหารก็ยังมี  ยิ่งทำให้เมทิตายิ่งคิดว่าใครที่ตามติดเธอขนาดนี้

      นี่ห้องใครเมทิตาพูดทั้งที่ไม่ยอมละสายตาจากรูปบนผนังนั้น

      ห้องคุณท๊อปค่ะ  มีอะไรเหรอคะ  คิมอำภาพูดแล้วก็วิ่งมายืนคู่กับเมทิตา  ซึ่งทำให้เธอถึงกับตะลึง

      คุณท๊อปเธอเป็นคนแปลกๆไม่เหมือนคุณท่านหรอกค่ะ  เธอเป็นคนชอบวาดรูป  ชอบดูหนัง  อารมณ์ดีเอามากๆ  แล้วเค้าก็ชอบมาคุยกับป้ายุพิณบ่อยๆด้วย  คิมอำภาพูดอย่างชื่นชมในตัวของรัฐภูมิ

      ขนาดคุณท่านรถคว่ำตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล  เธอยังเป็นห่วงคุณแป้งบอกให้คิมมาดูแลคุณที่นี่

      เมทิตาเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยทีท่าที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่านายท๊อปคือใครกัน  ทำไมถึงตามเธอและช่วยเหลือเธอจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อคืน  แล้วอุบัติเหตุของนายวีรยุทธที่คิมอำภาพูดถึง ซึ่งเธอแอบดีใจเล็กๆที่คำอธิษฐานของเธอเป็นความจริงขึ้นมาได้  แต่เมื่อเธอหันไปที่โต๊ะเล็กด้านข้างโซฟาก็ถึงกับนิ่ง เพราะรูปของนายถวิลที่เธอรู้จักตั้งอยู่  ถ้าทางของเค้าเหมือนกับนายถวิลไม่มีผิดเพี้ยน  ซึ่งมันทำให้เธอเข้าใจว่าเธอโดนหลอกให้เชื่อเสียสนิทใจกับความดีจอมปลอมที่เค้าหลอกป้อนให้กับเธอ  ซึ่งมันทำลายความหวังในใจของเธออย่างมหาศาล  ลำคอของเมทิตาแห้งผากไม่อาจจะกลั้นเสียงพูดออกมาได้  เธอมองหน้าคิมอำภาด้วยสายตาที่พร่ามัวก่อนที่จะหายใจลึกๆ

      เราไปจากที่นี่กันเถอะเมทิตาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้อง  ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซำว่าตนเองยืนอยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ

       

      ในที่สุดเมทิตาก็มาถึงโรงพยาบาลธนบุรีหกชั่งโมงการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแต่ยังต้องรอดูอาการ  เมทิตายืนมองรัฐภูมิที่นั่งก้มหน้าเอามือกุมขมับ  รัฐภูมิหันมามองหน้าเธอนิ่งๆก่อนที่จะก้มกลับไปอย่างเดิม  ตอนนี้เค้าไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะมาอธิบายอะไร  เพราะนายวีรยุทธถึงจะเลวร้ายแค่ไหนก็ยังเป็นพ่อของตนที่ลูกต้องดูแลจัดการเพื่อตอบแทนคุณ

      หลังจากการตรวจวินิจฉัยออกมาว่านายวีรยุทธเป็นอัมพาตและเป็นผู้ไม่สามารถดูแลตนเองได้  ทางทนายจึงจัดการทรัพย์สินทุกอย่างให้กับทายาท  เพราะที่เหลือคือรัฐภูมิและเมทิตา 

      คุณทนายครับผมขอทำเรื่องยกทรัพย์สินทุกอย่างให้กับคุณเมทิตาครับ  คุณก็รู้ว่าความจริงทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเธอ  รัฐภูมิพูดเมื่อเดินตามทนายออกมาจากห้องที่มีเมทิตานั่งอยู่ด้วยเมื่อครู่

      แต่คุณก็มีส่วนเพราะคุณวีรยุทธเป็นพ่อของคุณ  และได้จดทะเบียนสมรสกับคุณเก็จมณีคุณแม่ของคุณเมทิตา

      ทำตามที่ผมบอกเถอะ  ผมจะไปแล้วคุณอย่ารั้งผมด้วยวิธีนี้เลยผมรู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ของผมผมไม่ควรรับ

      ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าคุณมาหาผม

      ขอเป็นพรุ่งนี้เช้าเลยได้มั๊ยครับ  ตอนบ่ายผมจะไปอเมริกาแล้ว ถือว่าผมขอร้อง  รัฐภูมิกล่าว  ซึ่งทนายก็รับปากเรื่องสัญญาที่จะรีบร่างให้เสร็จภายในพรุ่งนี้

      เมทิตาเดินออกมาพร้อมกับคิมอำภา  เธอไม่มองรัฐภูมิแม้แต่ชายตาทำให้เค้ายิ่งวกวนอยู่ในวังวนของความเศร้าที่โถมเข้าใส่พร้อมกันในเวลาเดียว

       

      ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหลังจากวันนั้น  เมทิตาได้รับมรดกทั้งหมดในส่วนของรัฐภูมิรวมถึงรถบีเอ็มดับเบิลยูที่เธอยังใช้ถึงทุกวันนี้เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้ว 

       

       

      คุณแป้งคะมาทางนี้เร็ว  คิมอำภาวิ่งมาลากแขนเมทิตาที่พากันเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนที่อังกฤษ

      วิวตรงนี้สวยมากอยากถ่ายรูปกับคุณแป้งจังเลยค่ะ 

      มาเดี๋ยวฉันถ่ายให้  เมทิตาดึงกล้องมาจากมือของคิมอำภา

      อยากถ่ายกับคุณแป้งนี่  เดี๋ยวนะ  คิมอำภาวิ่งไปขอให้ชาวสเปนคนหนึ่งมาช่วยถ่ายรูปให้กับเธอแต่ชายคนนั้นไม่อาจพูดภาษาอังกฤษได้  ในขณะที่เธองงอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งสวมแว่นตากับหมวกเดินเข้ามาคุยกับนายสเปนคนนั้นเล็กน้อย

      ผมถ่ายให้ก็ได้ครับคุณ  ชายคนนั้นกล่าวเป็นภาษาไทยแล้วเดินตามคิมอำภามาตรงที่เมทิตายืนรออยู่  คิมอำภาไม่รอช้าที่จะยืนในท่าที่เก็กน่ารักตามสไตล์เธอ  ส่วนเมทิตาเพียงแค่ยืนยิ้มธรรมดาเท่านั้น

      ชายไทยที่มาถ่ายรูปให้สองสาวไม่ได้ใช้เพียงกล้องของสองสาวถ่ายเท่านั้น  เค้ากลับใช้กล้องของตนเองซูมเข้าที่เมทิตาเพียงคนเดียว  เมื่อถ่ายเสร็จคิมอำภาวิ่งมารับกล้องคืนพร้อมกับกล่าวขอบคุณ  ชายคนนั้นพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังเดินไป 

      เป็นคนไทยค่ะท่าทางใจดีมากๆ  เมื่อกี๊คิมเจอคนประเทศอะไรไม่รู้คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องดีที่ได้พี่เค้ามาช่วย  คิมอำภาคุยแจ้ว  แต่เมทิตากลับนิ่งคิด  ไม่ได้สนใจฟังคำพูดของคิมอำภาแม้แต่น้อย  เธอวิ่งออกไปข้างหน้าตามชายผู้นั้นไปติดๆ  เมื่อมาถึงหัวมุมถนนเธอถึงกับเข่าอ่อนเมื่อไม่เห็นร่างของเค้า  เมทิตาเข่าอ่อนเหมือนกับเพิ่งทำสิ่งที่ตนเองตามหาหลุดมือไป  น้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมาจนไม่อาจกลั้นท่ามกลางผู้คนต่างแดนที่เดินสวนไปมา  ที่อังกฤษถึงแม้ว่าเธอจะเคยอยู่มาก่อน  แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสถานที่ที่ว้าเหว่ที่สุดที่เธอเคยอยู่

      ที่นี่หาผัดไทกับนำขิงกินยากจริงๆ  เสียงของชายหนุ่มที่คุ้นหูถึงแม้ว่าเธอจะได้ยินไม่บ่อยนักแต่มันยังคงสะท้อนในห้วงความเหงาของเธอตลอดเวลาที่เหงา  เมทิตาหันกลับไปตามเสียงที่ได้ยิน   แล้วครั้งนี้ก็เป็นไปตามที่เธอหวังว่าเธอจะได้พบเค้าอีกซักครั้ง  รอยยิ้มทะเล้นเดิมๆของเค้าปรากฎขึ้นพร้อมกับแขนที่อ้ารอรับเธออยู่แค่เอื้อมเท่านั้น 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×