ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #8 : C H A P T E R 07 : องครักษ์ของโอฟีเรีย

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 62


    C H A P T E R 07

    องครักษ์ของโอฟีเรีย

     

              วันนี้โอฟีเรียไม่ได้นั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องของตัวเองเหมือนทุกวัน เพราะว่าไฮรอสนั้นพาเธอมายังสนามฝึกราชองครักษ์หลวงที่ตั้งอยู่ทางท้ายวัง ภาพของเด็กหนุ่มไปจนถึงชายหนุ่มในชุดเกราะยกดาบขึ้นฟาดฟันกันนั้นเป็นอะไรที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเธอได้เป็นอย่างดี

     

                โอฟีเรียที่เกาะแขนของพ่ออยู่ข้างหนึ่งมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น ประดายวิบวับของโลหะที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์และเสียงกระทบกันยามที่ดาบสองเล่มปะทะกันก้องอยู่ภายในหูของเธอ เส้นประสาทตัวร่างคล้ายจะสั่นสะท้านขึ้นมา

     

                เธอแย้มริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นกระหน่ำ คล้ายจะเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา

     

                อยากจะลองฝึกดาบเหลือเกิน!

     

                เมื่อก่อนโอฟีเรียเคยมีความฝันอยู่อย่างหนึ่งคือการฝึกดาบ หรือศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นแขนงหนึ่งที่ถูกเรียกว่า เคนโด้เธอมีความชื่นชอบในการใช้ดาบอยู่เป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะเห็นว่าเท่ห์ระเบิด จึงอยากจะลองฝึกกับเขาดูสักครั้ง

     

                แต่ความฝันนั้นก็ต้องพับเก็บลงหีบไปเพราะปัญหาทางบ้าน สุดท้ายแล้วเธอก็ลืมเลือนมันไปในที่สุด

     

                ไฮรอสก้มลงมองบุตรสาวที่มองเหล่าองครักษ์ฝึกด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับก็ให้รู้สึกเอ็นดูนัก เผ่าพันธุ์ยักษ์แต่เดิมก็เป็นนักสู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะชายหรือหญิงมักจะมีความชื่นชอบในด้านการใช้กำลังมากเป็นพิเศษ ตอนแรกเขาก็กังวลเกี่ยวกับบุตรสาวของตนเหมือนกันว่าเธอแลดูนิ่งผิดกับสายเลือด แต่พอได้เห็นโอฟีเรียมองการฝึกตาเป็นประกายเช่นนี้ก็วางใจได้

     

                ยักษ์อย่างไรก็คือยักษ์ ต่อให้สงบเสงี่ยมแต่ก็ยังเป็นนักสู้!

     

                สนใจเหรอคะ โอฟีเรีย

     

                เธอเงยหน้ามองบิดา พยักหน้ารับทั้งสายยิ้ม ค่ะ หนูอยากลองฝึกดาบบ้าง!”

     

                ได้สิคะ แต่เอาไว้วันหลังนะคะ วันนี้คุณพ่อพาลูกมาเลือกองครักษ์ค่ะไฮรอสหัวเราะเบาๆ แล้วลูบหัวบุตรสาวสองสามครั้งด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะบอกจุดประสงค์ในการมาเยือนสนามฝึกขององครักษ์ในครั้งนี้ โอฟีเรียได้ยินแล้วก็หน้าฟีบลงทันที

     

                โธ่ ไอ้เรารึก็นึกว่าจะให้มาเรียนดาบกับพวกทหาร...น่าเสียดาย

     

                โอฟีเรียไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าที่ไฮรอสพาเธอมาเลือกองครักษ์ในครั้งนี้เพราะนึกเคืองเคืองเจ้าพวกคนตระกูลวินสตันที่บังอาจทิ้งบุตรสาวของเขาเอาไว้ตามลำพังทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ต่อให้เป็นพระราชวังหลวงที่การคุ้มครองแน่นหนามากก็ตาม แต่เจ้าพวกน่าตายเหล่านั้นกลับกล้าปล่อยโอฟีเรียเอาไว้ แม้อยากจะจับพวกนั้นมาเชือดทิ้งให้หมดแต่ก็ทำไม่ได้ อย่างไรตระกูลวินสตันก็รับใช้ประเทศมาหลายรุ่นแล้ว เพียงแต่ว่ารุ่นนี้เหมือนสมองจะมีน้อยเกินไปสักนิด

     

                ไม่รู้ว่าหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนคิดอะไรอยู่ ถึงได้ยอมให้งูเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างโคฮาร์ทขึ้นมาเป็นหัวหน้าตระกูลได้ สงสัยคงโดนเจ้าหมอนี่วางยาจนตาบอดทั้งสองข้างเป็นแน่แท้เชียว

     

                ไฮรอสไม่ได้ลงโทษอะไรพวกตระกูลวินสตันมากมายนัก เพียงแค่ค้านทุกโครงการที่เจ้าหมอนั่นเสนอมาในที่ประชุม เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นโครงการไร้ประโยชน์แถมยังดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ด้วย ทำแค่นี้เจ้าหมอนั่นก็ลำบากแล้ว เพราะใครที่สายตายังดีอยู่...ดูอย่างไรก็รู้ว่าตระกูลวินสตันถูกพระราชาหมางเมินไปเสียแล้ว

     

                ไฮรอสถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งพอคิดถึงเจ้างูแก่นั่น เขาล่ะเกลียดใบหน้ากระหายอำนาจของมันจริงๆ!

     

                โอฟีเรียมองพ่อที่เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหน้าบึ้งด้วยความงุนงง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเขามากไปกว่าภาพการฝึกเบื้องหน้า

     

                แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกดาบได้อย่างที่คาดหวัง แต่เพราะไฮรอสพูดแล้วว่าเอาไว้ครั้งหน้า เธอจึงยังมีหวังอยู่

     

                ถวายพระพรองค์ราชาและองค์หญิง เสด็จมาถึงที่นี่มีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพะย่ะค่ะ? ไฮรอสละสายตาจากลูกสาวตัวน้อยมองไปยังร่างสูงที่วิ่งตรงเข้ามาก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพ ชายหนุ่มยิ้มให้กับหัวหน้าองครักษ์คนสนิทแล้วกล่าวว่า

     

                ไม่ต้องมากพิธีหรอกไรเซล พอดีวันนี้เราพาโอฟีเรียมาเลือกองครักษ์

     

                โอฟีเรียมองคนที่ชื่อไรเซลตาค้าง เขาเป็นองครักษ์คนเดียวกันกับที่เธอเคยเห็นตอนไปคฤหาสน์วินสตันเมื่อวันก่อน เธอก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ที่แท้...เขาคือพ่อบุญธรรมของคาลอส องครักษ์ของโอฟีเรีย!

     

                โอ้ มาย ก็อด!

     

                จะไม่ให้ตกใจขนาดนี้ได้ยังไงกัน คนที่อยู่เบื้องหลังการตลบแผนของโอฟีเรียก็คือเขาคนนี้!

     

                ท่านพ่อพาเธอมาเจอตัวเป้งเข้าให้แล้ว

     

                คิดแล้วองค์หญิงน้อยก็อยากจะม้วนหัวหลบหลังไฮรอสนัก สายตาที่จ้องมองมาที่เธอพาลให้รู้สึกคล้ายถูกจ้องจะจับผิด ถ้าไม่ติดภาพลักษณ์ขององค์หญิงที่แขวนเอาไว้บนหน้า โอฟีเรียคงจะกระโดดเหยงไปแอบหลังบิดาแล้ว

     

                ความจริงแล้วที่ไรเซลมองโอฟีเรียขนาดนั้นจนอีกฝ่ายคิดไปไกลไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมาก เขาเพียงแค่ชอบเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่จนใจที่ตัวไม่มีภรรยา สุดท้ายจึงรับบุตรชายบุญธรรมมาสืบทอดตระกูลคนหนึ่งเท่านั้น

     

                โอฟีเรียเป็นองค์หญิงหนึ่งเดียวของประเทศ พระราชาของเขาหวงแม่นางน้อยยิ่งกว่าพยัคฆ์แม่ลูกอ่อนเสียอีก คงอยากจะจับตัวบุตรสาวซุกอกอยู่ตลอดเวลาหากจะทำได้ กระทั่งสายตาที่ส่งให้เขาก็แฝงความไม่พอใจมาด้วย

     

                ไรเซลกะพริบตา รู้สึกสงสารราชบุตรเขยในใจ

     

                ไม่รู้ว่าบุรุษคนไหนจะได้เป็นราชบุตรเขย แต่กว่าจะได้เพชรยอดมงกุฎไปครอง คงต้องเหนื่อยจนเหงื่อไหลออกมากลายเป็นสายเลือด

     

                เช่นนั้นเชิญองค์หญิงทรงเลือกผู้ที่ถูกใจพะย่ะค่ะไรเซลค้อมกายให้โอฟีเรียหลังจากที่ยืนมองหน้าเธออยู่เกือบห้านาที เด็กหญิงจึงได้สติขึ้นมา รีบครี่ยิ้มตอบ

     

                เราเลือกได้เลยหรือ

     

                พะย่ะค่ะ ที่นี่ทหารองครักษ์ทุกนายล้วนมีฝีมือเก่งกาจ แต่หากองค์หญิงต้องการ...กระหม่อมสามารถจัดการประลองเพื่อให้ท่านเลือกได้พะย่ะค่ะเป็นอย่างที่ไรเซลกล่าวออกมาทุกคำ ทหารองครักษ์ที่นี่ถูกฝึกมาให้เป็นเกราะกำบังสำหรับเชื้อพระวงศ์ การฝึกฝนจึงหนักหน่วงเป็นอย่างมาก คนที่จะอยู่ที่นี่ต่อได้จะต้องเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดเท่านั้น

     

                เจ้าไปจัดเตรียมลานประลองเถอะ เราจะช่วยลูกเลือกองครักษ์ เป็นไฮรอสที่ตอบ ไรเซลมองหน้านายเหนือหัวแล้วโค้งศีรษะ เดินไปตะโกนบอกให้เหล่าทหารที่ซ้อมกันอยู่ไปเตรียมตั้งแถวเพื่อรับคัดเลือกเป็นองครักษ์ขององค์หญิง มีนายทหารหลายคนที่มองมาทางนี้ เพียงแต่สบกับดวงตาสีเขียวมรกตคู่โตได้เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็พากันหลบอย่างพร้อมเพรียง

     

                รอยยิ้มบนใบหน้าโอฟีเรียแข็งค้างขึ้นมา ไม่รู้ว่าหน้าตาของเธอน่ากลัวมากหรืออย่างไร พวกเขาถึงได้พากันหลบเสียพรึ่บพรับขนาดนั้น

     

                พวกเขาไม่รู้เสียแล้วว่าโอฟีเรียเป็นยักษ์ที่หน้าตาที่ดีมาก ถ้าได้เห็นยักษ์ในจิตนาการของมนุษย์ในโลกเก่าของเธอ พวกเขาจะรู้ว่าเธอน่ะสวยกว่าร้อยเท่าพันเท่า!

     

                ใช้เวลาไปเพียงไม่เท่าไหร่ ไรเซลก็เดินมาบอกราชากับองค์หญิงของประเทศว่าทุกอย่างได้ถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว โอฟีเรียและไฮรอสนั่งอยู่บนพื้นยกสูงทำให้มองเห็นการประลองได้อย่างชัดเจน ทหารองครักษ์คู่แล้วคู่เล่าประลองกันอย่างดุเดือด แต่ยังไม่มีใครถูกใจโอฟีเรียเลยสักคน

     

                ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เก่ง แต่มันรู้สึกว่าไม่ใช่อ่ะ...

     

                โดยเฉพาะเจ้าหัวหลิ่มที่ทำหน้าประหนึ่งจะถูกเธอเลือกแน่นอนตรงนั้น หมอนั่นเป็นคนที่เก่งมากเลยล่ะ เก่งขนาดที่ไฮรอสเอ่ยชมไปสองสามคำ แต่โอฟีเรียกลับรู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างแรง อาจจะเพราะว่าสายตาเจ้าชู้กรุ่มกริ่มที่ส่งมาให้เป็นระยะนั่นไง!

     

                โอฟีเรียไม่โอเคอย่างแรง!

     

                พอหันไปมองบิดาผู้หวงลูกสาวขนาดหนักอย่างไฮรอสก็เห็นว่าเขาเพียงแค่อมยิ้มแล้วก้มลงมาออดอ้อนเธอเล็กน้อย ไม่ได้มีแววขุ่นเคืองอะไรเลยสักนิด ไม่รู้ว่าไปถูกใจอะไรเจ้าหัวหลิ่มนั่นกันแน่!

     

                องค์หญิงถูกใจผู้ใดบ้างมั้ยพะย่ะค่ะไรเซลที่ยืนอยู่ด้านข้างไฮรอสเอ่ยถามด้วยใบหน้าราบเรียบ โอฟีเรียไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ก็สายหน้าตอบกลับไป

     

                ไม่มีใครเข้าตาเราเลยเสียงที่พูดออกไปไม่เบาเท่าไหร่นัก คาดว่าเจ้าหัวหลิ่มนั่นต้องได้ยินแน่ รอยยิ้มบนใบหน้าถึงได้เฝื่อนลงขนาดนั้น

     

                หนูไม่ถูกใจใครเลยเหรอคะ แต่คุณพ่อว่าคนนั้นก็ดีนะไฮรอสอมยิ้มแล้วชี้ไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท้ายสุด โอฟีเรียมองไม่ค่อยชัดเพราะว่าผู้ชายคนนั้นยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ เห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ชี้ฟูไม่เป็นระเบียบ

     

                ไรเซลมองตามนิ้วชี้ของราชาแล้วก็ลอบยิ้ม ก้มลงเอ่ยกับนายของตนว่า

     

                เขาเป็นคนที่มีฝีมือมากที่สุดในหน่วยตอนนี้แล้วพะย่ะค่ะ หากแต่นิสัย...ไฮรอสได้ยินคำว่า มีฝีมือก็คลายลืมเลือนประโยคต่อมาของหัวหน้าองครักษ์จนหมด ชายหนุ่มฉีกรอยยิ้ม รีบเอ่ยปากว่า

     

                เราเลือกเขา คนที่มีฝีมือก็ควรจะมาปกป้องโอฟีเรียของเรา

     

                โอฟีเรียหน้าเหวอ ท่านพ่อบอกว่าพาเธอมาเลือกองครักษ์ แต่นี่เด็กหญิงยังไม่ทันได้ถูกใจใครคุณพ่อผู้หวงลูกสาวก็ตัดสินใจไปก่อนเสียแล้ว แบบนี้จะลากเธอออกมาด้วยทำไมเนี่ย!

     

                โอฟีเรียว่าไงคะ คนนี้ดีมั้ยโอฟีเรียได้แต่ยิ้ม พ่อเลือกไปแล้วเธอจะบอกปัดได้หรือ!

     

                ท่านพ่อว่ายังไง หนูก็ว่ายังงั้นแหละค่ะ

     

                ดีค่ะ ไรเซล...ไปตามชายผู้นั้นมาหาเราไฮรอสหันไปสั่งชายผมสีส้มแสด ไรเซลผู้ชินชากับนิสัยตัดสินใจเร็วปุบปับของไฮรอสแล้วก็ได้ก้มหน้ารับคำ เดินไปตามคนมาให้เขาได้ดู

     

                ไฮรอสเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาชอบคนฝีมือดี ขอเพียงแค่เป็นคนที่เก่งกาจ ไม่ว่าจะมีนิสัยเหลือรับประทานเพียงแค่ไหนอีกฝ่ายก็ยินดีรับเอาไว้ เพราะฉะนั้นพวกข้าราชการที่สนิทสนมใกล้ชิดกับพระราชาส่วนใหญ่ถึงได้เป็นเจ้าพวกประหลาดพิลึกคน ทำอะไรตามใจตัวเองตลอด เห็นที่จะปกติสุดก็คงจะเป็นคิมสัน เสนาบดีคนนั้น

     

                ไรเซลเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ตัวสูงเกือบจะเท่าเขาอยู่แล้ว เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นั่นดูเหมาะสมกับการเข้าเฝ้าราชาและองค์หญิงเลยสักนิดเดียว ดวงตาสีฟ้าสว่างฉายแววเย็นชาไร้ความสนใจต่อสิ่งรอบด้านโดยสิ้นเชิง เด็กหนุ่มค้อมกายถวายความเคารพต่อผู้สูงศักดิ์ทั้งสองด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท เขายกกายขึ้น ปัดเส้นผมด้านของตนออกลวกๆ เผยให้เห็นเขาเดี่ยวกลางหน้าผากอันเล็กนิดเดียว

     

                โอฟีเรียมองคนตรงหน้าอย่างสำรวจ คลับคลาอีกฝ่ายอยู่ในใจได้ไม่เท่าไหร่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก หัวใจเต้นเร็วประหนึ่งว่าเพิ่งจะไปวิ่งรอยพระราชวังมาสักสิบรอบ ฝ่ามือทั้งสองข้างเย็นเฉียบประดุจน้ำแข็ง

     

                ภาพความทรงจำไหลบ่าเข้ามาราวกับเขื่อนแตก เด็กหญิงหน้าซีดปากสั่น เธอนั่งเงียบกริบจนกระทั่งผู้เป็นพ่อถามยังไม่ได้ยิน

     

                เด็กหญิงจิกเล็บลงบนฝ่ามือแน่น พูดชื่อของอีกฝ่ายลอดริมฝีปากที่สั่นระริกของตัวเองออกมาแผ่วเบา หากว่าไม่เอียงหูฟังให้ดีอาจจะไม่ได้ยินก็เป็นได้

     

                คารอส...

     

                ผู้ชายที่ฆ่าเธอได้อย่างเลือดเย็น!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×