คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : C H A P T E R 06
C H A P T E R 06
องค์หญิงโอฟีเรียมองการตกแต่งของคฤหาสน์หลังนี้แล้วลอบอุทานในใจอยู่หลายครั้ง
ตระกูลวินสตันนั้นช่างเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเงินทองเสียจริงๆ
แม้ว่าการตกแต่งจะไม่ได้หรูหราหากนำวังหลวงมาเทียบ
แต่ก็คงไม่น้อยหน้าใครในชนชั้นสูงเป็นแน่
เมื่อมาถึงห้องรับแขก
พระราชาไฮรอสก็นั่งลงบนเก้าอี้ประธานอย่างไม่สนใจใครหน้าไหน
เขายกร่างของลูกสาวขึ้นบนหน้าตักโดยไม่สนใจใบหน้าที่แดงเถือกไปถึงใบหูของโอฟีเรียเลยแม้แต่น้อย
องค์หญิงยักษ์อยากจะทุบพระบิดาของตัวเองสักหลายๆ ทีนัก
ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าลูกบ้างเลย!
“เช่นนั้นกระหม่อมขอบังอาจแนะนำตัวบุตรชายของกระหม่อมพะย่ะค่ะ” โคฮาร์ทกล่าวขึ้น หัวคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความยินดี ผายมือไปยังเด็กชายเจ้าของเส้นผมสีแพลตตินั่มก่อนเป็นคนแรก
“นี่คืออาโออิ บุตรชายคนโตของกระหม่อม ส่วนด้านขวาคืออาคาริ
บุตรชายคนรองของกระหม่อม”
ไฮรอสเลิกคิ้วขึ้น เขาถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “เราได้ยินมาว่าเจ้ามีบุตรชายอีกคนหนึ่งมิใช่รึ?”
โคฮาร์ทหัวเราะเสียงแห้ง เขาไม่อยากจะนึกถึงเจ้าลูกชายจากสลัมผู้นั้นเลยสักนิด
แต่เมื่อพระราชาออกปากถามเช่นนี้ก็ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้
เขาจึงตอบพลางตีสีหน้าเป็นกังวล
“ร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง
กระหม่อมจึงให้เขาพักรักษาตัวอยู่พะย่ะค่ะ” ตีความง่ายๆ
ว่ากักบริเวณ
โอฟีเรียฟังแล้วก็ร้อง ‘อ้อ’ ในใจเสียหลายคำ
เพราะสภาพครอบครัวเป็นแบบนี้ไงเล่า
นายเอกถึงได้มาโซขนาดนั้นน่ะ
เสพติดการถูกทำร้ายขนานหนักเชียวล่ะ...
“น่าเสียดาย เราอยากเห็นหน้าเขายิ่งนัก ได้ยินว่างามล้ำอยู่หลายส่วน”
ราชาไฮรอสเองก็ยังไม่เลิกเรื่องของบุตรชายนอกสมรสของตระกูลวินสตัน
โคฮาร์ทได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงแห้งติดต่อกัน
ส่งสายตามองภรรยาที่นั่งนิ่งแล้วก็ถูฝ่ามือไปมา
เหลือบสายตามององค์หญิงบนตักราชาเป็นระยะ
เขาอยากจะถามเสียเต็มแก่แล้วสิท่า
ว่างานหมั้นจะจัดเมื่อไหร่
โอฟีเรียเข้าใจท่าทางนั้นเป็นอย่างดี
แต่ไม่พูดอะไรและนั่งทำตาใสประหนึ่งเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา
“เอ่อ ฝ่าบาท...เรื่องหมั้น”
ไฮรอสปรายตามองขุนนางใต้บัญชาของตนแล้วแทบจะบิดปากใส่
เจ้างูเฒ่าน่ารังเกียจ คิดอยากได้บุตรสาวข้าไปเป็นลูกสะใภ้รึ ฝันหวานไปเสียเถอะ!
“โอฟีเรียยังเล็กนัก คงต้องรออีกหลายปี”
ผู้นำตระกูลวินสตันหน้าแข็งค้าง
ภรรยาของเขาเองก็กำพัดในมือแน่นเสียจนขึ้นข้อ ส่วนสองพี่น้องทำเพียงนั่งนิ่งๆ
คนพี่ยิ้มอย่างไรก็ยังคงยิ้มได้อย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลาย
“นอกจากนี้ธรรมเนียมเก่าแก่คร่ำครึเช่นนี้
เราเห็นว่าควรโละทิ้งเสียดีกว่า” ราชาไฮรอสเคาะนิ้วกับที่วางแขน
ทำท่าราวกับใช้ความคิด
ทั้งที่จริงแล้วกำลังสนุกสนานกับใบหน้าเปลี่ยนสีของงูเฒ่าที่จ้องจะขโมยยักษ์น้อยของเขาตาเป็นมัน
โคฮาร์ทไม่สามารถกล่าวอันใดได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเสียงแห้งแล้วแห้งอีก
ทำใจยอมรับไม่ได้ที่ราชาตัดโอกาสก้าวหน้าของตระกูลวินสตันอย่างไม่เหลือชิ้นดี
“ท่านพ่อ หนูเมื่อยแล้ว” โอฟีเรียขยับใบหน้ากระซิบที่ข้างหูของพระบิดา
ตอนนี้เธออยากจะออกจากสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนนี้ชอบกล
แถมยังได้ยินมาว่าที่สวนดอกไม้ของตระกูลวินสตันมีต้นไม้ที่ได้ชื่อว่าออกผลเป็นทองคำอยู่
เธออยากเห็นมันเต็มแก่
“งั้นเรากลับกันดีไหมคะ
คุณพ่อจะได้แก้กฎมณเฑียรบาลปัญญาอ่อนๆ นี่ด้วย” ไฮรอสนัยน์ตาเป็นประกาย
ลูบศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู แต่โอฟีเรียกลับส่ายหน้าดิก
กระซิบข้างใบหูของผู้เป็นพ่อต่ออีกหนึ่งประโยคว่า
“ยังค่ะ หนูอยากเห็นผลสีทอง”
“ของแบบนั้นเดี๋ยวคุณพ่อหามาให้ก็ได้ค่ะ”
โคฮาร์ทมองการโต้ตอบระหว่างพ่อลูกแล้วก็ผุดความคิดขึ้นมาได้
เขาตบหลังบุตรชายคนโตของตนกับภรรยาเอกเบาๆ
แล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
“ที่สวนของกระหม่อมนั้นมีต้นไม้ที่ออกผลเป็นสีทองอยู่
หากไม่รังเกียจ...องค์หญิงอยากเห็นรึไม่พะย่ะค่ะ?”
“เราอยากเห็น” โอฟีเรียตอบรวดเร็วทันควัน
เธอรู้ว่านี่คือแผนการจับคู่ของโคฮาร์ท
แต่ด้วยใจอยากเห็นมากจึงยอมเดินลงหลุมไปเล็กน้อย
ไฮรอสมองเจ้าขุนนางตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อกี้ถ้ามันไม่สอดขึ้นมา...เขาคงกล่อมโอฟีเรียจนยอมกลับวังสำเร็จไปแล้ว
รู้มากเสียจริง!
“ถ้าเช่นนั้น...อาโออิ อาคาริ พวกเจ้าพาองค์หญิงไปดูเถิด” โคฮาร์ทตบหลังบุตรชายทั้งสองเบาๆ
ก่อนจะกระซิบข้างหูของเด็กชายผมแพลตตินั่มว่า “อย่าลืมทำตามที่พ่อบอก”
อาโออิยิ้มจนนัยน์ตาหยี เขารับคำเงียบๆ แล้วขยับกายลุกขึ้นพร้อมน้องชาย
โอฟีเรียเองก็ลงจากตักของผู้เป็นพ่ออย่างเรียบร้อย
เธอเดินไปหาฝาแฝดผมขาวแดงแล้วยกยิ้ม กล่าวด้วยอย่างเป็นมิตร “รบกวนพวกเจ้าแล้ว”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งพะย่ะค่ะ องค์หญิง” อาโออิโค้งรับคำชม
เขาผายมือไปด้านหน้าแล้วเดินตามหลังองค์หญิงน้อยออกไป
อาคาริหันกลับไปค้อมตัวให้กับราชาแห่งยักษ์ครั้งหนึ่งแล้วจึงค่อยก้าวออกไปเป็นคนสุดท้ายของขบวน
โอฟีเรียเดินไปตามทางตามที่อาโออิบอก
บนใบหน้าของเด็กหญิงประดับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ขับให้ใบหน้าดูสดใส
ในระหว่างทางอาโออิก็ชวนเธอคุยเป็นพักๆ โอฟีเรียที่ไม่ได้รู้สึกอะไรก็ตอบไปบ้างตามบทสนทนา
แม้ว่าใจจริงจะไม่ได้รู้สึกอยากจะสนิทสนมอะไรกับพวกตัวละครหลักก็ตาม
แน่นอนว่า...ถ้าเลี่ยงได้เธอก็จะเลี่ยง
อยู่ใกล้ๆ
พวกตัวละครหลักแล้วมันเสียวสันหลังวาบชอบกล
ใช้เวลาเพียงห้านาทีขบวนเล็กๆ
ขององค์หญิงโอฟีเรียก็เดินมาถึงสวนดอกไม้ตระกูลวินสตัน
ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ
ต้นไม้สูงใหญ่ใจกลางสวนเรียกสายตาของเด็กหญิงได้ดีที่สุด
ผลสีทองอิ่มของมันเปล่งประกายหยอกล้อกับแสงอาทิตย์ ดูสวยงามจับตา
นัยน์ตาสีเขียนมรกตจับจ้องไปยังผลสีทองอร่ามบนต้นไม่วางตา
ผลของมันรูปทรงคล้ายๆ กับแอปเปิ้ลภายในสวนของพระราชวัง แต่ใหญ่กว่าราวๆ
สองฝ่ามือต่อกัน โอฟีเรียยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก
หวนคิดไปถึงต้นแอปเปิ้ลทองคำในนิทานเรื่องหนึ่ง
เอ หรือว่าเป็นไข่ทองคำกันนะ?
ความจริงแล้วความทรงจำในฐานะ ‘เฟีย’ ก็เริ่มเลือนรางมากขึ้นไปทุกที
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด บางครั้งเธอเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าเด็กผู้หญิงเจ้าน้ำตาที่มักอยู่กับเธอด้วยกันตลอดเวลาคนนั้นชื่ออะไร
หรือว่าสนิทกันมากแค่ไหน
“เป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ องค์หญิง?” อาโออิถามเด็กหญิงที่ยืนเงียบมองผลสีทองใจกลางสวนด้วยรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับของเขา
เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบขยับกายขึ้นยืนใกล้กับผู้มีตำแหน่งสูงส่งรองเพียงราชันย์ของประเทศแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
“หากองค์หญิงต้องการ
กระหม่อมจะสั่งให้คนสวนนำมาถวาย ดีมั้ยพะย่ะค่ะ?”
โอฟีเรียเอียงใบหน้าหันกลับมา เด็กหญิงผลิรอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปาก
ส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า
“ให้มันอยู่เช่นนั้นน่ะดีแล้ว อยู่กับเราไปก็มีแต่เน่าเสีย”
ฉันไม่อยากได้ของจากพวกตัวเอกหรอก! เดี๋ยวอีเว้นท์ใหญ่จะงอกออกมาเหมือนดอกเห็ด!
ผลสีทองของมันดึงดูดสายตาของโอฟีเรียมากก็จริงอยู่ แต่มันก็เท่านั้นเอง
เธอไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมันมากมายเป็นพิเศษ เพียงแค่เคยได้ยินแล้วเกิดสนใจขึ้นมาเท่านั้นเอง
อาโออิได้ยินคำพูดขององค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวดังนั้นแล้วก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มดั่งเดิม
โอฟีเรียมองแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจกับใบหน้าที่ไม่ได้สามารถรับรู้อารมณ์ได้เลยของเขา
เด็กชายผู้เป็นแฝดคนพี่เห็นเจ้าหญิงละความสนใจจากผลทองคำแล้วจึงเชื้อเชิญให้เดินชมสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ต่อไป
ดอกไม้ในสวนของตระกูลวินสตันไม่ได้แตกต่างจากอุทยานหลวงในพระราชวังเท่าไหร่นัก
เพียงแต่มีการจัดการตกแต่งที่แตกต่างกัน แต่ดอกไม้ที่ปลูกก็ยังด้อยกว่าที่โอฟีเรียเห็นอยู่ไม่น้อยเลยเชียว
อาโออิลอบมองใบหน้าที่ราบเรียบของโอฟีเรียแล้วรู้สึกขัดอกขัดใจอยู่ไม่น้อย
เขาอุตส่าห์สละเวลาที่ควรจะเอาไปนั่งอ่านหนังสืออกมาต้อนรับ
พามาเดินเล่นในสวนของคฤหาสน์ที่ท่านแม่รักมากและไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่นอกจากผลทองคำแล้ว
เจ้าหญิงของประเทศก็มองทุกอย่างด้วยสายตาเฉยชาจนเขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะพาหล่อนไปเดินส่วนไหนต่อดี
อาโออิไม่ได้อยากจะออกมาต้อนรับอะไรเจ้าหญิงนี่ตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ว่าท่านพ่อของเขาสั่งขาดมาว่ายังไงก็ต้องออกมาต้อนรับ
เพราะว่าในอนาคตผู้หญิงคนนี้จะกลายเป็นคู่หมั้นของเขา หากไม่มีอะไรที่ผิดไปจากความตั้งใจของท่านพ่อ
เขาจะต้องแต่งงานกับโอฟีเรีย
เหตุผลน่ะเหรอ...?
อำนาจ และความรุ่งเรือง
ดองกับเชื้อพระวงศ์
แค่คิดก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
อาคาริเหล่สายตามองพี่ชายแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
แม้ว่าฝ่ายนั้นจะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าตาเหมือนดั่งคนมีจิตใจอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา
แต่ความจริงแล้วตอนนี้อาโออิกำลังหงุดหงิดเข้าขั้นสูงสุด
หากปล่อยอาการทิ้งไว้อีกสักพักคงได้เก๊กรอยยิ้มนั่นต่อไปไม่ไหว
เด็กชายขยับฝ่ามือแตะไหล่พี่ชายอย่างแผ่วเบา กำลังอ้าปากจะเอ่ยบอกให้ใจเย็นลงสักหน่อย แต่ก่อนที่จะได้พูด เสียงที่ดังออกมาจากพุ่มไม้ก็เรียกความสนใจของเด็กทั้งสามไปเสียก่อน
แซ่ก แซ่ก...
โอฟีเรียละสายตาที่มองดอกไม้ตรงหน้าแล้วเพ่งมองไปยังพุ่มไม้ที่สั่นไหวเบาๆ
ขนบนกายของเธอพากันลุกชันขึ้นมา เพราะว่าเพิ่งจะได้เจอเรื่องสยองขวัญอย่างเจอผีตัวเป็นๆ
มาเมื่อไม่นานนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับเสียงแปลกๆ
มันทำเอาเธอหลอนเบาๆ
เด็กชายฝาแฝดที่กำลังจะคุยกันหันไปมอง
เป็นอาคาริที่ก้าวเข้าไปเพื่อสำรวจก่อน เด็กชายขมวดคิ้วแล้วชะโงกมองผ่านพุ่มไม้ไป
ก็พบว่ามันเป็นเพียงกระรอกสีน้ำตาลตัวหนึ่งเท่านั้น
“กระรอกน่ะ...” อาคาริหันมาบอกกับพี่ชายและเจ้าหญิงที่ทำหน้าประหนึ่งเห็นผี
พอได้ยินว่าเป็นแค่กระรอกตัวหนึ่งโอฟีเรียก็มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิม
เธออมยิ้มครั้งหนึ่งบนใบหน้า ก่อนที่มันจะกลับไปราบเรียบเหมือนเดินในนาทีต่อมา
“แค่กระรอกหรอกเหรอ...?” อาโออิเลิกคิ้ว
เขารู้สึกว่าเหมือนจะเห็นเงาคนแว๊บๆ ตอนที่พุ่มไม้สั่นไหว
แต่คงจะเป็นเพียงแค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียวล่ะมั้ง...
เมดสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาสองพี่น้อง
เธอเหล่สายตามองโอฟีเรียเล็กน้อยแล้วก้มลงพูดชิดริมหูของเจ้านายผมสีแพลตตินั่ม
“ขออภัยค่ะ ท่านอาโออิ ‘เขา’ ไม่ได้อยู่ที่ห้องค่ะ”
“ผมจะไปตามเอง” อาโออิหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยินคำพูดของเมดสาว
เด็กชายหันมามองโอฟีเรียแล้วโค้งตัว “ต้องขออภัยพะย่ะค่ะ
องค์หญิง พอดีเกิดเรื่องด่วนขึ้นทำให้กระหม่อมต้องรีบไปจัดการ
กระหม่อมต้องขอตัวก่อน”
“เชิญเลย เราเองก็ควรกลับไปหาท่านพ่อแล้วเหมือนกัน” โอฟีเรียยิ้ม
ในใจกู่ร้องอย่างดีใจว่าได้หลุดพ้นจากพวกตัวเอกเสียที
อาโออิเดินไปพร้อมกับพวกเมดจำนวนหนึ่ง
อาคาริหันมาโค้งตัวให้กับโอฟีเรียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังพี่ชายไป แต่ก่อนไปก็ยังไม่แคล้วจับจ้องไปยังพุ่มไม้ที่สั่นไหวไม่เลิก
จนโอฟีเรียรู้สึกขนลุกขนพองสยองเกล้าจนไม่อยากจะอยู่แถวนี้แล้ว
ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
โอฟีเรีย เจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของประเทศถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตามลำพัง
เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาแล้วรู้สึกแปลกใจกับคนรับใช้บ้านนี้ไม่น้อย
นี่เธอเป็นถึงองค์หญิงเลยเชียวนะ ทำไมถึงได้ทิ้งกันไว้คนเดียวแบบนี้ล่ะ!
เกิดเป็นอะไรไปนี่รับผิดชอบกันไหวเหรอ!
“สะเพร่ากันจริง...” องค์หญิงน้อยบ่นอุบ
เธอก้าวเดินผ่านพุ่มไม้สยองขวัญแล้วหยุดมองเล็กน้อย
เด็กหญิงเบ้หน้าใส่เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรเลยสักอย่างเดียว
ก่อนที่เธอจะก้าวเดินต่อไปเพื่อตรงไปหาท่านพ่อสุดที่รักที่ตอนนี้คงจะดิ้นไปดิ้นมารอกลับราชวัง
แต่ก้าวออกไปได้แค่สามก้าวครึ่ง
บางอย่างก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่โอฟีเรียจะโงกหน้าไปมองเมื่อกี้
เด็กหญิงเบิกตากว้าง เบี่ยงตัวหลบแล้วแต่กลับไม่ทันการ
ร่างเงานั้นล้มทับตัวเธออย่างแรงจนแผ่นหลังกระแทกกับพื้น รู้สึกจุกไม่น้อย
“อึก...” โอฟีเรียครางออกมาเสียงแผ่ว
เธอยันมือดันร่างบนกายให้ลุกออกไป และอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ร่างนั้นรีบผุดกายลุกขึ้นแล้วถอยห่างออกไปพร้อมกับก้มหน้าหลุบตามองต่ำด้วยความสำนึกผิด
“ขอโทษนะ เจ็บมากรึเปล่า” โอฟีเรียมองฝ่ามือที่ยื่นมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ
เด็กหญิงจับมือของฝ่ายตรงข้ามแล้วยันกายลุกขึ้นตาม
อาการจุกเมื่อกี้เริ่มกลับมาสู่สภาพปกติก่อนที่จะโดนพุ่งเข้าใส่
ตอนนี้มีเพียงแค่รู้สึกแปล๊บๆ ที่แผ่นหลังเท่านั้น
“คุณ...” โอฟีเรียมองสำรวจร่างกายอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
พบว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายที่ดูแล้วน่าจะอายุไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่
เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ของเขาเต็มไปด้วยเศษใบไม้และมีกิ่งไม้เล็กๆ ปนอยู่ด้วย
ใบหน้ากลมคล้ายซาลาเปากับแก้มขาวๆ เห็นแล้วมันหยิกให้เนื้อแดง
ดวงตาสีดำเป็นประกายวิบวับหลุบต่ำไม่เงยขึ้นมองเธอสักนิดเดียว
เด็กหญิงมองหน้าเขาแล้วรู้สึกตะลึงในใจ
อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่หน้าสวยมากคนหนึ่ง หากจับไปแต่งตัวดีๆ คงจะมีผู้หญิงแห่มาชอบไม่น้อยเลยเชียว
“คุณเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์หลังนี้?”
เธอพูดขึ้นหลังจากที่เห็นชุดของเขา มันเป็นเสื้อผ้าคล้ายๆ
กับที่เธอเห็นพ่อบ้านใส่
หากแต่ว่าสีและความเก่าของมันทำเอาเด็กหญิงต้องเอียงใบหน้า
เริ่มไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมาเสียแล้วว่าเขาเป็นรับใช้
หรืออาจะเป็นลูกหลานของพวกคนรับใช้รึเปล่านะ?
เด็กชายหน้าสวยเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
ใบหน้าก็ก้มต่ำลงกว่าเดิม เขาขบริมฝีปากร่างของตัวเองจนรู้สึกถึงรสชาติของเลือดที่คลุ้งในปาก
เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คงจะไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่เห็นเขาสักเท่าไหร่หรอก
เดี๋ยวอีกสักพักหล่อนก็คงจะสบประมาทเขา
มองด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วกล่าวถ้อยคำดูถูกออกมา
หึ...พวกชนชั้นสูงมันก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอก!
“อ่า ข้อศอกของคุณมีเลือดออกด้วย กรุณามาทางนี้ก่อน” องค์หญิงยักษ์มองข้อศอกของคนตรงหน้าแล้วพบว่ามันมีเลือดไหลออกมาจนแทบจะถึงข้อมืออยู่แล้ว
เหมือนว่าแขนข้างนั้นของเขาจะถูกกิ่งไม้เกี่ยวเข้า มองเผินๆ
จากตรงนี้แล้วไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ เช็ดเลือด ล้างน้ำสักหน่อยก็คงจะพอได้อยู่
โอฟีเรียกวักมือเรียกเด็กชายที่เงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับสายตาตกตะลึงให้ไปนั่งตรงม้าไม้
พอเห็นว่าคนที่ถูกเรียกมานั่งแล้วเด็กหญิงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกอยู่ในกระเป๋ากระโปรงออกมา
มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนสีชมพูน่ารักลายลูกไม้ ที่ปลายด้านหนึ่งปักชื่อของเธอเอาไว้
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้...เป็นเมอริน
หนึ่งในพ่อบ้านของเธอทำให้
ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่แลเจ้าชู้
กะล่อน และปลิ้นปล้อน แต่เรื่องงานเย็บปักถักร้อยนี่เขาถนัดนักแล
เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นว่าเธอจะสามารถนำผ้าไปชุบน้ำได้ที่ไหนก็ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
ก้มตัวลงไปผูกผ้าเช็ดหน้าบริเวณแผลของอีกฝ่ายอย่างเบามือแล้วพูดว่า
“เราอยากล้างแผลให้คุณก่อนแต่ว่า...เราหาแหล่งน้ำไม่เจอ
ดังนั้นจึงต้องพันแผลเอาไว้แบบนี้ไปก่อน
เอาไว้คุณค่อยไปให้ท่านพ่อท่านแม่ของคุณทำแผลให้ใหม่นะ”
เด็กชายยังมองหน้าโอฟีเรียด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ โอฟีเรียเห็นสายตาแบบนั้นแล้วเลิกคิ้ว
“หน้าเรามีอะไรแปลกอย่างนั้นรึ?”
เด็กชายส่ายหน้าดิก ละล่ำละลักตอบกลับมาว่า “ปะ
เปล่า เอ่อคือ...ผม” ใบหน้าสวยมีสีแดงกุหลายแต่งแต้มยามที่ริมฝีปากอิ่มขยับเอ่ยถามเสียงอ้อมแอ้ม
“คือผมถามชื่อได้รึเปล่าครับ”
โอฟีเรียเห็นท่าทางเขินอายของเขาแล้วอมยิ้ม ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติสามส่วน
“ได้ เราชื่อโอฟีเรีย” เด็กหญิงจงใจไม่บอกนามสกุลและไม่ประกาศสถานะของเธอ
เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้ว่าเธอเป็นองค์หญิง
เพราะฉะนั้นปล่อยไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว...เธอเริ่มเบื่อแล้วกับท่าทางและคำพูดที่ทำราวกับเธอเป็นของสูงส่ง
“คือผมชื่อ ฮิคาริ ครับ” เด็กชายเม้มริมฝีปากพลางแนะนำตัวกลับ
ใบหูของเขากลายเป็นสีแดงเข้ม เรียกเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
ขององค์หญิงยักษ์ได้เป็นอย่างดี
โอฟีเรียยื่นมือไปตรงหน้าเขา
พร้อมกับรอยยิ้ม
“งั้น...ยินดีที่ได้รู้จักนะ
ฮิคาริ”
ความคิดเห็น