ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #7 : C H A P T E R 06

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 62


    C H A P T E R 06

     

           องค์หญิงโอฟีเรียมองการตกแต่งของคฤหาสน์หลังนี้แล้วลอบอุทานในใจอยู่หลายครั้ง ตระกูลวินสตันนั้นช่างเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเงินทองเสียจริงๆ

     

                แม้ว่าการตกแต่งจะไม่ได้หรูหราหากนำวังหลวงมาเทียบ แต่ก็คงไม่น้อยหน้าใครในชนชั้นสูงเป็นแน่

     

                เมื่อมาถึงห้องรับแขก พระราชาไฮรอสก็นั่งลงบนเก้าอี้ประธานอย่างไม่สนใจใครหน้าไหน เขายกร่างของลูกสาวขึ้นบนหน้าตักโดยไม่สนใจใบหน้าที่แดงเถือกไปถึงใบหูของโอฟีเรียเลยแม้แต่น้อย องค์หญิงยักษ์อยากจะทุบพระบิดาของตัวเองสักหลายๆ ทีนัก

     

                ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าลูกบ้างเลย!

               

                เช่นนั้นกระหม่อมขอบังอาจแนะนำตัวบุตรชายของกระหม่อมพะย่ะค่ะโคฮาร์ทกล่าวขึ้น หัวคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความยินดี ผายมือไปยังเด็กชายเจ้าของเส้นผมสีแพลตตินั่มก่อนเป็นคนแรก นี่คืออาโออิ บุตรชายคนโตของกระหม่อม ส่วนด้านขวาคืออาคาริ บุตรชายคนรองของกระหม่อม

     

                ไฮรอสเลิกคิ้วขึ้น เขาถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ เราได้ยินมาว่าเจ้ามีบุตรชายอีกคนหนึ่งมิใช่รึ?

     

                โคฮาร์ทหัวเราะเสียงแห้ง เขาไม่อยากจะนึกถึงเจ้าลูกชายจากสลัมผู้นั้นเลยสักนิด แต่เมื่อพระราชาออกปากถามเช่นนี้ก็ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ เขาจึงตอบพลางตีสีหน้าเป็นกังวล

     

                ร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง กระหม่อมจึงให้เขาพักรักษาตัวอยู่พะย่ะค่ะตีความง่ายๆ ว่ากักบริเวณ

     

                โอฟีเรียฟังแล้วก็ร้อง อ้อในใจเสียหลายคำ

     

                เพราะสภาพครอบครัวเป็นแบบนี้ไงเล่า นายเอกถึงได้มาโซขนาดนั้นน่ะ

     

                เสพติดการถูกทำร้ายขนานหนักเชียวล่ะ...

     

                น่าเสียดาย เราอยากเห็นหน้าเขายิ่งนัก ได้ยินว่างามล้ำอยู่หลายส่วนราชาไฮรอสเองก็ยังไม่เลิกเรื่องของบุตรชายนอกสมรสของตระกูลวินสตัน โคฮาร์ทได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงแห้งติดต่อกัน ส่งสายตามองภรรยาที่นั่งนิ่งแล้วก็ถูฝ่ามือไปมา เหลือบสายตามององค์หญิงบนตักราชาเป็นระยะ

     

                เขาอยากจะถามเสียเต็มแก่แล้วสิท่า ว่างานหมั้นจะจัดเมื่อไหร่

     

                โอฟีเรียเข้าใจท่าทางนั้นเป็นอย่างดี แต่ไม่พูดอะไรและนั่งทำตาใสประหนึ่งเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา

                เอ่อ ฝ่าบาท...เรื่องหมั้น

     

                ไฮรอสปรายตามองขุนนางใต้บัญชาของตนแล้วแทบจะบิดปากใส่ เจ้างูเฒ่าน่ารังเกียจ คิดอยากได้บุตรสาวข้าไปเป็นลูกสะใภ้รึ ฝันหวานไปเสียเถอะ!

     

                โอฟีเรียยังเล็กนัก คงต้องรออีกหลายปี

     

                ผู้นำตระกูลวินสตันหน้าแข็งค้าง ภรรยาของเขาเองก็กำพัดในมือแน่นเสียจนขึ้นข้อ ส่วนสองพี่น้องทำเพียงนั่งนิ่งๆ คนพี่ยิ้มอย่างไรก็ยังคงยิ้มได้อย่างนั้นเสมอต้นเสมอปลาย

     

                นอกจากนี้ธรรมเนียมเก่าแก่คร่ำครึเช่นนี้ เราเห็นว่าควรโละทิ้งเสียดีกว่าราชาไฮรอสเคาะนิ้วกับที่วางแขน ทำท่าราวกับใช้ความคิด ทั้งที่จริงแล้วกำลังสนุกสนานกับใบหน้าเปลี่ยนสีของงูเฒ่าที่จ้องจะขโมยยักษ์น้อยของเขาตาเป็นมัน

     

                โคฮาร์ทไม่สามารถกล่าวอันใดได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเสียงแห้งแล้วแห้งอีก ทำใจยอมรับไม่ได้ที่ราชาตัดโอกาสก้าวหน้าของตระกูลวินสตันอย่างไม่เหลือชิ้นดี

     

                ท่านพ่อ หนูเมื่อยแล้วโอฟีเรียขยับใบหน้ากระซิบที่ข้างหูของพระบิดา ตอนนี้เธออยากจะออกจากสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนนี้ชอบกล แถมยังได้ยินมาว่าที่สวนดอกไม้ของตระกูลวินสตันมีต้นไม้ที่ได้ชื่อว่าออกผลเป็นทองคำอยู่ เธออยากเห็นมันเต็มแก่

     

                งั้นเรากลับกันดีไหมคะ คุณพ่อจะได้แก้กฎมณเฑียรบาลปัญญาอ่อนๆ นี่ด้วยไฮรอสนัยน์ตาเป็นประกาย ลูบศีรษะบุตรสาวอย่างเอ็นดู แต่โอฟีเรียกลับส่ายหน้าดิก กระซิบข้างใบหูของผู้เป็นพ่อต่ออีกหนึ่งประโยคว่า

     

                ยังค่ะ หนูอยากเห็นผลสีทอง

     

                ของแบบนั้นเดี๋ยวคุณพ่อหามาให้ก็ได้ค่ะ

     

                โคฮาร์ทมองการโต้ตอบระหว่างพ่อลูกแล้วก็ผุดความคิดขึ้นมาได้ เขาตบหลังบุตรชายคนโตของตนกับภรรยาเอกเบาๆ แล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบประแจง

     

                ที่สวนของกระหม่อมนั้นมีต้นไม้ที่ออกผลเป็นสีทองอยู่ หากไม่รังเกียจ...องค์หญิงอยากเห็นรึไม่พะย่ะค่ะ?

     

                เราอยากเห็นโอฟีเรียตอบรวดเร็วทันควัน เธอรู้ว่านี่คือแผนการจับคู่ของโคฮาร์ท แต่ด้วยใจอยากเห็นมากจึงยอมเดินลงหลุมไปเล็กน้อย

     

                ไฮรอสมองเจ้าขุนนางตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อกี้ถ้ามันไม่สอดขึ้นมา...เขาคงกล่อมโอฟีเรียจนยอมกลับวังสำเร็จไปแล้ว

     

                รู้มากเสียจริง!

     

                ถ้าเช่นนั้น...อาโออิ อาคาริ พวกเจ้าพาองค์หญิงไปดูเถิดโคฮาร์ทตบหลังบุตรชายทั้งสองเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูของเด็กชายผมแพลตตินั่มว่า อย่าลืมทำตามที่พ่อบอก

     

                อาโออิยิ้มจนนัยน์ตาหยี เขารับคำเงียบๆ แล้วขยับกายลุกขึ้นพร้อมน้องชาย

     

                โอฟีเรียเองก็ลงจากตักของผู้เป็นพ่ออย่างเรียบร้อย เธอเดินไปหาฝาแฝดผมขาวแดงแล้วยกยิ้ม กล่าวด้วยอย่างเป็นมิตร รบกวนพวกเจ้าแล้ว

     

                ยินดีเป็นอย่างยิ่งพะย่ะค่ะ องค์หญิงอาโออิโค้งรับคำชม เขาผายมือไปด้านหน้าแล้วเดินตามหลังองค์หญิงน้อยออกไป อาคาริหันกลับไปค้อมตัวให้กับราชาแห่งยักษ์ครั้งหนึ่งแล้วจึงค่อยก้าวออกไปเป็นคนสุดท้ายของขบวน

     

                โอฟีเรียเดินไปตามทางตามที่อาโออิบอก บนใบหน้าของเด็กหญิงประดับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ขับให้ใบหน้าดูสดใส ในระหว่างทางอาโออิก็ชวนเธอคุยเป็นพักๆ โอฟีเรียที่ไม่ได้รู้สึกอะไรก็ตอบไปบ้างตามบทสนทนา แม้ว่าใจจริงจะไม่ได้รู้สึกอยากจะสนิทสนมอะไรกับพวกตัวละครหลักก็ตาม

     

                แน่นอนว่า...ถ้าเลี่ยงได้เธอก็จะเลี่ยง

     

                อยู่ใกล้ๆ พวกตัวละครหลักแล้วมันเสียวสันหลังวาบชอบกล

     

                ใช้เวลาเพียงห้านาทีขบวนเล็กๆ ขององค์หญิงโอฟีเรียก็เดินมาถึงสวนดอกไม้ตระกูลวินสตัน ท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่ส่งกลิ่นหอมจรุงใจ ต้นไม้สูงใหญ่ใจกลางสวนเรียกสายตาของเด็กหญิงได้ดีที่สุด ผลสีทองอิ่มของมันเปล่งประกายหยอกล้อกับแสงอาทิตย์ ดูสวยงามจับตา

     

                นัยน์ตาสีเขียนมรกตจับจ้องไปยังผลสีทองอร่ามบนต้นไม่วางตา ผลของมันรูปทรงคล้ายๆ กับแอปเปิ้ลภายในสวนของพระราชวัง แต่ใหญ่กว่าราวๆ สองฝ่ามือต่อกัน โอฟีเรียยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก หวนคิดไปถึงต้นแอปเปิ้ลทองคำในนิทานเรื่องหนึ่ง

     

                เอ หรือว่าเป็นไข่ทองคำกันนะ?

     

                ความจริงแล้วความทรงจำในฐานะเฟียก็เริ่มเลือนรางมากขึ้นไปทุกที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด บางครั้งเธอเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าเด็กผู้หญิงเจ้าน้ำตาที่มักอยู่กับเธอด้วยกันตลอดเวลาคนนั้นชื่ออะไร หรือว่าสนิทกันมากแค่ไหน

     

                เป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ องค์หญิง?อาโออิถามเด็กหญิงที่ยืนเงียบมองผลสีทองใจกลางสวนด้วยรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับของเขา เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบขยับกายขึ้นยืนใกล้กับผู้มีตำแหน่งสูงส่งรองเพียงราชันย์ของประเทศแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงชวนฝัน

     

                หากองค์หญิงต้องการ กระหม่อมจะสั่งให้คนสวนนำมาถวาย ดีมั้ยพะย่ะค่ะ?

     

                โอฟีเรียเอียงใบหน้าหันกลับมา เด็กหญิงผลิรอยยิ้มบางเบาบนริมฝีปาก ส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า

     

                ให้มันอยู่เช่นนั้นน่ะดีแล้ว อยู่กับเราไปก็มีแต่เน่าเสียฉันไม่อยากได้ของจากพวกตัวเอกหรอก! เดี๋ยวอีเว้นท์ใหญ่จะงอกออกมาเหมือนดอกเห็ด!

     

                ผลสีทองของมันดึงดูดสายตาของโอฟีเรียมากก็จริงอยู่ แต่มันก็เท่านั้นเอง เธอไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมันมากมายเป็นพิเศษ เพียงแค่เคยได้ยินแล้วเกิดสนใจขึ้นมาเท่านั้นเอง

     

                อาโออิได้ยินคำพูดขององค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวดังนั้นแล้วก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มดั่งเดิม โอฟีเรียมองแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจกับใบหน้าที่ไม่ได้สามารถรับรู้อารมณ์ได้เลยของเขา เด็กชายผู้เป็นแฝดคนพี่เห็นเจ้าหญิงละความสนใจจากผลทองคำแล้วจึงเชื้อเชิญให้เดินชมสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ต่อไป

     

                ดอกไม้ในสวนของตระกูลวินสตันไม่ได้แตกต่างจากอุทยานหลวงในพระราชวังเท่าไหร่นัก เพียงแต่มีการจัดการตกแต่งที่แตกต่างกัน แต่ดอกไม้ที่ปลูกก็ยังด้อยกว่าที่โอฟีเรียเห็นอยู่ไม่น้อยเลยเชียว

     

                อาโออิลอบมองใบหน้าที่ราบเรียบของโอฟีเรียแล้วรู้สึกขัดอกขัดใจอยู่ไม่น้อย เขาอุตส่าห์สละเวลาที่ควรจะเอาไปนั่งอ่านหนังสืออกมาต้อนรับ พามาเดินเล่นในสวนของคฤหาสน์ที่ท่านแม่รักมากและไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้ามาได้ง่ายๆ แต่นอกจากผลทองคำแล้ว เจ้าหญิงของประเทศก็มองทุกอย่างด้วยสายตาเฉยชาจนเขาเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะพาหล่อนไปเดินส่วนไหนต่อดี

     

                อาโออิไม่ได้อยากจะออกมาต้อนรับอะไรเจ้าหญิงนี่ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าท่านพ่อของเขาสั่งขาดมาว่ายังไงก็ต้องออกมาต้อนรับ เพราะว่าในอนาคตผู้หญิงคนนี้จะกลายเป็นคู่หมั้นของเขา หากไม่มีอะไรที่ผิดไปจากความตั้งใจของท่านพ่อ เขาจะต้องแต่งงานกับโอฟีเรีย

     

                เหตุผลน่ะเหรอ...? อำนาจ และความรุ่งเรือง

     

                ดองกับเชื้อพระวงศ์ แค่คิดก็ยิ้มแก้มปริแล้ว

     

                อาคาริเหล่สายตามองพี่ชายแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้ว่าฝ่ายนั้นจะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าตาเหมือนดั่งคนมีจิตใจอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริงแล้วตอนนี้อาโออิกำลังหงุดหงิดเข้าขั้นสูงสุด หากปล่อยอาการทิ้งไว้อีกสักพักคงได้เก๊กรอยยิ้มนั่นต่อไปไม่ไหว

     

                เด็กชายขยับฝ่ามือแตะไหล่พี่ชายอย่างแผ่วเบา กำลังอ้าปากจะเอ่ยบอกให้ใจเย็นลงสักหน่อย แต่ก่อนที่จะได้พูด เสียงที่ดังออกมาจากพุ่มไม้ก็เรียกความสนใจของเด็กทั้งสามไปเสียก่อน


            แซ่ก แซ่ก...

     

                โอฟีเรียละสายตาที่มองดอกไม้ตรงหน้าแล้วเพ่งมองไปยังพุ่มไม้ที่สั่นไหวเบาๆ ขนบนกายของเธอพากันลุกชันขึ้นมา เพราะว่าเพิ่งจะได้เจอเรื่องสยองขวัญอย่างเจอผีตัวเป็นๆ มาเมื่อไม่นานนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับเสียงแปลกๆ

     

                มันทำเอาเธอหลอนเบาๆ

     

                เด็กชายฝาแฝดที่กำลังจะคุยกันหันไปมอง เป็นอาคาริที่ก้าวเข้าไปเพื่อสำรวจก่อน เด็กชายขมวดคิ้วแล้วชะโงกมองผ่านพุ่มไม้ไป ก็พบว่ามันเป็นเพียงกระรอกสีน้ำตาลตัวหนึ่งเท่านั้น

     

                กระรอกน่ะ...อาคาริหันมาบอกกับพี่ชายและเจ้าหญิงที่ทำหน้าประหนึ่งเห็นผี พอได้ยินว่าเป็นแค่กระรอกตัวหนึ่งโอฟีเรียก็มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิม เธออมยิ้มครั้งหนึ่งบนใบหน้า ก่อนที่มันจะกลับไปราบเรียบเหมือนเดินในนาทีต่อมา

     

                แค่กระรอกหรอกเหรอ...?อาโออิเลิกคิ้ว เขารู้สึกว่าเหมือนจะเห็นเงาคนแว๊บๆ ตอนที่พุ่มไม้สั่นไหว แต่คงจะเป็นเพียงแค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียวล่ะมั้ง...

     

                เมดสาวคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาสองพี่น้อง เธอเหล่สายตามองโอฟีเรียเล็กน้อยแล้วก้มลงพูดชิดริมหูของเจ้านายผมสีแพลตตินั่ม

     

                ขออภัยค่ะ ท่านอาโออิ เขาไม่ได้อยู่ที่ห้องค่ะ

     

                ผมจะไปตามเองอาโออิหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยินคำพูดของเมดสาว เด็กชายหันมามองโอฟีเรียแล้วโค้งตัว ต้องขออภัยพะย่ะค่ะ องค์หญิง พอดีเกิดเรื่องด่วนขึ้นทำให้กระหม่อมต้องรีบไปจัดการ กระหม่อมต้องขอตัวก่อน

     

                เชิญเลย เราเองก็ควรกลับไปหาท่านพ่อแล้วเหมือนกันโอฟีเรียยิ้ม ในใจกู่ร้องอย่างดีใจว่าได้หลุดพ้นจากพวกตัวเอกเสียที

     

                อาโออิเดินไปพร้อมกับพวกเมดจำนวนหนึ่ง อาคาริหันมาโค้งตัวให้กับโอฟีเรียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังพี่ชายไป แต่ก่อนไปก็ยังไม่แคล้วจับจ้องไปยังพุ่มไม้ที่สั่นไหวไม่เลิก จนโอฟีเรียรู้สึกขนลุกขนพองสยองเกล้าจนไม่อยากจะอยู่แถวนี้แล้ว

     

                ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว โอฟีเรีย เจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของประเทศถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตามลำพัง เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาแล้วรู้สึกแปลกใจกับคนรับใช้บ้านนี้ไม่น้อย นี่เธอเป็นถึงองค์หญิงเลยเชียวนะ ทำไมถึงได้ทิ้งกันไว้คนเดียวแบบนี้ล่ะ!

     

                เกิดเป็นอะไรไปนี่รับผิดชอบกันไหวเหรอ!

     

                สะเพร่ากันจริง...องค์หญิงน้อยบ่นอุบ เธอก้าวเดินผ่านพุ่มไม้สยองขวัญแล้วหยุดมองเล็กน้อย เด็กหญิงเบ้หน้าใส่เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรเลยสักอย่างเดียว ก่อนที่เธอจะก้าวเดินต่อไปเพื่อตรงไปหาท่านพ่อสุดที่รักที่ตอนนี้คงจะดิ้นไปดิ้นมารอกลับราชวัง

     

                แต่ก้าวออกไปได้แค่สามก้าวครึ่ง บางอย่างก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ที่โอฟีเรียจะโงกหน้าไปมองเมื่อกี้ เด็กหญิงเบิกตากว้าง เบี่ยงตัวหลบแล้วแต่กลับไม่ทันการ ร่างเงานั้นล้มทับตัวเธออย่างแรงจนแผ่นหลังกระแทกกับพื้น รู้สึกจุกไม่น้อย

     

                อึก...โอฟีเรียครางออกมาเสียงแผ่ว เธอยันมือดันร่างบนกายให้ลุกออกไป และอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ร่างนั้นรีบผุดกายลุกขึ้นแล้วถอยห่างออกไปพร้อมกับก้มหน้าหลุบตามองต่ำด้วยความสำนึกผิด

     

                ขอโทษนะ เจ็บมากรึเปล่าโอฟีเรียมองฝ่ามือที่ยื่นมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ เด็กหญิงจับมือของฝ่ายตรงข้ามแล้วยันกายลุกขึ้นตาม อาการจุกเมื่อกี้เริ่มกลับมาสู่สภาพปกติก่อนที่จะโดนพุ่งเข้าใส่ ตอนนี้มีเพียงแค่รู้สึกแปล๊บๆ ที่แผ่นหลังเท่านั้น

     

                คุณ...โอฟีเรียมองสำรวจร่างกายอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า พบว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายที่ดูแล้วน่าจะอายุไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่ เรือนผมสีน้ำตาลยุ่งๆ ของเขาเต็มไปด้วยเศษใบไม้และมีกิ่งไม้เล็กๆ ปนอยู่ด้วย ใบหน้ากลมคล้ายซาลาเปากับแก้มขาวๆ เห็นแล้วมันหยิกให้เนื้อแดง ดวงตาสีดำเป็นประกายวิบวับหลุบต่ำไม่เงยขึ้นมองเธอสักนิดเดียว

     

                เด็กหญิงมองหน้าเขาแล้วรู้สึกตะลึงในใจ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่หน้าสวยมากคนหนึ่ง หากจับไปแต่งตัวดีๆ คงจะมีผู้หญิงแห่มาชอบไม่น้อยเลยเชียว

     

                คุณเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์หลังนี้?เธอพูดขึ้นหลังจากที่เห็นชุดของเขา มันเป็นเสื้อผ้าคล้ายๆ กับที่เธอเห็นพ่อบ้านใส่ หากแต่ว่าสีและความเก่าของมันทำเอาเด็กหญิงต้องเอียงใบหน้า เริ่มไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมาเสียแล้วว่าเขาเป็นรับใช้

     

                หรืออาจะเป็นลูกหลานของพวกคนรับใช้รึเปล่านะ?

     

                เด็กชายหน้าสวยเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ใบหน้าก็ก้มต่ำลงกว่าเดิม เขาขบริมฝีปากร่างของตัวเองจนรู้สึกถึงรสชาติของเลือดที่คลุ้งในปาก เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ก็คงจะไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่เห็นเขาสักเท่าไหร่หรอก

     

                เดี๋ยวอีกสักพักหล่อนก็คงจะสบประมาทเขา มองด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วกล่าวถ้อยคำดูถูกออกมา

     

                หึ...พวกชนชั้นสูงมันก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอก!

     

                อ่า ข้อศอกของคุณมีเลือดออกด้วย กรุณามาทางนี้ก่อนองค์หญิงยักษ์มองข้อศอกของคนตรงหน้าแล้วพบว่ามันมีเลือดไหลออกมาจนแทบจะถึงข้อมืออยู่แล้ว เหมือนว่าแขนข้างนั้นของเขาจะถูกกิ่งไม้เกี่ยวเข้า มองเผินๆ จากตรงนี้แล้วไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ เช็ดเลือด ล้างน้ำสักหน่อยก็คงจะพอได้อยู่

     

                โอฟีเรียกวักมือเรียกเด็กชายที่เงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกับสายตาตกตะลึงให้ไปนั่งตรงม้าไม้ พอเห็นว่าคนที่ถูกเรียกมานั่งแล้วเด็กหญิงก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกอยู่ในกระเป๋ากระโปรงออกมา มันเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนสีชมพูน่ารักลายลูกไม้ ที่ปลายด้านหนึ่งปักชื่อของเธอเอาไว้

     

                ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้...เป็นเมอริน หนึ่งในพ่อบ้านของเธอทำให้

     

                ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่แลเจ้าชู้ กะล่อน และปลิ้นปล้อน แต่เรื่องงานเย็บปักถักร้อยนี่เขาถนัดนักแล

     

                เด็กหญิงมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นว่าเธอจะสามารถนำผ้าไปชุบน้ำได้ที่ไหนก็ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก้มตัวลงไปผูกผ้าเช็ดหน้าบริเวณแผลของอีกฝ่ายอย่างเบามือแล้วพูดว่า

     

                เราอยากล้างแผลให้คุณก่อนแต่ว่า...เราหาแหล่งน้ำไม่เจอ ดังนั้นจึงต้องพันแผลเอาไว้แบบนี้ไปก่อน เอาไว้คุณค่อยไปให้ท่านพ่อท่านแม่ของคุณทำแผลให้ใหม่นะ

     

                เด็กชายยังมองหน้าโอฟีเรียด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ โอฟีเรียเห็นสายตาแบบนั้นแล้วเลิกคิ้ว

     

                หน้าเรามีอะไรแปลกอย่างนั้นรึ?

     

                เด็กชายส่ายหน้าดิก ละล่ำละลักตอบกลับมาว่า ปะ เปล่า เอ่อคือ...ผมใบหน้าสวยมีสีแดงกุหลายแต่งแต้มยามที่ริมฝีปากอิ่มขยับเอ่ยถามเสียงอ้อมแอ้ม คือผมถามชื่อได้รึเปล่าครับ

     

                โอฟีเรียเห็นท่าทางเขินอายของเขาแล้วอมยิ้ม ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติสามส่วน ได้ เราชื่อโอฟีเรียเด็กหญิงจงใจไม่บอกนามสกุลและไม่ประกาศสถานะของเธอ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้ว่าเธอเป็นองค์หญิง

     

                เพราะฉะนั้นปล่อยไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว...เธอเริ่มเบื่อแล้วกับท่าทางและคำพูดที่ทำราวกับเธอเป็นของสูงส่ง

     

                คือผมชื่อ ฮิคาริ ครับเด็กชายเม้มริมฝีปากพลางแนะนำตัวกลับ ใบหูของเขากลายเป็นสีแดงเข้ม เรียกเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ขององค์หญิงยักษ์ได้เป็นอย่างดี

     

                โอฟีเรียยื่นมือไปตรงหน้าเขา พร้อมกับรอยยิ้ม

     

                งั้น...ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฮิคาริ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×