คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : C H A P T E R 05 : พบปะคู่หมั้น
C H A P T E R 05
พบปะคู่หมั้น
“คู่หมั้นเหรอคะ?” โอฟีเรียมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่ฉายแววกังวลพลางทวนคำพูดของอีกฝ่าย ในมือของเด็กหญิงถือหนังสือประวัติศาสตร์เล่มใหญ่ที่อ่านค้างจากเมื่อวานนี้ เด็กหญิงนิ่งเงียบไปเล็กน้อยหลังจากที่คุณพ่อของเธอพยักหน้ารับ
หากว่าความทรงจำของเธอไม่ได้ผิดพลาดอะไร
คู่หมั้นของโอฟีเรียคือบุตรชายฝาแฝดคนโตของท่านผู้นำตระกูลวินสตัน อาโออิ วินสตัน
อาโออิ วิสตันคือเด็กหนุ่มผมสีแพลตตินั่ม
นัยน์ตาสีม่วงเข้มประกายแวววับอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหวานและรอยยิ้มพิมพ์ใจที่มีอยู่แทบจะทั้งวันคือสิ่งที่สามารถอธิบายถึงเขาได้ดีที่สุด
เขาให้มาดคุณหนูผู้ดีจากตระกูลชนชั้นสูง มากมารยาทและหยิ่งในศักดิ์ศรี
ทั้งยังรักเกียรติยิ่งชีพ
ส่วนแฝดน้องนั่นไปกันคนละทาง อาคาริ
วินสตันคือผู้ชายที่อ่านทางยาก เขามีเรือนผมสีแดงเพลิงและนัยน์ตาสีเดียวกัน
ท่าทางหยาบกระด้างกว่าผู้เป็นพี่ แต่นิ่งขรึมและไร้รอยยิ้ม เย็นชาเข้าถึงยาก
หากเขากลับเก่งกาจเรื่องศิลปะการต่อสู้จนเป็นที่โจษจันไปทั่วเมือง
และพวกเขาทั้งสองคนนั้นล้วนเป็นเป้าหมายการจีบ...
โอฟีเรียยกมือขึ้นลูบคาง...เธอเองก็จำนายเอกของเกมส์ไม่ค่อยได้เสียด้วยสิ...
หากว่าจำไม่ผิด
นายเอกของเกมส์เองก็เป็นคนตระกูลวินสตัน เหมือนว่าจะเป็นลูกนอกสมรส...
เพราะฉะนั้นจึงมักจะมีอีเว้นท์ผิดศีลธรรมเกิดขึ้นบ่อยๆ
หากว่าเลือกจีบฝาแฝดวินสตัน
สำหรับเฟียแล้วเรื่องผิดบาปแบบนี้มันน่ากร๊าวใจไม่น้อยเลยเชียว
แต่พอกลายมาเป็นผู้ชมติดขอบสนามแบบนี้แล้วมันก็....อืม
รับไม่ค่อยได้เท่าไหร่เหมือนกันนะ...
เพราะว่าโอฟีเรียเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าหากนายเอกเลือกรูทสองแฝดนั่นชีวิตของเธอจะบัดซบมากแค่ไหน
เธอรู้แค่จุดจบในรูทของคาลอสเท่านั้นเอง พอมาคิดๆ ดูแล้ว ความทรงจำที่มีเองก็ไร้ประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกันแหะ
“ไม่ต้องแต่งตัวสวยมากนะคะ คุณพ่อหวง!” โอฟีเรียหัวเราะเสียงแห้งเมื่อได้ยินบิดาพูดขึ้นมาพร้อมใบหน้าพองลม
มันก็ดูน่ารักดีหรอกเพราะว่าคุณพ่อเป็นคนหน้าเด็ก
แต่ลองคิดถึงอายุสิ...คนอายุขนาดนั้นมาทำตัวเด็กแบบนี้ก็น่าเหนื่อยใจไม่น้อยเลยล่ะ
“ลูกแต่งให้ตายก็ไม่สวยไปกว่านี้หรอกค่ะ”
โอฟีเรียสอดหนังสือเข้าชั้นอย่างเรียบร้อย เธอคิดเหมือนที่พูดจริงๆ
เพราะปกติโอฟีเรียก็เป็นเด็กหน้าตาดีมากคนหนึ่งอยู่แล้ว
ถึงแต่งไปมากกว่านี้ก็คงจะสวยได้อีกแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง
ไม่สวยขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่หรอก
อีกอย่างต่อให้แต่งจัดเต็มไปแค่ไหน...เธอก็ไม่มีวันได้กินอาโออิ
วิสตันแน่นอน
เพราะว่าหมอนั่นมันไม่ได้ชอบผู้หญิงน่ะสิ
.
.
.
.
.
โอฟีเรียไล่สายตามองตัวอักษรในหน้าหนังสือขณะที่นั่งอยู่ในรถม้าที่แสนจะโยกคลอน
เธอพลิกมันครั้งหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียวมรกตก็หรี่ลงเล็กน้อย
หัวคิ้วย่นเข้าหากันอย่างผิดปกติ
หลังจากวันนั้นโอฟีเรียก็ถูกพ่อกักบริเวณเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์
ในช่วงเวลานั้นเด็กหญิงหาข้อมูลของเผ่าพันธุ์ตัวเองจนแทบจะสิงอยู่ในห้องสมุด
ในหนังสือนั้นระบุเอาไว้ว่ายักษ์และบ๊วยไม่ถูกกันดั่งที่หมาสิงต้นไม้กล่าว
เหตุมาจากยักษ์ต้นหนึ่งที่ทำผิดต่อเทพธิดาแห่งต้นบ๊วย
สวรรค์จึงลงโทษเผ่าพันธุ์ยักษ์...ยามใดที่สัมผัสดอกบ๊วยจะรู้สึกร้าวรานไปทั้งร่างราวกับถูกสายฟ้าฟาด
นอกจากนี้เผ่ายักษ์ยังมีคู่อริที่ไม่ว่าอย่างไรก็ลงรอยกันไม่ได้อยู่...ยักษ์เรียกพวกนั้นว่า
จิ้งจอกสวรรค์
ต้นตระกูลของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นั้นเป็นผู้รับใช้เทพ
มีหน้าที่ส่งสารและทำงานแทนเทพบนสวรรค์
พอนานวันเข้าพวกเขาก็ติดใจการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เริ่มมีการผสมข้ามเผ่าพันธุ์
ทำให้พลังที่เคยกล้าแกร่งทดถอยลง และสูญพันธุ์ไปในที่สุด
ซึ่งพวกจิ้งจอกสวรรค์จะไม่ต่างจากมนุษย์
สามารถจำแลงกายได้อย่างอิสระ ถนัดในการใช้มนต์คาถามาก แถมยังเจ้าเล่ห์แสนกลอีก
ไม่แปลกที่จะไม่ถูกกับเผ่ายักษ์ที่เน้นใช้กำลังเข้าว่า
เถรตรงประหนึ่งไม้บรรทัด
อย่างไรก็ตาม...จิ้งจอกสวรรค์ในตอนนี้นั้นเป็นเพียงแค่ตำนานที่เห็นได้จากหนังสือและตำราเท่านั้น
เพราะฉะนั้นแล้ว...เจ้าหมาสิงต้นไม้เมื่อวานก็คงจะไม่พ้นผีสางแน่นอน
คิดถึงตรงนี้โอฟีเรียก็อดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้
เธอปิดหนังสือพลางลูบแขนที่เย็นวาบขึ้นมาอย่าเบามือแล้วจึงค่อยหันไปยิ้มหวานให้ผู้เป็นพ่อที่ก้มหน้ามองลงมาด้วยความงุนงง
“ไม่สบายรึเปล่าคะ
กลับวังกันดีกว่าไหมคะ?” พระราชาไฮรอสยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
ใจจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวต้องไปเจอเจ้าเด็กกระเปี๊ยกจากตระกูลวินสตันอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีกฎมณเฑียรบาลบ้าบอที่ต้องรักษาเอาไว้แล้วล่ะก็...แค่ลูกสาวคนเดียวทำไมเขาจะเลี้ยงไม่ได้
โอฟีเรียส่ายหน้า “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึกหนาวๆ
นิดหน่อยเท่านั้น”
ไฮรอสนั้นเป็นพ่อที่ดีมากคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเขาขี้เป็นห่วงเกินไป...
ด้วยการเลี้ยงแบบนี้ล่ะมั้ง
โอฟีเรียในเกมถึงได้มีนิสัยเกินรับประทานแบบนั้น
“จริงนะคะ
ถ้าเหนื่อยก็บอกคุณพ่อได้เลยนะคะ”
โอฟีเรียยิ้มหวาน ลอบหัวเราะในใจเสียงดังลั่น
ความจริงก็ไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วสินะ
นี่ก็แค่หาข้ออ้างกลับวังเท่านั้นแหละ!
คุณพ่อกับลูกสาวคุยกันอยู่ได้ไม่นานรถม้าก็หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์สไตล์ยุโรปกลางสีงาช้าง
โอฟีเรียมองแล้วก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย มือยกขึ้นลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด
พึมพำเสียงเบาอยู่หลายครั้งว่า ‘ร่ำรวย’ และ ‘อู้ฟู่’
ในเกมนั้นเคยพูดถึงคฤหาสน์ของตัวเอกเกมเพียงแค่ช่วงเริ่มสองสามบทแรกก่อนเลือกรูทเท่านั้น
เธอไม่มั่นใจว่าหากเลือกฝาแฝดเนื้อเรื่องจะดำเนินแต่ในคฤหาสน์หรือไม่
แต่ในรูทคาลอสนั้น...ส่วนใหญ่จะไปโผล่ที่พระราชวังบ่อยๆ หรือไม่ก็ค่ายฝึกองครักษ์
“เชิญพ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในองครักษ์ของพระราชาไฮรอสเปิดประตูรถม้าและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าดุดัน เส้นผมถูกตัดสั้นสีส้มแสด
ใบหน้าของเขาค่อนข้างคุ้นตาโอฟีเรีย หากแต่นึกไม่ออกว่าเห็นที่ไหน
“มาสิคะ โอฟีเรีย” ไฮรอสยื่นมือมารับบุตรสาวของตนหลังจากลงรถไปแล้ว
ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มสว่างไสว
โอฟีเรียยกยิ้มขอบคุณแล้วจึงค่อยลงจากรถมาตามแรงพยุงของผู้เป็นพ่อ
ในสายตาของเด็กหญิงตัวน้อย
คฤหาสน์ตรงหน้าช่างโดดเด่นและดูโดดเดี่ยวเสียจริง มันให้กลิ่นอายแห่งความเยียบเย็น
ไร้ซึ่งความอบอุ่น และไร้กลิ่นอายมวลแห่งความรักของครอบครัว ผิดกับพระราชวังหลวงของเธอ
แม้ว่าผู้อาศัยจะมีเพียงเธอและพ่อ ไม่รวมนางกำนัลทั้งหลาย
แต่มันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก
ที่หน้าประตูคฤหาสน์นั้นมีร่างสูงวัยของชายหญิงยืนอยู่คู่กัน ข้างๆ
มีเด็กชายสองคนในชุดผ้าไหมเนื้อดียืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ โอฟีเรียมองเด็กชายสองคนนั้นเพียงนิดเดียวก็ส่ายหน้าไปทางอื่น
นายเอกไม่ได้อยู่ต้อนรับด้วยหรอกหรือ...?
ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกนอกสมรสก็ตามที
แต่เขาก็คือพี่ชายคนโตของบ้าน อย่างน้อยๆ ผู้นำตระกูลวินสตันก็ควรจะพาเขามาต้อนรับพระราชาและองค์หญิงด้วย
หรือว่าป่วย...อาจจะเป็นแบบนั้น
“ทรงพระเจริญฝ่าบาท
กระหม่อมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่าบาทเสด็จมาเช่นนี้” ผู้นำตระกูลวินสตัน
โคฮาร์ท วินสตันกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับย่อตัวคำนับผู้เป็นนายเหนือหัว
นัยน์ตารีดูเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากงูเฒ่ามององค์หญิงหนึ่งเดียวของประเทศแล้วยกยิ้ม
“เพิ่งเคยได้เห็นองค์หญิงเป็นครั้งแรก
งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ พะย่ะค่ะ”
โอฟีเรียยิ้มรับ
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว”
“ฮ่ะๆ เชิญทั้งสองพระองค์ด้านในก่อนดีกว่าพะย่ะค่ะ” ราชาไฮรอสพยักหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
โอฟีเรียเหลือบสายตามองพระบิดาที่เปลี่ยนเป็นคนละคนยามอยู่ต่อหน้าขุนนางแล้วก็รู้สึกทึ่งไม่น้อย
เขาสับสวิตซ์ตัวเองได้รวดเร็วจริงๆ
โอฟีเรียก้าวเท้าตามการจับจูงของผู้เป็นบิดาเข้าไปยังภายในของตัวคฤหาสน์
หากว่าเธอหันกลับมองไปยังพุ่มไม้เล็กๆ ข้างประตูนั่นสักนิด เธอก็จะรู้ว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งแอบมองอยู่ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ความคิดเห็น