ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #6 : C H A P T E R 05 : พบปะคู่หมั้น

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 62


    C H A P T E R 05

    พบปะคู่หมั้น


                คู่หมั้นเหรอคะ? โอฟีเรียมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่ฉายแววกังวลพลางทวนคำพูดของอีกฝ่าย ในมือของเด็กหญิงถือหนังสือประวัติศาสตร์เล่มใหญ่ที่อ่านค้างจากเมื่อวานนี้ เด็กหญิงนิ่งเงียบไปเล็กน้อยหลังจากที่คุณพ่อของเธอพยักหน้ารับ

     

                หากว่าความทรงจำของเธอไม่ได้ผิดพลาดอะไร คู่หมั้นของโอฟีเรียคือบุตรชายฝาแฝดคนโตของท่านผู้นำตระกูลวินสตัน อาโออิ วินสตัน

     

            อาโออิ วิสตันคือเด็กหนุ่มผมสีแพลตตินั่ม นัยน์ตาสีม่วงเข้มประกายแวววับอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหวานและรอยยิ้มพิมพ์ใจที่มีอยู่แทบจะทั้งวันคือสิ่งที่สามารถอธิบายถึงเขาได้ดีที่สุด เขาให้มาดคุณหนูผู้ดีจากตระกูลชนชั้นสูง มากมารยาทและหยิ่งในศักดิ์ศรี ทั้งยังรักเกียรติยิ่งชีพ

     

            ส่วนแฝดน้องนั่นไปกันคนละทาง อาคาริ วินสตันคือผู้ชายที่อ่านทางยาก เขามีเรือนผมสีแดงเพลิงและนัยน์ตาสีเดียวกัน ท่าทางหยาบกระด้างกว่าผู้เป็นพี่ แต่นิ่งขรึมและไร้รอยยิ้ม เย็นชาเข้าถึงยาก หากเขากลับเก่งกาจเรื่องศิลปะการต่อสู้จนเป็นที่โจษจันไปทั่วเมือง

     

            และพวกเขาทั้งสองคนนั้นล้วนเป็นเป้าหมายการจีบ...

     

                โอฟีเรียยกมือขึ้นลูบคาง...เธอเองก็จำนายเอกของเกมส์ไม่ค่อยได้เสียด้วยสิ...

     

                หากว่าจำไม่ผิด นายเอกของเกมส์เองก็เป็นคนตระกูลวินสตัน เหมือนว่าจะเป็นลูกนอกสมรส...

     

                เพราะฉะนั้นจึงมักจะมีอีเว้นท์ผิดศีลธรรมเกิดขึ้นบ่อยๆ หากว่าเลือกจีบฝาแฝดวินสตัน สำหรับเฟียแล้วเรื่องผิดบาปแบบนี้มันน่ากร๊าวใจไม่น้อยเลยเชียว

               

                แต่พอกลายมาเป็นผู้ชมติดขอบสนามแบบนี้แล้วมันก็....อืม

     

                รับไม่ค่อยได้เท่าไหร่เหมือนกันนะ...

     

                เพราะว่าโอฟีเรียเองก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าหากนายเอกเลือกรูทสองแฝดนั่นชีวิตของเธอจะบัดซบมากแค่ไหน เธอรู้แค่จุดจบในรูทของคาลอสเท่านั้นเอง พอมาคิดๆ ดูแล้ว ความทรงจำที่มีเองก็ไร้ประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกันแหะ

     

                ไม่ต้องแต่งตัวสวยมากนะคะ คุณพ่อหวง!” โอฟีเรียหัวเราะเสียงแห้งเมื่อได้ยินบิดาพูดขึ้นมาพร้อมใบหน้าพองลม

     

                มันก็ดูน่ารักดีหรอกเพราะว่าคุณพ่อเป็นคนหน้าเด็ก แต่ลองคิดถึงอายุสิ...คนอายุขนาดนั้นมาทำตัวเด็กแบบนี้ก็น่าเหนื่อยใจไม่น้อยเลยล่ะ

     

                ลูกแต่งให้ตายก็ไม่สวยไปกว่านี้หรอกค่ะ

     

                โอฟีเรียสอดหนังสือเข้าชั้นอย่างเรียบร้อย เธอคิดเหมือนที่พูดจริงๆ เพราะปกติโอฟีเรียก็เป็นเด็กหน้าตาดีมากคนหนึ่งอยู่แล้ว ถึงแต่งไปมากกว่านี้ก็คงจะสวยได้อีกแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่สวยขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่หรอก

     

                อีกอย่างต่อให้แต่งจัดเต็มไปแค่ไหน...เธอก็ไม่มีวันได้กินอาโออิ วิสตันแน่นอน

     

                เพราะว่าหมอนั่นมันไม่ได้ชอบผู้หญิงน่ะสิ

     

                .

                .

                .

                .

                .

     

                โอฟีเรียไล่สายตามองตัวอักษรในหน้าหนังสือขณะที่นั่งอยู่ในรถม้าที่แสนจะโยกคลอน เธอพลิกมันครั้งหนึ่ง นัยน์ตาสีเขียวมรกตก็หรี่ลงเล็กน้อย หัวคิ้วย่นเข้าหากันอย่างผิดปกติ

     

                หลังจากวันนั้นโอฟีเรียก็ถูกพ่อกักบริเวณเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ ในช่วงเวลานั้นเด็กหญิงหาข้อมูลของเผ่าพันธุ์ตัวเองจนแทบจะสิงอยู่ในห้องสมุด ในหนังสือนั้นระบุเอาไว้ว่ายักษ์และบ๊วยไม่ถูกกันดั่งที่หมาสิงต้นไม้กล่าว เหตุมาจากยักษ์ต้นหนึ่งที่ทำผิดต่อเทพธิดาแห่งต้นบ๊วย สวรรค์จึงลงโทษเผ่าพันธุ์ยักษ์...ยามใดที่สัมผัสดอกบ๊วยจะรู้สึกร้าวรานไปทั้งร่างราวกับถูกสายฟ้าฟาด

     

                นอกจากนี้เผ่ายักษ์ยังมีคู่อริที่ไม่ว่าอย่างไรก็ลงรอยกันไม่ได้อยู่...ยักษ์เรียกพวกนั้นว่า จิ้งจอกสวรรค์

     

                ต้นตระกูลของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์นั้นเป็นผู้รับใช้เทพ มีหน้าที่ส่งสารและทำงานแทนเทพบนสวรรค์ พอนานวันเข้าพวกเขาก็ติดใจการใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ เริ่มมีการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ ทำให้พลังที่เคยกล้าแกร่งทดถอยลง และสูญพันธุ์ไปในที่สุด

     

                ซึ่งพวกจิ้งจอกสวรรค์จะไม่ต่างจากมนุษย์ สามารถจำแลงกายได้อย่างอิสระ ถนัดในการใช้มนต์คาถามาก แถมยังเจ้าเล่ห์แสนกลอีก

     

                ไม่แปลกที่จะไม่ถูกกับเผ่ายักษ์ที่เน้นใช้กำลังเข้าว่า เถรตรงประหนึ่งไม้บรรทัด

     

                อย่างไรก็ตาม...จิ้งจอกสวรรค์ในตอนนี้นั้นเป็นเพียงแค่ตำนานที่เห็นได้จากหนังสือและตำราเท่านั้น

     

                เพราะฉะนั้นแล้ว...เจ้าหมาสิงต้นไม้เมื่อวานก็คงจะไม่พ้นผีสางแน่นอน

     

                คิดถึงตรงนี้โอฟีเรียก็อดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เธอปิดหนังสือพลางลูบแขนที่เย็นวาบขึ้นมาอย่าเบามือแล้วจึงค่อยหันไปยิ้มหวานให้ผู้เป็นพ่อที่ก้มหน้ามองลงมาด้วยความงุนงง

     

                ไม่สบายรึเปล่าคะ กลับวังกันดีกว่าไหมคะ?พระราชาไฮรอสยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ใจจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากให้ลูกสาวต้องไปเจอเจ้าเด็กกระเปี๊ยกจากตระกูลวินสตันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีกฎมณเฑียรบาลบ้าบอที่ต้องรักษาเอาไว้แล้วล่ะก็...แค่ลูกสาวคนเดียวทำไมเขาจะเลี้ยงไม่ได้

     

                โอฟีเรียส่ายหน้า ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึกหนาวๆ นิดหน่อยเท่านั้น

     

                ไฮรอสนั้นเป็นพ่อที่ดีมากคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเขาขี้เป็นห่วงเกินไป...

     

                ด้วยการเลี้ยงแบบนี้ล่ะมั้ง โอฟีเรียในเกมถึงได้มีนิสัยเกินรับประทานแบบนั้น

     

                จริงนะคะ ถ้าเหนื่อยก็บอกคุณพ่อได้เลยนะคะ

     

                โอฟีเรียยิ้มหวาน ลอบหัวเราะในใจเสียงดังลั่น

     

                ความจริงก็ไม่ได้อยากจะไปอยู่แล้วสินะ นี่ก็แค่หาข้ออ้างกลับวังเท่านั้นแหละ!

     

                คุณพ่อกับลูกสาวคุยกันอยู่ได้ไม่นานรถม้าก็หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์สไตล์ยุโรปกลางสีงาช้าง โอฟีเรียมองแล้วก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อย มือยกขึ้นลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด พึมพำเสียงเบาอยู่หลายครั้งว่า ร่ำรวยและ อู้ฟู่

     

                ในเกมนั้นเคยพูดถึงคฤหาสน์ของตัวเอกเกมเพียงแค่ช่วงเริ่มสองสามบทแรกก่อนเลือกรูทเท่านั้น เธอไม่มั่นใจว่าหากเลือกฝาแฝดเนื้อเรื่องจะดำเนินแต่ในคฤหาสน์หรือไม่ แต่ในรูทคาลอสนั้น...ส่วนใหญ่จะไปโผล่ที่พระราชวังบ่อยๆ หรือไม่ก็ค่ายฝึกองครักษ์

     

                เชิญพ่ะย่ะค่ะหนึ่งในองครักษ์ของพระราชาไฮรอสเปิดประตูรถม้าและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าดุดัน เส้นผมถูกตัดสั้นสีส้มแสด ใบหน้าของเขาค่อนข้างคุ้นตาโอฟีเรีย หากแต่นึกไม่ออกว่าเห็นที่ไหน

     

                มาสิคะ โอฟีเรียไฮรอสยื่นมือมารับบุตรสาวของตนหลังจากลงรถไปแล้ว ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มสว่างไสว โอฟีเรียยกยิ้มขอบคุณแล้วจึงค่อยลงจากรถมาตามแรงพยุงของผู้เป็นพ่อ

     

                ในสายตาของเด็กหญิงตัวน้อย คฤหาสน์ตรงหน้าช่างโดดเด่นและดูโดดเดี่ยวเสียจริง มันให้กลิ่นอายแห่งความเยียบเย็น ไร้ซึ่งความอบอุ่น และไร้กลิ่นอายมวลแห่งความรักของครอบครัว ผิดกับพระราชวังหลวงของเธอ แม้ว่าผู้อาศัยจะมีเพียงเธอและพ่อ ไม่รวมนางกำนัลทั้งหลาย แต่มันกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก

     

                ที่หน้าประตูคฤหาสน์นั้นมีร่างสูงวัยของชายหญิงยืนอยู่คู่กัน ข้างๆ มีเด็กชายสองคนในชุดผ้าไหมเนื้อดียืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ โอฟีเรียมองเด็กชายสองคนนั้นเพียงนิดเดียวก็ส่ายหน้าไปทางอื่น

     

                นายเอกไม่ได้อยู่ต้อนรับด้วยหรอกหรือ...?

     

                ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกนอกสมรสก็ตามที แต่เขาก็คือพี่ชายคนโตของบ้าน อย่างน้อยๆ ผู้นำตระกูลวินสตันก็ควรจะพาเขามาต้อนรับพระราชาและองค์หญิงด้วย

     

                หรือว่าป่วย...อาจจะเป็นแบบนั้น

     

                ทรงพระเจริญฝ่าบาท กระหม่อมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่าบาทเสด็จมาเช่นนี้ผู้นำตระกูลวินสตัน โคฮาร์ท วินสตันกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับย่อตัวคำนับผู้เป็นนายเหนือหัว นัยน์ตารีดูเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากงูเฒ่ามององค์หญิงหนึ่งเดียวของประเทศแล้วยกยิ้ม

     

                เพิ่งเคยได้เห็นองค์หญิงเป็นครั้งแรก งดงามสมคำร่ำลือจริงๆ พะย่ะค่ะ

     

                โอฟีเรียยิ้มรับ ท่านกล่าวเกินไปแล้ว

     

                ฮ่ะๆ เชิญทั้งสองพระองค์ด้านในก่อนดีกว่าพะย่ะค่ะราชาไฮรอสพยักหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง โอฟีเรียเหลือบสายตามองพระบิดาที่เปลี่ยนเป็นคนละคนยามอยู่ต่อหน้าขุนนางแล้วก็รู้สึกทึ่งไม่น้อย เขาสับสวิตซ์ตัวเองได้รวดเร็วจริงๆ

     

                โอฟีเรียก้าวเท้าตามการจับจูงของผู้เป็นบิดาเข้าไปยังภายในของตัวคฤหาสน์ หากว่าเธอหันกลับมองไปยังพุ่มไม้เล็กๆ ข้างประตูนั่นสักนิด เธอก็จะรู้ว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งแอบมองอยู่ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×