คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : C H A P T E R 02
C H
A P T E R 02
นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหม่อมองท้องฟ้าผ่านทางหน้าต่างห้องนอนซึ่งชั้นที่สามของปราสาท
ในมือขององค์หญิงหนึ่งเดียวแห่งฟีโอน่ามีหนังสือประวัติศาสตร์ซึ่งกล่าวถึงการก่อตั้งอาณาจักรเล่มหนาเปิดค้างเอาไว้ที่กึ่งกลางของเล่มพอดิบพอดี
เส้นผมสีชมยาวจรดสะโพกสะบัดไปมาเบาๆ
ในอากาศเมื่อสายลมพัดโชยเข้ามาจากทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้
โอฟีเรียปิดเปลือกตารับลมที่พัดเข้ามาเล็กน้อย
ก่อนจะสอดที่คั่นหนังสือเอาไว้ในระหว่างหน้าที่อ่านค้างและวางมันลงบนโต๊ะน้ำชาตัวเล็กสีขาวแล้วขยับกายเดินตรงไปยังระเบียงห้องที่ประตูถูกเปิดเอาไว้อย่างเชื่องช้าด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาในช่วงสายของวันนั้นไม่แรงมากนักอาจจะเพราะว่าสองสามวันมานี้ฝนตกทำให้กลุ่มเมฆค่อนข้างหนา
โอฟีเรียสูดอากาศสดชื่นที่หาจากในชาติก่อนไม่ได้เข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วเบนสายตามองไปยังเนินเขาที่อยู่ห่างจากปราสาทไปเล็กน้อย
ตรงนั้นเป็นเนินเขาที่สูงขึ้นมา
ตรงกลางเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ทีกำลังผลิดอกสวยงามราวกับรอให้ผู้คนไปชื่นชม รอบๆ
นั้นเป็นทุ่งดอกไม้สีฟ้าสด มองจากที่ไกลๆ
แล้วคล้ายกับอัญมณีไม่น้อยยามที่พวกมันสะท้อนกับแสงอาทิตย์ เธอชอบมากเลยล่ะ
“อยากออกไปนอกปราสาทจังเลยน้า~”
โอฟีเรียบ่นพึมพำเสียงเบา
หลังจากวันนั้นที่ตื่นขึ้นมาก็ผ่านมาได้เกือบครบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
บาดแผลบนศีรษะของเธอเองก็ดีขึ้นมากจนสามารถถอดผ้าพันแผลและตัดไหมได้แล้ว
น่าเสียดายที่มันจะเป็นรอยแผลเป็นไปตลอดชีวิตไม่มีทางหาย
อย่างมากก็แค่จางลงเท่านั้นเอง
ซึ่งมันค่อนข้างจะส่งผลร้ายอย่างรุนแรงในเรื่องของการแต่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ภายในประเทศนี้นั้นไม่มีใครต้องการเจ้าสาวที่มีรอยแผลบนร่างกายหรอก ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวของประเทศก็เถอะ
แน่นอนว่าโอฟีเรียไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ไม่มีใครอยากแต่งด้วยก็ไม่เห็นจะต้องแต่งเลย
ซึ่งท่านพ่อเองก็ยังสนับสนุนความคิดนี้
เขาเห็นดีเห็นงามด้วยทันทีที่โอฟีเรียบอกว่าจะไม่แต่งงาน
พอมาคิดดูแล้ว
เขาเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวสุดๆ ไปเลยล่ะ
“แต่จะว่าไปแล้ว...ต้นตรงเนินนั่น
ต้นบ๊วยใช่รึเปล่านะ?” สมัยก่อนตอนที่ยังเป็นเฟียอยู่นั้น
เธอได้เห็นต้นบ๊วยแค่จากในรูปภาพเท่านั้นเอง แม้ว่าจะมีการปลูกบ๊วยภายในประเทศแต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสไปดูให้เห็นกับตา
เธอจึงไม่แน่ใจนักว่ามันจะใช่ต้นบ๊วยมั้ย
จากที่ศึกมาพอสมควรนั้น
ดอกบ๊วยนั้นมีหลากหลายสายพันธ์และมีหลายสีด้วยเช่นกัน ตั้งแต่สีแดง ชมพู และสีขาว ที่จีนนั้นจะเรียกว่า
เหมย ส่วนที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่า อุเมะ
ผลของบ๊วยนั้นใช้ทำได้หลายอย่างตั้งแต่อาหารการกินไปยันเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ
แถมดอกบ๊วยยังมีกลิ่นหวานๆ อีกด้วย
ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของโอฟีเรียเข้า
เธอเอ่ยอนุญาตเสียงไม่ดังนักโดยที่ไม่ต้องหันไปมองเพราะรู้อยู่แล้วว่าในระยะเวลานี้จะมีใครมาเยือนยังห้องนี้บ้าง
“ขออนุญาตพะย่ะค่ะ” เสียงร้องขอดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออก
โอฟีเรียผละตัวออกจากระเบียงหน้าต่างกลับเข้ามาภายในห้องนอนพร้อมกับยกยิ้มให้กับเด็กหนุ่มสองคนที่เข็นรถชาและของว่างสำหรับบ่ายนี้ด้วยความคุ้นเคย
ก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาว่า
“สวัสดียามบ่าย เมริม เมอริน”
เมริม ไฮล์ แฝดผู้พี่ไม่ได้ตอบขานคำทักทายของผู้เป็นนาย
เขาเข็นรถเข้ามาใกล้โต๊ะน้ำชาของโอฟีเรียและจัดแจงวางของว่างและชากาใหม่ลงบนนั้นอย่างคล่องแคล่วสมกับเป็นเด็กที่ถูกฝึกฝนมาเพื่อรับใช้ราชวงศ์
ผิดกับผู้เป็นน้องชายอย่างเมอรินที่ยิ้มร่า สไลด์ตัวไปหาองค์หญิงทันที
“สวัสดียามบ่ายครับ องค์หญิง~”
ฝ่ามือขาวเนียนราวกับเกล็ดหิมะแรกถูกคว้าจับเอาไว้โดยฝีมือของคนหน้าทะเล้น
เมอรินจุมพิตบนหลังมือของเด็กหญิงวัยห้าขวบเศษแล้วฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะร้องออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อสันมือของพี่ชายฟาดเข้าเต็มกลางกระหม่อม
“ทำบ้าอะไรเนี่ยเมริม...อั๊ก!”
เด็กหนุ่มหันไปแหวใส่พี่ชายฝาแฝดตาเขียว
แต่กลับถูกอีกฝ่ายกดหัวเสียต่ำแถมยังขัดขืนไม่ได้ เมริมผู้เป็นพี่ก้มหัวให้เจ้านายพร้อมกับเอ่ยขออภัยเสียงดัง
โอฟีเรียอมยิ้มขำ
เธอไม่ได้โกรธกับการกระทำของเมอรินเลยแม้แต่น้อย
ออกจะขบขันเสียมากกว่าที่อีกฝ่ายดันมาอ่อยเด็กอายุห้าขวบแบบนี้
แถมเธอยังค่อนข้างชอบผู้ชายขี้เล่น
เลยไม่คิดจะถือสาท่าทางทะเล้นเกินควรของเขา
“ไม่เป็นอะไรหรอก เราไม่ได้คิดมาก”
โอฟีเรียเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อ “แล้วก็ต่อไปนี้ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับเราหรอก
ฟังแล้วมันจั๊กจี้หูชอบกล”
สิ่งหนึ่งที่เธอไม่ชินกับการเป็นโอฟีเรียคือ คำราชาศัพท์
อย่างไรก็ตาม
ข้ารับใช้ทุกคนที่เห็นเธอนั้นปฏิบัติกับเด็กสาวราวกับว่าอีกฝ่ายคือเทพธิดาจากสรวงสวรรค์
จะแตะต้องมากเกินไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะแปดเปื้อน
หากแต่จะปล่อยปละละเลยนั้นก็ไม่ได้เช่นกัน
เหมือนกับว่าถ้าคาดสายตาจากเธอไปสักสามวิ
เธอจะกลายเป็นฟองอากาศแล้วลอยหายไปอย่างไรอย่างนั้น
คนที่พูดกับเธอแบบปกติคือ
ท่านพ่อและเมอริน มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นเอง
“แต่ว่า...” เมริมขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับรับสั่งขององค์หญิง
หากแต่กลับพูดได้เพียงแค่สองคำฝ่ายนั้นก็แย้งขึ้นมาก่อน
“ไม่มีแต่ เพราะนี่คือคำสั่ง”
น้ำเสียงเด็ดขาดของโอฟีเรียที่แสดงถึงการเอาแต่ใจนั้นทำให้เมริมไม่สามารถกล่าวปฏิเสธได้
เขาก้มศีรษะรับคำสั่งของผู้เป็นนายเสียงเบาแล้วปล่อยมือจากหัวของน้องชาย
ก่อนจะเอ่ยแนะนำของว่างและชาในวันนี้ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“วันนี้มีชาดอกมะลิครับ” กลิ่นของน้ำชาหอมฟุ้งทั่วห้องเมื่อเมริมเทมันลงในแก้วชา โอฟีเรียสูดกลิ่นของชาเบาๆ
แล้วเสมองไปยังขนมในจานกลมใบเล็กด้วยความสนใจ จนนัยน์ตาทั้งสองข้างเป็นประกายวิบวับ
เมริมมองสายตาขององค์หญิงแล้วรู้สึกเอ็นดูเล็กน้อย
เขาเลื่อนจานมาตรงหน้าเธอ “ส่วนของว่างนั้นเป็นไดฟุกุไส้สตรอว์เบอร์รี่ครับ”
โอฟีเรียร้องว้าวเบาๆ
ก่อนจะหยิบช้อนแล้วตักขนมเข้าปากคำเล็กอย่างมีมารยาท
สัมผัสหนุบหนับของเนื้อแป้งและความหวานของถั่วแดงกวนค่อนข้างจะถูกใจเธอไม่น้อย
หากแต่ส่วนที่ชอบมากคงจะเป็นรสเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ที่เข้ามาตัดกับความหวานของถั่วไม่ให้เลี่ยนมากเกินไป
“อื้ม~ อร่อยจังเลย~” แก้มเนียนของโอฟีเรียขยับพองเข้าออกราวกับกระต่ายตัวเล็ก
นัยน์ตาทั้งสองหยีลงจนคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวอย่างมีความสุข
มือข้างหนึ่งของเธอทาบเอาไว้บนแก้ม เรียกความเอ็นดูจากพ่อบ้านฝาแฝดได้เป็นอย่างดี
“น่าระ...”
“หากองค์หญิงชอบ
ผมจะบอกกับพ่อครัวให้ครับ” เมริมกระแอมเสียงเบากลบคำพูดไม่ควรของน้องชายเสียมิด
โอฟีเรียหันไปมองพ่อบ้านผู้เคร่งครัดของตนแล้วฉีกยิ้มกว้างพลางพยักหน้ารับสองสามครั้ง
แล้วหันไปสนใจกับขนมว่างในวันนี้ของตนต่อ
อยากให้วันเวลาอันสงบสุขแบบนี้อยู่ไปนานๆ
จังเลย
บางครั้งโอฟีเรียก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าตัวเธอนั้นจะต้องประสบพบกับชะตากรรมอันแสนจะโหดร้ายอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้
เธอเกือบจะลืมไปแล้วจริงๆ ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่เฟียที่ใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้อย่างอิสระ
แต่เป็น โอฟีเรีย ฟีโอน่า ไรเซ็น
องค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของประเทศและนางร้ายตัวเอ้ในเกมที่เคยเล่น
ใช่
ตอนนี้เธอไม่ใช่เฟียอีกแล้ว...
นัยน์ตาสีมรกตหรี่ลงเล็กน้อย
มองภาพสะท้อนของตนเองในแก้วชาพลางถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
พ่นความกังวลทั้งหมดให้หายไปพร้อมกับลมหายใจในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม...โอฟีเรียนั้นเป็นคนที่มองปัจจุบันมากกว่าอนาคต
เธอจึงดื่มด่ำกับไดฟุกุแสนอร่อยโดยปัดความกังวลในอนาคตทิ้งไปได้อย่างรวดเร็ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------
เขียนเรื่องนี้แล้วเพลินมากก เขียนเพลินกว่าเลรี่อีก ฮาาา
เรื่องนี้เนื้อเรื่องจะเดินค่อนข้างช้า (ในความคิดเรา)
นางเอกจะเป็นพวกสนใจปัจจุบันมากกว่าอนาคต
ไม่ถูกจริตใครก็ขอโทษด้วยนะคะ ส่วนเรื่องพระเอกนั้น เดี๋ยวก็เจอค่ะ
ความคิดเห็น