ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #15 : C H A P T E R 14 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 63


    C H A P T E R 14

     

            โอฟีเรียคะ ตื่นขึ้นมากินยาก่อนเร็วไฮรอสวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมนุ่มของบุตรสาวแล้วลูบเบาๆ ระหว่างที่กล่าวขึ้น ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังใบหน้าแดงเรื่อด้วยพิษไข้ของลูกน้อยอย่างปวดใจ เนื้อตัวของโอฟีเรียตอนนี้ร้อนจัดจนไม่ต่างจากกาต้มน้ำ แถมยังแดงก่ำจนแทบจะคั้นออกมาเป็นสีแดงได้อยู่แล้ว

     

                โอฟีเรียรับรู้ได้ถึงเสียงเรียกค่อยๆ ปรือดวงตาขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังไม่สบายตัวเพราะพิษไข้ขยับริมฝากอ้ารับอากาศหลังจากตื่นขึ้นจากนิทรา เธอยกดวงตาพร่ามัวมองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวเสียงแห้งผาก ท่านพ่อ...ไม่มีแรงเลยค่ะ

     

                ตอนนี้โอฟีเรียรู้สึกว่าร่างกายของเธอคล้ายมีระเบิดเวลาอยู่ภายใน ร่างกายของเธอจะเจ็บปวดอยู่เป็นพักๆ แถมยังร้อนสลับหนาววูบจนสั่นไปทั้งตัว องค์หญิงน้อยไม่รู้ว่าเธอกำลังไม่สบายหรือป่วยเป็นอะไร เพียงแต่มันเป็นอาการป่วยที่เจ็บปวดจนบรรยายออกเป็นคำพูดไม่ถูกเลยทีเดียว

     

                ตั้งแต่วันที่สั่งลงโทษเจ้าเด็กผีพวกนั้นไปเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นโอฟีเรียก็จับไข้จนได้แต่นอนติดเตียง จากที่ว่าจะแว๊บไปดูเจ้าพวกนั้นฝึกซ้อมกันบ้างก็กลายเป็นว่าต้องนอนหอบไม่ได้ขยับไปไหนมาเกือบจะสามวันแล้ว นอกจากตื่นขึ้นมากินข้าวกินยาแล้ว โอฟีเรียก็เอาแต่หลับตลอดทั้งวัน

     

                อาการป่วยนี้ทำให้เธออยากจะหลับไปยาวๆ ยาวจนกว่ามันจะหายไป

     

                ไฮรอสมองใบหน้าแดงก่ำของบุตรสาวแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด ชายหนุ่มกำถ้วยยาในมือของตัวเองแน่น หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะเจ็บแทนลูก กินยาสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวก็หายแล้วเนอะเขาพยุงร่างของบุตรสาวให้นั่งพิงกับหัวเตียงเพื่อป้อนยาอย่างสะดวก

     

                อาการป่วยของโอฟีเรียไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา เผ่ายักษ์แต่แรกก็เป็นผู้ที่มีพลังเวทในกายสูงเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อกระแสเวทภายในร่างกายไม่อาจควบคุมได้พวกมันก็จะปะทุอย่างรุนแรงอยู่ภายใน ปกติการปะทุของเวทมนต์จะไม่อันตรายถึงชีวิต เพียงปล่อยให้มันระเบิดไปมาในร่างกายสักสามสี่วันก็จะหายเป็นปกติ

     

                หากแต่ว่าโอฟีเรียไม่ใช่ยักษ์ทั่วไป เธอพิเศษกว่านั้น...ทำให้การปะทุของพลังเวทมนต์ในร่างกายรุนแรงกว่าคนอื่นเหล่าเท่าตัว และหากปล่อยโอฟีเรียเอาไว้แบบนี้สักอีกหลายวัน...กระแสเวทภายในร่างของเธอก็จะหาทางระบายออกด้วยการระเบิดร่างเจ้าของ จากนั้นก็จะกลายเป็นหายนะ

     

                การระเบิดของพลังเวทมนต์นอกจากจะทำให้ประเทศหายไปได้ง่ายๆ แล้ว ผลกระทบหลังจากนั้นคือหมอกพิษที่จะคร่าทุกสิ่งมีชีวิต

     

                เหนือสิ่งอื่นใด...โอฟีเรียจะตาย ซึ่งไฮรอสไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้นโดยเด็ดขาด

               

                เด็กหญิงหอบอากาศเข้าปอดหลายเฮือกก่อนจะอ้ารับช้อนยาที่ไฮรอสป้อนใส่ปาก ยาน้ำมีสีขาวใสเหมือนเกล็ดหิมะ แถมรสชาติก็ยังเย็นๆ เหมือนกลืนน้ำแข็งก้อนลงท้อง พอกินไปช้อนหนึ่งความร้อนในร่างกายก็คล้ายจะเบาบางลงบ้าง

     

                ยาชามนี้ใช้สมุนไพรเกือบห้าสิบชนิดทำขึ้นมา สมุนไพรเหล่านั้นทั้งหมดล้วนให้ฤทธิ์เย็นทั้งสิ้น มันสามารถระงับการปะทุของพลังเวทมนต์ภายในร่างของโอฟีเรียได้ราวๆ สามชั่วโมง จะทำออกมาให้เพียงพอสำหรับหนึ่งวันนับว่าสิ้นเปลืองไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

     

                แต่สำหรับไฮรอสแล้วของแค่นี้มันไม่ได้หนักหนาอะไร หากช่วยยื้อชีวิตของโอฟีเรียได้แล้วล่ะก็...ต่อให้สิ้นเปลืองกว่านี้เขาก็จะทำมัน

     

                ขอเพียงแค่โอฟีเรียมีชีวิตอยู่ต่อไป เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว...

     

                เพราะนอกจากโอฟีเรียแล้ว ไฮรอสก็ไม่เหลือใครอีก

     

                หลัวจากป้อนยาจนหมดถ้วยแล้วชายหนุ่มก็อยู่กล่อมบุตรสาวจนหลับไปอีกครั้ง โอฟีเรียจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็คงจะเป็นตอนที่ยาหมดฤทธิ์แล้ว เขาลูบใบหน้าชื้นเหงื่อของบุตรสาวแล้วกำหมัดแน่น ความจริงแล้วมันมีวิธีที่จะช่วยให้การปะทุของพลังเวทของโอฟีเรียหายไปอยู่ เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากจะย่างเท้าเข้าไปเหยียบยังดินแดนแห่งนั้น

     

                ดินแดนที่มีผู้หญิงแพศยานางหนึ่งอาศัยอยู่

     

                ไม่เป็นไรนะ พ่อจะช่วยให้ลูกหายเองไฮรอสคลี่รอยยิ้มแล้วลูบศีรษะของบุตรสาวเบาๆ เมื่อเธอขยับตัวด้วยท่าทางอึดอัดทรมาณ ต่อให้ต้องไปเจอนางผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แต่เพื่อลูกแล้วพ่อจะทำ

     

                ชายหนุ่มจัดการคลุมผ้าห่มให้ลูกสาวและตรวจดูอาการอีกครั้งเพื่อความสบายใจก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมชามยาที่ว่างเปล่า หน้าห้องนอนของโอฟีเรียมีคารอสและคิมสันยืนอยู่ กษัตริย์แห่งยักษ์มองไปยังองครักษ์ของบุตรสาวแล้วกล่าวว่า            

     

                ดูแลโอฟีเรียให้ดี หากลูกเราเป็นอะไรขึ้น...นั่นหมายถึงชีวิตของเจ้าคารอสก้มหัวลงต่ำรับคำสั่งขององค์ราชาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ต่อให้อีกฝ่ายไม่สั่งเขาก็จะทำตามหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว

     

                ฝ่าบาท...คิมสันมองใบหน้าของเจ้านายตนเองแล้วก็ได้แต่เรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ไฮรอสที่ไร้รอยยิ้มและเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เขาทำหน้าเช่นนี้ราวกับกำลังจะไปฆ่าใครก็ไม่ปาน อาการขององค์หญิงเป็นเช่นไรบ้างพะย่ะค่ะ

     

                ตอนนี้ไฮรอสเป็นคนเดียวที่เข้าไปดูอาการของโอฟีเรีย แม้กระทั่งต้มยาก็ยังเป็นไฮรอสที่ทำ เขาเหมางานทั้งหมดมาทำเองคนเดียวไม่เผื่อแผ่ให้ใครทั้งสิ้น เหตุผลมีอยู่ข้อเดียวคือเขามั่นใจว่าตัวเองจะดูแลลูกสาวได้ดีที่สุด

     

                ไม่ดีขึ้นเลยชายหนุ่มว่าพร้อมกับกัดฟัน เพราะฉะนั้นเราจะไปหายัยผู้หญิงคนนั้น ถ้าหากเป็นนางก็คงจะมียารักษาโอฟีเรียแน่

     

                คิมสันได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่กะพริบตา ความตกใจวาดผ่านดวงตาหลังกรอบแว่น นางหรือ ท่าน...เอาจริงงั้นเหรอ

     

                เพราะมันไม่มีทางอื่นแล้วไงล่ะหากว่ามันมีทางอื่นเขาก็ไม่อยากจะเลือกกลืนเข็มพันเล็มลงท้องแบบนี้หรอก ถ้าเกิดเลือกได้ตัวไฮรอสเองก็ไม่อยากจะไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งด้วยซ้ำ

     

                พระราชาหนุ่มขบฟันแน่นแล้วเดินผ่านหน้าเสนาบดีของตัวเองไป คิมสันเองเมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองเดินไปแล้วก็ได้แต่เก็บความตกตะลึงลงท้องของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว หนุ่มแว่นมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่ดั่งตรงแล้วได้แต่ครุ่นคิดตาม

     

                ความเกลียดชังเบาบางลงแล้วหรือไฮรอส...ไม่สิ บางทีอาจจะไม่ได้เบาบางลง เพียงแค่ต้องกดมันเอาไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกสาว

     

                คิมสันคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพบกันครั้งนี้จะไม่มีเหตุการณ์นองเลือดเกิดขึ้น เพราะคนที่ไฮรอสจะพบในครั้งนี้เป็นคนที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต เกลียดจนไม่อาจจะใช้ชีวิตร่วมกันได้

     

                ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อว่ารีรัส แม่มดแห่งโดโคเรีย มารดาขององค์หญิงโอฟีเรีย...

            .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

                ชายหนุ่มเลิกผ้าคลุมใบหน้าของตัวเองมองบาเรียใสดั่งเกล็ดหิมะตรงหน้าตัวเองครั้งหนึ่งแล้วบิดริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัด ความแข็งแรงทนทานของบาเรียเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่เขาปะทะกัน จะบอกว่าหลังจากตอนนั้นก็เก่งขึ้นเยอะงั้นสินะ?

     

                จะเข้าไปจริงๆ เหรอ?คิมสันที่ติดตามไฮรอสถามขึ้นด้วยความกังวลใจเล็กๆ แต่ไหนแต่ไรไฮรอสก็ไม่ใช่คนจะกักเก็บอารมณ์เก่งอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับคนที่เกลียดจนไม่อยากหายใจร่วมกันแบบนี้ ถ้าเกิดไปโดนอีกฝ่ายสะกิดอารมณ์เข้าหน่อยไม่ฆ่ากันจนตายไปข้างหรอกหรือ

     

                แน่นอน เราพูดคำไหนคำนั้นกษัตริย์หนุ่มตอบเช่นนั้นแล้วใช้ฝ่ามือกระแทกบาเรียตรงหน้าอย่างแรง ความร้อนวูบวาบไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าแม้สักนิดเดียว กลับกันแล้วไฮรอสยังใช้ปลายนิ้วจิกลงไปบนบาเรียแรงๆ อีกด้วยซ้ำ

     

                เสนาบดีคิมสันเองก็ไม่รู้จะห้ามเพื่อนตัวเองอย่างไรดี จึงได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายพลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกเหล่าองครักษ์เงาที่ติดตามกันมาให้เตรียมพร้อม หากบาเรียสลายเมื่อไหร่พวกเขาจะเข้าไปด้านในโดยทันที

     

                เพล้ง!

     

                บาเรียตรงหน้าพวกเขาแตกออกเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยบนอากาศและร่วงกล่าวอย่างสวยงามหิมะในฤดูหนาว ไฮรอสมองฝ่ามือที่แดงเถือกของตัวเองสะบัดวูบเดียว ดวงตาสีเขียวมรกตมองบ้านไม้สองชั้นที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในป่าแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นบนริมฝีปากเมื่อร่างของหญิงสาวนางหนึ่งปรากฎขึ้น

     

                ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารยาทย่ำแย่ขนาดนี้ ผ่านการอบรมมาได้อย่างไรกันนางผู้นั้นขยับชายกระโปรงสีม่วงอ่อนของตัวเองเบาๆ พลางก้าวเดินจากบ้านไม้ด้านในมาหาเขา ใบหน้าของเธอนั้นสรุปได้ง่ายๆ ว่าคมเฉียบราวกับเหยี่ยว โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำเงินเข้ม บุกบ้านคนอื่นแบบนี้เขาเรียกว่าอาชญากรนะ รู้รึเปล่า?

     

                ไฮรอสหัวเราะออกมาคำหนึ่งแล้วบิดริมฝีปาก เหอะ อย่างเจ้าต้องมีมารยาทด้วยหรือ? ไม่ใช่เราปราณีเจ้าแล้วหรอกหรือที่พังแค่บาเรีย

     

                คิมสันที่ยืนอยู่ด้านหลังกรอกดวงตาขึ้นมองท้องฟ้าครั้งหนึ่งอย่างเหนื่อยหน่ายใจ เขาตัดสินใจออกมาไกล่เกลี่ยเองก่อนที่เหตุการณ์ตรงหน้าจะลุกลามไปกันใหญ่ เพราะหากปล่อยให้ไฮรอสคุยเองเช่นนี้...มีหวังไม่ได้ยากลับไปรักษาโอฟีเรียแน่นอน

     

                รีรัส ตอนนี้องค์หญิงกำลังทรมาณเพราะการประทุของพลังเวทมนต์ พวกเราอยากได้ยาไปรักษาองค์หญิง...ท่านพอจะช่วยได้หรือไม่?

     

                หญิงสาวเจ้าของนามรีรัสขยับดวงตาของตัวเองครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเอ่ยถึงใคร เธอหันไปมองไฮรอสที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ครั้งหนึ่งแล้วเม้มริมฝีปาก เธอยกนิ้วชี้ไปยังไฮรอสและคิมสันก่อนจะกล่าวขึ้นว่า พวกท่านเข้ามาก่อนสิ อ้อ แน่นอนว่าแค่ท่านสองคน ที่เหลือให้รออยู่ด้านนอก

     

                ชายหนุ่มทั้งสองคนปลดผ้าคลุมหน้าออกแล้วเดินตามหญิงสาวไปอย่างไม่เร่งรีบนัก คิมสันหันไปบอกพวกองครักษ์เงาให้วางใจและรอกันอยู่ข้างนอก หากเกิดอะไรขึ้นอย่างไรไฮรอสก็เอาตัวรอดได้ ถึงรีรัสจะเก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนแต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกเขาสองคน

     

                ไฮรอสก้าวเดินเข้าไปในบ้านไม้ของแม่มดแห่งโดโคเรียพลางกวาดดวงตามองสมุนไพรมากมายที่แขวนห้อยเอาไว้เต็มบ้านหลังนี้ รีรัสถูกขนานว่าเป็นแม่มดเพราะว่านางเก่งปรุงยาจากสมุนไพร หาใช่เพราะว่าเก่งกาจทางเวทมนต์

     

                และเพราะว่านางเก่งการปรุงยาเช่นนี้...ครั้งหนึ่งไฮรอสจึงเผลอไผลไป

     

                แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง...ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว ประเด็นหลักอยู่ตรงที่ว่านางช่วยลูกของเขาได้ แค่นั้นก็เพียงพอ

     

                รีรัสเดินตรงไปยังกองสมุนไพรของตัวเองแล้วก้มตัวลงค้นบางอย่างอยู่สักพักหนึ่ง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองขวดแก้วหลากหลายขนาดที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในกล่องไม้ ยาหลากหลายชนิดที่เธอปรุงเอาไว้เวลาว่างเหล่านี้ไม่เคยได้ถูกนำมาใช้ สาเหตุหนึ่งคือมันเป็นของที่ทำขึ้นเฉพาะบุคคล

     

                ของที่ทำขึ้นมาเพื่อคนๆ เดียว

     

                หญิงสาวหยิบขวดแก้วสีเขียวอมเหลืองอ่อนขวดหนึ่งขึ้นมา เธอวางมันใส่มือของไฮรอสพร้อมกับกล่าวว่า ให้นางจิบยานี่ทุกๆ สามชั่วโมง สองวันก็คงจะหายดี

     

                ไฮรอสมองขวดยาในมือครั้งหนึ่งแล้วเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อ แม้ว่าปกติหญิงนางนี้จะเชื้อถือคำพูดไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก แต่หากเป็นเรื่องของโอฟีเรียแล้วคำพูดของรีรัสจะค่อนข้างเชื่อได้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารแท้ๆ ของโอฟีเรีย

                ถ้าเกิดโอฟีเรียเป็นอะไรเพราะยาของเจ้า เราจะส่งเจ้าไปดูแลนางชายหนุ่มว่าเช่นนั้นแล้วก็หันหลังเดินออกจากบ้านหลังน้อย แต่ยังไม่ได้ทันได้ก้าวขาพ้นประตูบ้าน เสียงเรียกของแม่มดแห่งโดโคเรียก็ทำให้ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าเอาไว้เสียก่อน

     

                ฝ่าบาท นางเป็นหนักมากเลยหรือ ข้าขอไปเยี่ยมนางได้หรือไม่...รีรัสบิดฝ่ามือของตัวเองไปมา อย่างไรไฮรอสก็คงจะไม่ใจจืดใจดำถึงขนาดจะไม่ให้แม่ลูกได้พบหน้ากันหรอก...ใช่มั้ย?

     

                แต่ไม่ ไฮรอสนั้นเป็นคนใจดำเกินกว่าที่รีรัสจะคาดคิด

     

                กษัตริย์แห่งยักษ์ปลายสายตามองหญิงสาวผมดำเพียงครั้งเดียวก็แค่นเสียงใส่ เหอะ เจ้าไม่มีสิทธิเจอนางตั้งแต่ที่เจ้าคิดจะฆ่านางแล้ว เก็บความห่วงใยจอมปลอมของเจ้าไปเถอะ

     

                รีรัสได้แต่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินผ่านไป ดวงตาคมเฉี่ยวที่ปกติมักจะมีความถือดีอยู่เต็มเปี่ยมหลุบต่ำมองพื้นอย่างเศร้าสร้อย หญิงสาวห้วนคิดไปถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อนนู้น หากว่าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปในตอนนั้นได้อีกครั้ง เธอจะไม่ทำเช่นวันนั้น

     

                หากเป็นไปได้...เธอก็อยากจะโอบกอดลูกอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

     

                ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีก

                

    -------------------------------------------------------------------------------

    มาค่ะ โอฟี่ต่อติดแล้ว...ถถถถถถ 

    หลังจากนี้เราจะอัพโอฟี่เป็นหลักค่ะ เพราะว่าเลรี่จบแล้ว 

    ไม่มั่นใจว่ามันคือครึ่งตอนไหมเพราะว่ายังเขียนไม่จบ แต่เอาเป็นว่าน่าจะครึ่งแหละค่ะ 

    ตอนนี้คาดว่าน่าจะเป็นตอนของท่านพ่อเต็มๆ เลยค่ะ มีแต่ท่านพ่อทั้งนั้น ถถถถถถ

    -------------------------------------------------------------------------------

    มาอัพเพิ่มแล้วค่ะ บอกแล้วว่าตอนนี้มีแต่ท่านพ่อเท่านั้น ถถถถถถ

    เปิดตัวท่านแม่อย่างเป็นทางการด้วย แต่หลังจากนี้บทจะหายไปยาวๆ เลย กว่าจะโผล่ก็คงอีกสักพักใหญ่ๆ

    ตอนหน้าคิดว่าพระเอกจะออกค่ะ...ซึ่งความจริงพระเอกก็ออกมานานแล้วแหละ 

    ทุกคนว่าไงคะ ลงเรือใครเป็นพิเศษ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×