คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : C H A P T E R 13 : เรื่องในคืนเดียวกัน
C H A P T E R 13
เรื่องในคืนเดียวกัน
ไฮรอสนั่งเขียนเอกสารงานของตัวเองอยู่ภายในห้องทรงงานที่ตกแต่งด้วยสีครีมขาวเพื่อให้ความสว่าง ชั้นหนังสือมากมายถูกอัดแน่นอยู่ภายในห้องเพื่อความสะดวกในการหาข้อมูล ที่ผนังด้านขวามือมีรูปวาดแขวนเอาไว้ เป็นรูปของกษัตริย์ยักษ์ในเครื่องทรงเต็มยศและผ้าคลุมสีแดงเข้ม ในอ้อมแขนของเขามีทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าสีทองปักลายงดงาม
พระราชาไฮรอสทำงานไปด้วยขณะที่ภายในหัวก็คิดถึงคำรายงานของพ่อบ้านฝาแฝดที่คอยรับใช้โอฟีเรียไปด้วย ฝาแฝดพวกนั้นแต่เดิมทำงานเป็นองครักษ์เงาให้เขาอยู่ แต่พอโอฟีเรียเกิดมาไฮรอสก็ย้ายงานพวกเขาไปอยู่แผนกพ่อบ้าน เพื่อคอยรับใช้และดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเอง
ตั้งแต่เล็กจนโต โอฟีเรียไม่เคยเรียกร้องอะไรไปมากกว่าอิสรภาพในการใช้ชีวิต เธอขอให้เขาปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานจนกว่าจะอายุสิบเจ็ดปีเต็ม ซึ่งเป็นอายุที่สมควรกับการสร้างครอบครัว ในชีวิตของโอฟีเรีย ผู้ชายที่เธอสนิทด้วยมากที่สุดคือเขาผู้เป็นพ่อ รองลงมาคือพ่อบ้านฝาแฝด และตอนนี้เพิ่มเข้ามาหนึ่งคนคือองครักษ์คารอส
แต่วันนี้…เขากลับได้ยินว่าโอฟีเรียปกป้องเด็กจากตระกูลวินสตัน
โอฟีเรียไม่ควรจะไปสนิทสนมกับเด็กจากตระกูลนั้น เจ้าพวกวินสตันมันเจ้าเล่ห์มากแผนการเป็นที่สุด ถึงหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันอย่างโคฮาร์ทจะโง่อยู่บ้าง แต่ก็เป็นงูเฒ่าเจ้าปัญหาที่คอยสร้างความรู้สึกคันไม้คันมือให้ชายหนุ่มได้ทุกครั้งที่เรียกประชุมขุนนาง
ดังนั้น ลูกๆ ของงูเฒ่าก็คงจะไม่ต่าง ก็คงจะเป็นงูดินเจ้าเล่ห์เหมือนกัน
เขาคิดไปถึงฝาแฝดหัวสองสีนั่น คนพี่ดูจะมากแผนการและรับมือยากหากโตขึ้นมากกว่านี้ ส่วนคนนอกแลมีคุณธรรมจรรยามากกว่าคนพี่ แถมยังนิ่งขรึม มองออกได้ยากว่าภายในหัวน้อยๆ นั่นกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีอาจจะน่ากลัวกว่าคนพี่ก็ได้
แต่คนที่โอฟีเรียเข้าหาไม่ใช่ฝาแฝดหัวสองสี แต่เป็นบุตรชายคนโตของโคฮาร์ท ฮิคาริ วินสตัน
เด็กผู้ชายที่เขาไม่รู้จักหน้าค่าตา นิสัยเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้คาดเดา อย่างน้อยๆ ก็คงจะต้องเป็นพวกชวนปวดหัวไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อหรอก
จากคำรายงานของเมริม ได้ความว่าโอฟีเรียค่อนข้างจะเป็นห่วงฮิคาริคนนี้มาก มากจนถึงขนาดยอมเป็นศัตรูกับเบื้องหลังของเด็กเหล่านั้นเพื่อช่วยฮิคาริ วินสตัน ไฮรอสพอใจในความกล้าหาญของบุตรสาวเป็นอย่างมาก เขาไม่สนใจหรอกว่าโอฟีเรียจะสร้างศัตรูสักกี่คน เพราะไม่ว่ายังไงพวกมันก็ทำอะไรลูกสาวของเขาไม่ได้อยู่ดี
แต่ไฮรอสไม่พอใจมากๆ ตรงที่โอฟีเรียไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น แถมยังเป็นผู้ชายจากตระกูลวินสตัน!
เปรี๊ยะ!
ปากกาขนนกในมือหักออกเป็นสองท่อนเมื่อไฮรอสคิดถึงรอยยิ้มของบุตรสาวที่มอบให้กับผู้ชายคนอื่น เสียงหัวเราะของลูกสาวที่มอบให้ผู้ชายคนอื่น สุดท้าย ภาพโอฟีเรียในชุดเจ้าสาวพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสวและคำพูดบาดใจก็ผุดขึ้นมาในหัว
‘ท่านพ่อคะ หนูจะแต่งงานกับเขาค่ะ!’
ไม่ ไม่ยอมเด็ดขาด!
เขาไม่ยอมให้โอฟีเรียไปใช้ชีวิตกับผู้ชายมากเล่ห์คนไหนทั้งนั้น พวกผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด แกะน้อยจอมปลอม! ไม่มีใครดีเท่าเขาอีกแล้ว
กลิ่นหอมของโกโก้ร้อนขัดจังหวะความคิดของไฮรอส ชายหนุ่มมองแก้วโกโก้หอมกรุ่นตรงหน้าพลางเลิกคิ้วใส่เสนาบดีของตัวเอง คิมสันขยับแว่นสายตาของตัวเองเพื่อปรับให้มันเข้ากับระดับสายตา มองไปยังปากกาขนนกอันใหม่แกะกล่องที่เพิ่งใช้ได้เพียงสามวันของไฮรอสก็ถอดถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
เขากับไฮรอสเป็นสหายที่สนิทกันมานานแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังตัวเท่าหน้าแข้งพ่อแม่ ทุกช่วงชีวิตของไฮรอสมีเขา และเขาก็มีไฮรอส แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ชวนใจหายใจคว่ำก่อนองค์หญิงตัวน้อยจะเกิดมาก็เป็นเขาที่พยายามช่วยไกล่เกลี่ย
“ดื่มของหวานจะช่วยให้ดีขึ้นนะครับ องค์หญิงบอกมาแบบนั้น” ใบหน้าของไฮรอสเบ่งบานขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มยกโกโก้ร้อนขึ้นจิบอย่างสบายใจมากขึ้น ทั้งๆ ที่ปกติเป็นคนไม่ชอบกินของหวาน เขาเหลือบสายตามองคิมสันครั้งหนึ่ง ขณะที่เอนหลังพิงกับเก้าอี้เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยตึง
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”
คิมสันยื่นเอกสารสองสามแผ่นให้เขา “เรื่องของบุตรชายคนโตตระกูลวินสตันมีไม่มาก แต่เดิมอาศัยอยู่ในสลัมกับแม่ที่เป็นมนุษย์ หลังจากแม่ตายเขาก็เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์วินสตัน จากนั้นก็มีข่าวออกมาว่าป่วยหนักทำให้ไม่ค่อยออกมานอกคฤหาสน์มากนัก”
“มีเรื่องอะไรที่มันน่าสงสัยหรือเปล่า?”
คิมสันส่ายหน้า “ไม่มีอะไรน่าสงสัยหรือเป็นภัยกับองค์หญิง เพียงแต่อีกเรื่องที่ท่านให้ไปสืบ…”
ไฮรอสเอนตัวกลับมานั่งหลังตรงเหมือนเดิม ดวงตาสีมรกตฉายแววเหี้ยมเกรี้ยมขึ้นมา นึกไปถึงแมลงที่บังอาจบินมาตอมดอกไม้แสนสวยของเขาถึงห้องนอนแล้วก็อยากจะจับมันกลืนลงท้องให้สมใจอยาก
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมไอของคิมสันทำให้ดวงตาเหี้ยมของไฮรอสหายวับไปก่อนจะกลับมาทอประกายสดใสดั่งเมื่อครู่ พระราชาจิบโกโก้ร้อนพลางพยักพเยิดให้คนสนิทควบตำแหน่งสหายรู้ใจพูดเรื่องที่เขาให้ไปสืบต่อ
“เรื่องของแมลงตัวนั้นที่ท่านให้ไปสืบมา ไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิดเดียว” คิมสันส่ายหน้า พลางพ่นลมหายใจออกมา “พวกองครักษ์เงาไม่เห็นตัวเขา จับสัมผัสก็ไม่ได้ งานนี้หากต้องการหาตัวจริงๆ ฝ่าบาทคงจะต้องจัดการเองแล้วล่ะ”
ไฮรอสวางแก้วโกโก้ร้อนในมือลงกระแทกกับโต๊ะทำงานอย่างแรง ชายหนุ่มจิปากด้วยความหงุดหงิด “เจ้าพวกไม่เอาไหน!”
คิมสันมองท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนของไฮรอสแล้วถอนหายใจ หลังจากที่อีกฝ่ายมีโอฟีเรียเข้ามาร่วมใช้ชีวิตด้วยก็อารมณ์เย็นขึ้นเยอะ เมื่อก่อนพระราชาไม่ได้ยิ้มเก่งแบบนี้ ไฮรอสเป็นพวกหน้านิ่งสนิท ยิ้มยากและอารมณ์ร้าย ความโกรธครั้งหนึ่งของเขาเคยเป่าประเทศหนึ่งให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มาแล้ว
ดังนั้นตอนนี้องค์หญิงน้อยจึงเป็นจุดอ่อนเดียวของไฮรอส รวมไปถึงความอ่อนโยนของพระราชาด้วย
หากไม่มีโอฟีเรีย เชื่อได้เลยว่าประเทศรอบข้างคงจะถูกยึดครองมาหมดแล้ว...และไฮรอสคงจะกลายเป็นกษัตริย์ทรราช
“แล้วเรื่องของบุตรชายตระกูลวินสตันคนนั้น ฝ่าบาทจะทำอย่างไร?”
ชายหนุ่มเหลือบสายตามองปากกาขนนกที่หักครึ่งของตัวเองครั้งหนึ่ง ก่อนจะบิดริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก “เดี๋ยวเรื่องนี้เราจะจัดการเอง”
.
.
.
.
.
ในค่ำคืนที่พระจันทร์ฉายแสงไปทั่วท้องฟ้า ภายในห้องที่ดับไฟมืดสนิทแล้ว เด็กชายเจ้าของเรือนผมสีทองสว่างปาข้าวของภายในห้องของตัวเองอย่างคับแค้น เขาคว้าแจกันลายครามราคาแพงที่บิดาซื้อหามาจากต่างเมืองทุ่มลงพื้นพร้อมกับคำรามในลำคอ
“บ้าเอ้ย!”
ใบหน้าของเด็กชายแดงจัด เขาหอบหายใจ อารมณ์หงุดหงิดพุ่งพรวดไม่หยุดยั้งได้ หวนคิดถึงใบหน้าของเด็กสลัมจากตระกูลวินสตันก็ยิ่งกราดเกรี้ยวมากขึ้น
ฮิคาริ วินสตัน เพราะแก! ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแกคนเดียว!
องค์หญิงลงโทษพวกเขาให้ฝึกซ้อมกับพวกทหารองครักษ์เพียงเพราะพวกเขารังแกคน ต่อให้ถอดตาฝังเอาไว้ใต้ดินก็ยังรู้เลยว่าอีกฝ่ายมีเจตนาปกป้องเจ้าเด็กลูกครึ่งน่ารังเกียจคนนั้น บิดาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาไปก่อเรื่อง แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวซักหน่อย!
ทั้งหมดก็ต้องโทษเจ้าพวกตระกูลวินสตันทั้งนั้น! แล้วก็ยังองค์หญิงอีกคนด้วย
ถ้าเกิดว่าองค์หญิงไม่สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้แต่แรก เขาก็ไม่โดนบิดาต่อว่า ไม่โดนมารดาสั่งลงโทษให้อยู่เพียงแต่ในห้อง แล้วก็ไม่ต้องทนเห็นสายตาราวกับเยาะเย้ยคนของเจ้าพวกตระกูลวินสตันด้วย โดยเฉพาะเจ้าลูกครึ่งนั่น
ดวงตาของเด็กชายดำมืดไปครึ่งหนึ่ง ริมฝีคลี่รอยยิ้มชั่วร้ายออกมา แม้จะกล่าวได้ว่าองค์หญิงอย่างโอฟีเรียเป็นเพชรกลางดวงใจของพระราชา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาทางทำอะไรไม่ได้เสียหน่อย
ขอเพียงมีเส้นสายและกำลังในมือสักหน่อยก็สามารถสร้างเรื่องลำบากเล็กๆ น้อยๆ ให้องค์หญิงได้แล้ว...
เสียงหัวเราะดังลอดมาจากริมฝีปากของเด็กชาย เขาหมุนตัวเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างห้องที่เปิดค้างเอาไว้ หยิบกระดาษและหมึกจากใต้โต๊ะขึ้นมาและร่างแผนการของตัวเองอย่างเพลิดเพลินใจ ยามคิดถึงผลลัพธ์แสนหอมหวาน ใบหน้าของเขาก็อาบเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
รอก่อนเถอะ...ไม่ว่าจะองค์หญิงหรือตระกูลวินสตัน พวกมันก็ต้องได้รับทุกอย่างให้สมกับที่ทำเอาไว้!
“ฮ่ะๆ สมกับเป็นความคิดของเด็กน้อยจริงๆ เลยน้า” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นภายในห้องนอนที่เงียบเชียบของเด็กชาย เขาสะดุ้งกายลุกขึ้น ฝ่ามือกำด้ามปากกาขนนกแน่น ในตอนนี้เขาไม่มีอาวุธอยู่ในมือ หากเกิดอะไรขึ้นก็คงพึ่งได้เพียงแค่ปากกาขนนกในมือเท่านั้น
ร่างสูงโปร่งที่สวมเพียงกางเกงฮากามะสีเทาเข้มนอนตะแคงกายอยู่บนเตียงใหญ่กลางห้อง แสงจันทร์ที่สอดผ่านหน้าต่างกระทบเข้ากับร่างกายของคนบนเตียง ทำให้อีกฝ่ายมีลักษณะคล้ายกับพวกภูติในตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนอน เส้นผมสีดำยาวสยายเต็มที่นอน ดวงตาสีอำพันอาบย้อมเอาไว้ด้วยความขบขัน เช่นเดียวกับริมฝีปากที่คลี่รอยยิ้ม
“จะ เจ้าเป็นใครกัน!” เด็กชายก้าวถอยหลังเล็กน้อย มือที่กำปากกาขนนกเอาไว้สั่นเล็กน้อย เขาอยากจะเปล่งเสียงเรียกคนด้านนอกให้เข้ามาภายในห้องแต่กลับทำไม่ได้ คล้ายมีบางอย่างกดทับเสียงของเขาเอาไว้ สิ่งที่หลุดรอดจากริมฝีปากจึงมีเพียงแค่เสียงสั่นกระทบกันของฟัน
คนบนเตียงยกแขนขึ้นค้ำคอ เหลือบสายตาขึ้นมองเพดานคล้ายกรุ่นคิด “อืม เจ้าไม่รู้จักข้าจะดีกว่านะ”
เด็กชายยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาฉายแววหวาดกลัวและสับสน อีกฝ่ายเป็นชายที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไม่รู้จักและคิดว่าไม่อยากจะทำความรู้จักด้วย แม้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายจะมีรอยยิ้มอาบย้อมเอาไว้ แต่รังสีดำมืดที่รายล้อมอยู่รอบกายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาจะเข้าไปอยู่ใกล้
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจะทำแบบนั้นทำไม แต่แนะนำให้เก็บความคิดเอาไว้แค่ในหัวจะดีกว่า” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส เขายังคงคลี่รอยยิ้มให้กับเด็กชายที่หน้าซีดเซียวแทบจะไร้สีเลือด ปรายหางตามองไปยังกระดาษบนโต๊ะริมหน้าต่างครั้งหนึ่งแล้วหัวเราะเสียงเบา “เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่านางไม่ใช่คนที่เจ้าจะเล่นด้วยได้”
เด็กชายกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้ว่าการทำให้โอฟีเรียเดือดร้อนก็เท่ากับหย่อนขาลงลาวาร้อนๆ ไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ความอัดอั้นนี้จะให้เขากล้ำกลืนมันลงท้องไปจนหมดก็ทำไม่ได้ หากไม่ได้แก้แค้นให้กับตนเองแล้ว คาดว่าชีวิตนี้คงจะตายตาไม่หลับ
บิดาสอนเขา มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ไม่เช่นนั้นจะเสียเกียรติตระกูลเอาได้
ตระกูลเขามีอำนาจ รองลงมาจากพวกวินสตันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำการใหญ่ไม่ใช่เรื่องยาก...แต่ไม่คิดว่าจะมีคนสอดมือเข้ามายุ่งแบบนี้
ชายหนุ่มบนเตียงผุดกายลุกขึ้นเดินตรงมาหาเด็กชายเจ้าของห้อง เขาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายประมาณสองก้าวไม่ขาดไม่เกิน ใบหน้าอาบรอยยิ้มชวนให้คนหวาดผวาก้มลงมองหน้าเด็กน้อยผมทองที่ตัวสั่นระริกไม่ต่างจากลูกนกเปียกฝนใกล้พลางคลี่ริมฝีปาก โชว์คมเขี้ยวแหลมคมของตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นชัดๆ
“แต่ถ้าเจ้าอยากจะลองเล่นสักหน่อย ข้าก็จะเป็นคู่มือให้” เงาดำมืดที่ทาบทับร่างของเด็กชายปรากฏร่างสูงที่มีใบหูของจิ้งจ้องอยู่เหนือศีรษะ หางทั้งเก้าของเขาสะบัดพลิ้วไปมาในอากาศ เด็กชายกะพริบตาด้วยความหวาดผวา ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นเงาร่างแบบนี้ในตำรา
ในหมู่จิ้งจอกสวรรค์ด้วยกัน จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มีหางทั้งเก้า...
จิ้งจอกสวรรค์ตนใดที่ได้ครอบครองหางทั้งเก้าจะถูกเรียกขานว่า โอกะ เทพแห่งจิ้งจอกผู้ลงมาจากทรวงสวรรค์!
เป็นไปไม่ได้! จิ้งจอกสวรรค์สูญสิ้นไปจนหมดแผ่นดินแล้ว พวกมันไม่ควรจะหลงเหลืออยู่แล้ว!
เด็กชายกัดริมฝีปากที่สั่นระริกของตัวเองแน่น ก่นด่าทุกอย่างที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับเผ่าพันธุ์ที่ไม่ควรจะหลงเหลืออยู่แล้วอย่างจิ้งจอกสวรรค์ แถมยังเป็นโอกะอีกด้วย ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงจะเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ
หากย้อนเวลากลับไปได้สักเพียงเล็กน้อย เขาจะยอมรับบทลงโทษของตัวเองเงียบๆ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
เด็กชายหลับตาปี๋เมื่อร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้ ตอนนี้มือไม้ของเขาอ่อนปวกเปียกไม่ต่างจากขี้ผึ้งเหลวเลยสักนิด จะดีหน่อยก็ตรงที่เขายังสามารถฝืนประคองตัวยืนได้โดยที่ยังไม่ล้มพับไปกับพื้นเสียก่อน เขากลั้นใจรับความเจ็บปวดที่อาจจะตามมา แต่รออยู่นานก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น
ดวงตาสีเปลือกไม้ค่อยๆ เปิดขึ้น ตรงหน้าของเขาว่างเปล่าไร้ร่างของโอกะแล้ว เหลือเพียงแสงจากดวงจันทร์และลมเย็นๆ รวมไปถึงสภาพห้องที่เละเทะไม่เรียบร้อยเท่านั้น ในมือของเขายังกำปากกาขนนกแน่นจนเปียกชื้น มันคือหลักฐานชิ้นเดียวที่ปกบอกว่าสิ่งทีเขาเจอนั้นไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด
เด็กชายถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ร่างกายทรุดลงนั่งกับพื้นที่เต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะไม่เรียบร้อย แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ต่อให้ใต้ขาเป็นกระเบื้องแตกๆ เขาก็ยินยอมจะทิ้งตัวลงนั่งด้วยความยินดีด้วยซ้ำไป
แต่เขาสบายใจยังไม่ทันไร เสียงหัวเราะต่ำๆ และสายเย็นๆ ก็พัดผ่านร่างกาย ขนบนกายพากันลุกชันขึ้นมาอย่างไม่อาจจะห้าม เด็กชายรีบผุดกายลุกขึ้นยืน กระโดดลงเตียงของตัวเองอย่างรุนแรง คว้าผ้าห่มคลุมกาย จากนั้นก็สะกดจิตตัวเองให้หลับเข้าสู่ห้วงนิทราเร็วๆ
เขากลัวว่าถ้าเกิดยังตื่นอยู่อีก มันจะมีมากกว่าเสียง!
ในขณะที่ผู้อื่นถูกก่อกวนจนเสียขวัญ ตอนนั้นโอฟีเรียเองก็ยังคงนอนหลับอย่างเป็นสุข ไม่ได้รับรู้สักนิดเดียวว่าตัวเองทำให้คนอื่นต้องเจอเรื่องอกสั่นขวัญแขวนแค่ไหน...
-------------------------------------------------------------------------------
หายไปนานสำหรับโอฟี่ เราจะพยายามมาอัพคู่กับเลรี่บ่อยๆ ตราบเท่าที่เวลาอำนวยนะ
ความคิดเห็น