คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : C H A P T E R 12
C H A P T E R 12
โอฟีเรียมองพวกเด็กเปรตทั้งหลายที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างสะบักสะบอมที่เต็มไปด้วยฝุ่นของฮิคาริและเด็กผู้ชายผมสีเหลืองทองที่มีดาบไม้อยู่ในฝ่ามือ
เขาคือคู่กรณีของฮิคาริที่เธอเห็นจะๆ กับตาว่าเอาดาบไม้ไล่ฟาดอีกฝ่ายอย่างเมามันส์
“พวกนายทำอะไรกัน” น้ำเสียงของโอฟีเรียเรียบนิ่ง
เด็กหญิงตัวน้อยก้าวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฮิคาริอย่างเชื่องช้า
ฝีเท้าขององค์หญิงยักษ์มั่นคงแต่เงียบกริบ
ไม่ต่างจากบรรยากาศที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
เงียบสงบ
ดั่งทะเลที่ไร้คลื่นลม
แต่ใครเล่าจะรู้
ว่าทะเลที่สงบคือสัญญาณบ่งบอกถึงพายุที่กำลังจะมา
“กระหม่อมเพียงแค่ซ้อมประลองพะย่ะค่ะ”
คนที่ตอบคือเด็กผู้ชายผมสีน้ำเงิน โอฟีเรียหรี่สายตาลง
เธอเห็นเด็กคนนี้นั่งอยู่ตรงโต๊ะเดียวกับแฝดนรกของตระกูลวินสตัน
ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์แบบไหนกับสองแฝด แต่คิดว่าคงจะดีไม่น้อยเลยเชียว
“ซ้อมประลอง? ฮึ
เป็นการซ้อมประลองที่ยุติธรรมยิ่ง” โอฟีเรียหัวเราะเบาๆ
ประโยคนั้นขององค์หญิงทำให้แผ่นหลังของบรรดาลูกขุนนางเย็นวาบ
แม้กระทั่งอาโออิก็ยังรู้สึกขนลุก
เขาไม่เห็นจะรู้เลยว่าองค์หญิงที่ทำตัวเหมือนพวกไม่เอาอ่าวในวันนั้นจะมีท่าทางแบบนี้ได้
ตอนแรกที่เห็นโอฟีเรีย
เขาก็กาหัวเอาไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้อย่างดีก็คงมีสมองกว่าพวกลูกขุนนางคนอื่นนิดหน่อย
แต่ถ้าต่ำตมเลยก็เป็นพวกโง่งม
แต่พอมาเห็นท่าทางในวันนี้แล้วอาโออิก็รู้สึกว่าเขาตัดสินโอฟีเรียเร็วเกินไป
ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องที่เขาไม่รู้อยู่เต็มไปหมด
น่าสนใจชะมัด...
ฮิคาริก้มหน้านิ่ง
เขาเห็นรองเท้าสีชมพูหยุดอยู่ตรงหน้าตัวเอง
แต่ภายในหัวของเขากลับไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ได้ฟังเสียงรอบข้าง
องค์หญิง...โอฟีเรียน่ะหรือ?
ท่าทางของโอฟีเรียในวันนั้นก็บ่งบอกได้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นบุตรสาวของขุนนางตระกูลใหญ่สักแห่ง แต่เขาไม่เคยคิดจริงๆ
ว่าโอฟีเรียจะเป็นถึงองค์หญิงเพียงหนึ่งของประเทศ ผู้เป็นดวงใจของพระราชา
ในเช้าวันนั้นก่อนจะเจอโอฟีเรีย
โคฮาร์ทก็เรียกเขาไปทานข้าวร่วมกันในยามเช้า
แถมยังพูดถึงว่าวันนี้พระราชากับองค์หญิงจะมาที่บ้าน ขอให้พวกเขาทำตัวกันดีๆ
แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของโคฮาร์ทคนนั้นจะไม่พอใจ
เพราะเธอสั่งให้เขาอยู่แต่ในเรือนเล็ก ห้ามออกมาเผ่นพ่านเด็ดขาด
แถมยังมีการพูดอีกว่าต่อไปองค์หญิงจะมาเป็นคู่หมั้นของอาโออิ
ต่อให้เขาปิดหู
และมองแค่ตาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการเอาเรื่องหมั้นหมายมาข่มให้เขารู้สึกแย่
เพราะว่าเขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล หากให้พูดกันตามความจริงแล้ว
คนที่ควรจะได้หมั้นกับโอฟีเรียคือเขา แต่กลับเป็นอาโออิแทน
แต่ถามเถอะว่าเขาอยากจะหมั้นรึเปล่า
ฮิคาริคร้านจะสนใจ
ตอนนั้นขอเพียงแค่ไปให้พ้นๆ
โต๊ะอาหารที่แสนจะอึดอัดนั่นเขาก็ยินดีจะทำทุกอย่างแล้ว
แต่พอมาย้อนคิดตอนนี้อีกที
เด็กชายรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“ฮิคาริ เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
โอฟีเรียย่อตัวลงประคองฮิคาริที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เด็กชายมีการขืนตัวอยู่บ้างเล็กน้อย
หากแต่สุดท้ายก็ยอมผุดกายลุกขึ้นตามแรงประคองขององค์หญิงยักษ์
ข้างขมับของฮิคาริมีรอยเลือดไหลอยู่
โอฟีเรียเห็นแผลบนใบหน้าของเขาแล้วเม้มริมฝีปาก
เธอโกรธเด็กพวกนี้จริงๆ ดูก็รู้ว่าฮิคาริอ่อนแอบอบบางขนาดไหน
ทำไมพวกเขาถึงไม่ยั้งมือกันบ้าง รังแกคนที่อ่อนแอกว่าแบบนี้มันสนุกรึยังไงกัน
เธอเกลียดจริงๆ
คนประเภทนี้!
“เลือดออกนี่...” โอฟีเรียล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเล็กๆ
ที่ชายกระโปรงขึ้นมาซับรอยเลือดที่ไหลตามกรอบหน้าของฮิคาริอย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีมรกตของเธอคล้ายมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมายามมองไปทางพวกเด็กน้อยทั้งหลายที่ต่างนั่งเงียบ
“องค์หญิง...” ฮิคาริกลืนน้ำลายลงคอ
ดวงตามองใบหน้าของโอฟีเรียที่มีทั้งความกังวลใจและกรุ่นโกรธไม่วางตา
เขาได้กลิ่นดอกบ๊วยมาจากผ้าเช็ดหน้าที่เช็ดอยู่ตามกรอบหน้า
มันเป็นกลิ่นเดียวกับผ้าเช็ดหน้าที่โอฟีเรียให้เขามาในวันนั้น
“องค์หญิง...นี่มัน?” เสียงของคารอสคล้ายเป็นดั่งระฆังช่วยชีวิต
บรรยากาศน่าอึดอัดที่ลอยวนอยู่รอบตัวของโอฟีเรียคลายลงหลายส่วน
เด็กหญิงตัวน้อยมององครักษ์ของตัวเองที่มาพร้อมกับพ่อบ้านด้วยรอยยิ้มบาง
“พวกนายมาก็ดีแล้ว
พาเขาทำแผลหน่อยสิ” โอฟีเรียดันร่างของฮิคาริไปหาพ่อบ้านฝาแฝดของตัวเองเบาๆ
เมริมกับเมอรินมองเด็กชายที่มีคราบเลือดอยู่บนใบหน้าและเสื้อที่ยับยู่ยี่ของเขาแล้วก็พอจะเดาเรื่องได้บ้าง
แต่ที่ไม่เข้าใจสุดๆ คือทำไมองค์หญิงถึงได้รู้จักเด็กคนนี้
ก็องค์หญิงมีเพื่อนกับเขาเสียเมือไหร่...
ลองคิดสิว่าถ้าราชาไฮรอสรู้เข้าว่าองค์หญิงมีเพื่อนเป็นเด็กผู้ชาย...เหอะๆ
คงจะสนุกพิลึกเลยเชียว
เมริมกับเมอรินมองหน้าโอฟีเรียด้วยความไม่เข้าใจ
เมอรินคล้ายอยากจะถามแต่พอเห็นสายตาของเจ้านายตัวน้อยเขาก็หุบปากลงทันควัน
ก่อนจะดันหลังฮิคาริให้เดินออกจากสวนไปทำแผล ส่วนเมริมและคารอสยังคงยืนอยู่กับโอฟีเรีย
ฮิคาริเหลียวหลังไปมองโอฟีเรียครั้งหนึ่งอย่างเป็นกังวล
ถึงโอฟีเรียจะเป็นเจ้าหญิง มีองครักษ์ แน่นอนว่าไม่มีใครทำอะไรเธอได้
แต่ยังไงซะโอฟีเรียก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบคนหนึ่ง
เธอจะจัดการปัญหาพวกนี้ได้จริงๆ เหรอ
เป็นห่วงจริงๆ
เมอรินวางมือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลยุ่งๆ
ของฮิคาริอย่างเบามือแล้วบังคับให้เขาหันหน้ากลับมามองทาง
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรไปมากมาย เขาเพียงแค่ยกรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นบนริมฝีปาก
แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“องค์หญิงไม่เป็นอะไรหรอก”
ฮิคาริเองก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น
.
.
.
.
.
หลังจากที่ส่งฮิคาริไปกับเมอรินเรียบร้อยแล้ว
โอฟีเรียก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
อย่างน้อยเธอก็สามารถวางใจได้แล้วว่าฮิคาริจะไม่เป็นอันตราย
ตราบใดที่เขายังอยู่ภายใต้การดูแลของเมอริน พ่อบ้านของเธอ
ดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนนี้สร้างความกดดันให้กับเด็กหลายคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหยุดลงตรงเด็กผู้ชายผมทองและเด็กผู้ชายผมเขียว
สองคนนี้คือคนที่เธอเห็นจะๆ เลยว่ากลั่นแกล้งฮิคาริ หลักฐานมันคาตา
“พวกนายไม่รู้เหรอว่าทะเลาะวิวาทภายในเขตพระราชวังหลวงมีการลงโทษอย่างไร”
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น
ก่อนมันจะเงียบลงเมื่อมีเด็กคนหนึ่งเอ่ยคำทักท้วงขึ้นมา
“พวกกระหม่อมหาได้ทะเลาะวิวาทกันไม่
เพียงแค่ซ้อมประลองเท่านั้นพะย่ะค่ะ ขอองค์หญิงโปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น”
เมริมที่ยืนอยู่ด้านหลังโอฟีเรียถึงกับมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ
เจ้าเด็กนี่มันกล้าดียังไงถึงกล่าวหาว่าองค์หญิงใส่ร้ายพวกมัน!
ฮึ เจ้าพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อยากลองดีนักหรือ
เช่นนั้นเขาจัดให้ก็ได้!
แต่ก่อนที่เมริมจะได้ลงมือสั่งสอนลูกขุนนางปากเสียตามที่ใจปรารถนา
คารอสก็ยกมือห้ามเขาเอาไว้ก่อน เด็กหนุ่มองครักษ์ส่ายหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นดวงตาแวววาวของเมริม
เขาชี้ไปที่โอฟีเรียซึ่งยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สาบนใบหน้าก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ปล่อยให้องค์หญิงจัดการเถอะ”
เมริมเม้มริมฝีปากครั้งหนึ่งจึงค่อยพยักหน้าตกลง
เขามองไปยังพวกลูกขุนนางที่นั่งคุกเข่าบนพื้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
หากว่าพวกมันคนใดบังอาจกล่าววาจาอาจหาญดูหมิ่นองค์หญิงเหมือนเมื่อครู่
ครั้งต่อไปเขาจะไม่อยู่เฉยๆ แน่
โอฟีเรียได้ยินคำพูดของลูกขุนนางคนนั้นแล้วก็หัวเราะ
เธอเหลือบสายตามองเด็กคนหนึ่งที่ในฝ่ามือของเขายังมีก้อนหินอยู่ก่อนจะยกฝ่าเท้าขึ้นเตะหินก้อนหนึ่งที่มีสีของเหลวสีแดงเปื้อนอยู่ด้านหนึ่งไปตรงหน้าตัวเองพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คงจะเป็นการซ้อมประลองที่ดุเดือดมากเลยสินะ
ก้อนหินมันถึงได้ลอยจากพื้นไปกระแทกหัวคนอื่นได้แบบนี้”
หินก้อนนั้นถูกโอฟีเรียหยิบขึ้นมาจากพื้น
เด็กหญิงมองมันด้วยสายเยือกเย็นก่อนที่เธอจะบีบมันจนแตกกระจายเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย
ร่วงกราวลงสู่พื้นดิน
อาโออิกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขารู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวมันหนักจนหายใจแทบไม่ออก
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกขังเอาไว้ภายในห้องเย็นๆ ที่ทั้งมืดและเงียบ
แถมอากาศก็น้อยเหลือเกิน คนอื่นๆ ตรงนี้ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
อาโออิเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งหนึ่ง
ตอนที่เข้าเฝ้าองค์ราชาเมื่อครึ่งปีก่อนเพื่อไปคุยเรื่องหมั้นหมาย...
ครั้งนั้น
ยามที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าราชาไฮรอส เขาก็มีความรู้สึกแบบนี้
สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน
“พวกนายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง?” รอยยิ้มบนใบหน้าของโอฟีเรียหุบลง แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดเสียงดัง
แต่กลับชวนให้คนรู้สึกไม่ดี เหงื่อเย็นไหล่ตามกรอบใบหน้าของพวกเขาแถมเสื้อผ้าก็เริ่มจะเปียกแนบกับลำตัวแล้ว
“คารอส” โอฟีเรียหันสายตาไปมององครักษ์ของตัวเอง
คารอสเลิกคิ้วขึ้น เขาเดินมาหาเด็กน้อยแล้วจึงคุกเข่าลงกับพื้น
“พะย่ะค่ะองค์หญิง”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรักการซ้อมประลองเป็นอย่างมาก
รบกวนเจ้านำพวกเขาไปที่สนามประลองหลวง” โอฟีเรียวนสายตากลับมา
และประโยคสุดท้ายที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากอิ่มก็ทำให้คนจะเป็นลมสลบไปจริงๆ “ให้พวกเขาไปซ้อมประลองกับพวกองครักษ์หลวงสักหน่อย พวกเขาคงจะพอใจ”
คารอสพยักหน้ารับ “พะย่ะค่ะองค์หญิง”
โทษนี้เหมือนไม่รุนแรง แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เบาเลยสักนิดเดียว
องครักษ์หลวงมีหน้าที่ในการปกปักษ์ราชวงศ์
พวกเขาเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าทหารปกติตั้งกี่สิบเท่า
การฝึกฝนล้วนโหดหินยิ่งกว่านรกเสียอีก แล้วการให้เด็กตัวเล็กๆ
ทีอายุยังไม่ถึงสิบขวบพวกนี้ไปซ้อมประลองกับพวกเขา อย่างน้อยๆ
ก็คงต้องมีเลือดตกยางออกไปบ้าง
เสียงโอดครวญดังขึ้นทันทีที่สิ้นเสียงของคารอส
เด็กหลายคนมีท่าทางเหมือนอยากจะตายไปให้จบๆ พวกเขาเริ่มจะผุดกายลุกขึ้นไปหาคารอส
แต่น้ำเสียงหวานของโอฟีเรียหยุดฝีเท้าของพวกเขาเอาไว้ก่อน
“เมริม” องค์หญิงไม่ได้เรียกพวกเขาคนใดคนหนึ่ง
แม้กระทั่งองครักษ์ก็ไม่ได้เรียก แต่พวกเขาก็พร้อมใจกันหยุดยืนอยู่นิ่งๆ
เพื่อรอฟังว่าโอฟีเรียจะกล่าวเรื่องอะไรกับพ่อบ้านคนสนิทของตัวเอง
“ขอรับองค์หญิง” คำขานรับของเมริมต่างจากคารอส
หนึ่งเป็นเพราะความสนิทสนมมีมากกว่าและสองมันคือคำสั่งของโอฟีเรียโดยตรง
“จดรายชื่อของพวกเขา
แล้วส่งจดหมายไปตระกูลของพวกเขาให้ครบถ้วน” โอฟีเรียหลุบสายตาลง
“แจ้งว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่สิบเดือนหน้า
เราให้พวกเขามาซ้อมกับองครักษ์หลวงทุกวันที่สนามประลองหลวง
เนื่องจากประทับใจในความรักการซ้อมประลองของพวกเขาอย่างยิ่ง”
เมริมรับคำของโอฟีเรียก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับคารอสและขบวนเด็กชายลูกขุนนาง
อาโออิที่เดินรั้งท้ายขบวนหันมามองโอฟีเรียครั้งหนึ่งด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับแต่เด็กหญิงไม่ได้สนใจเขาแม้สักนิดเดียว
เธอมองเศษหินในมือแล้วถอนหายใจ
เธอไม่รู้ว่าโทษนี้จะรุนแรงไปสำหรับพวกเขาหรือเปล่า
แต่อย่างน้อยมันก็จะทำให้พวกเขาไม่มายุ่งกับฮิคาริไปพักหนึ่ง
แถมยังเป็นการประกาศไปสู่ตระกูลขุนนางกลายๆ อีกว่า ฮิคาริคือคนของเธอ
จะทำอะไรก็ต้องเกรงใจหน้าใหญ่ของเธอเอาไว้ด้วย
โอฟีเรียรู้ว่าวิธีนี้มีผลเสียอยู่หลายอย่าง
เช่น พวกเขาจะมีความสามารถมากขึ้นหลังจากนี้
เพราะถึงแม้ว่าจะเหนื่อยยากแค่ไหนแต่ก็ขึ้นชื่อว่าการฝึกซ้อม อย่างน้อยๆ พวกเขาก็จะมีฝีมือการต่อสู้ที่ดีขึ้นหลังจากผ่านช่วงหนึ่งเดือนนี้ไป
แถมไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังคิดรังแกฮิคาริอยู่อีกมั้ย
ถึงตอนนั้นการปกป้องฮิคาริเองก็คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย ยังไม่นับเรื่องที่ตระกูลของพวกเขาจะชังน้ำหน้าเธอไปด้วย
แต่จะให้โอฟีเรียลงโทษรุนแรงตามกฎของวังหลวงจริงๆ
เธอก็ทำไม่ได้ พวกเขาอายุกันไม่เท่าไหร่เอง ถึงเธอจะโกรธมากแค่ไหน
แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่เด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบ ลงโทษรุนแรงถึงขนาดจับขังคุก
ทุบตี มันไม่ใช่ทางของเธอจริงๆ
โอฟีเรียเป่าลมใส่เศษหินในมือพร้อมกับปิดเปลือกตาลง
ขอให้หลังจากนี้ไม่เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีกก็แล้วกันนะ...
องค์หญิงน้อยพ่นความไม่สบายใจทั้งหมดของตัวเองออกไปพร้อมๆ
กับลมหายใจ
เธอสะบัดกระโปรงที่มีเศษฝุ่นติดอยู่เล็กน้อยแล้วจึงค่อยเดินกลับไปยังศาลาที่ตัวเองเดินจากมา
ตอนนี้ท้องของเธอมันร้องโครกครากประท้วงหาอาหารมาพักหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถึงองค์หญิงน้อยจะไม่สบายใจ
แต่เรื่องที่เธอกังวลนั้นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น...
-------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีปีใหม่จ้าาาา
ขอให้มีความสุขกันมากๆ น้า
ความคิดเห็น