ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #12 : C H A P T E R 11 : สหายขององค์หญิง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 62


    C H A P T E R 11

    สหายขององค์หญิง

     

              วันนี้ฮิคาริถูกพวกคนจากตระกูลชนชั้นสูงตระกูลหนึ่งชวนเชิญไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ที่จัดในอุทยานหลวง แน่นอนว่าหากเป็นเวลาปกติเขาจะปฏิเสธไปแบบไม่ต้องคิดมาก สาเหตุก็เพราะว่าพี่น้องของเขาเองก็ถูกเชิญไปเช่นกัน

     

                เขาไม่อยากต้องไปปั้นหน้าเป็นพี่ชายผู้แสนดีที่รักน้องชายมากมายหรอก เขาไม่ได้ตีสองหน้าเก่งเหมือนอาโออิ รับประกันได้เลยว่าคงทำหน้าบูดตลอดงานแน่

     

                เขาคงจะมองเมินมันไปเหมือนเดิมทุกครั้งที่มีการร่อนการ์ดเชิญส่งมาให้ แต่เมื่อคืนเขาฝันประหลาดว่าได้เจอกับโอฟีเรียในรั้ววัง มันเป็นความฝันที่เขาจำได้เพียงเลือนรางเท่านั้น ถึงมันจะดูไร้สาระก็เถอะ แต่ที่เด็กชายยอมตอบรับคำเชิญในครั้งนี้เพราะความฝันที่ดูจะหาสาระนี้ไม่ได้

     

                พวกเขาควรขอบคุณความฝันที่สามารถขุดบุตรคนโตของตระกูลวินสตันออกมาจากบ้านได้

     

                ฮิคาริ อาโออิและอาคาริถูกยัดลงบนรถม้าคันเดียวกัน เด็กชายตัวน้อยผู้มีสีผมแปลกไปจากพี่น้องหันไปมองพ่อที่ถึงขั้นมาส่งเขาขึ้นรถด้วยตัวเองด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับความรักที่อีกฝ่ายมอบให้ มันก็ดีในบางเรื่องและเสียในบางเรื่อง

     

                สมกับเป็นบุตรรักเสียจริงอาโออิเป็นคนแรกที่พูดขึ้นภายในรถม้าที่เงียบสงบ ฮิคาริพ่นลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่งแล้วท้าวคางกับขอบหน้าต่าง มองออกไปนอกรถม้าอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่ได้ตื่นเต้นดีใจอะไรกับบ้านเรือนนอกคฤหาสน์ของตัวเอง มันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจนชินตาไปแล้ว

     

                เพราะว่าก่อนจะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ชีวิตของเขาคือเด็กสลัม เด็กที่ใช้ชีวิตแบบอดๆ อยากๆ ทำทุกวิธีทางเพื่อให้มีชีวิตรอดในวันพรุ่งนี้ ลักขโมย ปล้น จี้ รังแกคนอื่น ทุบตีคนที่อ่อนแอกว่า เขาใช้ทุกอย่างและผ่านเรื่องพวกนั้นมาหมดแล้วตั้งแต่เด็ก ดังนั้นกับเพียงแค่คำถากถางเล็กๆ น้อยๆ และการกลั่นแกล้งของเด็กน้อยพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขาสนใจมันนัก

     

                ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขาเจ็บตัวก็เถอะ...

     

                แต่แล้วไงเล่า... ยิ่งอาโออิรังแกเขามากเท่าไหร่ โคฮาร์ทก็ยิ่งรักและเอ็นดูเขามากเท่านั้น เพราะฉะนั้นฮิคาริจึงปล่อยให้สองพี่น้องรังแกเขาต่อไปเรื่อยๆ และเด็กชายเองก็ไม่คิดจะนำเรื่องนี้ไปบอกผู้เป็นพ่อด้วย เพราะนั่นจะทำให้เขากลายเป็นคนขี้ฟ้อง

     

                เขาจะปล่อยมันเอาไว้เฉยๆ แต่หากมันหนักหนาเกินกว่าจะทนก็คงต้องส่วนกลับไปบ้าง...

     

                แต่เชื่อเถอะ...สมองของเด็กอายุเจ็ดขวบที่ทั้งชีวิตอยู่แต่ในรั้วคฤหาสน์น่ะ ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็วางแผนชนิดระเบิดภูเขาเผากระทอมไม่ได้หรอก

     

                เพราะเขาไม่เคยเห็นสังคมนอกบ้านไง... อาโออิเรียนรู้การปั้นหน้า แต่งรอยยิ้ม เขาเล่นกับจิตใจคนและกดดันได้ แต่มันไม่ใช่กับทุกคนหรอก อาโออิควบคุมได้แค่พวกเด็กๆ ที่คิดไม่เป็นเท่านั้นแหละ กลับกัน ฮิคาริมองว่าอาคาริน่ากลัวกว่าอาโออิด้วยซ้ำ

     

                ถึงจะซื่อตรงกว่า มีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่า แต่ก็มองไม่ออกเลยสักนิดว่าคิดอะไรอยู่...

     

                ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยมากหรอก ทั้งสองคนพี่น้องนั่นน่ะแหละ

     

                อย่าไปทำเรื่องขายหน้าเล่า ฮิคาริอาโออิพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบมานาน

     

                คนเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอยากจะถอนหายใจออกมาสักหลายๆ เฮือกหน่อย เขาเบนสายตาจากนอกหน้าต่างมามองน้องชายต่างแม่แล้วพูดด้วยใบหน้าฉาบเอาไว้ด้วยความเบื่อหน่าย เตือนตัวนายเองเถอะ

     

                เขารู้ว่าพูดออกไปแบบนี้ยังไงอาโออิก็คงโกรธ แต่เชื่อเถอะ เขาไม่ทำให้ตัวเองขายหน้าหรอก มีแต่น้องชายสมองกลวงเท่านั้นแหละที่จะก่อเรื่อง

     

                เหอะ ข้าไม่มีวันทำเรื่องขายหน้าวงศ์ตระกูลหรอกอาโออิบิดริมฝีปาก ยกแขนขึ้นกอดอก แค่มีพวกพันธุ์ทางอย่างเจ้าเป็นพี่น้องก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปวางไว้ตรงไหนแล้ว!”

     

                ก็เอาไว้ตรงนั้นแหละ บนคอของนายน่ะ...

     

                ฮิคาริคร้านจะตอบคำถามไร้แก่นสาร เด็กน้อยขยับตัวเบียดกับบานหน้าต่างมากขึ้น แทบจะเอาหัวออกไปนอกรถม้าเพื่อที่จะไม่ต้องเสวนากับพี่น้องที่ไม่เคยคุยกันรู้เรื่องเลยสักครั้ง แต่เหมือนว่าอาโออิจะยังไม่พอใจ ฝ่ายนั้นลากน้องชายเข้ามามีเอี่ยวในบทสนทนาด้วย

     

                ฮึ ไม่รู้ทำไมท่านพ่อถึงได้รักเจ้านัก! สีผมสีตารึก็ประหลาด มองแล้วรู้สึกเหมือนดินโคลน กับอีแค่เรียนดีนิดหน่อยก็ประเคนทุกอย่างให้หมด ทั้งๆ ที่ข้ากับอาคาริทำได้ดีกว่าแท้ๆ!” ยิ่งพูดอาโออิยิ่งไม่พอใจ ทั้งๆ ที่เขากับน้องชายเรียนดีกว่า ทำไมท่านพ่อถึงไม่เคยเอ่ยชมเลยสักคำ เอะอะก็ฮิคาริ แม้กระทั่งเรือนหลังเล็กที่แสนจะสะดวกสบายก็ยังยกให้มันอยู่!

     

                ทำไมท่านพ่อต้องรักแต่มันด้วย!

     

                อาคาริก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เรื่องที่ท่านพ่อยกเรือนหลังเล็กให้กับฮิคาริ แต่มันคือการตัดสินใจของท่านพ่อ เขาจะไปขัดมันก็ทำไม่ได้ ขนาดท่านแม่พูดเรื่องนี้แล้ว ท่านพ่อก็ยังไม่สนใจและดึงดันจะให้ฮิคาริไปอยู่ที่นั่น เขาจะทำอะไรได้

     

                ฮิคาริมองฝาแฝดที่คนหนึ่งหน้าแดงคนหนึ่งหน้าดำแล้วถอนหายใจเสียงดังอย่างไม่ปิดบัง ในที่สุดก็เหยียดรอยยิ้มหยันออกมาพร้อมหันมามองพี่น้องต่างแม่ด้วยสายตาที่อาโออิเกลียดเข้าไส้

     

                อิจฉาล่ะสิ...?

     

                ก็บอกแล้ว ถ้าทนไม่ไหวขึ้นมาก็ไม่ปล่อยไว้หรอก

    .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

                รถม้าของตระกูลวินสตันมาถึงพระราชวังในเวลาเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว เด็กชายทั้งสามคนเดินลงจากรถม้าด้วยสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก แม้กระทั่งอาโออิที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอก็ตีหน้าบึ้ง ทำเอาคนขับรถม้ารู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ

     

                สามพี่น้องวินสตันสร้างสงครามน้ำลายบนรถม้าอยู่เป็นเวลานาน อาคาริที่มักจะนิ่งเงียบอยู่เสมอยังกระโดดเข้าร่วมวงด้วยอย่างดุเดือด แต่คนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคงจะเป็นผู้จุดประเด็นอย่างอาโออิ เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งโดนฮิคาริข่มเรื่องความรักที่ไม่เท่าเทียม

     

                เด็กต่อให้เข้มแข็งหรือฉลากล้ำแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเด็ก ความอดทนต่ำเป็นเรื่องปกติ

     

                ฮิคาริขยับปกคอเสื้อให้เรียบร้อย เด็กชายกวาดสายตามองสิ่งที่เรียกว่า พระราชวังด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความชื่นชม พระราชวังยิ่งใหญ่สมกับที่พำนักของราชวงศ์ ครั้งหนึ่งสมัยยังเป็นเด็กที่ไม่รู้ประสา เขาเคยหวังว่าจะได้เข้ามาทำงานในพระราชวัง

     

                เพราะป้าข้างบ้านเคยมาคุยอวดว่าลูกชายได้เป็นทหารองครักษ์ในพระราชวัง มีเงินเดือนดีเหลือเกิน ดังนั้นป้าคนนั้นจึงยกระดับฐานะของตัวเองได้ ฮิคาริจำสายตาของแม่ตอนที่ได้ยินคำพูดของป้าคนได้ค่อนข้างแม่นยำ มันทั้งยินดีและอิจฉา

     

                ดังนั้นความฝันของเขาเมื่อก่อนคือการได้ทำงานในวัง มีเงินเดือนดีๆ

     

                แต่หลังแม่ตายเขาก็ไม่ได้มีความฝันอะไรอีก...

     

                หลังจากคุยเรื่องธุระต่างๆ กับนายทหารประจำวังหลวงคนหนึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้ารับใช้ชายคนหนึ่งก็พาพวกเขาไปส่งยังอุทยานหลวง พื้นที่ในการจัดงานเลี้ยงน้ำชาในวันนี้ เด็กผู้ชายวัยไล่ๆ กับเขาหลายคนยืนอยู่และพูดคุยเสียงดัง เด็กชายมองสีผมหลากหลายของพวกเขาด้วยความสนใจเล็กน้อย

     

                มีตั้งแต่เขียว ม่วง แดง เหลือง น้ำเงิน... อืม หลากหลายจริงๆ อย่างกับสีรุ้ง

     

                ครอบครัววินสตันได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากเด็กชายเจ้าของงาน ฮิคาริยกรอยยิ้มขึ้นแม้ว่าอารมณ์จะยังขุ่นมัวเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท เขาพยักหน้ารับไปตามบทสนทนาที่เด็กหลายคนถามไถ่ แม้ว่าบางเรื่องมันจะไร้มารยาทมากๆ ก็เถอะ

     

                ถ้าเป็นเขาคงจะไม่ถามล่ะนะ...แต่ช่างมันเถอะ

     

                พูดไปใครจะสนใจเล่า

     

                ข้าได้ยินมาว่าท่านเก่งเรื่องการดาบ จริงรึมั้ย?เด็กผู้ชายผมสีน้ำเงินถามเขา ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมมีสายตาเหยียดหยามแฝงอยู่เล็กๆ ฮิคาริเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย สายตาเลื่อนไปมองน้องชายฝาแฝดของตัวทันที

     

                ทุกคนในบ้านวินสตันรู้ดีว่าเรื่องที่เขาอ่อนมากที่สุดคือวิชาดาบ เหอะ ตัวการก็คงไม่พ้นอาโออิ

     

                เขาคงจะไม่เอาเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัดมาบอกคนอื่นไปทั่วหรอก

     

                ฮ่ะๆ ผมยังต้องเรียนรู้อีกมากฮิคาริว่าพร้อมเสียงหัวเราะบางเบา เขาไม่ได้โกหกสักคำเดียว กว่าจะเรียกว่าเก่งคงต้องฝึกสักสิบปี

     

                อย่าถ่อมตัวไปเลย หากไม่เป็นการรบกวน ข้าขอเชิญท่านมาเป็นคู่ซ้อมหน่อยได้รึไม่?เด็กคนเดิมว่าด้วยดวงตาแพรวพราว เด็กผู้ชายหลายคนที่คุยกันมาตั้งแต่เมื่อครู่ล้วนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ฮิคาริเห็นท่าแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าปฏิเสธไม่ได้แล้ว เด็กชายได้แต่กล้ำกลืนความไม่พอใจลงท้องและตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใสที่แสนจะแข็งกระด้าง

     

                โปรดออมมือด้วย

     

                ไม่รู้ว่าเด็กหัวน้ำเงินไปขอดาบไม้มาได้ยังไง หากไม่เป็นบุตรชายตระกูลใหญ่โตก็คงมีเส้นสายอยู่ภายในพระราชวัง ฮิคาริมองดาบไม้ที่เขาถือเอาไว้แล้วลองกวัดแกว่งมันไปมาเบาๆ เพื่อทดสอบความถนัดหลายๆ อย่าง ไม้ค่อนข้างหนักไปสักหน่อยสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องย่ำแย่อะไรเท่าไหร่

     

                คู่ซ้อมของเขาเองก็กำลังซ้อมร่างกายของตัวเองให้พร้อมเหมือนกัน ฝ่ายนั้นบิดข้อมือข้อขารวมไปถึงขยับกล้ามเนื้อไปมา ฮิคาริเองก็ฟันอากาศอยู่หลายครั้งเพื่อให้ชินกับการใช้ดาบ ถึงวิชาดาบของเขาจะอ่อนมากหากไปเทียบกับพวกลูกขุนนางที่เรียนมันมาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างน้อยมันก็คงพอจะฟาดอีกฝ่ายได้สักสองสามทีล่ะ

     

                อาโออิมองพี่ชายต่างแม่ของตัวเองที่ยืนอยู่กลางวงล้อมของพวกลูกขุนนางด้วยรอยยิ้มกว้าง เรื่องวิชาดาบของฮิคาริเป็นเขาเองที่เอาไปพูด แต่ก็เพียงเกริ่นไปเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น พวกลูกขุนนางที่มีจิตใจสกปรกพวกนั้นคิดเรื่องกลั่นแกล้งคนขึ้นมาเอง

     

                เขาไม่ได้เกี่ยวเลยสักนิดเดียว...

     

                อาคาริมองฮิคาริสลับกับพี่ชายฝาแฝดของตนแล้วถอนหายใจ เขายกแก้วชาขึ้นจิบแล้วเอ่ยขึ้น ถ้าฮิคาริเป็นอะไรไป ท่านพ่อลงโทษหนักแน่

     

                หึๆ ก็ให้รับกันไปเองสิ ข้าไม่เกี่ยวสักหน่อย

     

                อาโออิน้ำเสียงของอาคารินิ่งขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย อาโออิมองใบหน้าของน้องชายแล้วหยัดรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม

     

                เจ้าอย่าคิดมาก...ข้าไม่ปล่อยให้มันตายหรอก

               

                ฮิคาริเตรียมพร้อมร่างกายเสร็จแล้วเป็นจังหวะพอดีกับที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นถามเขาถึงความพร้อม เด็กชายจากตระกูลวินสตันสะบัดข้อมือสองครั้งก็พยักหน้า

     

                ท่านพร้อมแล้วใช่มั้ย

     

                ครับ

     

                เด็กหัวน้ำเงินพยักหน้าให้กับเด็กหัวแดงคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการชั่วคราว เขาอ้าปากพูดพร้อมกับโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ

     

                เริ่มการประลองได้!”

     

                สิ้นสุดคำพูด ดาบไม้ในมือของเด็กหัวน้ำเงินก็ฟาดลงมาทันที ฮิคาริมองมันด้วยความตกใจเล็กน้อยแล้วยกดาบขึ้นรับอย่างเฉียดฉิว เด็กชายคล้ายรู้สึกว่าตัวเองกำลังยันหินใหญ่ก้อนหนึ่งเอาไว้อย่างสุดแรง ความรุนแรงที่ถูกฟาดลงมาทำให้เด็กชายต้องถอยเท้าไปสองก้าว

     

                โฮ่ ไม่ธรรมดาเลยนี่ นึกว่าจะอ่อนแอกว่านี้เสียอีกเด็กชายหัวน้ำเงินหยัดรอยยิ้มขึ้น ดวงตาของเขาฉายแววตื่นเต้นเล็กน้อย ฮิคาริยิ้มรับคำชมที่เหมือนไม่ใช่คำชมของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะกำลังดันดาบกลับไป

     

                แม้แรงที่ส่งไปจะไม่รุนแรงเหมือนอีกฝ่ายแต่ก็พอสร้างจังหวะได้ เด็กชายหัวน้ำเงินยกดาบขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับฟาดได้เพียงแค่อากาศเมื่อฮิคาริเบี่ยงกายหลบ เด็กชายจากตระกูลวินสตันกำดาบแน่นและพุ่งปลายดาบตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว

     

                แม้วิชาดาบของเขาจะไม่ได้ดี แต่เรื่องความเร็วฮิคาริค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ด้อยกว่าใคร

     

                เด็กชายหัวน้ำเงินผงะกายด้วยความตกใจ เขากำลังจะยกดาบขึ้นเพื่อปัดการโจมตีออกไป แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น ปลายดาบของฮิคาริก็หยุดห่างจากดวงตาไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรเสียแล้ว

     

                เสียงเชียร์ที่เคยดังกระหึ่มรอบกายเงียบกริบ แม้กระทั่งอาโออิกับอาคาริก็ยังเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

     

                เป็นไปได้ไงที่ฮิคาริจะชนะ...?

     

                ฮ่า...ไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านเก่งกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลย เด็กผู้ชายผมสีน้ำเงินพูดขึ้นหลังจากที่ฮิคาริลดดาบลงแล้ว ดวงตาที่เคยฉายแววเหยียดหยามจางหายไปเหลือเพียงความชื่นชม ฮิคาริอมยิ้ม โค้งตัวให้เขาเล็กน้อยเป็นการจบการประลอง

     

                ข้าชื่อวิลลัส เตคูร์ พ่อข้าทำงานเป็นหัวหน้าคนรับใช้ของพระราชวังหลวง ยินดีที่ได้รู้จักฮิคาริมองฝ่ามือที่ยื่นมาของเด็กชายหัวน้ำเงินที่เอ่ยแนะนำตัวกับตนเองเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ส่วนใหญ่พวกลูกขุนนางค่อนข้างจะรังเกียจเขาเนื่องจากเป็นพวกเลือดผสม

     

                แต่ช่างมันเถอะ ได้มิตรมาคนหนึ่งก็ถือว่าเป็นกำไร

     

                ฮิคาริ วินสตันครับ ยินดีที่ได้รู้จัก

     

                และทุกอย่างควรจะจบลงที่ตรงนั้น หากว่าพวกเด็กๆ ที่เคยเป็นผู้ชมไม่วิ่งเข้ามาขอเขาท้าประลองด้วย

     

                ช่วงแรกๆ ทุกอย่างก็เป็นไปตามกติกา แต่เมื่อฮิคาริเริ่มชนะติดต่อกัน เสียงไม่พอใจก็ดังกระหึ่มพร้อมกับบางสิ่งที่ถูกขว้างปาเพื่อรบกวนไม่ให้เขาสามารถขยับได้อย่างใจ

     

                ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นถูกขว้างมาทางด้านซ้ายมือ ฮิคาริเหลือบสายตามองมันแล้วเตรียมก้าวเท้าจะหลบ หากแต่คู่ประลองกลับพุ่งกายเข้าใส่พร้อมฟาดดาบลงมา และเพราะว่าอีกฝ่ายเข้ามาเร็วมากเกินกว่าที่เขาจะหลบ ฮิคาริจึงต้องยกดาบขึ้นรับอย่างไม่มีทางเลือก

     

                หินก้อนนั้นกระแทกเข้ากับขมับของเขาอย่างแรงจนเด็กชายรู้สึกมึนหัว ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่ง และนั่นทำให้กำลังแขนของเขาหย่อนลงจนคู่ต่อสู้สามารถที่จะดันเขาได้สำเร็จ

     

                อึก!” ฮิคาริครางออกมาเสียงแผ่วเบาเมื่อสะโพกของเขากระแทกกับพื้นอย่างแรง ดาบในมือหลุดและตกลงอยู่ข้างตัว คู่ต่อสู้ของเขายืนมองด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เส้นผมสีทองสว่างของอีกฝ่ายสะท้อนกับแสงแดดสวยงาม ฉากนี้ราวกับพระเอกผู้กุมชัยชนะเหมือนในนิทานที่เขาเคยอ่านสมัยก่อนตอนที่แม่ของเขายังอยู่

     

                แววตาของผู้ชนะที่มองนั่นฮิคาริไม่ชอบใจเลยสักนิดเดียว เด็กชายจากตระกูลวินสตันมองไปยังเด็กรอบตัวที่ขว้างก้อนหินใส่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่พวกนั้นไม่สนสายตาของเขาสักนิด กลับพากันยกยิ้มเฮฮาที่เพื่อนได้รับชัยชนะ

     

                ฮิคาริกัดริมฝีปากแน่น เขามองเลยไปยังอาโออิกับอาคาริที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ อย่างน้อยพวกเขาสองคนก็เป็นคนตระกูลเดียวกันกับเขา เห็นเขาแพ้เสียหน้าชื่อเสียงตระกูลแบบนี้ก็ควรทำอะไรสักอย่าง แต่บนใบหน้าของน้องชายฝาแฝดกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ขนาดอาคาริที่มักจะทำหน้านิ่งสนิทยังมีความพึงพอใจฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น

     

                ฮิคาริรู้ได้ในตอนนั้นเองว่าเขาไม่มีวันที่จะญาติดีกับน้องชายทั้งสองคนแน่นอน

     

                หากจะบอกว่าเขาไม่คาดหวังในความสัมพันธ์แบบพี่น้องปกติก็คงเป็นเรื่องโกหกหน้าตาย

     

                ถึงอาโออิกับอาคาริจะทำตัวไม่ดีกับเขา ฮิคาริก็ยังหวังเอาไว้ภายในใจลึกๆ ว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะสามารถเป็นพี่น้องกันได้อย่างสนิทใจ แต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ได้เอ็นดูเขาขนาดนั้นสินะ...

     

                ฮิคาริก้มหน้าต่ำ เขากำมือทั้งสองข้างแน่น มันแน่นมากจนเล็บจิกเข้าไปในผิวเนื้อ ริมฝีปากของเขาคลี่รอยยิ้มออกมาครั้งหนึ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตาสีดำสนิทที่เคยมีประกายสดใสเปลี่ยนเป็นดำมืดจนคล้ายกับคนไร้ความรู้สึก

     

                ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถอยู่กันแบบพี่น้องปกติได้ ก็ทำให้มันแตกหักไปเลยสิ...

     

                ฮิคาริคิดแบบนั้น แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมืออะไร เสียงหวานที่ไม่ได้ยินมาสักพักหนึ่งก็ดังขึ้น

     

                หยุดเดี๋ยวนี้

     

                ฮิคาริคลายมือที่กำแน่นของตัวเองอย่างเชื่องช้า ดวงตากลับมาทอประกายสดใสอีกครั้ง

     

                ต่อให้เขาไม่เงยหน้าก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร...

     

                ในที่สุดก็ได้เจอแล้วสินะ...โอฟีเรีย

    -------------------------------------------------------------------------------

    Merry Christmas~

    ขอให้มีความสุขกับวันหยุดนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×