คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : C H A P T E R 09 : ผ้าเช็ดหน้า
C H A P T E R 09
ผ้าเช็ดหน้า
คฤหาสน์วินสตัน
ร่างเล็กของเด็กชายวัยเกือบเก้าขวบเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำสีแดงม่วง
ใบหน้าของเด็กน้อยก้มต่ำจนแทบจะติดกับพื้น
เหนือร่างของเขาคือเด็กชายฝาแฝดขาวแดงคู่หนึ่ง ฝาแฝดหัวขาวมองคนที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างชัดเจน
ผิดกับแฝดน้องที่มีสายตาเรียบเฉย หากแต่หัวคิ้วกับขมวดคิ้วมุ่น
อาโออิหลุดหัวเราะในลำคอออกมาครั้งหนึ่ง
เขาปรายตามองคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วยกรอยยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าเคยพูดหลายครั้งแล้วเหรอว่าอย่าเสนอหน้าออกมาน่ะ?”
“...”
“ฟังที่พูดไม่เข้าใจหรือไงกัน?”
อาโออิเลิกคิ้วขึ้น “อ้อ ลืมไป
เจ้ามันลูกมนุษย์น่ารังเกียจนี่นา จะฟังภาษาของพวกชนชั้นสูงออกได้อย่างไรกัน”
ท้ายประโยคยังไม่วายยักคิ้วใส่น้องชายที่ยืนทำหน้านิ่ง “เนอะ”
“...” อาคาริเงียบกริบ เขามองใบหน้าพี่ชายฝาแฝดครั้งหนึ่งแล้วค่อยเลื่อนสายตามองไปยังคนที่มีฐานะเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน
จากนั้นก็หลุบสายตาลงต่ำ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกไป
ภายในใจของเขาตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
อาคาริไม่เห็นด้วยที่อาโออิรังแกฮิคาริแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเขาชอบฮิคาริหรืออะไร อย่างไรเด็กคนนี้ก็ทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก
เป็นตัวอัปมงคลที่เขาเกลียด แต่อย่างไรก็ตาม
อาคาริไม่ชอบการกลั่นแกล้งแบบนี้เลยสักนิดเดียว
รังแกคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้...ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด
ถ้าหากอาโออิอยากจะซ้อมฮิคาริล่ะก็...ขอให้ท่านพ่อเปิดลานซ้อมยังจะมีเกียรติซะกว่าอีก
แต่ถ้าขนาดเปิดลานซ้อม...ฮิคาริคงตายตั้งแต่โดนฝ่ามือแรกของอาโออิแล้วล่ะ
ฮิคาริเป็นแค่ลูกผสมระหว่างยักษ์และมนุษย์
ต่อให้มีสายเลือดของยักษ์ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายเขาก็ยังอ่อนแออยู่มาก
ให้สู้กับอาโออิที่มีสายเลือดของยักษ์ชนชั้นสูงแล้ว เหมือนลงเขาเข้าไปยืนอยู่กลางทุ่มหิมะโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้านั่นแหละ
อาโออิพอเห็นน้องชายเงียบสนิทก็ยักไหล่ไม่สนใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าเฉิดฉายประหนึ่งตนกำลังทำความดี ผดุงความยุติธรรมก็ไม่ปาน
ฝ่าเท้าที่สวมรองเท้าพื้นหนาสีขาวเหยียบลงไปบนหลังมือของเด็กชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรงและออกแรงขยี้
“เป็นไงเล่า ฮิคาริ
เจ็บปวดงั้นสินะ?” อาโออิหัวเราะในลำคอ
ก้มหน้าลงมองร่างกายที่แสนจะสะบักสะบอมของคนบนพื้นด้วยความพึงพอใจ “เจ็บให้มากๆ เข้าล่ะ
เพราะว่าเจ้าเองก็ทำให้ท่านแม่ของข้าต้องเจ็บปวดเช่นกัน!”
อาโออิเกลียดฮิคาริมาก เขาเกลียดใบหน้าของมัน เกลียดที่มันทำให้ท่านแม่ของเขาต้องร้องไห้
เกลียดที่ท่านพ่อรักมัน! และเหนือสิ่งอื่นใดเขาเกลียดสายตาของมัน!
สายตาที่มองเหมือนว่าตัวเองยืนอยู่เหนือกว่านั่นทำให้เขาเกลียดมัน!
เกลียดจนอยากจะบนขยี้!
ฮิคาริขบริมฝีปากแน่น
เขาเจ็บแต่จะไม่มีทางหลุดเสียงร้องออกไปให้สองแฝดได้ใจเด็ดขาด
เด็กน้อยกัดฟันแน่นจนรู้สึกเกร็งไปทั่วทั้งใบหน้า
ความเจ็บปวดที่หลังมือยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเขารู้สึกว่าจะกลั้นเสียงร้องไม่ไหวแล้ว
แต่พอคิดว่าถ้าเขาหลุดร้องออกไปจะทำให้สองคนนั้นพอใจ
ฮิคาริก็อดทนต่อไป ต่อให้ต้องเจ็บปวดมากกว่านี้
ทรมาณมากกว่านี้เขาจะไม่ยอมร้องเด็ดขาด
ยังไงก็ไม่ยอม!
“อาโออิ...” อาคาริแตะหัวไหล่ของผู้เป็นพี่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยดีของฮิคาริ
เขากลัวว่าถ้าหากทำอะไรอีกฝ่ายมากกว่านี้จะเป็นเรื่องใหญ่
ทุกคนในคฤหาสน์รู้ดีว่าท่านพ่อของพวกเขารักฮิคาริมากแค่ไหน
ถ้าหากว่าหลังฝ่ามือของฮิคาริเกิดมีแผลหรือรอยฟกช้ำขึ้นมาอย่างไรท่านพ่อก็ต้องรู้
และแน่นอนว่าพวกเขาคงจะถูกเพ่งเล็งแน่ๆ
“รู้แล้วน่า...” อาโออิมองใบหน้าจริงจังของฝาแฝดแล้วถอนหายใจ
ยอมยกเท้าขึ้น เด็กชายบิดมุมปาก ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะหันหลังกลับ
“หวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะรู้นะว่าที่ของตัวเองมันคือที่ไหน!”
ฮิคารินิ่งเงียบ เขายังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นเช่นเดิมจนได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
จึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นจากพื้นปูนเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีดำสนิทเหม่อมองรอยแดงบนหลังฝ่ามือที่เจ็บแปล๊บๆ
ของตัวเองครั้งหนึ่งก่อนจะหลุบสายตามองรอยช้ำที่ต้นขาด้านใน
เขามาอยู่ที่บ้านของคนที่บอกว่าตัวเองคือพ่อของเขาได้หลายเดือนแล้ว
เพราะว่าแม่ตายทำให้ไม่มีใครที่สามารถจะดูแลเขาได้อีกต่อไป
แต่ก่อนที่แม่จะสิ้นลมเธอยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่มือของเขาและบอกว่ามันคือบ้านของพ่อที่เขาไม่เคยพบหน้า
เขาจะต้องไปที่นั่นถ้าเกิดว่าแม่เป็นอะไร หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาแม่ก็ตายไป
ฮิคาริไม่เคยคิดมาก่อนว่าบ้านของพ่อจะใหญ่มาก
แถมยังเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูงอีก ตอนแรกที่เขามาถึงจึงตกใจไม่น้อย และรู้สึกตื่นเต้นดีใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีพี่น้องกับเขาบ้าง
เขาอาศัยอยู่กับแม่ที่เขตสลัมของประเทศเพียงสองคน
เด็กแถวบ้านส่วนใหญ่เป็นอมนุษย์จึงไม่ค่อยจะต้อนรับเขาเท่าไหร่นัก
แถมบางคนยังตั้งแง่รังเกียจรังงอนอีกด้วย
สุดท้ายฮิคาริจึงไม่มีเพื่อนเล่นสมัยเด็กเลยสักคนเดียว เขาหวังเอาไว้ในใจลึกๆ
ว่าพี่น้องจะยอมรับเขาได้
แต่หลังจากที่เข้ามาอยู่ภายในรั้วบ้านได้ไม่ถึงสามชั่วโมงดี
เขาก็รู้ตัวว่าแล้วว่าครอบครัวใหม่ไม่ได้อยากจะต้อนรับเขาสักเท่าไหร่...
“...” ฮิคาริแตะหลังมือเบาๆ
แล้วล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สอดเอาไว้ในอกเสื้อออกมา กลิ่นหอมอ่อนๆ
ของดอกบ๊วยที่โชยออกมาจากผ้าเช็ดหน้าในมือทำให้เขานึกถึงเจ้าของมัน
เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีเส้นผมสีชมพูสดใสและดวงตาสีเขียวมรกต
ปลายนิ้วลูบลงบนอักษรชื่อที่มุมล่างซ้ายอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่งก่อนจะหลุดรอยยิ้มออกมา
เอานำผ้าเช็ดหน้ามาพันหลังมือลวกๆ แล้วลุกขึ้น
เดินกลับไปยังบ้านพักของตัวเองที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์อย่างเชื่องช้า
ดวงตาสีดำประกายแวววับอยู่เพียงชั่วครู่ก็กลับเป็นปกติ
รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายดูน่าขนลุกขึ้นมาในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น
ฮิคาริกุมหลังที่มีผ้าเช็ดหน้าพันเอาไว้แล้วได้แต่คาดหวังว่าเขาจะได้เจอเจ้าของมันอีกครั้งหนึ่ง...ในเร็วๆ
นี้
.
.
.
.
.
.
โอฟีเรียปิดปากหาวออกมาหวอดใหญ่
องค์หญิงน้อยพลิกกายไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน
เธอมองผ้าเช็ดหน้าพื้นใหม่ที่เพิ่งได้รับมาจากเมอร์ลินที่วางอยู่ข้างหมอนแล้วถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
คล้ายได้ยินเสียงบ่นหึ่งๆ ของพ่อบ้านแฝดดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง
แม้ว่าจะผ่านมาสักพักแล้วหลังจากที่เอาผ้าเช็ดหน้าไปพันแผลให้ชาวบ้านเขามั่วซั่ว
แต่โอฟีเรียก็ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไรสักนิดเดียว จนกระทั่งเมอร์ลินถามว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้า
ตอนนั้นเองที่ความลับของเธอแตกกระจาย
แต่จะกล่าวว่าความลับมันก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก...เพราะเธอก็ไม่ได้ปิดบัง
เพียงแค่ไม่ได้บอกพวกเขาก็เท่านั้นเอง
พอรู้ว่าเธอเอาผ้าเช็ดหน้ามอบให้คนอื่นไปแล้วเมอร์ลินก็โวยวายเสียหลายคำ
แถมยังบอกอีกว่าเธอน่ะใจร้าย เอาของที่เขาตั้งใจทำให้ไปให้คนอื่นได้อย่างไร
ส่วนแฝดพี่อย่างเมริมก็พลอยบ่นเธอไปอีก แต่ฝ่ายนั้นค่อนข้างกังวลเรื่องที่เธอมอบของให้คนอื่นมั่วซั่วเสียมากกว่า
เพราะไม่รู้ว่าคนที่เธอมอบของให้นั้นเป็นคนดีมากแค่ไหน
จะเอาผ้าเช็ดหน้าไปลงคำสาปเพื่อทำร้ายเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้
โอฟีเรียได้ยินแล้วก็หัวเราะแหะ
เธอรู้อยู่หรอกว่าโลกนี้มีการเล่นมนต์ดำที่สามารถลงคำสาปเพื่อทำร้ายคนอื่นได้
แต่ฮิคาริเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบนะ จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ไงเล่า
แถมฮิคาริยังดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กดีมาก...
“คิดมากๆ นอนได้แล้วน่า” โอฟีเรียตบใบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วเริ่มหลับตาลง
แต่พอหลับตาไปได้ไม่นานภาพของคนที่ก่อกวนความคิดของเธอมาหลายคืนแล้วก็โผล่พรวดขึ้นมาเสียแบบนั้น
องค์หญิงน้อยเบิกตาโพลง ขมุบขมิบริมฝีปากสรรเสริญโครตเง้าของเขาไปเสียหลายคำ
ไอ้เจ้าหมาบ้าโรคจิต!
หลายคืนนี้เธอนอนได้ไม่เต็มตาเสียที
เพราะว่าเจ้าหมาบ้านั่นมาตามหลอกหลอนเธอจนนอนไม่ได้ กินไม่อิ่ม
แถมเวลาจะงีบกลางวันก็ทำได้อยากเย็นอีกด้วย!
คอยดูนะ ถ้าเจ้าหมานั่นกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกล่ะก็
สาบานเลยว่าครั้งหน้าเธอจะกระโดดถีบให้หงายหลังตกระเบียงตายไปเลย!
โอฟีเรียได้แต่ฮึดฮัดในและข่มตาให้หลับ แต่ให้ตายเถอะ...สุดท้ายคืนนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็นอนไม่หลับอยู่ดี
ความคิดเห็น