ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อฉันได้เป็นหัวหน้าแก๊งนางร้ายในเกม BL

    ลำดับตอนที่ #10 : C H A P T E R 09 : ผ้าเช็ดหน้า

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 62


    C H A P T E R 09

    ผ้าเช็ดหน้า


                คฤหาสน์วินสตัน

               

                ร่างเล็กของเด็กชายวัยเกือบเก้าขวบเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำสีแดงม่วง ใบหน้าของเด็กน้อยก้มต่ำจนแทบจะติดกับพื้น เหนือร่างของเขาคือเด็กชายฝาแฝดขาวแดงคู่หนึ่ง ฝาแฝดหัวขาวมองคนที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างชัดเจน ผิดกับแฝดน้องที่มีสายตาเรียบเฉย หากแต่หัวคิ้วกับขมวดคิ้วมุ่น

     

    อาโออิหลุดหัวเราะในลำคอออกมาครั้งหนึ่ง เขาปรายตามองคนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วยกรอยยิ้มขึ้น ไม่ใช่ว่าเคยพูดหลายครั้งแล้วเหรอว่าอย่าเสนอหน้าออกมาน่ะ?

     

    ...

     

    ฟังที่พูดไม่เข้าใจหรือไงกัน?อาโออิเลิกคิ้วขึ้นอ้อ ลืมไป เจ้ามันลูกมนุษย์น่ารังเกียจนี่นา จะฟังภาษาของพวกชนชั้นสูงออกได้อย่างไรกันท้ายประโยคยังไม่วายยักคิ้วใส่น้องชายที่ยืนทำหน้านิ่ง เนอะ

     

    ...อาคาริเงียบกริบ เขามองใบหน้าพี่ชายฝาแฝดครั้งหนึ่งแล้วค่อยเลื่อนสายตามองไปยังคนที่มีฐานะเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน จากนั้นก็หลุบสายตาลงต่ำ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกไป ภายในใจของเขาตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว

     

    อาคาริไม่เห็นด้วยที่อาโออิรังแกฮิคาริแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบฮิคาริหรืออะไร อย่างไรเด็กคนนี้ก็ทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก เป็นตัวอัปมงคลที่เขาเกลียด แต่อย่างไรก็ตาม อาคาริไม่ชอบการกลั่นแกล้งแบบนี้เลยสักนิดเดียว

     

    รังแกคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้...ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด

     

    ถ้าหากอาโออิอยากจะซ้อมฮิคาริล่ะก็...ขอให้ท่านพ่อเปิดลานซ้อมยังจะมีเกียรติซะกว่าอีก

     

    แต่ถ้าขนาดเปิดลานซ้อม...ฮิคาริคงตายตั้งแต่โดนฝ่ามือแรกของอาโออิแล้วล่ะ

     

    ฮิคาริเป็นแค่ลูกผสมระหว่างยักษ์และมนุษย์ ต่อให้มีสายเลือดของยักษ์ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายเขาก็ยังอ่อนแออยู่มาก ให้สู้กับอาโออิที่มีสายเลือดของยักษ์ชนชั้นสูงแล้ว เหมือนลงเขาเข้าไปยืนอยู่กลางทุ่มหิมะโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้านั่นแหละ

     

    อาโออิพอเห็นน้องชายเงียบสนิทก็ยักไหล่ไม่สนใจ รอยยิ้มบนใบหน้าเฉิดฉายประหนึ่งตนกำลังทำความดี ผดุงความยุติธรรมก็ไม่ปาน ฝ่าเท้าที่สวมรองเท้าพื้นหนาสีขาวเหยียบลงไปบนหลังมือของเด็กชายที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรงและออกแรงขยี้

     

    เป็นไงเล่า ฮิคาริ เจ็บปวดงั้นสินะ?อาโออิหัวเราะในลำคอ ก้มหน้าลงมองร่างกายที่แสนจะสะบักสะบอมของคนบนพื้นด้วยความพึงพอใจ เจ็บให้มากๆ เข้าล่ะ เพราะว่าเจ้าเองก็ทำให้ท่านแม่ของข้าต้องเจ็บปวดเช่นกัน!”

     

                อาโออิเกลียดฮิคาริมาก เขาเกลียดใบหน้าของมัน เกลียดที่มันทำให้ท่านแม่ของเขาต้องร้องไห้ เกลียดที่ท่านพ่อรักมัน! และเหนือสิ่งอื่นใดเขาเกลียดสายตาของมัน!

     

                สายตาที่มองเหมือนว่าตัวเองยืนอยู่เหนือกว่านั่นทำให้เขาเกลียดมัน! เกลียดจนอยากจะบนขยี้!

     

                ฮิคาริขบริมฝีปากแน่น เขาเจ็บแต่จะไม่มีทางหลุดเสียงร้องออกไปให้สองแฝดได้ใจเด็ดขาด เด็กน้อยกัดฟันแน่นจนรู้สึกเกร็งไปทั่วทั้งใบหน้า ความเจ็บปวดที่หลังมือยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกว่าจะกลั้นเสียงร้องไม่ไหวแล้ว

     

                แต่พอคิดว่าถ้าเขาหลุดร้องออกไปจะทำให้สองคนนั้นพอใจ ฮิคาริก็อดทนต่อไป ต่อให้ต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ ทรมาณมากกว่านี้เขาจะไม่ยอมร้องเด็ดขาด

     

                ยังไงก็ไม่ยอม!

     

                อาโออิ...อาคาริแตะหัวไหล่ของผู้เป็นพี่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยดีของฮิคาริ เขากลัวว่าถ้าหากทำอะไรอีกฝ่ายมากกว่านี้จะเป็นเรื่องใหญ่ ทุกคนในคฤหาสน์รู้ดีว่าท่านพ่อของพวกเขารักฮิคาริมากแค่ไหน ถ้าหากว่าหลังฝ่ามือของฮิคาริเกิดมีแผลหรือรอยฟกช้ำขึ้นมาอย่างไรท่านพ่อก็ต้องรู้ และแน่นอนว่าพวกเขาคงจะถูกเพ่งเล็งแน่ๆ

     

                รู้แล้วน่า...อาโออิมองใบหน้าจริงจังของฝาแฝดแล้วถอนหายใจ ยอมยกเท้าขึ้น เด็กชายบิดมุมปาก ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะหันหลังกลับ

     

                หวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะรู้นะว่าที่ของตัวเองมันคือที่ไหน!”

     

                ฮิคารินิ่งเงียบ เขายังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นเช่นเดิมจนได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จึงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นจากพื้นปูนเย็นเฉียบ นัยน์ตาสีดำสนิทเหม่อมองรอยแดงบนหลังฝ่ามือที่เจ็บแปล๊บๆ ของตัวเองครั้งหนึ่งก่อนจะหลุบสายตามองรอยช้ำที่ต้นขาด้านใน

     

                เขามาอยู่ที่บ้านของคนที่บอกว่าตัวเองคือพ่อของเขาได้หลายเดือนแล้ว เพราะว่าแม่ตายทำให้ไม่มีใครที่สามารถจะดูแลเขาได้อีกต่อไป แต่ก่อนที่แม่จะสิ้นลมเธอยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่มือของเขาและบอกว่ามันคือบ้านของพ่อที่เขาไม่เคยพบหน้า เขาจะต้องไปที่นั่นถ้าเกิดว่าแม่เป็นอะไร หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาแม่ก็ตายไป

     

                ฮิคาริไม่เคยคิดมาก่อนว่าบ้านของพ่อจะใหญ่มาก แถมยังเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูงอีก ตอนแรกที่เขามาถึงจึงตกใจไม่น้อย และรู้สึกตื่นเต้นดีใจเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีพี่น้องกับเขาบ้าง

     

                เขาอาศัยอยู่กับแม่ที่เขตสลัมของประเทศเพียงสองคน เด็กแถวบ้านส่วนใหญ่เป็นอมนุษย์จึงไม่ค่อยจะต้อนรับเขาเท่าไหร่นัก แถมบางคนยังตั้งแง่รังเกียจรังงอนอีกด้วย สุดท้ายฮิคาริจึงไม่มีเพื่อนเล่นสมัยเด็กเลยสักคนเดียว เขาหวังเอาไว้ในใจลึกๆ ว่าพี่น้องจะยอมรับเขาได้

     

                แต่หลังจากที่เข้ามาอยู่ภายในรั้วบ้านได้ไม่ถึงสามชั่วโมงดี เขาก็รู้ตัวว่าแล้วว่าครอบครัวใหม่ไม่ได้อยากจะต้อนรับเขาสักเท่าไหร่...

     

                ...ฮิคาริแตะหลังมือเบาๆ แล้วล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สอดเอาไว้ในอกเสื้อออกมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบ๊วยที่โชยออกมาจากผ้าเช็ดหน้าในมือทำให้เขานึกถึงเจ้าของมัน เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีเส้นผมสีชมพูสดใสและดวงตาสีเขียวมรกต

     

                ปลายนิ้วลูบลงบนอักษรชื่อที่มุมล่างซ้ายอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่งก่อนจะหลุดรอยยิ้มออกมา เอานำผ้าเช็ดหน้ามาพันหลังมือลวกๆ แล้วลุกขึ้น เดินกลับไปยังบ้านพักของตัวเองที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์อย่างเชื่องช้า

     

                ดวงตาสีดำประกายแวววับอยู่เพียงชั่วครู่ก็กลับเป็นปกติ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายดูน่าขนลุกขึ้นมาในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น

     

                ฮิคาริกุมหลังที่มีผ้าเช็ดหน้าพันเอาไว้แล้วได้แต่คาดหวังว่าเขาจะได้เจอเจ้าของมันอีกครั้งหนึ่ง...ในเร็วๆ นี้

    .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

     

                .

                โอฟีเรียปิดปากหาวออกมาหวอดใหญ่ องค์หญิงน้อยพลิกกายไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน เธอมองผ้าเช็ดหน้าพื้นใหม่ที่เพิ่งได้รับมาจากเมอร์ลินที่วางอยู่ข้างหมอนแล้วถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง คล้ายได้ยินเสียงบ่นหึ่งๆ ของพ่อบ้านแฝดดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง

     

                แม้ว่าจะผ่านมาสักพักแล้วหลังจากที่เอาผ้าเช็ดหน้าไปพันแผลให้ชาวบ้านเขามั่วซั่ว แต่โอฟีเรียก็ไม่ได้รู้สึกผิดแปลกอะไรสักนิดเดียว จนกระทั่งเมอร์ลินถามว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมใช้ผ้าเช็ดหน้า ตอนนั้นเองที่ความลับของเธอแตกกระจาย

     

                แต่จะกล่าวว่าความลับมันก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก...เพราะเธอก็ไม่ได้ปิดบัง เพียงแค่ไม่ได้บอกพวกเขาก็เท่านั้นเอง

     

                พอรู้ว่าเธอเอาผ้าเช็ดหน้ามอบให้คนอื่นไปแล้วเมอร์ลินก็โวยวายเสียหลายคำ แถมยังบอกอีกว่าเธอน่ะใจร้าย เอาของที่เขาตั้งใจทำให้ไปให้คนอื่นได้อย่างไร ส่วนแฝดพี่อย่างเมริมก็พลอยบ่นเธอไปอีก แต่ฝ่ายนั้นค่อนข้างกังวลเรื่องที่เธอมอบของให้คนอื่นมั่วซั่วเสียมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าคนที่เธอมอบของให้นั้นเป็นคนดีมากแค่ไหน จะเอาผ้าเช็ดหน้าไปลงคำสาปเพื่อทำร้ายเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้

     

                โอฟีเรียได้ยินแล้วก็หัวเราะแหะ เธอรู้อยู่หรอกว่าโลกนี้มีการเล่นมนต์ดำที่สามารถลงคำสาปเพื่อทำร้ายคนอื่นได้ แต่ฮิคาริเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบนะ จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ไงเล่า

     

                แถมฮิคาริยังดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กดีมาก...

     

                คิดมากๆ นอนได้แล้วน่าโอฟีเรียตบใบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วเริ่มหลับตาลง แต่พอหลับตาไปได้ไม่นานภาพของคนที่ก่อกวนความคิดของเธอมาหลายคืนแล้วก็โผล่พรวดขึ้นมาเสียแบบนั้น องค์หญิงน้อยเบิกตาโพลง ขมุบขมิบริมฝีปากสรรเสริญโครตเง้าของเขาไปเสียหลายคำ

     

                ไอ้เจ้าหมาบ้าโรคจิต!

     

                หลายคืนนี้เธอนอนได้ไม่เต็มตาเสียที เพราะว่าเจ้าหมาบ้านั่นมาตามหลอกหลอนเธอจนนอนไม่ได้ กินไม่อิ่ม แถมเวลาจะงีบกลางวันก็ทำได้อยากเย็นอีกด้วย!

     

                คอยดูนะ ถ้าเจ้าหมานั่นกล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกล่ะก็ สาบานเลยว่าครั้งหน้าเธอจะกระโดดถีบให้หงายหลังตกระเบียงตายไปเลย!

     

                โอฟีเรียได้แต่ฮึดฮัดในและข่มตาให้หลับ แต่ให้ตายเถอะ...สุดท้ายคืนนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็นอนไม่หลับอยู่ดี

               

     

               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×