คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 นิทานพื้นบ้าน และ คำทำนายพิศวง
วิ่งเล่นไปเสียทั่ว ดวงไฟสว่างแต่งแต้มถนนให้สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ อากาศร้อนจากความเนืองแน่นของผู้คน ผิดกับอากาศภายนอก ทำให้ในวันที่หนาวเย็นนี้อบอุ่นขึ้นทันตา บรรดาของเล่นมากมายที่ไม่อาจได้เคยสัมผัสอาหารเลิศรสที่ไม่เคยได้กิน สิ่งที่เคยได้แต่เพียงยืนมองจากที่ไกลๆ วันนี้ดูเหมือนผมจะได้กลายเป็น ‘เด็กธรรมดาๆ’เสียที ตอนนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน .
“โหววววว ดูโชว์นั่นสิ เจ๋งเป็นบ้าเลย” ผมระริกระรี้กับการแสดงบนเวทีประกวดอย่างออกนอกหน้า
“อ๋อ ไอ่ที่หมุนจานบนปลายไม้นั่นหน่ะนะ ถ้าชอบก็ลองของให้เจ้าไนท์สอนให้สิ” แอลที่วันนี้ต้องมาเป็นพี่เลี้ยง(นำเที่ยว)ของผมเอ่ยขึ้น
“เอ๋ ไนท์คุงแบบนั้นได้ด้วยเหรอ สุดยอดดดด!!!” แอลเกาหัวแล้วตอบกลับมาว่า
“อ่า..ถ้าจะพูดแบบนั้น มันก็ใช่อยู่หรอก”
“อยากจะขอเป็นลูกศิษย์จัง”
“ก็เอาสิ เดี๋ยวกลับเรือไปก็ขอซะสิ”
“กลับเรือ? ยังไง ผมไม่เข้าใจ” ผมงงนี่แอลพยายามจะสื่อสารอะไรกับผม
“ก็นั่นมันเจ้าไนท์ไง ดูไม่ออกเหรอ..”
“ห๊า!! พูดจริง!?!?” ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อคนๆนั้นหน้าไม่เห็นเหมือนไนท์คุงเลอะ..เลย เดี๋ยวสิ ไนท์คุงเค้า .
“ไนท์คุงปลอมตัวมาหรอกเหรอครับ” ผมเอ๊ะใจถามไป
“อ่าหมอนั่นแหละ อันที่จริงหมอนั่นปลอมตัวมาแสดงในโชว์ต่างๆวันนี้รวมแล้วมากกว่า7คนแล้ว แถมชนะเลิศทุกงานอีกต่างหาก เป็นนักล่ารางวัลเลยหล่ะ” แอลอธิบายอย่างกับไม่ได้มาด้วยกัน เพราะผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย
“เอ๋ อย่างขี้โกงอ่ะ แต่ .สุดยอดไปเลยนะครับ”
“อ่า หมอนั่นหน่ะ สุดยอดจริงๆแหละ”
“เอ๋ แปลกใจที่มีคนโดนชมจากปากแอลด้วยนะเนี่ย”
“ก็นะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆแหละ หมอนั่นขึ้นเรือมาก่อนนายได้ไม่นาน แต่ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของกำลังรบของเดอะคิลเลอร์อย่างรวดเร็ว อาจไม่ถึงกับที่สุด แต่หมอนั่น ก็ใก้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบมาก”
“สมบูรณ์แบบ?”
“ใช่ ไม่ว่าเรื่อศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ ฝีมือดาบ ฝีมือการยิงปืน ฝีมือด้านดนตรี ฝีมือด้านทำอาหาร การปลอมตัว การคาดคะเน ความรู้วิทยาการ ความรู้ด้านกายภาพมนุษย์ วิชาแพทย์ วิชาการซ่อมบำรุง ถึงไม่ใช่ที่สุดแต่ก็ถือว่าไม่ธรรมดา หรือจะให้พูดรวมๆคือ ทั้งสมรรถนะ ทั้งทักษะ และไหวพริบก็ล้วนเหนือกว่าคนธรรมดามากนัก เก่งรอบตัวเสียทุกด้าน แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าสมบูรณ์แบบไม่ได้หรอก”
“เอ๋!!!! นี่ไนท์คุงเก่งขนาดนั้นเลย!!ÒДó”
“อืม เก่งจนน่ากลัวเลยล่ะ ว่าคนแบบนี้ขึ้นเรือมาทำไม” ในประโยคนี้แอลพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง
เราเองก็อยากมีประโยชน์กับกลุ่มคิลเลอร์แบบนั้นมั่งจัง นั่นเป็นความคิดที่แว็บเข้ามาในหัวของผม และทำให้รู้สึกอยากจะพยายามให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก
“ไง ทั้งสองคน ไปเที่ยวกันมาทั่วรึยัง!! ( = ̅ ∀ ̅= )” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ไนท์เองครับตอนนี้กลับ‘ร่างเดิม’เข้ามาทักพวกเรา
“ยังเลยครับ ยังเที่ยวได้ไม่ถึงครึ่งงานเลย..” ผมตอบไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องในความคิดเมื่อครู่
“เอ๋ ดูไม่ร่าเริงเลย มาเที่ยวทั้งที เอานี่ชั้นให้จะได้อารมณ์ดี” ไนท์กล่าวและยิ้มให้พร้อมส่งลูกกรวดแท่งโตให้ผมมาหนึ่งก้าน
“ขอบคุณฮะ แล้วนี่ไนท์คุงจะไปไหนต่อเหรอ” ผมถามกลับไป
“ตามหาคุณมิบุนะสิ .ตอนนี้เจ้าพัตเตอร์พาไปเที่ยวไหนแล้วฟร้าÒ[]ó” พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรมีอันไฟลุกพรึ๊บทุกที
“อ่า ถ้างั้นชั้นไปหาของรางวัลบ้างล่ะ ขี้เกียจเจอเจ้บ่นเหมือนกัน” แอลตัดบทพร้อมเดินจากไป ซึ่งแน่ล่ะผมก็ต้องรีบตามไปเช่นกัน
“งั้นไปก่อนนะไนท์คุงแล้วเจอกัน” ผมโบกมือลาให้ไนท์ที่กำลังยืนมองดูพวกเราเดินจากไป
อยู่ๆเราก็เดินมาจนสุดงานอย่างไม่ทันรู้ตัว แต่ท่าแปลกคือ ณ ตอนนี้สมาชิกเรือก็มากันสียเกือบครบ
“เอาล่ะๆ ได้เวลาอีเวนท์พิเศษแล้ว นั่นคืองานพิสูจน์ความกล้า!! กติกานั้นง่ายมาก เพียงจับคู่ชายหญิงแล้วใช้เส้นทางป่านี้ไปเอาโคมไฟกลับมาให้ได้คนแรกก็พอ!!!! เป็นไงน่าสนใจใช่ไหมเราก็จะร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน!!” อาเจ้ซิลลฟี่ร่าเริงอย่างออกนอกหน้าทีเดียว
“เฮ้ย แกหน่ะถอยไปนะ” เสียงไนท์กำลังมีน้ำโหกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“ถอยให้โง่สิ คุณมิบุชั้นจะพาไปเอง แกนั่นแหละที่ต้องถอยไป” พัตเตอร์นั่นเองครับ คู่นี้กัดกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะลดราวาศอกกันเลย
และในขณะที่ทั้งคู่กำลังเข้าห้ำหั่นเพื่อแย่งชิงตัวคุณมิบุนั้น กำปั้นเพชฌฆาตของเจ้ซิลฟี่ก็ฟาดลงกลางกระหม่อมทั้งคู่ลงไปนอนกับพื้น
“พวกแกนี่เสียงดังหน้ารำคาญซะจริง!!!” อาเจ้เองก็สียงดังใช่ย่อยนะครับ = = ”
“เอางี้ เดี๋ยวชั้นจับคู่ให้ มิบุเธอไปกับซีกเกอร์แล้วกันนะ”
“เอ๋?!?!? ” x3 เป็นการประสานเสียงที่พร้อมเพรียงกันมากของไนท์ พัตเตอร์และวายจัง รายหลังออกแนวอาฆาตเบาๆ
“แล้วเนลเธอคู่กับวายจังนะ(ไม่มีใครรู้หลอกว่าชายคู่ชาย) ส่วนพวกแกใครก็ได้มาคู่กับชั้นคนนึง!!” คำสั่งกัปตันนออกมาแล้ว พาบรรยากาศมาคุอย่างยิ่ง
“ชั้นจะไปเล่นไพ่หาตังก่อนแล้วกัน” และผู้ทำลายบรรยากาศความเงียบคนแรกก็คือแอลแถมตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปแล้ว เหลือเพียงไนท์และพัตเตอร์ยืนจังก้ากันอยู่สองคน
“อ่าว ว่าไงเร็วสิงใครก็ได้หนึ่งในสองคนนั้น” เจ้ซิลฟี่เริ่มหงุดหงิด
“ผมไปเองครับ” ไนท์ยกมืออาสาและนั่นทำให้พัตเตอร์รอดตัวไปโดยปริยาย
“เอ่อ ถ้างั้นชั้นไปเที่ยวงานก่อนนะ ฮ่าๆ” พัตเตอร์จากไปพร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
“เอาล่ะ ได้ทีมกันแล้ว .”
“เดี๋ยวก่อนครับกัปตัน!!” อยู่ๆไนท์ก็ขัดขึ้นมา หนำซ้ำยังทำหันรีหันขวาง เหมือนจะหาอะไรบางอย่าง
“ขอสลับคู่ได้ไหมครับ สลับตัวผมกับเนลได้รึเปล่าครับ” อยู่ๆไนท์ก็เสนอแปลกๆขึ้น
“เอ จะว่าได้ก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไมรึ” เจ้ซิลฟี่ได้แต่งุนงง และทันใดนั้นไนท์ก็ลากวายจังไปซุบซิบบางอย่าง ซึ่งวายจังเองก็ดูสนใจมากทีเดียว
เอ๋อ!!! ผมเข้าใจล่ะ ต้องเป็นแผนสลับคู่แน่ๆ สองคนนั่นต้องพยายามไล่ตามคู่คุณมิบุกับซีกเกอร์คุงแล้วทำการสลับคู่ เป็นซีกเกอร์คู่วายจัง และไนท์คุงคู่คุณมิบุ หนอยเจ้าเล่ห์นักนะไนท์คุง
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะ งั้นพอโฆษกงานประกาศเริ่มก็วิ่งเลยนะ” ‘เฮ้ยเจ้ นั่นไม่ใช่งานพิสูจน์ความกล้าแล้วนั่นมันแข่งวิ่งกีฬาสีชัดๆ’ ผมได้แต่เถียงในใจ .
และแล้วงานก็เริ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นอย่างที่เจ้แกบอกจริงๆ พอเขาให้เริ่มเดินทางปุ๊บเจ้แกก็ฉุดลากผมเข้าป่าด้วยความเร็วสูงทันที คบเพลิงในมือแทบจะหรี่ดับด้วยแรงลมจากการวิ่ง(ของเจ้ซิลฟี่) และด้วยความเร็วขนาดนี้รางวัลชนะเลิศก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยกเว้นเสียแต่ว่า ..
“หลงทางสินะ
” ผมพูดขึ้นและดูเหมือนจะแทงใจดำอาเจ้แกมากด้วย
“หุบปากไปเลยนะ เจ้าเด็กใหม่ ก็มาหาว่ากัปตันผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลทั่ว 4 ดินแดนสมุทรว่าหลงทางเร๊อะ ÒДó”
“ก็หลงไม่ใช่เร๊อะ” Σ ( = ̅ ∆ ̅= )
“ใครเขาเรียกว่าหลง แค่ไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน เราจะไปไหน ทิศไหนทิศเหนือ ก็แค่นั้น ( = ̅ ω ̅= )”
“หลงทางอย่างสมบูรณ์แบบเลยสินะ = = ”
“ทำไงดีล่ะเนี่ย บ้าที่สุดดดดดด” แล้วเจ้ซิลฟี่ก็ออกอาการโวยวายเหมือนเด็กอีกแล้ว
“อ๊ะ นั่นดาวตกนี่” ผมเห็นดาวตกสีฟ้าวิ่งตัดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เร็วพอที่ผมจะอธิฐานได้เสร็จ
“นายทำอะไรหน่ะเนล” เจ้ซิลฟี่ถามผมด้วยใบหน้าสงสัยอย่างที่สุด
“ก็อธิฐานไงครับ เค้าว่ากันว่าถ้าเห็นดาวตกและอธิฐานสามครั้ง คำอธิฐานจะเป็นจริง”
“จริงเหรอ งั้นตอนนี้จะยังทันมั๊ย ไม่สิ ” เธอพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็รีบอธิฐานเพราะคงกลัวจะไม่ทัน
“ปรกติเค้าให้อธิฐานทันทีที่เห็นนะครับ ว่าแต่อยากจะอธิฐานอะไรหรือครับ”
“ขอให้วิญญาณลูกหมาป่าไม่โดดเดี่ยวหน่ะ”
“วิญญาณลูกหมาป่า?” ผมย้อนประโยคนั้นด้วยความสงสัย
“เธอไม่เคยได้ยินนิทานพื้นเมืองของทะเลแถบเหนือหรอกหรือ มันเป็นเรื่องเล่าที่น่าเศร้า”
ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมรู้สึกถึงความเศร้าที่หมองหม่นเสียยิ่งกว่าความมืดมิดในค่ำคืนนี้สะท้อนออกมาจากดวงตาสีดำอมเขียวนั่น มันพยายามทอความรู้สึกอันแสนเศร้านี้ออกมาราวกับจะสัมผัสได้ด้วยผิวกาย
“มันเป็นเรื่องของหมาป่าสีขาวตัวหนึ่งที่ถูกฝูงแกะเก็บมาเลี้ยงด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
และดูเหมือนว่าเจ้าหมาป่าน้อยตัวนั้นก็คิดว่าตนเองคือแกะป่าเฉกเช่นเดียวกับตัวอื่นๆ
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีหมาป่าฝูงหนึ่งบุกเข้าโจมตีฝูงแกะนั้น
บรรดาแกะน้อยใหญ่ต่างวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตแต่ก็มีแกะน้อยพึ่งเกิดใหม่ตัวหนึ่งที่หนีไม่ทันและดูเหมือนจะต้องตกเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าหมาป่าเสียเป็นแน่
ทันใดนั้นเจ้าหมาป่าขาวตัวน้อยก็กระโจนออกมาจากฝูง แยกเขี้ยวเล็บข่มขู่อริด้วยสัญชาตญาณ
แต่นั่นทำให้หมาป่าน้อยรู้สึกตัวว่าตน ‘แตกต่าง’
ศัตรูที่อยู่ตรงหน้ากลับมีรูปร่างเหมือนตนไม่ใช่แกะที่เลี้ยงดูมา ‘แกคือหมาป่า’
ความจริงอันโหดร้ายเข้าประดังหมาป่าน้อย หัวหน้าฝูงเห็นว่าหมาป่าน้อยเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน จึงคิดชวนเข้าฝูงและจะพาออกล่าแกะด้วยกัน
แต่หมาป่าน้อยผูกพันเกินกว่าจะทำร้าย ‘ครอบครัว’แม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงก็ตาม
หมาป่าน้อยจึงเข้าห้ำหั่นกับฝูงหมาป่า
และในที่สุดฝูงหมาป่าก็ล่าถอยไป หมาป่าน้อยทั้งที่ควรจะกลับไปอย่างวีรบุรุษแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
สายตาแกะตัวอื่นๆที่มองเขาแปลกไป ตอนนี้เขาอยู่ในฝูงแกะในฐานะหมาป่า แกะตนอื่นๆเข้าใจเช่นนั้น
แม้ว่าเจ้าหมาป่าจะคอยขอบไล่สัตว์ตนอื่นๆให้แต่ด้วยความไม่ไว้ใจ ทุกคนจึงเริ่มตีตัวออกห่างจากหมาป่าน้อย
และไม่นานต่อมาแกะก็เริ่มหายไปทีละตัว อาจเพราะถูกหมาป่าดักทำร้าย แต่แกะตนอื่นๆกลับคิดว่าเป็นฝีมือของหมาป่าน้อยจึงจับหมาป่าน้อยแขวนคอ
ปล่อยให้ตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีฝูงหมาป่าไม่มีฝูงแกะ ไม่มีเลย หมาป่าตัวย้อยไม่เหลืออะไรเลย
.”
“น่าเศร้าใช่ไหมล่ะ” พอเล่าจบเจ้ซิลฟี่ก็หันมาถามผมอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ซึมไปแล้ว
“น่าสงสารหมาป่าตัวนั้นนะครับ งั้นคราวหน้าผมจะอธิฐานให้หมาป่าตัวนั้นด้วยอีกแรงนะครับ” ผมแค่อยากให้บรรยากาศดีขึ้น ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะได้ผลนิดหน่อย
“โอ้!! หมาป่าต้องดีใจแน่ งั้นเรากลับกันเถอะ” เจ้ซิลฟี่สลัดอารมณ์โศกเศร้าเพียงชั่วเสียงดีดนิ้วเท่านั้น
“อ่าว แล้วนี่เราจะไม่ไปเอาตะเกียงแล้วเหรอครับ”
“ป่านนี้พวกซีกเกอร์กับไนท์คุงคงจะได้ไปแล้วล่ะ เรากลับงานดีกว่านี่งานก็ใกล้จะเลิกเต็มทีละ”
จากนั้น เราก็เดินตามแสงไฟลิบๆที่สว่างมาจากตัวงานเพื่อกลับเข้าตัวงาน ระหว่างทางบรรยากาศก็น่ากลัวใช้ได้เลยทีเดียว เพียงแต่ไม่ยักกะเจอใครเข้ามาหลอกตลอดทางเลย คนพวกนั้นไปไหนกันนะ
จากนั้นไม่นานเราก็เดินลัดงานมาจนถึงหน้าทางเข้าฐานพิสูจน์ความกล้ากันออกครั้ง และแน่นอนเรามาถึงกลุ่มสุดท้าย
“หา!!! ว่าไงนะไม่ได้รางวัล!! พวกนายทำอะไรกันอยู่!!ò[]Ó” เจ้ซิลฟี่วีนแตกเมื่อทั้งสองกลุ่มกลับมาด้วยมือเปล่า แต่ที่หน้าแปลกคือ..
“พอดีเราถูกซุ่มโจมตีหน่ะเลยล่าช้าโทษทีแล้วกัน” ซีกเกอร์พูดออกมาอย่างเนิบๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นผิดกับไนท์คุง
“ใช่ๆ แปลกจังแฮะ ผมก็โดนซุ่มโจมตีเหมือนเลย บังเอิญจริง ฮ่าๆๆ”
รายนี้เละเทะทั้งตัว ก็พอเดาได้ว่าคนที่ซุ่มโจมตีคุณซีกเกอร์ก็คือไนท์คุงนั้นเอง ตามแผนสลับคู่สินะ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จซะด้วย แถมยังคอยไล่เก็บคนที่ตามหลอกเพราะกลัวคุณซีกเกอร์จะได้กระหนุงกระหนิงกับคุณมิบุนะซี่ รู้หรอกนะ เอ๊ะ!! เหมือนหมู่นี้จะฉลาดขึ้นมาหน่อยๆเหมือนกันแฮะเรา
.
“พวกแก!! ไม่ล่ารางวัลมาทดแทนที่เสียไปเลยÒДó!!” เจ้ซิลฟี่วีนแตกไล่ตะเพิดลูกเรือ
“งั้นผมขอตัวไปหาแอลก่อนนะครับ” ผมขอแยกตัวออกมาทันที
“ถ้าคุณแอลหน่ะ อยู่ตรงโซนคาซิโนนู่น ไปตามตรงนั้นได้เลย” ไนท์บอกกับผมมา
ผมรีบเดินไปตามเส้นทางที่ไนท์บอกมา แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่เพราะเสียงเอ๊ะอะในวงไพ่นั้นดังจนหาง่ายเสียเหลือเกิน
“นี่แกโกงใช่มั๊ย!! เล่นมารวม20ตาแล้วแต่ทำไมมีแต่แกคนเดียวที่ได้เอาๆ” เหมือนจะมีเสียงเดือดดาลดังออกมาจากโต๊ะๆหนึ่งที่มีคนมุงอยู่เยอะมาก
“เปล่าหรอก ผมไม่ได้โกงคุณหรอกแต่ถ้าคุณอยากเล่นเกมที่มีทางชนะผมบ้างก็แนะนำให้เล่นเกมที่ใช้ดวงล้วนๆเลยดีกว่า เกมจิตวิทยาแบบโปกเกอร์หน่ะ โอกาสชนะไม่ใช่ 50ต่อ50หรอกนะ” เมื่อมองตามเสียงอันคุ้นเคยไปก็พบแอลนั่งอยู่และดูเหมือนกำลังมือขึ้นสุดๆเสียด้วย
‘สุดยอดเลย ตอนนี้แอลดูเหมือนกำลังเป็นราชาในวงนี้เลย คุมเกมไว้หมดแล้วสินะ’ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ก่อนการแจกไปรอบต่อไป คนที่เคยนั่งอยู่ก็ลุกหนีออกไปหมดเหลือแต่ชายที่มีปากเสียงกับแอลเมื่อครู่ เป็นชายร่างใหญ่ดูไม่เหมือนคนชอบเล่นการพนันซักเท่าไหร่ และดูไม่น่าจะมีเงินมากมายเสียด้วย ถ้าจะให้อธิบายก็คง ชาวไร่ ล่ะมั้ง
แล้วการแจกไพ่ก็เริ่มอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีผู้เล่นเหลืออยู่แค่สองคน ในเกมที่ชื่อว่าโปกเกอร์นี้จะทำการจากไพ่ให้ผู้เล่นแต่ละคนถือไว้ในมือ คนละ2ใบ โดยบนโต๊ะจะมีอีก3ใบและจะค่อยๆเพิ่มมาทีละใบจนครบ5ใบ ระหว่างนั้นก็จะสามารถเพิ่มเดิมพันหรือที่เรียกว่าเกทับกันได้นั่นเอง วิธีการเล่นคือเราต้องนำไพ่สองใบในมือเราแทนลงไปในชุดไพ่ที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อแทนลงไปแล้วชุดไพ่ใครใหญ่กว่าก็จะชนะ
แต่ไม่ใช่แค่ไพ่ใหญ่กว่าก็ชนะได้ในเกมโปกเกอร์นั่นค่อนไปทางการละเล่นทางจิตวิทยา หากสามารถทำให้คู่แข่งยอมแพ้หรือที่เรียกว่าหมอบก่อนได้ แม้ไพ่ในมือเราจะเล็กกว่าแต่เราก็จะเป็นฝ่ายชนะ
ในเกมการ์ดนี้จะมีศัพท์เฉพาะอย่างหนึ่งที่ควรรู้คือโปกเกอร์เฟส(Poker Face) หมายถึงการไม่แสดงอารมณ์ออกมาแม้ว่าตนเองจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบนั่นเอ โดยปรกติโปกเกอร์ก็เป็นเกมที่เล่นกันแบบนั้นน่ะนะ ยกเว้นเสียแต่ว่า
..จะถูกเล่นโดยชายคนนี้
“ว่างายยยยย หมอบๆไปเถอะเล่นมาตั้งหลายตาแล้วคิดว่าจะชนะเหรอ กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเถอะ” แอลทำเสียงกวนประสาทเต็มที่ เกมโปกเกอร์ที่ปกติจะเล่นกันเงียบๆกลายเป็นละครเวทีไปเสียแล้ว
“เงียบไปเลยนะเจ้าหนุ่ม” อีกฝ่ายก็พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่
“งั้นชั้นขอเกทับไปอีก3,000โกล ไงนั่น หมดตัวนายเลยไม่ใช่เหรอรีบหมอบแล้วก็กลับไปเถอะ ลูกไม่สบายไม่ใช่เหรอ” แอลเกทับไปอย่างเลือดเย็น
“รู้ได้ยังไง ว่าลูกชั้นไม่สบาย” เหมือนว่าชายคนนั้นจะตกใจเอามากๆเลย
“เอาน่า เรามาเล่นตานี้ให้จบก่อนเถอะ รีบๆยอมแพ้ซะเถอะ” แอลบ่ายเบี่ยงประเด็นออกไป
“แก พยายามจะปั่นหัวชั้นใช่มั๊ย รู้แล้วความจริงไพ่แกไม่ดีเลยคิดจะปั่นหัวให้ชั้นยอมแพ้สินะ ชั้นทุ่มหมดหน้าตัก!!” เหมือนชายคนนั้นจะฟิวส์ขาดไปเสียแล้ว
และผลออกมาอย่างที่คาดหวังเพราะขาดความสุขุมในการตัดสินใจ แอลชนะในเกมนั้นไป ทำให้ชายอีกคนนั้นต้องหมดเนื้อหมดตัว
“นายหน่ะ มากับชั้นหน่อยได้มั๊ย?” อยู่แอลก็เดินเข้าไปหาชายคนนั้นแล้วชักชวนเขาให้ตามไป
มันเป็นทางป่าข้างงานเทศกาลเดินเข้ามาไม่ไกลนัก ผมอดไม่ได้ที่จะตามแอบมาดูแล้วก็เห็นแอลเชื้อเชิญชายอีกคนให้นั่งลงเพื่อเจรจากันซักอย่าง แต่ก่อนหน้านั้น
“พอเลยเนล นายช่วยมานี่หน่อย” เหมือนแอลจะรู้ตัวแล้วว่าผมตามมา ซึ่งผมก็เดินไปหาอย่างว่าง่าย
“ทำไมรึ แอลคุง” ผมถามไป
“ช่วยดูรอบๆนี้หน่อยว่ามีใครแอบดูเราอยู่หรือเปล่า” ด้วยความงุนงแต่ผมก็ทำตามแต่โดยดี
“ไม่มีใครอยู่เลยแอล” ผมบอกเขาไป
“แล้วนี่คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” ชายคนนั้นเริ่มเปิดประเด็นที่ค้างคาใจ
“ต้องผ่าตัดหรือเปล่า?” เป็นคำถามที่ผมไม่รู้จริงๆว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ชายอีกคนกลับพยักหน้าเหมือนสื่อสารกันเข้าใจ
“ลูกคุณเป็นอะไร พอรู้ไหม” อ๋อ! ผมเข้าใจแล้วล่ะ พวกเขากำลังพูดถึงอาการของลูกที่ไม่สบายของชายคนนั้น
“ไม่รู้ครับ หมอบอกผมแล้วแต่ผมโง่เกินกว่าจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เหมือนว่าเขาจะบอกให้ไปรักษาตัวในเมืองให้แล้วต้องผ่าตัดอะไรกอย่างเนี่ยแหละ” ชายอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“แล้วต่อจากนี้คุณจะทำอย่างไร”
“ผมไม่รู้ ตอนแรกคิดว่าจะหาเงินให้มากพอแล้วจะลองติดต่อหาหมอเถื่อนให้รักษาลูกของผมเพราะคงมีปัญญาแค่นั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว” แล้วน้ำตายของชายฉกรรจ์ก็ไหลออกมา
“เด็กคนนั้นคงสำคัญกับคุณมากนะครับ นี่ครับน่าจะพอกับค่ารักษาทั้งหมดรวมถึงค่าเดินทางและที่พัก เอาไปรักษาเค้าซะและขอให้ออกเดินทางคืนนี้เลย เพราะการมีเงินขนาดนี้ไว้ในครอบครองจะเสี่ยงต่อการตกเป็นเป้าการปล้นสะดมนะครับ ” อยู่แอลก็ทำในสิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อเขามอบเงินทั้งหมดที่ได้ให้ชายคนนั้นไปเสียดื้อๆ
“ทำไมกัน ผมรับไว้ไม่ดะ
ไม่สิ
ได้โปรดมอบเงินก้อนนั้นให้ผมเถอะครับผมจำเป็นต้องใช้มัน” ชายคนนั้นรีบก้มหัวขอร้องแอล ซึ่งแอลก็รีบพยุงเขาขึ้นอย่างเกรงใจ ตอนนี้ผมได้รู้แล้วชายคนนั้นแม้จะทำดูเหมือนไม่มีศักศรีแต่ช่างดูยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน ความรักที่มีต่อคนสำคัญนั่น
.
“อย่าทำแบบนั้นเลยครับ เอานี่ติดตัวไปด้วยนะครับ ที่เมืองฮาโมริสไม่ไกลจากเกาะนี้ มีหมอหลวงที่ผมรู้จักอยู่ชื่อแจทเทอร์รีน เอานี่ให้เธอดู เธอจะช่วยคุณอย่างเต็มที่” แอลพูดพร้อมหยิบนามบัตรของเขาให้
“บุญคุณนี้จะไม่ลืมเลย ต่อจากนี้จะให้ชดใช้ด้วยชีวิตก็ยินดี”
“เก็บชีวิตไว้ให้คนที่คุณรักและคนที่รักคุณเถอะครับ ที่ผมต้องการคือในวันข้างหน้าถ้าหากผมต้องประสบเรื่องเดือดร้อนอะไร ถึงตอนนั้นก็ช่วยช่วยผมด้วยนะครับ” แอลสุภาพมากต่างจากภาพลักษณ์ราชาในคาสิโนอย่างกับเป็นคนละคน
“ผมชื่อ อัลเบิร์ต แอนเดอร์สัน ขอทราบชื่อผู้มีพระคุณด้วย ”
“แอล เดอะคิลเลอร์ครับ ”
ไม่รู้ว่าทำไมแต่ดูแล้วเท่สาดดดดดดÒ[]ó นี่สินะผู้มีอิทธิพลของจริง มิน่าไปไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกันอีกสักพัก ชายที่ชื่ออัลเบิร์ตก็ขอตัวกลับไปเตรียมตัวเดินทางอย่างที่แอลบอก ทิ้งผมกับแอลไว้เบื้องหลัง
“นี่แอล ทำไมถึงรู้ว่าลูกของคนๆนั้นป่วยล่ะ” ในที่สุดเวลาที่ผมอัดอั้นก็จะได้ระบายซักที
“คิดเองบ้างสิ ไม่ฝึกคิดบ่อยๆแล้วจะเก่งได้ยังไง เจ้าโง่!” แอลกลับมาเป็นคนเดิมเสียแล้ว
“หรือว่าแอล แอบไปสืบประวัติของบ้านนนั้นมาแล้ว Ò[]ó ”
“ใครจะไปทำฟระ ò[]Ó”
“แล้วรู้ได้ไงอ่ะ”
“เฮ้อ..ครั้งนี้จะอธิบายให้แล้วกัน ชายวัยกลางคนท่าทางลุยๆ แต่เสื้อกลับไม่มีรอยขาด แต่เมื่อมองดูดีๆแล้วจะเห็นรอยเย็บอย่างประณีต เป็นหลักฐานว่าชายคนนั้นมีครอบครัวแล้วยังไงล่ะ
นอกจากนั้นที่บริเวณคอเสื้อกลับมีรอยจางๆของดินสอวาดเป็นรูปการ์ตูนแบบเด็กๆ การจะขึ้นไปวาดบนชายร่างสูงใหญ่ขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาถอดมันทิ้งไว้ ประกอบกับรอยสักที่แขนนั่นที่เป็นรูปหัวใจซ้อนกันสองดวงและมีอีกดวงเล็กๆอยู่ข้างบนระหว่างหัวใจที่ซ้อนกันนั้น นั่นคือหลักฐานว่าเขามีลูกแล้วและมีเพียงคนเดียวเสียด้วย
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาพฤติกรรมของเด็กแล้ว เด็กน่าจะอายุไม่เกิน 7ปี ต้องเป็นเด็กที่พอวาดรูปเป็นแต่ไม่รู้ว่าไม่ควรวาดบนเสื้อของพ่อ ชายท่าทางเหมือนกรรมกรหรือชาวไร่แบบนั้นเข้ามาเสียโชคในบ่อนดูเป็นเรื่องที่ไม่เข้ากันเท่าไหร่ ยกเว้นเสียแต่ว่าเขาต้องการเงินจำนวนมากภายในเวลาอันสั้นเพื่อบางอย่างและนั้นทำให้ชั้นคิดว่าลูกของชายคนนี้อาจจะป่วยอยู่ก็ได้”
“เอ๋ งั้นทำไมถึงไม่คิดว่าคนที่ป่วยอาจจะเป็นภรรยาเค้าก็ได้”
“มีเหตุผลยืนยังสองข้อ หนึ่งถ้าภรรยาของชายคนนี้ป่วยจริงเค้าเอาเด็กไปไว้ไหน หรือจะทิ้งให้เด็กอายุไม่น่าเกินเจ็ดขวบอยู่กับแม่ที่ไม่สบายล่ะ และข้อสองกล่องอาหาร ชั้นเห็นชายคนนั้นถือกล่องอาหารเข้ามาด้วย”
“เอ๋ แล้วกล่องอาหารเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ”
“โง่จริง! คิดว่าชายลุยๆแบบนั้นจะทำข้าวกล่องเองเร๊อะ นั่นหน่ะเป็นหลักฐานว่าจนวันนี้ภรรยาของเค้ายังสบายดียังไงล่ะ งั้นความเป็นไปได้ของคนที่น่าจะป่วยก็เหลือเพียงลูกของเค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ถึงจะเจ็บใจก็เถอะ แต่ต่อหน้าชายคนนี้ ทุกคนก็กลายเป็นไอ้โง่ได้ภายในพริบตา
“สุดยอดเลยแอล ถ้าฉลาดขนาดนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ว” ผมพูดไปด้วยอารามตื่นเต้นแต่กับถูกถามกลับมาโดยทันที
“ความฉลาดในความคิดของนายหมายถึงอะไร”
“เอ ก็คงหมายถึงมีความรู้มากๆมั้งครับ”
“ผิดแล้ว ความรู้คือข้อมูล ข้อมูลทำอะไรไม่ได้หรอก ต่อให้รู้มากแค่ไหนมันก็ใช้ประโยชน์ใดๆไม่ได้”
“แล้วที่แอลเรียนรู้อยู่ทุกๆวันล่ะ”
“จริงอยู่ที่ความรู้ในปัจจุบันเป็นได้แค่ข้อมูล แต่ข้อมูลในอนาคตคืออาวุธทรงอนุภาพนะ จงเรียนรู้ให้มากเมื่อให้รู้ถึงแนวโน้มของข้อมูลในอนาคตและถ้าหากมันไม่เป็นไปอย่างที่เจ้าต้องการ เจ้าก็แค่ต้องเปลี่ยนข้อมูลในปัจจุบันให้เป็นไปตามที่เราต้องการซะ!!”
“โอ้ ผมชักจะมีไฟขึ้นมาแล้วววว!!!”
“น้ำหน้าอย่าเอ็งทำไม่ได้หรอก” ชะ!! ดักซะหมดไฟเลย แต่มันก็จริงการจะทำขนาดนั้นได้ถ้าไม่ใช่แอลคงยาก
“แต่อย่างพึ่งทำหน้าจ๋อยซะเด็กน้อย อย่างนายน่ะมันหัวทึบ ก็คงรู้ตัวดีดังนั้นสำหรับนายแล้วไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง100%หรอกแค่เอามันมาใช้ให้ได้100%ของสิ่งที่รู้ก็พอ แค่นั้นนายก็ก้าวเข้าสู่โลกของอัจฉริยะได้แล้ว
”
ถึงจะเป็นการให้กำลังใจแบบแปลกๆตามแบบฉบับของแอลแต่ก็ดูเหมือนจะได้ผลนิดหน่อย ผมมีกำลังใจขึ้นมาก นับจากนี้ก็แค่ต้องพยายามหาให้ได้ว่าเรามีความสามารถหรือสนใจด้านอะไรเท่านั้น เราเดินกลับเข้ามาในงานซึ่ตอนนี้ดูเหมือนงานจะเลิกเสียแล้ว ผู้คนบางตาลงมากต่างทยอยกลับกันเสียเกือบหมด ผมกับแอลก็ตกลงกันแล้วว่าจะกลับเรือแต่ในตอนนั้นเอง
“พ่อหนุ่มทั้งสองคนนั้น สนใจจะทำนายดวงชะตาหน่อยมั๊ย?” เป็นเสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของงาน แต่งตัวในชุดผ้าคลุมสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งผมและแอลเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายและตั้งใจจะเดินจากไปแต่ตอนนั้นเองคำพูดพิศวงก็ลอยมาจากหญิงลึกลับคนนั้น
“บุตรแห่งสมุทรเอ๋ย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นบุตรแห่งมหาสมุทร ล่องลำนาวาท้าคลื่นโต้ลม ดวงชะตาของเจ้าหากถูกรับเลือกจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง”
ผู้หญิงคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเราคือโจรสลัด ผมรีบหันมามองแอลซึ่งตอนี้กำลังเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากในท่าขบคิด ไม่นานแอลก็เดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้หน้านักดูดวงคนนั้น
“คุณดูเป็นคนน่าสนใจนะครับคุณผู้หญิง งั้นผมขอดูดวงซักหน่อยแล้วกัน” ผมได้แต่มายืนอยู่ข้างหลังแอลอย่างสงสัยเท่านั้น
“เจ้าคนๆนั้น หากไม่อยากโชคร้ายจงไปสูบบุหรี่ให้ห่างข้า!!” อยู่ๆหญิงคนนั้นก็โพลงออกมาใส่ชายที่กำลังยืนสูบบุหรี่ใกล้ๆก่อนจะหยิบสำรับไพ่ขึ้นมา
เธอคลี่ไพ่มากมายในสำรับนั้นลงบนโต๊ะขอเธอที่ปูด้วยผ้าปูสีแดง แล้วก็เงยขึ้นมาพูดกับเรา
“เลือกมาหนึ่งใบพ่อหนุ่มแล้วเจ้าจะได้รับอนาคตจากข้า” เธอบอกกับแอลซึ่งเขาก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
เธอรับไพ่ที่แอลเลือกขึ้นมาพร้อมพลิกให้เราดู รูปบนไพ่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนบนล่าง รูปบนเป็นรูปกษัตริย์นอนตายกอดดาบ และรูปล่างเป็นรูปโจรสลัดนอนตายกอดแผนที่ รูปทั้งสองหากกลับขึ้นมาเป็นส่วนบนจะเห็นคนในรูปนอนหันหัวไปทางซ้ายทั้งคู่ และตรงหัวท้ายมีอักษรเขียนไว้เป็นชื่อไพ่และไพ่นั่นก็คือ THE DEATH
“จากนี้พวกเจ้าจะพบพายุลูกใหญ่รุนแรง พัดพาตัวเจ้าให้ลอยไปอย่างเบาหวิวราวกับขนนก ท่ามกลางงกองไฟมหึมาที่ใครก็ไม่อาจหยุดยั้ง แต่เจ้า!!....อาจถูกเลือกจากโชคชะตา .ด้วยความเมตตาของเจ้า ต่อคนทั้งสองในไพ่นี้ .”
คำพยากรณ์น่ากลัวนั้น มีความหมายที่แท้จริงอย่างไรกันแน่นั้น คงถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของรอยยิ้มของแอลคนนั้นอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น