คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 ภารกิจใหม่ และ ตำนานที่เล่าขานไม่จบ
“นี่มันแปลกๆว่ามั๊ย?....”
นั่นคือความคิดที่ก้องอยู่ในใจของผม ท่ามกลางความมืดที่เข้าปกคลุมผืนฟ้ากลืนกินทุกสรรพความคิดและคำพูดให้เงียบงัน เสียงดนตรีแห่ฉลองแว่วมาจากที่ๆแสนไกล ในป่าทึบแบบนี้เสียงเดียวที่คุณจะได้ยินนอกจากเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นถี่แล้ว ก็คงจะมีแค่เสียงลมที่คอยสั่นไหวเหล่าต้นไม้และใบหญ้าและเสียงบรรดาจิ้งหรีดเท่านั้น
“แล้วผมมาทำอะไรที่นี่?...”
เป็นอีกคำถามที่ผมเองก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน ไม่สิคำตอบหน่ะผมรู้แล้ว แต่มันยากที่จะยอมรับได้ต่างหาก ในความมืดเช่นนี้ ความสามารถของประสาทสัมผัสทางการมองเห็นของคนเราจะลดลง มนุษย์จึงพึ่งความสามารถของประสาทสัมผัสอื่นมากขึ้นเช่นการได้ยิน และจินตนาการของความคิด . ผมจะไม่พูดว่าผีมีจริงหรือไม่มีจริง แน่ล่ะ เราอาจบอกตัวเองได้ว่ามันเป็นแค่เราที่ทึกทักสิ่งต่างๆแล้วกลัวไปเอง แต่ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะช่วยอะไรได้ ..
“นั่นเสียงอะไรหน่ะ!!!!”
ประสาทหูอันแสนเฉียบคมในวันนี้ของผมค่อนข้างที่จะเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ทีเดียว แสงจากคบเพลิงหรี่ๆในมือผมนี้ใช่ว่าจะช่วยให้ทรรศนวิสัยดีขึ้น ซ้ำยังออกหลอนๆด้วยซ้ำ ผมต้องหันซ้ายทีหันขวาทีตามเสียงต่างๆตลอดทาง ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่มาเมื่อไหร่ ซึ่งรู้อะไรมั๊ย .มันจะโผล่มาแน่!!
ถ้าหากอยากจะทราบว่าตัวของผมนั้นมาที่นี่ได้ยังไงก็คงต้องย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนเช้าของวันนี้
ณ รุ่งเช้าในวันนั้น
“หาวววว เฮ้อ ในที่สุดก็จะได้ขึ้นฝันบ้างแล้วซักที” เสียงแอลงัวเงียเข้ามาทักในตอนที่ผมกับซีกเกอร์คุงกำลังฝึกกันอยู่
“วันนี้ตื่นเช้าจังนะ มีอะไรรึเปล่า ” ซีกเกอร์ถามแอลอย่างสงสัย
“เปล่านี่ แค่อยากจะรู้ว่า เจ้าเปี๊ยกนี่มันฝึกอะไรมากมายถึงได้แอบหลับตอนเรียนตลอดเลยเฉยๆ” ประโยคหลังจงใจเหน็บผมชัดๆ
“แล้วนี่ฝึกถึงไหนละ ดูตัวก็เท่าเดิม ใช้อะไรเป็นบ้างรึยัง” แอลดูท่าทางไม่เชื่อใจผมเลยแฮะ
“จะพัฒนาร่างกายต้องใช้เวลาบ้าง ส่วนพื้นฐานต่อสู้ด้วยมือเปล่าก็พอได้บ้าง ส่วนการใช้อาวุธยังอีกไกล พูดง่ายๆหมอนี่มันไม่มีพรสวรรค์เลยล่ะ” ซีกเกอร์ตอบแบบตรงฉินซะผมจุกเลย TT[]TT!!
“นั่นสินะ ดูหน้าก็พอเข้าใจ” หนอยแน่ แอลคุง อย่าให้ถึงตาชั้นบ้างแล้วกัน Ò∆ó!!
“แล้วทางนั้นแหละ บางทีเนลอาจเหมาะกับการวางแผนก็ได้” ซีกเกอร์ถามแอลบ้าง
“ไม่อ่ะ หนักกว่าเสียอีก ไอ่หมอนี่มันโง่บรมเลยล่ะ ไม่มีพรสวรรค์อย่างสิ้นเชิง!” ชะ!!Ò[]ó อยากจะเถียงเหลือเกิน ถ้าไม่ติดตรงมันเป็นเรื่องจริงละก็!!
“แล้วนี่เนลคุงจะเป็นอะไรบนเรือนี้เหรอ เอ่อ หมายถึงหน้าที่หน่ะ” ซีกเกอร์ถามต่อ
“นั่นสินะ คงต้องรอดูไปก่อนแหละ” แอลพูดเหมือนสมเพชผมสุดๆ (ปล. ฝากไว้ก่อนนะแก)
“เห็นเกาะแล้วววววววว จบข่าว” เสียงใครซักคนที่ไม่คุ้นหูดังมาจากยอดเสากระโดงเรือ
“นั่นใครเหหรอ อยู่มาก็หลายวันพึ่งจะสังเกตเห็น” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย
“มาเมะหน่ะ เป็นต้นหนชั่วคราว อันที่จริงเค้าเป็นพลแม่นปืน แต่หมอนั่นขี้เกียจสุดๆเลยล่ะ เอาแต่หลับทั้งวัน ปกติต้นหนชั้นก็ทำหน้าที่แทนตลอด” แอลตอบผม
“พลแม่นปืน? ต้นหน? นี่ใช่ไหมฮะ หน้าที่บนเรือที่ว่า..”
“ใช่แล้วล่ะ อย่างชั้นก็เป็นหน่วยจู่โจม หมอนี่ก็เป็นหน่วยยุทธวิธี คุณมิบุเป็นหน่วยแพทย์ เจ้าพัตเตอร์หน่วยวิทยาการ เจ้าไนท์ก็เป็นหน่วยสอดแนม วายจังก็เป็นฝ่ายบริการ ส่วนซิลฟี่ก็เป็นกัปตันไง” ซีกเกอร์ไล่เรียงหน้าที่ให้ผมฟัง
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง จริงสิ เมื่อกี้ได้ยินว่า ต้นหนชั่วคราวและเรือลำนี้ไม่มีต้นหนจริงๆเหรอครับ”
“เคยมีหน่ะ แต่ออกจากกลุ่มไปเมื่อ 5ปีก่อน ตอนนี้ตำแหน่งนี้เลยว่าง” คราวนี้แอลเป็นคนตอบคำถามให้ผม
“ต้นหนเหรอ ” ผมพึมพำกับตนเอง
“หืม?....อย่าบอกนะว่าอยากจะเป็น ”แอลเหมือนจะดูผมออกอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
“แหะๆ..” ผมได้แต่หัวเราะแห้งรับออกไป
“ขอบอกไว้ก่อนนะเจ้าเปี๊ยก ต้นหนไม่ว่าใครอยากเป็นก็เป็นได้ แล้วอีกอย่างหน้าที่ของแกบนเรือนี้ มันไม่ได้ถูกกำหนดเพราะว่ามันว่าง แต่ต้องมันเป็นสิ่งที่แกทำได้ดีที่สุดต่างหาก ” จริงๆด้วย คนๆนี้รู้ทันผมหมดทุกอย่างเลย
“ถ้าได้ต้นหนกากๆมา เรือนี้คงใกล้อับปางในไม่ช้าแน่ .” เสียงวายจังครับ เธอยังอุตส่าสละเวลาแวะมาทำร้ายจิตใจผม ไม่รู้จะต้องขอบคุณดีรึเปล่า
“เอ่อ
.ช่วยลืมๆมันไปแล้วกันนะครับ” ผมกล่าวบอกทั้งซีกเกอร์และแอลอย่างเอือมระอาตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราก็เดินทางเข้าสู่เกาะ ดูท่าจะเป็นเมืองที่คึกครื้นอย่างยิ่งทีเดียว แค่บริเวณท่าเรือยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ตระการตาด้วยผู้คนและแสงสี ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วจะสวยขนาดนั้น ในที่สุดเรือของพวกเราก็อ้อมไปจอดที่หลังเกาะ เพื่อเลี่ยงสายตาพวกทหารเรือ
“เอาล่ะทุกคน นี่ไม่ใช่การเที่ยวเล่นแต่มันคือภารกิจ!! โปรดตระหนักและจริงจังกับมันด้วย” อยู่ๆเจ้ซิลฟี่ก็เรียกทุกคนออกมายืนเรียงหน้ากระดานทันทีที่ขึ้นฝั่ง มิหนำซ้ำยังทำท่าทางจริงจังเสียด้วย ว่าแต่ ภารกิจอะไรในเมืองแบบนี้กันนะ
“เหมือนปีก่อนๆ เราจะมากวาดรางวัลของทุกเกมการแข่งขันที่นี่ให้เรียบ!! ”
“ห๊ะ!?!?!?!” ผมเผลออุทานออกไปอย่างลืมตัว นั่นทำให้เจ้ซิลฟี่หันมาทันที
“อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็กๆเชียวนะ!! งานช๊อคโกแลตและขอรางวัล มันช่วยประหยัดงบประมาณเราได้มากอยู่นะและถือเป็นการประกาศศักดาของเดอะคิลเลอร์ให้สะท้านโลกไปในตัวเลย”
“ชนะเกมเนี่ยนะ
”
“จุ๊ๆ เด็กน้อยไม่เข้าใจสินะ ถ้าเราเป็นแชมป์อะไรซักอย่างทุกๆปีผู้คนก็จะจดจำและโจษจันเองนั่นแหละ” เอ่อ
เอาเข้าไป เอาเป็นว่าผมยอมแล้วกัน
“เอาล่ะเวลานัดคือ พรุ่งนี้เช้า ใครจะไปไหนก็ตามใจ แต่มารวมกันพรุ่งนี้เช้านะ โอเคไปได้!!”
อ่าครับๆ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกแต่เด็กอย่างผมคงไม่ชนะเกมอะไรกับเขาหรอก ขอเที่ยวให้เต็มที่แล้วกัน ได้เงินค่าขนมจากแอล ซีกเกอร์และคุณมิบุมาแล้วด้วย ขอช๊อปปิ้งละนะ
.
“หยุดเลย!! มาเมะนั่นนายจะไปไหน
.” เสียงอาเจ้ซิลฟี่แผดดังเหมือนเกิดเรื่องร้ายแรง
“ก็ไปนอนต่อหน่ะสิ ชั้นขี้เกียจไปร่วมงานที่มีคนเยอะๆหน่ะ” มาเมะตอบกลับมา อันที่จริงผมพึ่งจะเคยเห็นคุณมาเมะเนี่ยแหละ ทำให้ผมรู้สึกว่าคนๆนี้ประหลาดทีเดียว ตัวสูงซัก180ได้มั้ง ผอมเพรียว แต่แต่งตัวพิลึกพิลั่น ผมสีดำกระเซอะกระเซิงนั่นบวกกับหมวกทรงสูงปิดหน้าปิดตาแถมมีหูกระต่ายโผล่มาจากหมวกอีกต่างหาก แต่กลับใส่กับเสื้อเชิตแขนสั้นและกางเกงขาสั้น มันเข้ากันตรงไหนเนี่ย = =”
สรุปหมอนี่มัน นีท? เซอร์? หรือครอสเพลกันเนี่ย?
“แกก็ต้องออกไปล่ารางวัลเข้าใจมั๊ย” เจ้ซิลฟี่ย้ำคำสั่งใส่คนๆนั้นอีกครั้ง
“ก็มันขี้เกียจนี่ .” มาเมะหาวพร้อมแคะขี้หูก่อนจะตอบกลับไป
“ไป เอารางวัลมาซักอย่างค่อยกลับมานอน โอเคมั๊ย? ”
“ก็ได้ๆ อย่างเดียวแล้วผมจะกลับมานอนแล้วนะ” มาเมะทำหน้าจำใจรับปากพร้อมเดินตามกลุ่มแรกออกไปแต่โดยดี
“โอเคจ๊ะ ขอเป็นรางวัลใหญ่สุดน้า ” อาเจ้ซิลฟี่ตะโกนไล่หลังไป
เอาล่ะ ผมต้องไปมั่งแล้ว .แต่ เด็กไปคนเดียวก็ออกจะอันตราย พาผู้ใหญ่ไปด้วยซักคนดีกว่า
“ไนท์ ..เอ ไปไหนแล้วเนี่ย? .”
“ไม่อยู่แล้วล่ะ ตามคุณมิบุไปต้อยๆแล้วล่ะ ก็รวมถึงเจ้านั่นด้วยแหละ เจ้าพัตเตอร์หน่ะ” อยู่ๆแอลก็โผล่มาอธิบายเหมือนทุกที
“อ่า ไม่เป็นไรๆ ผมไปกะเจ้ซิลฟี่ก็ได้ครับ” อันที่จริงผมแค่กลัวที่จะได้ไปกับแอลเท่านั้นแหละครับ
“ก็เอาสิ ท่านายวิ่งตามเธอทันนะ ตอนนี้คงถึงในงานแล้วล่ะ” อ่ะ!! ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!! เจ้ซิลฟี่หายไปแล้วจริงๆ O[]o!!
“เอ่อ .”
“ตอนนี้ที่นี่เหลือ ชั้นกับซีกเกอร์คุงนายจะไปกับใคร?” ซีกเกอร์คุง TvT คุณยังอยู่สินะ ช่วยกรุณาพาผมไปจากปีศาจตัวนี้ด้วยยยยย (วิ่งสโลโมชั่นน้ำตาไหลพราก)
“แกมาแกตายแน่!!!”
ชะ!! (ช็อคและแข็งเป็นหิน) มันเป็นเสียงตะโกนจากสายตาของวายจังครับ ถ้าผมไปด้วยนี่ไม่รู้ว่าจะโดนเอาศพไปหมกไว้ตรงไหนของเมืองนี้เลยทีเดียว
“เอ่อ ..แอลคุงครับกรุณาพาผมไปเที่ยวด้วยเถอะครับ ผมยังไม่อยากโดนพญามารฆ่าตาย .” ผมต้องเจียมตัวแต่โดยดี
“ดูเหมือนจะฉลาดเลือกขึ้นนิดหน่อยนะ ฮ่าๆ”
และก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ ทำให้ผมต้องมาเที่ยวกับแอล พอถึงในตัวงานก็ไม่ผิดหวังครับ อลังการณืงานสร้างมาก ตั้งแต่เดินเข้ามาถึงใจกลางตัวเมืองก็มีร้านค้าแผงลอยมากมาย ตั้งเรียงรายเป็นเส้น ทุกร้านล้วนประดับประดาด้วยโคมไฟสีต่างๆดูงดงามในยามค่ำคืนเช่นนี้เหลือเกิน และส่วนใหญ่บรรดาร้านทั้งหลายก็จะเป็นสินค้าที่เป็นธีมของงานนั่นคือ ช็อคโกแลต บอกตรงๆนะครับความจริงผมก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้นแต่บรรยากาศมันทำให้ชวนหลงใหลเสียจริง ผมแทบจะอดใจวิ่งกระโจนไปในร้านค้าต่างๆไม่ไหวแล้ว
“แล้วนี่แอลจะไปไหนเหรอ?” ผมถามไปด้วยอารามตื่นเต้น แต่สิ่งที่ตอบรับกลับมานั้น .
“ไปทำงาน .” ช่างทำให้ผมห่อเหี่ยวยิ่งนัก .
แอลเดินออกตัวงานไปในซอยที่ไม่ได้มีจัดร้านค้า ทำให้รู้เลยว่าผู้คนตอนนี้หลังไหลไปอยู่ในงานจนนอกตัวงานนั้นเงียบจน เกือบเข้าคิดว่าเป็นเมืองร้างได้ทีเดียว ถ้าจะมีก็เพียงร้านเหล้าเล็กกับขี้เมาสี่ห้าคนที่หลงเข้ามาไม่ได้อยู่ในงานกับคนอื่นเขา เรายังคงเดินลัดเลาะตามซอกซอยเข้ามาเรื่อยๆ จนขออภัยที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ถูกเพราะมันทั้งซับซ้อนและมืดมาก
“นี่เราจะไปถึงไหนกันเนี่ยครับ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม
“ทำไม อยากกลับก็กลับไปสิ” มาพูดอะไรตอนนี้เล่า มาตั้งไกลแล้วไม่ถามก็ได้
และในที่สุดไม่นานนัก เราก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านซ่อมรองเท้าเล็กในตรอกใดตรอกหนึ่งในเมืองอันแสนกว้างใหญ่นี้ แอลเดินเข้าไปพร้อมจับห่วงประตูเคาะเป็นสัญญาณเรียกคนด้สนใน
ก๊อก ..ก๊อก ก๊อก ..
มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา ณ ที่ตรงนี้นับว่าไกลตัวงานเทศกาลพอตัวทำให้เงียบมากได้ยินก็แค่เสียงแววๆของงานและบรรดาดวงไฟที่อยู่ไกลๆเท่านั้น ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงกับความเงียบนี้ดี .โชคดีในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับมา
“ขอโทษนะ วันนี้ร้านปิดแล้ว ไว้มาใหม่พรุ่งนี้นะ” เป็นเพียงเสียงชายวัยชราที่ลอดผ่านประตูนออกมาเท่านั้น
“ผมว่า คุณต้องอยากเปิดทำการต่ออีกซักนิดแน่ครับ คุณลุงจาคิน .” แอลตอบกลับชายคนนั้นไป ซึ่งยังไม่ทันขาดคำประตูก็ผละเปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการปรากฏตัวของชายชราผมขาวเคราขาวสูงซัก160เซนติเมตร ใส่ชุดเอี้ยมทำครัวอยู่
“นั่นเธอรึ แอล ” ชายที่ชื่อ จาคิล เอ่ยทักขึ้นก่อน
“สบายดีนะครับ คุณลุงครับ” แอลไม่ตอบทั้งยังถามกลับพร้อมยิ้มให้
“มาๆ เข้ามาก่อนซิ คิดถึงจริงๆเลย” ชายชราคนนั้นเรียกพวกเราให้เข้ามาในตัวบ้าน
“บ้านยังน่าอยู่เหมือนเดิมเลยนะครับ” ในขณะที่แอลเดินเข้ามาก็ชวนคุยทักทายตามประสาคนรู้จัก
“ก็นะ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกแต่เรื่องที่น่าอยู่นี่ชั้นคอนเฟิร์ม ฮ่าๆ” ดูเหมือนจะเป็นคุณลุงอารมณ์ดีสินะ
“คุณลุงจากคินครับ วันนี้ผมพาเพื่อนมาด้วยเขาชื่อเนล ”
“โอ้ เด็กหนุ่มคนนี้เร๊อะ เอ่อๆ ตามสบายเลยนะเพื่อนของแอลชั้นไม่ถือหรอก” จนถึงตอนนี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกอยู่ดี คงได้แต่ยืนเงียบต่อไป
“คุณป้าลอร่าสบายดีหรือเปล่าครับ”
“เธอเสียไปเมื่อครึ่งปีที่แล้ว แล้วล่ะ”
“เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ” แอลทำเสียงรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที แต่ปฏิกิริยาของคุณลุงทำให้เรื่องไม่น่าวิตกอย่างที่คิด
“ไม่เป็นไรๆ คนเราซักวันหนึ่งก็ต้องตาย การจากลาเป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างป้าแกไม่ขี้บ่นจะต่ยไป ถ้ามันเห็นลุงร้องไห้คงมาเข้าฝันจนลุงนอนไม่ได้ขาดใจตายพอดี ฮ่าๆ”
“ท่านต้องดีใจที่คุณลุงเข้มแข็งขนาดนี้ครับ” แอลพูดพร้อมยิ้มให้อีกครั้ง แต่ตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้ว แอลดูสุภาพเกินไป!!!Ò[]ó!!
“เอ้อ อุตส่าฮ่อมาถึงนี่ มีอะไรให้ลุงช่วยหรือเปล่า?”
“เอ่อ พอมีอยู่ครับคุณลุง ผมอยากให้คุณลุงซ่อมสิ่งนี้ให้ผมหน่อย” แล้วแอลก็ล้วงบางอยางออกจากกระเป๋า มันมีลักษณะคล้ายๆกล้องส่องทางไกลแต่ดูซับซ้อนกว่า
“ออรั่ม(Oram)!! ไปได้มาจากไหนกัน มันอย่างจะอยู่ในการดูแลของพวกทหารเรือหมดแล้วนี่” ลุงรีบคว้าขึ้นมาดูพร้อมหยิบแว่นมาใส่
“อุปกรณ์สำหรับดู ‘แผลที่ที่แท้จริง’ มาอยู่นี่ได้ยังไง” เหมือนลุงจะตกใจมากซึ่งผมเองตกใจเสียกว่าเพราะไม่รู้เรื่องที่เขาคุยกันเลย แต่ด้วยความไม่สนิทจึงไม่กล้าพูดแทรกเข้าไป แต่นั่นดูเหมือนจะเป็น ‘ของ’ ที่ไนท์คุงไปเอามาจากเมืองนอร์ทเกจ
“ก็ได้มาแล้วครับ แล้วนี่คุณลุงพอจะซ่อมได้ไหมครับ” ลุงจาคินนิ่งไปพักนึงก็ถอดแว่นพร้แมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเรา
“แอล นี่มันขอสำคัญมากนะ ลุงก็แก่แล้ว ไปให้ช่างคนอื่นซ่อมเถอะ คือลุงไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะเก่งเหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน”
“ก็ผมไม่ไว้ใจใครเท่าลุงนี่ครับ”
“ไว้ใจลุงเหรอ” ลุงจาคินถามย้ำอีกครั้ง
“แค่คนเดียวเลยครับที่ผมไว้ใจ
” แอลเองก็ยืนยันอย่างหนักแน่นเช่นกัน
“
. ก็ได้ลุงจะลองดู ซักวันสองวันก็น่าจะรู้กันแล้วว่าซ่อมได้หรอไม่” ในที่สุดลุงจาคินก็ตอบตกลง
หลังจากนั้นเราก็คุยสัพเพเหระต่างๆนานา เพราะลุงจาคินเองก็ชวนเราทานข้าวที่บ้านต่อด้วย ดูเหมือนไม่ใช่แค่แอลแต่กลุ่มโจรสลัดคิลเลอร์กับคุณลุงคนนี้จะไว้เนื้อเชื่อใจกันและมีความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นกว่าที่มคิดไว้ตอนแรกเสียอีก ซักชั่วโมงต่อมาเราก็ขอตัวลาออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความสุภาพ
“เป็นอะไร เอาแต่นั่งนิ่งตลอดเลย ไม่พูดไม่จา” แอลทักทันทีที่ลาคุณลุงเสร็จ
“ก็แหม ผมทำตัวไม่ถูกนี่ครับ อันที่จริงมีเรื่องที่อยากถามเพียบเลย”
“ว่ามาสิ”
เหมือนแอลจะรู้เรื่องนี้ครับ และนั่นก็กลายเป็นบทสนทนาระหว่างกลับไปในงานของเรา
“อย่างแรกครับ เจ้าเครื่องที่ชื่อ ออ
ออ”
“ออรั่ม”
“นั่นแหละ แถมยังบอกว่าเป็นเครื่องอ่านแผนที่ที่แท้จริงนั่นอีก คือช่วยอธิบายตั้งแต่ต้นอย่างง่ายๆให้ผมเข้าใจที”
“เอาล่ะ เริ่มจากไหนดีล่ะ งั้นชั้นจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟังก่อน”
“ผมไม่อยากฟังนิทาน”
“แกต้องฟัง!!” ความสุภาพเมื่อกี้หายไหนฟะ Ò[]ó!!
“มันจะช่วยให้เข้าใจง่ายสินะครับ
”
“เหมือนจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วนะ เอาล่ะ มันเป็นเรื่องเล่าเมื่อนานมาแล้ว
.”
“ ย้อนไปนานแสนนานจนในยุคที่ยังเชื่อว่ายังมีบรรดาเทพเจ้าและเหล่าปีศาจอยู่บนโลก ยุคที่โลกเคยไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งอารยธรรม โลกที่แสนสงบสุข แต่โลกนั้นก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงในที่สุด ‘สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์’ จู่ๆเทพเจ้าและปีศาจก็เข้าห้ำหั่นกัน ผลของสงครามขยายกว้งจนไม่อาจควบคุม และมนุษย์ผู้แสนต่ำต้อยนั้นก็ต้องกลายเป็นผู้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส ผู้คนต่างอพยพและหนีไปตามเกาะต่างๆทั่วโลกที่ห่างไกลจากสงคราม ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่พวกเขาเคยมีนั้น ถูกนำไปเก็บซ่อนให้พ้นจากยุคสมัยที่โหดร้ายนี้ และเพื่อที่ลูกหลานจะได้กลับมาหาพบอีกครั้งจึงได้สร้างแผนที่พิเศษขึ้นมา ซึ่งจะสามารถอ่านแผนที่ได้จากวิธีการเฉพาะเท่านั้น ซึ่งนั่นแหละหน้าที่ของ ออรั่ม
.”
“อ๋อ คุณจะบอกผมว่าตอนนี้เรากำลังล่องเรือไปทั่วโลกเพื่อจะตามตำนานประรำประราที่คุณเล่าเนี่ยนะ”
“ชั้นก็เคยรู้สึกเหมือนเธอ จนได้พบออรั่มเนี่ยแหละ เรื่องนี้จึงมีมูลพอ”
“งั้นอะไรที่พูดคุณตามหา สมบัติโบราณ?”
“นั่นแหละที่ชั้นต้องอธิบายต่อ สมบัติอะไรก็ไม่ทำอำนาจ”
“อำนาจ?”
“ใช่ เรื่องเล่ามันมีต่อ
.”
“ หลังยุคสงครามสิ้นสุดเทพเจ้าและปีศาจต่างก็หายไปจากโลกมนุษย์อย่างไม่ทราบสาเหตุ นั่นทำให้มนุษย์กลับมาสร้างอารยธรรมอีกครั้ง บ้างก็มุ่งมันที่จะสร้างความหวังใหม่ บ้างก็มุ่งมันที่จะออกตามหาความหวังเก่า ก่อกำเนิดยุคล่าสมบัติขึ้นมา มีคนร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีจากสมบัติโบราณมากมาย แต่รู้ไหม ไม่มีใครจะได้บางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เท่านักล่าสมบัติบารีสอีกแล้ว ตามตำนานกล่าวว่า เขาเป็นนักล่าสมบัติคนหนึ่งที่ตามหาสมบัติต่างๆไปสุดขอบฟ้าและที่เกาะๆหนึ่งเขาก็ได้พบ ปีศาจตนสุดท้าย!!”
“ปีศาจ!!”
“ใช่ ปีศาจตนนั้น กำลังอ่อนแอและหวาดกลัวจากสงคราม เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องที่ซ่อนของมัน มันได้ให้บางสิ่งบางอย่างแก่เขา พลังของปีศาจ!!”
“พลัง
ปีศาจ
”
“หลังจากนั้น บารีสก็ได้กลับมาพร้อมกลายเป็นราชาของเกาะๆหนึ่งจากการใช้กำลังโค่นล้มอำนาจเดิมเพียงตัวคนเดียว ตำนานยังเล่าอีกว่าเขาได้ขยายอำนาจไปเรื่อยๆยังดินแดนอื่น เหล่าเมืองต่างๆถ้าไม่อยากต้องพบกับการสูญเสียก็ต้องยอมศิโรราบแต่โดยดี ไม่มีใครจะหยุดยั้งเขาได้
.”
“แล้วไงต่อ”
“จบแล้ว..”
“จบแล้ว?”
“ใช่ เหมือนตำนานจะขาดหายไป ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆประวัติศาสตร์ถึงได้หายไป ไม่มีเรื่องเล่าของบารีสอีกเลย”
“งั้นที่พวกคุณตามหาคือ?”
“พลังอย่างที่บารีสเคยได้
”
“พวกคุณจะเอาไปทำไม?”
“ต่อกรกับบางอย่างที่ยิ่งใหญ่
”
“มันคืออะไร”
“คิดว่ายังไม่ถึงเวลาบอกนะ เอาล่ะถึงแล้วตอนนี้เราไปเที่ยวงานเทศกาลกันดีกว่า” กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีเราก็อยู่ทางเข้างานเทศกาลเสียแล้ว
“โถ่
คนกำลังอินเลย งั้นสองคำถามสุดท้ายครับ”
“อ่ะ ว่ามา”
“ข้อแรกทำไมคุณลุงจาคิน ถึงดีกับเรามากล่ะครับ”
“เรื่องนั้น เมื่อ 4 ปีก่อน พวกเราเคยมาที่เกาะนี้แล้วมีพวกโจรสลัดเข้าบุกเกาะ พวกนั้นได้เข้าทำร้ายป้าลอร่าที่ขัดขืนไม่ยอมพวกมันด้วย พวกเราเจอเข้าพอดีเลยเข้าไปช่วยไว้น่ะ แม้ว่าสุดท้ายจะต้องเป็นเหตุให้ถูกทหารเรือจับไปด้วยอ่ะนะ”
“ถูกจับ?”
“แค่วันเดียวหน่ะ วันรุ่งขึ้นพวกเราก็หนีออกมาได้แล้ว จากการช่วยเหลือของคนในเมืองนั่นแหละ อ่ะ ข้อสองล่ะ”
“ทำไมแอลถึงไว้ใจฝากของสำคัญขนาดนั้นไว้กับคุณลุงล่ะครับ”
“นั่นสินะ จะให้อธิบายมันก็ยากอยู่นะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใครแบบชั้นคงดูแปลกมาก เอาเป็นว่าพอเราเห็นใครซักคนยิ้มให้เราแบบจริงใจแม้เราไม่เคยจะยิ้มตอบตลอดเวลาที่เจอกัน ซักวันเราก็จะยอมแพ้ในความจริงใจของเขาเอง”
“อื้ม แบบนี้นี่เอง”
“เอ่อนี่ก่อนเราจะไปเที่ยวเล่นกัน ชั้นขอถามนายกลับหน่อยได้ไหมเนล”
“ได้สิ อะไรอ่ะ”
“อะไรคือสิ่งที่นายควรรู้มากที่สุดในโลกนี้”
“ไม่รู้สิครับ
.ความรู้วิทยาการมั้ง”
“เปล่า
สิ่งที่นายควรจะรู้ไว้คือ
.นายควรรู้ว่าโลกใบนี้ทั้งใบนายจะไว้ใจใครได้บ้าง
.”
ท่ามกลางแสงไฟสลัวในคืนนั้น คำพูดนั้นของแอลสะท้อนก้องไปในหัวของผมจนไม่อาจลืม
.
ความคิดเห็น