ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Killer สุดป่วนก๊วนโจรสลัด

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 ดอกไม้งาม และ เหล่าโจรสลัด

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 55


     Chapter 6 ดอกไม้งาม และ เหล่าโจรสลัด

                    สวัสดีครับทุกท่าน ผมเนล  เด็กใหม่บนเรือเดอะคิลเลอร์ครับ  ผมมาเป็นเด็กใหม่ที่นี่ได้ก็สามวันแล้ว  ทุกเช้า(มืด)ผมจะเริ่มด้วยการออกกำลังกาย(กับซีกเกอร์คุง)  พอพระอาทิตย์ขึ้นก็จะเริ่มทำความสะอาดเรือ  เสร็จแล้วเราก็จะทานข้าวเช้าด้วยกัน  แล้วก็ฝึกการใช้อาวุธกบซีกเกอร์คุงอีกจนถึงประมาณ 10โมง จากนั้นก็จะพัก (?) ด้วยการเรียนหนังสือกับแอลจนถึงเที่ยงแล้วก็กินข้าว  ต่อช่วงบ่ายด้วยการเรียนวีการเดินเรือกับเจ้ซิลฟี่  เอ่อ  อันที่จริงก็แค่เล่นเป็นเพื่อนเจ้ซิลฟี่ก็เท่านั้นแหละครับ หรือจะพูดให้ถูกก็  ไปให้เค้าแกล้งสินะ   นั่นแหละๆอย่าไปพูดถึงมันเลย  หลังจากนั้นตอนเย็นผมก็จะฝึกต่อกับซีกเกอร์คุงอีกชั่วโมงนึง  ตารางชีวิตผมก็เป็นประมาณนี้แหละครับ

                    ทุกๆวันผมต้องฝึกหนักมากเพราะรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแอที่สุดเลยพยายามเต็มที่ครับ  ทุกวันก็เลยได้บาดแผลเต็มไปหมด  แต่ก็นั่นแหละ  จะได้เข้าประเด็นที่จะพูดในวันนี้      แม้ในเรือลำนี้จะเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ผู้แสนดิบเถื่อน(เหมือนจะลืมเจ้ซิลฟี่เลยแฮะ)  แต่ก็ยังคงมี!!  โอเอซิสแห่ง  ลำนาวาโจรสลัดนี้ TTATT !!  นางฟ้ามาโปรดผู้แสนใจดีและแสนสวย หน่วยแพทย์ประจำเรือ  คุณมิบุ นั่นเอง!!

                    ถึงจะมีบาดแผลทุกวันก็ไม่เสียใจเลย  ขอแค่ได้มารักษาพยาบาลกับคุณมิบุก็พอ >///<   ฝึกหนักๆจะได้เก่งเร็วๆ  มีแผลเยอะๆ  เจอคุณมิอุบ่อยๆ  อะแหล่มเลยยยย….  อ๊ะ!!  ลืมตัว!!  อะแฮ่มๆ  นั่นแหละครับฉะนั้นวันนี้จะขอเจอเรื่องหญิงสาวผู้เป็นไม้งามแห่งพลพรรคโจรสลัดThe Killer  กันนะครับ 

                    แน่นอนหมายถึงเจ้ซิลฟี่แสนสวยด้วย(ปล. อันนี้โดนเจ้แกบังคับให้เขียน TT^TT)

    คุณมิบุ  อายุ19ปี เพศ หญิง  ลักษณะ  เอวบางร่างน้อย  ขนาดหน้าอกกำลัง ‘D’ ผมหมายถึงดีในหลายๆความหมายนั่นแหละ  ผมสีบรอนซ์ทองสลวยยาว  มีนิสัย ใจดี สุภาพ อ่อนโยน คือตรงข้ามกับเจ้ซิลฟี่ทุกอย่างอ่ะครับ  อ๊ะ!!เปล่าๆอันหลังพูดเล่นหน่ะครับ(ฟู่อยู่ๆก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร Σ(゚д゚lll))  ต่อๆ นั่นแหละครับ  ด้วยทุกๆอย่างที่กล่าวมาทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคนบนเรือมากเลยครับโดยเฉพาะ……….

    “คุณมิบุคร๊าบบบบบ   พอดีรู้สึกไม่สบายคร๊าบอยากให้รักษาหน่อยคร๊าบ(X2)”  ไนท์และพัตเตอร์หยั่งกะจะร้องประสานเสียงกัน

    โดยเฉพาะสองคนนั่นแหละครับ……

    “เฮ้  เจ้าเปี๊ยกเมื่อกี้แกก็ยังสบายดีอยู่ไม่ใช่เหรอ  ไม่ธุระอะไรก็ไปไกลๆไป๊  ชิ้วๆ”  สองมาตรฐานเห็นไนท์ทำหน้าสุดจิ๊กโก๋ใส่พัตเตอร์ซึ่งก็อยู่ในอารมณ์เดียวกันเลย

    “อะไรนะ เจ้าเบื๊อกแกเรียกใครเปี๊ยก  เดี๋ยวสวยหรอก

    “ทั้งสองคน  หยุดก่อนเถอะค่ะ  ชั้นกำลังรักษาให้เนลคุงอยู่นะค่ะ  แล้วก็ไม่เห็นจะต้องทะเลาะกันเลยด้วยคุยกันดีๆก็ได้นี่คะ” คุณมิบุเอ่ยขึ้นซึ่งมันมีผลโดยตรงกับพฤติกรรมสัตว์โลกแปลกๆสองตัวอย่างชัดเจน

    “เอ้อ!!...ขออภัยนะครับคุณมิบุ  พอดีผมมีไข้ใจนิดหน่อยเลยเบลอๆหน่ะครับ  งั้น เดี๋ยวผมเข้ามาใหม่นะครับ  ส่วนเอ็งมาเคลียร์กันข้างนอกให้ด่วนเลย”  ประโยคหลังไนท์หันมาคุยกับพัตเตอร์ด้วยอารมณ์สองมาตรฐานเช่นเคย

                    กว่าทั้งคู่จะออกไปพร้อมความเอะอะวุ่นวายไปได้ก็ใช้เวลาซักพักทีเดียว

    “นี่….เนลคุง   ไม่เห็นจะต้องโหมฝึกทุกวันเลยนี่จ๊ะ”  เธอหันมาคุยกับผม

    “ก็ผมอยากเก่งเร็วๆนี่ครับ  ผมไม่อยากจะเป็นภาระใครอีกแล้ว  ไม่สิๆ  มอยากจะปกป้องทุกคนให้ได้ในซักวันนึง  ปกป้องทุกๆคนเลย  คุณมิบุผมก็จะปกป้องด้วยครับตอบแทนที่คุณมิบุอุตส่าทำแผลให้ทุกวัน”

    “แหมดีใจจังเลย  แต่ก็ดูแลตัวเองก็สำคัญนะจ๊ะ  ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนหรอก เนลคุงยังเด็กมีเวลาอีกมากเลย”

    “คุณมิบุเนี่ย  ใจดีจังนะครับ  ต่างจากอาเจ้ซิลฟี่ลิบลับเลย”

    “แหมตายจริงก็ดีใจอยู่นะเนี่ยแต่  เนลคุงรู้มั๊ยคุณซิลฟาเรียเนี่ยที่จริงแล้วเป็นคนที่ใจดีมากเลยนะ”

    “เจ้ซิลฟี่เนี่ยนะครับ”  อาจจะเป็นเพราะผมเป็นพวกจินตนาการต่ำละมั้งเลยผมจินตาการการไม่ค่อยออก  แหะๆ

    “ว่าแต่  คุณมิบุเนี่ยชื่อแปลกจริงๆเลยนะครับ”  ผมเปลี่ยนเรื่องคุย

    “แหมตายจริงคิดอย่างนั้นเหรอคะ  อันที่จริงมันเป็นชื่อที่คุณซิลฟาเรียตั้งให้หน่ะค่ะ”

    “หา?  ตั้งให้?  หมายว่ายังไงเหรอครับ”  ผมเริ่มงง

    “คืออันที่จริงชั้นเป็นคนความจำเสื่อมที่ถูกคุณซิลฟาเรียเก็บมาเลี้ยงหน่ะค่ะ”

    “ความจำเสื่อม?  เก็บมาเลี้ยง?” อันนี้ผมงงเข้าเต็มข้อ

    “ค่ะ  ชั้นถูกคุณซิลฟาเรียเก็บมาเลี้ยงจากเมืองหนึ่งที่ทางใต้เมื่อ10ปีแล้ว  ตอนนั้นเมืองเป็นช่วงสงครามชั้นซึ่งสูญเสียความทรงจำด้วยเหตุบางอย่างจึงเหมือนไม่มีที่พึ่งและไม่มีที่ไป  จนได้มาพบคุณซิลฟาเรียเนี่ยแหละค่ะ”

    “หมายความว่าที่จริง  คุณมิบุเป็นคนเก่าคนแก่บนเรือนี้สิครับ”

    “แหมฟังดูแก่จังนะคะ  ไม่หรอกค่ะหลังจากที่ชั้นได้พบกับคุณซิลฟาเรียได้ไม่นานเธอก็นำดิชั้นไปฝากไว้กับคนรู้จักในเมืองทางทะเลตะวันออกพร้อมส่งเสียให้เรียนแพทย์จนจบ   ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะมาเป็นโจรสลัดหรอกค่ะ”

    “นั่นสิครับ  ดูคุณมิบุไม่เหมาะที่จะเป็นโจรสลัดเลย  แล้วทำไมถึงได้มาเป็นล่ะครับ” คุยไปคุยมาผมชักติดลม

    “ก็เรื่องเมื่อ 5ปีก่อนหน่ะสิ ในช่วงที่ถูกเรียกว่าเป็นยุคที่ตกต่ำที่สุดของเดอะคิลเลอร์และใกล้จะล่มสลาย  ชั้นเลยอดไม่ได้ที่ต้องกลับมาช่วยอะไรบ้างแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี  จากนั้นชั้นก็ได้ขอคุณซิลฟาเรียขึ้นเรือมาหน่ะค่ะ”

    “เรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน?”

    “ชั้นก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่รู้แน่ชัดค่ะ  แต่ได้ยินว่ามีทั้ง ทหารเรือและกลุ่มโจรสลัดเรดเทียร์เกี่ยวข้องด้วย”

    “ชักน่าสนใจแฮะ  แต่เรื่องนั้นเอาไว้ไปถามแอลดีกว่า   เดี๋ยวผมก็ต้องไปฝึกต่อแล้วล่ะครับ  เอ่อจริงด้วย  ก่อนไปผมขอถามคำถามสุดท้ายที่คาใจมาตลอดก่อนนะครับ  คือถึงแม้จะเป็นหน่วยแพท์ก็เถอะทำไมต้องใส่ชุดนางพยาบาลด้วยล่ะครับ..

    “อ๋อ  นี่นะเหรอคะ  มันเป็นชุดที่คุณซิลฟาเรียบอกให้ใส่หน่ะค่ะ”  ตรูว่าแล้ว!!  เสียงตะก่อนนี้ดังกึกก้องในใจแต่นี่คงจะเป็นครั้งเดียวที่ผมจะเห็นดีเห็นงามกับความคิดพิเรนๆของเจ้แก

    “ยังไงผมไปฝึกช่วงบ่ายต่อกับคุณซีกเกอร์ก่อนนะครับ”  ผมตั้งใจจะลาเธอไปฝึกต่อแต่ก็เหมือนจะได้ยินอะไรแปลกๆว่า“ระวังตัวด้วยนะ”ด้วย ผมคงคิดไปเองสินะ  แล้วผมก็ออกไปฝึกต่อครับ

                    เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นอย่างรวดเร็ว   แล้วพอหลังอาหารเย็นมก็แวะไปหาแอลที่ห้องของกัปตัน(แอลมันยึดไปซะละ = =

    “เอ่อ  แอลคุงว่ารึเปล่าครับ”

    “หืม?  ว่าง  มีอะไรเหรอ”  แอลพูดพร้อมจิบกาแฟต่อ

    “เรื่องของคุณมิบุหน่ะครับ” ทันทีที่จบประโยคแอลก็วางถ้วยกาแฟแล้วหันมาคุยกับผม

    “อะไร  สนใจเหรอ  ต่ไม่บอกอะไรหรอกเฟ้ย  ขืนชั้นบอกแก  ไอ่ตัวป่วนอีกสองตัวต้องมาหลอกหลอนชั้นทั้งวันแน่”

    “อ๊ะ!  ไม่ใช่แบบนั้นครับ o///o ” ไม่รู้ทำไมผมต้องหน้าแดง

    “งั้นอะไร?”

    “คือ  ผมดูยังไงคุณมิบุก็ดูไม่เหมือนคนที่จะเกิดมาเป็นโจรสลัดเลยนี่ครับ”

    “งั้นเหรอ  แล้วยังไง”

    “คือได้ยินมาว่า  เจ้ซิลฟี่ไปเก็บเธอมาเลี้ยง..มะมะ..ไม่ใช่ว่าไปลักพาตัวมานะครับ”

    ….ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ….โอ้ย  ปวกท้องไปหมด  ใครจะไปทำอย่างนั้นฟะ….แต่ว่าเอ๊ะใจอะไรรึ?เห็นนายถามแปลกๆ”

    “เปล่าๆครับ  แค่รู้สึกว่าคุณมิบุดูต่างจากทุกคนในนี้หน่ะครับ”

    “หืมต่างยังไงขอเหตุผล”

    “ไม่รู้สิครับ   รู้สึก….ไม่ก็ไม่รู้จะเรียบเรียงคำยังไงดี….เอ่อ..สูงศักดิ์   ใช่!!  คำนี้แหละ  ส่วนเหตุผลไม่มีหรอกครับ”

    “ลางสังหรณ์หรือ?  ก็ถือว่าแม่นนะ”  แอลกล่าวออกมาพร้อมจิบชาเฉย

    “หมาความว่ายังไงแอล

    “ก็นะ….รู้แล้วเหยียบไว้ล่ะ  ห้ามบอกคนอื่นต่อโดยเฉพาะเจ้าสองตัวนั่น” แอลยืนหน้ามาสั่งผมด้วยน้ำเสียงโหด ซึ่งผมก็พยักหน้าแต่โดยดี

    “เมื่อสิบปีก่อน   เราได้ไปเทียบท่าที่เกาะหนึ่งทางใต้ที่ชื่อเกาะบริสตา(Brista)   แต่ดูเหมือนที่นั่นจะมีการก่อกบฏเกิดขึ้นกับราชวังที่ปกครองเกาะนั้นอยู่ เราเองในฐานะคนนอกก็ไม่ได้สนใจแต่ในคืนนั้นก่อนที่เราจะออกเรือก็มีทหารของอนาจักรคนหนึ่งมาหาเราด้วยสภาพปางตาย   เค้าหอบเอาเด็กสาวมาด้วยหนึ่งคน นายทหารคนนั้นอ้างว่าเธอคือเจ้าหญิงของเมือง  และในขณะนี้คนที่เหลือในราชวงศ์ล้วนถูกฆ่าตายหมดแล้วเหลือแค่เพียงองค์หญิงที่ช่วยออกมาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น   และในลมหายใจสุดท้ายของเค้าก็ได้ส่งมอบเด็กสาวให้โจรสลัดเพื่อขอให้พาเธอหนีออกไป”

    “เอ๋!!!!!!   องค์หญิง  ไม่เห็นคุณมิบุบอกอะไรผมเลย”

    “ไม่แปลก  เพราะทันทีที่เธอฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย  คิดว่าคงเพราะช๊อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ก็สมองได้รับการกระทบกระเทือนเพราะตอนที่เธอมาถึงสภาพร่างกายเธอก็บอบช้ำมากทีเดียว  หลังจากนั้นกัปตันก็ตั้งชื่อให้เธอว่ามิบุ  แน่นอนตั้งส่งเดชไปงั้นแหละ”

    “จะจะจริงรึเนี่ย  จะ  เจ้าหญิงกลายมาเป็นโจรสลัดเฉยเลย”

    “ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น  ก็เลยส่งเธอไปเรียนวิชาแพทย์หวังว่าจะให้มีงานการดีๆในเมืองทำ”

    “เอ่อจริงด้วยเหมือนคุณมิบุเคยบอกว่าที่มาเป็นโจรสลัดเพราะอยากมาช่วยเรือลำนี้ในยุคที่เลวร้ายที่สุดอะไรเนี่ยแหละ  มันเป็นยังไงเหรอแอล”  แอลวางถ้วยกาแฟลงอีกครั้งพร้อมหรี่ตาลง  ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า  แต่แววตาดูเศร้ามาก

    “มันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะรู้….” นั่นเป็นประโยคสนทนาสุดท้ายในวันนั้นของเราทั้งคู่

                    ผมปล่อยให้บรรดาความคิดต่างๆเข้าครอบงำ  คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว   ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งเข้าใจได้อยากและบางอยากก็อยากที่จะยอมรับ  ที่นี่ดูเหมือนจะเก็บงำความลับมากมายเหลือเกิน   ประวัติของเรือ  ประวัติของสมาชิกบนเรือ  ไม่รู้ทำไม  ลางสังหรณ์ของผมบอกว่ามีบางอย่างเกี่ยวพันกันอยู่อย่างลึกซึ้ง    ก็จะรู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่ที่หัวเรือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แหงนมองฟ้าแล้วตอนนี้คงจะดึกน่าดูเลย

    “ไม่รีบนอนเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไม่ไหวหรอก   ซีกเกอร์ไม่เคยงดฝึกหรอกนะ”  เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น   พอหันไปมองที่มาของเสียงก็จะพบหญิงสาวผมดำเขียวปล่อยสลวยยาวพลิ้วปลิวสะบัดลมอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์  อาเจ้ซิลฟี่นั่นเอง

    “เอ่อ..พอดีคิดอะไรเพลินๆหน่ะครับ”

    “เห๋ยังเด็กยังเล็กอย่างทำตัวเป็นตาแก่คิดมากแบบแอลเลย”  ฮัดชิ้วผมว่าถ้าผมเงี่ยงหูฟังดีๆอาจจะได้ยินเสียงแอลจามจากที่ไหนซักแห่งก็ได้นะเนี่ยแหะๆ

    “เจ้ซิลฟี่ล่ะครับ  ยังไม่นอนเหรอครับ”  ผมถามเธอไป

    “ก็กำลังจะไปนอนแล้วล่ะ  แต่เห็นนายยืนเก๊กอยู่คนเดียวเลยมาดูว่าเป็นอะไรมั๊ย”

    “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ  คุณซิลฟี่ไปนอนเถอะครับ  เดี๋ยวผมก็จะเข้านอนแล้วล่ะครับ”

    “จ้าๆ  งั้นชั้นไปล่ะ”  แล้วอาเจ้ซิลฟี่ก็หันหลังเดินกลับไปแต่ก่อนเธอจะไปไกลนักผมก็เกิดนึกอยากถามบางอย่างขึ้นมา

    “ในตอนนั้นทำไมเจ้ซิลฟี่ถึงช่วยผมไว้ล่ะครับ  ผมอาจจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้แบบคุณมิบุก็ได้นะครับ” เธอหยุดเดินไปนิดนึงก่อนจะตอบมาพร้อมเดินต่อไปว่า

    “ทำไมหน่ะเหรอ….เรื่องนั้นชั้นลืมไปแล้วล่ะ  ฝันดีนะเด็กน้อย”

                    แปลกจริงทั้งๆที่คืนนี้ออกจะหนาวแท้ๆ  แต่รู้สึกอุ่นจังที่ข้างในนี้

    “แก……….ชั้นจะฆ่าแก”

                    อะไรวะ!!......เสียงแปลกๆนั่น   หูฝาดเหรอ…..ผมบอกกับตัวเองหลังเหมือนจะได้ยินเสียงแปลกๆ

    “แก…..แย่ง……พ่อ….ชั้น….ไป!!!” 

                    อ๊าคคคคคค!!!!!  O[]o!!!สยองค๊อดๆ  เสียงอะไรวะ  หูไม่ฝาดแน่ๆ  เสียงผู้หญิงแน่ๆเด็กอยู่เลย  ผมหันซ้ายแลขวาอย่างกล้าๆกลัวๆ  แต่แล้วก็ไม่เห็นใคร  บรรยากาศอบอุ่นที่บิ้วอารมณ์กันอยู่เมื่อตะกี้กลายเป็นฉากหนังสยองขวัญเฉยเลย!!!!!

                    ฟิ้วววว….เสียงลมพัดผ่านตัวผมไปอย่างเงียบเชียบที่สุด  เงียบจนได้ยินเสียหัวใจเต้น  คงได้เวลานอนแล้วสินะเรา!  ผมบ่ายเบี่ยงความคิดตัวเองไป  พยายามค่อยๆเดินไปที่ประตูของตัวเรือ  และก่อนที่ผมจะจับลูกบิดนั้น   เงาของเมฆน้อยก็ลอยพ้นดวงจันทร์ทำให้แสงสาดเงาบางอยางทอดมายังตัวผม  ผมจึงค่อยๆ……ค่อยๆ  เงยหน้าขึ้นไปและ!!!!  

    เหนือประตูนั่นมีเด็กผมยาวปรกหน้าก้มเกาะขอบระเบียงเหนือประตู  เธอค่อยๆเอามือจับระเบียงแล้วโน้มตัวเข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามา   ใกล้เข้ามาจนบริเวณปากแดงๆและจมูกของเธอ  โผล่พ้นผมที่ยาวปรกหน้าของเธอออกมาจากนั้นเธอก็แสยะยิ้มแล้วก็พูดออกมาว่า

    “แกต้อง….ตาย!!!

    ……………………………………………………………………………………………………………………

    ……………………………………………………………………………………………

    ………………………………………………………………………..

    ……………………………………………………..

    ……………………………………….

    …………………………….

    …………………..

    ………….

    ……

    ..

    .

    “เฮ้ย….ตื่นเถอะเจ้าเปี๊ยก  มานอนอะไรตรงนี้”  หืมใครเรียกหน่ะเสียงคุณซีกเกอร์…….จริงสิ!!!!! 

                    ผมรีบลุกมาหันรีหันขวางทันที  แล้วก็พบคุณซีกเกอร์จริงๆเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาฝึกแล้ว

    “มีอะไรรึ  ทำไมถึงมานอนตรงนี้”  ซีกเกอร์ถามผมย้ำอีกครั้ง

    “เอ่อ..เมื่อคืนผมโดนผีหลอกหน่ะครับ”

    “ผี?”

    “อ๊ะๆ  ช่างมันเถอะครับ”  ผมรู้สึกอายๆที่จะพูดเรื่องนี้ออกไป  ตอนนี้บอกตรงๆมยังสับสนอยู่  หวังว่าถ้าได้ออกกำลังกายบ้างก็คงจะดีขึ้น….

                    หลังจากนั้น  การฝึกช่วงเช้าก็จบลง   แต่ผมไม่อาจจะสลัดภาพที่เห็นเมื่อคืนออกไปได้เลย   นี่อาจจะดูโง่มากถ้าผมจะขอความช่วยเหลือจากคนๆนี้

    “แอล  มมีอะไรจะถามหน่ะ”

    “อะไร?

    “เมื่อคืนผมเจอู้หญิงคนหนึ่งบนเรือนี้  ซึ่งผมไม่คุ้นหน้าเลย(อันที่จริงยังไม่ทันได้เห็นหน้าเลย)” 

    “มิบุจัง  หรือไม่ก็เจ้ซิลฟี่ตอนไม่แต่หน้าละมั้ง”  อยากจะอัดเสียงไว้ไปให้เจ้ซิลฟี่ฟังจังเลย เจ้าคนปากคอเราะร้ายนี่ =_=…

    “ไม่ใช่ครับ  เป็นเด็กผู้หญิง  อายุน่าจะอายุพอๆกับผม  มีรึเปล่าครับ”

    “นอกจากเจ้ซิลฟี่กับคุณมิบุแล้วบนเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นแล้วล่ะนี่ชั้นพูดจริงนะ”  แอลยิ้มนิดนึงแล้วจิบกาแฟต่อ

                    เอาแล้วไงครับ   งานงอกมาในทันใดแล้วผู้หญิงที่ผมเห็นเมื่อคืนล่ะ  เธอคือใคร!!!   ในขณะที่ผมกำลังจะจมเข้าสู่ห้วงความคิดก็มีบางอย่างแว๊บเข้ามาในสายตาของผม   มีบางคนอยู่ข้างนอกในชุดเมดเมดเหรอ?!?! 

    “นั่นแอล   มีผู้หญิงคนอื่นบนเรือนี้”  โอ่ย..ผมกำลังสับสนสุดๆ  ในที่สุดผมก็ติดสินใจรีบวิ่งออกไปคว้าแขนเธอไว้

    “เธอ  เป็นใคร  ใช่คนที่ชั้นเจอเมื่อคืนรึเปล่า”  ยังไม่ทันสิ้นเสียงของผม  กร๊อบ!!  ตึ้ง!!  จู่ๆผมก็โดนจับล็อคแขนกดไว้กับพื้นเสียแล้ว    แรงเยอะชะมัด  ผมเงยขึ้นมาก็พบแอลเดินมาอย่างใจเย็น

    “นี่ไงแอล  เธอคนนี้แหละที่ผมเจอ”

    “เธอ?....ฮ่าๆ  เหมือนเธอจะเข้าใจผิดนิดหน่อย”

    “วายจังปล่อยเค้าเถอะ”  เธอที่ชื่อวายสุดท้ายก็ยอมปล่อยออกจากสภาพนั้น

    “นี่ขอแนะนำให้รู้จักแล้วกัน  นี่วายจังเป็นเมดของเรือลำนี้”  แอลยิ้มและแนนำเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด

    “ไหนบอกเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นไง….แล้วเมดเนี่ยนะ  = =

    “ชั้นไม่ได้โกหก  เรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงคนอื่นแล้ว

    “ยังจะโกหกน้ำขุ่นๆนะแอล  ก็เห็นอยู่ว่ายัยนี่…..”  เหมือนผมจะพึ่งนึกอะไรได้

    “ทำไมชั้นเป็นผู้ชายแล้วมันหนักกะบาลแกรึไงไอ่กากแมน!!!(゚д゚lll) ผู้ชะ..ชาย!!.......กากแมน…....ติดสตั้นครับ  หลายวินาทีด้วย  และยังไม่ทันที่ผมจะได้เรียกวิญญาณคืนร่างเธอก็เข้ามากระซิบข้างหูผม

    “สำนึกซะ!!  ที่เมื่อคืนชั้นไม่ได้ฆ่าแก….” แล้วเธอก็เดินจากไปทิ้งผมไว้กับความสยอง

                    แล้วผมก็ถูกพาไปห้องพยาบาลเพราะคาดว่าได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง

    “เนลคุง…..เนลคุง   ได้ยินชั้นมั๊ย” แล้วเสียงของคุณมิบุก็เรียกวิญญาณผมกลับมาเข้าร่างอีกครั้งได้สำเร็จ

    “ดะได้ยินครับ”

    “แหม   ทำเอาตกใจเลยนะอยู่เธอก็ยืนนิ่งหยั่งกะโดนสาปไปเลยแอลคุงเลยพาเธอมานี่หน่ะจ๊ะ”  โดนสาป? ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะครับ

    “เอ่อ  ขอบคุณครับผมไม่เป็นไรแล้วครับ  แค่ตกใจนิดหน่อย”

    “ตกใจอะไรเหรอจ๊ะ”  เธอถามผม

    “อ๋อ  ก็หลายๆเรื่องหน่ะครับ   เลยรับไม่ทันละมั้งครับ”

    “หืม  อะไรเหรอ”  เธอยังจะเค้นเอาให้ได้

    “ก็เรื่องเรือลำนี้มีเมด  แล้วก็สิ่งที่เรียกตัวเองว่าเมดยังเป็นผู้ชายอีก  แล้วผู้ชายคนนั้นก็หยั่งกะผู้หญิง   มิหนำซ้ำยังปากคอเราะร้ายอีกต่างหาก  =A=

    “อุ๊ย!  ตายจริง   ได้เจอกับวายจังแล้วเหรอ  แหม  ปกติวายจังจะเข้ากับคนอื่นได้ยากแต่เห็นแบบนี้  เธอทั้งคู่ดูสนิทกันจังเลยนะ”  ตรงไหนครับ!  เมื่อคืนก็เกือบโดนยัยนั่นฆ่าเอาซะแล้ว

    “ไม่จริงหรอกครับ   ผมเหมือนจะโดนเธอเหม็นขี้หน้าเสียด้วยซ้ำ ( ll==)

    “เอ๋เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอ  คงเพราะหึงละมั้ง”

    “หึง?  หึงใครครับ”

    “เอ่อ….คือ”  เธออ้ำอึ้งไปนิดนึง

    “นายคงไม่รู้ละสิอันที่จริง   วายจังเป็นลูกบุญธรรมของซีกเกอร์คุงน้า”  และแล้วก็ได้คำตอบจากไนท์เอ๊ะ!…ไนท์?  

    “เฮ้ย!!   มาตอนไหนเนี่ยครับ………เอ๋!!!!!!   ลูกบุญธรรม!!!

    “รู้ตัวช้าไปแล้วเฟ้ย!! Ò[]ó!!   และแล้วลูกคนตัวตบมุกอีกคนก็โผล่มา  เจ้าพัตเตอร์นั่นแหละครับ  เอาจะห้องเล็กๆนี่แคบขึ้นไปอีก

    “อ้าวทั้งสองคนมีอะไรเหรอจ๊ะ”

    “เอ่อ  พอดีผมเป็นไข้ใจเลยอยากมาให้รักษาหน่ะครับ”  คราวนี้เป็นเจ้าพัตเตอร์วิ่งเข้าไปกุมมือคุณมิบุไว้

    “หน่อยแน่แก  นอกจากจะลามปามแล้วยังจะหน้าด้านรีเพลย์มุกชาวบ้านเฉยเลยนะ”  ไนท์พูดพร้อมเอามือจิกผมพัตเตอร์ออกมา

    “อะไร!!  อยากจะมีเรื่องนักหรือไง” แล้วทั้งสองก็เริ่มเปิดฉากทะเลาะกันตามเคย  แต่ผมไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเธอคนนั้นจะเป็นลูกบุญธรรมของซีกเกอร์คุง  มิน่าล่ะตอนนั้นถึงได้พูดประโยคแปลกๆออกมา

    “จะมีเรื่อง  ก็ไม่เกี่ยงหรอก  ตัวกะเปี๊ยกอย่างแก  สิบวิฯก็เหลือแหล่แล้วเฟ้ย”  ตอนนี้ทั้งคู่กำลังประชันหน้าด้วยสีหน้าที่ให้อารมณ์การ์ตูนยากูซ่าไม่มีผิด  ซึ่งคุณมิบุเองก็ดูเหมือนจะเหลือใจกับการต้องห้ามทั้งสองคนซะเหลือเกิน

                    ปึ้ง!!  ทันใดนั้นเสียงประตูก็ถูกเปิดอย่างแรง   ซีกเกอร์เองไม่ใช่ใครอื่น   แต่ที่น่าแปลกคืออาการของคุณมิบุนั่นแหละ

    “มาทำอะไรที่นี่  ตาโรคจิต….”  !!?? งงครับ  ผมก็ไม่แน่ใจหูตัวเองเหมือนกันแต่ก็คงฟังไม่ผิดเพราะสองตัวนั่นหยุดทะเลาะแล้วหูผึ่งฟังทันที

    “แค่จะมาเอาผ้าพันแผลหน่ะ”  ซีกเกอร์ตอบอย่างปกติทุกอย่าง

    “อยู่ตรงกล่องนั่น  หยิบเอาเอง”  ดูเธอจะหวาดๆกับเธอซีกเกอร์ยังไงไม่รู้

                    ตัวซีกเกอร์เองดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรก้มหน้าก้มตาหาของที่ตัวเองต้องการต่อไป  ไม่นานเขาก็หาเจอและกำลังจะเดินออกประตูไปแต่…..

    “คิดว่าจะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆอย่างนั้นหรือ”  ไนท์กล่าวขึ้นพร้อมดักทางออกไว้

    “ใครก็ตามที่บังอาจทำร้ายจิตใจคุณมิบุต้องได้รับการลงทัณฑ์อย่างสาสม!”  แล้วทั้งคู่ก็หมุนตัวสลับเอาพัตเตอร์มาพูดบ้าง   ทำหยังกะในการ์ตูนผู้พิทักษ์อะไรเทือกนั้นแหนะ

    “ถึงรู้ว่าคุณเก่งกาจเกินจะต่อกร”  เอาเข้าไปคราวนี้ก็เป็นไนท์หมุนตัวขึ้นมาพูดต่ออีก

    “แต่ถึงตายก็จะขอปกป้องเกรียติของคุณมิบุไว้!!”  คราวนี้ก็เป็นพัตเตอร์รึ

    “พวกเราพลพรรคมิบุจังแฟนคลับจะข้อเค้นเอาความจริงจากเรื่องนี้ให้ได้!!!”  แล้วก็จบด้วยการโพสท่าคู่เฮ้อเอาเถอะ..จะทำอะไรก็ทำผมอายแทน

    “ชั้นไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย   ก็แค่มาเอายาปกติเหมือนทุกครั้ง”  ซีกเกอร์ตอบแบบ ไม่ได้อินกับอารมณ์ที่ทั้งสองบิ้วไว้เลย

    “อ่าว  แค่นั้นเองเหยอ(X2)” ทั้งคู่กำเสียงละเหี่ยใจ

    “ใช่แค่นั้นแหละ”  ซีกเกอร์ยืนยันคำเดิม

    “ที่ไหนล่ะ  มาเอายาตอนที่คนอื่นกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเนี่ยนะ  ทั้งๆติดป้ายไว้หน้าห้องแล้วแท้ๆว่าห้ามเข้า” คุณมิบุกล่าวออกมาทั้งอายๆหน้าเธอแดงจนไม่รู้จะแดงกว่านี้ได้อีกมั๊ยแล้ว
    “ก็เธอไม่ยอมล็อคประตูให้ดีนี่” ซีกเกอร์ยังไม่ยอม ยังคงเถียงกลับไป

    “ก็เพราะประตูมันเสีย  ถึงได้ต้องติดป้ายบอกไง!!”   เอ่อนะก็รู้อยู่หรอกว่าคุณซีกเกอร์ไม่ค่อยจะละเอียดอ่อน   แต่ไม่นึกว่าจะถึงขนาดนี้

    “คุณมิบุ….ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า………..”  คำพูดนั้นของคุณมิบุได้เสกให้สองคนนั่นกลายสภาพเป็นซอมบี้ไปแล้ว  คงจะเพราะโกรธแทนคุณมิบุมากแน่ๆ….

    “แก……….ทำไม…..…แก…..…ช่าง…..น่าอิจฉาขนาดนี้!!!!!!(X2)”  นี่อิจฉาหรอกเหรอ!!  Ò[]ó!!   แล้วฝูงซอมบี้(2ตัว)ก็เข้าจู่โจมซีกเกอร์ทำเอาเรือวุ่นวายไปหมด  แล้ววันวุ่นๆของผมก็จบไปอีกหนึ่งวัน……เฮ้อ  เหนื่ยแฮะ!!

    …………………………………………………………………………………………………….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×