ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Killer สุดป่วนก๊วนโจรสลัด

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 ความฝัน และ การก้าวเดิน

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 55


    Chapter 5   ความฝัน และ การก้าวเดิน

    มุมตึกหนึ่งใกล้แนวท่าเรือนอร์ธเกทที่ๆแอลและเนคคุงโดยจับคุมตัวไว้

    “เธอเองก็เป็นพวกเดียวกับโจรสลัดที่ก่อเรื่องสินะ”  นายทหารเรือสูงใหญ่ใส่เสื้อมอซอๆคนหนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมแหวกเหล่าทหารเข้ามา

    “ชิ  อย่างคิดว่าจะยอมแพ้นะเจ้าพวกบ้า!! นี่แอลทำอะไรหน่อยเถอะ”  เนลหันมาพูดกับแอลในประโยคหลัง

    “ยอมจำนนเถอะ   ชั้นไม่มีพลังอะไรหรอก  ชนะพวกนี้มันเกินตัวเกินไปนี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว..” 

                    แอลพูดอย่างนั้นออกมาหน้าตาเฉย   ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นถึงรองกัปตันแท้ๆ  แอลเนี่ยอ่อนแอชะมัดเลย  รู้งี้อยู่กับคุณซีกเกอร์ก็ดีหรอก  คุณทำให้ผมผิดหวังนะแอล….

                    แล้วพวกทหารเรือก็ทำการคุมตัวเราโดยที่ฝั่งเราไม่ได้ขัดขืนเลย  ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปเป็นคนขี้ขลาดอีก  ทั้งๆตั้งใจไว้แล้วที่จะสู้แบบลูกผู้ชาย  แอลโทษนะ  ผมไม่อยากเป็นแบบคุณ!!

                    และทันใดนั้นเด็กน้อยก็กัดไปที่ท่อนแขนของทหารเรือที่อยู่ข้างพร้อมขโมยดาบมาได้หนึ่งเล่ม  ในขณะนั้นเด็กน้อยคิดแค่เพียงว่าจะสู้ถวายชีวิตแต่  ปึ๊ก!!!!  มีอะไรบางอย่างกระแทกที่ท้ายทอยผมอย่างจัง    แอล!!  ทำไมคุณ….แล้วความมืดก็เข้าคลอบงำสติผมจนไม่อาจรับรู้สิ่งรอบตัว

    ……………………………………………………………………………………..

    กลับมาที่ลานต่อสู้ของซิลฟี่  ที่บัดนี้เงียบสงบผิดกับบริเวณโดยรอบ   เหล่าทหารเรือนับร้อยนายที่ล้อมดูการประลองต่างชะงักงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น   รวดเร็วเหลือเกินไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ทหารฝีมือดีที่สุดในตอนนั้นก็ล้มไปแล้ว

    “ชั้นจะกลับเรือแล้ว  ใครจะเข้ามาอีกมั๊ย?” เธอเอ่ยถามเหล่าทหารเรือที่กำลังห้อมล้อมเธออยู่

    ……………………………………   เงียบสนิท!!

    “งั้น ชั้นกลับหล่ะ  เดี๋ยวไปไม่ทันเทศกาลช๊อคโกแลตน่ะ จ๊ะ ^^”  สิ่งที่เธอทำกับคำพูดไม่ได้เข้ากันเลยซักนิด

                    และเมื่อเธอย่างก้าวไปทางไหนเหล่าทหารเรือก็จะแตกกรูเป็นทางให้เธอไปแต่โดยดี  แต่ก่อนที่เธอจะไปก็หันมาทิ้งทวนคำพูดสุดท้ายไว้ว่า….

    “ฝากบอกตาเฒ่าที่อยู่เบื้องบนด้วยนะ  ว่าไม่นานหรอกชั้นซิลฟาเรียและเหล่าโจรสลัดเดอะคิลเลอร์จะกลับมาเอาคืนเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อนแน่แล้วเจอกัน”

    …………………………………………………………………………..

    อืมมมมม……………..ทำไมมันโยกๆ……………..ที่นี่ที่ไหนอีกเนี่ย………………….ชั้นกำลังถือดาบอยู่ไม่ใช่หรอ….จริงสิ!!!!

                    ทันใดนั้นเด็กน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ   ตอนนี้เขากำลังอยู่บนไหล่ของนายทหารที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าคนนั้น  

    “ปล่อยชั้นนะ!!!”  เนลพยายามดิ้นให้หลุดแต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์

    “ตื่นมาก็ดิ้นพล่านเลยเหรอ  ทำแสบเหมือนกันนะ”  นายทหารคนนั้นกล่าวกับเนล

    “ทำไมล่ะแอล  ตอนนั้นทำไมถึงไม่ช่วยผมล่ะ  ซ้ำยัง…..แอลขี้ขลาด!! ผมเกลียดแอลที่สุดเลย”

    “เหมือนนายจะเข้าใจอะไรผิดๆอยู่นะ  กล้าหาญกับบ้าบิ่นมันไม่เหมือนกันหรอกนะ  ชั้นแค่ไม่ต้องการให้ใครต้องตายอย่างไร้ค่า  จะทำอะไรต้องใจเย็นและรอบคอบเมื่อกี้ถ้าขืนนายสู้ต่อ  นายอาจจะตายในไม่กี่วินาทีเลยก็ได้  เจียมตัวเองซะบ้างนะ”

                    เย็นชาเสียเหลือเกินคำพูดนั้นของแอล  แต่มันก็จริงของเค้า  อย่างเราสู้เขายังไงก็ไม่ชนะหรอก  เจ็บใจในความอ่อนแอของตัวเองจริงๆ

    “พวกนาย  ไปจับพวกโจรสลัดที่เหลือเถอะ  เจ้าสองคนนี่ชั้นจัดการเอง  ดูมันก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไรด้วย”  นายทหารคนที่แบกผมอยู่ๆก็เอ่ยขึ้นมา

    “จะดีหรอครับผู้กอง..”  พวกทหารที่ติดตามท้วงขึ้นมา

    “เจ้าพวกบ้า คิดว่าชั้นคนนี้เป็นใครกันแค่โจรสลัดอ่อนๆสองคนชั้นจัดการได้หน่า”  เจ้าคนที่โดนเรียกว่าผู้กองยั๊วะใหญ่ในคำพูดของลูกน้อง

    “งั้นพวกแกไปดูทางฝั่งตะวันตกสิ  เผื่อพวกมันจะถูกไล่ต้อนไปทางนั้น”

    “ครับ!!!

                    แล้วพวกทหารเรือก็จากไปอย่างรวดเร็วทิ้งเราไว้สามคนกับผู้กองคนนั้น  แต่ถึงแบบนั้นก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร  ผู้กองคนนี้ดูเก่งเสียด้วย  เฮ้อ  หมดหวังแล้วสินะ..

    “พอแล้วล่ะ….”  อยู่แอลก็พูดขึ้นพร้อมมองมาที่ผู้กองคนนั้น

    “อะอะไรกันแอล”  ผมตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแอล

    “อ๊าคคคคคคค”  ฟลุ๊บ!!!  อยู่ๆนายทหารเรือคนนั้นก็ร้องขึ้นแล้วล้มฟุบไป

                    ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย  ทั้งๆที่แอลไม่ได้ทำอะไรเลยแท้  แค่จ้องตาเท่านั้น  ไม่จริงหน่า  หรือว่า….

    “แอล….หรือว่านาย….

    “ใช่ชั้นเป็นผู้มีพลังจิตหน่ะ!!!

    !!!!! มะมะ….ไม่จริง   กะกะโก..หก..น่า” ผมตกตะลึงไปไม่รู้จะทำไง

    …………………………………..

    ……………………………………

    ……………………………………

     “……………………………………

     “ก็โกหกน่ะสิ!!

    oAo!!  อะไรนะ!!  งั้นแล้ว  ทหารเรือคนนี้หล่ะ”

    “อ๋อ  เห้ยตื่นได้แล้วหล่ะ ไนท์”  แอลเรียกนายทหารคนนั้นว่าไนท์พร้อมเอาเท้าเขี่ยๆ

    “แหม..ใจร้ายจังนะครับ  เอาเท้าเขี่ยกันเนี่ย    ว่าแต่รู้ได้ยังไงครับว่าเป็นผม”  คนที่ถูกเรียกว่าไนท์ค่อยๆลึกขึ้นพร้อมฉีกหน้ากากออกเผยโฉมหน้าที่คุ้นเคย  ไนท์จริงๆเสียด้วย

    “ทั้งๆที่ปลอมเป็นนายทหารมอซอๆเถื่อนๆ แต่กลับไม่ยอมล้างกลิ่นโคโลนที่มืออกเนี่ยนะ   ไม่รอบคอบเลยนะ”  แอลพูดอธิบายเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

    “แหมก็คนเค้ารีบมาช่วยนี่นา  แหะๆ”  ไนท์พูดพร้อมเกาหัว

    “เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันนะ..

    “นี่เดี๋ยวสิ  ใครก็ได้ช่วยอธิบายหน่อย  แอลนายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”  อยู่ๆเนลก็ขัดบทสนทนาขึ้นมา

    “ก็ตั้งแต่แรกที่เห็นมันหน่ะสิ”  แอลตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                    และในตอนนั้นผมก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่แอลทำลงไปแล้ว….มีแค่ผมเท่านั้นที่คิดว่าเค้าจะไม่สู้   ความคิดทั้งหล่ายก่อนหน้านี้ที่เคยว่าให้เค้ามันทำให้ผมรู้สึกผิดมากเลยทีเดียว

    “แอลผมขอโทษ…..ที่….

    “ช่างมันเถอะ…..นายยังเด็ก  ยังมีเวลาอีกมาก  ค่อยๆเรียนรู้ไปนะ  แล้วซักวันนายอาจจะได้มายืนแทนชั้นตรงนี้ก็ได้  ชั้นคาดหวังกับนายไว้มากนะ  เจ้าเด็กใหม่”  แอลพูดพร้อมยิ้มให้อย่างอ่อนโยนบางทีคนๆนี้อาจจะเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมากก็ได้

    “ว่าแต่นานเถอะไนท์  มาอยู่นี่งานนายเสร็จแล้วรึยัง  แต่ถ้าจะว่ากันแล้วคงยังสินะ  ถ้างานนายเสร็จแล้วนายไม่ปลอมตัวมาช่วยให้เมื่อตุ้มหรอกคงจะลุยฝ่าเข้ามาช่วยไปแล้ว  แสดงว่านายทำงานเลทนะ  ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  ถ้านายทำงานไม่สำเร็จชั้นจะงดให้นายเข้าห้องชั้นมาขโมยของกินนะจะบอกให้  แล้วก็จะแฉเรื่อง  $%^&*(%^&*)_^%^&#@#$%^

                    โอ้โหเป็นชุด  ไนท์เองก็นั่งคุกเข่าฟังซะเหมือนโดนคุณพ่อเทศเลย  = =  คนๆนี้ใช่คนอ่อนโยนจริงเร้อ..

    “แล้วก็รีบๆกลับมาล่ะ  อย่าให้ทุกคนเขาเป็นห่วงนานเข้าใจไหมไปเถอะ”  แค่ประโยคสุดท้ายเท่านั้นแหละที่ฟังดูอบอุ่นสุดๆเลย

    “แหะๆ  ไปละคร๊าบบบ!!!”  ไนท์เองก็ดูเหมือนจะสนุกเสียเหลือเกิน  แล้วเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว

    “เอาล่ะๆ  เราก็ไปต่อกันได้แล้ว”  แอลพูดกลับผม

    “อื้อ!!!

                    เราทั้งสองแอบลัดเลาะตามซอกมุมตึกต่างๆไปเรื่อยๆ  คอยหลบทหารเรือที่คอยตามหาพวกเราอยู่  ผมเองก็ดูเหมือนจะทำประโยชน์ให้แอลได้บ้างแล้วเพราะถนนแถวนี้ผมรู้จักเป็นอย่างดี

    “เนล  บรรดาตึกฝั่งขวาของเมืองเนี่ย   ตึกที่ติดชายฝั่งแล้วสูงที่สุดต้องไปทางไหนหรอ”  แอลเอ่ยถามผมในขณะที่เราแอบอยู่บริเวณหลังโรงเบียร์แห่งหนึ่ง

    “มีตึกสูง 5 ชั้นอยู่ห่างจากนี่ไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออีกประมาณ 500เมตรครับ”  เนลตอบไป

    500เมตรเหรอ  ถ้าคำนวณจากความเร็วของเรือแล้วก็แย่หล่ะ”

    “ทำไมหรือแอล….

    “เรือน่าจะอยู่แถวๆนั้นนะสิ  ไม่น่าจะเกิน 3นาที  เราต้องไปให้ถึงยอดตึกนั่นเพื่อกระโดดลงไปที่เรือ   คงจะแอบๆหลบๆแบบนี้ไม่ไหวแน่  แอลนายวิ่งไหวมั๊ย”

    “พอไหวครับ”

    “งั้นสามนาทีจากนี้นายกับชั้นคงต้องวิ่งตลอดทาง500เมตรนั้น  เราจะวิ่งฝ่าไปเลยเข้าใจนะ”

    “อื้อ  แอบตื่นเต้นนิดหน่อยครับ”

    “ดี!!  ขอให้ไม่โดนยิง!!  ไป!!” 

    เป็นคำอวยพรแปลกของแอลครับ  แต่ผมก็มาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในไม่กี่วินาทีต่อมา

    “เจอพวกโจรสลัดแล้ว!!!   ยอมมอบตัวซะจะได้ไม่เจ็บตัว!!!”  เสียงบรรดาร้องกันเกรียวหลังจากเห็นพวกเราและอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นพอพวกเขาเห็นว่าพวกเราไม่ยอมหยุดก็เริ่มมีการยิงใส่เกิดขึ้น ปังๆๆๆ   เสียงดังระงมไปหมด  แสบหูชะมัด  แอลก็คอยจูงมือผมลัดไปลัดมาตามตึกต่างๆอย่างกลับอยู่มาเป็นปี  

    “แฮกๆ  แนล  อีกไกลมั๊ย!!!”  แอลถามขึ้นมาขณะวิ่งหนี  ผมก็เงยมองหาซักพักก็ชี้ให้แอลดู

    “นั่นครับแอล  ตึกนั้นแหละ!!!”  ปัง!!!  อยู่ๆเสียงปืนนัดหนึ่งก็สะกิดใจผมให้หันไปดู  ไม่จริง!!! 

    ……… แอลถูกยิง!!! 

                    เลือดไหลอาบต้นขาของแอลจนแดงฉานไปหมด  แต่ถึงอย่างนั้นแอลก็กัดฟันลากผมไปต่อก่อนที่ผมจะเอ่ยอะไรซะอีก  แต่ดูเหมือนจะถูกพระเจ้าทอดทิ้งมีทหารนายหนึ่งมาดักอยู่ตรงล่างตึกเป้าหมายของเรา   แต่ในวินาทีเดียวกันนั้นแอลกระชากผมเข้าไปในอีกตึกหนึ่งที่อยู่ก่อนตึกเป้าหมาย

    “แอล  คุณถูกยิง!!”  ผมพึ่งจะได้สติดี

    “เล็กน้อยน่า  เร็วเข้าขึ้นไปข้างบน!!”  เห็นได้ชัดว่าขบฟันพูด

    “แอลแต่นี่ไม่ใช่ตึกที่เราจะไป”

    “ไม่มีเวลาอธิบายแล้วเร็ว!!”  แอลกำชับมาอีกผมจึงได้แต่ประคองแอลตามเส้นทางที่เขาบอก

                    เราขึ้นบันไดมาจนถึงดาดฟ้า  อาคารหลังนี้มีแค่ 4ชั้น เป็นลานโล่งๆที่ผมไม่อาจเข้าใจว่าเรามากันทำไม

    “เนลมานี่!!!”  ทันใดนั้นแอลก็เรียกผมที่กำลังยืนงงอยู่  ตอนนี้ในมือของเขามีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนึ่งอยู่   และพอผมมาอยู่อยู่ที่ขอบตึกจึงได้เข้าใจ   ที่ดาดฟ้ามีสายไฟของงานเทศกาลอะไรซักอย่างเหลืออยู่  มันเชื่อมต่อจากดาดฟ้านี้ไปยังชั้น 4 ของตึกที่เป็นเป้าหมาย

    “เนล  เชื่อในตัวชั้นมั๊ย?”  อยู่ๆแอลก็ถามผม

    “มีเชื่อในตัวคุณครับ”  รู้สึกเหมือนบรรยากาศแห่งมิตรภาพกำลังก่อตัวรอบตัวผม…….

    “ดี!!  ตายมาอย่าโทษกันนะ!! =[]= ”  อีตาคนนี้พูดทำลายบรรยากาศได้อย่างสิ้นดีจริงๆ =A=

    “เจอตัวแล้วพวกมันอยู่บนตึกนี้ครับ!!!”  ในที่สุดพวกทหารเรือก็ตามมาทัน  พวกเราจึงตัดสินใจกระโดนใช้ผ้าขนหนูแทนสายรอกไหลไปตามสายไฟนั้นอย่างรวดเร็ว  ผมเองก็เกาะแอลไว้สุดชีวิตเช่นกันแต่แย่แล้ว!!!

                    อยู่ๆนายทหารเรือที่คุมประตูอยู่ชั้นล่างก็วิ่งขึ้นมารอที่ชั้นดักหน้าพวกเราไว้  อะไรกันเนี่ยอุตส่ามาได้ขนาดนี้แล้ว  บ้าที่สุด

    “เนลฟังที่ชั้นจะบอกให้ดีนะ…………………………………” 

                    พอฟังแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อ

    “พวกนายยอมมอบตัวซะ”  นายทหารคนนั้นกล่าวขึ้นก่อนเราจะไปถึง  และทันใดนั้น  วุ๊บ!!  ทั้งคู่ก็อันตธานไปจากสายตาของนายทหารเรือในทันที 

    “เห้ย!!”  แคร้ง!!!  เสียงกระจกที่ชั้น 3 ทันใดนั้นนายทหารเรือถึงได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น  ทั้งสองคนปล่อยมือจากราวก่อนที่จะถึงแล้วอาศัยแรงส่งนั้นส่งตัวเองมาที่ชั้นนายทหารเรือคนนั้นรีบวิ่งลงไปที่ชั้นสามโดยทันที  แคร้ง!!  เสียงกระจกที่ชั้นสามดังขึ้นอีกครั้ง  พอลงมาก็พบกระจากบบานที่อยู่ติดกับทะเลแตกอยู่ก็รีบลงไปดู  

    “เจ้าพวกนั้นกระโดดลงไปจากตรงนี้หรอเนี่ย”  นายทหารเรือเอ่ยขึ้นพร้อมมองหาทั้งสองคนจากหน้าต่างนั้น  แต่ก็ไม่พบ  หรือว่า!!!!!

    “เจ้าบ้า  โดดจากตรงนี้ก็ตายซิฟะ!!!”  ผั๊วะ!!!โครม!!!  เสียงแอลเอาเก้าอีกฟาดเต็มแรงจากทางด้านหลัง  จนเก้าอีกหักคามือเลยทีเดียว   

                    ตอนแรกที่ฟังแอลบอกแผนการนี้ผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลยว่าจะสำเร็จ  และไอ่ความแม่นยำในการคำนวณตอนปล่อยมือจากราวนั่นอีกถ้าพลาดก็ตายเลยนะนั่น   ฟลุ๊ค….งั้นหรอกเหรอ….

    “เมื่อยืนเอ๋ออะไรอยู่ได้ รีบไปชั้นบนเร็วเข้า”  แอลเอ่ยขึ้นเรียกผมจากภวังค์

                    เราทั้งสองคนต่างพากันจนขึ้นมาถึงดาดฟ้าได้สำเร็จจนได้  และพอมองออกไปที่ทะเล…..นั่น   เรือของเราล่ะ!!!

    “แอล  ดูนั่นสิเรือของพวกเราล่ะ   เราทำสำเร็จแล้ว”  ผมพูดกับแอลด้วยความดีใจสุดขีด

    “งั้นเธอก็รีบไปสิ  ที่เรือเจ้าพัตเตอร์จะเตรียมถุงลมนิรภัยไว้รองรับอยู่แล้ว  ถ้าเธอพยายามต้องทำได้แน่  กล้าๆหน่อยแล้วกัน   ชั้นคงไม่มีแรงพอที่จะกระโดดไปถึงหรอก…….ทิ้งชั้นไว้ที่นี่แหละ”  แอลยืนบอกกับผมท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน  ด้วยเพราะตรงนี้เป็นที่สูงจึงไม่มีอะไรมาบัดบังแสงอาทิตย์อีกแล้ว  แผลที่ถูกยิงของแอลจึงชัดเจนขึ้นมา  หรือที่จริง….เขาแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว   มีแค่เพียงรอยยิ้มที่เขาแสดงตอบกลับมาเท่านั้น……

    …………………………………………………………………………………………………………………. 

    กลับมาที่ด้านของซีกเกอร์บนถนนเส้นหนึ่งในเมืองนอร์ธเกท  ในขณะที่ซีกเกอร์นึกเรื่องราวทั้งหมดออกนั้น  สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนโศกเศร้าทันที

    “นายมานี่เพื่อแก้แค้นชั้นที่ทรยศนายสินะ  เอริค”  ซีกเกอร์เอ่ยขึ้น

    “ใช่  ชั้นต้องทนทุกข์ทรมานกับเหตุผลของตัวเองก็ยังคอยเชื่อว่านายจะกลับมา  ชั้นเฝ้าฝึกฝนตัวเองทุกวันเพราะเอาแต่โทษตัวเองว่าเพราะอ่อนแอนายจึงทิ้งไป  ชั้นเจ็บปวดกับสิ่งนั้นมามากพอแล้ว  แต่ทันที่ที่รู้ข่าวนายว่ามาเป็นโจรสลัดชั้นก็อดไม่ได้ที่จะไล่ล่านาย”

    “งั้นนายมาเพื่อจะฆ่าชั้นสินะ”  ซีกเกอร์ลดดาบลง  แสดงถึงไม่ต้องการที่จะสู้แล้ว

    “ชั้นเป็นทหารเรือ  ชั้นทำอะไรตามกฎหมายของบ้านเมือง   ชั้นมาเพื่อจะบอกนายว่า   ถึงเวลากลับมาเล่นเกมไล่จับตามสัญญาแล้วนะ”  เอริคเองก็ลดดาบลงและยิ้มให้ซีกเกอร์

    “กติกาง่ายมาก  นายเป็นคนหนีชั้นจะไล่จับ  เล่นกันเกมเดียว  ถ้านายแพ้ได้นอนซังเตตลอดชาติแน่เพื่อนรัก”

    “ได้สิ  แต่คงอีกนานโขเลยล่ะ”  ซีกเกอร์นึกถึงคำพูดในวันวานแล้วก็ยิ้มตอบกลับไป

    “งั้นก็ไปซะสิ  เกมจะเริ่มแล้วนะ”  เอริคเอ่ยกับเขาอีกครั้ง

    “ขอบใจนะ  ที่ยังยกโทษให้ชั้นอยู่หน่ะ”  ซีกเกอร์ยิ้มเจือนแล้วเอ่ยออกไป  พร้อมเดินหันหลังให้ดาบอย่างเชื่อใจ

    “ใครจะไปยกโทษให้แกกันฟะ   แต่…..แค่ดีใจสุดๆเลยล่ะที่ได้เจอนายอีกครั้ง”  ในท้ายประโยคเอริคเหมือนพูดพึมพำกลัวอีกฝ่ายจะได้ยิน  แล้วเขาเองก็เดินจากไปเช่นกัน

    …………………………………………………………………………………

    กลับมาที่ยอดตึกอีกครั้ง

    “พูดพูดอะไรอ่ะ  แอล”  ในที่สุดเนลก็เอ่ยประโยคทำลายความเงียบนั่นลง

    “ชั้นกระโดดไม่ไหวแล้ว  นายไปเถอะ”  แอลพูดย้ำอีกครั้ง

    “แต่แอล  จะให้ชั้นทิ้งนายไว้นี่คนเดียวไม่ได้หรอก  อุตส่าฝ่ามาด้วยกันจนถึงตอนนี้แล้วนะ”

    “ชั้นรู้ตัวตั้งแต่ถูกยิงแล้วว่าชั้นหมดทางไปต่อแล้วล่ะ  แต่ไม่ใช่กับนาย

    “เรื่องนั้นใครสน   มาด้วยกันก็กลับด้วยกันนะแอล”

    “เจ้าโง่!!  บอกแล้วยังไง  ให้ใช้สมองคิดชั้นในตอนนี้ไปไม่พ้นขอบรั้วเมือด้วยซ้ำ!!  ไปซะ  เดี๋ยวชั้นจะถ่วงเวาไว้ให้

    “นายต่างหากที่โง่!!!  คนสติดีที่ไหนจะทิ้งเพื่อนกันได้ลงคอ!!!!

                    ผมแอลครับ  ตั้งแต่เกิดมาผมถูกคนยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็กก็พึ่งจะมีครั้งนี้แหละที่โดนด่าว่าโง่  หนำซ้ำยังเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แต่ทำไมน้า มันช่างฟังดูอบอุ่นเสียเหลือเกิน….  ท่าจะเพี้ยนนะเรา

    “เห้ย!!  ใครหน่ะ!!  อ๊าคคค”   อยู่ๆก็มีเสียงผู้ชายหลายคนร้องดังระงมขึ้นมา  หรือจะเป็นพวกทหารเรือ!!

    “นั่นแหละ….เจ้านั่นมันซื่อบื้อจะตาย   อย่าไปเชื่อมันมากนะเจ้าเด็กใหม่” เสียงที่คุ้นเคยของกัปตันหญิงดังขั้นมาและไม่นานเธอก็ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเรา

    “กัปตัน..

    “อาเจ้ซิลฟี่!!” เนลร้องด้วยความดีใจ

    “ชอบทำตัวเป็นพระเอกอยู่เรื่อยนะ  ทั้งๆตัวเองก็เหมือนพวกขี้ยาแท้ๆ”  เจ้ซิลฟี่เดินมาตบไหล่แอล

    “แหมขอโทษนะครับที่เหมือนพระเอกขี้ยาหน่ะ = =”  แหมปากคอเราะร้ายจริงนะเจ้  แอลคิดในใจ

    “เอาหล่ะ  รีบไปกันเถอะ  ฮึ๊บ!!”  ว่าแล้วเจ้ซิลฟี่ก็แบบแอลขึ้นไหล่หยั่งกะแบกนุ่น  = =  น่ากลัวจริงๆ

    “เจ้ปล่อยผมนะ  ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”  แอลโวยวาย

    “งั้นจะให้ทำไงพ่อคนเจ็บ”  ซิลฟี่ถามเขา

    “ปล่อยผมลงก่อนครับ”  แอลตอบกลับไป

    “อ๋อ  อย่างนี่สิ..นะ!!”  เฮ้ย!!!อยู่ๆเจ้แกก็ขว้างแอลลอยไปในอากาศเฉยเลย

    “เจ้   ปล่อยไม่ใช่ขว้างงงงงงงงงงงงT[]T!!”  เสียงแอลโหยหวนยาวนานจางไปในความลึก

    “งั้นเราก็ตามไปกันเถอะ”  ก่อนที่ผมจะได้ตอบเจ้ซิลฟี่ก็หิ้วผมแล้วก็กระโดดลงไป

                    เหมือนเรื่องราวในนิยายเลย  จู่ๆผมก็ได้มาเป็นโจรสลัดจากคำชวนของคนที่พึ่งเคยเจอหน้า  วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนซะทั่วเมือง   ได้พบเจอคนสุดยอดมากมายทั้งเก่งและแปลกๆเต็มไปหมด  ไหนจะเหินเวหาอย่างบ้าบิ่นนี่อีก  มีแต่เรื่องน่าสนุกทั้งนั้นเลยนะโจรสลัดเนี่ย  ฮิฮิ….

                    หลังจากนั้น  แอลก็ถูกนำไปเข้าห้องพยาบาลด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก(ทำไมก็ไม่รู้สิ) หลังจากนั้นไม่นาน  ไนท์คุงกับซีกเกอร์ก็ตามมาสมทบจนครบ  ที่อลังการงานสร้างคือเหล่าบรรดาเรือของพวกทหารเรือที่ตามนั้นต้องเจอกับทุ่นระเบิดม่านไฟของพัตเตอร์คุงเผาใบเรือจนไม่เหลือซากเลยนี่สิ  มองไปก็สวยอีกแบบนะเนี่ย เอ๊ะ!  ไม่สิมันออกจะค่อนข้างอันตรายนะนั่น  ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งแรกของผมจะเริ่มต้นซักที………..

    ……………………………………………….

    “เฮ้ๆ  เจ้าหนูแอบหลับรึไง..”  ในที่สุดเสียงแอลก็ปลุกผมจากภวังค์ นำตัวผมกลับมาที่เรือในวันที่ออกจากฝั่งหนึ่งวันให้หลังอีกครั้ง

    “อ๊ะ!!  โทษทีครับๆ พอดีเมื่อเช้าคุณซีกเกอร์เล่นผมจะอ่วมเลยเลยเพลียๆหน่ะครับ”  ผมพูดพร้อมทำหน้าตาน่าสงสารใส่แอล

    “ไม่ได้ผลหรอกเฟ้ย!!  นายต้องเรียนชดใช้กับที่หายไปด้วย  ไม่สิ  วินัยไม่ดีอย่างนี้ลงโทษให้อ่านหนังสือเพิ่มอีกซักชั่วโมงสองชั่วโมงดีมั๊ยน้า”  ชั่วร้ายที่สุด!!  T[]T!! ผมตะโกนอยู่ในใจ

    “เอ่อ  จะว่าไปเราก็โชคดีมากนะครับที่ตึกแรกที่ขึ้นไปมีสายไฟเชื่อมตึกอยู่หน่ะครับ”  ผมพยายามเบี่ยงเบนประเด็นออกไป

    “โชค?  นายพูดถึงอะไร  ทุกอย่างชั้นสำรวจมาหมดแล้วล่ะ  แผนการหนีที่ใช้ก็อยู่ในการคำนวณทั้งหมดนั่นแหละ” แอลพูดอย่างเนิบๆเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

    “จริงดิ   โม้แล้วมั้ง”  ผมไม่อยากจะเชื่อนัก

    “ไม่ได้ขอให้เชื่อซะหน่อย”  ตอบกลับมาเหมือนไม่แคร์ซะด้วย

    “แล้วตอนนั้นถามหาตึกจากผมทำไมล่ะ”  ผมซักไซ้อีกครั้ง

    “ก็แค่ยืนยัน  นายคิดว่าชั้นจะจำหนทางหนีทั้ง44เส้นทางแบบเปะๆหมดรึไง  มันเสียเวลานึกหน่ะ” 

                    ใช่ไหมล่ะครับ  มันเชื่อได้ยากจริงๆนะเนี่ย   คุณผู้อ่านก็คิดเหมือนผมใช่ไหมครับ  สรุปว่าหมอนี่มันเก่งจริงๆใช่ไหมเนี่ย  ยังไงก็เถอะตอนนี้คงถึงเวลาที่ผมต้องไปเรียน(เป็นเพื่อนเล่น)กับเจ้ซิลฟี่ที่ท้ายเรือต่อแล้วครับ และทันทีที่ผมกำลังก้าวเท้าออกจากห้องของแอล(?)นั้น  ก็มีเสียงสุดสยองลอยตามหลังมา

    “แล้วก็อย่าลืม  อ่านหนังสือชดเชยเวลาที่หลับไปทั้งหมด1ชั่วโมงกับอีก 21นาทีนะ  บวกเวลาทำโทษอีกชั่วโมงครึ่ง  พร้อมทดเวลาที่นายเอาแต่ถามเบี่ยงเบนประเด็นจากชั้นเมื่อกี้อีก 3นาทีครึ่งด้วยนะ 

    .....

    ..

    .

                    O[]o!!  ไอ้ปีศาจจจจจจจจจจจ  T[]T!!

                    และแล้วการผจญภัยของผมมันก็พึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

    ……………………………………………………………………………………………………………………

     


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×