ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Killer สุดป่วนก๊วนโจรสลัด

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 งานต้อนรับ และ ปมเก่าอันดำมืด

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 54


    Chapter 2  งานต้อนรับ และ ปมเก่าอันดำมืด

    ณ  สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เวลเนส   1 เดือนก่อน

    “เห้ย  เนล  หมู่นี้แกดูอ้วนขึ้นรึเปล่านะ  ต้องไดเอทบ้างละ  ดีหล่ะงั้นข้าช่วยเอง”  หมั๊บ!!  เสียงคว้าขนมปังก้อนบนถาดอาหารของเนล  อุบัติขึ้นจากเด็กชายอีกคนหนึ่งที่มีลักษณะตัวโตกว่า  ผมสีบรอนซ์ทองสั้นหน้าตาอันหยิ่งผยองบอกถึงความแน่พอตัวของเด็กคนนี้

                นี่แทบจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่   ในเวลเนสแห่งนี้มีเด็กมากมายถูกพามาในแต่ละปีไม่น้อย   เนื่องจากเป็นงานการกุศลเงินบริจาคก็ไม่ได้มากมายอะไร   การเป็นอยู่สำหรับที่นี่เลยลำบากพอดู  และถึงแม้ว่าพวกเด็กที่นี่จะโตมาด้วยกันแต่เราไม่ได้สนิทกันทุกคนหรอกครับ 

    “ไบรอัน  ไม่ได้นะ  ชั้นยังไม่อิ่มเลย”  ฉันพูดพร้อมพยายามคว้าขนมปังคืน  แต่อีกฝ่ายก็ใช้กำลังที่มากกว่ากระชากไป

    “แก  ตัวนิดเดียวกินนิดเดียวก็พอแล้ว   ชั้นนี่สินตัวโตกว่าแกต้องกินเยอะกว่าก็ถูกต้องแล้วนี่”

    “แก  ก็กินส่วนของแกไปแล้วนี่  นี่มันของชั้น!!” 

    “มีอะไรหรอไบรอัน  ให้ช่วยมั๊ย”  เสียงเด็กชายสวมแว่นหนาเตอะอีกคนแทรกขึ้นมาพร้อมเดินมาหาผมกับไบรอัน

    “ก็หมอนี่นะสิเดฟ  แค่ขอแบ่งกันกินนิดหน่อยทำโวยวายไปได้”  ไบรอันพูดโดยไม่มีน้ำเสียงของความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย

    “เอ่อนะ  เดี๋ยวชั้นเคลียร์ให้นะไบรอัน” เด็กชายที่ชื่อเดฟพูดพร้อมเดินมาประจันหน้าผม  

    “นี่เนล  นายก็แบ่งๆเขาไปเถอะ  คิดซะว่าเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีไง”

    “นายเป็นบ้าอะไรไปเดฟ  ทำไมเราต้องทำแบบนั้น”  ความจริงก่อนหน้านี้ผมกับเดฟสนิทกันมากแต่หมูนี้เดฟดูเปลี่ยนไป

    “แน่นอน  เพราะคนฉลาดมักจะเลือกที่จะเลี่ยงมีปัญหาไง  และนายก็ควรทำตามที่ชั้นบอก   ชั้นไม่อยากให้นายต้องมีเรื่องกับหมอนี่”  ในประโยคหลังเดฟลดเสียงมาเป็นกระซิบคุยกับผม

    “นายต้องเสียสติไปแน่   เดฟไหนนายบอกฝันอยากเป็นอัยการกะอีแค่อันตพาลนายยังกลัว!” 

    “หน่อย!!  ปากดีนักนะ”  ไบรอันกระโจนใส่ผมทันที  เขานั่งคร่อมพร้อมเหวี่ยงกำปั้นมาเป็นชุด  ผมเองก็ต่อยสวนไปอย่างมั่วๆหวังจะทำให้หลุดจากจุดที่เสียเปรียบนี้แต่ผมก็แพ้แรงของไบรอัน   สุดท้ายก็กลายเป็นผมที่โดนต่อยอยู่ฝ่ายเดียว

    “เดฟช่วยชั้นด้วย”  ผมส่งข้อความนี้ผ่านสายตาของผมไปให้เดฟแต่….  ก็กลับเห็นแค่เดฟที่หลับตาผมไป

                ผมยังคงระดมต่อยอย่างทารุณท่ามกลางสายตาหลายสิบคูนที่ยืนมองดูเฉยๆ    ไม่มีใครเลยที่จะเข้ามาช่วย   ไม่มีใครเลย  ไม่มี….แม้ซักคนเดียว 

    “นี่พวกเธอหยุดทะเลาะกันเดี๋ยวนี้นะ!!!!”  เสียงดุดังขึ้นสนั่นเมื่อผู้หญิงรุ่นป้าสวมแว่นร่างเพรียวเดินมาพร้อมไม้เรียวด้ามยาว

    “ป้าแมรี่มา!!!!”  เสียงใครซักคนในกลุ่มคนที่มุงดูตะโกนขึ้น   พร้อมกันนั้นความวุ่นวายก็บังเกิดภาพเด็กวิ่งหนีแตกกระเจิงเหมือนหนูหนีแมวก็ไม่ปานก็อุบัติขึ้นทิ้งคู่กรณีสองคนให้เผชิญกับหญิงที่ชื่อป้าแมรี่

    เราทั้งสองถูกพามานั่งในห้องปกครอง  โดยที่มีป้าแมรี่อบรมอยู่

    “คิดอะไรกันอยู่  กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆยังมาททะเลาะกันอีก   พวกเธอจะถูกสั่งกักบริเวณและงดข้าวเย็น….”  

    “แต่ป้าแมรี่ครับกรุณาฟังผมก่อนคือไบร….

    “ไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้น   ชั้นไม่ฟัง   ผิดก็คือผิด”

    “แต่ผม

    “ก็บอกว่าไม่ต้องมาแก้ตัว  เธอไม่อายบ้างหรอเนล  ทำไมเป็นคนทำผิดแล้วไม่รับผิดเนี่ย  ทะเลาะวิวาทก็คือทะเลาะวิวาทไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร   ตามกฎพวกเธอผิด!    อย่าทำให้คุณไดแอนน่าผิดหวังในตัวเธอไปมากกว่านี้เลย”

    ……………

    “ดีมาก  พวกเธอสองคนไปได้แล้ว!!

                แล้วเราสองคนก็เดินออกมาจากห้องปกครอง  ไบรอันนั้นเดินไปทางห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรทั้งนั้น   เขาแทบไม่ได้ฟังด้วยซ้ำตอนอยู่ในห้อง   ผมเดินไปเรื่อยๆตามเส้นทางไประเบียงใกล้สวนดอกไม้  ที่ๆป้าไดแอนน่าชอบอยู่และในที่สุดผมก็ถึง   ในเวลาโพล้เพล้เช่นนี้สวนดอกไม้ยังคงงดงามเหมือนกับวันก่อนๆที่เขาเคยมานั่งดูและปลูกพร้อมป้าไดแอนน่า

    “ป้าไดแอนน่าครับ  ถ้าป้ายังอยู่เรื่องแบบนี้คงไม่เกิด   ป้าแมรี่ไม่เคยคิดจะเข้าใจผมเลยเธอมองแค่ว่าพวกเรามันตัวปัญหา  เมื่อก่อนไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรป้าก็จะคอยเอาใจใส่และเชื่อใจพวกเราเสมอ   ป้าเป็นคนสอนให้ผมเป็นคนดีรักความยุติธรรม   ผมยังอยากฟังนิทานจากป้า  ปลูกต้นไม้ด้วยกัน    วาดรูปให้ดู   แล้วทำไม…..ทำไมถึงรีบจากไปขนาดนี้ครับ  ฮือเวลเนสที่ไม่มีป้าไดแอนน่าไม่เห็นจะน่าอยู่เลย….”และแล้วภาพความทรงจำของผมก็ดำมืดลง

    ………………………………………………………………………….

                ผมรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง   ในห้องแปลกๆไม่คุ้นตา  ที่ดูทุกอย่างโครงเครงไม่สิ  มันโครงเครงเพราะว่าเราอยู่บนเรือ  ใช่แล้ว   เมื่อวานชั้นได้เจอกับพวกโจรสลัดและถูกชักชวนเป็นพวก  ผมก้มลงมาดูเหล่าบาดแผลเมื่อวานที่ตอนนี้ถูกปฐมพยาบาลอย่างดี   แต่เอ…..ผมมาอยู่นี่ได้ยังไง    ความทรงจำของผมเหมือนจะหายไปช่วงหนึ่ง….เอเกิดอะไรขึ้นนะ

    “ฟื้นแล้วหรอ” 

    ผมสะดุ้งแล้วหันขวับไปยังแหล่งเสียงซึ่งก็พบชายผมดำกระเซิงสั้นที่มีลักษณะท่าทางเหมือนขี้ยาที่ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงยีนที่อยู่กับกัปตันหญิงเอ่อ..เจ้ซิลฟี่นี่

    “คุณคือ….

    “ชั้นแอล  ส่วนเธอก็ชื่อเนลสินะ  ได้ยินมาหมดแล้วหล่ะ”

    “เอ่อนี่ผมอยู่…..

    “อยู่บนเรือแร๊พบิทคิลไง   เรือของเหล่าพลพรรคโจรสลัดเดอะคิลเลอร์”

    “เอ๋อครับ  แล้วนี่เมื่อวานผม……

    “อะไรกัน   นายจำไม่ได้หรอว่าเจออะไรมา”

    “จำไม่ค่อยได้เลยอ่ะครับ  มันเลือนๆลางๆไปหมด”

    “ก็ลองพยายามนึกดูซี่” แอลยิ้มให้ผมอย่างนึกสนุกอะไรบางอย่าง  และผมก็ลองทำตามที่เขาบอกดู

    “จะลองดูนะครับ   เมื่อวานตอนช่วงบ่ายผมเจอเจ้ซิลฟี่   และเรากำลังเดือนทางกลับมาที่เรือ…..

    ……….

    …..เอ่อ….ข้าว!  เราสามคนไปกินข้าวกันต่อ   เพราะพี่ซีคเกอร์ขอนั่งพักก่อน   ยังไม่ยอมกลับไปทำแผล  ระหว่างทางก็มีนักเลงมาหาเรืองอีกสองสามครั้ง…..แล้ว….

    ……….

    “กว่าจะถึงเรือตรงท่าเรือลับ(ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานีท่าอย่างเป็นทางการ)ฝั่งตะวันตกก็มืดแล้ว……เจ้ซิลฟี่บอกว่าจะไปทำแผลให้พี่ซีคเกอร์ก่อนให้รออยู่ที่ลานใต้กระโดงเรือ……แล้ว….แล้ว….ใช่!!   เด็กผู้ชายผมเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่ง”

    ……..”แอลเริ่มเผยรอยยิ้มที่มุมปาก

    “ในคืนที่เงียบสงบมีเพียงเสียงลมโกรงใบเรือและแสงจันทร์ที่ลอยค้างฟ้า   ผมก็พบเขา เขาออกมาจากเงามืดที่พาดผ่านตัวเรือพร้อมดวงตาสีแดงที่สะท้อนแสงจันทร์อย่างชัดเจน   ผมสีดำสนิทค่อยๆโผล่พ้นเงาเรืออกมาในชุดเชิตยาวสีขาวกางเกงยาวสีดำ   ที่บนหัวก็มีแว่นกันลมอยู่ที่สำคัญ…..ใช่ในมือของเขามีเจ้านั่นอยู่”

    ………….

    ……. มันเป็นกล่องสีดำสนิทไม่มีลวดลาย   เขายื่นมันมาให้ผมโดยไม่พูดไม่กล่าวอะไร”

    “ในทีแรกผมไม่รู้จะทำอย่างไร  ได้แค่ยืนสบตาสีแดงคู่นั้นอยู่อย่างอึดอัด    เจ้าของกล่องยังคงยืนเชื้อเชิญให้รับกล่องไปอย่างสงบนิ่ง”

       “และแล้วเพราะอะไรผมก็ไม่แน่ใจผมก็ยื่นมืออกไปรับ   ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร  แต่สุดท้ายผมก็ได้รับรับกล่องนั้นมาตามสายตาที่เชื้อเชิญ”

    “งั้นหรอ  เธอรับมันมาสินะ   แล้วเธอก็เปิดมันออกใช่รึเปล่า”

    “อ่า……..ครับใช่….แต่ทันทีที่เปิดออก  โลกก็เหมือนขาดหายไปดำวูบทันทีจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย”

    “เธอหน่ะ  จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายนะ  ที่ต้องมาเจอ1ใน7สิ่งน่าสะพรึ่งกลัวของเรือแร๊พบิทคิล”

    “หรือว่า…..ที่ผมเจอจะเป็นผะผะผิ..

    “พัตเตอร์ไงหล่ะ!!!

    “ห๊า!!  ผีชื่อพัตเตอร์!!!  O[]o!!

    “พัตเตอร์เฉยๆเฟ้ย Ò[]ó!! และก็มันก็ยังไม่ตายด้วยถึงจะคอยตามหลอกหลอนเก่งนักก็เถอะ”

    “พัตเตอร์….เด็กคนนั้นหรอครับคนสินะครับ”  ผมพูดพร้อมถอนหายใจ

    “เอาเถอะ   มีคนอยากพบเธอมากมายข้างนอก  ถ้าไหวแล้วก็ออกไปสูดอากาศข้างนอกกันเถอะ”

    “ครับ”  ผมพูดพร้อมดีดตัวขึ้นจากเตียง  ซึ่งแอลก็ตั้งท่าเปิดประตูให้อยู่แล้ว

                และในทันทีที่ประตูเปิดออกนั่นเอง

    “ยินดีต้อนรับลูกเรือคนใหม่!!!!”  เป็นการประสานเสียงที่ดังมากในเวลาที่แสงแดดยังแรง   เวลานี่ไม่น่าจะเกินบ่ายโมงแต่ทุกคนก็อยู่ในสภาพพร้อมฉลอง   คนสิบกว่าคนอยู่ในสภาพเตรียมลุยเหมือนตั้งหน้าตั้งตาคอยมานาน  ต่างมีแก้วเบียร์อยู่ในมืออย่างพร้อมเพรียง   ถึงจะแปลกใจแต่ก็ปนด้วยความดีใจ   นานแล้วครับที่ไม่มีใครใส่ใจผมขนาดนี้

    “เอ้าช้าอยู่ทำไม  ฉลอง!!!”  เสียงใครซักคนตะโกนขึ้นมา

    “เดี๋ยวสิย๊ะ Ò[]ó!!  จะรีบไปไหน    สนแต่จะดื่มท่าเดียวเลยนะ   ให้ชั้นกล่าวอะไรก่อนสิ”  เจ้ซิลฟี่วีนแตกแต่ดูเหมือนบรรยากาศจะเป็นไปอย่างฮาเฮเสียมากกว่าแลดูอบอุ่นดี

                และเจ้ซิลฟี่ก็กล่าวซะดูเป็นพิธีการมาก   แต่ผมก็แอบละอายใจที่ต้องยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่  เพราะกำลังหลงอยู่ในบรรยากาศที่ครื้นเครงของที่นี่   บ้างก็คุยกันสนุกสนานบ้างก็แซวเจ้ซิลฟี่และก็ต้องถูกเจ้ซิลฟี่วีนกลับมา  น่าสนุกจริงๆ   ไอ่การเป็นโจรสลัดเนี่ยน่าสนุกจริงๆ

    …..ดังนั้น  ชั้นซิลฟาเรีย  จี.  เกล  กัปตันเรือของ  เดอะคิลเลอร์ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า  ลีโอนาโด  เนลเป็นสมาชิกเรืออย่างเป็นทางการ!!   ”    ฮิ ฮิ  ขอโทษนะครับเจ้ซิลฟี่กว่าผมจะตั้งใจก็พูดจบพอดี  ฮ่าๆ

    “เอ้าเสร็จแล้วก็ฉลอง!!!  เสียงพลพรรคโจรสลัดประกาศก้องอย่างครื้นเครง

    “ยัง!!  ยังเหลืออีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำ”  เจ้ซิลฟี่รีบเบรกทุกคนก่อน

    “พวกนายลืมแล้วหรือ  ใครที่ทำให้เราต้องคอยตาค้างกันตลอดคืน   ใครที่ทำให้งานเราเกือบล่มไม่เป็นท่า…..เบิกตัวจำเลย”  ซิลฟี่พูดพร้อมตบมือแป๊ะๆสองทีเป็นการเรียกให้เอาใครบางคนออกมา

                แล้วอยู่ดีๆพวกโจรสลัดก็แหวกกันเป็นแนวเป็นเส้นไปสู่ประตูห้องๆหนึ่งจากอีกปลายฟากฝั่ง  และในทันใดนั้น  ประตูก็เปิดออก     และภาพที่เห็นคือ  ซีคเกอร์นั่นเอง  กำลังแบกอะไรบางอย่างอยู่  มันถูกพันด้วยเชือกอย่างแน่นหนาและสิ่งนั้น!  กำลังดิ้นพร่ายอยู่บนไหล่ของซีคเกอร์เลย    ซีคเกอร์ค่อยๆแบกมาจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม   ตุ๊บ!!  เสียงเขาว่างเจ้าสิ่งนั้นลง

    “นี่มันอะไรกันเนี่ยแค่ล้อเล่นเอง  จริงจังไปได้  O[]o!!!”  เสียงตะโกนออกมาจากเจ้านั่นทันทีที่ซีคเกอร์วางลง   และในเวลาเดียวกันนั้นเองผมก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่ถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาไว้…..เด็กคนนั้นนั่นเอง!!!

    “นายนั่นเอง   เอ่อพัตเตอร์สินะ”  ผมถามหยั่งเชิงไป

    “นายนั่นเองเจ้าเด็กใหม่    เอ่อเรื่องเมื่อคืนเอาเป็นว่าชั้นขอโทษละกัน  ชั้นอาจจะเล่นแรไปหน่อย  เพื่อเป็นการขอโทษจะยอมให้นายเรียกชั้นว่าลูกพี่ก็ได้นะ”

    “ลูกพี่?”

    “หน่อยทำเค้าแล้วยังจะมาอวดดีอีก”  โป้ก!!!  เสียงเขกหัวดังสนั่น  จากมือของเจ้ซิลฟี่

    “อะไรกันเจ้  มันเจ็บนะ  O[]o!!  แน่จริงก็ปล่อยผมสิเจ้ไม่ได้เขกผมหรอก” 

    “อ้อเหรอ   แสดงว่าต้องรีบเก็บกำไรตอนนี้ให้มากๆ”  โป้ก!!ว่าแล้วเจ้ซิลฟี่ก็ซัดไปอีกที

    “อี๊!!!  เจ็บโว้ยยยยย”  เสียงพัตเตอร์ร้องลั่นพร้อมดิ้นพล่านเป็นหนอนโดนน้ำร้อนราดทีเดียว

    “พอเถอะครับ  ผมไม่ได้ติดใจอะไร”  ผมไม่ได้ติดใจอะไรมากมายอย่างที่บอกครับ

    “จริงหรอเนล  แต่หมอนี่มันแกล้งเธอไว้นะ   เธอไม่ติดใจอะไรเลยหรอ”  อาเจ้ซิลฟี่ถามผม

    “ครับ  แต่เอจะว่าไปมีอย่างหนึ่งที่ผมติดใจอยู่หน่ะครับ  กล่องสีดำใบนั้นหน่ะครับ  ที่จริงมันคืออะไร”

    “อ๋อนายพูดถึงสิ่งประดิษฐ์หมายเลข132หรอ  เป็นไงเจ๋งใช่มั๊ยล่า  ชั้นขอตั้งชื่อมันว่า  กล่องหลอกเจ้าโง่ ”  เขาพูดพร้อมความภาคภูมิใจที่ทำผมเคืองนิดๆกับชื่อกล่องนั่น

    “แหมพูดดีจริงนะ   กล่องนี่ใช่มั๊ย”  เจ้ซิลฟี่พูดพร้อมโชว์กล่องนั่น

    “เอ้อเอาแบบนี้สิ   เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษนายเปิดกล่องอันแสนภาคภูมิใจนั้นให้เนลดูเป็นขวัญตาทีเถอะ”  แอลที่ยืนเงียบมานานอยู่ๆก็เสนอคววามคิดนี้ขึ้นมาพร้อมหันมายิ้มอย่างนึกสนุก

    ………..”  พัตเตอร์เงียบไปในบัดดล

    “นี่อย่าบอกนะว่าไม่กล้าที่จะเจอกับของเล่นของตัวเองหน่ะ  หือ??”  แอลพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการยั่วโมโห  พร้อมยิ้มอันกวนโอ้ยนั่น

    “จะบ้าหรอ  ใครจะไปกลัว  และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่ของเล่นด้วย   นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับอัจฉริยะนะ  ก็ได้ๆชั้นจะเปิดมันเอง!!!”  ในที่สุดพัตเตอร์ก็ปรี๊ดแตกจนเผลอตบปากรับคำแอลไป   ซึ่งในตอนนั้นเองซีคเกอร์ก็แกะเชือกให้พร้อมวางกล่องไว้ข้างๆ    พัตเตอร์หยิบมันขึ้นมาพร้อมเหงื่อที่แตกพลั๊กเต็มตัว   ทำไงได้เขาต่างหากที่รู้ดีว่ามีอะไรอยู่ข้างใน   แต่ก็ต้องเปิดงั้นหรอ….

    “จะยอมรับว่าป๊อดแล้วก็วิ่งหนีไปเลยก็ได้นะ  ชั้นจะทำเป็นลืมๆไปซะ”  เสียงแอลลอยมาด้วยอาการเหน็บแนม   จนตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าแอลคนนี้  ชอบแกล้งคนมากยิ่งกว่าพัตเตอร์อีก  = =a

    “จะบ้าหรอ  ไม่หนีหรอกน่าจะจะเปิดละนะ!!!!”  โผล๊ก!!!!   เสียงนวมแดงยักษ์โผล่พรวดเข้าเสยเต็มปลายคางพัตเตอร์อย่างจัง!!   หลังจากนั้นเขาก็นอนสงบนิ่งไม่ติงกาย   เอาเป็นว่าเมื่อคืนผมรู้ละว่าผมโดนอะไร

    “ฮ่ะๆ  พวกมนุษย์นี่บ้ายุดีแท้เนอะ   มีแต่พวกบ้าๆทั้งนั้น  ฮ่าๆ  แต่อย่างน้อยกล่องนั่นก็ได้ทำงานสมชื่อหน่ะนะ  ฮ่าๆ” 

    “ปีศาจชัดๆเอ็งหน่ะ”  เป็นเสียงอุทานอย่างพร้อมเพรียงของคนบนเรือที่กำลังทำหน้าเอือมซึ่งแปลกที่ผมเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

    “เอาหล่ะ  ชั่งมันเถอะซีคเกอร์เอาศพพัตเตอร์ไปเก็บ  แล้วเรามาฉลองกันเถอะ!!!”  เสียงเจ้ซิลฟี่ประกาศเริ่มงานสังสรรค์ซึ่งเหมือนกันตั้งตารอมานั้นทุกคนโห่ร้องยินดี   ชนฉลองกันอย่างไม่เกรงใจแดดที่กำลังร้อนผ่าวได้ใจ  

                งานฉลองมีกันอย่างยาวนานจะตอนกลางดึก   ทุกคนดูสนุกสนานกันมาก   ต่างเมากันใหญ่มีคนมากมายเข้ามาคุยกับผมต่างเล่าเรื่องต่างให้ผมฟังเยอะแยะไปหมด   ถึงผมเองจะอายุไม่ถึงที่จะดื่มกับพวกเขาได้แต่ผมก็สนุกมากจะเพลียและเผลอหลับไป

    กลางดึกของวันนั้น

    “ใช้งบไม่บันยะบันยังเลยนะครับ  อย่างนี้เป้าหมายของเราคราวนี้คงจะพลาดไม่ได้ซะแล้ว”  เสียงแอลลอยมาในความมืดเหมือนจะพูดกับใครที่หัวเรือ

    “ฮ่าๆ  คงอย่างนั้น   มันนี้ทุกคนดูสนุกชั้นไม่เสียดายหรอกแอล”  และเสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงของกัปตันสาวนั่นเอง

    “ยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะครับ   แต่ผมอยากจะขอคุยเรื่องลอสเทรชเชอร์(สมบัติที่สาบสูญ)คราวนี้หน่อยสิครับ   ผมอยากจะถามว่าเราแน่ใจแล้วหรือที่จะมุ่งเป้าไปที่หัวใจนางเงือก

    “ทำไมรึแอล  อย่างนอยไม่ใช่คนที่จะกลัวเรื่องสงครามทางเหนือหรอกนะ  งั้นมีเหตุผลอะไรให้นายลังเล”

    “ก็อย่างที่รู้กันครับทุกๆปีจะมีข่าวลือเรื่องลอสเทรชเชอร์ออกมาประมาณ4-5อย่างซึ่งแน่นอน    มันก็คือเป้าหมายของเหล่าโจรสลัดซึ่งก็ต่างต้องการเพื่อแย่งชิงมาซึ่งชื่อเสียงและเงินทอง  และในปีนี้ก็มีข่าวของลอสเทรชเชอร์4ชิ้น  ได้แก่หัวใจนางเงือกของทะเลเหนือ   มงกุฎเพชรของอาณาจักรวาทีเชียร์ที่ล่มสลายของทะเลตะวันตก   หยดน้ำตาของปีศาจของทะเลใต้  และ  กล่องสมบัติของโจรสลัดแมงมุมน้ำที่เคยมีชื่อเมื่อ60ปีก่อนของทะเลตะวันออก”

    “แอล  มีอะไรก็พูดมาเถอะ   ปกตินายไม่ใช่คนที่พูดอะไรอ้อมค้อมแบบนี้”

    …..อ่าครับ….ผมได้ยินข่าวลือมาว่า หัวใจนางเงือกก็ตกเป็นเป้าหมายของเรดเทียร์ด้วยครับ” 

    กัปตันสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนี้   แต่แล้วก็สงบนิ่งไป  ทิ้งความเงียบไว้ให้ปกคลุมไปทั่ว

    “กลุ่มโจรสลัดเรดเทียร์จะมาร่วมวงด้วยงั้นหรอ   ก็น่าสนุกดีนี่   ว่าแต่นายเถอะ  ไหวแน่เหรอถ้าต้องเจอเธออีกครั้ง”

                แอลเงียบไป  เหมือนจะเตรียมใจพูดบางอย่าง

    “คนที่มีสิทธิ์กำหนดเส้นทางการเดินเรือของแร๊พบิทคิลคือกัปตันนะครับ  ผมไหวอยู่แล้ว  บางที่นี่อาจจะเป็นการส่งสัญญาณจากฟ้าที่ต้องการจะบอกให้ผมเลิกหนีแล้วก็ได้นะครับ”   แอลพูดพร้อมยิ้มเจือนๆ

    “งั้นก็ดี….โจรสลัดหน่ะนะ  รู้ทั้งรู้ว่าจะมีคนมาแย่งสมบัติก็ยิ่งยอมอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกงานนี้ท้าชนเต็มกำลังอยู่แล้ว   เพื่อศักดิ์ศรีของเดอะคิลเลอร์รุ่นก่อนด้วย”  คราวนี้เป็นซิลฟี่เองที่พูดพร้อมยิ้มที่แฝงไปด้วยความโศกเศร้า 

    เรื่องราวที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่   เรดเทียร์นั้นเกี่ยวพันธ์อย่างไรกับเดอะคิลเลอร์และเธอคนนั้นที่ซิลฟี่พูดถึงคือใคร  โปรดติดตามตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×