คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 การประชุมลับ และ ดอกบุปผาวินาศ
Chapter 11 การประชุมลับ และ ดอกบุปผาวินาศ
“ใครก็ได้ช่วยที” เสียงความคิดดังกึกก้องสะท้อนไปมาอยู่ในห้องอันวิจิตรนี้ ภาพวาดงดงามตามผนัง โต๊ะและเก้าอี้ชั้นดี อาหารชั้นเลิศ ฟูกนอนราวกับเจ้าชาย ทั้งหมดล้วนตระการตา หากแต่สถานที่อันดูวิเศษนี้กลับเป็นแค่คุกดีๆนี่เอง ที่สร้างไว้เพื่อกักขังความหวังให้สาบสูญตลอดไป….
สองวันหลังจากเหตุการณ์ปะทะกลุ่มโจรสลัดขาไม้ ในห้องกัปตันบนเรือเดอะคิลเลอร์…
“ยอมแพ้ไม่ได้เหรอ นี่ก็คิดไปสองวันแล้วนะก็ยังคิดไม่ออกเลยอ่ะ เจ้าปริศนาที่อยู่ในไพ่เดอะเดธนี่อ่ะ”
ผมเนลเองครับ ตลอดสองวันมานี้ผมเอาแต่นั่นคิดแก้ปริศนาไพ่ที่ได้มาจากงานเทศกาลช็อคโกแลตแอลบอกให้ลองแก้ดู ซึ่งลองไปมาจนตอนนี้ผมจนปัญญาเสียแล้ว
“อะไรกันของพวกนี้มันฝึกสมองนะ อีกอย่างก็สนุกดีนี่ไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอ” ดูเหมือนผมจะถูกแอลยัดเยียดความชอบส่วนตัวให้เต็มๆเสียแล้ว
“คงจะสนุกอยู่นะถ้าผมฉลาดแบบแอลน่ะ!! Ò[]ó”
“ไม่ต้องฉลาดมากมายก็คิดออกน่า แค่เฉลียวหน่อยแค่นั้น” บร๊ะ! อะไรฟระ จะบอกว่าผมไม่ฉลาดไม่พอยังไม่เฉลียวอีกสินะ!!
“ขี้เกียจแล้วอ่า นี่แอลใบ้ให้หน่อยจิ = v= ”
“เฮ้อ! นายนี่น้า ไม่มีความพยายามอาซะเลย งั้นจะใบ้ให้ก็ได้” แอลมองผมด้วยสีหน้าอ่อนใจ พร้อมเกาหัวแกรกๆ
“เอาสิๆใบ้มาเลย”
“สิ่งที่นายควรเฉลียวใจอย่างที่หนึ่ง!! คือท่าทีแปลกของนักทำนายเก้นั่นตอนที่กำลังจะหยิบสำรับไพ่ออกมา”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็คิดสิ นายให้ชั้นใบ้หรือเฉลยกันแน่เนี่ย = =” แอลเริ่มไม่พอใจผมที่ตอนนี้เริ่มขี้เกียจคิดแล้ว
“เอ่อ..ตอนนั้น เธอไม่ยอมสบตาเราโดยตรง!!”
“ไม่ใช่!!”
“เธอทาลิปสติกสีเข้มไป!!”
“ไม่ใช่!!”
“เธอเขินตอนนายยืนหน้าไปใกล้ๆ”
“ไม่!!”
“เธอมีกลิ่นหมูอบน้ำผึ้งติดตัว!!”
“ไม่ใช่!! โถ่!! ทำไมอันที่ไร้ประโยชน์ถึงได้ช่างสังเกตจังนะ!! ไฟต่างหากโว้ย!! ò[]Ó”
“เอ๋? ไฟ? = = ” เอาเป็นว่าผมไม่เข้าใจอยู่ดีครับ
“อะไรเนี่ย บอกขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ นายนี่มันจริงๆเลย ไฟที่พูดถึงเนี่ย ก็หมายถึงไฟจากบุหรี่ของคนที่สูบอยู่ข้างๆนักดูดวงนั่นไง ที่เธอไล่เขาไปไม่คิดว่าแปลกมั่งเหรอ”
“ก็ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่ เธอก็บอกแล้วว่าเธอไม่ชอบบุหรี่”
“จะบ้าเหรอ ผู้ชายคนนั้นยืนสูบบุหรี่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วยอย่างน้อยก็สูบไปแล้วสองมวน ดูจากซากบุหรี่ที่สูบแล้วที่ตกอยู่ที่พื้นก็ได้ ตรวจสอบจากยี่ห้อแล้วก็ความใหม่ของรอยขี้เถ้าแล้วเป็นของชายคนนั้นเองไม่ผิดแน่”
“เอ๋ แล้วทำไมนักดูดวงถึงพึ่งจะไล่เขาไปตอนที่เราเข้าไปล่ะ” ผมถามขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้แอลยิ้มพร้อมพูดต่อ
“ตรงนั้นแหละที่ต้องคิด อะไรที่เธอคนนั้นไม่ได้ทำก่อนหน้าที่พวกเราจะไป…”
“ไพ่!! เธอไม่ได้เอาไพ่ออกมาจนถึงตอนที่เรียกพวกเราเข้าไป ”
“ใช่แล้วล่ะ คีย์เวิร์ดอย่างแรกคือไพ่กับไฟ และอีกอย่างคือคำทำนาย”
“คำทำนาย?” ผมย้อนคำไปด้วยเหตุจำไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าลืม เฮ้อ ถ้าเจ้าไพ่นี่คือรหัสหรือสาส์นลับอะไรบางอย่าง แสดงว่าต้องมีวิธีอ่านอยู่และในกรณีนี้คือคำทำนายไง”
“ถ้าจำไม่ผิดเขาจะบอกว่า ต่อจากนี้จะมีพายุอะไรซักอย่าง แล้วก็พูดถึงความเมตตาต่อคนในไพ่ด้วย”
“ใช่!! นั่นแหละ ถ้านายแก้ปริศนานี้ออกนายก็จะอ่านสาส์นลับข้างในได้”
ด้วยคำแนะนำของแอลทำให้ผมต้องกลับมานั่งคิดอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะเกินกำลังของผมจริงๆไม่นานผมก็คิดจะถอดใจ ซึ่งก็คงไม่พ้นสายตาของแอลไปได้
“อะไร ท้อแล้วเหรอ” แอลถามขึ้นหลังจากผมถอนหายใจอย่างหมดหวัง
“มันคิดไม่ออกนี่ครับ เลยพาลเบื่อไปด้วย” ตอนนี้คิ้วผมย่นมาชนกันอย่างชัดเจน เพื่อจะแสดงให้รู้ว่าไม่ไหวแล้ว
“เอาล่ะ งั้นเราพักเรื่องนี้ไว้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน ก็ไม่ได้หวังว่าจะคิดออกได้เร็วอยู่แล้วล่ะ ค่อยๆคิดไปแล้วกันนะ เริ่มจากสิ่งที่รู้สู่สิ่งที่ต้องคาดเดา แล้วเธอจะเข้าใจทั้งหมดเอง…” แอลพูดเสร็จพร้อมลุกบิดขี้เกียจก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งผมไว้กับไพ่เจ้ากรรมนี่
และแน่นอนเนื่องจากผมไม่มีอารมณ์ที่จะคิดเรื่องนี้ต่อแล้วจึงออกมาข้างนอกห้องกัปตันตามแอลออกมาอีกคน ข้างนอกดูวุ่นวายเสียเป็นปรกติ เสียงไนท์คุงกับพัตเตอร์ทะเลาะกันแถวๆหน้าห้องพยาบาล ซีกเกอร์คุงก็ยกตุ้มน้ำหนักเล่นอยู่ใต้เสากระโดงเรือและบนยอดนั่นก็จะมีมาเมะนอนกรนอยู่ตลอดเวลา แอลก็ไปนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวแถวๆดาดฟ้าเรือ วายจังก็เคยถือเครื่องดื่มเสิร์ฟให้ซีกเกอร์คุง ถ้าจะมีใครหายไปก็คงเป็นกัปตันของเรา เค้าไปไหนน้า….
ด้วยความที่ผมว่างก็เลยกะว่าจะเดินตามหาเจ้ซิลฟี่ดู แล้วก็เจอจนได้เธอกำลังนั่งหลับอยู่ที่ท้ายเรือเงียบๆคนเดียว ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะทุกทีเรือนี้จะเสียงดังกว่านี้เพราะมีเจ้ซิลฟี่คอยป่วนตลอด ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงอยากเข้าไปดูเจ้ฟี่ตอนหลับใกล้ๆสักครั้ง ผมจึงค่อยๆเดินเข้าไปทีละน้อย…ที่ละน้อย…พร้อมปากกาในมือ!!!!!
“เห้ย คิดจะทำอะไรน่ะ” ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกตัวทัน เล่นเอาผมสะดุ้งโหยเลยครับ
“อ๊ะ ไม่มีอะไรหรอกครับ!!” ผมรีบบอกปัดปฏิเสธพร้อมซ่อนของกลางไว้ที่ด้านหลัง
“แน่นะ!!” ดูเหมือนเจ้ฟี่จะจับพิรุธผมได้!!
“คือ พอดีผมไล่จับผีเสื้ออยู่น่ะครับ แล้วเมื่อกี้มันก็บินเกาะที่หมวกของเจ้ไง ผมเลยจะย่องเข้าไปไล่กลัวเจ้ฟี่จะลำคาญไงó//Ò” รู้สึกว่าแถจนตัวเองละอายเลยทีเดียว
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง งั้นก็ขอบใจมากนะ^^”
“อ้อ ไม่เป็นไรครับๆ ^^” ฟู่!!รอดตัวไปดีที่เป็นเจ้ฟี่ò∆Ó
“ไล่ผีเสื้อกลางทะเลเนี่ยนะ….ใครเขาจะไปเชื่อฟร้าÒ[]ó” นี่เราประเมินความสามารถในการวิเคราะห์ของเจ้ซิลฟี่ต่ำเกินไปหรือเนี่ย!!! ò[]Ó(ที่จริงไม่น่าพลาด!!)
“ไอ่สีหน้าตกใจที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดนี่มันอะไรกันฟระ!!” เจ้ซิลฟี่พูดเสียงแข็งด้วยอาการคิ้วกระตุกหลังจากผมทำหน้าอึ้งนิ่งไป โป๊ก!! แล้วเจ้ฟี่ก็จัดผมไปหนึ่งดอกด้วยไม้ตายเขกกะบาลพิฆาต
“เจ็บนะเจ้!! อู้ยยเล่นเอาหัวโนเลยมั้งเนี่ย” ผมกุมหัวพร้อมต่อว่าอย่างน้ำตาเล็ด
“นี่ถือว่าเบาแล้วนะ เพราะไม่ค่อยมีอารมณ์เล่นด้วยหรอก..” พูดเสร็จเจ้ฟี่ก็หาวหวอดใหญ่อีกครั้ง
“วันนี้เจ้ฟี่ดูเงียบๆนะครับ ผมเลยสงสัยเลยตามาดู”
“อ๋อ นี่เป็นห่วงเลยมาตามชั้นสินะ^^”
“เปล่าเลยครับ…กลัวฟ้าถล่มดินทลายด้วยอาเพสจากการสงบนิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนของเจ้ฟี่ไง^^”
“โกหกบ้างก็ได้ย๊ะ!!” โป๊ก!!แล้วเจ้แกก็จัดไปอีกดอก แถมยังซ้ำแผลเดิมเสียด้วยทำเอาผมกุมหัวกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวดเลย
“พอดีเมื่อคืนชั้นนอนไม่ค่อยหลับหน่ะ ก็เลยพาลมาง่วงตอนกลางวันมันผิดด้วยเหรอ” เจ้ซิลฟี่หันมาถามผม
“เป็นอะไรหรือครับ ที่นอนไม่หลับน่ะ” ผมไม่ตอบทั้งยังถามกลับด้วยความสงสัย
“กลัวจะฝันร้ายน่ะ ถ้านอนแล้วจะต้องฝันร้ายแน่นอน ถ้ารู้แบบนั้นเป็นใครก็คงไม่อยากนอนแหละเนอะ” เธอกล่าวพร้อมหันมายิ้มให้ผม
“ไม่หรอกครับ ผมว่าถ้าเป็นผม ผมจะเลือกนอนนะครับ เพราะถ้าเกิดต้องฝันร้ายจริงๆ นอนเมื่อไหร่ค่ามันก็คงเท่ากัน ผมจะรีบๆนอนจะได้รีบๆตื่นมาเจอเช้าอีกวันที่สดใสและจะได้มีพลังและเวลาไว้ทำให้วันต่อไปสนุกจนลืมเรื่องแย่ๆที่ฝันมาเมื่อคืนให้หมดเลย!!”
เด็กชายตัวน้อยไม่รู้ตัวหรอกว่าคำพูดไร้เดียงสานี้จะช่วยเยียวยาหัวใจใครบางคนให้เข้มแข็งได้ขนาดไหน มีใครบางคนได้เปลี่ยนไปแล้ว….
ณ ห้องมืดๆห้องหนึ่งที่มีโต๊ะรียาวตั้งอยู่กลางห้อง รอบๆโต๊ะนั้นล้อมไปด้วยเงาชาย 8 คนในชุดสูทสีขาวกำลังถกเถียงกันอยู่รอบๆดอกไม้ในโหลแก้วใบขนาดเท่ากรงนกที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะด้วยบรรยากาศที่เคร่งเครียด
“นี่มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย…” ชายปริศนาคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเอ่ยขึ้น
“ไม่เพียงแค่ ไม่ตาย ‘ดอกบุปผาวินาศ’ ยังเริ่มผลิบานแล้ว” ชายอีกคนกล่าวขึ้นพร้อมชี้ไปยังดอกไม้สีเงินที่ทอประกายลอยอยู่กลางโหลแก้ว
“นึกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อตอนนั้นแล้วเสียอีก ดูถูกไม่ได้จริงๆคำทำนายของตระกูลลอว์น่ะ” ชายอีกคนแสยะยิ้มพูด
“งั้นเราก็ยิ่งต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้นไม่ใช่หรือ เพื่อไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น” ชายอีกคนที่ดูอาวุโสสุดกล่าวต่อขึ้นมา
“มิหนำซ้ำ ยังมีรายงานว่า ‘ยักษ์ในตะเกียง’ก็อยู่กับกลุ่มนั้นด้วย ช่างเป็นกลุ่มที่อันตรายจริงๆ” ชายปริศนาร่างท้วมเอ่ยพร้อมน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ไม่ใช่แค่นั้น จากรายชื่อแม้ตัวเก่าๆจะไม่ค่อยเหลือแล้วแต่ก็ยังมีพวกที่สร้างปัญหาให้เราได้อีกเพียบเลย ต้องรีบกำจัด…ต้องกำจัดให้หมด” ชายปริศนาร่างสูงอีกคนกล่าวพร้อมพลิกกระดาษรายชื่อแฟ้มประวัติบางอย่างดูอยู่
“เด็กคนนั้นทำให้เราต้องตกตลึงในพลังมาแล้วเมื่อตอนนั้น พลังนั่นกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้วหรือ?” ชายอีกคนเปรยถามขึ้นมาก่อนที่ชายปริศนาคนสุดท้ายจะกล่าวขึ้น
“เด็กในคำทำนายที่เกิดมาเพื่อทำลายพวกเราผู้เป็นกฎเกณฑ์ของโลกกำลังเริ่มเคลื่อนไหว บางทีเราเองก็น่าจะเคลื่อนไหวกันบ้างได้แล้ว…ทุกคนเรามาลงความเห็นเรื่องนี้กันเถอะ!!”
แล้วการประชุมปริศนายังคงดำเนินต่อไป โดยปุถุชนทั่วไปไม่อาจทราบเลยว่าโลกกำลังจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง!!
กลับมาที่เรือขอเหล่าเดอะคิลเลอร์อีกครั้ง ตอนเวลาหัวค่ำ
“โอ้ย!! คิดยังไงก็คิดไม่ออก” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ในมือก็ถือไพ่เดอะเดธขณะที่นั่งอยู่ที่ใต้เสากระโดงเรืออยู่คนเดียว
“ทำอะไรอยู่เหรอเนลคุง ทำหน้าเครียดเชียว” จู่ๆไนท์ก็โผล่พรวดมาจากข้างหลังผมเล่นเอาผมขวัญหนีดีฝ่อหมด!
“โถ่!! ไนท์คุงเองเหรอ ทำเอาตกใจหมด ผมกำลังลองคิดปริศนาไพ่เดอะเดธนี่น่ะครับ” แล้วผมก็เริ่มอธิบายความเป็นมาของไพ่ใบนี้ให้ไนท์คุงฟังหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือ
“อย่างนี้นี่เอง อืม….” เมื่อรับฟังที่มาเสร็จศัพท์ไนท์คุงก็เอามือแตะคางเหมือนกำลังวิเคราะห์คิดอยู่
“คิดอะไรบอกเหรอไนท์คุง” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขา
“ไม่รู้สิ!”
“ไม่รู้หรอกเร๊อะ!!Ò[]ó”
“ล้อเล่นน่ะ รู้แล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“งั้นบอกทีสิ!!” ผมคะยั้นคะยอถามไนท์คุง
“ไม่บอกหรอก!!”
“ไหงงั้นอ่ะ!! T[]T!!”
“ถ้าแอลคุงอยากให้เนลคุงคิดเองผมก็จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น แต่ผมจะใบ้ให้แล้วกัน คำว่าความเมตตาต่อคนตายหมายถึงพิธีศพน่ะครับ แต่…” ผมนึกขึ้นได้ทันควันผมรีบปรี่ไปห้องครัวทันทีโดยไม่ได้ฟังไนท์พูดจนจบ ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้ว!!
ความเมตตา คนตาย พิธีศพ ไฟ ถ้าเอาจุดเชื่อมของทั้งหมดมารวมกัน มันก็เหมือนกับบอกให้เราเผาไพ่นั่นเอง ง่ายจริงๆทำไมถึงคิดไม่ออกตั้งแต่ก่อนหน้านี้นะ ผมดีใจวิ่งไปเจอไฟแช็กและทันทีที่ผมเริ่มจุดไฟก็มีเงาทะมึนจากข้างหลังคว้ามือผมไว้อย่างรวดเร็ว!!
“นั่นจะทำอะไร” เสียงแอลนั่นเองเล่นเอาผมตกใจหมด
“ผมแก้ปริศนาออกแล้วคำตอบคือพิธีศพ!” ผมตอบไปประหนึ่งกับว่าได้แชมป์อะไรซักอย่าง
“แล้ว?” แอลถามแปลกๆซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ
“แล้วก็..ผมก็จะเผาไพ่ไง ข้างในนี้ต้องมีข้อความอย่างที่แอลเคยเอาออกมาตอนเรื่องเมื่อตอนงานเทศกาลนั่นแน่” ผมมั่นใจมาก
“นะ ก็ถือว่าพยายามได้ดี มาถูกครึ่งทางแล้ว เต็มร้อยก็เอาไปซัก…..ศูนย์คะแนนแล้วกัน”
“ศูนย์คะแนน?”
“ใช่ศูนย์คะแนนฟังไม่ผิดหรอก”
“โอเค ผมอาจจะทำอะไรขาดไปบ้างแต่เมื่อกี้แอลก็บอกว่าผมถูกมาครึ่งทางแล้วนี้ทำไมครึ่งทางของร้อยคือศูนย์อ่ะ” ผมแครงใจไม่หาย
“เพราะนายติดกับเข้าเต็มๆนะสิ”
“ติดกับ? ติดกับอะไร?” ผมชักจะอารมณ์เสียที่แอลยึกยักไม่ยอมเฉลยซักที
“นายคิดมาไม่พอ และนั่นจะทำให้นายตกอยู่ในอันตราย คีย์เวิร์ดคือไฟกับคำทำนาย นายมาถูกทางแล้วล่ะ พิธีศพคือคำตอบ แต่ถ้านายละเอียดรอบครอบกว่านี้อีกซักนิดแล้ว นายก็คงได้ร้อยเต็ม”
“ตอนนี้ใครสนคะแนนล่ะ รีบบอกมาเถอะว่าผมผิดตรงไหน”
“รูปในไพ่นี้ มีคนตายสองคน คนหนึ่งเป็นกษัตริย์และอีกคนเป็นโจรสลัด ที่บอกว่าถูกครึ่งนึ่งคือถูกในส่วนของกษัตริย์ไง โจรสลัดถือเป็นบุตรแห่งมหาสมุทรเวลาเราตายเราจะไม่ฝังหรือเผาหรอกนะเราจะกลับสู่ทะเล”
“ทำให้เปียก!! ต้องแช่น้ำในครึ่งของไพ่ที่เป็นโจรสลัดก่อนจะเผาเพื่อปกป้องสาส์นข้างในไม่ให้ไหม้ไปด้วย!!” ผมโพลงขึ้นมาอย่างด้วยอารมณ์เหมือนคนถูกหวย
“เกือบถูก!”
“ห๊ะ!! ยังแค่เกือบถูกเหรอเนี่ย นี่ยังขาดอะไรอีกเนี่ย” ผมอารมณ์ห่อเหี่ยวราวกับพึ่งรู้ว่าหวยที่ถูกรางวัลเมื่อกี้ คือแค่ดูผิดไป T[]T!!
“ด้วยวิธีการน่ะ ถูกแล้ว แต่เหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นมันลึกซึ้งกว่านั้น” ว่าแล้วแอลก็ฉกไพ่ไปจากมือผมพร้อมโยนไปบนโต๊ะเตรียมครัวที่ห่างออกไปราวเมตรกว่า พร้อมกับจุดไฟแช๊กไว้ในมือก่อนที่จะโยนไปที่ไพ่ใบนั้น และทันใดนั้น บึ้ม!! เสียงไพ่ระเบิด แรงระเบิดทำเอาหูผมอึ้งไปหมด กลิ่นเขม่าดินปืนคลุ้งไปหมด ขวัญนี่ไม่ต้องพูดถึงกระเจิงหายไปพร้อมกับของที่อยู่บนโต๊ะนั่นด้วยความตกใจหมดแล้ว
“อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ ที่ต้องแช่น้ำเพื่อให้ดินปืนข้างในมันเปียกเสียก่อนไง บางอย่างทำแค่ครึ่งๆกลางๆมันไม่พอหรอก” แล้วแอลก็เดินออกไปทิ้งผมนั่งตกใจไม่หายกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่นานทุกคนบนเรือก็แห่กันมาดูด้วยความตกใจจากเสียงระเบิดประหลาด แล้วผมก็ต้องคอยเคลียร์ยาวเลย…..
ในเวลาเดียวกัน ณ เรือของเหล่าโจรสัดขาไม้
“The king and his men
stole the queen from her bed
and bound her in her Bones.
The seas be ours
and by the powers
where we will we’ll roam.
Yo, ho, haul together,
hoist the Colors high.
Heave ho, thieves and beggars,
never shall we die.”
บทเพลงจากน้ำเสียงแหบพล่าโหยหวนเคล้าอยู่กับแสงจันทร์ที่ส่องสาดลงมาทาบเงาบุรุษยืนกุมบังเหียนเรือ กลิ่นเหม็นสาบสางคละคลุ้งสายลมไปทั่วชวนให้คลื่นไส้ บรรดาร่างอันไร้วิญญาณอันเป็นที่มาของกลิ่นสาบนี้เองก็ล้มกองกระจัดกระจายอยู่เสียทุกที่ ไม่มีแล้ว….ที่นี่ไม่มีใครที่ยังมีลมหายใจเลยนอกจากเขาอีกเลย…
ชายนิรนามกระดกขวดเหล้าที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งขวดในมือขึ้นซดอย่างเลอะเทอะ เหล้านั้นกระฉอกหกไปจนเลอะตัวไปหมดราวกับจะอาบน้ำด้วยเหล้าก็ไม่ปาน แต่นั่นก็เผยรอยแผลโดนฟันบนหน้าอกเป็นทางยาวจากไหล่ข้างหนึ่งจนถึงไหล่อีกข้างนึง รวมถึงรอยแผลแห่งการต่อสู้อีกนับไม่ถ้วนบนร่างกายของเขาอย่างชัดชัดเจน
“อ้า!! เหล้ามันดีจริง!!เสียดายหมดซะละ….คราวนี้แค่ทักทายก่อนแล้วกัน อยากเจอเหลือเกิน….เจ้ายักษ์เอ๋ยแกคือเป้าหมายต่อไปของข้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ชายลึกลับหัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติที่กำลังสนุกสนานไปกับบรรยากาศชวนสยดสยองนี้ ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครหรือต้องการอะไรกันแน่ แต่ชายคนนี้อันตรายอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย….
ความคิดเห็น