คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 กลุ่มพันธมิตรโจรสลัดหมอกทมิฬ และ เจตจำนงของเดอะคิลเลอร์
Chapter 10 กลุ่มพันธมิตรโจรสลัดหมอกทมิฬ และ เจตจำนงของเดอะคิลเลอร์
มันเป็นตรอกซอยที่ไร้ผู้คน แสงไฟจากเสาไฟเก่าๆ ที่สตาร์ทเตอร์เกินจะใช้งานได้อย่างปกปติ เป็นเหตุให้หลอดไฟนั้นไม่อาจคงความสว่างได้อยู่ตลอดแสงไฟติดๆดับๆ สร้างบรรยากาศขนลุกและน่ากลัวอย่างประหลาด และดูเหมือนจะเข้ากับเหตุการณ์สอบสวนอย่างหนักหน่วงนี้เสียเหลือเกิน
“ที่ไหน!! แกเอาลุงจาคินไปไว้ไหน!!” หนึ่งสองโจรนั่นถูกซีกเกอร์ถกคอเสื้อลอยขึ้นไปห้อยอยู่ในอากาศ น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างหน้ากลัว
“แกไม่รู้รึไงว่าพวกเราเป็นใคร” เจ้าโจรคนนั้นเอ่ยตอบอย่างไม่ตรงประเด็น
“ชั้นไม่ได้ให้แกมาย้อนถาม!!” ตู้ม!!! เสียงซีกเกอร์ขว้างเจ้าโจรเจ้าปัญหาติดกำแพงด้วยมือเดียวก่อนที่จะตามเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกครั้ง
“เอาล่ะ ฟังให้ดี ชั้นจะถามครั้งสุดท้าย เขาอยู่..ที่ไหน!!” ถ้าใครมาพบสภาพตอนนี้คงคิดว่าซีกเกอร์เป็นจอมวายร้ายอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้เขามีไอน่ากลัวประหลาดลอยออกมาราวกับจะสัมผัสได้
“ชะ…ชั้นไม่บอกพวกแกหรอก!!” เจ้าโจรยังปากแข็งทั้งๆที่เลือดท่วมใบหน้าแล้ว
“แก!!!” ซีกเกอร์ปะทุความโกรธอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนซีกเกอร์…” เสียงแอลตัดบทขึ้นมากะทันหัน
“คราวนี้ชั้นขอเป็นคนสอบสวนเอง…”แอลเอ่ยขึ้นพร้อมลากโต๊ะกับเก้าอี้ที่ระเนระนาดอยู่ข้างๆขึ้นมาพร้อมเชื้อเชิญให้เจ้าโจรนั่นนั่ง
“นั่งสิ…เรามานั่งคุยกันดีๆดีกว่านะ” แอลพูดพร้อมยิ้มให้
“หึ…ตำรวจดีตำรวจร้ายหรือ….มุกไม่เก่าไปเหรอ…” เจ้าโจรคนนั้นเย้ยหยันมา
“ไม่….ไม่ใช่หรอก เชื่อสิเรามีแค่ร้ายกับร้ายกว่า…คำเตือนอย่าคิดเบี่ยงเบนประเด็นอีกไม่งั้น…ชั้นฆ่าแน่!!” แอลเปิดฉากเจรจาที่เขาเรียกมันว่า ‘คุยดีๆ’ ขึ้นแล้ว
“ฆ่าเหรอ…แกไม่ทำอย่างนั้นหรอก พวกเรายังมีประโยชน์ตราบใดที่พวกเรายังไม่พูด เราก็ยังมีหลักประกันว่าจะรอด” เจ้าโจรแสยะยิ้มพูดจาโอหังอย่างมีชัยแต่ก็ได้ไม่นาน…เพราะประโยคต่อมาที่แอลพูดขึ้น…
“เอ่อก็จริง….แต่รู้มั๊ยหลักประกัน มันใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีแกคนเดียวที่พูดได้!!” โครม!!!เสียงซีกเกอร์จับหัวเจ้าโจรโอหังกดฟาดลงไปบนโต๊ะจนโต๊ะแหลกแตกหักพังคาหัวเจ้าโจรนั่นจนปางตายและตอนนี้ยังสลบไม่ได้สติ
“แกได้ยินแล้วสินะ…” แอลหันมาพูดกับเจ้าโจรอีกคนที่ถูกมัดปากมือและเท้าไว้ โดยที่เจ้าโจรคนนี้ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
ซีกเกอร์จับเจ้าโจรรายที่สองนั่งบนเก้าอี้พร้อมพันธนาการไว้กับเก้าอี้ตัวนั้นอย่างแน่นหนา เจ้าโจรตัวสั่นเทาด้วยความกลัว แต่นั่นยิ่งทำให้แอลชอบใจอย่างยิ่ง
“เอาล่ะ เริ่มอยากพูดอะไรบ้างมั๊ย” แอลเดินเข้าไปเอ่ยถามเบาๆพร้อมค่อยแกะผ้าปิดปากของเจ้าโจรนั่นออก
“ยังไงพวกเราก็ตาย ถึงจะพูดหรือไม่พูด..” เสียงสั้นๆตอบออกมาด้วยความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ไม่หรอก ชั้นไม่ฆ่าใครเล่นหรอก ไม่ใช่นิสัยชั้น แต่แกก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ” แอลเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ
“แกมีอะไรมายืนยันว่าชั้นเชื่อแกได้รึเปล่า” เจ้าโจรถามกลับมา
“เครื่องยืนยันว่าแค่จะรอดนอกจากลมปากชั้นแล้วไม่มีว่ะ…แต่เครื่องยืนยันว่าแกตายแน่ถ้าแกไม่พูด…บังเอิญว่ามีว่ะ” แอลพูดพร้อมชักปืนลูกโม่ออกมาจ่อที่ศรีษะของเจ้าโจรนั่น
“แกรู้จักรัสเซียนรูเล็ตมั๊ย เป็นเกมวัดใจของประเทศโบราณหนึ่งทางทะเลเหนือน่ะ 1กระสุน1ชีวิต บรรจุกระสุนลงในลูกโม่เพียงหนึ่งนัด หมุนโม่แล้วดีดกลับเข้ากระบอกปืนอย่างรวดเร็ว ผลัดกันยิงหัวตัวเองคนละที จนกว่าจะปั้ง!!...ตาย!!” แอลอธิบายพร้อมเคลียร์กระสุนออกจากโม่ก่อนที่จะบรรจุกลับเข้าไปหนึ่งนัดพร้อมปั่นและดีดกลับเข้าไปในกระบอกอย่างที่อธิบาย
“ชั้นจะให้แกเล่นเกมนี้ แต่แค่คนเดียวเท่านั้น ทุกๆ20 วินาที ชั้นจะลั่นไกหนึ่งครั้ง และจะไม่หยุดจนกว่าแกจะยอมบอกว่าเอาตัวคุณลุงจาคินไปไว้ไหน แกมีเวลาอย่างมากสุด1นาทีในการมีชีวิตโดยการไม่บอกอะไรชั้น โอเคตามนี้นะเริ่มได้!!”
ช่างเป็นกติกาที่บีบหัวใจและแสนเอาเปรียบเสียเหลือเกิน แต่ก็ได้ผลอย่างที่คาด
“แกไม่ทำหรอก ถ้าชั้นตายใครจะบอกที่อยู่ลุงนั่นให้แก!!” เจ้าโจรลนลานใหญ่
“เพื่อนแกก็ยังไม่ตาย ฉะนั้นแกก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น…แต่จะดีเหรอที่ปล่อยให้เวลาอันสำคัญเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้น่ะ” แอลพูดกดดันไปอีกครั้ง
“ยังไงพวกเราก็ถูกฆ่าอยู่แล้ว!”
“เอ่อ ถูกฆ่าแน่ ถ้าแกยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดอย่างนี้ เอาล่ะชั้นจะนับถอยหลังสิบวินาทีสุดท้าย …สิบ”
“เก้า”
“แปด”
“เจ็ด”
“หก”
“แกไม่กล้ายิงจริงหรอกน่า!!”
“ห้า”
“สี่”
“สาม”
“แกรู้มั๊ยพวกเราเป็นใคร!! แกกล้าดียังไงมาทำกับพวกเราอย่างนี้!!”
“สอง”
“หนึ่ง”
“อย่า!!!!!”
“ศูนย์” แกร๊ก!! เสียงลูกนกปืนดีดขึ้นโดยไม่เกิดการจุดระเบิดของลูกปืน เจ้าโจรหลับตาปี๋เกร็งทั้งตัวด้วยความกลัว
“แกถือว่าโชคดี สำหรับโอกาส1ใน6 ต่อไปก็1ใน5ล่ะนะ”
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนชั้นจะมีดวงอยู่นะ ” เจ้าโจรหัวเราะคล้ายคนเสียสติ
“ดวงแกมีไม่เกินห้าครั้งจากนี้หรอก” แกร็ก!! เสียงลูกนกดีดขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้ย!!! อะไรยังไม่ถึงยี่สิบวินาทีเลยไม่ใช่รึไง” เจ้าโจรโวยวายอย่างหวาดกลัว
“ชั้นเริ่มเบื่อแกแล้ว ว่าแต่แกก็ดวงดีใช่เล่นนะต่อไปก็1ใน4ล่ะนะ” แกร็ก!!
“แกล้อเล่นใช่มั๊ยเนี่ย!!!” เจ้าโจรประสาทกินด้วยความกลัว
“ต่อไปก็1ใน3…ล่ะนะ”
“เดี๋ยว!! ยอมบอกแล้วๆ ได้โปรดๆ เอามันออกไปที”
“รีบพูดก่อนชั้นเปลี่ยนใจ!!!!”
“ระ…เราจับตาแก่นั่น ไว้ที่….”
“ชักช้าจริง!!” แกร็ก!!!! เสียงลูกนกดีดขึ้นอีกครั้งบีบหัวใจให้แทบระเบิด
“บอกแล้วๆ จริงๆนะ ”
“เหลือโอกาส 1 ใน2 แล้วและชั้นคิดว่าแกคนไม่โชคดีอีกแล้ว”
“หลังภูเขาหินโดดไม่ไกลจากท่าเรือทิศใต้ เรือพวกเราอยู่ที่นั่นลุงคนนั้นอยู่ที่นั่นแน่นอน!!”
“ดี!! แกรอด” แอลพูดพร้อมถอนปืนออกจากศีรษะเจ้าโจรนั่น ที่ตอนนี้ก๊อกรั่วเสียแล้ว
ผมเนลครับผมพึ่งได้เห็นการสอบสวนที่โหดเหลือเกิน นี่สินะคือโลกที่ต้องเอาชีวิตไปเดิมพันอยู่เสมอ โดยเฉพาะวิธีที่ชื่อรัสเซียนรูเล็ตนั่นทำเอาผมแทบหยุดหายใจตามไปเลยทีเดียว มันทำให้ผมสงสัยขึ้นมาว่าในกระบอกปืนนั่นมีกระสุนอยู่จริงๆหรือเปล่า อย่างแอลคงแค่บรัฟล่ะมั้ง
ปั้ง!! เสียงกระสุนยิงขึ้นฟ้าจากกระบอกปืนของแอล
“แกคิดถูกแล้วที่ยอมพูด….แกนี่มันดวงดีจริงๆ” แอลหันไปพูดกับเจ้าโจรนั่นก่อนจะเก็บปืนกระบอกนั้นกลับ ทิ้งโจรเจ้าให้อยู่ในสภาพจิตล่องลอยคล้ายคนบ้าไว้ตรงนั้น
“ซีกเกอร์รีบล่วงหน้า บุกไปก่อนเลยเดี๋ยวจะส่งกองกำลังที่เหลือตาม แอลเธออยู่ที่นี่คอยบอกทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วต้องตามไปที่ไหน บอกเค้าว่าเรากำลังมีศึกให้เตรียมกำลังรบเต็มรูปแบบ” แอลอธิบายอย่างฉับไวพร้อมหยิบพลุจุดขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเป็นสัญญาณเรียกทุกคนให้มารวมตัว ก่อนที่เขาจะเดินไปอีกทางกับซีกเกอร์ที่ตอนนี้อันตธานหายวับไปราวกับภูติผี
“แล้วแอลจะไปไหน” ผมเอ่ยถามไล่หลังไปอย่างอดสงสัยไม่ได้
“ไปเอาของๆเราคืน เดี๋ยวจะรีบตามไป” หลังจากนั้นแอลก็หายลับเข้าไปตามตรอกซอกซอย
อีกด้านหนึ่ง ไม่ไกลจากท่าเรือฝั่งทิศใต้
บนเรือลำขนาดใหญ่ที่โครงเครงช้าๆด้วยคลื่นที่สงบ ลมทะเลยามค่ำคืนโกรกพัดสะบัดธงหัวกะโหลกไขว้ให้ปลิวไสวในยามรัตติกาล ณ ลานกว้างหน้าเรือบัดนี้ถูกเติมแน่นด้วยเหล่าโจรสลัดที่กำลังรุมล้อม ชายสูงวัยในเชือกอันเป็นเครื่องพันธนาการอย่างแน่นหนา
“ไอ่แก่!! ชั้นจะถามรอบสุดท้าย ของนั่นอยู่ที่ไหน!!” ชายสวมชุดกัปตันสีครามหนวดเคราถักเป็นเปียเหมือนหนวดปลาหมึก ตะเบ็งเสียถามชายคนนั้นก่อนที่จะกระทืบขาไม้อย่างงหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ชั้นไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร” ลุงจาคิลตอบอย่างลำบากด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยการถูกทำร้าย
“อย่าโกหกชั้นอีก!!” ผั๊วะ!! เสียงคุณลุงจาคิถูกชายที่น่าจะเป็นหัวโจกของเราเตะอัดเข้าไปที่ลำตัวอย่างแรง
“บอกไว้ก่อนนะ ถึงชั้นจะมีขาซ้ายอยู่ข้างเดียวแต่รับรองว่าเตะแกจนตายได้แน่!!” เจ้าโจรหัวโจรข่มขู่อีกครั้ง
“แกมีเรื่องสำคัญต้องไปทำก่อนไม่ใช่เรอะ เหมือนขาขวาที่เป็นขาไม้ของแกปลวกจะกินนะรีบไปหาน้ำยาทาดีกว่ามั๊ย ฮ่าๆ” ลุงจาคิลตั้งใจยั่วมันเล่นแท้ๆ ซึ่งก็ได้ผล
“เฉไฉนะแก!! บอกมาอะไรคือ บัฟ!! (BUF) ” เจ้าหัวโจกเริ่มยั๊วะจัด
“อะไร บัฟอะไร ชั้นไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน” ลุงจาคิลบ่ายเบี่ยงไปอีกครั้ง
“อย่างมาทำไก๋!! ลูกน้องชั้นรายงานมาว่าแกสลักคำนี้ลงบนโต๊ะก่อนเราจะบุกเข้าไป แกกำลังใบ้ที่ซ่อนของออรั่มใช่มั๊ย ”
“เฮ้อ พอเถอะขี้เกียจเล่นด้วยแล้ว ชั้นมันก็แก่แล้วน่ะนะ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เรื่องสำคัญในชีวิตก็ทำไปหมดแล้ว ฆ่าชั้นเถอะ ยังไงชั้นก็คงไม่บอกเรื่องที่ซ่อนของนั่นหรอก” บรรยากาศได้เปลี่ยนไปแล้ว ลุงจาคิลยิ้มพร้อมพูดขึ้น ในขณะที่ดวงตาหรี่แหงนมองขึ้นไปยังหมู่ดาวบนท้องฟ้าอย่างปลงแล้วกับชีวิต
“แก นะ แก!!! วอนที่ตายซะแล้ว!!!” เจ้าหัวโจกชักดาบขึ้นง้างขึ้นเหนือศีรษะหมายปลิดชีวิตของไม้ใกล้ฝั่งของลุงจาคิลด้วยโทสะ และในขณะที่ดาบฟาดลงมานั้น….
“โทษนะ ชั้นคงยอมให้แกทำร้ายคนๆนั้นไม่ได้ เพราะเค้าเป็นพันธมิตรที่ดีขอเราเสมอมา” เสียงชายนิรนามลอยขึ้นมาเบนความสนใจทุกสิ่งไปจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ คมดาบหยุดลงด้วยความแคลงใจ
“แกเป็นใครแน่จริงออกมาสิวะ!!” เจ้าหัวโจกโจรท้าทายเจ้าของเสียงนิรนามนั้น และในเวลาเดียวกันนั้นก็มีสียงเอ๊ะอะโวยวายจากลูกเรือพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปทางภูเขาหินโดดข้างๆเรือ บนยอดนั้นเจ้าของเสียงได้ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางดวงจันทร์ที่ลอยต่ำอยู่ด้านหลัง
“แกเป็นใครบอกชื่อเจ้ามา!!” เจ้าหัวโจกโจรเห็นทีว่าฝ่ายนั้นมีแค่คนเดียวจึงกร่างออกอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับกระโดดลงมาจากยอดเขาหินโดดนั้นลงกลางวงเหล่าโจรสลัดลักพาตัวก่อนที่จะเผยใบหน้าที่แท้จริงให้เห็น…
“ซีกเกอร์ เดอะคิลเลอร์ หน่วยจู่โจม ยินดีที่รู้จัก” อีกฝ่ายกระโดดลงมาท่ามกลางวงล้อมอย่างไม่เกรงกลัวผมพร้อมแนะนำตัวด้วยหน้าตายอีก ทำเอาเหล่าโจรนั้นอึ้งไปทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ใจกล้ามากนะ ที่บุกมาคนเดียว คงไม่เคยตายละสิท่า!!” เจ้าหัวหน้าโจรพูดพร้อมเอาดาบจ่อหน้าขู่ซีกเกอร์ซึ่งไม่เป็นผลใดๆ ซีกเกอร์ไม่ขยับตัวหนีเสียด้วยซ้ำ
“ก็ไม่เคยนะสิ” อันนี้ไม่รู้ว่าตอบจริงหรือต้องการยั่วโมโหกันแน่ แต่ที่แน่ๆทำเอาอีกฝ่ายฟิวส์ขาดไปแล้ว
“อ๋อ งั้นก็ยินดีด้วยนะที่จะได้ลองเป็นครั้งแรก! พวกแกฆ่าไอ่บ้านี่ซะ!!” ทันทีที่เจ้าหัวโจกสั่งลูกน้องของมันก็กรูเข้าไปหาซีกเกอร์ทันที
จากนั้น ทัพหน้าของกลุ่มโจรสลัดเดอะคิลเลอร์ก็ได้สำแดงฤทธิ์เดชอันน่ากลัวออกมา จากคนแรกที่เข้าเริ่มจากการเบี่ยงหลับดาบพร้อมจับข้อมือบิดจนดาบหลุดมือก่อนที่จะยันด้วยเท้าจนมันกระเด็นไปถูกเพื่อนตัวเองล้มระเนระนาด และในวินาทีเดียวกันนั้น ก็มีคนลอบเข้ามาหมายฟาดฟันจากด้านหลังแต่ก่อนที่ดาบจะลงถึงบ่าของซีกเกอร์ๆได้ดีดตัวถอยเข้าไปจนประชิดตัวของผู้ลอบทำร้ายทำให้สิ่งที่ฟาดลงบนบ่ากลายเป็นระยะของท่อนแขนจากนั้นก็ใช้มือขวาจับด้ามมีดไว้จนแน่และพร้อมกันนั้นก็ใช้ศอกซ้ายตีเข้าปลายคางอย่างจัง จนตอนนี้ซีกเกอร์ก็ได้อาวุธไว้ในมือเขา แม้จะไม่ได้พลิ้วไว้อย่างกัปตันซิลฟี่แต่ก็เต็มไปด้วยพละกำลัง ต่อเนื่องและดุดันทุกดาบที่ลงไปแม้จะกันด้วยดาบได้ก็ไม่สามารถทนยืนรับไหวคนแล้วคนเล่าล้มลงต่อหน้าชายเพียงคนเดียว จนสถานการณ์ผิดไปจากที่เจ้าหัวโจกโจรคิดไว้มากจนในที่สุด…
“หยุด!!!! ” เสียงเจ้าหัวโจกโจรสั่งขึ้นเพื่อให้ทุกคนเพ่งสนใจมาที่นและนั้นหมายถึงซีกเกอร์ด้วย
“แกอย่าขยับอีกนะ ไม่งั้นหัวไอ่ลุงนี่ได้กลิ้งไปลูกฟุตบอลแน่!!” สุดท้ายเจ้าโจรก็ต้องเลือกวิธีข่มขู่ด้วยตัวประกัน ซึ่งนั้นก็เหมือนจะเป็นวิธีการเดียวที่จะหยุดซีกเกอร์ได้
“วางดาบลง แล้วอยู่นิ่งๆ” เจ้าโจรกระชับมีดเข้าไปที่คอของลุงจาคิลพร้อมออกคำสั่ง และก็ได้ผลซีกเกอร์ค่อยๆก้มตัวลดดาบลงและกำลังจะปล่อยมือจากดาบจนกระทั่ง…
“ชั้นว่าคนที่ต้องวางดาบลงน่าจะเป็นแกมากกว่ามั้ง พ่อหนวดปลาหมึก” จู่ๆเสียงกัปตันสาวก็ดังขึ้นจากปลายส่วนของหัวเรือ เบนทุกความสนใจไปที่นั่น กัปตันสาวค่อยเดินเข้ามาด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่เกรงกลัว
“คราวนี้อะไรอีกล่ะ ผู้หญิงเหรอ ให้มันน้อยๆหน่อยเธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งชั้น” เจ้าหัวปลาหมึกของกัปตันซิลฟี่ดูท่าจะไม่พอใจเอามากๆ
“อย่างน้อยชั้นก็พึ่งช่วยชีวิตแกนะ ถ้าชั้นไม่เข้ามามีดที่คนๆนั้นถืออยู่จะปักลงบนหัวแกอย่างแม่นยำแน่นอน” เจ้ซิลฟี่พูดพร้อมชี้ไปทางซีกเกอร์
“พอดีชั้น ไม่สิ มีคนในเรือชั้นต้องการสอบถามบางอย่างจากแกเลยยังให้แกตายไม่ได้ หวังว่าจะให้ความร่วมมือนะ” กัปตันหญิงเข้าประชัดหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
“ความร่วมมือ? ละเมออะไรอยู่ แกคิดว่าแกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งชั้น”
“ซิลฟาเรีย จี เกล กัปตันแห่งกลุ่มโจรสลัดเดอะคิลเลอร์ ต้องการความร่วมมือจากตัวประกัน”
“ลุงเนี่ยนะเหรอ!!”
“เปล่าตัวประกันที่ว่าหมายถึงแก!!” ปัง!! เสียงปืนปะทุขึ้นพร้อมร่างที่ทรุดลงไปกับพื้นของกัปตันของกลุ่มโจรลักพาตัวที่ตอนนี้ต้องนั่งคุกเข่าลงเพราะเสียการทรงตัวจากการหายไปขอขาไม้นั่นเอง
“แกมีมือปืนมาด้วย?”
“เอามาอีกเยอะเลยล่ะ” เจ้ซิลฟี่ยิ้มอย่างมีเลิศนัยพร้อมยักคิ้วไปทางกราบซ้ายของเรือ ไม่นานเงาของเรืออีกลำก็เข้ามาเทียบท่าพร้อมสมาชิกคนอื่นๆที่เหลืออย่างพร้อมเพรียง
แอลเดินเข้ามเข้าบนเรือโจรสลัดลักพาตัวด้วยสะพานไม้อย่างง่ายพร้อมเศษกระดาษบางอย่างในมือ ที่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้จักดี
“อะไรคือกลุ่มพันธมิตรหมอกทมิฬ” แอลเข้ามาก็ยิงคำถามแรกใส่เจ้ากัปตันทันที
“แกไขมันออก…แต่อย่างคิดว่าพวกเราจะรับแกเข้ากลุ่มนะ” เจ้ากัปตันโจรสลัดลักพาตัวนั่นโต้กลับด้วยท่าทีข่มขู่ก่อนที่จะถูกลูกน้องตัวเองเอามีดจ่อไปที่คออย่างน่าตกใจ
“นี่แกจะทำอะไรน่ะบรุ๊ค!! แกเป็นลูกน้องชั้นนะ” เจ้ากัปตันตกใจที่ลูกน้องคนสนิทของตนแปรพักตร์ไปหน้าตาเฉย
“โทษทีนะ ถ้าเจ้านั่นที่ชื่อบรุ๊คก็นอนยาวไปเมื่อสิบกว่านาทีก่อนแล้ว” ลูกน้องที่น่าจะเป็นบรุ๊คก็เอ่ยออกมาพร้อมแกะหน้ากากหนังเทียมออกเผยใบหน้าที่แท้จริงของผู้แอบอ้าง….ไนท์นั่นเอง!!
“รู้สถานะตัวเองแล้วนะ อย่าคิดตอบนอกประเด็นอีก” คำพูดที่แผงด้วยรอยยิ้มประหลาดเผยให้เห็นถึงชัยชนะอย่างสมบูรณ์ของกลุ่มโจรสลัดเดอะคิลลเลอร์ ทัพหน้าอันแข็งแกร่ง มือปืนผู้แม่นยำ ระเบิดรอบตัวเรือ นักลอบสังหรณ์ที่เข้าประชิดตัว ไม่มีทางไหนเลยที่จะรอดจากการโจมตีครั้งนี้ เมื่อความสิ้นหวังชัดเจนทางเลือกที่เหลือก็มีแค่ยอมจำนนเพื่อแลกกับการมีชีวิตรอดต่อไปเรื่องนี้พวกกลุ่มโจรสลัดลักพาตัวย่อมเข้าใจดีที่สุด และนั่นทำให้เจ้ากัปตันหนวดปลาหมึกยอมอธิบายแต่โดยดี
“พันธมิตรหมอกทมิฬ สร้างขึ้นมาเพื่อรวบรวมกลุ่มโจรสลัดที่ต้อการโค่นล้มพวกสหพันธ์ เรากำลังรวบรวมพลและจะเข้าโจมตีโฮลี่ไวท์บิวด์ ที่ทำการใหญ่ของสหพันธ์ปลายปีนี้ ดังนั้นตอนนี้เราจึงต้องการกำลังคนและกำลังทรัพย์อย่างมากในการรบเราจึงมาที่นี่ด้วยเหตุผลเหล่านั้น…”
“เท่าไหร่?” อยู่ๆกัปตันสาวก็แทรกขึ้นมา ดูเธอตกใจกับเหตุการณ์พอสมควร
“?”
“พันธมิตรของแกมีคนอยู่เท่าไหร่?” เจ้ซิลฟี่ถามซ้ำอีกครั้ง
“สัก20กลุ่มโจรสลัดได้ สนใจเข้าร่วมกับพวกเรามั๊ยล่ะ” เจ้ากัปตันหนวกปลาหมึกกลืนคำพูดของตัวเองอย่างทันควัน
“ล้มเลิกเถอะ แค่นั้นทำอะไรพวกนั้นไม่ได้หรอก” เจ้ซิลฟี่พวกด้วยน้ำเสียงหม่นๆ
“ต้องได้สิ มีแต่พวกเจ๋งๆทั้งนั้นเลยพวกทหารเรือกลัวเจ้าพวกนั้นจะตาย” เจ้ากัปตันนั่นเริ่มเกลี่ยกล่อม
“พวกแกยังไม่เข้าใจ!!! ทหารเรือไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของพวกเราซักหน่อย!!” อยู่เจ้ซิลฟี่ก็โมร้ายด้วยเรืออะไรคนที่เข้าใจคงมีแต่พวกสมาชิกเก่าๆในเรือเท่านั้น
“ศัตรูของพวกเรามันอยู่สูงกว่านั้น และแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกแกจะจินตนาการได้!! ”
“แต่แผนการเราเริ่มไปกันแล้ว พวกเธอหยุดมันไม่ได้หรอก มันต้องเกิดขึ้น ในอาทิตย์หน้านี้จะเริ่มวางแผนการโจมตีครั้งแรกกันแล้ว” เจ้ากัปตันหนวดเปียนั่นตอบออกไปและนั่นทำให้เจ้ซิลฟี่หงุดหงิดขึ้นไปอีก แต่ตอนนี้เธอคงไม่อยากจะคุยต่อไปแล้วจะเดินหันกลับไปเสียแล้ว แต่ดูเหมือนแอลจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นดีรวมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำเสียด้วย
“ที่ไหน? พวกแกจะเริ่มประชุมกันที่ไหน?” แอลเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ซิลฟี่
“ถัดจากเกาะนี้ไปทางเหนืออีก3เกาะ พวกแกจะรู้ไปทำไม”
“คิดว่าเราน่าจะไปทักทายเสียหน่อย เอาล่ะเดี๋ยวพวกนายพาคุณลุงไปส่งที่บ้านที พวกเราคงต้องออกเดินทางกันแล้วเพื่อให้ทันการประชุม” แอลออกคำสั่งให้ลูกเรือคนที่เหลือ พร้อมกับพาตัวคุณลุงกลับ
“แอลของนั่นปลอดภัยมั๊ย?” ลุงจาคิลเอ่ยถามขึ้นครั้งแรกหลังจาดเงียบไปนาน
“ปลอดภัยครับ นี่ไงครับ ต้องขออภัยอย่างมากจริงๆที่ต้องทำให้เดือดร้อนแบบนี้นะครับ” แอลพูดพร้อมหยิบออรั่มออกมาก่อนที่จะก้มหัวเพื่อเป็นการขอโทษคุณลุงจาคิล
“อย่าคิดมากเลย นานๆทีได้ผจญภัยแบบนี้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนสมัยหนุ่มๆจริงๆนะเนี่ย ฮ่าๆ” ดูท่าคุณลุงจาคิลจะไม่เป็นอะไรมากอย่างที่เห็นเสียแล้ว
“ได้ไง แกหาเจอได้ยังไง แกแก้ปริศนานั่นได้เหรอ” เจ้ากัปตันนั่นไม่วายแคลงใจ
“ปริศนา?” แอลทวนคำอย่างสงสัย
“ก็ปริศนาของคำที่สลักด้วยมีดบนโต๊ะไง คำที่เขียนว่า BUF น่ะ มันหมายถึงอะไร”
“BUF? เอ…อ๋อ buffaloน่ะ!! ก็แค่คำดักควายไง ฮ่าๆ นี่ลุงเขียนจริงๆด้วยเหรอครับ” หลังจากนึกอยู่พักนึงก็โพลงอ๋อออกมาพร้อมหัวเราะกับลุงจาคิลทิ้งให้คนที่เหล่าตกอยู่ในห้วงความสงสัย
“ดักควาย? ยังไง?” เจ้ากัปตันนั่นยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ทำไมนายถึงคิดว่ามันต้องฉลาด ทุกอย่างรอบตัวนายต้องใช้ความฉลาด มันง่ายกว่านั้นถ้านายฉลาดพอที่จะคิดได้ว่าของสำคัญขนาดนั้นฉันคงจะเตรียมตัวไว้กับเหตุการณ์แบบนี้ไว้แล้ว ทำไมชั้นจะต้องคอยพึ่งการแก้ไขเฉพาะหน้าของคุณลุงเมื่อเราเตี้ยมกันมาแต่แรกได้ คำที่นายเห็นก็มีไว้ปั่นหัวนายเล่นเท่านั้นแหละ” แอลอธิบายอย่างสนุกปากผิดกับสีหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนกำลังกลายเป็นไอ่โง่ไปเลย
“งั้นมันถูกเก็บไว้ไหน” ถึงจะเจ็บใจแต่เจ้ากัปตันนั่นก็อยากรู้อยู่ดี
“นายจะรู้ไปทำไม มันไม่มีประโยชน์กับนายหรอกนะ แต่ก็ชั่งเถอะบอกให้ก็ได้เผื่อจะได้นอนตายตาหลับ มันถูกเก็บไว้ในลิ้นชักในห้องนอนน่ะ”
“ไม่จริง!! พวกชั้นค้นดูแล้วไม่เห็นพบอะไรเลย!!”
“หนึ่งเพราะพวกแกรีบร้อน สองเพราะพวกแกไม่คิดว่ามันจะอยู่ในที่ๆเจอง่ายแบบนั้น ทำให้พวกแกไม่ได้สังเกตความกว้างของลิ้นชักและความตื้นของพื้นลิ้นชัก…ใช่ ลุงจาคิลทำพื้นลิ้นชักปลอมขึ้นอีกชั้นแค่นั้นเอง แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะหลอกพวกนายได้สนิทใจแล้ว พวกนายที่มัวแต่หลงไปกับคำมั่วๆที่เขียนขึ้นมาเพื่อปั่นหัวนายนั่นไง”
“ทั้งหมดนี่ เป็นแผนนายอย่างนั้นเหรอ?” เจ้ากัปตันพวกขึ้นด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ แต่อีกคนกลับตอบรับด้วยรอยยิ้มอย่างมีชัยเท่านั้น
หลังจากนั้น เดอะคิลเลอร์ก็พาคุณลุงจาคิลไปส่งบ้านพร้อมเกณฑ์พลไปช่วยทำความสะอาดบ้าน และแน่นอนกัปตันซิลฟี่ต้องจำใจสละสมบัติ(รางวัล)ที่ได้มาเกือบทั้งหมด เพื่อให้คุณลุงไว้ซ่อมบำรุงบ้าน(TT^TT)
ต่อจากนั้นไม่นานพวกเราก็รวมพลกันที่เรืออีกครั้งพร้อมกลุ่มโจรสลัดขาไม้ ที่ตอนนี้ถูกมัดรวมกันไว้ที่เรืออยู่
“ต้องการอะไรจากพวกเราอีกทำไมไม่ปล่อยพวกเราไปเสียที” เจ้ากัปตันขาไม้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกลุ่มกัปตันและรองกัปตันกลับมา
“ถ้านายโกหกพวกเรา เราก็แย่สิ ถ้าเราต้องการไปให้ทันเราต้องรู้สถานที่และเส้นทางที่ถูกต้องแน่นอน” แอลเอ่ยขึ้น
“จะให้เรานำทางไปสินะ ได้แต่ต้องแกมัดพวกเราก่อนนะ เราไปในสภาพนี้ไม่ได้หรอก” เจ้ากัปตันขาไม้ต่อรอง
“ได้สิ ชั้นจะแก้มัดลูกเรือแก ทุกคนยกเว้นแกและพวกหัวหน้าของแก เพื่อเป็นการรับประกันว่าพวกแกจะไม่คิดเล่นตุกติก ชั้นจะให้เวลาลูกเรือพวกแก5วันในการพาพวกเราไป ถ้า5วันแล้วพวกเรายังไม่ถึงชั้นจะยิงพวกแกทิ้งวันละคน และแน่นอนเริ่มจากแกเจ้ากัปตัน” แอลพูดเสร็จพร้อมเดินจากไปโดยไม่ให้โอกาสต่อรองใดๆทั้งสิ้น
และแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ผมชักรู้สึกว่าไดอารี่ของผมครั้งนี้จะเริ่มตื่นเต้นขึ้นทุกที ตอนแรกทั้งๆที่คิดว่าเรือลำนี้จะเป็นเรือของแค่พวกบ้าๆบวมๆเสียอีก แต่ดูเหมือนเดอะคิลเลอร์จะมีเบื้องหลังที่น่าสงสัยอยู่เต็มไปหมด ภายใต้รอยยิ้มของคนพวกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันนะ
“เขียนไดอารี่อีกแล้วเหรอ?” จู่ๆ แอลก้โผล่พรวดเข้ามาจากด้านหลังอีกแล้ว!!
“โถ่!!แอลคุง มันเสียมารยาทนะครับ จะเข้ามาก็หัดเคาะประตูก่อนสิ” ผมโวยแอลไปอย่างหัวเสียนิดๆ
“นี่มันห้องชั้นนะ ชั้นต้องเคาะด้วยเหรอ”
“ห้องเจ้ฟี่ต่างหาก แบร่!!” ชักอยากจะเถียงให้ชนะขึ้นมาแล้วสิ
“ช่างเถอะ ว่าแต่นายเห็นเจ้ซิลฟี่บ้างรึเปล่า” แอลตัดเปลี่ยนบทซะงั้น
“อ๋อเมื่อกี้เห็นอยู่ที่รูปปั้นหัวเรืออ่ะครับ เอ่อนี่แอลคุง เจ้ซิลฟี่เป็นอะไรเหรอดูไม่สดชื่นเลยตั้งแต่เมื่อหัวค่ำนี้”
“ก็แค่คิดมากนิดหน่อยนั่นแหละ ไม่เป็นไรมากหรอก งั้นเดี๋ยวชั้นไปหาเจ้แกก่อนนะ” แอลตอบเสร็จพร้อมเดินกลับออกไป ทิ้งผมไว้ในห้องด้วยความรู้สึกไม่เคลียร์กับคำตอบที่ได้
ณ บริเวณหัวเรือ สายลมที่พัดอย่างช้าๆโบกสะบัดเส้นผมสีดำประกายเขียวที่ตอนนี้ต้องประกายแสงจันทร์สะท้อนอย่างงดงานแต่เงียบงัน พลิ้วไหวราวกับจะพัดพาความรู้สึกผู้จ้องมองให้ตกลงไปในห้วงแห่งความคิดอันเป็นนิรันดร์
“นอนไม่หลับเหรอเจ้…” แอลเอ่ยปลุกโฉมงามจากภวังค์อันดิ่งลึก
“เอ๋อ แอลเองเหรอ อื้มถ้าหลับไปตอนนี้คงต้องฝันถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นอีกแน่ งั้นชั้นยอมไม่นอนดีกว่า” กัปตันสาวหันมามองก่อนที่จะตอบกลับพร้อมเหม่อไปบนแสงจันทร์ที่ยังลอยค้างอยู่บนฟ้า
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับ แต่บางที่เราคงต้องถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อ จากเมื่อห้าปีก่อน ผมเองก็ต้องเผชิญความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่น ไม่สิพวกสมาชิกเก่าๆบนเรือทุกคนเข้าใจดีครับ ไม่อย่างนั้นพวกนั้นไม่มาห่วงเจ้อยู่แถวนี้หรอกใช่มั๊ย ซีกเกอร์..” แอลทิ้งท้ายด้วยการเหลียวหันไปมองเงาที่แอบอยู่ที่เสากระโดง
“ผมคุยไม่เก่ง ปลอบใครก็ไม่เป็น ผมคงไม่บอกว่าผมเข้าใจความรู้สึกของเจ้ แต่ผมบอกได้แค่ว่าผมพร้อมนั่งอยู่ข้างๆในวันที่เจ้มีอะไรไม่เข้าใจจากนี้ตลอดไป ….” ซีกเกอร์เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังเขินๆโดยไม่ยอมออมาจากเงาเสากระโดง มีแค่เพียงรอยยิ้มและดวงตาสีมรกตที่สะท้อนออกมาให้เห็นเท่านั้น
“ ก็เพราะพวกเราคือเจตนารมณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ของเดอะคิลเลอร์รุ่นก่อนนี่นะ ….เรื่องจะยอมแพ้น่ะ…” ยังไม่ทันจะพูดจบเสียงใสๆของกัปตันสาวก็โพลงออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“รู้แล้วน่า มาโดนพวกแกมาคอยโอ๋เป็นเด็กๆนี่ไม่สบอารมณ์เลยแฮะ นี่กัปตันนะเฟร้ย!! O[]o!! แต่ก็…..ขอบใจนะ….”
สายลมเริ่มพัดแรงขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ราวกับจะพัดพาความกังวลไปเสียจนสิ้น เผยรอยยิ้มแห่งความเชื่อใจและไว้ใจของทั้งสามในราตรีอันเงียบงันนี้ให้เป็นนิรันดร์ตลอดไป
ความคิดเห็น